แผนการจดั การเรียนรูที่ 63
สาระการเรียนรูวิทยาศาสตร รายวชิ า วิทยาศาสตร รหัสวชิ า ว15101
ชน้ั ประถมศึกษาปท ่ี 5 ภาคเรยี นที่ 2 ปก ารศึกษา 2563
หนวยการเรยี นรูที่ 5 ส่ิงมชี ีวติ เวลา 1 ชว่ั โมง
เรือ่ ง ลักษณะทางพันธุกรรมของส่ิงมีชวี ิต ครูผสู อน....................................................
1. มาตรฐานการเรียนรู/ ตวั ช้ีวัด
ว 1.3 ป. 5/1 อธิบายลักษณะ ทางพันธกุ รรมทม่ี ี การถา ยทอดจากพอแมสลู กู ของพืชสตั วและมนุษย
ป. 5/2 แสดงความอยาก รูอยากเหน็ โดยการ ถามคําถามเกี่ยวกบั ลกั ษณะท่ีคลายคลงึ กัน
ของตนเองกับพอแม
2. จดุ ประสงคก ารเรยี นรู
1. อธบิ ายลักษณะทางพนั ธกุ รรมท่ีมกี ารถายทอดจากพอแมสลู กู ของพืช สัตว และมนุษย
2. ตง้ั คําถามและสํารวจเก่ียวกบั ลกั ษณะท่ีคลายคลึงกันของตนเองกบั พอแม
3. สาระสําคญั
ส่ิงมชี วี ติ ท้งั พชื สัตว และมนุษย เม่ือเจรญิ เตบิ โต เต็มที่จะมีการสบื พนั ธุเพ่ือเพม่ิ จาํ นวนและดํารง
พันธใุ หค งอยตู อไป โดยลูกท่เี กดิ จากการสืบพันธขุ องพอและแมจะ ไดรับการถายทอดลักษณะทางพันธกุ รรมมา
จากพอและแม ซึง่ ลักษณะทางพันธกุ รรมท่ีไดรับการถายทอดมานเี้ ปน ลกั ษณะเฉพาะของสิ่งมชี วี ติ แตละชนดิ
4. สาระการเรยี นรู
– การถายทอดลักษณะทาง พันธกุ รรมของสงิ่ มชี วี ิต
5. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค
1. มวี นิ ยั
2. ใฝเ รียนรู
3. มุงม่นั ในการทํางาน
4. มจี ติ วทิ ยาศาสตร
6. ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรแ ละทักษะแหงศตวรรษที่ 21 ทักษะแหงศตวรรษท่ี 21
ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร
1. การสงั เกต 1. การสอ่ื สาร
2. การลงความเหน็ จากขอ มูล 2. ความรวมมอื
3. การตีความหมายขอ มูลและลงขอสรปุ 3. การคิดอยา งสรา งสรรค
4. การสรา งแบบจําลอง
7. ชิ้นงานหรือภาระงาน
- สบื คน ลกั ษณะทางพันธกุ รรม
8. กจิ กรรมการเรียนรู
แนวคิด/รปู แบบการสอน/วิธกี ารสอน/เทคนคิ : สบื เสาะหาความรู (5Es Instructional Model)
โดยเนน ผูเ รียนเปนสาํ คัญ ดําเนนิ การเรยี นการสอนดงั ตอไปน้ี
- แจงจดุ ประสงคก ารเรียนรใู หน กั เรียนทราบ
- นกั เรยี นทาํ แบบทดสอบกอนเรยี น 10 ขอ
1. ข้ันสรา งความสนใจ (engagement)
1. ครชู ักชวนนักเรียนศึกษาเรื่องส่ิงมีชวี ิต โดยใหอ านชื่อหนวย และ อา นคําถามสําคัญประจําหนวย
ที่ 5 ในหนงั สอื เรยี น หนา 74 ดังนี้
1. ลักษณะตาง ๆ ท่ีปรากฏในสงิ่ มชี วี ติ เกิดข้นึ ไดอ ยางไร
2. ส่ิงมีชีวิตมีความสัมพันธก ับส่ิงแวดลอ มอยา งไร นักเรียนตอบคําถามโดยครูยังไมตอ งเฉลย
คาํ ตอบ แตจะใหนกั เรียนยอ นกลบั มาตอบอกี ครง้ั หลงั จากเรยี นจบหนวยนแ้ี ลว
3. ครูใหนักเรียนอา นชื่อบท และจุดประสงคการเรียนรูประจําบท ในหนังสือเรียน หนา 75
จากน้ันครใู ชคําถามเพ่ือตรวจสอบความเขา ใจดงั น้ี
3.1 บทนี้จะไดเรียนเร่ืองอะไร (เร่ืองการถายทอดลักษณะทาง พันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต)
3.2 จากจุดประสงคการเรียนรูเม่ือเรียนจบบทนี้นักเรียนสามารถทําอะไรไดบาง (จะ
สามารถอธบิ ายลักษณะทางพันธุกรรมที่มี การถา ยทอดจากพอ แม ไปสูล ูกของพืช สัตว และมนุษย รวมท้ังตั้ง
คาํ ถามและสํารวจเก่ียวกับลักษณะทค่ี ลา ยคลึงกัน ของตนเองกบั พอแมไ ด)
2. ขั้นสาํ รวจและคนหา(exploration)
ใหนกั เรียนทํากิจกรรมตาง ๆ เพื่อใหเ กดิ ประสบการณตรง ดงั น้ี
1. นกั เรียนอานชื่อบทและแนวคดิ สําคัญ ในหนงั สือเรยี น หนา 76 จากนัน้ ครใู ชคาํ ถามวา จาก
การอา นแนวคิดสาํ คญั นักเรียนคิดวา จะไดเรยี นเกีย่ วกับเร่ืองอะไรบาง (จะไดเรยี นเร่อื งลักษณะทาง พันธกุ รรม
ของพชื สตั ว และมนุษย)
2. ครูชักชวนใหน กั เรยี นสังเกตรูป และอา นเน้ือเรื่องใน หนา 76 โดย ครูฝกทกั ษะการอานตาม
วิธีการอานที่เหมาะสมกบั ความสามารถ ของนักเรียน
3. ข้นั อธบิ ายและลงขอสรปุ (explanation)
1. ครตู รวจสอบความเขา ใจจากการอาน โดยใชค ําถาม ดังน้ี
1.1 ลกู ของส่ิงมีชีวติ มีลักษณะอยางไรเม่ือเปรยี บเทยี บกบั พอ แม (ลูกมีลักษณะคลายคลึง
กบั พอแม)
1.2 นกั เรยี นสงั เกตเหน็ ส่ิงมีชีวติ อะไรในภาพบา ง (เด็กผูหญิง สุนขั หญา)
1.3 ส่งิ มีชวี ิตในภาพเปนสิ่งมีชีวิตชนิดเดยี วกันหรือไม รไู ดอยา งไร (เปนสง่ิ มีชีวิตตา งชนิด
กนั รูไ ดจ ากการสงั เกตพบวามีลกั ษณะทแี่ ตกตางกนั )
1.4 นกั เรยี นคดิ วาพอแมของเด็กผูห ญงิ ในภาพนา จะมีลกั ษณะ อยางไร เพราะเหตใุ ด
(นักเรยี นตอบตามความเขา ใจ)
1.5 นักเรยี นคิดวาพอแมของสนุ ัขในภาพนา จะมีลักษณะอยางไร เพราะเหตุใด (นักเรียน
ตอบตามความเขาใจ) 6.6 นกั เรยี นคดิ วาหญา ในภาพนาจะเกดิ จากหญา ที่มลี ักษณะ อยา งไร เพราะเหตุใด
(นกั เรียนตอบตามความเขาใจ)
4. ขนั้ ขยายความรู (Elaboration)
1. ครชู กั ชวนนกั เรียนตอบคาํ ถามเกีย่ วกับส่งิ มชี ีวิต ในสํารวจความรู กอ นเรยี น
2. นักเรียนทําสํารวจความรูกอ นเรียน ในแบบบันทึกกิจกรรม หนา 64-65 โดยนักเรียนอาน
คําถามแตละขอครูตรวจสอบความเขาใจของนักเรียนจนแนใจวานักเรียนสามารถทําไดด ว ยตนเอง จึงให
นกั เรียนตอบคําถามซง่ึ คําตอบของแตล ะคนอาจแตกตางกนั และคาํ ตอบอาจถกู หรอื ผดิ กไ็ ด
3. ครูสังเกตการตอบคําถามของนักเรยี นเพื่อตรวจสอบวานักเรยี นมี แนวคิดเกี่ยวกับส่ิงมีชีวิต
อยางไรโดยอาจสุม ใหนักเรียน 2-3 คน นําเสนอคําตอบของตนเอง ครูยังไมต องเฉลยคําตอบแตจ ะใหนักเรียน
ยอนกลับมาตรวจสอบอีกคร้ังหลังจากเรียนจบบทน้ีแลว ทั้งนี้ครูควรบันทึกแนวคิดคลาดเคล่ือนหรือแนวคิดที่
นาสนใจของ นักเรยี น แลวนํามาใชใ นการออกแบบการจัดการเรียนรูเพ่ือแกไ ข แนวคิดคลาดเคลื่อนใหถูกตอ ง
และตอ ยอดแนวคิดท่นี า สนใจของนักเรียน
5. ขน้ั ประเมนิ (evaluation)
1. ครูใหนักเรียนแตละคนพิจารณาวา จากหัวขอที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรม มีจุดใดบางท่ียัง
ไมเขาใจหรือยังมีขอ สงสยั ถา มี ครชู วยอธิบายเพมิ่ เติมใหนกั เรียนเขา ใจ
2. นักเรียนรวมกันประเมินการปฏิบัติกิจกรรมกลุมวามีปญหาหรืออุปสรรคใด และไดมีการแกไข
อยา งไรบา ง
3. ครูและนักเรียนรวมกนั แสดงความคิดเห็นเกยี่ วกับประโยชนท่ีไดรับจากการปฏิบัติกิจกรรม และ
การนําความรูทีไ่ ดไ ปใชประโยชน
4. ครทู ดสอบความเขา ใจของนกั เรยี นโดยการใหต อบคาํ ถาม เชน
– เพราะเหตุใดลกู จงึ มีลกั ษณะบางอยา งเหมือนพอและแม (นักเรยี นตอบตามความเขาใจ)
– ลูกจะมีลักษณะทแ่ี ตกตา งจากพอและแมไดหรือไม (นักเรยี น ตอบตามความเขา ใจ)
9. การวัดและประเมินผล
การประเมนิ การเรยี นรขู องนักเรียนทําได ดงั นี้
1. ประเมินความรเู ดิมจากการอภปิ รายในชน้ั เรียน
2. ประเมินการเรยี นรูจากคําตอบของนกั เรยี นระหวางการจดั การเรยี นรแู ละจากแบบบันทกึ
กจิ กรรม
3. ประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรและทักษะแหงศตวรรษท่ี 21 จากการทํากจิ กรรม
ของนักเรียน
ระดับคะแนน การประเมินจากการทาํ กจิ กรรม
3 คะแนน หมายถงึ ดี 2 คะแนน หมายถึง พอใช 1 คะแนน หมายถึง ควรปรับปรงุ
รหสั สงิ่ ท่ปี ระเมนิ ระดบั คะแนน
ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร
S2 การวดั
S3 การใชจํานวน
S4 การจําแนกประเภท
ทกั ษะแหง ศตวรรษที่ 21
C4 การสื่อสาร
C5 ความรว มมือ
10. สอ่ื /แหลงการเรียนรู
1. หนังสอื เรียน ป. 5 เลม 1
2. แบบบันทึกกิจกรรม ป. 5 เลม 1
11. ความเห็นของหวั หนาสถานศกึ ษา/ผูทีไ่ ดรับมอบหมาย
ไดทาํ การตรวจแผนการจัดการเรยี นรขู อง.......................................................... แลว มคี วามเหน็ ดังนี้
1. เปน แผนการจัดการเรยี นรูท่ี
ดีมาก
ดี
พอใช
ควรปรับปรุง
2. การจดั กจิ กรรมไดน ําเอากระบวนการเรยี นรู
เนนผเู รยี นเปน สําคัญมาใชในการสอนไดอยางเหมาะสม
ยงั ไมเนน ผเู รียนเปน สําคัญ ควรปรบั ปรงุ พฒั นาตอไป
3. เปนแผนการจัดการเรียนรูท่ี
นําไปใชไดจ รงิ
ควรปรับปรงุ กอนนําไปใช
4. ขอ เสนอแนะอ่ืนๆ
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
ลงชอ่ื ..................................................
(.................................................)
ตาํ แหนง.......................................
วันที.่ .......เดอื น...............พ.ศ. ...........
12. บันทกึ ผลหลังการสอน
ดา นความรู
ดานสมรรถนะสําคัญของผูเ รียน
ดานคุณลักษณะอันพงึ ประสงค
ดานความสามารถทางวทิ ยาศาสตร
ดานอนื่ ๆ (พฤติกรรมเดน หรือพฤติกรรมทม่ี ีปญหาของนักเรยี นเปนรายบุคคล (ถามี))
ปญหา/อปุ สรรค
แนวทางการแกไ ข
ลงชื่อ..................................................ครูผสู อน
(.................................................)
ตาํ แหนง...................................................
วนั ที่........เดือน...............พ.ศ. ...........