ศาสตราจารย์ สญั ญา ธรรมศกั ด์ิ
คำนำ
หนงั สือเล่มน้ีจดั ทาข้ึน เพ่ือใหผ้ อู้ า่ นไดร้ ู้จกั ประวตั ิ ที่มา
และผลงานตา่ งๆ ของศาสตราจารย์ สญั ญา ธรรมศกั ด์ิ วา่ มีบทบาท
สาคญั ตอ่ ศาสนิกชนตวั อยา่ ง และมีบทบาทต่อการเผยแผศ่ าสนา
อยา่ งไร หากมีความขดั ขอ้ งผดิ พลาดประการใดขออภยั มา ณ ที่น้ี
ด.ญ. ปิ ยากร ขาวฟอง
ผจู้ ดั ทา
แรงบนั ดาลใจ
เน่ืองจากดิฉนั ไดเ้ รียนรู้เก่ียวกบั ศาสนิกชนตวั อยา่ งทาใหด้ ิฉนั ไดร้ ู้
เร่ืองและประวตั ิตา่ งๆ ของศาสนิกชนตวั อยา่ ง ซ่ึงเร่ืองที่ดิฉนั จะสื่อผา่ น
หนงั สือเล่มน้ีคือประวตั ิและคุณธรรมแบบอยา่ งท่ีทุกคนควรรู้และมี
เพราะหลกั ธรรมของศาสตราจารย์ สัญญา ธรรมศกั ด์ิ จะสามารถช่วยให้
ใชช้ ีวติ ง่ายข้ึน ดงั น้นั ดิฉนั จึงอยากนาเสนอประวตั ิและคุณธรรม
แบบอยา่ ง ของศาสตราจารย์ สญั ญา ธรรมศกั ด์ิ
ประวตั ิ
นายสญั ญา ธรรมศกั ด์ิ เกิดเมื่อวนั ศุกร์ท่ี 5 เมษายน พ.ศ.2450 ท่ี
จงั หวดั ธนบุรี เป็นบุตรคนสุดทอ้ งในจานวน 3 คนของ มหาอามาตยต์ รี
พระยาธรรมสารเวทยว์ เิ ศษภกั ดี ศรีสตั ยวตั ตา พริ ิยพาหะ (ทองดี ธรรม
ศกั ด์ิ) และคุณหญิงช้ืน ธรรมสารเวทย์ ท่านสมรสกบั ท่านผหู้ ญิงพงา
ธรรมศกั ด์ิ (เพญ็ ชาติ) มีบุตรดว้ ยกนั 2 คน คือ นายชาติศกั ด์ิ ธรรมศกั ด์ิ
และนายแพทยจ์ กั รธรรม ธรรมศกั ด์ิพ.ศ.2457 เขา้ เรียนโรงเรียน
อสั สมั ชญั สาเร็จช้นั 6 (มธั ยมบริบูรณ์) จากน้นั เขา้ ศึกษาที่โรงเรียน
กฎหมายกระทรวงยตุ ิธรรมเป็นเวลา 3 ปี และสาเร็จเป็นเนติบณั ฑิต
พ.ศ.2471 ตอ่ มาใน พ.ศ.2472 ไดร้ ับทุนเล่าเรียน "รพบี ุญนิธิ" ไปศึกษา
วชิ ากฎหมายต่อในประเทศองั กฤษ ที่สานกั มิดเดิ้ลเทมเปิ้ ล เป็นเวลา 3
ปี และสอบไล่ไดต้ ามหลกั สูตรเป็นเนติบณั ฑิตองั กฤษ เมื่อ พ.ศ.2475
การทางาน
นายสญั ญา ธรรมศกั ด์ิ เขา้ รับราชการคร้ังแรก เม่ือวนั ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ.2468
ในขณะท่ีมีอายุ 18 ปี ในตาแหน่งนกั เรียนล่าม กรมบญั ชาการ (กองล่าม) กระทรวง
ยตุ ิธรรม ไดร้ ับเงินเดือน 30 บาท หลงั จากน้นั ชีวติ รับราชการกไ็ ดเ้ จริญกา้ วหนา้
ตามลาดบั ดงั น้ี พ.ศ.2476 เป็นผพู้ ิพากษาฝึกหดั เงินเดือน 200 บาท พ.ศ.2477 เป็นผู้
พิพากษาในกระทรวงยตุ ิธรรม ไดร้ ับเงินเดือน 200 บาท พ.ศ.2478 เป็นผชู้ ่วยผู้
พิพากษาศาลฎีกา รับเงินเดือน 260 บาท พ.ศ.2491 เป็นผพู้ ิพากษาศาลอุทธรณ์
เงินเดือน 500 บาท พ.ศ.2494 เป็นขา้ หลวงยตุ ิธรรมภาค 4 เงินเดือน 700 บาท
พร้อมกนั น้นั ไดท้ าหนา้ ท่ีผพู้ พิ ากษาหวั หนา้ ศาลจงั หวดั เชียงใหม่ดว้ ย พ.ศ.2496
เป็นปลดั กระทรวงยตุ ิธรรมเงินเดือน 800 บาท พ.ศ.2501 เป็นผพู้ พิ ากษาศาลฎีกา
พ.ศ.2505 เป็นอธิบดีผพู้ ิพากษาศาลอุทธรณ์ เงินเดือน 8,600 บาท และในปี
พ.ศ.2506 – 2510 ไดด้ ารงตาแหน่งประธานศาลฎีกา พ.ศ.2510 – 2516 เป็น
องคมนตรีและเป็นประธานองคมนตรี พ.ศ.2518 – 2541 ในปี พ.ศ.2511 – 2514
เป็นคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ พ.ศ.2514 – 2516 เป็น
อธิการบดีมหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ และพ.ศ.2516 – 2518 เป็นนายกรัฐมนตรี
ดารงตาแหน่งนายกรัฐมนตรี
ศาสตราจารยส์ ัญญา ธรรมศกั ด์ิ ไดร้ ับพระบรมราชโองการแต่งต้งั
ใหด้ ารงตาแหน่งนายกรัฐมนตรีเม่ือวนั ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516[9] เวลา
19.00 น. ในเหตุการณ์ 14 ตุลา หลงั จากถวายบงั คมลาออกของจอมพล
ถนอม กิตติขจร ซ่ึงขณะน้นั ท่านดารงตาแหน่งอธิการบดี
มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์และองคมนตรีอยู่ หลงั จากไดม้ ีประกาศ
แต่งต้งั ไป กลุ่มผชู้ ุมนุมบางส่วนไดโ้ ห่ร้องดว้ ยความดีใจ แต่บางส่วนก็
ยงั ไม่ปักใจเชื่อ และการปะทะกนั กย็ งั ตอ่ เนื่องอยู่ ในเวลา 23.15 น.
ท่านไดก้ ลา่ วคาปราศรัยจากหอพระสมุด ในพระตาหนกั จิตรลดาโห
ฐาน โดยผา่ นทางสถานีวทิ ยกุ ระจายเสียงแห่งประเทศไทยและ
โทรทศั นร์ วมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย
งานดา้ นพระพทุ ธศาสนา
๑. เป็นคณะผรู้ ่วมก่อต้งั พทุ ธสามาคม แห่งประเทศไทย โดยไดร้ ับมอบหมายให้
เป็นผยู้ กร่างขอ้ บงั คบั ของพทุ ธสมาคม และไดร้ ับการจดทะเบียนเป็นผลสาเร็จใน
พ.ศ. ๒๔๗๖
๒. ดารงตาแหน่งเป็นนายกพทุ ธสมาคมแห่งประเทศไทย ซ่ึงไดท้ ุ่มแททางานดา้ น
พระพทุ ธศาสนาอยา่ งต่อเนื่อง
๓. ดารงตาแหน่งเป็นประธานองคก์ ารพทุ ธศาสนิกสมั พนั ธแ์ ห่งโลกติดต่อกนั
ยาวนานถึง ๑๕ ปี ไดบ้ าเพญ็ ประโยชน์แก่องคก์ ารพทุ ธศาสนิกสมั พนั ธแ์ ห่งโลก
เป็นอเนกประการ จนไดร้ ับเหรียญเชิดชูเกียรติช้นั ที่ ๑ (WFB GRAND MERIT
MEDAL) ในวาระฉลองครบรอบ ๕๐ ปี ขององคก์ ารพทุ ธศาสนิกสมั พนั ธแ์ ห่งโลก
เมื่อวนั ท่ี ๖ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๔๓
คุณธรรมที่ควรนบั ถือเป็ นแบบอยา่ ง
(๑) ความใฝ่รู้ เม่ือสิ้นบิดาแลว้ ท่านตอ้ งต่อสูด้ ิ้นรนทางการศึกษาเล่าเรียนโดยอาศยั
ทุน รพบี ุญนิธี ซ่ึงตอ้ งอาศยั ความมนั่ และทุ่มเทต่อการศึกษาอยา่ งมากจนประสบ
ความสาเร็จ
(๒) ความกตญั ูกตเวที เม่ือสิ้นบดา ท่านไดร้ ับความช่วยเหลือจากพระยาอรรถกฤติ
นิรุตต์ิ (ชม เพญ็ ชาติ) ดา้ นการศึกษาและใหเ้ ขา้ ทางาน ท่านจึงระลึกอยเู่ สมอวา่ ใน
ชีวติ ของท่านนอกจากแม่แลว้ พระยาอรรถกฤตินิรุตต์ิเป็นผมู้ ีอุปการคุณ ซ่ึงท่านก็
สานึกในบุญคุณน้ีตลอดเวลา
(๓) ความซ่ือสตั ยสื ุจริต โดยเฉพาะในการทางานท่านกล่าวเสมอวา่ “ความ
ซื่อสตั ยส์ ุจริตยตุ ิธรรมน้ีแลเป็นความดีแทจ้ ริง
(๔) ความจงรักภกั ดีต่อสถาบนั พระมหากษตั ริย์ ท่านไดม้ ีโอกาสรับใชใ้ ตเ้ บ้ืองพระ
อุคลบาทอยา่ งใกลช้ ิด ไดร้ ับการไวว้ างพระราชหฤทยั ใหด้ ารงตาแหน่งองคมนตรี
และประธานองคมนตรีโดยลาดบั เป็นเวลานานถึง ๓๐ปี
จดั ทาโดย
เดก็ หญิง ปิ ยากร ขาวฟอง
เลขท่ี27 ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่3/1
เสนอ
คุณครู เกสร นนั ตา
รายวชิ าสงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม
โรงเรียนป่ าแดดวทิ ยาคม
ตาบลป่ าแดด อาเภอป่ าแดด จงั หวดั เชียงราย
สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามธั ยมศึกษาเขต36