The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การพิมพ์รายงาน1

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ชนิภรณ์ ต๊ะจันทร์, 2020-11-02 04:32:31

การพิมพ์รายงาน1

การพิมพ์รายงาน1

การพฒั นาบคุ ลกิ ภาพ

เสนอ
ครูปรียา ปันธิยะ

นางสาวกลุ ณฐั ปิกตะหลก
เลขท่ี 1 สบจ63.1

สาขาวิชาการจัดการสานักงาน

รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชา 30216 - 2003
โปรแกรมสาเร็จรูปในงานสานักงาน

สาขาวิชาการจัดการสานักงาน แผนกวิชาการจัดการสานักงาน
คณะบริหารธุรกิจ

วทิ ยาลัยอาชีวศึกษาลาปาง
ภาคการศึกษาที่ 1 ปีการศึกษา 1/2562

คานา

รายงานเลม่ นี้ เป็นส่วนหน่งึ ของรายวิชา 30216 – 2003 โปรแกรมสาเรจ็ รูปในงานสานักงาน
ซึง่ ไดร้ ับมอบหมายจาก ครปู รียา ปันธิยะ ไดใ้ หศ้ กึ ษาค้นควา้ เกย่ี วกับเร่ือง การพฒั นาบุคลิกภาพ โดย
มีเนือ้ หาสาระรายงานเลม่ น้ปี ระกอบด้วย ขอบขา่ ยของบุคลกิ ภาพ หลักการทวั่ ไป เพ่ือการพัฒนา
บุคลิกภาพ การพฒั นาบุคลิกภาพในงานเลขานกุ าร และการพฒั นาบุคลกิ ภาพเพ่อื การเสรมิ สรา้ ง
ลกั ษณะความเป็นผู้นา

ผ้จู ัดทา ได้ทาการศึกษา ค้นควา้ และเรยี บเรียง เปน็ รายงานฉบับสมบรู ณ์ เพื่อให้ผู้ที่สนใจ
ศกึ ษาการพฒั นาบุคลกิ ภาพ เพ่ิมเตมิ จากรายงานเลม่ น้ี

ผจู้ ัดทา หวังเป็นอย่างยงิ่ ว่าผูอ้ า่ น ผทู้ ่สี นใจจะไดร้ ับประโยชน์ และนาไปประยกุ ตใ์ ชใ้ น
ชวี ิตประจาวันได้

กุลณัฐ ปิกตะหลก

สาขาวิชาการจัดการสานกั งาน

สารบญั

เรือ่ ง หนา้

ขอบข่ายของบุคลิกภาพ 1
ความหมายของบุคลิกภาพ 1-2

ความสาคัญของบคุ ลกิ ภาพ 2-4

มาตรการในการตรวจสอบบุคลิกภาพ 4

หลกั การเบอื้ งตน้ ในการปรบั ปรุงบคุ ลิกภาพเพือ่ การพฒั นา 5

หลกั การทวั่ ไปเพือ่ การพัฒนาบุคลกิ ภาพ 5
บคุ ลิกภาพของคนในองค์การ 5-6

บุคลกิ ภารพบอกนสิ ัย 6-7

บคุ ลิกภาพเบือ้ งตน้ ท่ดี ี 7-8

บุคลิกภาพทเ่ี ลขานุการควรมี 8

การพัฒนาบุคลิกภาพในงานเลขานกุ าร 8
นสิ ัยในการปฏิบตั งิ านทคี่ วรพิจารณา 8

นสิ ัยในการปฏิบัติงานของเลขานุการ 8 - 10

พฤติกรรมทีไ่ ม่ควรแสดงออดก หรอื กริ ยิ าท่าทางท่คี วรสารวจไมใ่ ห้ปรากฏขณะทางาน หรืออยู่

ร่วมกบั คนอืน่ 10 - 11

การพฒั นาบุคลกิ ภาพเพอื่ เสริมสร้างลกั ษณะความเป็นผู้นา 11
สรา้ งภาพพจนท์ ่ีดีให้ปรากฏ 11 - 12

บรรนานุกรม 13

สารบญั ภาพ หนา้

ภาพท่ี 4
7
ภาพท่ี 1 การตรวจสอบบุคลิกภาพ 7
ภาพที่ 2 บุคลิกภาพท่ีดี 10
ภาพท่ี 3 บคุ ลิกภาพทเ่ี ลขาธกิ ารควรมี
ภาพท่ี 4 ไหวพรบิ ในการทางาน

บทที่1 1

การพัฒนาบคุ ลกิ ภาพ
1 ขอบข่ายของบคุ ลกิ ภาพ

1.1 ความหมายของบุคลกิ ภาพ
บุคลกิ ภาพ (Personality) หมายถงึ ลกั ษณะอนั เป็นของจาเพราะแตล่ ะบคุ คล ซง่ี แสดงออก
ทางท่าทาง ความรสู้ กึ นึกคดิ ความเฉลยี วฉลาด ตลอดจนกริ ยิ ามารยาท ลักษณะนสิ ัยและอปุ นิสัย
บุคลกิ ลักษณะของคนแบ่งออกเป็น 4 พวกใหญ่ๆ ดังนี้
1) พวกชอบตดิ ตาม (Extrovert)
2) พวกชอบเห็นแกต่ วั (Introvert)
3) พวกก้าวรา้ ว (Psychopathic Personality)
4) พวกโรคจิต (Paranoid)
บุคลกิ ภาพในความหมายจากหนังสอื บัญญัติศัพทว์ ิชาการศกึ ษา จะหมายถึงผลรวมของ
พนั ธุกรรมและประสบการณท์ ัง้ หมดของบุคคล
Morgan ใหค้ วามหมายของบุคลกิ ภาพ หมายถงึ คุณสมบัตแิ ละคุณลักษณะเดน่ ของบุคคล
รวมทั้งการปรับตัวของบุคคลตอ่ ส่งิ แวดลอ้ มตา่ งๆ
ในความหมายของบคุ ลกิ ภาพจากหลายๆ ดา้ นนี้ คนไทยถือว่าบุคลิกภาพเป็นเคร่อื งทานาย
สมรรถภาพและความสามารถทางบุคคล โดยจะยอมรับเอาลกั ษณะเด่นเป็นบคุ ลิกภาพของคนนั้น
สิ่งทีจ่ าเปน็ ประกอบเปน็ บุคลกิ ภาพ
ก. การปรากฏกาย (Appearance) เป็นการแสดงถึงด้านการแต่งกายและพฤตกิ รรมทาง
กายภาพ
ข. การสอ่ื สาร (Communication) คอื การพูด การฟัง การเขยี น การคดิ และการควบคุม
อารมณ์
ค. สัญญาณกาย (Body Langage) คอื การแสดงออกทางสหี น้า สายตา ทา่ ทาง และ
ระยะหา่ ง
ง. มารยาทสังคม (Social Manner) คือกริ ิยาวาจาทถี่ ูกตอ้ งของคนในสงั คมน้ัน ๆ
1.2 ความสาคญั ของบุคลกิ ภาพ
บุคลกิ ภาพมคี วามสาคญั ตอ่ การดารงชวี ติ ในสังคมทด่ี าเนินอยทู่ ุกวันเป็นอยา่ งมาก โดย
พิจารณาได้จากประเด็นต่างๆ ดังน้ี

2

1) ความมน่ั ใจ ตอ้ งม่ันใจในการแสดงออก ทาให้กลา้ ที่จะแสดง เพราะคนอื่นท่พี บเห็นจะให้
ความสนใจและเช่ือมน่ั และเปน็ โอกาสทีจ่ ะประสบความสาเร็จมากขึ้น

2) การคาดหมายพฤติกรรม หากทราบว่าบุคคลนนั้ มีบุคลกิ ภาพเชน่ ไร จะทาให้สามารถ
ทานายได้ว่าสถานการณ์เชน่ น้ีคนน้ันจะแสดงพฤตกิ รรมอยา่ งไร

3) การยอมรบั ความแตกต่างระหว่างบคุ คล การท่ีบอกวา่ คนหนงึ่ แตกตา่ งจากอกี คนกนึ่งได้
นั้น ก็ตอ้ งอาศัยการสังเกตดพู ฤติกรรมทเี่ กิดข้ึนเป็นประจาสม่าเสมอ และจะสามารถทาให้รู้วธิ ีการ
ปรับตัวเข้ากบั คนเหล่าน้ันได้กอ่ ให้เกดิ ความสมั พนั ธ์อันดีตอ่ ไป

4) การตระหนักในเอกลกั ษณข์ องบุคคล บุคลิกภาพทาใหค้ นมลี กั ษณะเฉพาะตวั ท่ีเป็นของ
ตนเอง เป็นแบบใหก้ ับคนอ่ืนด้วย เชน่ ความมีเมตตา ซือ่ สตั ย์ เป็นต้น

5) การปรับตวั ให้เข้ากบั คนอื่น การท่ีทราบถึงบุคลกิ ภาพของคนอ่ืนน้ัน ทาใหป้ รับตัวเขา้ กบั
เขาได้งา่ ยขึ้น แก้ปญั หาได้ และยงั ชว่ ยใหป้ รับตัวได้ทนั กับสถานการณไ์ ด้ดว้ ย

6) ความสาเรจ็ บุคคลทม่ี ีบุคลิกภาพดีมกั ไดเ้ ปรียบคนอ่ืนเสมอ และเป็นพื้นฐานแห่งความ
เชอ่ื ถอื แกผ่ ้พู บเห็น ช่วยให้การทางานสาเรจ็ งา่ ยข้ึน เพราะจะไดร้ บั ความรว่ มมอื และความสะดวกใน
การติดตอ่

7) การยอมรับของกล่มุ บคุ ลิกภาพทดี่ ียอ่ มเป็นทยี่ อมรับของคนทั่วไป ยินดีให้ความรว่ มมอื
และก่อให้เกิดความม่นั คงทางจติ ใจ

1.3 มาตรการในการตรวจสอบบุคลกิ ภาพ
เม่ือไดศ้ กึ ษาถงึ บุคลิกภาพว่ามสี ่วนสาคญั ต่อเลขานกุ าร และตอ้ งร้จู กั ตรวจสอบบุคลิกภาพ
ของตนเองและผอู้ ่ืน เพือ่ จะช่วยพัฒนาบุคลกิ ภาพตัวเองใหม้ ีบุคลิกภาพดีข้นึ เพ่ือนาไปประกอบการ
ตัดสนิ ใจในการทางานตามตาแหนง่ ทก่ี าหนดไว้ มาตรการที่ใช้มหี ลายชนิดซึง่ อาจเลอื กใช้ตามความ
เหมาะสม ทีส่ าคัญได้แก่
1) Personality Inventory เปน็ แบบทดสอบบุคลกิ ภาพโดยตรง ลกั ษณะเป็นคาถามหลาย
ๆ ขอ้ ครอบคลมุ ในหลายเนือ้ หา เชน่ สขุ ภาพ อาการผิดปกตทิ ม่ี ีสาเหตุจากจิตใจ ทัศนคตติ ่าง ๆ เรือ่ ง
เพศ ศาสนา อาชพี การเมือง สงั คม สถานภาพทางครอบครัว ฯลฯ
2) Projective Test แบบท่ี 2 นี้ ม่งุ ให้ผู้ถูกทดสอบแสดงความรูส้ กึ นกึ คิดออกมาโดย
ทางออ้ ม สรา้ งจนิ ตนาการหรอื ความคิดฝัน เพื่อจะหาคาตอบเกย่ี วกับบุคลกิ ภาพ
3) Rating Scales ใช้สังเกตพฤติกรรมของผทู้ ต่ี อ้ งการจะทดสอบ และให้คะแนนหรอื ประเมนิ
คา่ ว่าบคุ คลนั้นแสดงพฤติกรรมออกมาในระดบั ใด พฤตกิ รรมท่จี ะประเมนิ ค่านั้น จะแบ่งเป็นหลาย

3

ระดับให้คะแนนตามลาดับมากน้อย อาจเริ่มต้นจากไม่ยอมรว่ มมือเลย ใหค้ วามร่วมมือปาน
กลาง ใหค้ วามร่วมมืออยา่ งเตม็ ที่ ฯลฯ หรือแลว้ แตจ่ ะเหน็ เหมาะสม ขอ้ สาคญั ท่ีควรระวงั อยู่ท่ีความ

ลาเอียงของผู้ประเมิน ซึ่งจะต้องมีเกณฑ์ทแี่ น่นอนไวใ้ นใจ จะเอนเอยี งไมไ่ ด้
4) Interview วธิ สี ัมภาษณ์น้เี ป็นวธิ เี กา่ แก่ใชก้ นั มาชา้ นานในการสารวจบุคลิกภาพ ในการ
พจิ ารณาด้วยบคุ คลเพอื่ วัตถปุ ระสงค์นานาชนิด มักใชว้ ธิ กี ารสัมภาษณต์ ้องการจะทราบสิ่งใด ผู้
สัมภาษณก์ จ็ ะตง้ั คาถามและสงั เกต สง่ิ ทผี่ สู้ มั ภาษณ์ จะตอ้ งยดึ ถอื กค็ ือ ความยตุ ิธรรมในใจน่ันเอง
ข้อแนะนามดี งั น้ี
ก. Be a Stage-Setter ผสู้ ัมภาษณ์ต้องกาหนดข้ันตอนของการสมั ภาษณ์ ใหเ้ หมาะสม
กาหนดเร่ืองราวท่ีต้องการทราบไว้ใหพ้ รอ้ ม และสมั ภาษณ์ใหเ้ ป็นไปตามขัน้ ตอนนั้น
ข. Be a Starter ผูส้ ัมภาษณ์ตอ้ งเป็นผเู้ รม่ิ ต้น เพ่ือสร้างแนวในการสมั ภาษณ์ให้ตรงประเด็น
และสมั ภาษณก์ บั ขน้ั ตอนท่กี าหนดไวแ้ ลว้
ค. Be a Helmsman จะต้องคอยนาให้ผู้ถูกสมั ภาษณเ์ ดินตามแนวที่กาหนดม่ใหอ้ อกนอกลู่
นอกทางพยายามหาคาตอบใหไ้ ดต้ ามที่ตัง้ เปา้ หมายเอาไวแ้ ละพยายามใหก้ ะทัดรดั ตรงไปตรงมา
ง. Be a Good Listener ให้ความสนใจกบั คาตอบของผู้ถูกสัมภาษณ์ รบั ฟังคาตอบและ
ปญั หาด้วยใจเป็นกลาง ทาตนเป็นผูฟ้ งั ท่ีดี และหาทางสรปุ คาตอบตามแนวทางที่ตอ้ งการ
จ. Be an Explorer ทาตนเป็นนกั สารวจ ค้นควา้ หาข้อเท็จจริงจากคาตอบของผถู้ ูก
สมั ภาษณ์พยายามหาทางตดั คาตอบทีค่ ิดว่าไม่ให้ประโยชนอ์ อกไป ประมวลไวแ้ ตข่ ้อมูลทเี่ ชือ่ แน่ไดว้ ่า
เป็นความจรงิ
ฉ. Be a Salesman พยายามชี้ให้เหน็ เปา้ หมายของการสัมภาษณ์ ผูส้ มั ภาษณ์ควรทาตน
คลา้ ยๆกับพนกั งานขายคือบอกถึงลกั ษณะของงานและบคุ ลกิ ภาพอันพงึ ประสงคท์ ี่ผู้ถูกสัมภาษณ์ควร
จะมี
ช. Be a Diplomat ผ้สู ัมภาษณ์ควรทาตนเป็นนักการทตู คือซกั ถามผถู้ กู สัมภาษณใ์ ห้ตอบ
คาถามในบางลักษณะที่ผู้ถกู สัมภาษณไ์ มอ่ ยากเปิดเผย แต่เปน็ เร่อื งที่ผสู้ มั ภาษณต์ ้องการจะทราบ
พยายามให้เขาพดู ออกมาหรือแสดงกริ ยิ าทา่ ที
ช. Be a Clock-Watcher กาหนดเวลาการสมั ภาษณไ์ ว้ให้พอเหมาะอยา่ ใหม้ ากหรอื นอ้ ย
เกนิ ไป โดยอาศัยข้ันตอนทีก่ าหนดไวเ้ ป็นเกณฑก์ าหนดเวลา และพยายามรักษาเวลาใหเ้ ปน็ ไปตามนั้น

4

ช. Be Yourself เป็นตวั ของตวั เองไม่ควรเลียนแบบคนอื่นหรือตัดสินการสัมภาษณจ์ าม
ความเห็นคนอื่น ควรพิจารณาจากความรู้สึกของตนเอง พยายามทาตนเปน็ กันเองกับผู้ถกู สัมภาษณ์
ใหเ้ ขาเกดิ ความรูส้ กึ สบายใจเหมือนการคุยปกติ

ญ. Be a Judge ตงั้ อยู่ในความยุตธิ รรม พยายามค้นหาความจริงแล้วชง่ั น้าหนกั คาตอบหรือ
ความจริงเหลา่ น้นั ดว้ ยความเป็นธรรม ถ้ามกี ารเปรยี บเทียบระหว่างผู้ถกู สมั ภาษณห์ ลายคนผู้ถกู
สมั ภาษณ์จะตอ้ งมีจิตใจแน่วแน่ไมโ่ อนเอนไปดา้ นใดด้านหนง่ึ อยา่ ใหเ้ กิด Halo effect คอื แนวโนม้ ใน
การตดั สินบคุ คลโดยแคเ่ พียงเหน็ หน้าตาทา่ ทางเท่านน้ั จะตอ้ งใชป้ ัจจัยอื่น ๆ ประกอบด้วย

1.4 หลักเบอ้ื งต้นในการปรับปรุงบุคลิกภาพเพ่อื การพัฒนา
Adler เสนอแนะหลกั เบือ้ งต้นในการปรบั ปรุงบุคลิกภาพเพอื่ การพฒั นาไว้ดงั นี้
1) พยายามตดั คาวา่ “ไม”่ ออกไปจากการกระทา พฤตกิ รรมและการพูด จะตอ้ งแสดงให้เห็น
ว่าตนเองสามารถจะ “ทาได”้ และพยายามทาแต่สง่ิ ท่ดี ีเทา่ นน้ั คาว่า “สง่ิ ที่ดี” ในทนี่ ้ีก็หมายถงึ
ความเห็นโดยเฉลย่ี ของบุคคลท่ัวไปว่า “ด”ี นั่นเอง ฝึกให้เป็นนิสยั จนกระท่งั “ทาได้” โดยไมฝ่ ืน
2) ม่ันใจตนเอง และมีจติ นาการทจี่ ะเปน็ แนวในการปฏิบัตใิ หส้ อดคลอ้ งกับแนมโนม้ ของสงั คม
และพยายามกาหนดจดุ ยืนของตนไว้ในใจ หาทางฟนั ฝา่ อปุ สรรคใหไ้ ปถงึ จุดกาหนดของตนเองในทาง
ท่ีถกู ตอ้ ง
3) ไม่เป็นผู้ที่หยดุ นงิ่ อยูก่ บั ที่ ให้ทุกสิง่ ทุกอยา่ งเคล่อื นไหวสมอ หาทางเปลย่ี นแปลงตนเองให้
ไปสูบ่ ุคลิกภาพท่นี ่าจะเป็น การเปล่ยี นแปลงอาจเกิดขนึ้ ไดจ้ ากการสงั เกต การจดจา การเปรียบเทียบ
และนาสิง่ ท่ีดมี าเป็นหลกั ในการทจ่ี ะเปล่ียนแปลงตนเองไปสู่จดุ น้นั ให้ได้
4) สรา้ งความศรัทธาใหเ้ กดิ กบั ตนเอง โดยถอื วา่ ตนเองก็เป็นบุคคลที่มคี วามสามารถไมแ่ พค้ น
อนื่ ไมด่ ถู กู ตนเอง ถือวา่ เมือ่ คนอื่นทาไดเ้ ราก็ต้องทาได้ ตรวจสอบผลการกระทาของตนเองอยู่บอ่ ย ๆ
เพอ่ื แกไ้ ขข้อบกพรอ่ งต่าง ๆ ใหก้ ารกระทาคราวตอ่ ไปอยูใ่ นสภาพท่เี หมาะสม
5) พยายามเปน็ บุคคลทรี่ า่ เรงิ แจม่ ใสในอารมณ์ ทาตนเป็นคนยิม้ งา่ ยและยิ้มได้ในทุก
สถานภาพ การฝกึ ใหเ้ ปน็ ผูร้ า่ เรงิ ช่ืนบานตลอดเวลานนั้ แรก ๆ อาจทาใหย้ ากแตถ่ ้าฝึกฝนเป็นประจาก็
จะมที างประสบผลสาเรจ็ ได้

ภาพท่ี1 การตรวจสอบบคุ ลิกภาพ

5

2 หลักการทว่ั ไปเพอื่ การพฒั นาบคุ ลิกภาพ

บุคลกิ ภาพเปน็ เรือ่ งเฉพาะตวั ของแต่ละคนซีงบุคลิกภาพท่ีมเี สนห่ ์ใครชอบใครเห็นจงึ เป็นยอด
ปราถนาของทุกคนบางคนแม้เห็นแคค่ ร้ังเดียวกอ็ ยากคบหาสมาคมพรือพดู จาด้วยเพราะชอบท่าทาง
หนา้ ตา การยม้ิ การพดู จา ความเอ้ืออาทรต่อกัน ทกุ หนว่ ยงานตา่ งปราถนาท่จี ะได้คนดี คนเก่งมา
ทางาน เพอ่ื ให้ลกู คา้ ประทับใจและเขา้ กับผูร้ ่วมงานคนอ่ืนได้ รวมท้งั กล้าทจ่ี ะชว่ ยคิด ช่วยสรา้ งสรรค์
ส่ิงใหม่หรือทาประโยชน์ให้หรือสามารถประเมนิ สถานการณ์เขา้ ใจปัญหา และแกป้ ัญหาไดอ้ ยา่ ง
เหมาะสม

หากพูดถึงบุคลกิ ภาพจะนึกภาพออกวา่ ใครเป็นใคร เพราะเปน็ แบบแผนเฉพาะตัวของแตล่ ะ
คนบุคลิกภาพจงึ เป็นภาพรวมทัง้ หมดของบุคคลหนง่ึ ท่ีแตกต่างไปจากคนอื่น บุคลกิ ภาพจงึ เกดิ จาก
“ภายนอก” เชน่ รปู รา่ ง หน้าตา เส้ือผา้ เครือ่ งแตง่ กาย ผวิ ขาว ผิวดา ฯลฯ สว่ นบุคลิกภาพ
“ภายใน” คอื สตปิ ัญญา ความจริงใจ การมีจติ ใจดี มีความซื่อสัตย์ สขุ ริต ความมนี ้าใจ มีคุณธรรม
มีคา่ นยิ มที่ดี

บุคลกิ ภาพภายนอกและภายใน จะกลายเป็นบุคลิกภาพท้ังหมดทบ่ี ุคคล คนน้ันแสดงออก นั้น
ก็เกิดจาก การขัดเกลา หรือการอบรมส่งั สอนตั้งแต่เล็ก และคนท่สี าคัญคนแรก คือ พอ่ แม่ ผู้ปกครอง
ตวั แทนถดั ไป คอื โรงเรียน เพอื่ นบา้ น เพื่อนเลน่ วัดอาราม กลุ่มอาชพี สอื่ มวลชน ฯลฯ ทจ่ี ะชว่ ย
อบรมสงั่ สอนขดั เกลาหลอ่ หลอมบคุ ลกิ ภาพของบุคคล

คนแจล่ ะคนจึงมีบุคลกิ ภาพตา่ งกันจากหลาย ๆ ปจั จยั ตามที่กล่าวมา จึงตอ้ งใจกวา้ งอย่ามี
อคติ หรือไม่ยอมรับกนั โดยเฉพาะในหนว่ ยงานต่าง ๆ เป็นทรี่ วมของบุคลกิ ภาพหลายรปู แบบ มีทา่ ที
ความเช่ือ พฤตกิ รรม อดุ มการณ์ท่ีต่างกนั ไม่น้อย

การทางานจงึ ตอ้ งยอมรบั ว่าเขาอาจไมเ่ หมอื นเรา เราอาจไม่เหมอื นเขา แต่เรากอ็ ยู่กนั ได้ ถ้า
เราไม่ถือ “เขา” ถือ “เรา” และต้องระลกึ เสมอวา่ คนเราเปลย่ี นแปลงไดต้ ามกาลเวลา สถานท่ี อายุ
ที่เปล่ียนแปลงไปโดยอยา่ ด่วนสรปุ งา่ ย ๆ จากบคุ ลกิ ภาพแค่ที่เห็นหรอื ไดย้ นิ มา แต่ตอ้ งให้โอกาสทจ่ี ะ
ทาความเข้าใจกันไดถ้ อ่ งแท้

ต่อไปนเ้ี ป็นกรณีไว้ศกึ ษาลกั ษณะของคนไวบ้ ้าง อาจจะทาให้การทางาน ทางานได้และเขา้ ใจ
กันไดง้ ่ายข้นึ

2.1 บคุ ลกิ ภาพของคนในองค์กร
1) คนพูดตรงไปตรงมา เป็นพวกไม่ดดั จริต ไมม่ ีอะไรมาปิดบัง ซื่อสตั ย์ พวกนจี้ ะทางาน
จรงิ จัง มคี วามจริงใจสูง อาจจะพดู ไม่ไพเราะ แตม่ ีจติ ใจทด่ี ฃี

6

2) คนเสยี สละ เกิดอะไรขนึ้ จะรบั ผิดชอบ และอาจจะรบั อะไรเร็วไป จนบางคร้ังเปน็ ผลเสยี แก่
ตวั เองคนประเภทน้ี ทางานด้วยก็สบายใจ ไมเ่ อาเปรยี บใคร มีแต่ใหม้ ากกว่ารบั

3) คนหน้าตาย เก็บกด อาจจะดา่ อะไรนายลับหลังเรา จงึ เปน็ คนนา่ กลัวทจ่ี ะทางานด้วย
4) คนไม่กลา้ ขัดใจใคร มักจะเห็นด้วยเกอื บจะทุกเร่ือง เวลาทางานกบั พวกนี้ จะตอ้ งกล้า
แสดงความคดิ เฟ็นเพอ่ื เขาจะไดส้ บายใจ
5) คนพดู มาก เริม่ น่มุ นวล ใช้คาพูดซา้ ๆ จึงควรใสใ่ จ หรือพยายามเขา้ ใจว่าเขาต้องการพูด
เร่ืองอะไร หากอยากใหง้ านสาเร็จกต็ อ้ งบอกเป้าหมายเพ่อื เขาจะได้ทาได้
6) คนมองโลกในแง่รา้ ย มกั จะชอบคา้ นอยเู่ รอื่ ย อาจจะมเี หตผุ ลหรอื ไม่มีเหตุผล ใครทางาน
ดว้ ยอาจหมดกาลงั ใจ แตต่ ้องทาใจดว้ ยการให้อภัย
7) คนชอบทาลาย พวกน้ีอยากเห็นความเสยี หายของผู้อ่ืน เช่น แกลง้ ขโมยเอกสารบ้าง หรือ
รับโทรศัท์กไ็ มบ่ อก เป็นต้น หากทางานดว้ ยตอ้ งยอมรบั ว่าเขาอาจจะรา้ ยไดท้ ุกเม่อื เป็นหนา้ ทขี่ องนาย
ต้องคาดโทษเขาหากทาใหบ้ รษิ ัทเสียหาย
8) คนไม่พูดไม่แสดง จะเกบ็ สิ้นเก็บฟันไมพ่ ูดอะไร ไมช่ อบยุ่งกัใคร ไมอ่ ยากเขา้ ไปเกี่ยวข้อง
ด้วย เขา้ ทานองขอปลอดภยั ไวก้ อ่ น งานจะไม่ก้าวหน้าเท่าท่ีควร เพราะไม่กลา้ ทัง้ ตแิ ละชม ทาใหไ้ ม่มี
ความคดิ รเิ ริ่มหรอื คิดปรับปรงุ อะไร ถอื วา่ การไมพ่ ูดไมม่ เี รอ่ื งราวกับใครคือ การไม่มีความคดิ งานจะ
ไดผ้ ลกค็ ือ มอบงานใหท้ าพรอ้ มกับบอกรายละเอียดว่าตอ้ งรายงานกลับมาเร่อื งอะไรบ้างพรอ้ มกบั วัน
เวลาท่ีตัอ้ งทาใหเ้ สรจ็
2.2 บุคลิกภาพบอกนิสยั
บางคนเชือ่ ว่า หนา้ ตาจะบอกว่าใครดีใครเลว ซึง่ ถา้ ถา้ นายคดิ แบบน้ีคงต้องรับคนจากรปู รา่ ง
หน้าตาเป็นหลกั ส่วนใครจะเช่อื รูปหน้าหรอื โทงวเฮ้งกแ็ ลว้ แตค่ วามเช่อื แตล่ ะคน
1) หนา้ สามเหลี่ยม หน้าผากกวา้ ง เปน็ คนฉลาดหลกั แหลม คิดวา่ ตวั เก่ง จงึ ชอบเอาตวั เป็น
หลักต่ในขณะเดยี วกนั ก็เป็นคนออ่ นไหวง่าย ใครยุเหยใสส่ร้ายป้ายสี พวกเชอื่ เอางา่ ย ๆ จึงเปน็ คนท่ี
คบยากและเขา้ กับคนยาก เพราะไมร่ จู้ ะเอาอยา่ งไร หลายคนจงึ ถูกมองว่า เป็นพวกฉลาดเกมโกง พวก
นี้จะเป็นนกั วิทยาศาสตรศ์ ิลปิน พยายามให้ทางาด้วยตอ้ งอย่าพูดอะไรให้กระทบกระเทือนใจ และถา้
ไดเ้ ปน็ หัวหน้าการงานจะสาเร็จไดง้ า่ ย
2) หน้ากงึ่ สามเหลย่ี ม พวกนค้ี ล้ายกบั พวกแรก จะตา่ งกันตรงไม่อดทนเท่าพวกแรก และชอบ
หนีปญั หามากวา่ สกู้ บั ปัญหา เพราะอ่อนไหวเกินไป จนไม่อยากมจี ิตใจทีจ่ ะยอมรับปัญหาทีอ่ าจเกดิ ได้
โดยไม่คาดฝันต้องระวงั ทจี่ ะทางานด้วยและควรใหท้ างานทมี่ ีชว่ งระยะเวลาสน้ั ๆ

7

3) หนา้ ส่ีเหล่ียมจัตรุ สั เปน็ พวกอดทน มมี านะ มคี วามพยายาม มคี วามขยนั จงึ มกั จะได้เปน็

ผู้นาเพราะกล้าทีจ่ ะทาทกุ อยา่ งทข่ี วางหนา้ จะเสยี ตรงใจรอ้ น อารมณร์ ้อน ขีโ้ มโหแตก่ ห็ ายเร็ว ถา้ รูจ้ กั

เอาเขามาใช้งานงานไมเ่ สีย

4) หน้ากลม เปน็ คนสุภาพ นุ่มนวล ชอบความสงบ ไม่อยากมเี รอ่ื งกัน จึงชอบมชี วั ิตแบบ

สบาย ๆ ไมเ่ รื่องมาก ไมช่ อบทาอะไรแบบพธิ ตี รอง จดั ว่าเป็นคนมีความรอบคอบ คะอะไรได้ดี แต่ไม่

ม่นั ใจวา่ ตัวเองทาไดท้ าให้การงานไม่ได้ดีเทา่ ท่ีควร ถา้ ไม่มกี ารติดตามผลงาน

5) หน้ารปู ไข่ เป็นใบหนา้ ที่ประสบความสาเรจ็ สูง เพราะฉลาดเป็นคนนุม่ นวล รอบคอบ ขยนั

มีความมานะอดทน และถา้ ทาอะไร จะทาทนกวา่ จะสาเรจ็ การงานจงึ กา้ วหน้า เพราะพวกหนา้ รปู ไข่

เชือ่ วา่ อปุ สรรค คอื พลงั นายมีลกู น้องแบบนี้ นายสบายใจ งานไปได้ดแี ละมคี วามสาเรจ็

2.3 บุคลกิ ภาพเบ้ืองต้นทดี่ ี

1) ยิ้มแยม้ แจ่มใส

2) กิรยิ าทา่ ทางเหมาะสม

3) แต่งกายสะอาด

4) มองโลกในแงด่ ี

5) ปรับตวั ไดต้ ามสถานการณ์

6) มคี วามกระตือรอื ร้น ภาพที่ 2 บคุ ลิกภาพที่ดี

7) รู้จกั ยกยอ่ งชมเชยผู้อน่ื

8) สร้างกาลังใจใหแ้ กผ่ อู้ ืน่

9) เปลี่ยนความเคยชินท่ที าให้เสยี บุคลิกภาพ

10) หมั่นปรับปรุงและพัฒนาตนเองอยเู่ สมอ

2.4 บคุ ลิกภาพท่เี ลขานกุ ารควรมี

1) คลอ่ งแคลว่ ว่องไว

2) ย้มิ แยม้ จม่ ใส

3) ความเชอื่ มน่ั ในตวั เอง

4) ความฉลาด ไหวพรบิ ภาพที่ 3 บคุ ลิกภาพที่เลขาธกิ ารควรมี

5) ความซ่ือสัตย์ รกั ษาความลับ

6) ความเปน็ ผูใ้ หญ่

7) แตง่ กายเหมาะสม

8

8) รจู้ กั มารยาททถี่ ูกต้อง
9) มีศิลปะในการพดู
10) ความคิดริเร่มิ สรา้ งสรรค์

3 การพฒั นาบคุ ลกิ ภาพในงานเลขานกุ าร

บุคลกิ ภาพของแต่ละคนย่อมแตกตา่ งกันตามธรรมชาติ มบี า้ งบางคนที่บุคลิกภาพตาม
ธรรมชาตเิ หมาะสม สอดคล้องกบั การเป็นเลขานุการที่มีประสิทธิภาพ บางคนก็ไม่คอ่ ยจะตรงเท่าใดนัก
แตบ่ คุ ลกิ ภาพสามารถจะพฒั นาได้โดยความพยายามของบุคคลนั้นเองทมี่ ุ่งม่ันปรับปรงุ ใหด้ ีข้ึนและ
ตรงกับตาแหน่งทที่ าโดยอาศยั หลักท่ีกลา่ วมาแล้ว

เลขานกุ ารควรปรบั ปรุงบคุ ลกิ ภาพดา้ นใดบา้ ง บุคลิกลกั ษณะและนสิ ัยเช่นใดไม่เป็นที่พึง
ประสงค์หรอื ต้องเปลย่ นแปลง เพ่ือให้การทางานสาเร็จตามวตั ถุประสงค์ ขอให้พิจารณาจาก
ขอ้ เสนอแนะต่อไป

3.1 นสิ ยั ในการปฏิบตั ิงานท่คี วรพจิ ารณา
1) โรคปฏเิ สธคนอื่นไมเ่ ป็น บางเรอ่ื งที่มีผูข้ อร้องให้ชว่ ย ถ้าเหน็ วา่ ไมม่ ีความสาคัญหรอื จาเป็น
ควรบอกปัดและขอร้องให้ไปติดตอ่ ผอู้ ่ืน
2) โรคแก่รายละเอยี ด งานบางอย่างตอ้ งการความกะทัดรดั มีแต่สาระสาคญั ก็ไม่ควรท่ีจะ
เพิม่ เตมิ รายการไมเ่ ป็นผลดี
3) โรคลงั เล ควรเป็นผู้ตัดสิใจโดยรวดเรว็ และถกู ต้อง แตด่ ้วยความรอบคอบ การกลัวจนไม่
กลา้ ทาอะไรนน้ั ไมเ่ ป็นผลดี
4) โรคทางานทุกอย่างทขี่ วางหนา้ งานใดทพ่ี อจะแบ่งให้ผนู้ ้อย หรอื ลกู น้องไปทาบ้าง กจ็ ะ
เป็นการแบง่ เบาภาระหรอื โรคทางานจับจด ทางานนั้นนิด ทางานนี้หน่อย แตล่ ะงานกไ็ มจ่ บสนิ้ ไม่
สาเร็จเป็นช้ินเป็นอัน
5) โรคผัดวันประกันพรงุ่ งานทุกชนิดท่ีเป็นงานสาคญั ตอ้ งปฏิบตั ติ ็มที่ ทันที เป็นไปตาม
ข้ันตอนไม่ควรเลือกวา่ งานน้ยี ากเอาไวว้ นั พรงุ่ นท้ี ากไ็ ด้
3.2 นิสยั ในการปฏิบัติงานของเลขานกุ าร
1) เข้ากบั บุคลอื่นได้ทุกโอกาส ข้อน้ีถือเป็นจดุ สาคัญที่สดุ ในบรรดานสิ ัยการทางานของ
เลขานกุ ารเพราะเลขานกุ ารอยู่ท่ามกลางบคุ คลมากมาย ฉะน้ัน การเขา้ กับคนอ่ืนได้ จงึ เป็นสง่ิ ท่ีควร
แกก่ ารยกยอ่ งชมเชย เลขานุการจะตอ้ งเขา้ กับเพอื่ นร่วมงานทกุ คนได้

9

2) เม่อื มกี ารปฏเิ สธ จะต้องปฏเิ สธอยา่ งนุ่มนวลในการที่จะใหข้ ้อสนเทศแกบ่ ุคคลอื่น ๆ ใน
กรณที บ่ี ุคคลอ่ืนสอบถามถงึ การตดั สินใจของผู้บงั คับบัญชา ในงานบางอยา่ งซ่ึงเป็นความลับเฉพาะ
เลขานุการไมอ่ ยู่ในฐานะทจ่ี ะเปิดเผย จาเปน็ จะต้องหาทางหลีกเล่ียงการตอบคาถามใหแ้ นบเนยี น
เหมาะสม อย่าใหผ้ ้บู รหิ ารอน่ื หรือเพื่อนรว่ มงานท่ถี ามปญั หาเกดิ อารมณ์ขนุ่ เคืองได้ เลขานุการอาจ
ตอบว่า “เรือ่ งนไ้ี ม่ทราบรายละเอียดลึกซงึ้ เกรงไปวา่ จะตอบผิดพลาดไปจากเจตนารมณข์ อง
ผู้บงั คับบญั ชาโดยตรง จะเกดิ ผลเสียหายได้ เม่ือได้รับรายละเอียดในเรอ่ื งนีแ้ ล้ว จะเรียนให้ทราบ”
ดงั น้เี ป็นต้น

3) ทางานโดยตัง้ ใจใหม้ ีผลผลติ ปกติแล้วนายจ้างจะจา่ ยคา่ จ้างตอบแทนให้แก่ผลงานทท่ี า
ฉะน้ันจึงตอ้ งแสดงผลงานให้ชัดแจง้ ต้ังใจทางานใหไ้ ดร้ ับผลเป็นทพ่ี อใจ โดยใชเ้ วลานอ้ ยคณุ ภาพสงู
งานถูกต้องและประหยดั วสั ดุ งานทีเ่ ลขานกุ ารทาจะต้องอาศัยวธิ ีการทางานทด่ี ี ตอ้ งตัดสินใจให้
รอบคอบและทาอยา่ งมีประสทิ ธภิ าพม่งุ สเู่ ป้าหมายอนั เป็นผลผลติ ของงาน

วิธที ่ดที สี่ ุดในการทางาน คือ
ก. ศึกษางานที่ทา แยกย่อยออกไปเป็นสว่ น ๆ เป็นข้นั เป็นตอน
ข. จดั ขนั้ ตอนต่าง ๆ ใหเ้ ป็นไปตามลาดับก่อนหลงั
ค. จดั หาวสั ดุ เครือ่ งมือเครอื่ งใช้เกี่ยวกับงานที่ทาน้นั ให้เป็นท่ีพอใจของผูท้ างานให้มากทสี่ ุด
และจาแนกวัสดุ เคร่ืองมือเครือ่ งใช้เหลา่ น้ันไวต้ ามลาดับขน้ั ตอนของงาน
4) ทางานดว้ ยความระมดั ระวังและไว้ใจได้ ถา้ เลขานุการเปน็ บุคคลดีเชือ่ ถือและไวใ้ จได้ จะ
ทาใหน้ ายจา้ งคลายกังวล หลังจากสง่ั งาน หรอื แนะนางานไมเ่ สร็จก็จะไปทาธุรกิจอยา่ งอ่ืน เพ่ือสรา้ ง
ความเช่ือถือไวว้ างใจใหก้ ับผู้บังคับบญั ชาเม่ือนายจ้างแนะนาหรอื สั่งงาน เลขานกุ ารตอ้ งตง้ั ใจฟงั อยา่ ง
จดจอ่ แนใ่ จวา่ เข้าใจจในคาส่ังหรอื คาแนะนาน้ัน ต้องทราบวา่ จะทาอะไร แลว้ ดาเนนิ การตามนนั้ อย่า
ใหบ้ กพรอ่ ง ทาใหเ้ สร็จตามเวลาและมีประสิทธภิ าพ
5) รู้เทคนิคในการบรหิ ารเวลา การบรหิ ารเวลาทีม่ ีประสทิ ธภิ าพน้นั ต้องเปลีย่ นแปลง
พฤติกรรมอยา่ งมากและควรปรับนสิ ัยตนเองทีละเรอื่ ง เปลยี่ นไปจนกระท่งั กลายเปน็ นิสยั ใหม่ในดา้ น
การควบคุมการใช้เวลา “เราเทา่ น้นั จะเอาชนะใจของเราเองได้”
ฉะน้นั กอ่ นการปฏิบัติงานแต่ละเรื่องต้องพจิ ารณาวา่ จะนาเทคนิคใดมาใชใ้ นการปฏิบตั ิ
เพือ่ ใหง้ านนั้นบรรลุผลอยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ ควรยึดถือหลักปฏิบัตดิ งั น้ี
ก. จดั ลาดับความสาคัญของงานกอ่ น – หลงั
ข. งานใดทยี่ งั มีข้อมูลไม่เพียงพอควรแสวงหาขอ้ มลู เพิม่ เตมิ

10

ค. แบ่งงานที่ทาออกเป็นชว่ ง ๆ คือ
- ขนั้ เตรียมการหรือวางแผน
- ขัน้ ปฏิบัตกิ าร
- ข้ันตรวจงาน
ง. ทางานดว้ ยความกระตือรอื ร้น
จ. มีสมาธใิ นการทางาน
ฉ. อปุ กรณท์ ีใ่ ช้บ่อยควรวางไว้ใกล้มือ
ช. มีอปุ กรณส์ ่อื สารท่พี รอ้ มสมบูรณ์ สามารถใชอ้ านวยความสะดวกทันทแี ละตลอดเวลา
เวลาเป็นส่งิ มีค่ายง่ิ ในชีวติ การทางาน ถ้าปล่อยเวลาให้สญู เปล่าก็เท่ากบั ทาให้เวลาเสยี ไปโดย
ใชเ่ หตุผล ฉะน้นั จงึ ไม่ควรผดั วันประกันพร่งุ ในการทางาน ดงั คาพังเพยทไ่ี ด้กล่าวว่า “เวลาและวารไี ม่
คอยใคร เวลาที่ลว่ งไป ๆ บดั น้ีเราทาอะไรอยู่
ปรชั ญาการใช้เวลาของเลขานุการ
จงใชเ้ วลาเพอื่ ทางาน เพราะน่ันคอื ราคาของความสาเร็จ
จงใชเ้ วลาเผ่ือนกึ คิด เพราะน่ังคือท่มี าของอานาจ
จงใชเ้ วลาเพ่ือเลน่ เพราะนั่นเป็นเคลด็ ลบั ของความกระฉับกระเฉง
จงใช้เวลาเพ่ือการอา่ น เพราะนั่นคือฐานของความรู้
จงใชเ้ วลาเพื่อคบเพอ่ื น เพราะน่ันเป็นถนนสคู่ วามสาเรจ็
จงใชเ้ วลาเพื่อหวั เราะ เพราะนั่นคือดนตรีประจาใจ
3.3 พฤติกรรมท่ีไม่ควรแสดงออก หรือกิรยิ าท่าทางท่ีควรสารวมไมใ่ หป้ รากฏขณะทางานหรอื
อยรู่ ว่ มกับคนอ่ืน
1) หยิบของใชข้ องผู้อ่ืนโดยไมข่ ออนุญาต เมอ่ื ผู้อื่นทวงกลบั แสดงสีหนา้ ไมพ่ อใจ
2) ชอบแสดงสหี น้าไมเ่ ปน็ มิตรกับบุคคลทัว่ ไป ทง้ั ๆ ท่ียังไมไ่ ด้พดู จาอะไรกันหรอื ลงมือ
ทางานรว่ มกนั
3) แคะ ตัด ตะไบเลบ็ มือเลบ็ เทา้ ดูดรมิ ฝีปากดัง ๆ ไอ หรือจามโดยไมใ่ ชผ้ า้ ปดิ ปาก ทาเสยี ง
ฮืมในลาคอ ครวญเพลง ผิวปาก พูดกบั ตวั เองดัง ๆ วิพากษ์วจิ ารณ์คนอ่ืนอยา่ งเสียหายโดยไม่เกรงใจ
ยว่ั ยุแหยใ่ หค้ นอ่ืนโกรธ
4) กัดเล็บ แทะดนิ สอ หรือแกะเกาตามเน้ือตวั ขยกุ ขหยกิ ขบเค้ียวของกิน ขณะทางานชนิดไม่
ยอมให้แกอยู่น่งิ ๆ และชวนบุคคลอ่ืนรว่ มรับประทานด้วย

11

5) ตบแตง่ ทรงผม หวีผมบอ่ ย ๆ ขณะทางาน เกาศรี ษะ นิ้วแยงรจู มูกแคะหูขณะทางาน เป็น
กริ ิยาทีไ่ มส่ ภุ าพ

6) หร่ตี า ดึงจมกู จบั ใบหู ขาเลอื งด้วยหางตา ลบู คาง ทาหนา้ บิดเบย้ี ว แสดงกิรยิ าลอ้ เลียน
บุคคลอ่ืนในขณะทางาน

7) พูดสอด เสียดสี บคุ คลอื่น ไม่นัง่ ประจาทท่ี างานของตนเอง ชอบไปยุ่งกับโตะ๊ คนอ่ืนใน
ขณะทเี่ ขาทางาน เกะกะขีดขขวางทางเดิน ยืนค้าศีรษะคนอื่น

8) ใชเ้ ท้าเคะ่ จังหวะทาใหเ้ กดิ เสียงขณะทางาน แมแ้ ตข่ ณะรับฟงั คาส่งั จากผบู้ ังคับบัญชา ก็
มักจะกระดกิ เท้าตลอดเวลา เป็นการกระทาทีไ่ มส่ ภุ าพ

9) กระชากกระดาษออกจากเครื่องพิมพด์ ดี ขยา ๆ ปาท้งิ ขวา้ งปาสมุด หนงั สือ ดินสอ
ปากกา หรอื โยนโครมครามให้เกิดเสียงดงั เวลาทีไ่ มส่ บอารมณ์ หรอื ไม่พอใจใครข้ึนมา

10) หน้าไหวห้ ลงั หลอก ตอ่ หนา้ ผู้บงั คบั บัญชาเรียบร้อย ลับหลังหลกุ หลิกเปน็ ลงิ หลอกเจ้า ไม่
สารวม เลยี นกิริยาท่าทางผบู้ ังคับบัญชาในแงต่ ลกขบขนั

3.4 การพัฒนาบุคลกิ ภาพเพอื่ เสริมสร้างลกั ษณะความเปน็ ผู้นา
บุคลิกภาพเป็นคุณลักษณะทางกาย ทางจิตใจ และความรสู้ กึ นกึ คิดท่ีสะท้อนออกมาให้ผอ็ ื่น
เห็นและเกดิ ความประทับใจมากนอ้ ยเพยี งใดนัน่ เอง บุคลิกภาพเปน็ ส่ิงเฉพาะตัวไม่ซ้าแบบกัน ตาม
กรรมพนั ธุแ์ ละการอบรม และสภาพสิ่งแวดลอ้ มเป็นสิง่ มีค่า ซึ่งเงินไมส่ ามารถจะซ้ือได้ แตท่ กุ คน
สามารถจะปลูกฝงุ ใหม้ ขี นึ้ ในตวั ได้ ไมม่ ีใครมาเปลี่ยนบุคลิกของเราไดน้ อกจากตวั เอง เราอาจจะ
ปรบั ปรุงหรือเสรมิ สร้างบคุ ลิกของเราได้นอกจากตวั เอง เราอาจจะปรบั ปรงุ หรอื เสริมสร้างบคุ ลกิ ของ
เราใหด้ ขี นึ้ ได้ โดยการสังเกตการศึกษา ปละประสบการณ์และนามาปรับใหเ้ หมาะสมกบั ตัวเรา และ
ฝกึ ฝนใหเ้ คยชินจนเปน็ นิสัย สามารถปฏิบตั ิได้โดยอัตโนมัติ บุคลิกท่ีดีเหล่านน้ั จะเป็นส่งิ ทต่ี ดิ ตัวเรา
ตลอดไป
บุคลิกลกั ษณะ คือ ลกั ษณะภายนอกของบุคคลท่ีจะสร้างความประทบั ใจในเบ้ืองตน ให้บงั
เกิดผลตอ่ ไป บุคคลจะตอ้ งมที ่วงทา่ ต้องตาต้องใจบุคคลอ่นื ซงึ่ ประกอบด้วยรอยยม้ิ ทีอ่ บอุ่น จติ วทิ ยาดี
อารมณค์ งท่ี คาพูดทจี่ รงิ ใจ การยืน การเดนิ การนัง่ การวางท่าทปี ระสมประสานกบั ภาพหน้าตาของ
คณุ การฝึกปรอี มารยาทให้ด฿เปน็ ธรรมชาตเิ หมาะเจาะ คอยสังเกตบคุ คลอ่ืนท่มี บี ุคลิกดี
แล้วจดจาทาตาม
ทาอย่างไรให้มีมาดผนู้ า
4.1 สรา้ งภาพพจน์ท่ีดีในปรากฏ

12

1) การแต่งตัว ไมซ่ อมซอ่ แต่กไ็ ม่หรหู ราจนเกินไป
2) ชมุ่ เสยี ง การกระตนุ้ ใหค้ นฟัง จะตอ้ งมจี ังหวะจะโคน บทสนทนาจะตอ้ งรูจ้ กั ใชค้ าพดู ทีม่ ี
พลงั และเหมาะแก่การเขา้ ใจงา่ ย มีเหตุและผล การหาเหตแุ ละผลควรจะอา่ นให้มาก ศกึ ษาใหม้ าก
เพอ่ื การมองการณไ์ กล และไหวตัวเรว็ ต่อสถานการณ์

3) ไหวพริบท่จี ะโตต้ อบ ขณะทสี่ นทนา อยา่ นง่ั ฟังเพยี งอย่างเดยี ว ตอ้ งรู้จกั สอดแทรกคาพดู ท่ี
คล้อยตามใหค้ สู่ นทนาเกิดความเปน็ กันเอง

4) ทาความเคารพหรอื รับไหวอ้ ยา่ งมจี ังหวะจะโคน
5) ไม่ควรสบู บหุ รตี่ ่อหนา้ ผู้อื่น
6) มีความเชอ่ื มั่นในตนเอง
7) การย้มิ แยม้ แจม่ ใส
8) การมีศิลปะการชักจงู ใจ
9) เข้าใจคาอธบิ ายไดเ้ รว็
10) มมี นุษยส์ ัมพันธด์ ี

ภาพท่ี 4 ไหวพรบิ ในการทางาน

บรรณานกุ รม 13

กฤษณเนตร พันธุมโพธ.ิ การจดั การสานักงาน. เอกสารประกอบการสมั มนา เร่อื ง การจัดสานักงาน

อย่างมี ประสทธภิ าพ.ฺ บริษทั การจดั การธรุ กจิ , 2539

เธียรชัย เอย่ี มวรเมธ. พจนานุกรมอังกฤษ – ไทย (ฉบับใหม)่ . พมิ พ์คร้งั ที่ 3 กรุงเทพฯ : อักษรพิทยา

,25นโปเลยี น ฮิลล.์ GROW RICH WITH PEACHE OF MIND. แปลโดย ถริ นันท์ อนวชั ศริ ิวงศ์

และอภไิ ท สกลฤกษ์

เนตรพ์ ัณณา ยาวิราช. งานสานักงาน. กรุงเทพฯ : มณฑลการพมิ พ,์ 2540

ปราณี พรรณวิเชยี ร. หลกั การจดั การ. กรงุ เทพฯ : สุวรรณสาสน์ การพิมพ์ , 2528

ปรารมภ์ นพคุณ . เทคนิคงานเลขานุการ. กรุงเทพฯ : สานกั พิพม์สถาบันราชภฏั สวยดสุ ติ , 2540

พงศ์ สุวรรณธาดา. การเลขานุการ. กรุงเทพฯ : บุญเลศิ การพิมพ,์ 2538

เพ็ญพรรณ วสิ ทุ ธิ ณ อยุธยา. เอกสารประกอบการสัมมนา “สมู่ าดใหมข่ องเลขานกุ ารบริหารและ

ผูช้ ว่ ยผู้บริหาร”. 19 – 20 มิถนุ ายน. 2541 โรงแรมแลนด์มาร์ค. กรงุ เทพฯ : 2541.

ไมตรี ทองประวตั แิ ละเสถยี รภาพ พันธ์ุไพโรจน์. ทาอยา่ งไรจงึ จะเปน็ หัวหนา้ งานทล่ี ูกน้องยอมรับและ

บรษิ ัทมอบความไว้วางใจ. กรุงเทพฯ : ธรรมนติ ิ, 2539

ภรณี วินจิ ฉัยกลุ . ขอบขา่ ยงานในหนา้ ทแี่ ละความรับผิดชอบของเบขานุการ.9 – 11 กุมภาพันธ์

2541. โรงแรมชาลนิ ่า กรุงเทพฯ : 2541.

ลเู ธอร์ เจ ไชเวทิ . บริหารเวลาอยา่ งเตม็ คณุ คา่ . แปลโดย ปรดี า ลม้ิ ถวลิ . กรงุ เทพฯ : เอช. เอน็ . กรุ๊ป,

2537. ระเดน่ ทักษณา. คดิ และเขยี น. พิมพคร้งั ท่ี 2 กรุงเทพฯ : แสงเทียน, 2541. ระเบยี บสานกั

นายกรัฐมนตรี “ว่าดว้ ยงานสารบรรณ” พ.ศ. 2536

ศิริรัตน์ เสรรี ตั น์และสมชาย หริ ัญกิตต.ิ การบริหารสานักงานแบบใหม.่ ดวงกมลสมัย,2538. สร้าง

ศักยภาพ สรา้ งอนาคต. กรุงเทพฯ : ข้าวฟ่าง, 2534.

สุพัตร สภุ าพ. เอกสารอบรมเทคนิคการบริหารงานอยา่ งมีประสทิ ธภิ าพยคุ ใหม่. 29 มนี าคม 2539.

กรุงเทพฯ : สถาบันธรรมนิติ, 2536

อุษณีย์ ตลุ าบดี. สูค่ วามสาเรจ็ ของเลขานุการมอื อาชพี . พมิ พ์คร้งั ท่ี 2 กรุงเทพฯ : ธรรมนิต,ิ 2536.

Littlefield. C.L. and Other Management of Office Operation. “Prectice Hall of

India.” 1981,204 P. John Harison “Secretarial Duties.” Eighth Edition, London

pitman publishing. 1988.

Lu. Broen Gavnu “Secreterial office Proceduces” McGraw-Hill International

Editions,1995.

จดั ทาโดย
นางสาวกลุ ณฐั ปกิ ตะหลก
แผนกวิชาการจดั การสานกั งาน


Click to View FlipBook Version