The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วารสาร สุโขทัยธรรมาธิราช

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by schtgr1125, 2021-01-18 22:48:28

วารสาร สุโขทัยธรรมาธิราช

วารสาร สุโขทัยธรรมาธิราช

5
ประเทศตา่ ง ๆ ทว่ั โลกรวมทง้ั ประเทศไทยก�ำ ลงั อยใู่ นภาวะทม่ี กี ารระบาดของโรคตดิ เชอ้ื ไวรสั โคโรนา
2019 (COVID-19) ประเทศไทยไดร้ บั ผลกระทบตา่ ง ๆ จากการระบาดน้ี การปอ้ งกนั ตวั เองใหร้ อดพน้ จากการ
แพรร่ ะบาดของโรคนเ้ี ปน็ เรอ่ื งทม่ี คี วามส�ำ คญั ถงึ แมว้ า่ รฐั บาลจะเรม่ิ ผอ่ นคลายการประกาศภาวะฉกุ เฉนิ แลว้ กต็ าม

วารสารสโุ ขทยั ธรรมาธริ าชฉบบั นข้ี อเรม่ิ ดว้ ยการน�ำ เสนอบทความวชิ าการทม่ี คี ณุ คา่ เกย่ี วกบั สถาบนั
ครอบครัวซ่งึ เป็นพ้นื ฐานของชีวิตคือ อิทธิพลของครอบครัวต่อการป้องกันนักด่มื หน้าใหม่ในวัยร่นุ ตามด้วย
บทความวิจัยด้านกฎหมายคือ การพัฒนามาตรการทางกฎหมายเก่ียวกับการควบคุมคุณภาพส่ิงบ่งช้ีทาง
ภมู ศิ าสตร์ และ ปจั จยั แหง่ ความส�ำ เรจ็ ในการปฏบิ ตั ติ ามกฎหมายเกย่ี วกบั มาตรการอนรุ กั ษก์ ารไดย้ นิ บทความ
ดา้ นการศกึ ษาเกย่ี วกบั การใหค้ �ำ ปรกึ ษาปญั หาเดก็ ทต่ี ดิ เกมสค์ อื การศกึ ษาผลของการใหค้ �ำ ปรกึ ษากลมุ่ แบบ
ทฤษฎโี ซลชู น่ั -โฟกสั รว่ มกบั การใหค้ �ำ ปรกึ ษากลมุ่ แบบเผชญิ ความจรงิ ทม่ี ตี อ่ พฤตกิ รรมการตดิ เกมออนไลนข์ อง
นกั เรยี นในอ�ำ เภอบางคลา้ จงั หวดั ฉะเชงิ เทรา และการใหค้ �ำ ปรกึ ษาผตู้ ดิ เชอ้ื เอชไอวคี อื ผลการปรกึ ษารายบคุ คล
ตามทฤษฎพี จิ ารณาเหตผุ ล อารมณแ์ ละพฤตกิ รรมตอ่ การมองโลกในแงด่ ขี องผตู้ ดิ เชอ้ื เอชไอวี

นอกจากน้ี ยงั มบี ทความวจิ ยั ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั ศลิ ปะและวฒั นธรรมไทยทท่ี รงคณุ คา่ และเปน็ ทส่ี นใจของนกั
ทอ่ งเทย่ี วทง้ั ไทยและตา่ งประเทศคอื การศกึ ษาวเิ คราะหเ์ มอื งอทู่ องในฐานะประวตั ศิ าสตรใ์ นการเผยแผพ่ ระพทุ ธ
ศาสนา การพฒั นาภมู ปิ ระเทศเปน็ เรอ่ื งส�ำ คญั ของประเทศจงึ ขอน�ำ เสนอบทความเรอ่ื ง บทส�ำ รวจกระบวนทศั น์
การพฒั นาภาคของประเทศไทย : กรณศี กึ ษาผงั ภาค พ.ศ. 2600 และการพฒั นาประเทศใหเ้ ปน็ แหลง่ ทอ่ งเทย่ี ว
คอื บทบาทของรฐั ในการพฒั นาประเทศใหเ้ ปน็ มหานครไมซแ์ หง่ เอเชยี : กรณศี กึ ษาไทยกบั มาเลเซยี ภายใตบ้ รบิ ท
นกั ทอ่ งเทย่ี วกลมุ่ มลิ เลนเนยี ล

กองบรรณาธกิ ารวารสารสโุ ขทยั ธรรมาธริ าชหวงั เปน็ อยา่ งยง่ิ วา่ บทความทน่ี �ำ มาเสนอในฉบบั นค้ี งเปน็
ประโยชน์แก่ผ้ทู ่สี นใจ หากมีข้อคิดและเสนอแนะเพ่อื การปรับปรุง กองบรรณาธิการยินดีน้อมรับด้วยความ
ขอบพระคณุ ยง่ิ

บรรณาธกิ าร

วารสารสุโขทัยธรรมาธิราช ปที ่ี 33 ฉบ​ บั ท่ี 1 มกราคม-มถิ นุ ายน 2563

106

การศกึ ษาวเิ คราะห์เมืองอู่ทองในฐานะ
ประวตั ศิ าสตรก์ ารเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนา

พระครโู สภณวรี านวุ ตั ร*
พระครวู บิ ลู เจตยิ านุรักษ์**

พระมหานพรกั ษ์ นาเมือง***
พระครูใบฎกี าศักด์ดิ นัย****

เอกมงคล เพช็ รวงษ์*****

Received : March 5, 2020
Revised : June 25, 2020
Accepted : June 28, 2020

บทคดั ย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงผสมผสานมีวัตถุประสงค์เพ่ือ 1) ศึกษาประวัติศาสตร์การเข้ามาของ

พระพทุ ธศาสนาในเมืองอู่ทอง 2) อทิ ธพิ ลของการเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนามาสเู่ มืองอู่ทองและ 3) ร่องรอยทาง
พระพทุ ธศาสนาในสมยั ทวารวดี (อทู่ อง) จากหลกั ฐานทางศลิ ปกรรม

ผลจากการศกึ ษาพบวา่ 1) พระพทุ ธศาสนาได้แพรก่ ระจายเข้าสดู่ นิ แดนทวารวดี (อ่ทู อง) ตามเอกสาร
ปจั จบุ นั เชอื่ ไดว้ า่ เขา้ มาตง้ั แตพ่ ทุ ธศตวรรษที่ 3 แตต่ ามหลกั ฐานโบราณคดี ทง้ั ประตมิ ากรรม สถาปตั ยกรรม
และจารกึ พบวา่ การเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาเขา้ มาประมาณพทุ ธศตวรรษที่ 8-10 กอ่ ใหเ้ กดิ การสรา้ งสรรคศ์ ลิ ป
วฒั นธรรมและประเพณพี ิธีกรรมอนั ดงี าม ที่ใชอ้ ยูใ่ นปจั จบุ ัน ตรงบรเิ วณเมอื งโบราณอูท่ อง ซึง่ รุ่งเรืองมากอยู่
ระหว่างพทุ ธศตวรรษท่ี 11-16 มเี อกลกั ษณด์ ้านศิลปะเปน็ ของตนเองในช่ือ “ศลิ ปะทวารวด”ี มีศนู ย์กลางทาง

ผรู้ บั ผดิ ชอบบทความ : พระครโู สภณวรี านวุ ตั ร, ดร.อาจารยป์ ระจ�ำ /รองผอู้ �ำ นวยการฝา่ ยบรหิ าร วทิ ยาลยั สงฆส์ พุ รรณบรุ ศี รี
สวุ รรณภูมิ วดั ปา่ เลไลยก์วรวหิ าร จงั หวัดสพุ รรณบรุ ี 72000 โทร. 09 2590 9595, E-mail : [email protected]

* อาจารยป์ ระจ�ำ หลกั สตู ร/รองผอู้ �ำ นวยการฝา่ ยบรหิ าร วทิ ยาลยั สงฆส์ พุ รรณบรุ ศี รสี วุ รรณภมู ิ วดั ปา่ เลไลยกว์ รวหิ าร จงั หวดั
สพุ รรณบรุ ี
** อาจารยป์ ระจ�ำ /ผอู้ �ำ นวยการ วทิ ยาลยั สงฆส์ พุ รรณบรุ ศี รสี วุ รรณภมู ิ มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั วดั ปา่ เลไลยก์
วรวหิ าร จงั หวดั สพุ รรณบรุ ี
*** อาจารยป์ ระจ�ำ วทิ ยาลยั สงฆส์ พุ รรณบรุ ศี รสี วุ รรณภมู ิ มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั จงั หวดั สพุ รรณบรุ ี
**** อาจารยป์ ระจ�ำ (รป.ม., รบ.) สาขาวชิ ารฐั ประศาสนศาสตร์ วทิ ยาลยั สงฆส์ พุ รรณบรุ ศี รสี วุ รรณภมู ิ มหาวทิ ยาลยั
มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั วดั ปา่ เลไลยกว์ รวหิ าร จงั หวดั สพุ รรณบรุ ี
***** อาจารยป์ ระจ�ำ หลกั สตู ร สาขาวชิ าการจดั การเชงิ พทุ ธ วทิ ยาลยั สงฆส์ พุ รรณบรุ ศี รสี วุ รรณภมู ิ วดั ปา่ เลไลยกว์ รวหิ าร จงั หวดั
สพุ รรณบรุ ี

วารสารสโุ ขทัยธรรมาธิราช ปที ่ี 33 ฉบ​ บั ท่ี 1 มกราคม-มิถนุ ายน 2563

107
พระพทุ ธศาสนาอยใู่ นบรเิ วณลมุ่ แมน่ ำ�้ เจา้ พระยา แมน่ ำ�้ ทา่ จนี แมน่ ำ้� แมก่ ลอง 2) อทิ ธพิ ลของพระพทุ ธศาสนา
ทแ่ี พรห่ ลายไปสเู่ มืองอู่ทองและอื่น ๆ นั้น ได้ทงิ้ ร่องรอยไวท้ ้งั ดา้ นสถาปัตยกรรม ประตมิ ากรรมคอื ซากสถปู
ธรรมจักรศลิ า พระเจดีย์ พระพมิ พ์ พระพทุ ธรูป ตลอดจนหลักฐานจารึกเกย่ี วกับหลักธรรมในพระพทุ ธศาสนา
ที่ส�ำคัญและเป็นท่ีแพร่หลายในสมัยอู่ทอง จารึกคาถา เย ธมฺมา และ 3) หัวใจพระพุทธศาสนา อริยสัจ 4
ปฏิจจสมุปบาทล้วนแต่เป็นสิ่งที่ยืนยันร่องรอยต่าง ๆ ยังชี้ให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนา
ศรทั ธา ปญั ญา ตลอดจนความเข้าใจในพระพทุ ธศาสนาของชาวพทุ ธได้เปน็ อย่างดี

คำ� ส�ำคญั : การศกึ ษาประวตั ศิ าสตร์ / เมอื งอูท่ อง / การเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนา

วารสารสโุ ขทัยธรรมาธริ าช ปที ี่ 33 ฉบ​ บั ที่ 1 มกราคม-มถิ นุ ายน 2563

108

An Analytical Study of U-Thong City
as a History of Buddhist Propagation

Phrakhru Sophonweeranuwat*
Phrakhru Wiboonjetiyanurak**
Phramaha Nopparak Namuang***
Phrakhru Baidika Sakdanal****
Aekmongkol Phetchawong*****

Abstract
The objectives of this mixed method research were : 1) to study the history of Buddhism

in U-Thong; 2) to study the influence of Buddhism propagation into U-Thong city; and 3) to study
Buddhist traces in the Dvaravati period (U Thong) from the evidence of fine arts.
The results of the research were that : 1) the Buddhism was spread over all around to the
Theravada’s Ancient town (U-Tlong) as mentioned to the current document placed. It was entered
into this land since the 3rd of the BC century, however, an archeological evidence were involved to
both of Architecture and Inscriptions sculptures. The propagation of Buddhism was entered into
the Centuries between 8-10 It was entered between the inner of their heart and went into their
minds of the people, it was so beautiful and wonderful respect as arts, culture and traditions. It has

Corresponding Author : Phrakhru Sophon Wiranuwat, Dr. Lecturer / Deputy Director of Administration,
Suphan Buri Sri Suvarnabhumi College, Wat Pa Lelai Worawihan, Suphan Buri Province 72000. Tel. 09 2590 9595,
E-mail : [email protected]

* Course lecturer, Deputy Director of Administration, Suphan Buri Sri Suvarnabhumi College Mahachulalongkorn
rajavidyalaya University (MCU), Wat Pa Lay Lai Worawihan, Suphan Buri Province.
** Lecturer, Director of SuphanBuri Sri Suvarnabhumi College, Suphan Buri Province
*** Lecturer, Buddhist Management Program, Suphanburi Sri Suvarnabhumi College (MCU), Wat Pa Lay Lai
Worawihan, Suphan Buri, Province
**** Lecturer in Public Administration, Suphan Buri Sri Suvarnabhumi College (MCU), Wat Pa Lay Lai Worawihan,
Suphan Buri Province.
***** Lecturer, Buddhist Management Program, Suphanburi Sri Suvarnabhumi College (MCU), Wat Pa Lay Lai
Worawihan, Suphan Buri Province

วารสารสโุ ขทัยธรรมาธริ าช ปที ่ี 33 ฉบ​ บั ท่ี 1 มกราคม-มถิ นุ ายน 2563

109
been started from the past till the present at U-Tlong ancient town. Over that time, it was so wealthy
and prosperous during the 11th-16th century. It was own an artistic underneath of the “Theravada’s
Art”, it has been of the heart of Theravada Buddhism presented at so many places as following as
the Chao-Praya river, Taa-Chean river and Mae-Klong river; 2) from now on, the guiding principles
at the heart of Buddhism were influence to U-Tlong and the others town. They had left over as an
architecture and sculpture in terms of the Dharma Church, the Pagodas, the Buddha images,
as well as inscriptions on the principles of Buddhism. As we had discussed previously of the
Buddhism, it had gone through the U-Tlong ancient town period, the highest level of Buddhist
Dhamma and Ariya-Sat; and 4) as a testimony to the various signs were indicated of the prosperity,
wealthy, and wisdom of the principles at the heart of Buddhism, they are understanding of the heart
Theravada Buddhism very well.
Keywords : History study / U-THONG City / Buddhism propagation

วารสารสุโขทัยธรรมาธิราช ปีที่ 33 ฉบ​ ับท่ี 1 มกราคม-มถิ นุ ายน 2563

110

1. บทนำ� การสร้างองค์ความรู้ทางประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะ
ประวตั กิ ารเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาทเ่ี ขา้ มามอี ทิ ธพิ ล
พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาท่ีส�ำคัญ ตอ่ วถิ ชี วี ติ ของประชาชนสมยั เมอื งอทู่ องโบราณชว่ ง
พุทธศตวรรษท่ี 9–15
ศาสนาหนึ่งของโลก และเป็นศาสนาประจ�ำชาติ จะเห็นได้ว่า จากตํานานหรือเอกสารทาง
ไทยมาเป็นเวลาช้านาน มอี ทิ ธพิ ลต่อโครงสรา้ งของ ศาสนา กลา่ ววา่ ประมาณพทุ ธศตวรรษท่ี 3 พระเจา้
วัฒนธรรมไทยมากที่สุด ในปัจจุบันประเทศไทย อโศกมหาราชได้ทรงส่งสมณทูตสายท่ี 8 โดยมี
นับว่าเป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนาในโลก พระโสณเถระและพระอุตตรเถระเป็นหัวหน้ามา
เนื่องจากเป็นท่ีตั้งขององค์กรการพุทธศาสนิก เผยแผ่ พระพทุ ธศาสนายงั ดนิ แดนสวุ รรณภมู ิ (ว.ิ อ.
สัมพันธ์เเห่งโลก มีหลักค�ำสั่งสอนอันเปรียบเสมือน (บาลี) 1/58, มหาวํส.(บาลี) 1/6/82 ) ไทยเชื่อว่า
ห้วงมหานทีแห่งสรรพศาสตร์ จึงมิใช่เพียงแค่เป็น ไดแ้ กจ่ งั หวดั นครปฐมและอทู่ อง สว่ นพมา่ เชอ่ื วา่ คอื
ปรัชญาหรือทฤษฎีเท่าน้ัน หากแต่ยังมีเนื้อหา เมอื งสะเทิม (พระธรรมปฎิ ก, (ป.อ. ปยตุ ฺโต), 2554
ครอบคลมุ ถงึ วถิ ชี วี ติ ความเปน็ อยู่ ความนกึ คดิ แทบ : 494) แล้วประดิษฐานพระพุทธศาสนา จนเป็น
ทุกด้านตลอดมา ทุกยุค ทุกสมัย ชนชาติไทยส่วน ปึกแผ่นแพร่หลาย แต่ความสืบเน่ืองแห่งพระพุทธ
ใหญ่ ประมาณรอ้ ยละ 95 ของประชากรทั้งประเทศ ศาสนาดูเหมือนจะเลือนลางไป สมัยก่อนพุทธกาล
นับถือพระพุทธศาสนาจึงมีอิทธิพลเป็นอันมากต่อ ชาวอินเดียได้เดินทางมาค้าขายกับสุวรรณภูมิอยู่
ความเชอื่ และความประพฤติ หรอื การด�ำรงชวี ติ ของ เสมอและเข้ามาต้ังถิ่นฐานรกรากและเผยแพร่
คนไทย ( พทิ รู มลวิ ลั ย,์ และไสว มาลาทอง, 2542 : 1) วัฒนธรรมแก่ชาวพื้นเมืองในแถบเอเชียตะวันออก
ฉะนน้ั จงึ จ�ำเปน็ ตอ้ งศกึ ษาอทิ ธพิ ล รอ่ งรอยของ เฉยี งใตม้ านานแลว้ และดว้ ยเหตทุ พี่ ระพทุ ธศาสนา
พระพุทธศาสนา ร้รู ากเหง้าของวถิ ีชีวติ ของชาตไิ ทย ไม่มีความรังเกียจลัทธิอ่ืนใดที่ร่วมสมัยในที่ต่าง ๆ
การเรียนรู้ประวัติศาสตร์ในท่ามกลางกระแสโลกา ดงั นนั้ จงึ มผี นู้ บั ถอื พระพทุ ธศาสนา เดนิ ทางเขา้ สดู่ นิ
ภิวัตน์ รวมถึงวัฒนธรรมชองชาติอย่างแท้จริง ซ่ึง แดนแหลมอินโดจีนเป็นจํานวนมาก ( เสถียร โพธิ
สอดคลอ้ งกบั แนวคดิ ของวนิ ยั พงศศ์ รเี พยี ร (2543) นันทะ, 2515 : 2 )
ได้กล่าวไว้ว่า “ความเข้าใจแก่นแท้ของวัฒนธรรม จากการศึกษาค้นคว้าสมัยปัจจุบันทําให้
หรอื วถิ ชี วี ติ ของชาตเิ ปน็ สงิ่ ทไ่ี ดม้ าจากการเรยี นรทู้ าง ทราบว่า คนสมัยทวารวดีมีการผสมผสานอยู่
ประวตั ศิ าสตรเ์ ทา่ นนั้ เพราะประวตั ศิ าสตรท์ �ำใหเ้ รา ร่วมกันหลายเผ่าพันธุ์ และมีความสัมพันธ์กัน
ไดร้ วู้ า่ ลกั ษณะเฉพาะของสงั คมของเราไดพ้ ฒั นาบน ในด้านศาสนา โดยเฉพาะพระพุทธศาสนาใน
พ้ืนฐานของอะไร” (วินัย พงศ์ศรีเพียร, 2543 : 2) ลุ่มน�้ำเจ้าพระยาและมีการสร้างสรรค์วัฒนธรรม
ดงั นน้ั การเรยี นรปู้ ระวตั ศิ าสตร์ นอกจากจะเปน็ การ ประเพณีร่วมกัน โดยมีพระพุทธศาสนาเป็น
แสวงหาความหมายทแี่ ฝงอยใู่ นเหตกุ ารณข์ องอดตี ตัวเชื่อมกุญแจท่ีจะไขไปสู่ความกระจ่างแห่ง
แลว้ ยงั ไดเ้ รยี นรู้ วธิ กี ารบนั ทกึ ของนกั ประวตั ศิ าสตร์ ประวตั ศิ าสตร์ จากการผสมผสานกนั ทางวฒั นธรรม
ในแต่ละยุค ร้รู ะบบการเมือง เศรษฐกิจ สงั คม และ

วารสารสุโขทัยธรรมาธริ าช ปีที่ 33 ฉบ​ บั ที่ 1 มกราคม-มถิ ุนายน 2563

111

จึงเกิดลักษณะเฉพาะของศิลปวัฒนธรรมทวารวดี อู่ทองยังมีบทบาทเป็นศูนย์กลางทางพุทธศาสนา
ท่ีต่อเนื่องในพระพุทธศาสนาข้ึน เหตุท่ีพระพุทธ ดงั ไดพ้ บหลกั ฐานดา้ นศลิ ปกรรมเนอ่ื งในพทุ ธศาสนา
ศาสนามีรากฐานมาจากวัฒนธรรมอินเดีย ได้ถูก จ�ำนวนมากส�ำหรบั โบราณสถานทสี่ �ำคญั ๆ เชน่ พบ
เลือกรบั และปรบั เขา้ เป็นแกน่ หลักของบา้ นเมอื งจน ศลิ าธรรมจกั ร จ�ำนวนมากประมาณ 30 กวา่ วง บาง
กลายเปน็ ศนู ยก์ ลาง เชอ่ื มโยงความหลากหลาย ทาง วงมี ศลิ ารปู กวางหมอบ ประกอบอยู่ และยังไดพ้ บ
วฒั นธรรม ทางสงั คมและคติความเช่ือตา่ ง ๆ พระพทุ ธรปู ตลอดจน พระพมิ พจ์ �ำนวนมาก เปน็ ตน้
ประเทศไทยถงึ เจรญิ รงุ่ เรอื งมาแลว้ แตอ่ ดตี แต่ ดังนั้น เมืองอู่ทองจึงจัดเป็นเมืองท่าโบราณที่
การจัดสมัยทางประวัติศาสตร์นับเพียงสมัยสุโขทัย เจริญรุ่งสืบต่อมาจนกลายเป็นเมืองท่าส�ำคัญของ
ลงมา จึงทําให้การศึกษาความจริงขาดหาย หาก อาณาจักร และเป็นศูนย์กลางพุทธศาสนาท่ีเก่าแก่
พิจารณาให้ดีจะพบว่า ตามเอกสารทนี่ ักวิชาการได้ ทสี่ ดุ ของรฐั ทวารวดี มนี กั ปราชญห์ ลายทา่ น ไดก้ ลา่ ว
คน้ ควา้ เผยแพรส่ ว่ นใหญล่ งความเหน็ วา่ ศนู ยก์ ลาง ถึงความมีอยู่ของเมืองโบราณต่าง ๆ เช่น ทักษณิ
พระพุทธศาสนาน่าจะได้แก่ ทวารวดี (อู่ทอง) อยู่ อนิ ทโยธา เสนอวา่ (ทกั ษณิ อนิ ทโยธา, 2534 : 14 )
บริเวณภาคกลางตอนล่างของประเทศไทย เพราะ แถบลุ่มน้�ำเจ้าพระยาและด้ามขวานทองได้เกิดมี
ได้พบหลักฐานสําคัญมากกว่าแหล่งอื่น รวมทั้งมีที่ ชมุ ชนขนึ้ ตงั้ แตส่ มยั พทุ ธกาล หรอื กอ่ นนน้ั เมอื่ กวา่
ตั้งอยู่ในทําเลที่เหมาะสมต่อการรับอารยธรรมจาก 2,000 ปีมาแล้ว เช่น เมืองนครชัยศรี เมืองพงตึก
ภายนอก หลกั ฐานทางโบราณคดที ท่ี าํ ใหน้ กั วชิ าการ เมอื งอทู่ อง เมอื งคบู วั เมอื งศรมี โหสถ เมอื งไชยาและ
ตั้งสมมติฐานเก่ียวกับศูนย์กลางของทวารวดีไว้ 3 เมอื งดินแดง เปน็ ต้น
แห่งคือ เมืองอู่ทอง เมืองนครปฐมและเมืองลพบุรี ปญั หาเรอ่ื งศนู ยก์ ลางของอาณาจกั รทวารวดมี ี
(ศกั ด์ชิ ัย สายสิงห์, 2547 : 61) ความเหน็ ไปตา่ ง ๆ แตน่ กั วชิ าการ สว่ นใหญเ่ หน็ วา่
เมอื งอทู่ องนอกจากจะเปน็ เมอื งหลวงแลว้ นา่ จะ ศูนย์กลางของทวารวดีนี้น่าจะอยู่บริเวณภาค
มบี ทบาทเปน็ เมอื งทา่ ส�ำคญั ในสมยั ทวารวดอี กี ดว้ ย กลางตอนล่างของประเทศไทย เพราะมีการค้นพบ
เนอื่ งจากเปน็ เมอื งทตี่ งั้ อยใู่ กลท้ ะเลและมที างนำ�้ เขา้ หลักฐานสําคัญ ๆ มากกว่าแหล่งอ่ืน ตลอดถึงมี
ออกตอ่ กบั ฝง่ั ทะเลโดยตรงได้ อกี ทง้ั ยงั ไดพ้ บโบราณ ท่ีต้ังอยู่ในทําเลอันเหมาะในการที่ติดต่อและรับ
วัตถุประเภทตราประทับดินเผา ซึ่งเป็นของติดตัว อารยธรรมจากโลกภายนอกได้ อย่างไรก็ตาม
พอ่ คา้ ชาวอนิ เดยี ในสมยั หลงั คปุ ตะ (พทุ ธศตวรรษท่ี แม้นักวิชาการส่วนใหญ่จะมีความเห็นดังกล่าว
12-14) เปน็ จ�ำนวนมากในบรเิ วณเมอื งอทู่ องโบราณ แต่จากหลักฐานทางโบราณคดีท่ีมีนักวิชาการตั้ง
และในบริเวณใกล้เคียง ตราประทับที่แสดงถึง ขอสมมติฐานเกี่ยวกับศูนย์กลางของอาณาจักร
บทบาทดา้ นการคา้ ของเมอื งนค้ี อื ตราประทบั ดนิ เผา ทวารวดีไว้ 3 แห่งด้วยกันคือ เมืองอู่ทอง
รปู เรอื (จริ า จงกล, 2510; Indrawooth, Phasook, เมอื งนครปฐม (นครชยั ศร)ี และเมอื งลพบรุ ี (ศกั ดชิ์ ยั
1983 ) และตราประทับ 2 หนา้ รูปคชลักษมี เมอื ง สายสิงห์, 2554:61-74 ) เรื่องราวความเป็นมา

วารสารสุโขทัยธรรมาธริ าช ปีที่ 33 ฉบ​ บั ที่ 1 มกราคม-มถิ ุนายน 2563

112

เ กี่ ย ว กั บ ศู น ย ์ ก ล า ง ข อ ง พ ร ะ พุ ท ธ ศ า ส น า ใ น ของนักประวัติศาสตร์และนักโบราณคดีท่ีได้ศึกษา
อาณาจักรทวารวดีคือ เมืองอู่ทอง เป็นเรื่องท่ี วิเคราะห์เก่ยี วกับเรือ่ งสมยั ทวารวดี (อู่ทอง) รวมท้งั
น่าศึกษาอย่างย่ิง สถานการณ์พระพุทธศาสนาใน การวิเคราะห์ข้อมูลทางด้านศิลปกรรมว่า มีความ
ชว่ งแรกเข้ามาและเผยแผ่มกี าํ เนิดอิทธพิ ล ร่องรอย เกี่ยวข้องกันมากน้อยเพียงใดแล้ว เสนอผลการ
และพัฒนาการมาอย่างไร และในสมัยต่อมาอีก วิจัยต่อไป ซงึ่ จะกอ่ ให้เกิดองค์ความรใู้ หม่ เก่ยี วกบั
อยา่ งไรบา้ ง ยงั คงเปน็ เรอื่ งทา้ ทายและรอการศกึ ษา ประวัติศาสตร์ กําเนิดการเข้ามาในการเผยแผ่
คน้ คว้าเพมิ่ เตมิ อยเู่ สมอ พระพทุ ธศาสนาส่เู มืองอูท่ อง ตลอดถึงรอ่ งรอยและ
ในส่วนของประวัติศาสตร์เมืองอู่ทองในการ อิทธิพลด้านต่าง ๆ ท่ีได้รับจากพระพุทธศาสนาท่ี
เผยแผ่พระพุทธศาสนานั้น ยังไม่มีการศึกษาวิจัย จะอาํ นวยประโยชนต์ อ่ การศกึ ษาประวตั ศิ าสตรเ์ มอื ง
โดยตรง หรือจะมีกน้อยมาก ส่วนมากเป็นการ อู่ทอง เช่น พระพุทธศาสนา วัฒนธรรมประเพณี
ศกึ ษาวิจัยเชิงประวัติศาสตรด์ า้ นอ่ืน ๆ เทา่ นัน้ เช่น เป็นต้น ท่ีขาดหายไปอันน�ำมาเพื่อจะได้เกิดองค์
โบราณคดีและการขุดค้นหาหลักฐานเพ่ือยืนยัน ความรู้ใหม่ ๆ อันจะเป็นประโยชน์ทางการศึกษา
ถึงความมีอยู่ของกลุ่มชุมชนในอดีต การศึกษา ตอ่ ไป
อัตตลักษณ์ของเมืองอู่ทอง การท่องเท่ียวของเมือง
อทู่ อง เปน็ ตน้ ทาํ ใหก้ ารศกึ ษาเรอื่ งราวของพระพทุ ธ 2. วัตถปุ ระสงค์ของการวิจัย
ศาสนาในช่วงดังกล่าวขาดตอนไป ปัจจุบันได้มี
นักประวัติศาสตร์และนักโบราณคดีทําการสํารวจ 1) เพ่ือศึกษาประวัติศาสตร์การเข้ามาของ
ขุดค้นพบขอ้ มลู ใหม่ ๆ เชน่ ล่าสุดมีคณะโบราณคดี พระพทุ ธศาสนาในสมัยทวารวดี (อู่ทอง)
ได้ท�ำการวิจัยได้ผลการขุดค้นทางโบราณคดีที่เนิน 2) เพื่อศึกษาอิทธิพลของการเผยแผ่พระพุทธ
พลับพลาชัยปี 2560 จํานวนมากท่ีทําให้สามารถ ศาสนามาสเู่ มอื งอทู่ อง
ทราบความเป็นมาและสถานการณ์ของพระพุทธ 3) เพือ่ ศึกษารอ่ งรอยทางพระพทุ ธศาสนาจาก
ศาสนาในเหตุการณ์ดังกล่าวได้ดีข้ึน เพียงแต่เร่ือง หลักฐานทางศลิ ปกรรมเมืองอูท่ อง
ราวดงั กลา่ ว เปน็ การนาํ เสนอทย่ี งั กระจดั กระจายกนั
อยไู่ มไ่ ดก้ ลา่ วตอ่ เนอื่ งกนั เพราะตา่ งคน ตา่ งศกึ ษา 3. ขอบเขตของการศกึ ษา
ค้นคว้าทาํ ใหป้ ระวัติศาสตร์ไมต่ ่อเนื่องเท่าท่ีควร
งานวิจัยนี้ได้ศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลเอกสารท่ี 1) ขอบเขตด้านพื้นที่ ได้ก�ำหนดขอบเขตพ้ืนที่
กล่าวถึงประวัติศาสตร์การเข้ามาในการเผยแผ่ ศึกษาครอบคลุมบริเวณเมืองโบราณอู่ทองและ
ของพระพุทธศาสนาสมัยทวารวดี (อู่ทอง) ในแผ่น ปริมณฑลรอบ ๆ เมืองโบราณอู่ทอง อ�ำเภออู่ทอง
ดินไทยจากเอกสารต่าง ๆ เช่น คัมภีร์พระไตรปิฎก จงั หวัดสพุ รรณบรุ ี
อรรถกถา วรรณกรรม พระพุทธศาสนาในลังกา 2) ขอบเขตเนอ้ื หา โดยจะท�ำการศกึ ษาเกย่ี วกบั
พม่า ลา้ นนา ล้านชา้ ง เปน็ ตน้ ตลอดถงึ งานคน้ ควา้ ประวัติศาสตร์และโบราณคดีเมืองโบราณอู่ทอง
พระพุทธศาสนาท่ีเมืองอู่ทอง ราวพุทธศตวรรษ
ที่ 9–15

วารสารสุโขทยั ธรรมาธริ าช ปที ่ี 33 ฉบ​ ับท่ี 1 มกราคม-มิถุนายน 2563

113

4. วิธกี ารด�ำเนนิ การวิจยั ไดแ้ ก่ วรรณกรรมหรอื หนงั สอื ตา่ ง ๆ ทม่ี ผี เู้ ขยี นขน้ึ ใน
สมยั ปจั จบุ นั โดยพจิ ารณาทหี่ ลกั ฐานอนั ควรเชอื่ ถอื
การวิจัยค้นคว้าจะใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์ และใชว้ จิ ารณญาณอนั เหมาะสมโดยปราศจากอคติ
(historical approach) และน�ำเสนอการวิจัยครั้งนี้ 4.3 รวบรวมข้อมูลจากเอกสารดังกล่าว แล้ว
เป็นการวิจัยเอกสาร (documentary research) วิเคราะห์ สรุปและสังเคราะห์ข้อมูล เพื่อเรียบเรียง
มีวธิ ีดังน้ี นาํ เสนอผลการวจิ ัย
4.1 การค้นคว้าข้อมูลจากเอกสารช้ันปฐมภูมิ
(Primary Sources) เช่น รวบรวมข้อมูลจากคัมภีร์ 5. ผลการวิจัย
พระไตรปิฏก และคัมภีร์อรรถกถา หลักฐานทาง
โบราณคดี วรรณกรรมประเทศศรีลงั กา วรรณกรรม จากข้อมูลเอกสารที่กล่าวถึงการเข้ามาของ
ล้านนา ล้านช้าง และวรรณกรรมอื่นท่ีเก่ียวข้อง พระพทุ ธศาสนา สว่ นใหญบ่ อกวา่ เขา้ มา ตงั้ แตพ่ ทุ ธ
เปน็ ตน้ ศตวรรษท่ี 3 เป็นตน้ มา บางเรื่องบอกว่า พระพทุ ธ
4.2 แนวทางการคน้ ควา้ วจิ ัย โดยอาศัยหลัก 3 ศาสนาไดเ้ ขา้ มาตง้ั แตพ่ ทุ ธศตวรรษที่ 7-8 มบี างสว่ น
ประการดงั นี้ 1) หลักฐานอนั ดบั 1 ไดแ้ ก่ หลักฐาน ระบวุ า่ พระพทุ ธศาสนาเขา้ มาตงั้ แตพ่ ทุ ธศตวรรษท่ี
ที่สร้างหรือแต่งข้ึนเมื่อเหตุการณ์น้ัน ๆ เกิดข้ึนคือ 8-9 และบางเรอ่ื งบอกวา่ เขา้ มาตงั้ แตพ่ ทุ ธศตวรรษ
โบราณวัตถุสถาน จารึก และโบราณวัตถุในภาค ท่ี 9-13 หลกั ฐานขอ้ มลู เอกสาร ซง่ึ ไดจ้ ากการศกึ ษา
เอเชียอาคเนย์ ส่วนใหญ่สร้างขึ้นในพุทธศาสนา สรุปไดเ้ ป็น 2 กล่มุ (นาวาตรี สมพงษ์ สันติสุขวันต์,
ศึกษาศิลปกรรม ประติมากรรม โบราณสถาน ใน 2551)
ส่วนของจารึกจะวิเคราะห์ข้อความในจารึกตามท่ี กลุม่ ท่ี 1 เช่อื วา่ พระพุทธศาสนาเข้ามาสูด่ ิน
นักปราชญ์แปลและวิเคราะห์ไว้และศึกษาข้อมูล แดนทวารวดตี ง้ั แตพ่ ทุ ธศตวรรษท่ี 3 เปน็ ตน้ มาและ
จากการสงั เกต พดู คุยกับนกั วิชาการทางโบราณคดี เจรญิ รงุ่ เรอื งมาตงั้ แตส่ มยั นนั้ จนถงึ สมยั ทวารวดี ใน
และประวัติศาสตร์บางท่าน เพียงเพื่อเป็นแนวคิด พทุ ธศตวรรษที่ 11-16 และผทู้ เี่ ชอื่ เชน่ นม้ี มี ากหลาย
ในการน�ำมาเรียบเรียบให้สอดคล้องเป็นรูปธรรม ท่านดว้ ยกนั ไดแ้ ก่
มากข้ึน 2) หลักฐานอันดับ 2 ได้แก่ หลักฐานที่ 1) การฝังรากฐานพระพุทธศาสนาลงที่บ้าน
สร้างหรือแต่งขึ้นเม่ือเหตุการณ์นั้นล่วงไปแล้ว เช่น คบู ัว อาํ เภอเมอื ง จังหวดั ราชบุรี สมัยพระเจา้ อโศก
ตํานาน สังคีติยวงศ์ หรือจดหมายเหตุพ้ืนเมือง มหาราชถึงพระเจ้ากนิษกะจาก พ.ศ. 273-703
ต่าง ๆ ท่ีแต่งหรือรวบรวมขึ้นเม่ือเหตุการณ์นั้น อาจารย์พร้อม สุทัศน์เช่ือว่า ต้องมีผู้ท่ีเคารพนับถือ
เกิดข้ึนแล้ว เป็นเวลาหลายร้อยปีและตํานานหรือ พระพุทธศาสนาอยู่ในดินแดนสุวรรณภูมิก่อน
จดหมายเหตพุ น้ื เมอื งทม่ี กี ารขดุ คน้ พบหลกั ฐานทาง พระเจ้าอโศกมหาราชจะทรงให้ส่งพระโสณะกับ
โบราณวตั ถสุ ถานเพอ่ื พสิ จู นค์ าํ กลา่ วในต�ำนานหรอื พระอุตตระเถระเข้ามา ชนชาติไทยสมัยสุวรรณภูมิ
จดหมายเหตุพ้ืนเมอื ง เปน็ ต้น 3) หลกั ฐานอนั ดับ 3 หรอื ทวารวดสี ว่ นใหญเ่ ปน็ คนมอญคนฟนู นั อยอู่ าศยั

วารสารสุโขทยั ธรรมาธริ าช ปที ่ี 33 ฉบ​ บั ที่ 1 มกราคม-มถิ นุ ายน 2563

114

และนับถือพระพุทธศาสนาด้วยกัน เมืองหลวงของ บญุ -จารกึ ธรรม” สรปุ ความไดว้ า่ ดนิ แดนสว่ นทเ่ี ปน็
สวุ รรณภมู อิ ยทู่ เี่ มอื งกาญจนบรุ เี กา่ ทางดา้ นเดยี วกนั แหลมของประเทศไทยปัจจุบัน น่าจะเป็นส่วนแรก
กับบ้านคูบัวโดยมาขึ้นที่เมืองท่าเมืองตะโกละ แล้ว สุดของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ท่ีได้รับการติดต่อ
เดินทางข้ึนมาทางเหนือเข้าสู่สุวรรณภูมิตอนกลาง อย่างสืบเน่ืองกับอินเดีย โดยพวกฮินดูจากอินเดีย
อาจแวะตามเมอื งทา่ สากลชายทะเล เพอื่ สะดวกใน ใต้ ซงึ่ เปน็ ดนิ แดนทพ่ี ระพทุ ธศาสนาเจรญิ แพรห่ ลาย
การบณิ ฑบาต การเผยแผ่และการเดนิ ทาง และเป็นแหล่งเผยแพร่วฒั นธรรมแหง่ ชมพทู วปี
2) ตํานานพระพุทธเจดีย์ (สมเด็จฯ กรมพระ 4) กรงุ สโุ ขทยั มาจากไหน อาจารยส์ จุ ติ ต์ วงษเ์ ทศ
ยาดํารงราชานุภาพ, 2505:124-127) พระพุทธ เชอื่ วา่ การเผยแผพ่ ทุ ธศาสนา (สจุ ติ ต์ วงษเ์ ทศ, 2559 :
ศาสนาเข้ามาประดิษฐานในประเทศสยามน่าจะ 12) จากประเทศอินเดียสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช
ก่อน พ.ศ.500 ทรงสันนิษฐานเกี่ยวกับการเข้ามา โดยการส่งพระโสณะและพระอุตตระมาคร้ังแรกท่ี
ของพระพุทธศาสนาสู่ประเทศไทยว่า เน่ืองจาก สวุ รรณภมู บิ รเิ วณลมุ่ แมน่ ำ�้ ทา่ จนี -แมก่ ลอง (บรเิ วณ
พระพทุ ธศาสนาเขา้ ประเทศไทยหลายยคุ และหลาย อู่ทอง อําเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรีปัจจุบัน)
นิกาย จึงเป็นเหตุให้มีโบราณสถานหลายแบบ ซึ่ง พระพุทธศาสนาเถรวาทได้เจริญรุ่งเรืองสืบเนื่องมา
เรยี กเปน็ สมยั ได้ 7 สมยั สมยั ที่ 1 คือ สมัยทวาราว จนถึงทุกวนั นี้
ดี โดยกาํ หนดตง้ั แต่ พ.ศ. 500 เปน็ ตน้ มา จะเหน็ ได้ 5) ภูมิประวัติพระพุทธเจ้า อาจารย์เสถียร
ว่า พุทธเจดีย์สมัยทวารวดีพบท่ีนครปฐมมากกว่า โพธินันทะ สรุปความเรื่องการเข้ามาของพระพุทธ
แหง่ อน่ื และเปน็ พทุ ธเจดยี ท์ เ่ี กา่ ทส่ี ดุ ในประเทศไทย ศาสนาได้ว่า พระพุทธศาสนาได้แพร่หลายเข้า
สนั นษิ ฐานวา่ ไดอ้ ทิ ธพิ ลจากแควน้ มคธราฐ โดยวตั ถุ สู่ประเทศไทยตั้งแต่พุทธศตวรรษท่ี 3 เป็นต้นมา
ท่ีสร้างเป็นพุทธเจดีย์ในสมัยน้ีมีท้ังท่ีเป็นธาตุเจดีย์ ในระยะแรกเป็นพระพุทธศาสนานิกายเถรวาท
บริโภคเจดีย์ ธรรมเจดีย์และอุเทสิกะเจดีย์ แต่ถือ ได้เจริญรุ่งเรืองอยู่หลายศตวรรษและแพร่หลาย
เอาการสร้างพระธาตุเจดีย์เป็นสําคัญกว่าอย่างอ่ืน ครอบคลุมไปท่ัวในแถบแหลมอินโดจีน ต่อมาพุทธ
อาจเนอื่ งดว้ ยการทพ่ี ระเจา้ อโศกมหาราชไดท้ รงแจก ศตวรรษท่ี 6 พระพุทธศาสนานิกายมหายานไดเ้ ขา้
พระบรมสารีริกธาตุให้ไปประดิษฐานในประเทศท่ี สู่ประเทศไทยสมัยก่อน โดยมาทางบกเข้ามาทาง
ทรงส่งสมณทูตไปประกาศพระพุทธศาสนาน้ัน ๆ แคว้นเบงกอล ทางพม่าเหนือ และทางทะเลซึ่งมา
ด้วย ขึ้นที่แหลมมลายู สุมาตราและอ้อมอ่าวเข้ามาทาง
3) จาริกบุญ-จารึกธรรม พระพรหมคณาภรณ์ ประเทศกัมพูชา ช่วงเวลาดังกล่าวชาวฟูนันนับถือ
(ป.อ.ปยตุ โฺ ต) กลา่ วว่า (พระธรรมปิฎก, (ป.อ.ปยุตฺ พระพุทธศาสนาทั้งแบบเถรวาทและมหายาน ซ่ึง
โต), 2547: 494 ) พระพุทธเจ้าเข้าสู่ไทยเมื่อกว่า เจริญรุ่งเรืองอย่างมากจนถึงกับมีสมณทูตชาว
2,000 ปมี าแลว้ ตงั้ แตส่ มยั สวุ รรณภมู ไิ ดส้ นั นษิ ฐาน ฟูนันเดินทางไปแปลพระคัมภีรถึงประเทศจีนใน
เรอ่ื งดนิ แดนซงึ่ เปน็ เสน้ ทางการตดิ ตอ่ ระหวา่ งอนิ เดยี พุทธศตวรรษที่ 10 คือ ท่านพระสังฆปาละ และ
กับประเทศไทยสมัยก่อนไว้ในหนังสือเรื่อง “จาริก พระมนั ทรเสน

วารสารสุโขทยั ธรรมาธิราช ปที ี่ 33 ฉบ​ บั ที่ 1 มกราคม-มิถนุ ายน 2563

115

6) สังคีติยวงศ์ พงศาวดารเร่ืองสังคายนาพระ 2) สยามประเทศภูมิหลังของประเทศไทย
ธรรมวนิ ยั (สมเดจ็ พระวนั รัตน,2557: 46-75) กลา่ ว ตั้งแต่ยุคดึกดําบรรพจนถึงสมัยกรุงศรีอยุธยาราช
ว่า พระพุทธศาสนาเข้าสู่ประเทศไทยต้ังแต่สมัย อาณาจกั รสยาม อาจารยศ์ รศี กั ร วลั ลโิ ภดมกลา่ วถงึ
สวุ รรณภมู คิ อื หลงั จากทาํ สงั คายนาครง้ั ที่ 3 พระเจา้ อทิ ธพิ ลของศาสนาพทุ ธและฮนิ ดวู า่ นา่ จะแพรห่ ลาย
อโศกมหาราชทรงใหส้ ง่ พระโสณะกบั พระอตุ ระพรอ้ ม เข้ามาในดินแดนไทยเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย
ด้วยพระสงฆ์อีก 5 รูปมาทําการเผยแผ่พระพุทธ ไม่นอ้ ยกว่าพุทธศตวรรษที่ 7-8
ศาสนา 3) สวุ รรณภมู จิ ากหลกั ฐานโบราณคดี อาจารย์
7) สุวรรณภูมิต้นกระแสประวัติศาสตร์ไทย ผาสุข อินทราวุธกล่าวถึง เมืองอู่ทอง (ผาสุข
(สจุ ติ ต์ วงษเ์ ทศ, 2548 : 74-77) กลา่ ววา่ ประมาณ อินทราวุธ, ศ.ดร., 2548 : 105-111 ) ว่ามีการท่ี
พุทธศตวรรษท่ี 3 พระโสณเถระกับพระอุตตรเถระ ติดต่อกับพ่อคา้ อนิ เดียมาตง้ั แต่พทุ ธศตวรรษท่ี 3-5
อาศัยเรือพ่อค้ามาเผยแผ่พระพุทธศาสนาเป็นคร้ัง พระพทุ ธ ศาสนาจากศนู ยก์ ลางในอนิ เดยี ใตไ้ ดเ้ ขา้ สู่
แรกท่ีดินแดนสวรรณภูมิบริเวณท่ีอยู่ระหว่างลําน้�ำ ประเทศไทยสมยั ทวารวดใี นราวพทุ ธศตวรรษท่ี 8-9
แมก่ ลอง-ทา่ จนี ปจั จบุ นั คอื เขตอาํ เภออทู่ องจงั หวดั โดยอ้างหลักฐานคือ ประติมากรรมดินเผารูปภิกษุ
สุพรรณบุรี กับบ้านดอนตาเพชร อําเภอพนมทวน 3 องค์ อุม้ บาตร
จงั หวัดกาญนบรุ ี 4) เมืองอู่ทองน้ันแท้จริงคือ เมืองโบราณท่ี
ส�ำคัญท่ีสุดแห่งหน่ึงในประเทศไทย ศาสตราจารย์
กลมุ่ ที่ 2 เชอื่ วา่ พระพทุ ธศาสนาเขา้ มาหลงั ฌอง บวสเซอลเิ ยร์ นกั โบราณคดชี าวฝรงั่ เศส (ศรศี กั ร
วลั ลโิ ภดม, 2525 : 50) การพบเมอื งสพุ รรณภูมวิ ่า
พทุ ธศตวรรษที่ 6 เป็นเมืองอกแตกขนาดใหญ่ท่ีซ้อนกันอยู่กับเมือง
1) เรื่องโบราณคดีจากลายพระหัตถสมเด็จฯ สุพรรณบุรีเป็นอีกกรณีหน่ึงท่ีท�ำให้ความเช่ือแต่
กรมพระยาดํารงราชานุภาพกับของศาสตราจารย์ เดิมที่ว่า เมืองอู่ทองคือ เมืองสุพรรณภูมิที่สมเด็จ
หลวงบริบาลบริภัณฑ์ (หลวงบริบาลบริภัณฑ์, พระรามาธบิ ดีท่ี 1 (พระเจา้ อทู่ อง) ทรงท้งิ มาเพราะ
2503 : 34) เห็นว่า วัฒนธรรมอินเดียได้เข้ามา เกิดโรคระบาดแล้วไปสร้างพระนครศรีอยุธยาเป็น
มีบทบาทในประเทศไทย และประเทศใกล้เคียง ราชธานี ท�ำนองตรงข้ามกลับพบว่า เมืองอู่ทอง
ตั้งแต่สมัยโบราณ เริ่มปรากฏหลักฐานตั้งแต่พุทธ ทอี่ �ำเภออทู่ อง จงั หวดั สพุ รรณบรุ นี นั้ แทจ้ รงิ คอื เมอื ง
ศตวรรษท่ี 6 เป็นต้นมาและเหน็ ว่าพระพทุ ธศาสนา โบราณส�ำคัญท่ีสุดแห่งหน่ึงในประเทศไทยจนนัก
ได้เข้ามาสู่ประเทศไทยคลื่นลูกแรกสุด ต้ังแต่สมัย โบราณคดชี าวฝรง่ั เศสทเ่ี ดนิ ทางมาส�ำรวจและขดุ คน้
อมราวดี (พทุ ธศตวรรษท่ี 7-9) โดยอ้างถึงหลักฐาน ทางโบราณคดชี ว่ งเวลาน้นั ให้น้ำ� หนกั วา่ เป็นเมอื ง
คือ ประติมากรรมดินเผารูปพระภิกษุ 3 องค์ และ ส�ำคญั ของแควน้ ฟนู นั ทม่ี อี ายรุ าวพทุ ธศตวรรษที่ 7-8
ประติมากรรมปูนปั้นรูปพระพุทธรูปนาคปรกศิลา ทเี ดยี วและเมอื งนมี้ ฐี านะเปน็ เมอื งหลวงมากอ่ นเมอื ง
แบบอมราอุ้มบาตรทอ่ี ูท่ อง

วารสารสโุ ขทัยธรรมาธริ าช ปีที่ 33 ฉบ​ บั ที่ 1 มกราคม-มถิ นุ ายน 2563

116

นครปฐมด้วย ทีส่ �ำคญั นกั ปราชญ์ชาวฝรัง่ เศสท่าน เร่ืองการส่งสมณทูตไปเผยแผ่พระพุทธศาสนานอก
น้ียอมรับว่า เมืองอู่ทองร้างไปก่อนสมัยสมเด็จพระ ประเทศอินเดีย ไม่ได้กล่าวถึงการส่งสมณทูตไป
รามาธบิ ดีท่ี 1 ไมต่ ่ำ� กว่า 200-300 ปี เผยแผใ่ นสวุ รรณภมู ดิ ว้ ยเชน่ กนั อยา่ งไรกต็ าม แมว้ า่
5) กลุ่มชนอาศัยอยู่ในบริเวณภาคกลาง กรม วรรณกรรมของอินเดียจะมิได้กล่าวถึงรายละเอียด
ศิลปกร แหล่งโบราณคดีแห่งประเทศไทย (กรม การเขา้ มาของพระพทุ ธศาสนาสสู่ วุ รรณภมู หิ รอื ทวาร
ศลิ ปากร, 2531 : (1) 121-291; (2) 90-250) มคี วาม วดไี ว้ แตต่ รงกนั ขา้ มกบั วรรณกรรมโบราณของลงั กา
ชัดเจนมากยิ่งข้ึนเมื่อเร่ิมมีหลักฐานด้านโบราณคดี ทีส่ ําคญั (ผาสุข อินทราวธุ , 2548 : 199-203 ) คอื
รองรบั แมว้ า่ หลกั ฐานจะมเี กา่ ไปเพยี งพทุ ธศตวรรษ ทีปวงศ์ท่ีเขียนขึ้นในช่วงพุทธศตวรรษที่ 9-10 และ
ที่ 8-9 ก็ตาม ยังช้ีให้เห็นร่องรอยว่า กลุ่มชนที่อยู่ มหาวงศ์ เขยี นขน้ึ ในชว่ งพทุ ธศตวรรษที่ 11-12 กลา่ ว
ในบริเวณภาคกลางมีพัฒนาการและความเจริญ ถงึ การทพี่ ระเจา้ อโศกมหาราชสง่ สมณทตู จากอนิ เดยี
มากพอที่จะสามารถรับวัฒนธรรมทางพระพุทธ สดู่ ินแดนสุวรรณภูมิ แตไ่ มไ่ ดร้ ะบุว่า อยทู่ ่ใี ด
ศาสนาได้ และพบว่าพระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรือง นอกจากนี้ยังพบว่า คัมภีร์ของลังกาที่มีการ
ในสมัยทวารวดีอย่างมากระหว่างพุทธศตวรรษที่ กล่าวถึงดินแดนสุวรรณภูมิว่าด้วยการเดินทาง
11-16 รวมทงั้ เปน็ ศนู ยก์ ลางเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนา เข้ามาแสวงโชคและค้าขาย เช่น มหาชนกชาดก
จากขอ้ มลู เอกสารดงั กลา่ ว ท�ำใหว้ เิ คราะหไ์ ดว้ า่ สังขพราหมณการชาดก สสุ นั ธีธชาดก เปน็ ตน้ สว่ น
การเข้ามาของพระพุทธศาสนาจากประเทศอินเดีย ที่ว่าด้วยการเผยแผ่พระพุทธศาสนาสู่สุวรรณภูมิ
ตงั้ แตส่ มยั พระเจา้ อโศกมหาราชนน้ั มมี าแลว้ ตงั้ แต่ เปน็ คมั ภรี ข์ องลงั กาเปน็ หลกั เชน่ กนั โดยเฉพาะ เชน่
พทุ ธศตวรรษที่ 3 เจริญรุ่งเรืองสืบตอ่ มาจนถึงสมัย คัมภีร์มหานิเทส คัมภีร์สมันตปาสาทิกา เป็นต้น
ทวารวดีเพียงแต่ยังไม่มีหลักฐานด้านโบราณคดีมา ดังท่ไี ดก้ ล่าวไวแ้ ลว้
รองรบั เทา่ นน้ั เนอื่ งจากนกั โบราณคดไี ดต้ คี วามและ สรุปได้ว่า หลักฐานข้อมูลด้านเอกสารต่าง
วเิ คราะหห์ ลกั ฐานโบราณคดที พี่ บบรเิ วณทพ่ี ระพทุ ธ ประเทศที่กล่าวถึงพระพุทธศาสนาที่เผยแผ่จาก
ศาสนาเข้ามาว่า มีอายุไม่เกินพุทธศตวรรษที่ 8-9 อินเดียมายังดินแดนสุวรรณภูมิส่วนใหญ่เป็นหลัก
เทา่ นนั้ ฐานจากลงั กา ทงั้ น้ีอาจเปน็ เพราะวา่ ประเทศไทยมี
ในขณะทว่ี รรณกรรมตา่ งประเทศไมไ่ ดใ้ หค้ วาม ความสมั พนั ธด์ า้ นวฒั นธรรมกบั ประเทศลงั กาอยา่ ง
กระจา่ งมากนกั แมแ้ ตว่ รรณกรรมโบราณของอนิ เดยี ดี มาตง้ั แตส่ มยั หลงั พทุ ธกาล โดยเฉพาะวฒั นธรรม
ทั้งวรรณกรรมในศาสนาพราหมณ์ ศาสนาพุทธ พระพุทธศาสนาและในสมัยต่อมาอีกจนถึงปัจจุบัน
และนิกายของศาสนาเชน ไม่ได้กล่าวถึงการขยาย ผู้วิจัยเชื่อว่าเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับดินแดน
ตัวของพระพุทธศาสนาจากประเทศอินเดียมายัง สุวรรณภมู ิ (อูท่ อง) ดงั กล่าวไดใ้ ห้รายละเอียดเก่ยี ว
ดินแดนสุวรรณภูมิแต่ประการใด แม้แต่ศิลาจารึก กับสวุ รรณภูมแิ ละสมยั อ่ทู องได้อย่างนา่ สนใจ และ
ของพระเจา้ อโศกมหาราช (พ.ศ. 269-311) ซึง่ ระบุ ทาํ ใหท้ ราบวา่ เมอื งอทู่ องเปน็ เมอื งทา่ โบราณทเี่ จรญิ

วารสารสโุ ขทัยธรรมาธริ าช ปที ี่ 33 ฉบ​ ับที่ 1 มกราคม-มถิ นุ ายน 2563

117

รุ่งเรืองสืบต่อมาจนกลายเป็นเมืองท่าท่ีสําคัญของ ประวัติศาสตร์ โดยพัฒนาการมาอย่างต่อเนื่อง
รัฐทวารวดี เป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาท่ีเก่าแก่ อย่างน้อยต้ังแต่สมัยสุวรรณภูมิ พัฒนาการผ่าน
ท่ีสุดของรัฐทวารวดี ตลอดจนเป็นศูนย์กลางหรือ อาณาจักรฟูนัน จนกระท่ังเข้าสู่สมัยทวารวดี เป็น
เมืองหลวงของรัฐทวารวดียุคต้นและเมืองอู่ทองยัง สมัยประวัติศาสตร์ของประเทศไทยท่ีมีหลักฐาน
เป็นส่วนหน่ึงของรัฐทวารวดี โดยทวารวดีก่อตัวข้ึน ทั้งเอกสารและหลักฐานทางโบราณคดี และเจริญ
จากผู้คนในท้องถิ่นที่รับวัฒนธรรมอินเดียเข้ามา รุ่งเรืองด้วยพระพุทธศาสนา การเมืองการปกครอง
ปรับใช้ให้เหมาะกับวัฒนธรรมท้องถ่ิน มีลักษณะ โดยไดร้ บั อิทธพิ ลจากอารยธรรมอินเดีย
เด่นคือ เป็นการรับเอาศิลปวัฒนธรรมพุทธศาสนา 2) ได้ทราบถึงกําเนิดและการเข้ามาของ
ในสมยั คปุ ตะ และหลงั คปุ ตะเขา้ มาผสมผสานกบั คติ พระพุทธศาสนาที่แพร่หลายเขามายังบริเวณ
ความเชอื่ ในเมอื งแถบชายฝงั ทะเลภาคกลางของไทย ดงั กลา่ ว ทงั้ นจี้ ากหลกั ฐานเอกสารยนื ยนั ความเจรญิ
ศนู ยก์ ลางรฐั ทวารวดเี ปน็ เมอื งอทู่ องเพราะตงั้ อยบู่ น แพร่หลายของพระพุทธศาสนา ตั้งแต่สมัยพระเจ้า
เสน้ ทางนำ�้ ทอ่ี อกส่ทู ะเลได้ ศลิ ปวฒั นธรรมทวารวดี อโศกมหาราช พุทธศตวรรษท่ี 3 มีการแพร่หลาย
กระจายแพร่ออกไปเมืองต่าง ๆ ท่ีเป็นชุมชนย่อย เข้ามาของพระพุทธศาสนาอีกหลายระลอกด้วยกัน
ทงั้ ในเขตลมุ่ แมน่ ำ�้ เจา้ พระยา ภาคอสี าน ภาคเหนอื ทป่ี รากฏหลกั ฐานในสมยั กอ่ นทวารวดเี ลก็ นอ้ ย เชน่
และภาคใต้ ประเพณีเกี่ยวกับการสร้างพระพิมพ์ พทุ ธศตวรรษที่ 9-10 เปน็ ตน้ และพระพทุ ธศาสนาได้
พระพทุ ธรปู ตลอดจนการสรา้ งและการบชู าพระบรม เจรญิ ร่งุ เรอื งสูงสุดในช่วงพุทธศตวรรษท่ี 11-16 ซึ่ง
ธาตุเจดีย์ ล้วนเป็นอิทธิพลท่ีได้รับการสืบทอดมา เป็นสมยั ทวารวดี (อูท่ อง)
จากพระพุทธศาสนา ดังพบหลักฐานโบราณคดีใน 3) ได้ทราบว่า พระพุทธศาสนาในสมัย
ดินแดนไทย เริ่มต้ังแต่อารยธรรมอินเดียเขาสู่ดิน ทวารวดี (อู่ทอง) นั้นเจริญรุ่งเรือง แพร่หลายเข้า
แดนไทยในสมยั กอ่ นทวารวดสี มยั ทวารวดี และหลกั ถึงประชาชนกลุ่มต่าง ๆ และได้อํานวยประโยชน์
ฐานทางโบราณคดหี ลงั สมยั ทวารวดี แสดงใหเ้ หน็ ถงึ ด้านศิลปวัฒนธรรมแก่ประชาชนที่ต้ังถ่ินฐานอยู่ใน
ประเพณีดงั กล่าว โดยเฉพาะการสร้างพระบรมธาตุ บริเวณท่ีเป็นประเทศไทยได้อย่างดียิ่ง เห็นได้จาก
เจดีย์กลางเมืองต่าง ๆ ท้ังยังเช่ือมโยงให้เห็นความ หลักฐานที่เป็นจารึกหลักธรรมระดับต่าง ๆ ในทุก
ต่อเน่ืองของประเพณี ดังกล่าวในสมัยต่อ ๆ มาใน สว่ น เปน็ เครอื่ งยนื ยนั วา่ ประชาชนมคี วามเขา้ ใจใน
ไทยตราบเทา่ ทุกวันนี้ พระพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้ง ก่อให้เกิดอิทธิพลทาง
วัฒนธรรมประเพณี ความเจรญิ ดา้ นตา่ ง ๆ และส่ง
จากการศกึ ษาวเิ คราะหท์ งั้ จากหลกั ฐานขอ้ มลู ทอดสสู่ มัยสโุ ขทยั และสมยั ต่อมาอยา่ งงดงาม
เอกสารและด้านโบราณคดีได้ผลตามท่ีได้ตั้งเป้า 4) ไดท้ ราบรอ่ งรอยแหง่ ความเจรญิ รงุ่ เรอื ง
ไว้ 4 ประการ ของพระพทุ ธศาสนา ความแพรห่ ลายของวฒั นธรรม
1) ได้ทราบว่า ดินแดนที่เป็นประเทศไทย พระพทุ ธศาสนาแบบทวารวดี (อทู่ อง) และประชาชน
ทุ ก วั น น้ี มี พั ฒ น า ก า ร ม า แ ล ้ ว ต้ั ง แ ต ่ ส มั ย ก ่ อ น

วารสารสุโขทัยธรรมาธริ าช ปที ี่ 33 ฉบ​ บั ที่ 1 มกราคม-มิถนุ ายน 2563

118

ชาวพุทธมีความเข้าใจพระพุทธศาสนาอย่างลึกซ้ึง พระพุทธศาสนาอย่างลึกซ้ึง ก่อให้เกิดอิทธิพลทาง
ยงิ่ กวา่ สมยั ใดในประวตั ศิ าสตรช์ าตไิ ทย เหน็ ไดจ้ าก วัฒนธรรมประเพณี ความเจรญิ ด้านตา่ ง ๆ และสง่
ร่องรอยจากศูนย์กลางของวัฒนธรรมทวารวดี ท่ีท้ิง ทอดสู่สมัยสุโขทัยและสมัยต่อมาอย่างงดงาม ยัง
รอ่ งรอยไว้ท่วั ทกุ ภาค ดงั ภาคกลางบรเิ วณลุ่มแมน่ ำ้� เห็นได้จากร่องรอยจากศูนย์กลางของวัฒนธรรม
เจ้าพระยา การเคารพพระพุทธรูป พระพิมพ์ และ ทวารวดีที่ท้ิงร่องรอยไว้ท่ัวทุกภาค ดังภาคกลาง
บรรดาจารกึ เรอ่ื งราวตา่ ง ๆ เกยี่ วกบั การทาํ บญุ การ บริเวณลุ่มแม่น้�ำเจ้าพระยา การเคารพพระพุทธรูป
จารกึ หลกั ธรรมคาํ สอนในพระพทุ ธศาสนาตลอดจน พระพมิ พ์ และบรรดาจารึกเร่อื งราวตา่ ง ๆ ล้วนเปน็
ซากพุทธเจดีย์จํานวนมากมาย ล้วนเป็นหลักฐาน หลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองของ
ที่แสดงให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองของพระพุทธ พระพุทธศาสนาในสมัยทวารวดี ได้เป็นอย่างดี
ศาสนาในสมัยทวารวดีได้เป็นอย่างดี และเป็นต้น
แบบทางศลิ ปวฒั นธรรมใหก้ บั สโุ ขทยั และสมยั ตอ่ มา องค์ความรูท้ ี่ไดจ้ ากการวจิ ยั
สรุปการศึกษาวิเคราะห์การเข้ามาเผยแผ่ 1) กอ่ ใหเ้ กดิ องคค์ วามรใู้ หมเ่ กยี่ วกบั กาํ เนดิ การ
เข้ามาของพระพุทธศาสนาในการเผยแผ่สู่เมือง
พ ร ะ พุ ท ธ ศ า ส น า วั ฒ น ธ ร ร ม สู ่ เ มื อ ง อู ่ ท อ ง อู่ทอง 2) ร่องรอยและอิทธิพลด้านต่าง ๆ ที่ได้รับ
และปริมณฑล ดินแดนท่ีเป็นประเทศไทย จากพระพุทธศาสนาท่ีจะอํานวยประโยชน์ต่อการ
ทุ ก วั น นี้ มี พั ฒ น า ก า ร ม า แ ล ้ ว ตั้ ง แ ต ่ ส มั ย ก ่ อ น ศึกษาประวัติศาสตร์เมืองอู่ทอง ได้แก่ พระพุทธ
ประวัติศาสตร์ ตั้งแต่สมัยสุวรรณภูมิ จนกระท่ัง ศาสนา วฒั นธรรม ประเพณี 3) ไดอ้ งค์ความร้จู าก
เข้าสู่สมัยทวารวดี เป็นสมัยประวัติศาสตร์ของ การศึกษาโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุท่ี
ประเทศไทยท่ีมีหลักฐาน ท้ังเอกสารและหลักฐาน สัมพันธ์กับการเผยแผ่พระพุทธศาสนาสู่เมืองอู่ทอง
ทางโบราณคดี และเจริญรุ่งเรืองด้วยพระพุทธ ลายเส้นจากดินเผารูปภิกษุสาวก 3 รูป ครองจีวร
ศาสนา การเมืองการปกครอง โดยได้รับอิทธิพล ท�ำท่าบิณฑบาต เป็นหลักฐานเก่าสุดท่ีแสดงว่า
จากอารยธรรมอินเดีย ท�ำให้ทราบถึงกําเนิดและ มีพระสงฆ์ในดินแดนสุวรรณภูมิ พบท่ีเมืองอู่ทอง
การเข้ามาของพระพุทธศาสนาที่แพร่หลายเข้าของ อ�ำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี ช้ินส่วนปูนปั้นรูป
พระพุทธศาสนา ตั้งแต่สมัยพระเจ้าอโศกมหาราช พระพทุ ธรปู ขดั สมาธิพระบาทหลวม ๆ บนขนดนาค
พทุ ธศตวรรษท่ี 3 เปน็ ตน้ มาและพระพทุ ธศาสนาได้ ศิลปกรรมอินเดียแบบอมราวดีตอนปลายอายุราว
เจรญิ รงุ่ เรอื งสงู สดุ ในชว่ งพทุ ธศตวรรษท่ี 11-16 ซง่ึ พุทธศตวรรษท่ี 9–11 พบที่เมืองอู่ทอง พระพุทธ
เปน็ สมัยทวารวดี (อู่ทอง) และได้อาํ นวยประโยชน์ บิดาพระพุทธเจ้าสมณโคดม มีจารึกอักษรปัลลวะ
ดา้ นศลิ ปวฒั นธรรมแกป่ ระชาชนทตี่ ง้ั ถนิ่ ฐานอยู่ ใน ระบุพระนามไว้ด้านล่างของฐานว่า “ ศุทฺโธทน”
บริเวณท่ีเป็นประเทศไทยได้อย่างดียิ่ง เห็นได้จาก ยังมีธรรมจักรและกวางหมอบ กล่าวได้ว่า เป็น
หลักฐานที่เป็นจารึกหลักธรรมระดับต่าง ๆ ในทุก ตัวแทนของอารยธรรม เพราะธรรมจักรเป็น
สว่ น เปน็ เครอ่ื งยนื ยนั วา่ ประชาชนมคี วามเขา้ ใจใน เคร่ืองหมายการประกาศพระธรรมคําสอนของ

วารสารสโุ ขทยั ธรรมาธิราช ปีท่ี 33 ฉบ​ ับท่ี 1 มกราคม-มิถนุ ายน 2563

119

พระพุทธเจ้า เป็นสัญลักษณ์การแสดงปฐมเทศนา แก่ที่สุดของรัฐทวารวดี ฉะน้ัน ย่อมได้บทวิเคราะห์
มอี ายรุ าวพทุ ธศตวรรษที่ 13 กรมศลิ ปากรขดุ คน้ พบ ของนักวิชาการทางประวัติศาสตร์ที่สัมพันธ์กับการ
ท่สี ถูปเจดยี ห์ มายเลข 11 เมอื งอ่ทู อง ฯลฯ เผยแผ่พระพุทธศาสนาเมืองอู่ทองที่ขาดหายไป
จะเห็นได้ว่า เมืองอู่ทองน้ันยังได้พบหลักฐาน เพอ่ื จะไดเ้ กดิ องคค์ วามรใู้ หม่ ๆ อนั จะเปน็ ประโยชน์
การตดิ ตอ่ คา้ ขายกบั อนิ เดยี ตง้ั แตส่ มยั ยคุ เหลก็ ตอน ทางการศกึ ษาต่อไป
ปลายของอินเดีย (พุทธศตวรรษท่ี 3-5) (ชิน อยู่ดี, พระพุทธศาสนาเผยแผ่เข้าสู่เมืองอู่ทองและ
2509 : 43-50) และเมืองอู่ทองน้ีเองที่พ่อค้าชาว ประเทศไทย เช่ือได้ว่า พระพุทธศาสนาเผยแผ่ได้
พุทธจากลุ่มแม่น้�ำกฤษณาได้เดินทางเข้ามาติดต่อ เข้าสู่เมืองอู่ทอง ประเทศไทยมี 2 ระยะคือ ระยะ
ค้าขายและตั้งถิ่นฐานในช่วงสมัยอินโด-โรมัน และ แรก คร้ังที่พระเจ้าอโศกมหาราชทรงส่งสมณทูต
ได้น�ำเอาพุทธศาสนาจากศูนย์กลางพุทธศาสนาใน มีพระโสณะกับพระอุตตระเถระ พร้อมด้วยภิกษุ
อินเดียใต้ที่อยู่ใต้การอุปถัมภ์ของกษัตริย์ราชวงศ์ บริวาร เข้ามาเผยแผ่พระพุทธศาสนาในดินแดน
ศาตวาหนะ และสบื ตอ่ ดว้ ยราชวงศอ์ กิ ษวากุ (พทุ ธ สวุ รรณภมู ิ ในพทุ ธศตวรรษที่ 3 และเจรญิ แพรห่ ลาย
ศตวรรษที่ 8-10) ซงึ่ มศี นู ยก์ ลางงานศลิ ปกรรมเนอื่ ง ต่อมา (ในเร่ืองนี้ อาจเปรียบเทียบได้กับประเทศ
ในศาสนาอยทู่ เ่ี มอื งอมราวดแี ละเมอื งนาคารชนุ โกณ ศรีลังกาที่มีการระบุว่า มีการส่งพระ มหินทเถระ
ฑะ เข้ามาเผยแพร่ให้ชุมชนโบราณทีเ่ มืองอทู่ อง ดัง และพระสงั ฆมิตตาเถรพี รอ้ ม ๆ กบั การส่งพระโสณ
ได้พบประติมากรรมดินเผารูป ลายเส้นจากดินเผา ะกบั พระอตุ ตระมายงั ดนิ แดนไทยสมยั กอ่ นทวารวดี
รปู ภิกษสุ าวก 3 รูป ครองจวี รท�ำท่าบิณฑบาตรและ ด้วยก็ได้ ซึ่งทางศรีลังกามีตํานานเกี่ยวกับเรื่องดัง
เปน็ หลกั ฐานเกา่ สดุ ทแี่ สดงวา่ มพี ระสงฆใ์ นดนิ แดน กล่าวสมบูรณ์กว่าไทย ทั้งนี้เพราะศรีลังกาเคยเป็น
สุวรรณภูมิ พบที่เมืองอู่ทอง อ�ำเภออู่ทอง จังหวัด ศูนย์กลางการศึกษาพระพุทธศาสนาใหญ่แห่งหน่ึง
สุพรรณบุรี ช้ินส่วนปูนปั้นรูปพระพุทธรูปขัดสมาธิ ตอ่ จากประเทศอนิ เดยี ) ระยะท่ี 2 พระพุทธศาสนา
พระบาทหลวม ๆ บนขนดนาค ศิลปกรรมอินเดีย ได้เข้าสู่ดินแดนทวารวดี (อู่ทอง) ราวพุทธศตวรรษ
แบบอมราวดีตอนปลายอายุราวพุทธศตวรรษที่ ที่ 8-10 ตรงบรเิ วณจากหลกั ฐานโบราณคดที น่ี า่ เชอื่
9–11 พบที่เมืองอู่ทอง พระพุทธบิดาพระพุทธเจ้า ได้คอื (1) ประติมากรรมปูนปั้นรปู พระภกิ ษุ 3 องค์
สมณโคดม มีจารึกอักษรปัลลวะ ระบุพระนาม ถอื บิณฑบาต ศิลปะแบบอมราวดี (2) จารกึ คาถา
ไว้ด้านล่างของฐานว่า “ ศุทฺโธทน” อายุราวพุทธ เย ธมฺมา 2 หลักพบที่ไทรบุรี อายรุ าวพุทธศตวรรษ
ศตวรรษท่ี 13 กรมศิลปากรขุดค้นพบท่ีสถูปเจดีย์ ท่ี 8-11 และ (3) จารกึ คาถา เย ธมมฺ า บนหวั แหวน
หมายเลข 11 เมอื งอทู่ อง พบทเ่ี วยี ดนามเป็นพระพุทธศาสนาเถรวาท
ดังน้ัน เมืองอู่ทองจึงจัดเป็นเมืองท่าโบราณท่ี
เจริญรุ่งสืบต่อมาจนกลายเป็นเมืองท่าส�ำคัญของ สรุปว่า จากการศึกษาดังกล่าวจึงพบว่า
อาณาจักร และเป็นศูนย์กลางพุทธศาสนาที่เก่า พระพุทธศาสนาท่ีเข้ามาเผยแผ่สู่ดินแดนไทยสมัย
ทวารวดี (อทู่ อง) จะตอ้ งเปน็ พระพทุ ธศาสนาเถรวาท

วารสารสุโขทยั ธรรมาธิราช ปที ี่ 33 ฉบ​ ับที่ 1 มกราคม-มถิ นุ ายน 2563

120

เป็นส่วนใหญ่ เน่ืองจากหลักฐานจารึกต่าง ๆ เช่น นิโรโธ จ เอวํ วาที มหาสมโณ พบท่ีบนแผ่นอิฐที่
หลักฐานหลกั ธรรมเทา่ ที่มกี ารรวบรวมจารกึ โบราณ พระปฐมเจดีย์ว่า “แปลออกได้ความว่า เป็นพระ
พบที่เมืองอู่ทองท่ีมีอายุราวพุทธศตวรรษท่ี 12-13 ปฏจิ จสมปุ บาทยอ่ อยา่ งหนงึ่ เปน็ พระอรยิ สจั สย่ี อ่ ไว้
และได้มีการอ่านแปลเผยแพร่แล้วนั้น มีจารึกท่ี อยา่ งหนงึ่ ควรทท่ี า่ นทง้ั หลายจะเลา่ จะเรยี นใหจ้ �ำไว้
เปน็ หลกั ธรรมในพทุ ธศาสนามสี องส�ำนวนคอื จารกึ จะได้สวดมนต์ภาวนาจะมีอานิสงส์คุณในปัจจุบัน
ส�ำนวนแรก จารกึ คาถาเย ธมมฺ าฯ จารึกด้วยอกั ษร และในอนาคต” จารกึ ส�ำนวนทสี่ อง จารึก เขมาเขม
ปลั ลวะ ภาษาบาลี พบหลายช้นั เชน่ จารึกบนพระ สรณทปี กิ คาถา จากพระสุตตนั ตปิฎก ขทุ ทกนกิ าย
พมิ พด์ นิ เผา ทด่ี า้ นหนา้ เปน็ ภาพเรอ่ื งปฏหิ ารยท์ เี่ มอื ง เร่ืองปุโรหิตอัคคิทัต สรุปความคือ พระพุทธ พระ
สาวัตถี ส่วนด้านหลังจาร คาถา เย ธมฺมาฯ จารึก ธรรมและพระสงฆ์ เม่ือได้พบสรณะพระรัตนตรัย
บนแผน่ ดินเผา บางช้ินเกบ็ รกั ษาทพี่ ิพิธภณั ฑสถาน แลว้ จะเหน็ อรยิ สัจ ซงึ่ เปน็ ทพี่ ่งึ อันแท้จรงิ สามารถ
แห่งชาติอู่ทอง ความเต็มของคาถานี้คือ เย ธมฺ ช่วยให้พ้นจากความทุกข์ท้ังหลายได้ ส่วนภูเขา
มา เหตุปปฺ ภวา เยสํ หตํ ตถาคโต อาห เตสญจฺ โย ปา่ ไม้ ตน้ ไมใ้ หญ่ อารามศกั ดส์ิ ทิ ธิ์ สงิ่ เหลา่ นนั้ ไมใ่ ช่
ท่ีพง่ึ อนั แท้จรงิ เป็นต้น 

วารสารสโุ ขทยั ธรรมาธริ าช ปีท่ี 33 ฉบ​ ับท่ี 1 มกราคม-มถิ นุ ายน 2563

121

References

Boeles, J.J. (1967). “A note on the ancient city called Lavapura” Journal of the Siam Society, Vol.
LV, Part I (January 1967).
Boisselier, J. (1977). “Travaux dela Mission Ar cheologique Francaise en Thailande”.
Chin, Y. (1966). Prehistory in the City of U Thong, Ancient Science in the City of U Thong
Department of Fine Arts, (in Thai)
Chin, Y. (2005). Suvarnabhumi from archaeological evidenc, Bangkok: Silpakorn University,
(in Thai)
Chongkol, J. (1967). Bangkok National Museum.  The Fine Arts Department, published during the
royal opening ceremony of the Bangkok National Museum on May 25, 10, (in Thai)
Chuwichian, P. (2013). The source of sunken boats at Wat Klang Khlong Samut Sakhon, new
information to world trade from under the mud sea, Siam Rath Weekly Review, 27 December
56, (in Thai)
Dawaravati, P.I. (1999). An Analytical Study from Archaeological Evidence (Bangkok: Atsamai
Printing Company, (in Thai)
Dawarawadi, P.I. (2542). Analytical Study from Archaeological Evidence. (Bangkok: 1999 Printing
Press), (in Thai)
Fine Arts Department, (1988). Thailand Archeology, (Bangkok: Agricultural Cooperative of Thailand,
Vol. 1; Section 2). (in Thai)
Khamwansa, S. (1999). History of Buddhism in Thailand, 4th edition. Bangkok: Company Charan
Sanitwongpim Company Limited. (in Thai)
Malilawan, P., & Malathong, S. (1999). History of Buddhism, (Bangkok: Religious Printing Press),
(in Thai)
Na Ayuthaya, P. Listening to the Buddhist foundation at Ban Khu Bua, Muang District, Ratchaburi
Province, during the period of Phra Chao Asoke Maharat to Phra Kanitsaka from B.E.
273-703. (in Thai)
Phian, P. (2000) Teachers and Teaching Thai History Handbook of Historical Teaching Activities,
History: How to study and teach, Bangkok: Department of Religious Affairs. (in Thai)
Phongsripian, W. Teacher and Thai History Teaching Handbook of History Teaching Activities,
History: How to learn and how to teach, Bangkok: Department of Religious Affairs Press,
2000) Page, 2. (in Thai)

วารสารสุโขทยั ธรรมาธริ าช ปีท่ี 33 ฉบ​ ับท่ี 1 มกราคม-มิถุนายน 2563

122
Phothanthanat, S. (1972). Phoom Biography of Buddhism, (Bangkok: Bureau of Publishing House.
(in Thai)
Phra Dhammapiyak, (Por Por Payutto), (2004). Charik Bun-Charuk Tham, 10th edition, (Bangkok:
Pim Company Chuay Suay Co., Ltd.). (in Thai)
Royal Boriban Company. (1960). On Archeology, (Phra Nakhon: Roong Ruangrat, (in Thai).
Saiasingh, S. (2004). Dvaravati Art, Early Buddhist Culture in Thailand, 2nd edition, (Bangkok:
Sutthakarapim, (in Thai)
Santisukwan, S. (2008). Analytical Study of Buddhism History in the Dvaravati Period, Master of
Buddhist Thesis (Buddhism). (in Thai)
Shin, Y.D. (1970). Prehistoric times in Thailand. Bangkok: Department of Fine Arts, Published in
print During the royal opening ceremony of the U Thong Suphanburi National Museum on
13 May 1966, (in Thai)
Somdej Phra Wannarat, (Phraya Pariyatadhamma Thada (Patanalaksan) translation), Sangkhiyat
Wongwongphanarn, about sorting out Dhamma discipline. (in Thai)
Walliphom, S. (2009). U-Thong story, ancient city, creative city, historical tourism Traditional culture
and way of life. (in Thai)
Wanlipodhom, S. (1996). Siam Country: Background of Thailand from the Late Ages to Ayutthaya
Period. The Ancient Kingdom of Siam, 3rd edition, Bangkok: Matichon. (in Thai)
Wongdhate, S. (2005). Where Thais are from? Bangkok: Matichon Publishing House, (in Thai)

วารสารสโุ ขทัยธรรมาธิราช ปีที่ 33 ฉบ​ ับท่ี 1 มกราคม-มิถุนายน 2563


Click to View FlipBook Version