PPOO
LLYY
MMEERR
สารบัญ
ประเภทของพอลิเมอร์ 2
ปฏิกิริยาการเกิดพอลิเมอร์ 5
โครงสร้างและสมบัติของพอลิเมอร์ 9
ผลิตภัณฑ์จากพอลิเมอร์ 12
ผลกระทบที่เกิดจากการใช้และ 17
กำจัดผลิตภัณฑ์พอลิเมอร์
2
ประเภทของพอลิเมอร์
พอลิเมอร์ (polymer) เป็นสารที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่มีมวลโมเลกุลตั้งเเต่ 10,000
ขึ้นไป ซึ่งเกิดจากการรวมตัวของสารโมเลกุลขนาดเล็กที่เรียกว่า มอนอเมอร์ (Mo-
nomer) โดยเชื่อมต่อกันด้วยพันธะโคเวเลนต์
Polymer
มอนอเมอร์ พอลิเมอร์
3
พิจารณาตามชนิดของมอนอเมอร์ เเบ่งได้ 2 ประเภท ดังนี้
1.ฮอมอพอลิเมอร์ ( Homopolymer ) หรือพอลิเมอร์เอกพันธุ์ เป็นพอลิเม
อร์ที่ประกอบด้วยมอนอเมอร์ชนิดเดียวกัน เช่น พอลิไวนิลคลอไรด์ เกิดจากการเชื่อม
ต่อกันของไวนิลคลอไรด์หลายโมเลกุล
2. โคพอลิเมอร์ (copolymer) หรือพอลิเมอร์ร่วม เป็นพอลิเมอร์ที่ประกอบด้วย
มอนอเมอร์ต่างชนิดกัน เช่น ไนลอน -6,6 เกิดจากการเชื่อมต่อกันระหว่างเฮกซะ
เมทิลีนไดเอมีน (hexamethylenediamine) กับกรดอะดิปิก (adipic acid)
4
พิจารณาตามลักษณะการเกิด เเบ่งได้ 2 ประเภท ดังนี้
1.พอลิเมอร์ธรรมชาติ (natural polymer) เป็นพอลิเมอร์ที่พบตามธรรม-
ชาติ เช่น ไหม เซลลูโลส แป้ง ไกลโคเจน โปรตีน
2. พอลิเมอร์สังเคราะห์ (synthetic polymer) เป็นพอลิเมอร์ที่เกิดขึ้นจาก
การสังเคราะห์โดยมนุษย์ เช่น พอลิเอทิลีน พอลิไวนิลคลอไรด์ ไนลอน ซิลิโคน
5
ปฏิกิริยาการเกิดพอลิเมอร์
ปฏิกิริยาการเกิดพอลิเมอร์ เรียกว่า ปฏิกิริยาพอลิเมอไรเซชั่น( Polymeriza-
tion reaction) แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้
1.ปฏิกิริยาพอลิเมอไรเซชั่นแบบควบแน่น (condensation polymerization
reaction) เกิดจากมอนอเมอร์ที่มีหมู่ฟังก์ชันมากกว่า 1 หมู่ ทำปฏิกิริยากันได้พอลิ
เมอร์และสารโมเลกุลขนาดเล็ก เช่น น้ำ แก๊สไฮโดรเจนคลอไรด์ แอมโมเนีย หรือเม
ทานอลเป็นผลพลอยได้
6
2. ปฏิกิริยาพอลิเมอไรเซชันแบบเติม (addition polymerization reaction)
เกิดจากมอนอเมอร์ที่มีพันธะคู่ระหว่างอะตอมของคาร์บอน เช่น เอทิลีน โพรพิลีน
ไวนิลคลอไรด์ เกิดปฏิกิริยาการเติมที่ตำแหน่งพันธะคู่ได้พอลิเมอร์เป็นผลิตภัณฑ์
โดยไม่มีสารโมเลกุลเล็กเกิดขึ้น
Ex. พอลิเอทิลีน(polyethalene)
พอลิเมอร์จากปฏิกิริยาพอลิเมอไรเซชันแบบควบแน่นและการใช้ประโยชน์
พอลิเมอร์ มอนอเมอร์ สมบัติ ประโยชน์
PET,PETE แข็ง เส้นใย เชือก ต้าย
ทุนความชื้น เส้นเอ็น แห อวน
เหนียว ขวดน้ำพลาสติก
ทนต่อการขัดถู ชนิดแข็งและใส
หินอ่อนเทียม
สารเคลือบรูปภาพ
พอลิเอไมล์ (PA) เหนียว เชือก ด้าย
(ไนลอน เช่น ไนลอน-6,6) ผิวเรียบ ชิ้นส่วนเครื่องจักร
ยืดหดไต้ เช่น เกียร์ เฟือง
ทนต่อการขัดถู ปลอกหุ้มสายไฟฟา้
ทำความสะอาดง่าย ถุงน่อง
ไม่ทนต่อการ ชุดชั้นใน
ใช้งานภายนอก
แข็งแต่เปราะ แผง
ทนความร้อนสูง วงจรอิเล็กทรอนิก
ทนสารเคมี ส์
กาว
โฟม
7
พอลิเมอร์จากปฏิกิริยาพอลิเมอไรเซชันแบบควบแน่นและการใช้ประโยชน์(ต่อ)
พอลิเมอร์ มอนอเมอร์ สมบัติ ประโยชน์
เหนียว ขวดน้ำพลาสติก
ผิวใส ขนาดใหญ่
ทนความร้อน ขวดนมเด็ก
ทนแรงกระแทก กระจกกันกระสุน
ไม่ขึ้นง่าย เลนส์แว่นตา
ติดไฟแล้วดับเอง แผ่นดีวิดี
พอลิยูรีเทน (PU) ยืดหยุ่น เส้นใยทำชุดว่ายน้ำ
ทนการขีดข่วน ล้อรถเข็น
ทนต่อตัวทำละลาย น้ำยาเคลือบผิว
ทนแรงกระแทก โฟมที่ใช้บุเก้าอี้
พอลิฟีนอลฟอร์มาลดีไฮด์ (PF) แข็งแต่เปราะ กาว
(เบเคอไลต์) ทนความร้อนสูง แผงวงจรไฟฟา้
ทนสารเคมี หูหมอ้ หูกระทะ
ฉนวนไฟฟ้า ตา้ มจับของ
ภาชนะเครื่องครัว
พอลิเมลามีนฟอร์มาลดีไฮด์(MF) เหนียว แผงวงจร
ผิวใส เสน้ ใยกันน้ำ
ทนความร้อน ถ้วย จาน
ทนแรงกระแทก
8
พอลิเมอร์จากปฏิกิริยาพอลิเมอไรเซชันแบบเติมและการใช้ประโยชน์
พอลิเมอร์ มอนอเมอร์ สมบัติ ประโยชน์
พอลิเอทิลีน (PE)) เอทิลีน ป้องกันการผ่าน ถุงพลาสติก
ของไอน้ำได้ดี พลาสติกห่ออาหาร
เป็นฟิล์มใส ถุงขยะ
เหนียว ท่อน้ำ
ทนสารเคมี หุ้มสายไฟฟ้า
พอลิโพรพิลีน (PP)) โพรพิลีน เป็นฟิล์มใส หุ้มสายไฟฟ้า
พอลิไวนิลคลอไรด์ (PVC)) ไวนิลคลอไรด์ เหนียว กระเป๋าเดินทาง
ทนต่อแรงตึง เชือก พรม
ทนต่อการขีดข่วน กระบอกฉีดยา
ทนความร้อน
แข็ง กระเบื้องยาง
ทนความชื้น ท่อน้ำ
ทนสารเคมี หนังเทียม
ไม่เป็เชื้อรา เสื้อกันฝน
ไม่ทนความร้อน บัตรเครดิต
และแสง หุ้มสายไฟฟ้า
พอลิเตตระฟลูออโรเอทิลีน เตตระฟลูออโรเอทิลีน(TFE) เหนียว เคลือบผิวภาชนะ
(PTFE = Teflon) ทนสารเคมี หุงต้ม
ทนความร้อน ลูกปืนใน
ไม่นำไฟฟ้า เครื่องยนต์
ผิวลื่น วงแหวนลูกสูบ
ทนแรงกระแทก เคลือบสายเคเบิล
หุ้มสายไฟฟ้า
พอลิเสไตรีน (PS) สไตรีน แข็งแต่เปราะ กล่องพลาสติกใส
ไม่ทนต่อตัวทำลาย โฟม
อินทรีย์ ฉนวนในกระติกน้ำ
ทนต่อกรด-เบส ชิ้นส่วนของตู้เย็น
ไม่นำไฟฟ้า
ผิวเรียบใส
9
โครงสร้างและสมบัติของพอลิเมอร์
พอลิเมอร์แบบเส้น(linear polymer)
เกิดจากมอนอเมอร์สร้างพันธะโคเวเลนต์ต่อกันเป็นโซ่ยาว สายโซ่พอลิเมอร์
เรียงชิดกันมากกว่าแบบอื่น จึงทำให้มีแรงยึดเหนี่ยวต่อกันสูง เช่น พอลิเอทิลีน สาย
โซ่จะเรียงชิดติดกันมาก จึงมีความแข็ง ขุ่น และเหนียว พอลิสไตรีนจะมีเบนซีนอยู่
นอกโซ่ จึงผลักให้โซ่หลักอยู่ห่างกัน ทำให้มีความใสกว่าพอลิเอทิลีน
สมบัติพอลิเมอร์แบบเส้น
มีความหนาแน่นและมีจุดหลอมเหลวสูง ยืดหยุ่นได้มาก
มีความแข็ง เหนียวและขุ่นมากกว่าโครงสร้างแบบอื่นๆ
เมื่อได้รับความร้อนจะอ่อนตัว แต่เมื่ออุณหภูมิลดลงสามารถแข็งตัวได้อีกครั้ง
เปลี่ยนรูปร่างกลับไปมาได้ โดยสมบัติของพอลิเมอร์ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง
โครงสร้างแบบเส้น โครงสร้างแบบเส้น
พอลิสไตรีน พอลิเอทิลีน
10
พอลิเมอร์แบบกิ่ง (branched polymer)
เป็นพอลิเมอร์ที่มีกิ่งแยกออกจากสายโซ่หลัก ซึ่งอาจจะเป็นกิ่งสั้นหรือกิ่งยาว
ทําให้โซ่หลักเรียงตัวอยู่ห่างกัน เช่น พอลิเอทิลีนชนิดความหนาแน่นต่ำ ( low den-
sity polyethylene ; LDPE)
สมบัติของพอลิเมอร์แบบกิ่ง
มีความหนาแน่นและมีจุดหลอมเหลวยืดหยุ่นได้น้อย
เมื่อได้รับความร้อนจะอ่อนตัว แต่เมื่ออุณหภูมิลดลงสามารถแข็งตัวได้อีกครั้ง
เปลี่ยนรูปร่างกลับไปมาได้โดยสมบัติของพอลิเมอร์ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง
โครงสร้างแบบกิ่ง โครงสร้างแบบกิ่ง
ตัวอย่าง พอลิเอทิลีนชนิดความหนาแน่นต่ำ
ฟิล์มยืด ฟิล์มหด ฝาขวดน้ำ
11
พอลิเมอร์แบบร่างแห (network polymer)
เกิดจากการเชื่อมโยงสายโซ่ของพอลิเมอร์แบบเส้นกับพอลิเมอร์แบบกิ่ง เช่น
พอลิฟีนอลฟอร์มาลดีไฮด์ พอลิเมลานีนฟอร์มาลดีไฮด์
สมบัติของพอลิเมอร์แบบร่างแห
มีจุดหลอมเหลวสูงแข็งเปราะไม่ยืดหยุ่น แตกหักง่าย
เมื่อขึ้นรูปแล้วไม่สามารถหลอมหรือเปลี่ยนรูปร่างได้
โครงสร้างแบบร่างแห โครงสร้างแบบร่างแห
ตัวอย่าง พอลิเมลานีนฟอร์มาลดีไฮด์ ตัวอย่าง พอลิฟีนอลฟอร์มาลดีไฮด์
เซตเมลานีน หูจับหม้อ
12
ผลิตภัณฑ์จากพอลิเมอร์
พอลิเมอร์สามารถนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ได้มากมาย เช่น ขวดน้ำ ถ้วย
จาน ชาม ถุงบรรจุอาหาร ถุงมือแพทย์ ยางรถยนต์
1. พลาสติกพลาสติก (plastie) เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการนำพอลิเมอร์มาขึ้นรูป
ซึ่งจำแนกตามกรรมวิธี
ผลิตและการใช้งานได้ ดังแผนภาพ
พลาสติกแต่ละชนิดจึงมีสมบัติแตกต่างกัน การศึกษาชนิดของพลาสติกจึงทำได้
โดยการตรวจสอบสมบัติบางประการของพลาสติก เช่น บางชนิดเมื่อขีดจะเป็นรอย
หรือตัดเป็นชิ้นได้ง่ายบางชนิดเมื่อใช้มีดกรีดจะมีรอยเล็กน้อย แต่บางชนิดก็ไม่มีรอย
เลย ส่วนความสามารถในการละลายนั้นขึ้นอยู่กับชนิดของตัวทำละลาย โดยพลาสติก
ส่วนใหญ่ละลายได้ดีในตัวทำละลายอินทรีย์เช่น เฮกเซน โทลูอีน อีกทั้งพลาสติกแต่ละ
ชนิดยังมีความหนาแน่นต่างกัน
13
สมบัติทางกายภาพอีกประการหนึ่งของพลาสติก คือ การอ่อนตัวหรือกาหลอม
เหลวเมื่อได้รับความร้อน ดังนั้น หากพิจารณาลักษณะของพลาสติกเมื่อได้รับความ
ร้อน สามารถแบ่งออกได้ 2 ประเภท
1. เทอร์มอพลาสติก (thermoplastic)
ㆍมีโครงสร้างแบบเส้นหรือแบบกิ่ง
ㆍเป็นพลาสติกที่อ่อนตัวเมื่อได้รับความร้อน
และเมื่ออุณหภูมิลดลงจะแข็งตัว
ㆍกลับมาเป็นรูปร่างเดิมหรือเปลี่ยนรูปร่างได้
โดยสมบัติไม่เปลี่ยนแปลง
ㆍตัวอย่างเช่น พอลิเอทิลีน พอลิโพรพิลีน
พอลิสไตรีน
2. พลาสติกเทอร์มอเซต (thermosetting plastic)
ㆍมีโครงสร้างแบบร่างแห
ㆍทนต่อความร้อนและความดันได้ดี หากมีอุณหภูมิสูง
มากจะแตกและไหม้เป็นเถ้า
ㆍเมื่อขึ้นรูปด้วยความร้อนหรือแรงดันแล้วจะไม่สามารถ
นำกลับมาขึ้นรูปใหม่ได้อีก
ㆍตัวอย่างเช่น พอลิยูรีเทน พอลิเมลามีน
ฟอร์มาลดีไฮด์ พอลิฟินอลฟอร์มาลดีไฮด์
2. ยาง (rubber) เป็นพอลิเมอร์ธรรมชาติ ซึ่งน้ำยางสุดจากต้นยางมีลักษณะข้น สี
ขาวขุ่น ประกอบด้วยเนื้อยางประมาณร้อยละ 25-45 ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ของต้นยาง
อายุของตันยาง และฤดูกาล เก็บเกี่ยว โดยหากแยกเนื้อยางออกมาจากน้ำยางจะ
เรียกว่า ยางดิบ
14
มอนอเมอร์ของยาง คือ ไอโซพรีน (isoprene) ซึ่งมี สูตรเคมี คือ C5 H8 และมี
โครงสร้าง 2 แบบ
trans-isoprene cis-isoprene
ยางพารา จะประกอบด้วยมอนอเมอร์ที่มีหมู่ CH2 อยู่ด้านเดียวกันของพันธะคู่
เรียกว่า cis-1,4-polyisoprene
ยางจากต้นกัตตา บาลาทา ชิเคิล ทีโครงสร้างเป็น trans-1,4-polyisoprene
ซึ่งทำให้มีความยืดหยุ่นน้อยกว่ายางพารา
ยางมีสมบัติ คือ มีความยืดหยุ่นสูงเนื่องจากโครงสร้างโมเลกุลมีลักษณะขดไป
มาเป็นเกลียว โดยมีแรงแวนเดอร์วาลส์ยึดเหนี่ยวระหว่างโซ่ของพอลิเมอร์ อีกทั้งยัง
ทนต่อแรงดึง การขัดถู ทนต่อน้ำและน้ำมัน แต่ไม่ทนต่อน้ำมันเบนซินและตัวทำ
ละลายอินทรีย์ เมื่อได้รับความร้อนจะเหนียวและอ่อนตัว แต่หากอยู่ในอุณหภูมิต่ำกว่า
อุณหภูมิห้องจะมีลักษณะแข็งและเปราะ
15
เมื่อปี พ.ศ. 2382 ชาลส์ กูดเยียร์ (Charles Goodyear) คันพบว่า เมื่อยาง
ทำปฏิกิริยากับกำมะถันในปริมาณที่เหมาะสม ณ อุณหภูมิที่สูงกว่าจุดหลอมเหลวของ
กำมะถัน จะเกิดพันธะโคเวเลนต์ของกำมะถันเชื่อมต่อระหว่างโซ่พอลิไอโซพรีนในบาง
ตำแหน่ง ทำให้ยางมีความยืดหยุ่นคงรูปดีขึ้น ทนความร้อนและแสงได้ดีขึ้น เรียกว่า
ปฏิกิริยาวัลคาไนเซชัน (vulcanization reaction)
นอกจากการเติมกำมะถันแล้ว ยังอาจเติมซิลิกา ซิลิเกต หรือผงถ่าน ซึ่งช่วย
เพิ่มความแข็งแกร่ง ให้กับยางเพื่อนำไปผล
ิตยางสำหรับพาหนะ โดยเฉพาะผงถ่านจะ
ช่วยป้องกันการสึกกร่อน และถูกทำลายจากแสงแดดได้ดี
นอกจากการใช้ประโยชน์จากยางธรรมชาติแล้ว ยังมีการผลิตยางสังเคราะห์ เช่น
1. พอลิบิวทาไดอีน เช่น ลูกฟุตบอล
2. พอลิคลอโรพรีน เช่น ยางซีล
3. พอลิสไตรีนบิวทาไดอีน เช่น พื้นรองเท้า
4. พอลิไอโซพรีน เช่น จุกนมยาง
3. เส้นใย เป็นพอลิเมอร์ที่นำมาปั่ นเป็นเส้นหรือรีดเป็นเส้นด้าย เป็นผลิตภัณฑ์ที่นิยม
ใช้อีกหนึ่งชนิด มี 3 ประเภท
16
1. เส้นใยธรรมชาติ
เซลลูโลส จากส่วนต่างๆของพืช เช่น ฝ้าย นุ่น ลินิน
โปรตีน จากสัตว์ เช่น ขนแกะ แพะ รังไหม
ใยหิน แร่ที่เกิดตามธรรมชาติเป็นเส้นละเอียด
ข้อดี ดูดซึมน้ำได้ดีและระบายอากาศได้ดี
ข้อเสีย ผ้าฝ้ายเป็นเชื้อราและเปื่ อยง่าย ผ้าไหมจะหดตัวเมื่อได้รับความร้อน
2. เส้นใยกึ่งสังเคราะห์
เซลลูโลสแอซีเตต เกิดจากปฏิกิริยาระหว่าง
เซลลูโลสกับกรดแอซีติกเข้มข้นมีกรดซัลฟิวลิก
เข้มข้นเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา มีสมบัติคล้าย
เซลลูโลส
เรยอน สมบัติคล้ายขนสัตว์ ไหม ลินิน และฝ้าย
ข้อดี น้
ำหนักเบา ไม่ดูดซับความร้อน และดูดซับ
เหงื่ อได้ดี
3. เส้นใยสังเคราะห์
พอลิเอสเทอร์ หรือ ดาครอน เกิดจากปฏิกิริยาพอลิเมอไรเซชันแบบ
ควบแน่นระหว่างเอทิลีนไกลคอลกับไดเมทิลเทเรฟทาเลต
พอลิเอไมด์ หรือ ไนลอน เช่น ไนลอน 6,6 และ ไนลอน 6,10เกิดจาก
ปฏิกิริยาพอลิเมอไรเซชันแบบควบแน่น ระหว่างเอมีนกับกรดคาร์บอกซิลิก
พอลิอะคริโลไนไตรล์ เช่น โอรอน เกิดจากปฏิกิริยาพอลิเมอไรเซชันแบบ
เติมของเติมของอะคริโลไนไตรล์
ข้อดี น้ำหนักเบา ทนต่อจุลินทรีย์ เชื้อรา และแบคทีเรีย ไม่ยับง่าย ไม่ดูดน้ำ
ทนต่อสารเคมี ซักง่าย และแห้งไว
17
ผลกระทบที่เกิดจากการใช้และ
กำจัดผลิตภัณฑ์พอลิเมอร์
ปัจจุบันการใช้ผลิตภัณฑ์จากพอลิเมอร์
เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันอย่างมาก
เช่น ถุงพลาสติก บรรจุภัณฑ์อาหาร ซึ่งเป็น
ที่นิยมและมีปริมาณการใช้งานเพิ่มมากขึ้น
อย่างต่อเนื่อง
ผลิตภัณฑ์พอลิเมอร์แม้จะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็ก่อให้เกิดผลกระทบต่อ
สิ่งแวดล้อมได้ เช่น ผลิตภัณฑ์พอลิเมอร์ส่วนใหญ่สลายตัวยาก เมื่อมีปริมาณ
การใช้ที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้มีปริมาณขยะมากขึ้น บางส่วนถูกทิ้งลงในแม่น้ำ
ส่งผลให้เกิดการเน่าเสสียของน้ำ บางส่วนลอยลงสู่ทะเล ทำให้มีผลกระทบต่อสัตว์
ทะเล หากปล่อยให้ย่อยสลายเองตามธรรมชาติต้องช้เวลานานหลายสิบปีหรือหลาย
ร้อยปี หากนำไปเผาจะก่อให้เกิดแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์และแก๊สพิษอื่นๆ ที่ส่งผล
กระทบต่อบรรยากาศ หรือหากนำไปังดินอาจจะทำให้ดินบริเวณนั้นเสื่อมสภาพได้
18
ปัจจุบันจึงมีแนวทางในการแก้ปัญหาขยะพลาสติก ดีงนี้
การลดการใช้ (reduce)
เป็นการใช้ผลิตภัณฑ์พอลิเมอน์สังเคราะห์ให้น้อยลง
อาจใช้วัตถุหรือบรรจุภัณฑ์จากธรรมชาติแทน เช่น
ใช้ใบตองห่ออาหาร นำถุงผ้ามาใช้ใส่ของ เพื่อลดการ
ใช้พลาสติก
การใช้ซ้ำ (reuse)
เป็นการนำผลิตภัณฑ์พอลิเมอน์สังเคราะห์ที่ใช้แล้ว แต่
ยังมีคุณภาพกลับมาใช้งานอีกครั้ง เช่น การรใช้ ถุง
พลาสติกใส่ของที่ได้มาจากร้านค้าสะดวกซื้อไปใช้ ใส่ขยะ
การนำกลับมาใช้ใหม่หรืการแปรรูปใหม่ (recycle)
เป็นการนำผลิตภัณฑ์พอลิเมอน์สังเคราะห์ที่ผ่านการใช้
งานแล้วมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น การนำเอา
ขวดน้ำพลาสติกมาผ่านกระวนการย่อยให้กลายเป็น
พลาสติกแล้วนำมาหลอมขึ้นใหม่เป็นเส้นใย นำไปทำเป็น
เสื้อผ้าได้
19
ผลิตภัณฑ์พอลิเมอร์สังเคราะห์ที่นิยมนำกลับมาใช้ใหม่หรือแปรรูปใหม่ คือ พลาสติก
ซึ่งพลาสติกแต่ละชนิดก็นำไปแปรรูปได้แตกต่างกัน ดังนั้น ต้องมีการคัดแยกประเภทของ
พลาสติกก่อนที่จะนำไปแปรรูปใหม่ ซึ่งสมาคอุตสาหกรรมพลาสติกแห่งสหรัฐอเมริกา ได้มี
การกำหนดสัญลักษณ์เพื่อแสดงประเภทของพลาสติกที่สามารถนำกลับมาแปรรูปใหม่ได้
ดังนี้
20
โฟม (Foam)
โฟมเป็นพลาสติกที่ผ่านกระบวนการขึ้นโดย โฟมบรรจุอาหารทำมาจากโฟมพอลิสไตรีน
การเติมแก๊สเพื่อทำให้เกิดฟองอากาศแทรก
อยู่ระหว่างเนื้อพลาสติก ทำให้มีน้ำหนักเบา
และมีความยืดหยุ่น โฟมนิยมนำมาใช้งาน คือ
โฟมพอลิสไตรีน และโฟมพอลิยูรีเทน
โฟมพอลิสไตรีน ( polystyrene ; PS ) เป็นพลาสติกชนิดเทอร์มอพลาสติกที่
สามารถหลอมเหลวหรือเปลี่ยนรูปร่างได้เมื่อได้รับความร้อน และแข็งตัวได้เมื่ออุณ-
หภูมิลดลง เป็นพอลิเมอร์ที่ขึ้นรูปได้ง่าย ทำให้มีราคาถูก จึงนำมาผลิตเป็นบรรจุภัณฑ์
ภาชนะบรรจุอาหาร เช่น ถาดใส่อาหาร แก้ว ถ้วย กล่องใส่อาหาร
โฟมพอยูรีเทน ( polyurethane ; PS ) เป็นพลาสติกชนิดเทอร์มอเซตไม่สา-
มารถหลอมเหลวและขึ้นรูปใหม่ได้ นำมาใช้ประโยชน์ได้หลายรูปแบบ เช่น โฟมยืดหยุ่น
โฟมแข็ง สารเคลือบป้องกันสารเคมี พอลิยูรีเทนบางชนิดเมื่อสัมผัสกับละละอองน้ำ
ในอากาศจะแข็งตัวได้ ทำให้สมบัติยึดติดแน่น ใช้สำหรับอุดช่องว่าง รอยแตก
รอยแยกต่างๆได้ และยังเป็นฉนวนกันความร้อนและเสียงได้
โฟมพอยูรีเทน (polyurethane; PS) ใช้สำหรับอุดช่องว่างและรอยแตก
ผู้จัดทำ
ธันยพร ศรีสันทราย ม.6/2 เลขที่ 19
ภัทชยานันท์ ดิษฐป้าน ม.6/2 เลขที่ 25
ภิราวัลย์ สวัสดี ม.6/2 เลขที่ 26
ปาริฉัตร แจ้งจิตร ม.6/2 เลขที่ 29
อริสา ทองงามดี ม.6/2 เลขที่ 30