ื
สบสาน
วัฒนธรรม
่
ยีเป็ ง
คำานำา
หนังสือเล่มฉบับนี้มีชื่อเรื่องว่า สืบสานวัฒนธรรมยี่เป็ง
มีจุดประสงค์ เพื่อการศึกษาหาความรู้ และ ให้ผู้อ่านนั้นเข้าใจแล้วรู้
ถึงวัฒนธรรมยี่เป็งให้คงอนุรักษ์สืบทอดต่อไป
หากผิดพลาดประการใดขออภัย ณ ที่นี้
(ปิยทัช งามน้อย)
สารบัญ
ประวัติยี่เป็ง หน้า 1
ล้านนายี่เป็ง หน้า 5
ประเพณี
ประเพณียี่เป็งล้านนา หน้า 7
ประเพณีลอยกระทง หน้า 9
ตั้งธรรมหลวง หน้า 11
โคม
โคมล้านนา หน้า 12
โคมลอย หน้า 14
โคมแขวน หน้า 16
การทำาโคม หน้า 18
การแบ่งโคม หน้า 19
ล่องสะเปา หน้า 20
ผางประทีส หน้า 22
ประเพณี
ประเพณี
่
่
ป็
ง
ยี ยีเป็ ง
เ
่
ยีเป็ ง
ประเพณียี่เป็ง เป็นประเพณีลอยกระทงตามประเพณีล้านนาที่จัดทำาขึ้นในวัน
เพ็ญเดือน 2 ของชาวล้านนา ยี่เป็ง เป็นภาษาคำาเมืองในภาคเหนือ คำาว่า “ยี่”
แปลว่า สอง และคำาว่า “เป็ง” ตรงกับคำาว่า “เพ็ญ” หรือพระจันทร์เต็มดวง
ซึ่งชาวไทยในภาคเหนือจะนับเดือนทางจันทรคติเร็วกว่าไทยภาคกลาง 2 เดือน
ทำาให้ เดือนสิบสองของไทยภาคกลาง ตรงกับเดือนยี่ หรือเดือน 2 ของไทยล้าน
นา ซึ่งสถานที่จัดประเพณียี่เป็งมีจัดกันอยู่ทั่วไปในจังหวัดทางภาคเหนือของไทย
แต่หลักๆที่เป็นที่นิยมคือ จังหวัดเชียงใหม่
1
2
3
4
่
ล้านนายีเปง
็
ความเป็นประเพณีปฏิบัติของชาวล้านนา ในเทศกาลยี่เป็ง
หลัก ๆ แล้วจะพาเข้าวัดทำาบุญเพื่อความเป็นสิริมงคลกับ
ตนเองและครอบครัวมีการตกแต่งสถานท่ด้วยซ้มประตูป่า
ุ
ี
่
ำ
ประดับไฟสีต่างๆตอนหัวคาจะพากันไปบูชาเทียนพระประธาน
ใน วิหารโบสถ์เพื่อสืบชะตารับโชคและสะเดาะเคราะห์โดย
เทียนน้จะใช้ไส้เทียนเท่าอายุของตัวเองหรืออาจจะเผ่อไว้เล็ก
ื
ี
น้อยกระดาษสาที่เขียนคาถาวันเดื นปีเกิดของคน ๆ นั้นเมื่อ
กลับมาบ้านก็จะจุดบูชาพระพุทธรูปท่บ้านจุดประทีบหน้าบ้าน
ี
จุดดอกไม้ไฟปล่อยโคมลอย
5
ยี่เป็งเป็นภาษาล้านนาแยกได้สองคำาคือคำาว่ายี่ที่หมายถึงเดือน
ที่สองหรือเดือนยี่ตามที่คนล้านนาใช้เรียกเดือนพฤศจิกายน
ของทุกปีและคำาว่าเป็งที่หมายถึงพระจันทร์ในคืนวันเพ็ญโดย
ชาว ล้านนาจะเริ่มประเพณียี่เป็งตั้งแต่วันขึ้น 13 ค่ำาจะเป็นวัน
เตรียมข้าวของสำาหรับทำาบุญที่วัดในวันขึ้น 14 ค่ำาและในคืนวัน
ขึ้น 15 ค่ำาก็จะนำากระทงไปลอยในแม่น้ำา
6
่
ประเพณียีเป็ ง
ชาวล้านนา
ประเพณียี่เป็งของชาวล้านนานั้นอยู่บนรากฐานความเชื่อเดียวกับประเพณี
ลอยกระทงในภูมิภาคอื่นวัตถุประสงค์สำาคัญคือขอขมาแม่พระคงคาบูชาองค์
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของชาวล้านนา
5 7
การเฉลิมฉลองงาน ประเพณีลอยกระทงแบบล้านนานจะเป็นการประดับตกแต่ง
โคมตามบ้านเรือนจัดซุ้มประตูป่าหรือซุ้มประตูเข้าสู่ปรัมพิธีประกอบพิธีกรรม
ของหมู บ้านเข้าวัดทำาบุญทำาทานฟังเทศน์มหาชาติซึ่งจะต่างจากการฉลองของ
ภูมิภาคอื่นที่เน้นกิจกรรมยามค่ำาคืนเช่นการเผาเทียนเล่นไฟการลอยประทีบลอย
กระทง
งานประเพณีจะมีสามวันคือ
· วันขึ้นสิบสามค่ำา หรือ วันดา เป็นวันซื้อของเตรียมไปทำาบุญที่วัด
· วันขึ้นสิบสี่ค่ำา จะไปทำาบุญกันที่วัด พร้อมทำากระทงใหญ่ไว้ที่วัดและนำาของกิน
มาใส่กระทงเพื่อทำาทานให้แก่คนยากจน
· วันขึ้นสิบห้าค่ำา จะนำากระทงใหญ่ที่วัดและกระทงเล็กส่วนตัวไปลอยในลำาน้ำา
6 8
ประเพณี
ประเพณี
ลอยกระทง
ลอยกระทง
ลอยกระทง เป็นประเพณีเก่าแก่ที่สันนิษฐานกันว่าน่าจะได้รับอิทธิพลมา
จากพิธีตามประทีปหรือทีปาวลีของอินเดีย ซึ่งจะมีการลอยกระทงเพื่อ
บูชาเทพเจ้าทั้งสามของศาสนาพราหมณ์ คือ พระพรหม พระอิศวร และ
พระนารายณ์
ไทยได้รับเอาคติความเชื่อนี้เข้ามาปรับกับความเชื่อของท้องถิ่น เกิดเป็น
ประเพณีการลอยกระทง เพื่อขอขมาลาโทษพระแม่คงคาขึ้น ทั้งนี้เพราะ
ชาวไทยสมัยก่อนประกอบอาชีพเกี่ยวกับ การกสิกรรมซึ่งจะต้องอาศัยน้ำา
เป็นปัจจัยหลักในการเพาะปลูกพืชพันธุ์ธัญญาหาร
9
10
้
้
ตั ตังธรรมหลวง
งธรรมหลวง
การตั้งธรรมหลวง หรือ เทศน์มหาชาติ ในอดีตเป็นหัวใจหลักของ
งานยี่เป็ง โดยแบ่งการเทศน์เป็น วันแรกเทศน์ธรรมวัตร วันที่
สองเทศน์คาถาพัน ก่อนที่จะเทศน์มหาชาติก็จะเทศน์เรื่องอื่นไป
เรื่อย ๆ พอถึงวันสุดท้ายก็จะเทศน์ด้วยคัมภีร์ชื่อ มาลัยต้น มาลัย
ปลาย และ อานิสงส์มหาชาติ รุ่งขึ้นเวลาเช้ามืดก็จะเริ่มเทศน์
มหาชาติตั้งแต่กัณฑ์ทศพรเรื่อยไป จนครบทั้ง ๑๓ กัณฑ์ ซึ่งมัก
จะไปเสร็ฐเอาในเวลาทุ่มเศษ แล้วจะมีการเทศนธรรมพุทธาภิเษก
ปฐมสมโพธิ สวดมนต์เจ็ดตำานานย่อ ธัมมจักกัปปวัตนสูตร และ
สวดพุทธาภิเษก ปัจจุบันนิยมเทศน์จบภายในวันเดียว
11
โคม
โคม
่
่
ป็
ง
ยี ยีเป็ ง
เ
โคม
ล้านนา
โคม เป็นชื่อของเมืองโบราณในเชียงราย ชื่อว่า
“สุวรรณโคมคำา” โคม ใช้เป็นเครื่องสักการะและ
ใช้ส่องแสงสว่างอันเก่าแก่ของคนในภาคต่าง ๆ
ใช้กันทั่วทุกภาค แต่สำาเนียงจะแตกต่างกันไป
ภาคเหนือจะเรียกว่า “โกม”
12
โคมไฟล้านนา หรือโกมล้านนา เป็นงานหัตถกรรมพื้นเมืองจากภูมิปัญญา
ของบรรพบุรุษที่สืบอทอดต่อกันมา และได้ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นเพื่อให้คง
อยู่สืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบันในภาคเหนือ ด้วยเหตุที่การดำารงชีวิตผูกพัน
กับศาสนา การสร้างผลงานทางศิลปะจึงมีแรงบันดาลใจจากความศรัทธา
ปัจจุบันชาวล้านนานิยมนำามาใช้ในงานพิธีกรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะในงาน
ประเพณียี่เป็ง หรือ ประเพณีลอยกระทง นิยมจุดโคมค้าง หรือโคมที่ติด
แขวนไว้บนที่สูง ทำาด้วยไม้ไผ่และกระดาษ สร้างเป็นโคมทรงกลมหักมุม
เรียกว่า “โคมรังมดส้ม” ใช้ประดับตกแต่งมีเทียนและประทีปเพื่อเป็นการ
สักการะบูชาพระพุทธเจ้า ในคืนวันเพ็ญเดือนสิบสอง (ยี่เป็งล้านนา) และ
เชื่อว่าเป็นการบวงสรวงพระเกษแก้วจุฬามณีบนสรวงสวรรค์ ซึ่งถือว่าเมื่อได้
กระทำาเช่นนี้แล้ว แสงประทีปจากโคมจะช่วงส่งประกายให้การดำาเนินชีวิต
เจริญรุ่งเรือนอยู่เย็นเป็นสุข ชาวล้านนาจึงนิยมปล่อยโคมไฟขึ้นฟ้าและจุด
ประทีปตามบ้านเรือน
13
โคมลอย
โคมลอย
เอาไว้ทำาอะไร?
เอาไว้ทำ า อะไร?
โคมลอย เป็นชื่อเครื่องตามไฟชนิดหนึ่งที่จุดไฟแล้วปล่อยให้
ลอยไปในอากาศ เป็นบอลลูนลมร้อนขนาดเล็กอย่างหนึ่ง มัก
ทำาจากไม้ไผ่ตั้งเป็นโครงติดกระดาษสาทาน้ำามัน ข้างในใส่
เทียนหรือเชื้อเพลิงแล้วจุด ความร้อนจะก่ออากาศภายในโคม
โคมจึงเบาขึ้นจนค่อย ๆ ลอยไปในอากาศ
เพราะฉะนั้น โคมลอยจึงลอยได้เท่าที่เพลิงยังไม่มอด เมื่อมอด
แล้วก็ตกลงสู่พื้นโลกดังเดิม ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำาคัญอย่าง
หนึ่งในประเพณียี่เป็ง และ ลอยกระทง
14
คำาว่า “โคมลอย” นี้แปลได้ง่ายๆ ว่าเครื่องใช้ที่ให้กำาเนิดแสงสว่างลอยตัว
อยู่ ซึ่ง “โคม”ที่ประดิษฐ์ขึ้นนี้ อาจลอยอยู่ได้ทั้งในน้ำาและในท้องฟ้าก็ได้ทั้ง
สองกรณี
15
โคม
โคม
แขวน
แขวน
โคมแขวน เป็น โคมบูชาพระ
มีหลายรูปแบบ รูปทรง เช่น โคมบาตร
พระโคมดาวโคมตะกร้า โคมต้องห้อยพู่
โคมพระอาทิตย์โคมธรรมจักร ซึ่งหมายถึง
“ความแจ้งในธรรม” จะใช้ในงานยี่เป็งหรือวันตั้ง
ธรรมมหาชาติเวสสันดรชาดก ใช้แขวนไว้ในโบสถ์
บนศาลาในวิหาร หรือทำาค้างไม้ไผ่ทำาชักรอกแขวน
ข้างโบสถ์ วิหารเป็นพุทธบูชาสวยงาม สว่างไสว
หรือใช้ตกแต่งบ้านเรือน เพื่อบูชาเทพารักษ์
16
โคมแขวน หรือ โคมค้าง ได้แก่ โคมที่ใช้แขวนบนหลัก หรือตามขื่อในวิหาร หรือ
โบสถ์มีรูปร่างต่างๆ แล้วแต่จะทำากันผู้ที่นิยม ทำากันมากคือ พระภิกษุสามเณร จะ
แข่งขันกันว่าใครจะทำาสวยกว่า
17
การทำาว่าว
ไฟ หรือ โคม
ว่าวไฟหรือปัจจุบันนิยมเรียก โคมไฟ เป็นว่าวทรงกระบอก มักใช้ปล่อย
ให้ลอยขึ้นสู่อากาศในช่วงกลางคืน วิธีการทำา ใช้หลักการเดียวกันกับ
การทำาว่าวฮม แต่ใช้กระดาษน้อยกว่า เช่น ใช้ ๑๒ แผ่น ติดกาวต่อกัน
เป็นทรงกระบอก ด้านบนใช้กระดาษ ๒ แผ่นติดกาวตัดเป็นวงกลม
ส่วนปากใช้ไม้ไผ่เหลาขนาดประมาณ ๑ เซนติเมตร กว้างประมาณ
๑.๕๐ เมตร ขดเป็นวงกลมเท่ากับขนาดปากของโคมไฟ ติดกาวยึดติด
กับกระดาษว่าวส่วนปากโคม เมื่อกาวแห้งติดกันดีแล้ว ให้ใช้ลวด ๒ เส้น
มาผูกติดโครงไม้ไผ่ครึ่งวงกลมทั้งสองข้างเป็นกากบาท เพื่อใช้สำาหรับติด
ขี้ย้า คือชันที่หล่อให้เป็นทรงกระบอก จึงเรียกว่า หมงขี้ย้า
18
การแบ่ง
การแบ่ง
โคมไฟ
โคมไฟ
ตามวัฒนธรรมของล้านนาจะแบ่งโคมไฟออกเป็น 4 แบบ คือ “โคม
ติ้ว” หรือ โคมไฟเล็กที่ห้อยอยู่กับซีกไม้ไผ่ซึ่งผู้คนจะถือไปในขบวนแห่
และนำาไปแขวนไว้ที่วัด แบบที่สองเรียก “โคมแขวน” ที่ใช้แขวนบูชา
พระพุทธรูปแบบด้วยกันเช่น รูปดาว รูปตะกร้า โดยปกติจะใช้แขวน
ตามวัดหรือตามหิ้งพระก็ได้แบบที่สามเรียก “โคมพัด” ทำาด้วยกระดาษ
สาเป็นรูปกรวยสองอันพันรองแกนเดียวกันด้านนอกจะไม่มีลวดลาย
อะไรส่วนด้านในจะตัดแต่งเป็นรูปทรงต่าง ๆ
19
การล่องสะเปา
การล่องสะเปา
ในอดีตชาวล้านนาไม่นิยมลอยกระทง แต่นิยมล่องสะเปา หรือ
ไหลเรือสำาเภา นิยมทำาสะเปากันที่วัด โดยชาวบ้านช่วยกันทำาสะ
เปาเป็นรูปเรือลำาใหญ่ วางบนแพไม้ไผ่ และ นำาสะตวง
20
พร้อมด้วยข้าวของต่างๆ หม้อ ไห เสื้อผ้า
เครื่องนุ่งห่ม เครื่องอุปโภค บริโภคต่างๆ ใส่ลงไป
ในสะเปา ในช่วงหัวค่ำาของวันยี่เป็ง จึงพากันหาม
สะเปา พร้อมแห่ด้วยฆ้องกลองจากวัดไปลอยที่
แม่น้ำา และทำาพิธีเวนทานที่ท่าน้ำาก่อนปล่อยสะ
เปาลอยลงไป ขณะที่สะเปาลอยไปได้ระยะหนึ่ง
จะมีคนยากจนคอยดักรอสะเปากลางแม่น้ำา เพื่อ
ำ
นาเอาของอุปโภคต่างๆมาใช้อุปโภคและบริโภค
จึงเป็นการบริจาคทานแบบหนึ่ง
21
ผางประทีส
ผางประทีส
ผางประทีส หรือผางประทีป คือภาชนะดินเผา
ื
ตรงกลางมีลักษณะเป็นหลุมลงไปไม่ลึกมากเพ่อให ้
ำ
ี
เพียงพอต่อการใส่ไส้เทียนท่ทามาจากฝ้ายและข ี ้
ผึ้ง เป็นสัญลักษณ์สำาคัญ ที่แสดงให้เห็นว่า เข้าสู่ช่วง
ประเพณีลอยกระทง หรือ เทศกาลยี่เป็งของจังหวัด
เชียงใหม่ ผางประทีป ถือได้ว่าเป็นการสักการบูชาใน
พระพุทธศาสนา เป็นเอกลักษณ์ทางภูมิปัญญาท้องถิ่น
ำ
แสงท่สว่างไสวของประทีปมีความเช่อว่าจะทาให้มีสต ิ
ื
ี
ปัญญาเฉลียวฉลาด มีแสงสว่างนำาทางชีวิตให้โชติช่วง
ชัชวาลแก่ผู้บูชาดั่งแสงจากผางประทีป
22
23