The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Parichat Kongtuk, 2023-06-28 00:01:10

สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช

สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช

ส ม เ ด็ จ พ ระ เ จ้ า ต า ก สิ น ม ห า ร า ช


คำ นำ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Book) นี้ จัดทำ ขึ้นเพื่อให้ผู้อ่านได้ทราบข้อมูลเกี่ยวกับวิชาประวัติศาสตร์ไทย เรื่อง บุคคลสำ คัญในประวัติศาสตร์ไทย สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เพื่อให้ทราบถึงประวัติความมา เรื่องราว ผล งาน ผู้จัดทำ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-book) เล่มนี้จะเป็นประโยชน์สำ หรับคนที่สนใจในวิชา ประวัติศาสตร์ไทย เรื่อง บุคคลสำ คัญในประวัติศาสตร์ไทย สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้ประโยชน์จาก หนังสือ E-Book เล่มนี้ไม่มากก็น้อย หากผิดพลาดประการผู้จัดทำ ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ผู้จัผู้ ดจัทำ นางสาวปาริชริาต คงตุกตุ


สา รบัญ พระรา ชประวั ติ พระราชสมภพและปฐมวัย พระเจ้าตากสิน ผลงานสำ คัญในหน้า ประวัติศาสตร์ไทย พระราชภารกิจ ด้านการปกครอง ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม ศาสนา และการศึกษา ผลงานที่สร้างชื่อของพระเจ้าตากสิน ถวายพระนามมหาราช และการสร้าง พระบรมราชานุสาวรีย์ ข้าราชการในสมเด็จพระเจ้าเอกทัศ สวรรคต 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11


พระร าช ประวัติ Tสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช หรือ พระเจ้า กรุงธนบุรี มีพระนามเดิมว่า “สิน” (ชื่อจีนเรียกว่า เซิ้นเซิ้นซิน) เป็นบุตรของขุนพัฒน์ (นายหยง หรือ ไหฮอง แซ่อ๋อง บางตำ ราก็ว่า แซ่แต้) และ นางนก เอี้ยง (กรมพระเทพามาตย์) เกิดเมื่อวันอาทิตย์ มีนาคม พ.ศ. 2277 ในแผ่นดิน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว บรมโกศแห่งกรุงศรีอยุธยา ต่อมา เจ้าพระยาจักรีผู้มี ตำ แหน่งสมุหนายกเห็นบุคลิกลักษณะ จึงขอไปเลี้ยง ไว้เหมือนบุตรบุญธรรม ตั้งแต่ครั้งยังเยาว์วัย ได้รับ การศึกษาขั้นต้นจากสำ นักวัดโกษาวาส (วัดคลัง) และ บรรพชาเป็นสามเณร เมื่ออายุ 13 ขวบ ที่วัด สามพิหาร หลังจากสึกออกมาแล้ว ได้เข้ารับราชการ เป็นมหาดเล็ก และ อุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่ออายุ ครบ 21 ปีตามขนบประเพณี ของไทยบวชอยู่ 3 พรรษา หลังจากสึกออกมาได้เข้ารับราชการ ต่อ ณ. กรมมหาดไทยที่ศาลหลวงในกรมวัง ต่อมาในแผ่นดินพระเจ้าอยู่หัวพระที่นั่งสุริยาศน์ อมรินทร์ (พระเจ้าเอกทัศน์) จึงได้รับบรรดาศักดิ์เป็น หลวงยกกระบัตรเมืองตากจนได้เป็นพระยาตาก ใน เวลาต่อมา หลังจากนั้นได้ถูกเรียกตัวเข้ามาในกรุง ศรีอยุธยา เพื่อแต่งตั้งไปเป็น พระยาวชิรปราการ เจ้าเมืองกำ แพงเพชรแทนเจ้าเมืองคนเก่าที่ถึงแก่ อนิจกรรมลงใน พ.ศ. 2310 ครั้นเจริญวัยวัฒนา ก็ได้ ไปถวายตัวทำ ราชการกับสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มี ความดีความชอบจนได้รับเลื่อนหน้าที่ราชการไปเป็น ผู้ปกครองหัวหน้าฝ่ายเหนือคือ เมืองตาก และเรียก ติดปากมาว่า “พระยาตากสิน” สมเด็จ พระเจ้าตากสินหรือสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี (ตาม หนังสือราชการ) เป็นยอดวีรบุตรนักรบ ฝีหัตถ์เยี่ยม ทรหดอดทน กล้าหาญ ไม่กลัวตาย และเป็นผู้ดึง อิสระเสรีของชาติไทยมาจากเงื้อมมือของผู้ช่วงชิงไป สมเด็จพระเจ้าตากสิน หลังจากที่ได้กอบกู้เอกราชของชาติไทย คืนมาก็ทรงปกครองบ้านเมืองคล้ายคลึงกับพระราโชบายของ พ่อขุนรามคำ แหง คือ แบบพ่อปกครองลูก พระเจ้าตากสินทรง เป็นกษัตริย์ไทยพระองค์เดียวที่ไม่ถือตัว ชอบปรากฏพระ วรกายให้ประชาราษฎรเห็น และชอบถามสารทุกข์สุขดิบของ ประชาชนทั่วไป ทรงหาวิธีให้ไพร่บ้านพลเมืองได้ทำ มาหากิน โดยปกติสุข ใครดีก็ยกย่องสรรเสริญ ผู้ใดทำ ไม่พอพระทัย ก็ดุ ด่าว่ากล่าวดังพ่อสอนลูก อาจารย์สอนศิษย์ 1


ซึ่งสมกับโคลงยอพระเกียรติของนายสวนมหาดเล็กที่ว่า พระเดียวบุญลาภเลี้ยง ประชากร เป็นบิตุรมาดร ทั่วหล้า เป็นเจ้าและครูสอน สั่งโลก เป็นสุขทุขถ้วนหน้า นิกรทั้งชายหญิง ในสมัยของพระองค์นอกจากเกณฑ์ผู้คนเข้ากองทัพไปราชการสงครามแล้ว ความเดือดร้อนอื่น ๆ หามีไม่เพราะเป็นพระมหากษัตริย์ทรงทศพิธราชธรรมยิ่ง มีพระเมตตาจิตต่อพศกนิกรของพระองค์อย่างทั่วหน้า และ มีพระศรัทธา เลื่อมใสในบวรพุทธศาสนา พระองค์ได้ทรงอนุญาตให้ศาสนาลัทธิอื่นเข้ามา เผยแพร่ศาสนาในไทย คือ บาทหลวงฝรั่งเศส แต่ครั้นได้รับสิทธิให้ทำ การเผย แพร่ศาสนาของตนแล้ว กลับยุยงให้คนไทยที่เข้ารีดให้ขัดขืนต่อราชการหลาย หนเป็นการนำ ผลร้ายให้แก่ไทย จึงขอทรงให้บาทหลวงคณะนั้นออกไปพ้นพระ ราชอาณาเขต และทรงห้ามคนไทยมิให้ถือศาสนานั้นอีกเป็นอันขาดในยามรบ ทัพจับศึก สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงเหี้ยมหาญ อดทน สมเป็นชาย ชาตรีชาตินักรบฝีมือเยี่ยมจะเห็นได้ว่าในราชการสงครามแต่ละครั้งในสมรภูมิ นายทัพนายกองตลอดจนไพร่พลมักถูกลงโทษด้วยทำ การไม่ได้ดังพระทัยเสมอ เช่น เมื่อคราวเรียกกองทัพกลับแล้วให้เลยไปราชบุรี มีนายทัพคนหนึ่งขัดรับสั่ง แวะบ้านเสียก่อน ถึงหัวขาด นี่แสดงถึงความพิโรธของพระองค์ แต่เมื่อถึง คราวเสียสละพระองค์ก็ยอมตัดสินพระทัยไม่อยู่ดูอาการสมเด็จพระชนนีทรง พระประชวรพระอาการน่าวิตก ทั้ง ๆ ที่ “เมียร้อยคนหรือจะสู้พระแม่ได้” แต่ ทรงเป็นห่วงราชการสงครามมากกว่าพระราชชนนี ทรงห่วงใยว่า “ถ้ามิได้ เสด็จไปบัญชาการ ก็คงจะเอาชนะพม่ามิได้” ในคราวรบพม่าที่บางแก้ว จังหวัดราชบุรี เมื่อปีมะเมีย พ.ศ. 2317 แล้วทรงปรารภด้วยความน้อยพระทัย ว่า “ใช้พวกลูก ๆ ไปทำ สงครามครั้งใด ถ้าพ่อไม่เข้ากองทัพไปด้วย ไม่เห็นรบ ชนะศึกสักราย” ข้อนี้เป็นความจริง สมเด็จพระเจ้าตากสินได้ให้สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ ศึกกับเจ้าพระยาสุรสีห์ไปทำ สงครามตามลำ พัง หลังจากเป็นแม่ทัพไปรบกับ พม่าคราวอะแซหวุ่นกี้หัวเมืองฝ่ายเหนือ เมื่อปีมะแม พ.ศ. 2318 และสองท่าน นี้เท่านั้น เป็นพระกรขวาซ้ายในราชการสงครามทุกครั้ง และทรงเป็นทหารเอก ยอดนักรบคู่พระราชหฤทัยของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช 2


พระราชสมภพ และปฐมวัย ในรัชกาลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ มีชมีาวจีนแต้จิ๋วคนหนึ่งนามว่า หยง แซ่แต้ (นิธิ เอียวศรีวงศ์อศ์ธิบายว่า ไหฮอง หรือ ไฮ้ฮง หรือ ไห่เฟิง เป็นอำ เภอหนึ่งของจังหวัดแต้จิ๋ว มิใช่ชื่อของพระราชบิดาสมเด็จพระเจ้า กรุงธนบุรี)เป็นผู้อพยพมาจากเมืองเฉิงไห่ ซัวเถาครั้นเมื่อถึงวันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2277 มีบุตรชายคนหนึ่ง ได้ ชื่อว่า สิน เกิดแต่นาง นกเอี้ยง ซึ่งเป็นชาวไทย ต่อมาได้รับเฉลิมพระนามเป็นกรมพระเทพามาตย์ สำ หรับถิ่น กำ เนิดของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีนั้นน่าจะเกิดในแถบภาคกลางมากกว่าเมืองตาก ซึ่งมักว่ากันว่าอยู่ในกรุง ศรีอยุธยา จากหลักฐานที่อาลักษณ์ของจีนจดบันทึกไว้ในพระราชพงศาวดารวงเช็ง แผ่นดินจักรพรรดิเฉียนหลง กล่าวถึง พระราชประวัติของพระองค์ไว้ว่า "บิดาเจิ้งเป็นชาวมณฑลกวางตุ้ง ไปทำ มาค้าขายอยู่ที่เสียมล่อก๊ก ประเทศไทย] และเกิดเจิ้งเจา สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี; สำ เนียงปักกิ่ง] ที่นั่น เมื่อเจิ้งเจาเติบใหญ่ เป็นผู้มีความ สามารถ ได้เข้ารับราชการอยู่ในเสียมล่อก๊ก เมื่อเจิ้งเจารบชนะพม่า ฯ แล้ว ราษฎรทั่วประเทศยกขึ้นเป็นเจ้าครอง ประเทศ..." สำ หรับการศึกษาของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีไม่แน่ชัด แต่คาดว่าน่าจะทรงเคยบวชเรียนมาระยะเวลาหนึ่ง ทำ ให้ทรงสามารถแต่งกลอนบทละครและอุดหนุนการเก็บรวบรวมคัมภีร์ในพระพุทธศาสนาในภาษาไทยและ ภาษาบาลีครั้นเมื่อเสด็จขึ้นครองราชย์แล้ว ส่วน อภินิหารบรรพบุรุษ ระบุว่า เด็กชายสินได้เล่าเรียนหนังสือในวัด โกษาวาส สำ นักของพระอาจารย์ทองดี อีกทั้งยังได้อุปสมบท และยังศึกษาภาษาต่างประเทศเป็นจำ นวนมากใน ระหว่างเป็นมหาดเล็ก เพียงแต่มีหลักฐานที่น่าเชื่อถือว่าพระองค์ตรัสได้ 4 ภาษา คือ ภาษาไทย จีน ญวน และ ภาษาลาว 3


พระเจ้าตากสิน ผล งานสำ คัญในหน้า ประวัติศาสตร์ไทย - ด้านการสู้รบและการทำ สงคราม ในช่วงที่เป็นผู้ปกครองฝ่ายเหนือ ได้ทำ การร่วมรบปราบปราม ชุมนุม ทำ สงครามกอบกู้เอกราชชาติไทยได้สำ เร็จด้วยพระปรีชา สามารถและการวางยุทธศาสตร์ในการทำ สงคราม ด้านการปกครอง - ด้วยวิสัยทัศน์ที่ก้าวไกล หลังจากทำ สงครามและได้รับชัยชนะ ต่อมาจากได้คิดวางแผนที่ จะบูรณปฏิสังขรณ์กรุงศรีอยุธยา แต่พบว่าได้รับความเสียหาย รุนแรง จึงทำ การย้ายถิ่นฐานมายังธนบุรี อพยพผู้คนลงมา ก่อตั้ง เป็นราชธานี และทำ พิธีปราบดาภิเษกเป็นกษัตริย์ปกครองไพร่ฟ้า ในวันที่ 28 เดือนธันวาคม พ.ศ. 2311 และปกครองตามรูปแบบ ของกรุงศรีอยุธยา นอกจากนี้ยังมีการขยายอาณาเขตให้กว้างใหญ่ ไพศาลเพิ่มขึ้นด้วย - ด้านเศรษฐกิจ ขณะที่กำ ลังก่อตั้งบ้านเมืองในราชธานีใหม่ ในช่วงเวลาดังกล่าว พระเจ้าตากสินได้ทรงติดต่อเจรจาค้าขายกับต่างชาติ จากนั้น ทำ การส่งสินค้าที่มีในไทยออกไปขายทางเรือ โดยมุ่งเน้นให้ เศรษฐกิจเฟื่องฟู ประชาชนมีกินมีใช้ ด้านศาสนา มีการทำ นุบำ รุงศาสนาอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มจากการบูรณ ปฏิสังขรณ์วัดและโบราณสถาน ให้เสรีภาพในการนับถือศาสนา ตลอดจนส่งเสริมให้มีการเรียนการสอนภาษาบาลีมากยิ่งขึ้น 4


พระราชภารกิจ หลังจากกอบกู้เอกราชให้แก่ประเทศชาติ คือ การปราบชุมนุม ต่างๆ ที่ตั้งเป็นก๊กเป็นเหล่า ตั้งแต่ชุมนุมสุกี้พระนายกอง จนถึง ชุมนุมเจ้าพระฝางให้ราบคาบ รวมอาณาจักรเป็นอันเดียวกัน นับเป็นเวลาสามปี ครั้นสำ เร็จตามพระทัยปรารถนาแล้ว ก็ต้อง ทำ สงครามกับพม่าต่อ ทรงยืนหยัดต่อสู้อยู่ด้วยพระทัยเด็ดเดี่ยว เข้มแข็ง จนได้อาณาเขตกว้างขวางออกไปทั้งสี่ทิศ คือ ทิศเหนือ ได้ดินแดนเมืองหลวงพระบาง เวียงจันทน์ ทิศตะวันออก ได้ดินแดนลาวและเขมร ทางฝั่งแม่น้ำ โขงจด อาณาเขตญวน ทิศใต้ ได้ดินแดนเมืองกะลันตัน ตรังกานู และไทรบุรี ทิศตะวันตก จดดินแดนเมืองเมาะตะมะ ทวาย มะริด และ ตะนาวศรี เจ้าตาก สมภพเมื่อปีขาล พ.ศ. 2277 เวลาเมื่อเข้ามากู้กรุง ศรีอยุธยา อายุย่างเข้า 34 ปี พระเจ้าตากสินมีชื่อเสียงปรากฏ ว่ามีฝีมือรบพุ่งเข้มแข้ง แม้พวกพม่าข้าศึก ก็ยกย่องว่าเป็นนาย ทหารสำ คัญคนหนึ่งในกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระเจ้าตากสิน มหาราช พาทหารกล้าตายห้าร้อยคนออกจากค่ายวัดพิชัย หนี ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้แล้วและได้ปะทะกับพม่ากลางทุ่ง นา คราวนั้นก็รบเอาชัยเป็นฤกษ์เสียแล้ว ต่อไปก็รบชนะเรื่อย มา แม้เมืองจันทบุรีเป็นเมืองใหญ่ที่อุดมสมบูรณ์มีกำ ลังทหาร มาก ก็สามารถรบชนะเข้าไปกินข้าวเช้ากันในเมืองได้ ครั้นยก กองทัพเรือขึ้นมากอบกู้อิสระเสรี ก็มีชัยชนะตั้งแต่เมืองธนบุรี ที่ กรุงศรีอยุธยา มีคราวเดียวกับที่รบกับอะแซหวุ่นกี้ และนับเป็น ราชการสงครามที่พระองค์ทรงเป็นจอมทัพ ไม่ถึงแก่แพ้ชนะแก่ กัน พม่าถอยทัพกลับไปเองเสียก่อนแต่กระนั้นก็ขับไล่พม่าที่ ตกค้างแตกพ่ายเสียหายอย่างยับเยิน 5


ด้านการปกครอง หลังจากที่กรุงศรีอยุธยาแตก กฎหมายบ้านเมืองกระจัดกระจายสูญหายไปมาก จึงทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ ให้ทำ การสืบเสาะ ค้นหามารวบรวมไว้ได้ประมาณ 1 ใน 10 และโปรดฯ ให้ชำ ระ กฎหมายเหล่านั้น ฉบับใดยังเหมาะแก่กาลสมัยก็โปรดฯ ให้คงไว้ ฉบับใดไม่เหมาะก็โปรดให้แก้ไข เพิ่มเติมก็มี ยกเลิกไปก็มี ตราขึ้นใหม่ก็มี และเป็นการแก้ไขเพื่อราษฎรได้รับผลประโยชน์มากขึ้น เช่น โปรดฯ ให้แก้ไขกฎหมายว่าด้วยการพนันให้อำ นาจการตัดสินลงโทษขึ้นแก่ศาลแทนนายตรา สิทธิ์ขาด และยังห้ามนายตรานายบ่อนออกเงินทดลองให้ผู้เล่น เกาะกุมผูกมัดจำ จองเร่งรัดผู้เล่น กฎหมายพิกัดภาษีอากรก็เกือบไม่มี เพราะผลประโยชน์แผ่นดินได้จากการค้าสำ เภามากพอแล้ว กฎหมายว่าด้วยการจุกช่องล้อมวงก็ยังไม่ตราขึ้น เปิดโอกาสให้ราษฎรได้เฝ้าแหนตามรายทาง โดย ไม่มีพนักงานตำ รวจแม่นปืนคอยยิงราษฎร ซึ่งแม้แต่ชาวต่างประเทศก็ยังชื่นชมในพระราช อัธยาศัยนี้ เช่น มองเซนเยอร์ เลอบอง ได้บรรยายไว้ในจดหมายถึงผู้อำ นวยการคณะต่างประเทศ ว่า บรรดาคนทั้งหลายเรียกพระเจ้าตากว่าพระเจ้าแผ่นดิน แต่พระเจ้าตากเองว่าเป็นแต่เพียงผู้รักษา กรุงเท่านั้น พระเจ้าตากหาได้ทรงประพฤติเหมือนอย่างพระเจ้าแผ่นดินก่อน ๆ ไม่ และใน ธรรมเนียมของพระเจ้าแผ่นดินฝ่ายทิศตะวันออกที่ไม่เสด็จออกให้ราษฎรเห็นพระองค์ด้วยกลัวจะ เสื่อมเสียพระเกียรติยศนั้น พระเจ้าตากไม่ทรงเห็นชอบด้วยเลย พระเจ้าตากทรงพระปรีชา สามารถยิ่งกว่าคนธรรมดา เพราะฉะนั้นจึงไม่ทรงเกรงว่าถ้าเสด็จออกให้ราษฎรพลเมืองเห็น พระองค์ และถ้าจะมีรับสั่งด้วยแล้วจะทำ ให้เสียพระราชอำ นาจลงแต่อย่างใด เพราะพระองค์มีพระ ราชประสงค์ทอดพระเนตรการทั้งปวงด้วยพระเนตรของพระองค์เอง และจะทรงฟังการทั้งหลาย ด้วยพระกรรณของพระองค์เองทั้งสิ้น 6


ด้านเศรษฐกิจ สงครามคราวเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สองมีผลกระทบให้เกิดทุพภิกขภัยครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย[64]นอกจากนี้เศรษฐกิจยัง เสียหายอย่างร้ายแรงอันเนื่องมาจากการปล้นสะดม และเมืองท่าที่สำ คัญตกเป็นของพม่าอย่างเด็ดขาดถึงสองเมือง ได้แก่ มะริดและ ตะนาวศรี และยังเสียปืนใหญ่และปืนคาบศิลารวมหลายหมื่นกระบอกด้วย เพื่อหาทรัพย์มาใช้จ่าย สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงยกเลิกประเพณีงดเก็บส่วยอากร 3 ปีเมื่อเข้ารัชกาลใหม่ อันเป็นประเพณีซึ่งมีมา ตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ทรงแจกจ่ายข้าวของเงินทองอันได้มาสี่ครั้ง ได้แก่ เมื่อครั้งตีค่ายชาวบ้านกง ครั้งตีเมืองจันทบุรี ครั้งปล้นเรือสำ เภาพ่อค้าจีนที่ตราด และครั้งตีเมืองนครศรีธรรมราช สามารถช่วยราษฎรได้หลายหมื่นคน บรรดาข้าราชการทหาร พลเรือนได้รับแจกข้าวสารหนึ่งถังกิน 20 วัน และโปรดเกล้าฯ ให้ซื้อข้าวสารบรรทุกมาขายจากพุทไธมาศ ถังละ 3–5 บาท เมื่อราษฎรทั้ง หลายทราบก็ได้อพยพจากบรรดาหัวเมืองต่าง ๆ เข้ามายังกรุงธนบุรีเป็นจำ นวนมาก ต่อมาทรงให้ข้าราชการทั้งหลายทำ นาปรังทุกแห่งทุก ตำ บล ราคาข้าวเริ่มปรับตัวลดลงเมื่อ พ.ศ. 2311 ต่อมาราคาข้าวได้ปรับสูงขึ้นอีกครั้งเมื่อปลาย พ.ศ. 2312 เนื่องจากมีหนูระบาด เมื่อหนู หายไปแล้ว ราคาข้าวก็กลับลดลงอีก พระองค์ทรงวางแผนเพิ่มพื้นที่ปลูกข้าวในกรุงธนบุรีเมื่อ พ.ศ. 2314 โดยทรงให้ปรับพื้นที่สวนป่านอกกำ แพงพระนครให้เสมอกันไว้ทำ นา ครั้นบ้านเมืองสงบก็ทรงให้แม่ทัพคุมกองทัพมาทำ นา ซึ่งทำ ให้กรุงธนบุรีกลายสภาพเป็นแหล่งทำ นาแห่งใหม่ และได้ชื่อว่าเป็นแหล่งปลูก ข้าวที่ดีที่สุดของประเทศไทย พระองค์ยังทรงทำ นุบำ รุงการค้าขายทางเรืออย่างเต็มที่ ทรงแต่งสำ เภาหลวงออกไปหลายสาย ทางตะวัน ออกถึงจีน ทางตะวันตกถึงอนุทวีปอินเดีย สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรียังทรงส่งเสริมการนำ สินค้าพื้นเมืองไปขาย ทั้งทรงพยายามผูกไมตรี กับจีนเพื่อประโยชน์ทั้งในด้านความมั่นคงของชาติและประโยชน์ในด้านการค้า สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงกระตุ้นให้ชาวจีนเข้ามาตั้งรกร้างในธนบุรี โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากเมืองแต้จิ๋ว ซึ่งบางส่วนมีจุดประสงค์เพื่อ ฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ซบเซา ทรงพยายามเจริญสัมพันธไมตรีกับจีน พ.ศ. 2313 ขณะที่จีนกำ ลังทำ สงครามกับพม่าที่ยูนนาน ชาวพม่าหนีเข้า มาพึ่งสยามทางภาคเหนือของไทย ถึงแม้ว่าในเวลานั้นราชสำ นักชิงยังไม่ได้รับรองรัฐบาลสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี แต่ก็ได้ติดต่อสยามให้ จับกุมข้าศึกเหล่านั้นส่งไปให้จีนด้วย พอดีกับที่ทรงกรีฑาทัพไปตีเมืองเชียงใหม่ จึงได้จับเชลยชายหญิงส่งไปถวายจักรพรรดิเฉียนหลง 12 คน เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2314 จักรพรรดิเฉียนมีรับสั่งให้เปลี่ยนนโยบายต่อสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ต่อมาสมเด็จพระเจ้า กรุงธนบุรีทรงส่งคนจีน หยุนหนานที่หลบหนีไปต่างประเทศทางทะเลและเชลยศึกพม่าไปให้จีนเป็นระยะๆ ตั้งแต่ พ.ศ. 2315 เป็นต้นมา ราชสำ นักชิงได้รับรองสถานภาพพระมหากษัตริย์อย่างเป็นทางการเมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2315 7


ด้านสังคม ศาสนา และการศึกษา สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดระเบียบสังฆมณฑลทันที หลังตั้งกรุง ครั้งที่ยกทัพไปปราบชุมนุมเจ้าพระฝางเมื่อทรงเห็นว่าพระสงฆ์ทางฝ่าย หัวเมืองเหนือมัวหมอง ก็ได้อาราธนาพระราชาคณะจากในกรุงไปสั่งสอน ทำ ให้พระ สงฆ์กลับบริสุทธิ์และเป็นปกติสุขขึ้น นอกจากนี้พระองค์ยังทรงมุ่งมั่นในการสืบเสาะ ค้นหาต้นฉบับ พระไตรปิฎกภาษาบาลี ที่ยังเหลืออยู่หลังจากเสียกรุง เพื่อนำ มาคัด ลอกจำ ลองไว้สำ หรับการสร้างพระไตรปิฎกฉบับหลวงต่อไป ซึ่งจะเห็นได้จากเมื่อ คราวที่เสด็จไปปราบชุมนุมเจ้านครศรีธรรมราชเมื่อ พ.ศ. 2312 ได้มีรับสั่งให้ขอยืม คัมภีร์พระไตรปิฎกจากนครศรีธรรมราชบรรทุกเรือเข้ามาคัดลอกในกรุงธนบุรี และใน ปีถัดมาในคราวที่เสด็จฯ ไปปราบชุมนุมเจ้าพระฝางที่เมืองอุตรดิตถ์ได้โปรดเกล้าฯ ให้ นำ พระไตรปิฎกลงมาด้วย ต้นฉบับที่ได้จากเมืองนครศรีธรรมราชซึ่งนับเป็นประโยชน์ อย่างยิ่งในการ สังคายนาพระไตรปิฎก ในสมัยต่อมา 8


ผลงานที่สร้างชื่อของพระเจ้าตากสิน สมเสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พระองค์มีความสำ คัญที่ ชาวไทยไม่สามารถจะลืมในพระคุณงามความดีที่ทรงกอบกู้ เอกราชเริ่มแต่ ทรงตีฝ่าวงล้อมพม่าเมื่อออกจากค่ายวัดพิชัย พร้อมด้วยสมัครพรรคพวกห้าร้อยคน มีอาวุธคือปืนเพียง กระบอกเดียว นอกนั้นเป็นหอกดาบ ก็สามารถตีหักฝ่าวงล้อม พม่าออกไปได้ หรือทรงเข้ายึดเมืองจันทบุรี ถือเป็นการเริ่ม ต้นของพระองค์ เพราะได้เริ่มประกาศพระองค์ขึ้นเป็นเจ้าคน ทั้งปวงเรียกพระนามว่า “เจ้าตากสิน” แต่นั้นมา พระองค์เริ่ม สะสมเสบียงอาหาร อาวุธ กำ ลังทหาร เพื่อเข้าทำ การกอบกู้ อิสรภาพ ทรงได้อิสรภาพคืน ที่เรียกว่ากอบกู้อิสระเสรีกรุง ศรีอยุธยา เมื่อเตรียมรบพร้อมสรรพและตีได้เมืองธนบุรีแล้ว ได้ขึ้นมาตีพม่าที่ค่ายโพธิสามต้น รบชนะพม่าแตกพ่ายทรงยึด กรุงศรีอยุธยาได้ ข้าราชการได้อัญเชิญเสด็จขึ้นเสวยราชย์ เป็นพระเจ้าอยู่หัวของชาติไทยทรงพระนามว่า สมเด็จ พระบรมราชาที่ 4 แต่ขนานนามเรียกแตกต่างเป็นหลาย อย่างเช่น ขุนหลวงตากเจ้ากรุงธนบุรี พระเจ้ากรุงธนบุรี สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชครองราชย์สมบัติกรุงธนบุรีได้ 15 ปีเศษ ก็สิ้นพระชนม์มีชนมายุ 48 พรรษา กรุงธนบุรีมี กำ หนดอายุกาลได้ 15 ปี 9


ถวายพระนามมหาราช และการสร้างพระบรม ราชานุสาวรีย์ ด้วยพระปรีชาสามารถของพระองค์ตามที่กล่าวมาแล้ว ประชาชนทุกหมู่เหล่าจึง พร้อมใจกันถวายพระนาม “มหาราช” แด่ “สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช” และ รัฐบาลอันมี ฯพณฯ จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี พร้อมทั้งเหล่าพสก นิกรชาวไทย ได้พร้อมใจกันสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ประดิษฐาน ณ วงเวียนใหญ่ ฝั่งธนบุรี ซึ่งศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี คณบดีประติมากรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร ขณะนั้น เป็นผู้ออกแบบ ทางราชการได้ประกอบพระราชพิธีเปิด และถวายบังคม พระบรมราชานุสาวรีย์ครั้งแรก เมื่อวันที่ ๑๗ เมษายน พ.ศ. ๒๔๙๗ และในวันที่ ๒๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๗ จึงมีรัฐพิธีเปิดเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง โดยพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำ เนินทรงวางพวงมาลา ถวายราชสัก การะ ต่อมาทางราชการจึงกำ หนดให้วันที่ ๒๘ ธันวาคม ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเสวย ราชย์ปราบดาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์ไทย เป็นวันสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช 10


ข้าราชการในสมเด็จ พระเจ้าเอกทัศ สำ หรับการรับราชการเป็นเจ้าเมืองตากนั้น พระราชพงศาวดารฉบับหนึ่งกล่าวทำ นองว่า สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงวิ่งเต้นให้ได้รับตำ แหน่งเจ้าเมืองตากโดยติดต่อผ่านทาง มหาดเล็กถึงพระยาจักรี สมเด็จพระเจ้าเอกทัศทรงทราบว่าเจ้าเมืองตากคนก่อนป่วยเสีย ชีวิต จึงให้พระยาจักรีหาผู้มีสติปัญญาพอจะรับตำ แหน่งแทน สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีจึง ได้เป็นเจ้าเมืองตาก ส่วนพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงวินิจฉัยว่า พระองค์ ทรงเคยเป็นหลวงยกกระบัตรเมืองตากก่อนทรงได้รับการเลื่อนตำ แหน่ง เมื่อ พ.ศ. 2307 เกิดเหตุการณ์พม่ายกกองทัพมายึดหัวเมืองแถบภาคใต้ของไทยปัจจุบันโดยมีมังมหานรธา เป็นแม่ทัพ ปรากฏว่าพม่ายึดได้โดยง่าย จึงยึดเรื่อยมาจนถึงเมืองเพชรบุรี ทางกรุง ศรีอยุธยาได้ส่งกองทัพซึ่งมีพระยาโกษาธิบดีกับพระยาตากเป็นแม่ทัพไปรักษาเมือง เพชรบุรีไว้ จนกองทัพพม่าแตกถอยไปทางด่านสิงขร ต่อมา พ.ศ. 2308 พม่ายกกองทัพผ่านเมืองตากอีกครั้ง พระยาตากมีความเห็นว่าสู้ไม่ไหว จึงส่งกองกำ ลังมาช่วยรักษากรุงศรีอยุธยาไว้ และยังปรากฏในพงศาวดารว่า พระยาตากมี ความชอบนำ ทหาร 500 นายมาช่วยป้องกันพระนคร จึงได้รับพระราชทานของบำ เหน็จ ความดีความชอบ ในระหว่างการปิดล้อมนั้นก็ได้ปรากฏฝีมือเป็นนายทัพเข้มแข็ง ปฏิบัติ งานตามคำ สั่งของราชการ ต่อมาได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้เลื่อนตำ แหน่งเป็นพระยาวชิร ปราการ นวันสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช 11


สวรรคต ครั้นถึงปี พ.ศ. 2325 ขณะนั้นกรุงธนบุรีมีอายุได้ 15 ปี พระยาสรรค์กับพวกได้ก่อ กบฏ สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ซึ่งขณะนั้นไปทำ ศึกกับเขมรจึงกลับมายัง กรุงธนบุรี เห็นว่าความไม่สงบของบ้านเมืองเกิดจากสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชมี พระสติวิปลาส จึงให้นำ ไปสำ เร็จโทษด้วยการตัดพระเศียร ณ ป้อมวิไชยประสิทธิ์ แล้วฝังพระบรมศพที่ วัดบางยี่เรือใต้ (วัดอินทารามวรวิหาร) เมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2325 เสด็จสวรรคตขณะมีพระชนมพรรษาได้ 48 พรรษา สิริรวมครองราชย์ได้ 15 ปี และถือเป็นจุดสิ้นสุดของ กรุงธนบุรี จากนั้นจึงได้สืบสวนความผิดของผู้ก่อ กบฏ แล้วตัดสินให้นำ พระยาสรรค์กับพวกไปประหารชีวิตในเวลาต่อมา 12


บรรณานุกรม: ดำ รงราชานุภาพ, สมเด็จกรมพระยา. 42ประวัติบุคคลสำ คัญ. กรุงเทพฯ:สำ นักพิมพ์บรรณกิจ,2531 เปลื้อง ณ. นคร. ประวัติวรรณคดีไทย. กรุงเทพฯ:สำ นักพิมพ์ไทย วัฒนาพานิช,2525.


Click to View FlipBook Version