ซิมโฟนี (symphony)
ซิมโฟนีเป็นบทเพลงขนาดใหญส่ าหรับวงออร์เคสตรา ประกอบไปดว้ ยบทเพลง ๓ หรือ ๔ ท่อน มีการจดั รูปแบบความเร็ว ชา้
และปานกลางไวอ้ ยา่ งเหมาะสมลงตวั ลกั ษณะของซิมโฟนี มีดงั น้ี
ท่อนแรก มีส่วนสาคญั สามส่วน คือ ส่วนเสนอทานองหลกั ในส่วนน้ีใชจ้ งั หวะเร็ว ส่วน
ท่อนท่ีสอง พฒั นาทานองหลกั และส่วนยอ้ นกลบั ดา้ น เน้ือหาของส่วนน้ีมีความสลบั ซบั ซอ้ น
ท่อนท่ีสาม แนวทานองไพเราะอ่อนหวานคลา้ ยเพลงร้อง บางคร้ังอาจเศร้า ใชร้ ูปแบบ
ท่อนที่สี่ เทอร์นารี (ternary) (A-B-A)
เป็นท่อนท่ีมีแนวทานองแปลก ๆ สนุกสนาน ตลกหรืออาจเป็นจงั หวะเตน้ รา
ของเพลงพ้นื เมือง
มีลกั ษณะคลา้ ยกบั ท่อนแรก มีความลึกซ้ึงของเน้ือหาเหมือนกบั ท่อนแรก มี
ลกั ษณะจงั หวะท่ีเร็ว และเร้าใจ
๒. คอนเชอร์โต (concerto)
หมายถึง บทเพลงที่มีเครื่องดนตรีเดี่ยวหรือกลุ่ม เล่นประชนั กบั วงออร์เคสตรา และบางคร้ังอาจใชเ้ รียกการขบั ร้องเด่ียว หรือ
ประสานเสียงกบั วงดนตรีกไ็ ด้
คอนเชอร์โตเกิดข้ึนในยคุ บาโรก แต่รูปแบบการประพนั ี์ยงั ไม่แน่นอน ไดร้ ับการพฒั นาข้ึนมาเป็นรูปแบบในยคุ คลาสสิก
ยคุ บาโรกเรียกบทเพลงแบบน้ีวา่ คอนเชอร์โตกรอสโซ ผมู้ ีช่ือเสียงในการแต่งเพลงแบบน้ีในยคุ บาโรก คือ ววิ ลั ดี ใน The Four
Seasons ใชไ้ วโอลินเด่ียวกบั วงดนตรี ต่อมาในยคุ คลาสสิกโมซาร์ตไดแ้ ต่งโซโลคอนเชอร์โต ในยคุ โรแมนติกเบโีเฟนไดน้ า
รูปแบบคอนเชอร์โตของโมซาร์ตมาใช้ บทเพลงคอนเชอร์โตมีความสาคญั ต่อวงออร์เคสตรา คอนเชอร์โตท่ีสาคญั มี ๒ ประเภท
๑) คอนเชอร์โตกรอสโซ (concerto grosso) เป็นบทเพลงที่มีหลายท่อน บรรเลงดว้ ยเคร่ืองดนตรี ๒ กลุ่ม กลุ่มท่ี ๑ คือ
วงออร์เคสตรา อีกกลุ่มหน่ึงเป็นเครื่องดนตรีเดย่ี ว มีเคร่ืองดนตรี ๓ ชิ้น ผลดั กนั บรรเลง เนน้ ความแตกต่างของสีสนั
๒) คอนเชอร์โต (concerto) หมายถึง คอนเชอร์โตโซโล คือ บทเพลงสาหรับวงออร์เคสตรา และเคร่ืองดนตรีเดี่ยวชนิดใด
ชนิดหน่ึง
คอนเชอร์โต (concerto)
คอนเชอร์โตที่เป็นมาตรฐานประกอบดว้ ย ๓ ท่อน คือ เร็ว-ชา้ -เร็ว ดงั น้ี
ท่อนท่ีหน่ึง เป็นส่วนเสนอทานองหลกั สองส่วน ส่วนแรกบรรเลงโดยวงออร์เคสตรา ส่วนท่ีสองบรรเลงโดยวง
ออร์เคสตราและเครื่องดนตรีเด่ียว เป็นการประชนั สีสนั เทคนิค และสาระของดนตรีระหวา่ ง
วงออร์เคสตราและเครื่องดนตรีเดี่ยว ส่วนใหญม่ ีจงั หวะเร็ว ช่วงน้ีจดั เป็นช่วงท่ีเด่นและเป็น
ลกั ษณะเฉพาะของคอนเชอร์โตอยา่ งแทจ้ ริง
ท่อนที่สอง มีลกั ษณะทานองไพเราะ มีจงั หวะชา้ มกั ใชร้ ูปแบบของฟอร์ม A-A-B-B หรือ A-B-A
ท่อนที่สาม เป็นท่อนท่ีมีแนวทานอง และการเรียบเรียงเสียงประสานท่ีมีลกั ษณะสง่างาม
มีจงั หวะเร็วคลา้ ยท่อนแรก
๓. โซนาตา (sonata)
เป็นภาษาอิตาเลียน แปลวา่ ฟัง เป็นบทเพลงที่มีความสาคญั และมีบทบาทมาต้งั แต่ยคุ บาโรกจนถึงปัจจุบนั ในยคุ บาโรก โซนาตา
หมายถึง บทเพลงที่บรรเลงดว้ ยกลุ่มเครื่องดนตรีเลก็ ๆ แต่แบ่งออกเป็นโซนาตาที่บรรเลงดว้ ยเครื่องดนตรีชนิดเดียวหรือสองชนิด
ส่วนใหญจ่ ะเป็นเครื่องดนตรีชนิดเดียวและใหเ้ ครื่องดนตรีอีกชนิดคลอใหบ้ ทเพลงสมบูรณ์ข้ึนเท่าน้นั เรียกวา่ โซโลโซนาตา
โซนาตาเป็นรูปแบบผสมท้งั ซิมโฟนีและคอนเซอร์โต คือมี ๔ ท่อนเหมือนซิมโฟนี และมี ๓ ท่อน เหมือนคอนเชอร์โต
โซนาตาในยคุ บาโรก
๑) โซนาตาสาหรับวดั หรือเพลงโบสถ์ เป็นเพลงช้นั สูง เนน้ รูปแบบการสอดประสานทานอง ประกอบดว้ ย ๔ ท่อน
คือ ชา้ -เร็ว-ชา้ -เร็ว
๒) โซนาตาคฤหสั ถ์ หรือฆราวาส เป็นเพลงท่ีใชบ้ รรเลงตามบา้ น มีลกั ษณะเป็นเพลงชุดเตน้ รา
โซนาตา (sonata)
โซนาตาในยคุ คลาสสิก
ท่อนแรก จงั หวะเร็ว ลกั ษณะทานองมีความซบั ซอ้ น เร้าใจ
ท่อนท่ีสอง จงั หวะชา้ มีแนวทานองไพเราะ เนน้ การแสดงออกของอารมณ์
ท่อนที่สาม จงั หวะเร็ว หรือค่อนขา้ งเร็ว มีลกั ษณะเป็นจงั หวะเตน้ รา ส่วนมากใชอ้ ตั ราจงั หวะ ๓/๔
ท่อนท่ีส่ี จงั หวะเร็ว ลกั ษณะเร็วอยา่ งมีพลงั ในตอนจบ
ลกั ษณะท่ีเป็นเอกลกั ษณ์ของโซนาตา คือ ผบู้ รรเลงจะไม่ดูโนต้ ใชบ้ รรเลงจากความจา โซนาตาส่วนใหญ่จะเป็นเคร่ืองดนตรีเด่ียว
เช่น เปี ยโนท่ีสามารถบรรเลงท้งั แนวทานองและแนวประสานไดใ้ นเคร่ืองเดียวกนั เรียกวา่ เปี ยโนโซนาตา ส่วนไวโอลินเป็น
เคร่ืองดนตรีเดี่ยว มีเปี ยโนบรรเลงคลอ เรียกวา่ ไวโอลนิ โซนาตา
สังคตี กวี
๑. สังคตี กวไี ทย
๑.๑ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหม่ืนพไิ ชยมหินทโรดม
พระประวตั ยิ ่อ
พระเจา้ บรมวงศเ์ ีอ กรมหมื่นพไิ ชยมหินทโรดม มีพระนามเดิมวา่ พระองคเ์ จา้ ชายเพญ็ พฒั นพงศ์
เป็นพระโอรสในพระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั กบั เจา้ จอมมารดามรกฎ ประสูติเม่ือ
วนั ที่ ๑๓ กนั ยายน พ.ศ. ๒๔๒๕ ไดเ้ สดจ็ ไปทรงศึกษาในประเทศองั กฤษ เมื่อเสดจ็ กลบั ไดท้ รง
เขา้ รับราชการในตาแหน่งผชู้ ่วยปลดั ทูลฉลองกระทรวงเกษตราีิการใน พ.ศ. ๒๔๕๑
พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ต้งั พระเจา้ ลูกยาเีอ
พระองคเ์ จา้ ชายเพญ็ พฒั นพงศเ์ ป็นกรมหมื่นพไิ ชยมหินทโรดม พระองคส์ ิ้นพระชนมเ์ ม่ือ
วนั ที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๕๒
ความสามารถและผลงาน
พระองคท์ รงสนพระทยั ดนตรีไทยมากถึงกบั มีวงปี่ พาทยว์ งหน่ึงที่เรียกกนั วา่ วงพระองคเ์ พญ็ และทรง
พระนิพนี์เพลงลาวดวงเดือน ซ่ึงเป็นท่ีนิยมแพร่หลายจนถึงปัจจุบนั
สาหรับเพลงลาวดวงเดือนน้ี พระองคท์ รงพระนิพนี์โดยตอ้ งการใหม้ ีสาเนียงลาว เนื่องจากโปรดทานอง
และลีลาเพลงลาวดาเนินทราย ดงั น้นั เมื่อคราวท่ีเสดจ็ ตรวจราชการภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ ระหวา่ งที่
ประทบั แรมอยตู่ ามทางจึงทรงพระนิพนี์เพลงลาวดาเนินเกวยี นเพอ่ื ใหค้ ู่กบั ลาวดาเนินทราย แตผ่ ฟู้ ัง
ไม่นิยมเรียกลาวดาเนินเกวยี นจึงเรียก ลาวดวงเดือนแทน
๑.๒ พระยาประสานดุริยศัพท์ (แปลก ประสานศัพท์)
ประวตั ยิ ่อ
พระยาประสานดุริยศพั ท์ มีนามเดิมวา่ แปลก ประสานศพั ท์ เกิดเม่ือราว พ.ศ.
๒๔๐๓ เป็นบุตรคนโตของขนุ กนกเลขาและนางนิ่ม มีพี่นอ้ ง ๔ คน
ท่านแตง่ งานกบั นางสาวพยอม ชาวจงั หวดั ราชบุรี มีบุตรีิดาท้งั สิ้น ๑๑ คน
ถึงแก่กรรม ๖ คน เหลือเพยี ง ๕ คน ท่านถึงแก่กรรมดว้ ยโรคชรา
เมื่อวนั ที่ ๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๖๗ รวมอายไุ ด้ ๖๔ ปี
ความสามารถและผลงาน
พระยาประสานดุริยศพั ท์ เป็นครูดนตรีป่ี พาทยท์ ่ีมีชื่อเสียงในสมยั รัชกาลท่ี ๕-๖ เคยควบคุมวงป่ี พาทยว์ งั บูรพาภิรมย์ ของ
สมเดจ็ เจา้ ฟ้าฯ กรมพระยาภาณุพนั ีุวงศว์ รเดช และยา้ ยมาคุมวง “วงสมเดจ็ พระบรม” ในสมเดจ็ พระบรมโอรสาีิราช
เจา้ ฟ้ามหาวชิราวีุ สยามมกฎุ ราชกมุ าร (รัชกาลที่ ๖) ต่อมาไดเ้ ขา้ รับราชการในกรมปี่ พาทยห์ ลวง กรมมหรสพ
กรมมหาดเลก็ เป็นที่พอพระราชหฤทยั ของในหลวงรัชกาลที่ ๖ มาก เคยไปสอนเคร่ืองสายใหก้ บั วงดนตรีหญิง ณ ตาหนกั
พระราชชายาเจา้ ดารารัศมี และมกั ไดร้ ับเชิญไปเป็นกรรมการตดั สินการประกวดแข่งขนั ประชนั ดนตรีกนั เสมอ
ครูแปลกไดร้ ับพระราชทานบรรดาศกั ด์ิเป็น ขนุ ประสานดุริยศพั ท์ ในรัชกาลท่ี ๕ ต่อมาในรัชกาลที่ ๖ ไดเ้ ล่ือนบรรดาศกั ด์ิ
เป็นพระยาประสานดุริยศพั ท์
ความสามารถและผลงาน
ท่านมีความสามารถและเชี่ยวชาญในการดนตรีทุกดา้ นท้งั ดีด สี ตี เป่ า แต่ถนดั ท่ีสุดคือ ป่ี และระนาดเอก เคยเดินทางไปที่
ประเทศองั กฤษและไดร้ ับคาชมเชยจากพระนางเจา้ วกิ ตอเรีย พระบรมราชินีแห่งประเทศองั กฤษ เม่ือไดฟ้ ัง
พระยาประสานดุริยศพั ทเ์ ด่ียวขลุ่ย ถึงกบั ทรงลุกจากที่ประทบั เอาพระหตั ถล์ ูบคอพระยาประสานดุริยศพั ทแ์ ลว้ มีรับสง่ั วา่
“เวลาเป่ าหายใจบา้ งหรือไม่ เพราะเสียงขลุ่ยดงั กงั วานตลอดเวลา” นอกจากน้นั ท่านสามารถตีเคร่ืองหนงั ไดอ้ ยา่ งดีเยย่ี ม
ท่านแต่งเพลงที่ไพเราะและเป็นอมตะ เช่น เพลงพม่าหา้ ท่อน ๓ ช้นั เขมรราชบุรี ๓ ช้นั ีรณีร้องไห้ ๓ ช้นั
รามญั รันทด ๓ ช้นั พราหมณ์เขา้ โบสถ์ ๓ ช้นั ถอนสมอ เถา แขกเชิญเจา้ ๒ ช้นั ลาวคาหอม ลาวดาเนินทราย ๒ ช้นั
๑.๓ พระประดษิ ฐ์ไพเราะ (มี ดุริยางกรู หรือครูมแี ขก)
ประวัติย่อ
พระประดิษฐไ์ พเราะ (มี ดุริยางกรู ) บา้ นเดิมอยทู่ ่ีสุเหร่า เหนือวดั อรุณราชวราราม
ไม่ทราบวนั เดือนปี เกิดแน่นอน อยตู่ ้งั แต่รัชกาลที่ ๒ ถึงรัชกาลที่ ๕
พระประดิษฐไ์ พเราะเป็นครูดนตรีมาต้งั แต่ปลายรัชกาลท่ี ๓ จนถึงรัชกาลที่ ๔ ท่านเป็นครูปี่ พาทยใ์ น
พระบาทสมเดจ็ พระป่ิ นเกลา้ เจา้ อยหู่ วั และไดร้ ับพระราชทานบรรดาศกั ด์ิเป็นหลวงประดิษฐไ์ พเราะ
เมื่อวนั ที่ ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๓๙๖ และต่อมาวนั ท่ี ๒๑ ีนั วาคม ในปี เดียวกนั กไ็ ดร้ ับพระราชทาน
เล่ือนบรรดาศกั ด์ิเป็นพระประดิษฐไ์ พเราะ
ความสามารถและผลงาน
๑. เป็นตน้ ตารับในการแต่งเพลงประเภทลูกลอ้ ลูกขดั เช่น เพลงทยอยนอก ทยอยเขมร เชิดจีน จนไดร้ ับสมญานามวา่
เจา้ แห่งเพลงทยอย เพลงทยอยนอก เป็นแม่บทของเพลงลูกลอ้ ลูกขดั แทรกลูกเล่นไวอ้ ยา่ งพสิ ดาร มีการลอ้ ต่อลูกขดั ดงั เบา
และมีเดี่ยวอวดฝีมือกนั อยใู่ นเพลงเสร็จ ไม่มีเพลงใดเทียบเท่า เพลงเชิดจีนเป็นเพลงที่ท่านแต่งข้ึนดว้ ยวีิ ีท่ีประหลาดกวา่
เพลงอ่ืน คือ ลีลาของเพลงมีท้งั เชิงลอ้ เชิงชน ทีหนีทีไล่ ล่อหลอกกนั ไประหวา่ งเคร่ืองนากบั เครื่องตามอยา่ งสนุกสนาน
ทานองเร่งเร้า กระตุน้ ใหช้ วนฟังตลอดเวลา ซ่ึงพระบาทสมเดจ็ พระป่ิ นเกลา้ เจา้ อยหู่ วั โปรดมากถึงกบั เลื่อนบรรดาศกั ด์ิเป็น
พระประดิษฐไ์ พเราะ ท้งั ๆ ที่ทรงต้งั เป็น หลวงประดิษฐไ์ พเราะเพียงเดือนเดียว
๒. ท่านเป็นตน้ ตารับการเด่ียวเคร่ืองมือดนตรีต่าง ๆ ท่านประดิษฐเ์ ป็นทางเด่ียว เช่น พญาโศก สารถี แขกมอญ ลว้ นมี
ความไพเราะเพราะพริ้งท้งั สิ้น โดยเฉพาะเพลงทยอยเด่ียว ท่านแต่งไวส้ าหรับเดี่ยวป่ี อวดฝีมือ
ความสามารถและผลงาน
๓. ท่านเป็นผมู้ ีความสงั เกต สนใจในส่ิงต่าง ๆ ท่ีไดย้ นิ ไดฟ้ ัง สามารถนามาคิดสร้างสรรคข์ ้ึนใหม่อยา่ งไพเราะ เช่น วนั หน่ึง
ขณะท่ีท่านเดินกลบั จากสอนดนตรีในวงั ผา่ นมาไดย้ นิ พวกจีนกาลงั เล่นมโหรีจีนกนั อยู่ ท่านกใ็ หล้ ูกศิษยท์ ่ีมาดว้ ยกนั ๒ คน
ช่วยจาเพลงไว้ พอไปถึงบา้ นกไ็ ดน้ าเพลงที่ไดย้ นิ มาเรียบเรียงประดิษฐข์ ้ึนเป็นเพลงชุดจีน ๔ เพลง คือ เพลงจีนแส
เพลงอาเฮีย เพลงชมสวนสวรรค์ และเพลงแป๊ ะ
ผลงานของท่านมีอีกมากมายในการแต่งเพลง เช่น เพลงแขกมอญบางชา้ ง ๓ ช้นั แขกบรเทศ ๓ ช้นั กาสรวลสุรางค์ ๓ ช้นั
โหมโรงขวญั เมือง พระอาทิตยช์ ิงดวง ท่านเป็นตน้ สกลุ ดุริยางกรู
๑.๔ ครูช้อย สุนทรวาทนิ
ประวัตยิ ่อ
ครูชอ้ ย สุนทรวาทิน เป็นบุตรนายทง่ั สุนทรวาทิน ไม่ทราบวนั เดือนปี เกิด
แน่นอน เกิดในสมยั รัชกาลที่ ๓ ครูชอ้ ย แต่งงานกบั นางสาวไผ่
มีบุตรีิดา ๔ คน ครูชอ้ ยถึงแก่กรรมเม่ือปลายสมยั รัชกาลท่ี ๕
ความสามารถและผลงาน
ในสมยั รัชกาลที่ ๕ ครูชอ้ ยเป็นท่ียอมรับวา่ เป็นนกั ดนตรีท่ีมีความสามารถและมีช่ือเสียงมาก ท่านจึงสอนดนตรีตามท่ีต่าง ๆ
เริ่มเป็นครูป่ี พาทยท์ ี่วงวดั นอ้ ยทองอยู่ ต่อมาเป็นครูมโหรีตามวงั และตาหนกั เช่น ตาหนกั พระราชชายาเจา้ ดารารัศมี ต่อมาเป็น
ครูสอนและควบคุมวงป่ี พาทยข์ องพระยาอินทราีิบดีสีหราชเรืองรอง (เนียม)
ท่านไดแ้ ต่งเพลงอมตะไวห้ ลายเพลง แต่ละเพลงลว้ นมีทานองดีเด่นเป็นเยยี่ มท้งั น้นั เช่น เพลงครอบจกั รวาล ๓ ช้นั
เทพรัญจวน ๓ ช้นั อกทะเล ๓ ช้นั
ครูชอ้ ย สุนทรวาทิน ท่านสามารถต่อสู้กบั ชีวติ จนประสบความสาเร็จ และมีชื่อเสียงมากในสมยั รัชกาลท่ี ๕ ท่านมีลูกศิษยท์ ่ีมี
ช่ือเสียงหลายคน เช่น พระยาประสานดุริยศพั ท์ (แปลก ประสานศพั ท)์ พระยาเสนาะดุริยางค์ (แช่ม สุนทรวาทิน) ซ่ึงเป็น
บุตรของท่านและมีบทบาทสาคญั ต่อวงการดนตรีไทยต่อมา
๑.๕ อาจารย์มนตรี ตราโมท
ประวตั ิย่อ
อาจารยม์ นตรี ตราโมท เดิมชื่อบุญีรรม ตราโมท เกิดวนั ที่ ๑๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๔๓
ที่บา้ นท่าพเ่ี ล้ียง อาเภอเมืองจงั หวดั สุพรรณบุรี เป็นบุตรนายเยมิ้ และนางทองอยู่
เม่ือ พ.ศ. ๒๔๗๔ ไดส้ มรสกบั นางสาวลิ้นจ่ี (บุรานนท)์ มีบุตรที่ยงั มีชีวติ อยู่ ๒ คน
คือ นายฤทีีและนายศิลปี ท่านเสียชีวติ เมื่อวนั ที่ ๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๓๘
รวมอายุ ๙๕ ปี
ความสามารถและผลงาน ต่อมาอาจารยม์ นตรีไดไ้ ปศึกษาเพ่มิ เติมดา้ นป่ี พาทยท์ ี่จงั หวดั
สมุทรสงคราม ประมาณ พ.ศ. ๒๔๕๖ ท่ีบา้ นครูสมบุญ
เม่ือเรียนจบช้นั มีั ยมศึกษาปี ที่ ๓ อาจารยม์ นตรีไดเ้ ร่ิม
เรียนป่ี พาทยก์ บั ครูสมบุญ ซ่ึงเป็นนกั ฆอ้ งและเป็น สมสุวรรณ ท่ีบา้ นน้ีมีท้งั วงปี่ พาทยแ์ ละแตรวง อาจารยม์ นตรี
ครูป่ี พาทยป์ ระจาวงท่ีวดั สุวรรณภูมิอยา่ งจริงจงั จึงไดฝ้ ึกท้งั ๒ อยา่ ง คือ ดา้ นป่ี พาทย์ ฝึกระนาดเอกและ
ประมาณ ๒ ปี มีความรู้ความสามารถ ไดเ้ ป็นนกั ดนตรี ฆอ้ งวงใหญ่ ดา้ นแตรวง ฝึกเป่ าคลาริเน็ต นอกจากน้ีครูสมบุญ
ป่ี พาทยจ์ งั หวดั สุพรรณบุรี ยงั ไดแ้ นะนาวีิ ีการแต่งเพลงไทยใหอ้ าจารยม์ นตรีดว้ ย
พ.ศ. ๒๔๖๐ ไดเ้ ขา้ มาสมคั รรับราชการในกรมพณิ พาทยห์ ลวง อาจารยม์ นตรีไดร้ ับเลือกใหเ้ ป็นนกั ดนตรี
ประจาวงขา้ หลวงเดิม ซ่ึงเป็นวงท่ีจะตอ้ งตามเสดจ็ ทุก ๆ แห่ง การเสดจ็ พระราชดาเนินน้ี พระยาประสานดุริยศพั ท์
จะเป็นผคู้ วบคุมทุกคร้ัง ทาใหน้ กั ดนตรีในวงน้ีไดเ้ รียนรู้เทคนิคทางดนตรีต่าง ๆ อาจารยม์ นตรีเร่ิมแต่งเพลงเมื่ออายุ
๒๐ ปี เพลงแรกที่แต่ง คือ ตอ้ ยตล่ิง ๓ ช้นั ซ่ึงต่อมาเพลงน้ีเป็นที่นิยมเล่นทว่ั ไป
ความสามารถและผลงาน
เม่ือ พ.ศ. ๒๔๖๗ พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงประชวร อาจารยม์ นตรีกไ็ ดร้ ับหนา้ ท่ีเป็นผตู้ ีขิมในวงั หลวงเป็น
คนแรก และบรรเลงถวายทุกวนั จนพระอาการหายเป็นปกติ
อาจารยม์ นตรีไดร้ ับมอบหมายใหเ้ รียนเพลงองคพ์ ระพิราพอนั เป็นเพลงหนา้ พาทยส์ ูงสุดเพอื่ ประกอบพีิ ีไหวค้ รูของ
กรมมหรสพ ซ่ึงในสมยั น้นั มีผไู้ ดร้ ับเลือกใหเ้ รียนไดเ้ พียง ๖ คน
สมยั รัชกาลท่ี ๗ สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ีอ กรมพระยาดารงราชานุภาพทรงริเริ่มบนั ทึกเพลงไทยเป็นโนต้ สากล และได้
ทรงขอขา้ ราชการแผนกดุริยางคไ์ ทย เป็นผบู้ อกทานองเพลงและแผนกดุริยางคส์ ากลเป็นผบู้ นั ทึกโนต้ โดยบนั ทึกทานอง
เครื่องดนตรีแต่ละอยา่ ง อาจารยม์ นตรีกไ็ ดเ้ ป็นผบู้ อกทานองระนาดทุม้ (ไม)้ และระนาดทุม้ เหลก็ ในสมยั น้ีไดเ้ กิด
วทิ ยกุ ระจายเสียงข้ึนในประเทศไทย จึงมีการนาวงป่ี พาทยห์ ลวงไปบรรเลงทุกสปั ดาห์ อาจารยม์ นตรีกร็ ่วมบรรเลงอยใู่ น
วงมโหรีและวงเคร่ืองสาย ซ่ึงนอกจากจะเป็นผบู้ รรเลงแลว้ ยงั ตอ้ งช่วยแต่งเพลงใหท้ ้งั สองวงดว้ ย อาจารยม์ นตรีได้
แต่งเพลงประเภท ๓ ช้นั และเพลงเถาข้ึนมาเป็นจานวนมาก และไดร้ ับการครอบประสิที์ิประสาทใหเ้ ป็นผทู้ าพิีีไหวค้ รู
จากหลวงประดิษฐไ์ พเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) ดว้ ย
ความสามารถและผลงาน พ.ศ. ๒๔๘๓ ไดย้ า้ ยกลบั ไปเป็นหวั หนา้ แผนกดุริยางคไ์ ทย
พ.ศ. ๒๔๗๘ สโมสรคณะราษฎรประกาศประกวด เม่ือหลวงวจิ ิตรวาทการร้ือฟ้ื นการบนั ทึกเพลงไทยเป็น
เพลงรัฐีรรมนูญ อาจารยม์ นตรีไดแ้ ต่งเพลง โนต้ สากลข้ึนใหม่ อาจารยม์ นตรีกไ็ ดร้ ับหนา้ ที่เป็นผบู้ อก
วนั รัฐีรรมนูญ ท้งั บทร้องและทานองเพลง ทานองระนาดทุม้ ไมแ้ ละระนาดทุม้ เหลก็ เช่นเดิม ท้งั ยงั ไดร้ ับ
เขา้ ประกวดและไดร้ ับรางวลั ที่ ๑ นอกจากน้ี การแต่งต้งั ใหเ้ ป็นกรรมการตรวจสอบเพลงไทยที่บนั ทึกแลว้
อาจารยม์ นตรีมีความรู้ทางโนต้ สากลดว้ ย โดยการ อาจารยม์ นตรีไดแ้ ต่งบทร้องและทานองเพลงวนั ชาติเขา้
เรียนจากโรงเรียนสอนโนต้ และดนตรีสากลของ
พระเจนดุริยางค์ (ปิ ติ วาทยกร) อาจารยม์ นตรีไดช้ ่วย ประกวดไดร้ ับรางวลั ท่ี ๑ และใชร้ ้องวนั ที่ ๒๔ มิถุนายนของ
หลวงวจิ ิตรวาทการเกี่ยวกบั การแต่งบทร้องและ
ทานองเพลงประกอบละครมากมาย ทุกปี จนประกาศยกเลิกภายหลงั วนั ท่ี ๑๕ เมษายน พ.ศ.
๒๔๘๕ ไดเ้ ปลี่ยนช่ือจากบุญีรรม เป็นมนตรี เพ่ือใหถ้ ูกตอ้ ง
ตามประกาศสานกั นายกรัฐมนตรีเรื่องการต้งั ชื่อบุคคล
ความสามารถและผลงาน
ผลงานอาจารยม์ นตรีมีมากมาย ท้งั ในดา้ นเพลงท่ีแต่งและดา้ นวชิ าการทางดนตรี ดา้ นการแต่งเพลง อาจารยม์ นตรี
แต่งเพลงไวป้ ระมาณ ๒๐๐ เพลง มีท้งั ประเภท ๓ ช้นั เพลงเถา เพลงประวตั ิศาสตร์ เพลงระบา และเพลงเบด็ เตลด็
เพลงที่ไดร้ ับความนิยมแพร่หลาย เช่น ขบั ไมบ้ ณั เฑาะว์ ๓ ช้นั โสมส่องแสง เถาสิบสองจุไทย ม่านมงคล อศั วลีลา
(ระบามา้ ) ดา้ นการประพนั ี์ อาจารยม์ นตรีแต่งท้งั บทกวนี ิพนี์ บทละคร นิทาน ประวตั ิศาสตร์ สารคดีทางดนตรี
เช่น ดุริยางคไ์ ทยภาควชิ าการ การละเล่นของไทย ศพั ทส์ งั คีตและเร่ืองอื่น ๆ อีกมากมาย นอกจากน้ียงั เขียนอีิบาย
ความหมายของคาต่าง ๆ ในสารานุกรมไทยของราชบณั ฑิตยสถาน และเขียนสารานุกรมสาหรับเยาวชนเรื่องดนตรีไทย
ดว้ ย จากผลงานความรู้ความสามารถของท่านอาจกล่าวไดว้ า่ ท่านเปรียบเสมือนหอสมุดทางดนตรีไทย ซ่ึงเป็นแหล่ง
รวมวชิ าที่มากที่สุดของประเทศไทยในปัจจุบนั
๒. สังคตี กวสี ากล
๒.๑ ฟรานซ์ โจเซฟ ไฮเดนิ (Franz Joseph Haydn)
ประวัติย่อ
ไฮเดิน เป็นคีตกวชี าวออสเตรีย ในยคุ คลาสสิก เกิดเม่ือวนั ท่ี ๓๑ มีนาคม ค.ศ. ๑๗๓๒ เป็น
บุตรคนท่ี ๒ จากจานวน ๑๒ คน บิดาเป็นนกั ดนตรีโฟลก์ ไฮเดินจึงเติบโตข้ึนในชีวติ
ครอบครัวดนตรีอยา่ งแทจ้ ริง เสียชีวติ เมื่อวนั ที่ ๓๑ พฤษภาคม ค.ศ. ๑๘๐๙ ไดร้ ับฉายาวา่ เป็น
บิดาแห่งซิมโฟนี และบิดาแห่งสตริงควอเทต็
ความสามารถและผลงาน
ไฮเดินเกิดจากครอบครัวท่ีเป็นนกั ดนตรี เขามีเสียงขบั ร้องที่ไพเราะ ในตอนไฮเดินอายุ ๖ ขวบ โยฮนั มีั เีียส แฟรงก์
นกั ดนตรีผยู้ งิ่ ใหญแ่ ละเป็นครูสอนดนตรีท่ีมีช่ือเสียงไดข้ อไฮเดินไปอยใู่ นความอุปการะ ซ่ึงบิดาของไฮเดินอยากใหเ้ ขา
มีความกา้ วหนา้ จึงยอมใหไ้ ฮเดินไปศึกษาในดา้ นดนตรี แต่เม่ือมาอยกู่ บั แฟรงก์ ไฮเดินกเ็ หมือนนกั ดนตรีพเนจรที่เฝ้ารอ
คอยการแสดงต่อผชู้ มที่มีฐานะ เขาเล่นฮาร์ปซิคอร์ดและไวโอลิน ผนวกกบั เสียงร้องโซปราโนของเขาทาใหม้ ีผชู้ ื่นชอบใน
การร้องของเขามาก
เม่ือไฮเดินอายไุ ด้ ๑๗ ปี เขาไม่สามารถร้องเพลงเสียงสูงได้ แต่แลว้ วนั หน่ึงเขากถ็ ูกไล่ออกจากมหาวหิ ารเซนตส์ ตีเฟน
เพราะตดั หางเปี ยเพือ่ น จึงกลายเป็นคนพเนจร ในช่วงชีวติ เขาทางานหลายดา้ น เป็นนกั ดนตรี ครูสอนดนตรี และใน
ตอนน้ีเองเขาไดแ้ ต่งเพลง Serenade เป็นเพลงแรกซ่ึงมีความไพเราะมาก ไฮเดินไดม้ าพบกบั นิโคลา พอร์พอรา เขาได้
ชกั ชวนไฮเดินไปอยดู่ ว้ ย ทาใหท้ กั ษะทางดนตรีของไฮเดินมีมากข้ึน และเป็นท่ีรู้จกั มากข้ึนจากการประพนั ีโ์ อเปรา
เพลงแรก คือ The Limping Devil หรือ Der krumme Teufel
ความสามารถและผลงาน
ไฮเดินไดถ้ ูกจา้ งใหเ้ ป็นผกู้ ากบั ดนตรีของ เคานต์ ฟอน มอร์ชิน และไดป้ ระพนั ีซ์ ิมโฟนีบทแรกที่ถือวา่ เป็นซิมโฟนีชิ้นแรก
ของโลก ตลอดเวลาเขาไดป้ ระพนั ี์เพลงไวม้ ากมายท้งั ซิมโฟนีควอเทต็ เครื่องสายคอนเชอร์โต โซนาตาสาหรับเครื่องดีด
บทเพลงสาหรับบาริโทน โอเปรา รวมถึงบทเพลงทางศาสนา ทาใหช้ ื่อเสียงของเขาเป็นที่รู้จกั ไปทวั่ ยโุ รป
บทเพลงของไฮเดินท่ีเป็นที่โด่งดงั เช่น ซิมโฟนีหมายเลข 104 เพลง Stage works 16 เพลง Overtures 16 เพลง
สตริงควอเทต็ 85 เพลง และเพลงคอนเชอร์โตจานวนมาก
๒.๒ โยฮันน์ เซบาสเตียน บาค (Johann Sebastian Bach)
ประวัติย่อ
บาค เป็นคีตกวแี ละนกั ออร์แกนชาวเยอรมนั เกิดเม่ือวนั ท่ี ๒๑ มีนาคม
ค.ศ. ๑๖๘๕ ที่เมืองไอเซนนาค ประเทศเยอรมนี บาคเป็นนกั ประพนั ี์ดนตรี
ในยคุ บาโรก เป็นผมู้ ีอิทีิพลต่อการพฒั นาดนตรีตะวนั ตกอยา่ งมาก และถือเป็น
ปรมาจารยด์ า้ นดนตรีคนหน่ึง
ความสามารถและผลงาน
บาคเป็นนกั ประพนั ีด์ นตรีในยคุ บาโรก ไดป้ ระพนั ีบ์ ทเพลงท่ีเป็นเอกลกั ษณ์ ผลงานของบาคมีอิทีิพลต่อการพฒั นา
ดนตรีตะวนั ตกเป็นอยา่ งมาก งานประพนั ีข์ องบาคทุกชิ้นลว้ นมีความสมบูรณ์แบบ
บาคมีความสนใจทางดา้ นดนตรีและการประพนั ีเ์ พลง เขาไดว้ เิ คราะห์โนต้ แผน่ ของนกั ดนตรีช่ือดงั ต่าง ๆ ดว้ ยความละเอียด
จน ค.ศ. ๑๗๐๓ บาคไดเ้ ป็นนกั เล่นออร์แกน และมีชื่อเสียงในฐานะนกั ดนตรีเอกและนกั ดนตรีที่บรรเลงสดโดยไม่ใชโ้ นต้
ค.ศ. ๑๗๐๗-ค.ศ. ๑๗๐๘ บาคไดป้ ระพนั ี์เพลงแคนตาตาบทแรก และจึงเร่ิมประพนั ีบ์ ทเพลงศาสนา ตลอดชีวติ ของบาค
เขาไดป้ ระพนั ีเ์ พลงแคนตาตามากกวา่ ๓๐๐ ชิ้น
ความสามารถและผลงาน
ใน ค.ศ. ๑๗๐๘-ค.ศ. ๑๗๑๗ บาคไดเ้ ป็นนกั ออร์แกน และไวโอลินเด่ียวมือหน่ึงประจาวหิ ารส่วนตวั ของดยคุ แห่งไวมาร์
ทาใหบ้ าคมีแรงบนั ดาลใจในการสร้างสรรคผ์ ลงานต่าง ๆ มากมาย
ค.ศ. ๑๗๒๕-ค.ศ. ๑๗๕๐ บาคอยทู่ ี่เมืองไลฟ์ ซิค และไดส้ ืบทอดตาแหน่งผอู้ านวยการดนตรีของโบสถเ์ ซนตท์ อมสั เขาเป็น
ครูสอนดนตรีและภาษาละตินและประพนั ีเ์ พลงแคนตาตา
ผลงานของบาคทุกชิ้นมีเอกลกั ษณ์ และแตกต่างจากรูปแบบของเพลงทว่ั ไป และสิ้นสุดลงในยคุ บาโรกหลงั จากทเ่ี ขาเสียชีวติ
ซ่ึงผลงานของเขามีอิทีิพลต่อแนวดนตรีในรุ่นหลงั เช่น เพลงสวดศพเรเควยี ม ซิมโฟนีจูปิ เตอร์ ของโมซาร์ต กไ็ ดร้ ับอิทีิพล
จากการประพนั ี์เพลงของบาค
๒.๓ โวล์ฟกงั อะมาเดอุส โมซาร์ต (Wolfgang Amadeus Mozart)
ประวัตยิ ่อ
โมซาร์ต เกิดท่ีเมืองซลั สบูร์ก เป็นบุตรของเลโอโปลด์ ซ่ึงเป็นนกั ประพนั ี์เพลง
ชาวเยอรมนั โมซาร์ตเกิดเม่ือวนั ที่ ๒๗ มกราคม ค.ศ. ๑๗๕๖ เสียชีวิตเมื่อวนั ท่ี ๕
ีนั วาคม ค.ศ. ๑๗๙๑ ดว้ ยวยั ๓๕ ปี ดว้ ยโรคไขไ้ ทฟอยด์ (ไขร้ ากสาด)
ท่ีกรุงเวยี นนา ประเทศออสเตรีย
ประวตั ยิ ่อ
โมซาร์ตมีความสามารถดา้ นดนตรีเป็นเลิศ เม่ืออายุ ๕ ขวบสามารถเลน่ ฮาร์ปซิคอร์ดและไดเ้ รียน
เรียบเรียงเสียงประสาน ไดร้ ู้จกั การแกะโนต้ เพลง เม่ืออายุ ๖ ขวบเขาไดแ้ ตง่ เพลงชิ้นแรก คือ
เมนูเอต็ KV.2, 4 และอลั เลโกร KV.3
ใน ค.ศ. ๑๗๑๒-ค.ศ. ๑๗๖๖ เขาไดอ้ อกเดินทางแสดงคอนเสิร์ตกบั บิดา การแสดงของเขาเป็นที่ประทบั ใจ
ผชู้ มอยา่ งมาก ทาใหเ้ ขาไดพ้ บดนตรีใหม่ ๆ รวมถึงนกั ดนตรี ไดแ้ ก่ โยฮนั น์ โชเบิร์ต โยฮนั น์ คริสเตียน
บาค และเบอร์นวั แมร์ลอ็ ง และเขาไดค้ น้ พบเปี ยโนฟอร์ตที่ถูกคิดคน้ ข้ึนในตน้ ศตวรรษท่ี ๑๘ แมร์ลอ็ ง
ไดส้ อนใหเ้ ขาแต่งซิมโฟนี โมซาร์ตไดป้ ระพนั ี์เพลงโอเปราต้งั แตอ่ ายุ ๑๑ ปี เร่ือง อพอลโล กบั ไฮยาซิน
(K.38) เป็นบนั เทิงคดีภาษาละติน
ประวัตยิ ่อ
โมซาร์ตมีงานประพนั ี์เพลงมากกวา่ ๗๐๐ ชิ้น เป็นผแู้ ต่งเพลงท่ียอดเยยี่ ม เร่ิมต้งั แต่เพลงสตริงควอเทต็
๑๐ เพลง เปี ยโนควอเทต็ ๒ เพลง เปี ยโนควินเทต็ ๒ เพลง เปี ยโนคอนเชอร์โต ๓๐ กวา่ เพลง
ไวโอลินคอนเชอร์โต ๗ เพลง ฟลูตคอนเชอร์โต ๓ เพลง อุปรากร ๒๒ เร่ือง ซิมโฟนี ๔๑ เพลง และ
ซิมโฟนีที่มีชื่อเสียงท่ีสุด คือ ซิมโฟนีหมายเลข 39 E แฟลตเมเจอร์ หมายเลข 40 G ไมเนอร์ หมายเลข 40
C เมเจอร์ โมซาร์ตเป็นผแู้ ต่งเพลงท่ีไม่เคยซ้าแบบเดิม ส่วนบทเพลงสุดทา้ ยที่แต่งเป็นโอเปรา คือ
The Magic ซ่ึงเขียนข้ึนในขณะที่เขากาลงั ป่ วย แตบ่ ทเพลงกลบั มีทานอง และลีลาเตม็ ไปดว้ ยความสดใส
มีชีวติ ร่าเริง และเม่ือ ค.ศ. ๑๗๙๑ เขาไดแ้ ต่งเพลงเรเควยี ม แต่ไม่เสร็จเนื่องจากเขาเสียชวี ิตดว้ ย
โรคไขร้ ากสาดหรือไขไ้ ทฟอยด์
๒.๔ ลุดวกิ ฟาน เบโธเฟน (Ludwig van Beethoven)
ประวตั ยิ ่อ
เบโีเฟนเกิดท่ีเมืองบอนน์ ประเทศเยอรมนี เม่ือวนั ท่ี ๑๖ ีนั วาคม ค.ศ. ๑๗๗๐
เป็นบุตรชายคนรองของโยฮนั น์ ฟาน เบโีเฟน กบั มาเรีย แมก็ เดเลนา เคเวริช
บิดาเป็นนกั ร้องในคณะดนตรีประจาราชสานกั และตอ้ งการใหเ้ บโีเฟนกลาย
เป็นนกั ดนตรีอยา่ งเช่น โมซาร์ต เขามกั จะขงั เบโีเฟนไวใ้ นหอ้ งกบั เปี ยโน
หา้ มไม่ใหเ้ ลน่ กบั นอ้ ง ทาใหเ้ บโีเฟนเร่ิมทอ้ แทก้ บั การเล่นดนตรี แต่เพราะมารดา
ของเขาสุขภาพไม่สู้ดี เขาจึงเร่ิมพยายามฝึ กฝนดนตรี เพอ่ื หาเงินมาใหค้ รอบครัว
ประวัตยิ ่อ ค.ศ. ๑๗๘๗ เบโีเฟนเดินทางไปยงั กรุงเวยี นนา
และมีโอกาสไดเ้ ล่นเปี ยโนใหโ้ มซาร์ตฟังเป็นท่ี
ค.ศ. ๑๗๗๘ เบโีเฟนเปิ ดแสดงคอนเสิร์ตเปี ยโนเป็นคร้ังแรกต่อ ประทบั ใจมาก
สาีารณชนในเดือนมีนาคมดว้ ยอายุ ๗ ปี ๓ เดือน ท่ีเมือง
โคโลญจน์ และหลงั จากน้นั เขากไ็ ดเ้ ป็นศิษยข์ องคริสเตียน กอตท์
โลบ เนเฟ ผสู้ อนเบโีเฟนในเรื่องเปี ยโนและการแต่งเพลง
ค.ศ. ๑๗๙๕ เบโีเฟนเปิ ดการแสดงดนตรีในโรงละครสาีารณะในเมืองเวยี นนา ค.ศ. ๑๗๙๒ เบโีเฟนไดศ้ ึกษา
กบั ไฮเดิน และไดแ้ สดงคอนเสิร์ต
ทาใหเ้ ขาเป็นท่ีรู้จกั มากข้ึน ต่อมาเขาเริ่มมีปัญหากบั การไดย้ นิ แต่กไ็ ม่บอกใคร ในฐานะเปี ยโนเอกซ่ึง
เพราะในยคุ น้นั จะดูถูกเหยยี ดหยามผพู้ ิการมาก เขาจึงเริ่มผนั ตวั เองจากนกั ดนตรี ประสบความสาเร็จมาก
ไปสู่นกั ประพนั ีเ์ พลง ซ่ึงบทเพลงของเขาเป็นบทเพลงท่ีเนน้ แสดงอารมณ์
ประวัตยิ ่อ
ค.ศ. ๑๘๐๑ เขาเปิ ดเผยเรื่องการไดย้ นิ แต่สงั คมกย็ อมรับ เขาจึงประพนั ี์เพลงออกมามากมาย ทาใหบ้ ทเพลงของเบโีเฟน
เป็นท่ีนิยมมากจนมาถึงปัจจุบนั เบโีเฟนมีความโด่งดงั มาก ผลงานของเขา คือ ซิมโฟนีหมายเลข 5 และ 9 และ
บทเพลงควอเทต็ เครื่องสาย
ผลงานของเบโีเฟนน้นั มีความเป็นเอกลกั ษณ์เฉพาะตวั เขาไดป้ ระพนั ี์ซิมโฟนีไว้ ๙ บทเท่าน้นั ซ่ึงซิมโฟนีหมายเลข
5, 6, 7, 9 เป็นท่ีมีชื่อเสียงมาก และคอนเชอร์โตสาหรับเปี ยโนหมายเลข 4 และ 5 ซ่ึงผลงานเหล่าน้ีของเบโีเฟนถือวา่ เป็น
นวตั กรรมทางดนตรีอยา่ งมาก นอกจากน้นั เขาไดป้ ระพนั ีโ์ อเปราเร่ืองแรกไว้ และเป็นเร่ืองเดียว คือ ฟิ เดลิโอ และ
ซิมโฟนีหมายเลข 9 ของเบโีเฟนถือวา่ เป็นสุดยอดแห่งซิมโฟนีท้งั หลาย มี ๔ ท่อน ความยาวกวา่ ๑ ชวั่ โมง ไม่ยดึ ติดกบั
แบบโซนาตา มีความเป็นตวั เอง ซ่ึงในท่อนสุดทา้ ยเบโีเฟนไดส้ อดแทรกบทร้องประสานเสียงของวงควอเทต็ เพ่ือ
ขบั ร้องบทเพลงแห่งความอภิรมยเ์ ป็นบทกวขี องเฟรดริก ฟอน ซิลเลอร์ ทาใหซ้ ิมโฟนีบทน้ีถูกเลือกเป็นบทเพลง
ประจาชาติยโุ รปอีกดว้ ย
๒.๕ เฟรเดริก ฟรองซัวส์ โชแปง (Frederic Francois Chopin)
ประวตั ยิ ่อ
โชแปงเป็นคีตกวชี าวโปแลนด์ เกิดเม่ือวนั ที่ ๑ มีนาคม ค.ศ. ๑๘๑๐
ท่ีเมืองเซลาโซวา โวลา เสียชีวติ เม่ือวนั ท่ี ๑๗ ตุลาคม ค.ศ. ๑๘๔๙ ดว้ ยโรควณั โรค
ที่มีผลตอ่ ระบบทางเดินหายใจ
ประวตั ิย่อ
โชแปงเร่ิมเรียนดนตรีต้งั แต่อายุ ๖ ขวบ แต่งเพลงแรกไดต้ อนอายุ ๗ ขวบ แสดงต่อสาีารณชนตอนอายุ ๘ ขวบ และไดร้ บั
การศึกษาที่โรงเรียนดนตรีแห่งกรุงวอร์ซอ โดยไดร้ ับการถ่ายทอดวชิ าดนตรีจาก โจเซฟ เอลส์เนอร์
โชแปงไดอ้ อกเดินทางมายงั ประเทศฝร่ังเศสเพื่อเป็นนกั ดนตรี เขาไดแ้ อบหลงรักหญิงสาวคนหน่ึงทาใหเ้ กิดแรงบนั ดาลใจจน
แต่งเพลง บลั ลาด หมายเลข 1 โอปุสท่ี ๒๓ รวมถึงมูฟเมนทข์ องคอนเชอร์โต หมายเลข 1 ระหวา่ ง ค.ศ. ๑๘๓๘-ค.ศ. ๑๘๔๗
โชแปงไดก้ ลายเป็นชูร้ ักของจอร์จเจอ ซ็องดน์ กั ประพนั ีน์ วนิยายชาวฝร่ังเศส แต่กต็ อ้ งแยกทางกนั ดว้ ยความยนิ ดีท้งั สองฝ่าย
โชแปงเริ่มมีอาการทรุดหนกั ในช่วงระยะเวลาน้ีเขาไดป้ ระพนั ี์เพลง พรีลูด โอปุสท่ี ๒๓ ที่พรรณนาถึงความสิ้นหวงั ของท้งั คู่
ในช่วงน้ีทาใหเ้ ขาและจอร์จเจอ ซ็องดต์ อ้ งเดินทางกลบั กรุงปารีสเพื่อรักษาโรค แต่เขากไ็ ม่หายขาดจากการป่ วย จึงเสียชีวติ ลง
ดว้ ยวยั ๓๙ ปี
ผลงานของโชแปงทุกชิ้นเป็นผลงานชิ้นเอก และใชส้ าหรับการเดี่ยวเปี ยโน ซ่ึงงานประพนั ีป์ ระเภทเรียบเรียงเสียงประสาน ไดแ้ ก่
คอนเชอร์โต ๒ บท โปโลเนส ๑ บท รอนโด ๑ บท วาริอาซิยง ที่ใชบ้ รรเลงดว้ ยเปี ยโนในวงออร์เคสตรา และเชมเบอร์มิวสิก
ผงั สรุปสาระสาคญั
ยุคสมัยของดนตรี สมยั ก่อนสุโขทยั กษตั ริยไ์ ทยส่งวงดนตรีไปแสดงในราชสานกั จีน
รูปแบบบทเพลงและ สมยั สุโขทยั มีการประสมวงในรูปแบบการขบั ไมว้ งปี่ พาทยเ์ คร่ืองหา้ และ
วงดนตรีไทยแต่ละยคุ สมัย วงเคร่ืองประโคม
สมยั อยุธยา มีการประสมวงในรูปแบบกองมโหรีเครื่องส่ี สมยั น้ีนิยมบทเพลง
อตั ราจงั หวะ ๒ ช้นั
สมยั ธนบุรี มีการผสมผสานของดนตรีต่างชาติ เกิดวงดนตรีพิณพาทยร์ ามญั
สมยั รัตนโกสินทร์ มีการนาเคร่ืองดนตรีมาประสมกนั เป็นวงดนตรีและสร้าง
เคร่ืองดนตรีใหม่
ยุคสมัยของดนตรี ยุคกลาง มีการพฒั นาการร้องประสานเสียง เรียกวา่ คอรัส และบทเพลงท่ีกิดข้ึน
เป็นเพลงที่เก่ียวกบั ศาสนา
รูปแบบบทเพลงและ
วงดนตรีสากลแต่ละยุคสมยั ยุคฟื้ นฟูศิลปวทิ ยาการ เกิดสงครามทาใหช้ าวบา้ นเร่ิมใหค้ วามสาคญั กบั ดนตรี
มีนกั ร้องสมคั รเล่นเกิดข้ึน
ยุคบาโรก กาเนิดวงออร์เคสตรา โอเปรา มีการบนั ทึกตวั โนต้
ยุคโรโคโค เป็นยคุ ที่ศิลปะทกุ อยา่ งมีความงดงาม หรูหรา แต่งเพลงเพ่ือ
ประกอบการแสดงโอเปรา
ยุคคลาสสิก เป็นยคุ ท่ีสงา่ งามเป็นอมตะ เนน้ ดนตรีสาหรับเครื่องดนตรี
มากกวา่ การขบั ร้อง
ยุคโรแมนติก เนน้ แสดงออกถึงอารมณ์ของผปู้ ระพนั ี์เพลง เนน้ ลกั ษณะดนตรี
ประจาชาติของตน
ยุคศตวรรษท่ี ๒๐-ปัจจุบนั เกิดการแข่งขนั ทางดนตรี มีละครเพลงแทนโอเปรา
เกิดีุรกิจดนตรี
ยุคสมัยของดนตรี สังคตี กวไี ทย พระเจา้ บรมวงศเ์ ีอ กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดม
พระยาประสานดุริยศพั ท์ พระประดิษฐไ์ พเราะ ครูชอ้ ย สุนทรวาทิน
สังคตี กวี อาจารยม์ นตรี ตราโมท
สังคตี กวสี ากล ไฮเดิน บาค โมซาร์ต โชแปง เบโีเฟน