๑. อธิบายการบูรณาการศิลปะแขนงอื่น ๆ กับการแสดง (ศ ๓.๑ ม.๒/๑) ๒. สร้างสรรค์การแสดงโดยใช้องค์ประกอบนาฏศิลป์และการละคร (ศ ๓.๑ ม.๒/๒) ๓. วิเคราะห์การแสดงของตนเองและผู้อื่น โดยใช้นาฏยศัพท์หรือศัพท์ทางการละคร ที่เหมาะสม (ศ ๓.๑ ม.๒/๓) ๔. เสนอข้อคิดเห็นในการปรับปรุงการแสดง (ศ ๓.๑ ม.๒/๔) หน่วยการเรียนรู้ที่ ๘ ตัวชี้วัด
ผังสาระการเรียนรู้ หลักและวิธีการสร้างสรรค์การแสดง โดยใช้องค์ประกอบนาฏศิลป์ หลักและวิธีการวิเคราะห์ วิจารณ์การแสดงนาฏศิลป์ องค์ประกอบ นาฏศิลป์ ไทย การบูรณาการศิลปะ แขนงอื่น ๆ กับ การแสดงนาฏศิลป์ ความรู้พื้นฐาน ด้านนาฏศิลป์ไทย
๑. การฟ้อนร าหรือลีลาการใช้ท่าร า การแสดงนาฏศิลป์ไทยที่มีความงดงามมีองค์ประกอบนาฏศิลป์ ดังนี้ ๒. ดนตรีที่ใช้ประกอบการแสดง การแสดงระบ ากฤดาภินิหาร
๓. ค าร้องหรือเนื้อร้อง ๔. การแต่งกาย ศีรษะโขนที่มีการประดิษฐ์อย่างสวยงาม การแสดงฟ้อนเล็บมีเครื่องแต่งกายที่สะท้อน ถึงลักษณะของชาวเหนือ การแสดงโขนที่มีการแต่งกายงดงาม
๑. การฟ้อนร าหรือลีลาการใช้ท่าร า องค์ประกอบของนาฏศิลป์ เป็นสิ่งที่ท าให้การแสดงนาฏศิลป์มีความสวยงามและ น่าชื่นชมในการสร้างสรรค์การแสดงจึงต้องประกอบด้วยองค์ประกอบด้านต่าง ๆ เพื่อ จะท าให้การแสดงงดงามและสมบูรณ์แบบ ดังนี้ การแสดงนาฏศิลป์ไทยที่สวยงาม จะใช้การฟ้อนร าและลีลาท่าทางต่าง ๆ เพื่อให้ การแสดงมีความงดงาม การแสดงจึงต้องใช้ภาษาท่าทางนาฏศิลป์และนาฏยศัพท์มา เป็นส่วนสร้างสรรค์ท่าทางในการร่ายร า เพื่อให้การแสดงมีความสมบูรณ์สวยงาม เหมาะสม
ภาษาท่าทางนาฏศิลป์และนาฏยศัพท์ที่สามารถ น ามาสร้างสรรค์การแสดงได้ มีดังนี้ ภาษาท่าทางนาฏศิลป์ คือ การใช้ลีลาท่าทาง การร่ายร า เพื่อสื่อความหมายแทนค าพูด กิริยา ท่าทางต่าง ๆ ที่แสดงออกมาให้ผู้ชมหรือผู้แสดง ได้รับรู้ แบ่งออกเป็น ๓ ประเภท คือ ภาษาท่า แทนค าพูด ภาษาท่าแทนอารมณ์ และภาษาท่า ที่สื่อความหมาย เช่น ท่ารัก ท่าโกรธ ท่าดีใจ ท่าร้องไห้ ๑.๑ ภาษาท่าทางนาฏศิลป์ ท่ารัก ใช้มือทั้งสองข้าง ประสานกันที่อก มือทั้งสอง วางทาบบริเวณฐานไหล่
ท่าโกรธ ใช้ฝ่ามือถู บริเวณใต้ใบหู ถูไปมา แล้วกระชากลง ท่าดีใจ ใช้มือซ้ายจีบคว่ า กรีดนิ้วในระดับปาก ท่าร้องไห้ใช้มือซ้ายแตะ หน้าผาก ก้มหน้าพร้อม กับสะดุ้งตัวเหมือนก าลัง สะอื้น จากนั้นใช้นิ้วชี้ แตะที่หัวตาทั้งสองข้าง
นาฏยศัพท์ คือ ศัพท์ที่ใช้ในการร่ายร า ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เช่น จีบ ตั้งวงบน ส่ายมือ กล่อมไหล่ ยกเท้า ๑.๒ นาฏยศัพท์ จีบ ตั้งวงบน ส่ายมือ
กล่อมไหล่ ยกเท้า
๒. ดนตรีที่ใช้ประกอบการแสดง การแสดงนาฏศิลป์ไทยจะมีการบรรเลงบทเพลงที่ใช้ประกอบการแสดง บทเพลงที่ นิยมใช้บรรเลงทั่วไปแบ่งออกเป็น ๓ ประเภท ดังนี้ ๒.๑ เพลงหน้าพาทย์ เพลงหน้าพาทย์เป็นเพลงประเภทหนึ่งที่ใช้บรรเลงในการแสดงกิริยา ของมนุษย์ สัตว์ วัตถุหรือธรรมชาติ ทั้งกิริยาที่มีตัวตน กิริยาสมมุติ กิริยาที่ เป็นปัจจุบัน และกิริยาที่เป็นอดีต เช่น บรรเลงในการแสดงกิริยา ยืน เดิน กิน นอน ของมนุษย์และสัตว์ การเปลี่ยนแปลง เกิดขึ้น หรือสูญไป ของวัตถุและธรรมชาติ องค์ประกอบส าาคัญของเพลงหน้าพาทย์อยู่ที่เครื่องดนตรีที่ใช้ บรรเลงคือ ตะโพน และกลองทัด กล่าวคือ เพลงใดที่มีตะโพนและกลองทัด บรรเลงควบคู่กัน ถือว่าเป็นเพลงหน้าพาทย์ทั้งสิ้น
เพลงหน้าพาทย์แบ่งระดับความส าคัญออกได้เป็น ๓ ระดับ ได้แก่ ๑. เพลงหน้าพาทย์ธรรมดา ใช้กับตัวละครชั้นสามัญทั่วไปที่ไม่มี ความส าคัญมากนัก เช่น เพลงเสมอ ๒. เพลงหน้าพาทย์ชั้นกลาง ใช้กับตัวละครที่มีความส าคัญมากขึ้น เช่น เพลงเสมอข้ามสมุทร เพลงเสมอเถร เพลงเสมอมาร ๓. เพลงหน้าพาทย์ชั้นสูง ใช้กับตัวละครที่สูงศักดิ์ เช่น เพลงบาทสกุณี (เสมอตีนนก) เพลงด าเนินพราหมณ์ (ที่มา : เพลงหน้าพาทย์ สารานุกรมศัพท์ดนตรีไทย ภาคคีตะ-ดุริยางค์ ฉบับราชบัณฑิตยสถาน)
๒.๒ เพลงที่มีเนื้อร้อง เพลงที่มีเนื้อร้อง คือ เพลงที่มีค าประพันธ์บทร้อง มีการขับร้องเพลง ประกอบการแสดง เป็นบทเพลงที่สร้างสรรค์ให้การแสดงมีความน่าสนใจ ๒.๓ เพลงภูมิหลัง เพลงภูมิหลัง คือ เพลงที่ให้อารมณ์และความรู้สึก แต่ไม่เกี่ยวกับ เนื้อร้องและอาจมีเนื้อร้องหรือไม่มีก็ได้ เป็นบทเพลงที่ใช้บรรเลงประกอบ การแสดงเพื่อสื่อถึงความรู้สึกให้ผู้ชมได้เข้าใจและรับรู้ไปกับการแสดง เช่น การแสดงที่มีตอนเศร้าเสียใจ จะบรรเลงเพลงที่ช้า เศร้า ท าให้ผู้ชมคล้อยตาม ไปด้วย
๓. ค าร้องหรือเนื้อร้อง ๔. การแต่งกาย ในการแสดงนาฏศิลป์จะต้องมีการสร้างสรรค์ การแต่งกายให้มีความงดงามเหมาะสมกับผู้แสดง มีการประดับประดา ตกแต่งลวดลายของเสื้อผ้า เครื่องแต่งกายให้มีความงดงามวิจิตรตระการตา เพราะการแต่งกายในการแสดงยังเป็นสิ่งที่บ่งบอก ถึงยศ ฐานะ บรรดาศักดิ์ของตัวละครด้วย การแสดงโขนเป็ นหนุมานจะตอ ้ งแต่งกายชุดสีขาว มีลายปักลายทักษิณาวัตร (อ่านวา่ทกั-สิ-นา-วัด) สวมหัวโขนลิงโล้นสีขาว ปากอ้า ที่มา : คุณเกียรติวงศ ์ ด่านพงศก ์ รถ่ายภาพ การสร้างสรรค์ค าร้องหรือเนื้อร้องที่ใช้ในการแสดง ผู้ประพันธ์จะต้องสร้างสรรค์ เนื้อร้องให้สอดคล้องกับการแสดง มีจินตนาการสร้างสรรค์ในการประพันธ์บทเพลง เพื่อที่จะแต่งบทเพลงได้ถูกต้องและสื่ออารมณ์ของการแสดงมาสู่ผู้ชมได้เข้าใจและซาบซึ้ง
๑. แสง สี เสียง การน าศิลปะแขนงอื่นๆ มาใช้กับการแสดงนาฏศิลป์ไทย มีดังนี้ การใช้แสง สี เสียง ที่เหมาะสม ท าให้การแสดงน่าสนใจ และสวยงาม ที่มา http://www.thongteaw.com/Tour/Siam_Niramit.html
๒. ฉาก การแสดงระบ าโบราณคดี ที่มีฉากเป็ นโบราณสถาน ที่มา http://www.geoturismoguatemala.com การแต่งกายในการแสดงระบ าลพบุร ี ม ี ลกัษณะเคร ื่องแต่งกายท ี่ใช ้ บ่งบอกถง ึ สมัยลพบุร ี ที่มา : สถาบันพฒันาคุณภาพวชิาการ(พว.) ๓. เครื่องแต่งกาย
๔. อุปกรณ์การแสดง การใช้พัดในการแสดงระบ าตารีกีปัส ที่มา : สถาบันพฒันาคุณภาพวชิาการ(พว.)
หลักและวิธีการวิเคราะห์ วิจารณ์การแสดงนาฏศิลป์ มีดังนี้ ๑. ผู้วิจารณ์ควรมีพื้นฐานทางนาฏศิลป์ผู้วิจารณ์สามารถพิจารณา ได้ว่า การแสดงมีความถูกต้องหรือไม่ เช่น เรื่องของท่ารำที่ใช้สื่อ ความหมายว่าสอดคล้องกับบทร้องและทำนองเพลงหรือไม่ ๔. ผู้วิจารณ์ทราบเนื้อเรื่องที่ใช้ แสดงเป็นอย่างดีผู้วิจารณ์ควร ศึกษาเนื้อเรื่องโดยสังเขปก่อนชม การแสดง เพื่อที่จะทำให้เข้าใจ การแสดง และสามารถวิเคราะห์ และวิจารณ์ได้ถูกต้อง ๒. ผู้วิจารณ์มีความสามารถ ด้านเครื่องแต่งกาย ผู้วิจารณ์ต้องมีความรู้ เรื่องการแต่งกายประกอบการแสดง สามารถวิเคราะห์ได้ว่าผู้แสดงแต่งกาย ได้ถูกต้องและเหมาะสมกับการแสดง หรือไม่ ๓. ผู้วิจารณ์มีความสามารถทางด้านดนตรีประกอบการแสดง ผู้วิจารณ์ต้องมี ความรู้เกี่ยวกับดนตรี บทเพลงที่ใช้ประกอบการแสดง สามารถวิเคราะห์และ วิจารณ์ได้ว่าดนตรีหรือบทเพลง มีความถูกต้อง เหมาะสมกับการแสดงหรือไม่ หลักและวิธีการ วิเคราะห์ วิจารณ์ การแสดงนาฏศิลป์
ผังสรุปสาระส าคัญ