The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

โครงงานคุณธรรม-ม.2-ห้อง-4-เรื่อง-เรียนไม่โดด-อยู่ในโหมดน่ารัก

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by waranghkana_2008_, 2021-12-21 23:15:04

โครงงานคุณธรรม-ม.2-ห้อง-4-เรื่อง-เรียนไม่โดด-อยู่ในโหมดน่ารัก

โครงงานคุณธรรม-ม.2-ห้อง-4-เรื่อง-เรียนไม่โดด-อยู่ในโหมดน่ารัก

คำนำ

โครงงานคุณธรรม เรื่อง เรียนไม่โดด อยู่ในโหมดน่ารัก ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 2/4 ฉบับนี้
จัดทาข้ึนเพ่ือแก้ปัญหาพฤติกรรมท่ีไม่เข้าเรียนของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 2/4 โดยมีวัตถุประสงค์
ให้นักเรียนตระหนักถึงความสาคัญของการศึกษา โดยเร่ิมต้นจากการเข้าเรียนทุกวิชา การจัดทาโครงงานครั้งนี้
สาเร็จลุล่วงด้วยดี เพราะความร่วมมือของทุกคน ขอขอบคุณนักเรียนทุกคนที่ให้ความร่วมมือในการทากิจกรรม
ตามที่วางแผนไว้

ผูจ้ ดั ทา

สำรบัญ หนา้

คานา 1
สารบญั 3
บทที่ 1 บทนา 6
บทที่ 2 เอกสารท่ีเกย่ี วข้อง 8
บทที่ 3 วิธดี าเนินงาน 11
บทท่ี 4 ผลการดาเนินงาน 14
บทที่ 5 สรุปผลและอภิปราย
ภาคผนวก

บทที่ 1
บทนำ

ทมี่ ำและควำมสำคญั ของปญั หำ

พฤติกรรมหนีเรียน (truancy) หมายถึง พฤติกรรมที่เด็กแสดงออกถึงการไม่อยากเข้าเรียน จงใจ
หลีกเหล่ียงการเรียน เป็นพฤติกรรมที่เป็นปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไข เพ่ือป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับเด็ก
ในทุกด้าน โดยเฉพาะด้านการเรียน พฤติกรรมหนีเรียนของนักเรียนเป็นปัญหาสาคัญท่ีมีผลกระทบต่อสังคม
ก่อให้เกิดผลเสียมากมายและเป็นภาระหน้าท่ีของโรงเรียน ครู ผู้ปกครอง ที่ต้องตระหนักถึงปัญหาและสาเหตุ
ของปัญหาพฤติกรรมหนีเรียน ผลสารวจข้อมูลเกี่ยวกบั พฤติกรรมหนีเรียน นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 2/4 ซึ่งมี
นกั เรียนท้ังหมด 27 คน และมีนกั เรียนที่มพี ฤติกรรม หนีเรยี น หลกี เลี่ยงการเขา้ เรียน จานวน 6 คน

พฤติกรรมหนีเรียนส่งผลกระทบต่อเด็กโดยตรง ได้แก่ ส่ งผลให้เด็กมีผลสัมฤทธิ์การเรียนต่า
อันเนื่องมาจากไม่สนใจเข้าเรียน จากการทบทวนวรรณกรรมเกี่ยวกับปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมหนีเรียน
ของนกั เรียน พบว่า มีปัจจัยทีเ่ ก่ยี วข้องหลายปัจจัย คือปัจจัยดา้ นตัวเดก็ ไดแ้ ก่ เจตคตติ อ่ การเรยี น ผลการเรยี นต่า
ปัจจัยด้านครอบครัว ได้แก่ ครอบครัวเกิดความขัดแย้ง ผู้ปกครองขาดความเอาใจใส่ในการเรียนของเด็ก
ด้านสังคมและส่ิงแวดล้อม ได้แก่ การคบเพ่ือนที่มีพฤติกรรมหนีเรียน มีพฤติกรรมต่อต้านสังคม ไม่ปฏิบัติตาม
กฎระเบียบของโรงเรยี น

ดังน้ัน ครูและนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 2/4 จึงสนใจทาการศึกษาพฤติกรรมหนีเรียน ปัจจัยท่ีมีผล
ต่อพฤติกรรมหนีเรียน ของนกั เรียนระดับชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 2/4 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 50 โดยจดั ทาใน
รูปแบบโครงงานคุณธรรมของห้องเรียน เพ่ือเป็นประโยชน์ในการวางแผน หาแนวทางในการป้องกันและแก้ไข
ปัญหาช่วยเหลือเด็กที่มีพฤติกรรมหนีเรียน ให้กลับสู่ระบบการศึกษาให้เร็วที่สุด และป้องกันผลกระทบท่ีจะเกิด
ขน้ึ กับตัวนักเรยี นต่อไป

ท้ังน้ี การจัดทาโครงงานได้สอดคล้องกับอัตลักษณ์ของโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 50 คือ
ความรับผิดชอบ ความมวี ินัย
วตั ถปุ ระสงค์

1. เพ่อื ใหน้ ักเรียนชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 2/4 ทุกคนเข้าเรียนอยา่ งสมา่ เสมอ
2. เพอื่ ใหน้ ักเรยี นชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2/4 มผี ลสมั ฤทธท์ิ างการเรียนสูงข้ึน
ปัญหำ
นกั เรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 2/4 ไม่เข้าเรียน
สำเหตขุ องปญั หำ
1. นกั เรยี นมีนิสัยเกยี จครา้ น
2. นกั เรียนตดิ เกม ติดมอื ถือ
กล่มุ เป้ำหมำย
1. เชงิ ปรมิ ำณ

- นกั เรยี นชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 2/4 จานวน 27 คน

2. เชิงคุณภำพ
- นกั เรียนชนั้ ม.2/4 ทุกคน เข้าเรียนสมา่ เสมอ และมผี ลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นสูงข้ึน

2

เปำ้ หมำยระยะสน้ั (ระยะเวลำ 5 เดือน)
- นกั เรียนชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 2/4 เข้าเรียนทกุ วิชาสมา่ เสมอ

เปำ้ หมำยระยะยำว (ระยะเวลำ 1 ปีกำรศึกษำ)
- นกั เรยี นชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 2/4 มีผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนสูงข้นึ

คุณธรรมเป้ำหมำย
ความรบั ผิดชอบ

พฤติกรรมบ่งชเี้ ชงิ บวก
1. นักเรยี นช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 2/4 เขา้ เรียนตรงเวลาทกุ ชั่วโมง
2. นกั เรยี นชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 2/4 ทกุ คนสง่ การบ้านหรืองานทคี่ รมู อบหมาย

ประโยชน์ท่ีคำดว่ำจะได้รับ
1. นกั เรียนช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 2/4 มีความรบั ผิดชอบตอ่ ตนเอง ขยนั หมน่ั เพยี ร
2. นักเรียนชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2/4 เข้าเรยี นตรงเวลา เขา้ เรยี นสมา่ เสมอ
3. นกั เรียนชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 2/4 มีผลสัมฤทธิท์ างการเรียนสูงขน้ึ

บทท่ี 2

เอกสำรทเี่ ก่ยี วข้อง

ทฤษฎที เ่ี กย่ี วข้องปญั หำเด็กหนเี รยี น
กำรเรียนคือกำรแข่งขนั ท่ีกดดันให้เดก็ เป็นผูแ้ พม้ ำกกว่ำผู้ชนะ
ทกุ คนยอมรบั ว่าการเรียนเป็นเรื่องท่มี คี วามจาเปน็ สาหรบั นกั เรยี น แตว่ า่ ในระบบการแขง่ ขันน้นั มีค่านยิ ม

ท่ีผิด ๆ ว่าคนที่สอบได้ที่ 1 เท่าน้ัน คือคนท่ีประสบความสาเร็จในการเรียน ทาให้นักเรียนเป็นผู้แพ้มากกว่าเป็น
ผชู้ นะ เพราะในห้องเรยี นต้องมคี นทไ่ี ด้ 1 เพยี งแคค่ นเดียวทเี่ หลือก็ต้องแพ้ หากในความเปน็ จรงิ นกั เรียน มีสงิ่ ดี ๆ
ซ้อนอยู่ในตัวเองมากมาย ดังน้ัน นอกจากจะให้เขาเรียนหนังสือได้ดี ๆ แล้ว ควรจะส่งเสริมให้เขาได้ทาบางสิ่ง
บางอย่างที่เขาถนัด ท่ีเขามีความสามารถพิเศษ หรือมีพรสวรรค์ เพื่อให้เขาได้สัมผัสความรู้สึกของการเป็นผูช้ นะ
บ้าง อย่างเช่น เด็กบางคนอาจจะเล่นหมากฮอสเก่ง เด็กบางคนอาจจะร้องเพลงเก่ง เด็กบางคนอาจจะเตะบอล
เล่นกีฬาเก่ง ฯลฯ พฤติกรรมเหล่านี้ อย่าไปดูถูกว่าสิ่งเหล่าน้ันไม่ดี พ่อแม่ผู้ปกครองหรือครูอาจารย์ ควรส่งเสริม
และให้โอกาสพวกเขาได้ค้นพบส่ิงที่ดี ให้เขาประสบความสาเร็จ และชื่นชมยกย่องเม่ือเขามีสิ่งเหล่านั้น ดีกว่า
จะกดดนั หรือปล่อยใหพ้ วกเขาไปแสวงหาชัยชนะขา้ งนอกดว้ ยตวั เอง

หนเี รียนเพรำะไมป่ ระสบผลสำเร็จในกำรเรยี น
ผลการสารวจความคิดเห็นของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 2/4 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 50
พบประเด็นที่เก่ียวข้องกบั ปัญหาการหนีเรยี นของนกั เรยี น ซ่ึงพบว่าปัญหาส่วนหน่ึงของการหนีเรียน ไม่เข้าเรยี น
นา่ จะเกดิ จากความรู้สึกไม่ประสบผลสาเร็จในการเรียน ทาให้เกดิ ความทอ้ แท้ หรือการถูกบงั คับ ถูกกดดันในเรื่อง
การเรยี นจากผปู้ กครองและคุณครู
นิสัยและทัศนคติต่อกำรเรยี นของเดก็ ไม่ชัดเจน
เด็กไม่ทราบว่าตนเองชอบอะไร ตอ้ งการประกอบอาชพี อะไรในอนาคต ค่อนข้างเล่อื นลอย ขาดเป้าหมาย
และความมุง่ ม่นั ของการเรยี นรเู้ พอ่ื อะไร เดก็ จงึ สกั แต่เรียนไปวนั ๆ และเมือ่ ยา่ งเข้าสวู่ ัยรนุ่ จะเร่มิ สนใจสังคมเพ่ือน
การเข้าสู่เรื่องเพศจากส่ือต่าง ๆ การใช้มือถืออินเตอร์เน็ต เล่นเกม ความบันเทิงและอ่ืน ๆ เมื่อเพื่อนชักชวน
โดดเรยี นจึงแทบไม่รรี อ เพราะพน้ จากหอ้ งเรยี นคอื ความอสิ ระ ทาอะไรที่ตวั เองต้องการไดอ้ ยา่ งเต็มท่ี มเี พ่ือนทีพ่ ูด
ภาษาเดียวกนั มีความเขา้ ใจตรงกนั รสนิยมเหมอื นกนั มคี วามสุขในสงั คมเพื่อนและสิง่ แวดลอ้ มท่เี ปดิ โอกาสให้ทา
อะไรก็ได้
ดังนนั้ ในการดาเนนิ โครงงานคุณธรรมเร่ือง “เรยี นไมโ่ ดด อยใู่ นโหมดน่ารกั ” ของนกั เรยี นชนั้ มัธยมศึกษา
ปีที่ 2/4 ได้นาหลักการคณุ ธรรมมาใชใ้ นการแก้ไขปญั หาพฤติกรรมของนกั เรยี น และนาไปสกู่ ารปฏบิ ตั ิ ดงั นี้

4

หลกั ธรรมทีน่ ำมำใช้ในกำรแก้ไขปญั หำพฤตกิ รรมนักเรยี น
อิทธบิ ำท 4

อิทธิบาท 4 เป็นแนวทางการเรียน การทางาน ให้ประสบความสาเร็จท่ีพระพุทธองค์ได้ทรงสดับไว้
อนั ประกอบด้วยแนวปฏิบัติ 4 ขอ้ คือ ฉนั ทะ วริ ิยะ จติ ตะ วิมังสา ซ่งึ ใคร ๆ ก็ทอ่ งได้ จาได้ แต่จะมสี กั ก่ีคนที่ปฏบิ ัติ
ได้ครบกระบวนความทั้ง 4 ข้อ อันเป็น 4 ข้ันตอนท่ีต่อเนื่อง จะขาดข้อใดข้อหน่ึงไม่ได้ ด้วยว่าเป็นกระบวนการ
ท่ีเช่ือมโยงกันทั้ง 4 ข้อ จึงจะทาให้เราประสบผลสาเร็จในชีวิตและการงานได้ตามความมุ่งหวัง ขออธิบาย
ดงั ต่อไปน้ี

1) ฉันทะ คือ การมีใจรักในสิ่งที่ทา ใจที่รักอันเกิดจากความศรัทธาและเชื่อม่ันต่อส่ิงท่ีทา จึงจะเกิด
ผลจริงตามควร เราคงเคยได้ยินคาว่า “ขอฉันทามติจากที่ประชุม” บ่อย ๆ หรือ “มีฉันทะร่วมกัน” ก่อนเลิก
การประชุมบางอันเป็นเสมือนสัญญาระหว่างกันว่าเราจะทาสิ่งน้ันนี้ร่วมกันหรือละเว้นบางส่ิงร่วมกัน ซ่ึง
ความเข้าใจในข้อนี้คิดว่าถูกเพียงครึ่งเดียว เพราะความหมายของ “ฉันทะ” นั้น ไม่ใช่แปลว่าเป็นสัญญาภาษา
กระดาษหรือสัญญาท่ีให้ไว้กับมวลหมู่สมาชิกเท่านั้น หากแต่เป็นสัญญาใจและเป็นใจที่ผูกพัน เป็นที่ศรัทธาและ
เช่ือม่ันต่อสิ่งน้ันอยู่เต็มเป่ียม จึงจะเกิดความเพียรตามมา เปรียบได้กับนักวิจัยท่ีศรัทธาและเชื่อม่ันในแนวคิว
แนวปฏิบัติของงานวจิ ัย เพ่อื ทอ้ งถน่ิ ซึง่ อาจมมี ากนอ้ ยต่างกัน คงไมม่ ีใครบอกไดน้ อกจากตวั นักวิจัยเองและผลของ
งานทเ่ี กิดข้นึ จริงเป็นทปี่ ระจักษต์ ่อสาธารณะชน

1) วิรยิ ะ คอื ความมุ่งม่ันทุม่ เท เป็นความมุ่งมนั่ ทุมเททั้งกายและใจ ทีจ่ ะเรียนร้แู ละทาให้เข้าถึงแก่นแท้
ของสิ่งนั้น เร่ืองน้ัน ถ้าหากกระทาก็จะทาจนเชี่ยวชาญจนเป็นผู้รู้ ถ้าหากศึกษาก็จะศึกษาให้รู้จนถึงรากเหง้า
ของเรื่องราวนั้น ๆ ดังน้ัน คาว่า “วิริยะ” จึงหมายถึงความเพียรพยายามอย่างสูงท่ีจะทาตามฉันฑะ หรือศรัทธา
ของตัวเอง เพ่ืออะไรน้นั ผลงานท่ีเขาทาจะช้ีชัดออกมาเองว่าทาเพ่ืออะไร ดังนั้น นักวิจัยท้องถิ่น จึงต้องมีใจที่รัก
ต่อคนท้องถิ่นและรักต่อการทางานวิจัยเพอื่ แก้ปัญหาคนท้องถ่ิน อันเป็นศรัทธาสูงสุด หากไม่เป็นเช่นน้ัน ก็ได้แต่
เพยี งศรัทธาปากเปล่าทไี่ ร้แม้เงาของความมงุ่ มั่นและทุ่มเท หากแต่มีศรธั ทาอ่นื ให้คร่นุ คิดและกระทาอยู่

2) จิตตะ คือ ใจท่ีจดจ่อและรับผิดชอบ เม่ือมีใจที่จดจ่อแล้วก็จะเกิดความรอบคอบตาม คานี้ย่ิงใหญ่
มาก ปจั จบุ นั สังคมซับซอ้ น มสี งิ่ ใหม่ ๆ เกิดขนึ้ มากมาย แตล่ ะคนมีภาระหน้าที่ ท่ีต้องทามากมาย ไมร่ ู้จะทาอะไร
ก่อนเวลาอ่านหนังสือก็คิดถึงงานที่รับผิดชอบ เวลาอ่านทางานก็คิดว่าต้องอ่านหนังสือเพ่ือเตรียมตัวสอบ
ไม่สามารถมีจิตจดจ่ออยกู่ บั ส่ิงใดส่ิงหนง่ึ ได้นาน ผลคอื ทาอะไรกไ็ ม่ดีสักอย่างทาผิด ๆ ถูก ๆ อยู่อยา่ งน้ัน

5

3) วมิ งั สำ คือ การทบทวนในสง่ิ ท่ีได้คดิ ได้ทามา อันเกดิ จาก การมใี จรัก แลว้ ทาด้วยความมงุ่ มน่ั อย่าง
ใจจดใจจ่อและรบั ผิดชอบ โดยใช้วิจารณญาณอยา่ งรอบรูแ้ ละรอบคอบ จึงนาไปสู่การทบทวนตัวเอง และทบทวน
องค์กรหรือทบทวนขบวนการ ทบทวนในส่ิงที่ได้คิดสิ่งที่ได้ทาผ่านมาว่าเกิดผลดีผลเสียอย่างไร ทั้งท่ีเป็นเรื่อง
ส่วนตวั เองเราเองและเปน็ เรอ่ื งทีร่ ่วมคดิ รว่ มทากบั คนอนื่ เพ่อื ปรบั ปรงุ แกไ้ ขให้ดีย่ิงขนึ้

ดังน้ัน “อิทธิบาท 4” จึงมีความหมายกบั คนรุ่นใหม่ท่ีต้องการจะเดินทางไปในสู่ความสาเร็จในชีวติ
และการงาน เพราะหากทาได้ตามกระบวนความแล้ว สังคมความรู้ ชุมชนความรู้ และปัจเจกชนความรู้ คงอยู่ไม่
ไกลเกินฝนั ประการสาคญั “อิทธบิ าท 4” ไม่ได้เกดิ ขึ้นอยา่ งโดดเดี่ยวจากหลักธรรมขอ้ อนื่ ๆ อนั เป็นองค์รวมและ
เช่ือมโยงถึงกัน เพียงแต่อธิบายคนละบทบาทเท่าน้ัน สิ่งสาคัญ เราได้ใคร่ครวญในเรื่องเหล่าน้ีมากน้อยเพียงใด
เพราะ ในโลกปัจจุบัน โลกท่ีสังคม อวิชชามามากจนเกิดล้น จึงกลายเป็นโลกท่ีฉาบฉวยและวุ่นวายสูงสุด น่ัน
แปลว่าเราต้องฝึกฝนตนเองหลายเท่าตัวเพื่อจะเข้าใจและเข้าถึงหลักธรรมที่ก่อเกิดการพัฒนาท่ีจุดเร่ิมต้นของ
ตนเองอย่างแทจ้ ริง

ควำมเช่ือมโยงสู่คณุ ธรรมอตั ลักษณ์ของโรงเรยี น
โครงงานคุณธรรม “เรียนไมโ่ ดด อยใู่ นโหมดนา่ รัก” นนั้ ไดเ้ ชื่อมโยงส่อู ตั ลกั ษณ์ของโรงเรยี นในขอ้ ทวี่ ่า
1) กตญั ญู การท่ีนักเรยี นร้จู ักเอาใจใส่ต่อการเรยี น มคี รูประจาชัน้ เพื่อน ๆ และ พ่ี ๆ ท่ีห้องเรียน

คอยเตือนใหเ้ ข้าห้องเรยี นไมโ่ ดดเรยี น แสดงถงึ ความกตญั ญู เช่ือฟังคาสั่งสอนของครู
2) ควำมรับผิดชอบ นกั เรียนมคี วามรับผิดชอบต่อตนเองเองทีจ่ ะดูและฝักใฝ่ในการเรียน
3) ควำมมีระเบยี บวนิ ยั นักเรียนร้จู กั แบง่ เวลาในการดูและตนเอง ร้จู ักมวี ินัยตอ่ การเขา้ หอ้ งมากขน้ึ

บทท่ี 3

วิธีดำเนนิ โครงงำน

วิธดี ำเนนิ งำน

การจัดทาโครงงานคุณธรรมของนกั เรียนชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2/4 ในคร้งั น้ี มีการดาเนินงานตามขั้นตอน
ดงั น้ี

1. ขน้ั วำงแผน

1) สารวจและวเิ คราะหป์ ัญหาของนกั เรยี นช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2/4 ท่ีเกิดขนึ้
2) นักเรยี นและครรู ว่ มกันวิเคราะห์หาแนวทางแกไ้ ขปัญหา
3) นักเรยี นและครูท่ีปรกึ ษาวางแผนรว่ มกัน การแกไ้ ขปัญหา พร้อมกับสรา้ งความเข้าใจการ
ดาเนินงาน สร้างข้อตกลงในการดาเนนิ งาน

2. ข้ันดำเนนิ งำน
1) นักเรียนและครู จบั คูบ่ ัดด้ีให้นกั เรยี นทุกคน
2) สร้างแรงบันดาลใจแก่นักเรียนชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 2/4 โดยนาหลักธรรม อิทธิบาท 4 และ

หลกั กลั ยาณมิตร มาเปน็ หลกั ใหน้ ักเรียนยึดถือปฏิบตั ิ
3) นกั เรยี นและครูร่วมกนั สร้างแบบบันทึกพฤตกิ รรมของนกั เรียนแต่ละกลมุ่
4) นกั เรยี นและครรู ว่ มกนั ปรึกษา พดู คุยถึงปญั หาทไี่ ม่เขา้ เรยี นแตล่ ะรายวชิ า
5) ครูสร้างขวญั กาลังใจ โดยการตัง้ รางวัลนักเรยี นที่ไมข่ าดเรียน เขา้ เรียนตรงเวลาสม่าเสมอ

3. ข้นั ติดตำมผล
1) ครูสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนแต่ละคู่ โดยกาหนดให้ ภายใน 1 เดือนจะต้องไม่มีสถิตกิ าร

ขาดเรียนของนักเรียน
2) บนั ทกึ เวลาเรียน และกลมุ่ ไลนโ์ รงเรยี น

4. ขน้ั สรปุ และประเมินผล

1) ประเมนิ ผลการดาเนนิ งานเมอ่ื สิ้นภาคเรยี นท่ี 2/2564 จากผลการเรยี นของนกั เรียนทุกคน
2) สรุปผลการดาเนินโครงงานและรายงาน

คณุ ธรรมที่นำมำใชใ้ นกำรแกป้ ญั หำ

พระบรมราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เร่ืองการศึกษาต้องมุ่งสร้างพื้นฐานให้
แกผ่ เู้ รียน 4 ด้าน

1. มีทัศนคิ ติที่ถูกต้องต่อบา้ นเมอื ง
2. มีพ้นื ฐานชวี ิตทีม่ ัน่ คง - มคี ุณธรรม
3. มงี านทา - มอี าชพี
4. เปน็ พลเมืองดี

7

วธิ ีกำรวดั ประเมนิ ผล
เพ่ือปรับพฤตกิ รรมนกั เรยี นท่ีไม่เข้าเรยี น ให้เข้าเรยี นสม่าเสมอและมผี ลการเรยี นดีขึ้น
วธิ ีกำรวดั ผล : 1) การสังเกตพฤตกิ รรม
เคร่อื งมือวัด : 1) แบบประเมนิ ความพึงพอใจนกั เรียน, สมุดบนั ทกึ เวลาเรยี น
ชว่ งระยะเวลำวัดและประเมนิ : เดอื นละ 1 คร้งั

ตวั ชี้วัดควำมสำเร็จ

1. นกั เรียนชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 2/4 ร้อยละ 95 สง่ การบ้านหรืองานที่ครูมอบหมาย
2. นกั เรยี นชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 2/4 รอ้ ยละ 100 เข้าเรยี นทกุ รายวชิ า
3. นกั เรยี นชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 2/4 มผี ลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นสูงขึ้น รอ้ ยละ 95

บทท่ี 4
ผลกำรดำเนนิ งำน

ในการดาเนนิ โครงงานโรงเรยี นคุณธรรม เพื่อแก้ไขปัญหาพฤตกิ รรมของนกั เรียนชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2/4
เพือ่ ให้มีคณุ ธรรม จริยธรรม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ในครัง้ นี้ นกั เรียนช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2/4 จานวน
27 คน สามารถลดปัญหานกั เรยี นไม่เข้าเรยี น ขอรายงานผลการดาเนนิ โครงงาน ดงั นี้

วธิ ีดำเนินงำน
การจัดทาโครงงานคณุ ธรรมของนักเรียนชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2/4 ในครงั้ นี้ มกี ารดาเนินงานตามขั้นตอน

ดงั นี้

1. ขั้นวำงแผน

1) สารวจและวิเคราะห์ปัญหาของนกั เรียนชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 2/4 ที่เกดิ ข้นึ
2) ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันวเิ คราะหห์ าแนวทางแกไ้ ขปัญหา
3) ครแู ละนักเรยี นวางแผนร่วมกันแกไ้ ขปัญหา พร้อมกบั สร้างความเข้าใจการดาเนินโครงงาน
และสรา้ งข้อตกลงในการดาเนินงาน

2. ข้นั ดำเนินงำน
1) ครูจบั ค่บู ดั ดี้ให้นักเรยี นทกุ คน เพือ่ ใหเ้ พื่อนชว่ ยดแู ลเพอ่ื น
2) สร้างแรงบันดาลใจให้แก่นักเรียน โดยนาหลักธรรม อิทธิบาท 4 และหลักกัลยาณมิตร

มาเปน็ หลกั ใหน้ ักเรยี นยดึ ถือปฏบิ ตั ิ
3) ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั สรา้ งแบบบนั ทกึ พฤตกิ รรมของนักเรยี นแต่ละคู่
4) นักเรียนและครูร่วมกันปรึกษา พดู คยุ ถึงปญั หาทไ่ี มเ่ ข้าเรียนแตล่ ะรายวชิ า
5) ครูสรา้ งขวญั กาลงั ใจ โดยการตง้ั รางวัลใหน้ ักเรียนท่ไี ม่ขาดเรยี น เขา้ เรยี นทกุ คาบสม่าเสมอ

ข้ันติดตำมผล
1) ครูสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนแตล่ ะคู่ โดยกาหนดให้ ใน 1 สปั ดาห์ จะตอ้ งไม่มรี ายงานการ

ขาดเรียนในสมดุ เช็คเวลาเรียน และรายงานในกลุ่มไลนโ์ รงเรียน

3. ขั้นสรุปและประเมนิ ผล

1) ประเมินผลการดาเนินงานเม่อื ส้นิ ภาคเรียนท่ี 2/2564 จากผลการเรียนของนกั เรียนทุกคน
2) สรปุ ผลการดาเนินโครงงานและรายงาน

กลุ่มเปำ้ หมำย
1. เชิงปริมำณ
- นักเรยี นช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 2/4 จานวน 27 คน

2. เชงิ คุณภำพ
- นกั เรยี นช้นั มะยมศกึ ษาปที ี่ 2/4 เข้าเรยี นสม่าเสมอ และมผี ลสมั ฤทธิท์ างการเรียนสูงข้ึน

9

เป้ำหมำยระยะส้นั (ระยะเวลำ 5 เดอื น)
- นกั เรียนชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2/4 เข้าเรียนทุกวิชาสม่าเสมอ

เปำ้ หมำยระยะยำว (ระยะเวลำ 1 ปกี ำรศึกษำ)
- นกั เรียนช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2/4 มีผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี นสูงข้นึ

พฤติกรรมบง่ ชี้เชิงบวก
1) นักเรียนช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 2/4 เข้าเรยี นตรงเวลาทุกชั่วโมง
2) นกั เรยี นชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 2/4 ทกุ คนสง่ การบ้านหรืองานท่ีครูมอบหมาย

ประโยชน์ทค่ี ำดวำ่ จะไดร้ ับ
1. นักเรียนชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 2/4 มีความรับผิดชอบตอ่ ตนเอง ขยันหม่นั เพยี ร
2. นักเรยี นช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2/4 เขา้ เรยี นตรงเวลา เข้าเรียนสม่าเสมอ
3. นกั เรยี นชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 2/4 มผี ลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี นสูงขึน้

10

แบบประเมนิ ควำมพงึ พอใจกำรดำเนนิ โครงงำน ม.2/4 “เรยี นไมโ่ ดด อยู่ในโหมดนำ่ รัก”

คำช้ีแจง ให้ทำเครือ่ งหมำย √ ในชอ่ งระดับคะแนนทค่ี ดิ ว่ำเหมำะสม

ระดับคะแนน 5 หมำยถงึ ดมี ำก

4 หมำยถึงดี

3 หมำยถงึ ปำนกลำง

2 หมำยถงึ พอใช้

1 หมำยถึงปรบั ปรงุ

1. สถำนภำพ  ครู  นักเรยี น

2. เพศ  ชำย  หญิง

ระดบั ควำมคิดเหน็ หมำยเหตุ
( X ) รอ้ ยละ
รำยกำรที่ประเมนิ 4.6 92
1. การวางแผนในการจัดกจิ กรรมโครงงานมคี วามเหมาะสม 4.6 92
2. นกั เรียนใหค้ วามสาคัญและมีสว่ นร่วมในการวางแผน 4.4 88
3. นกั เรยี นยอมรับเงื่อนไขและแนวปฏิบตั ใิ นการดาเนินกิจกรรม 4.4 88
4. นกั เรยี นใหค้ วามรว่ มมอื และเต็มใจในการดาเนนิ โครงงาน 4.6 92
5. นกั เรียนมองเหน็ ประโยชนท์ จี่ ะเกดิ จากการดาเนินกจิ กรรม 4.5 90
6. กิจกรรมทีจ่ ัดทาให้นกั เรียนมคี ะแนนผลการสอบ/การปฏบิ ัติงาน/
4.7 94
ใบงานพฒั นาดขี ้ึน
7. ครูผู้เก่ียวข้องพบเห็นการเปลีย่ นแปลงพฤติกรรมท่ดี ีข้ึนและพึงพอใจ 4.6 92
4.6 92
ดา้ นการเรยี นของนกั เรยี น
8. นกั เรียนพงึ พอใจและยอมรับในเพื่อนคูค่ ดิ ท่จี ับคูเ่ รียน/ชว่ ยกันทางาน 4.2 84
9. นักเรียนเข้าใจและตระหนกั ในคุณธรรมท่นี ามาใช้แกป้ ัญหาของ 4.52 90.4

นักเรียน
10.โครงงานนมี้ สี ว่ นช่วยทาใหน้ ักเรียนมีผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียนสงู ขึน้

รวม

เกณฑค์ ณุ ภาพอยู่ในระดับ 4.52 หรือคิดเป็นรอ้ ยละ 94 หมายความว่าอย่ใู นระดบั ดี

บทท่ี 5
สรุป อภปิ รำยและข้อเสนอแนะ

การดาเนนิ งานตามโครงงานคณุ ธรรม เร่ือง “เรียนไมโ่ ดด อยใู่ นโหมดน่ารัก”ของนักเรยี นช้นั มัธยมศกึ ษา
ปีท่ี 2/4 มคี วามประสงค์จะให้นกั เรียนตระหนกั ถงึ การศึกษา สามารถสรุปผลการดาเนนิ โครงงานได้ ดงั น้ี

1. วตั ถุประสงค์ของการดาเนนิ โครงงาน
2. กลุ่มเป้าหมาย
3. คณุ ธรรมเป้าหมาย
4. วิธกี ารวดั และประเมินผล และตัวชวี้ ัดความสาเร็จ
5. คุณธรรมอตั ลกั ษณ์ของโรงเรยี น
6. สรุปและอภปิ รายผล
7. ขอ้ เสนอแนะ

วตั ถุประสงค์
1) เพื่อใหน้ ักเรยี นชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2/4 ทกุ คนเข้าเรียนอยา่ งสมา่ เสมอ
2) เพ่ือใหน้ กั เรยี นชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 2/4 มีผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนสูงข้นึ

ปัญหำ
นักเรยี นชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 2/4 ไม่เขา้ เรยี น

สำเหตขุ องปัญหำ
1) นักเรยี นมีนสิ ัยเกยี จครา้ น
2) นักเรยี นตดิ เกม ติดมอื ถอื

กลุ่มเป้ำหมำย
1) เชิงปรมิ ำณ
- นกั เรยี นชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 2/4 จานวน 27 คน

2) เชงิ คุณภำพ
- นกั เรียนชนั้ ม.2/4 ทกุ คน เข้าเรียนสมา่ เสมอ และมีผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนสงู ข้ึน
เป้ำหมำยระยะสั้น (ระยะเวลำ 5 เดือน)
- นกั เรียนชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2/4 เข้าเรียนทกุ วิชาสม่าเสมอ
เป้ำหมำยระยะยำว (ระยะเวลำ 1 ปกี ำรศึกษำ)
- นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 2/4 มีผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นสงู ขึ้น

12

คณุ ธรรมเป้ำหมำย
ความความรบั ผิดชอบ

พฤติกรรมบง่ ชีเ้ ชิงบวก
1) นกั เรยี นช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2/4 เข้าเรยี นตรงเวลาทุกชวั่ โมง
2) นักเรียนชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 2/4 ทกุ คนสง่ การบ้านหรอื งานท่ีครมู อบหมาย

วธิ ีกำรวดั ประเมินผล
เพื่อปรบั พฤตกิ รรมนกั เรยี นทไ่ี มเ่ ข้าเรียน ใหเ้ ขา้ เรยี นสม่าเสมอและมีผลการเรยี นดีขึน้

วธิ ีกำรวัดผล : 1) การสงั เกตพฤติกรรม

เครอื่ งมอื วดั : 1) แบบประเมินความพึงพอใจนักเรียน, สมดุ บนั ทึกเวลาเรยี น,

ช่วงระยะเวลำวัดและประเมิน : เดือนละ 1 ครง้ั

ตวั ชวี้ ัดควำมสำเรจ็

1) นกั เรียนชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 2/4 รอ้ ยละ 95 สง่ การบ้านหรืองานทค่ี รมู อบหมาย
2) นักเรยี นชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2/4 รอ้ ยละ 100 เข้าเรยี นทกุ รายวชิ า
3) นักเรยี นชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 2/4 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสงู ข้นึ ร้อยละ 95

หลกั ธรรมทีน่ ำมำใช้แกไ้ ขปญั หำ
อิทธิบำท 4

1) ฉนั ทะ (ความพอใจ)
2) วริ ิยะ (ความเพยี ร)
3) จติ ตะ (ความมุ่งมน่ั )
4) วมิ ังสำ (ความไตรต่ รอง หรอื ทดลอง)

ควำมเช่อื มโยงสู่คณุ ธรรมอัตลกั ษณ์ของโรงเรยี น
โครงงานคณุ ธรรมของนกั เรยี นชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 2/4 เร่ือง“เรยี นไม่โดด อยู่ในโหมดน่ารกั ” นนั้

ได้เช่ือมโยงสูอ่ ัตลกั ษณ์ของโรงเรียนในขอ้ ทีว่ า่
1) ควำมรบั ผิดชอบ นกั เรียนมีความรับผิดชอบต่อหน้าท่ขี องตนเอง คอื ต้ังใจเรยี น เขา้ เรยี นตรงเวลา

ทกุ วชิ าอยา่ งสมา่ เสมอ
2) ควำมมีระเบียบวินยั เมื่อนักเรยี นมีระเบียบวินยั ตอ่ การเข้าเรียนแล้ว ขยายผลไปเป็นแบบอยา่ ง

ท่ดี ีต่อ น้อง ๆ พี่ ๆ และเพอื่ นนักเรยี นในโรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 50

13

สรปุ และอภปิ รำยผล
จากการดาเนินงานโครงงาน “เรียนไม่โดด อยู่ในโหมดน่ารัก” ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/4 เพ่ือ

แก้ปัญหานักเรยี นไม่เข้าเรียนนั้น เมื่อครูประจาชั้น ครูหอนอน ผู้ปกครองทราบว่าเด็กหนีเรียน ไม่เข้าเรียน ก็อย่า
เพิ่งโมโห หรือทาโทษนักเรียน ขอให้ตั้งสติ พยายามควบคุมอารมณ์โกรธของตนเองให้ได้ แล้วพยายามมองเด็ก
อย่างเขา้ ใจและเห็นใจ เรียกเด็กมาคุย บอกกบั เด็กวา่ ครแู ละพอ่ แมร่ ักเขา สิ่งที่เกิดข้นึ เรามาช่วยกันคดิ ชว่ ยกันหา
สาเหตุท่ีแท้จริงของการหนเี รียน และช่วยกันแก้ไข อย่างน้อยท่ีสุดคุณครูก็จะได้รบั รู้ อารมณ์และความรู้สึกนกึ คิด
ภายในใจของเดก็ วา่ เขารู้สึกอย่างไรและทาไมถึงมีพฤติกรรมอย่างนี้ ให้งดการลงโทษโดยการดุด่า หรือเฆี่ยนตเี ด็ก
เพราะจะทาให้เหตุการณ์เลวร้ายย่ิงขึ้น นอกจากนี้คุณครูและนักเรียนร่วมจัดกิจกรรมท่ีน่าสนใจ เพ่ือให้เด็กท่ีไม่
ชอบเข้าเรียนได้เข้าไปมีสว่ นร่วม เดก็ จะไดร้ ู้สึกวา่ เขามีคุณค่าตอ่ ตนเองและตอ่ โรงเรียน และมีพฤตกิ รรมเชิงบวกที่
ดขี นึ้ ดังน้ี

1) นกั เรยี นช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2/4 เข้าร่วมกิจกรรมโครงงาน “เรยี นไม่โดด อยู่ในโหมดนา่ รกั ” มีความ
รบั ผิดชอบต่อหน้าทข่ี องตนเอง และมีวินัยในตนเองมากขน้ึ

2) นกั เรียนมีแรงบันดาลใจ มีจุดมุ่งหมายในการเข้าเรยี น
3) นกั เรยี นส่งการบ้านหรอื งานทีค่ รมู อบหมายให้

ขอ้ เสนอแนะ
1) ควรขยำยผลไปยังนักเรยี นทกุ คนในโรงเรียน
2) ควรจัดทาโครงงานนอ้ี ยา่ งตอ่ เนอื่ ง เพื่อให้นักเรียนมีความรบั ผดิ ชอบต่อหน้าท่ีของตนเอง และใฝ่เรยี นรู้

อย่างย่งั ยนื จนเป็นอปุ นสิ ัย
3) ควรมีกำรพัฒนำส่อื คณุ ธรรมในรูปแบบตำ่ ง ๆ เพือ่ กระตนุ้ คณุ ลกั ษณะทีพ่ งึ ประสงค์ไดด้ ียิง่ ขึ้น

14

ภำคผนวก

ภาพประกอบการจดั ทาโครงการ “เรยี นไมโ่ ดด อย่ใู นโหมดน่ารกั ” นกั เรยี นชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2/4







ภาพประกอบการถา่ ยทาภาพยนตรส์ ้นั เร่อื ง “เรยี นไมโ่ ดด อย่ใู นโหมดนา่ รกั ”ของนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 2/4








Click to View FlipBook Version