The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

โครงสร้างและแผนการสอน วิชาประวัติศาสตร์ ป.4 เทอม 1-63

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by จิรพงศ์ ไมตรีจิตร, 2020-06-11 10:08:26

โครงสร้างและแผนการสอน วิชาประวัติศาสตร์ ป.4 เทอม 1-63

โครงสร้างและแผนการสอน วิชาประวัติศาสตร์ ป.4 เทอม 1-63

โครงสรา้ งรายวชิ า ประวัติศาสตร์

ระดับชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 4 ภาคเรียนที่ 1/........................... เวลา 20 ช่วั โมง

หนว่ ย ชื่อหน่วยการ มาตรฐานการเรียนรู้ สาระสำคัญ เวลา น้ำหนกั
ท่ี เรียนรู้ /เรือ่ ง ตวั ชี้วัด (ชัว่ โมง) คะแนน
1 การนับชว่ งเวลา
เปน็ ทศวรษ มาตรฐานท่ี ส 4.1 การนับช่วงเวลาเป็น 6 15
ศตวรรษ และ
สหัสวรรษ เข้าใจความหมาย ทศวรรษ ศตวรรษและ (ส.1-6)

1 ยคุ สมยั ใน ความสำคญั ของเวลาและยคุ สหั สวรรษ เป็นการนั บ
การศกึ ษา
ประวตั ิศาสตร์ สมยั ทางประวัตศิ าสตร์ ช่วงเวลาโดยแบ่งเป็น10ปี

สามารถใชว้ ิธกี ารทาง 100ปี 1000ปี เพื่ อให้

ประวัตศิ าสตรม์ าวิเคราะห์ เกิดความสะดวกในการ

เหตุการณ์ต่างๆอยา่ งเปน็ นบั ช่วงเวลา

ระบบ

ตัวชว้ี ดั ที่ ป. 4/1

นับช่วงเวลาเป็นทศวรรษ

ศตวรรษ และสหสั วรรษ

มาตรฐานที่ ส 4.1 การแบ่งยุคสมยั ทาง 4 20

เขา้ ใจความหมาย ประวตั ศิ าสตรแ์ บ่ง (ส.7-10)

ความสำคัญของเวลาและยคุ ออกเปน็ 2สมัยคือ

สมัยทางประวตั ิศาสตร์ สมัยกอ่ นประวตั ศิ าสตร์

สามารถใชว้ ธิ กี ารทาง และสมยั ประวตั ิศาสตร์

ประวัติศาสตรม์ าวิเคราะห์

เหตกุ ารณต์ ่างๆอยา่ งเปน็

ระบบ

ตวั ช้ีวดั ที่ ป. 4/2

อธิบายยุคสมยั ในการศกึ ษา

ประวตั ิของมนุษยชาติ

โดยสังเขป

สอบกลางภาคเรียนท่ี1/........................... 10

โครงสรา้ งรายวชิ า ประวตั ศิ าสตร์

ระดบั ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรยี นที่ 1/.......................... เวลา 20 ชวั่ โมง

หน่วย ช่ือหน่วยการ มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระสำคัญ เวลา น้ำหนกั
ท่ี เรียนรู้ /เร่อื ง ตวั ช้วี ัด (ชว่ั โมง) คะแนน
2 ยุคสมัยใน
การศกึ ษา มาตรฐานท่ี ส 4.1 ยคุ สมัยท่ีใชใ้ น 35
ประวตั ศิ าสตร์
เขา้ ใจความหมาย การศึกษาประวัตศิ าสตร์ (ส.11-13)
2 หลักฐานทาง
ประวัตศิ าสตร์ ความสำคัญของเวลาและยคุ ไทยแบง่ ออก

สมัยทางประวตั ิศาสตร์ เป็นสมัยก่อนสุโขทัย สมยั

สามารถใช้วธิ กี ารทาง สุโขทยั สมยั อยุธยา สมยั

ประวัตศิ าสตรม์ าวเิ คราะห์ ธนบรุ ี สมยั รตั นโกสินทร์

เหตกุ ารณ์ต่างๆอยา่ งเป็น

ระบบ

ตัวช้ีวดั ที่ ป. 4/2

อธิบายยคุ สมยั ในการศกึ ษา

ประวตั ิของมนุษยชาติ

โดยสังเขป

มาตรฐานท่ี ส 4.1 การศกึ ษาเรอื่ งราว 2 10

เขา้ ใจความหมาย เกี่ยว (ส.14-15)

ความสำคัญของเวลาและยคุ กับประวัตศิ าสตร์

สมัยทางประวัตศิ าสตร์ จำเปน็ ตอ้ งศกึ ษาจาก

สามารถใช้วธิ กี ารทาง หลักฐานทาง

ประวัตศิ าสตรม์ าวเิ คราะห์ ประวตั ศิ าสตรจ์ ากแหลง่

เหตุการณ์ตา่ งๆอย่างเป็น ข้อมูลตา่ งๆหรอื จากหลัก

ระบบ ฐานชั้นตน้ และหลักฐานช้ัน

ตวั ชี้วัดที่ ป. 4/3 รองเพอื่ ใหข้ อ้ มูลที่ไดม้ ี

แยกแยะประเภทหลักฐานที่ ความถูกต้อง

ใชใ้ นการศึกษาความเป็นมา

ของท้องถ่นิ

โครงสร้างรายวชิ า ประวตั ิศาสตร์

ระดบั ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 4 ภาคเรียนท่ี 1/.......................... เวลา 20 ชัว่ โมง

หนว่ ย ชื่อหน่วยการ มาตรฐานการเรียนรู้ สาระสำคัญ เวลา น้ำหนกั
ท่ี เรียนรู้ /เรื่อง ตัวชว้ี ดั (ช่วั โมง) คะแนน

3 พฒั นาการของ มาตรฐานที่ ส 4.1 ดนิ แดนไทยเป็น 5 20
มนุษย์ในดินแดน
ไทย เขา้ ใจพฒั นาการของ ดนิ แดนที่มนุษยอ์ าศยั อยู่ (ส.16-20)

มนุษยชาตจิ ากอดตี จนถงึ มายาวนานการตงั้ ถ่ิน

ปัจจบุ นั ในดา้ นความสัมพนั ธ์ ฐานและการดำเนนิ ชีวิต

และการเปล่ียนแปลงของ ของมนุษยใ์ นอดีตจะ

เหตกุ ารณ์อยา่ งต่อเน่ือง เคล่อื น

ตระหนักถึงความสำคัญและ ยา้ ยไปตามแหล่งอาหาร

สามารถวิเคราะหผ์ ลกระทบ จนพฒั นามาเปน็ การตั้ง

ที่เกิดขึน้ ถ่ินฐานอาศัยอยู่รวมกัน

ตวั ชี้วดั ที่ ป. 4/1 เปน็ ชุมชนขนาดใหญ่

อธิบายการตั้งหลักแหลง่ และ และเป็นอาณาจกั ไทยที่

พัฒนาการของมนษุ ย์ยุค สบื ทอดมาจนถึงปัจจุบนั

กอ่ นประวัติศาสตร์และยคุ

ประวัตศิ าสตรโ์ ดยสังเขป

สอบปลายภาคเรียนที่1/.......................... 20

รวม 20 100

สัปดาหท์ ่ี 1-2

โรงเรียนขจรเกียรติพัฒนา

แผนการจดั การเรยี นรู้

ภาคเรียนที่ 1/................... ช่ือผสู้ อน.................................................

กลุ่มสาระการเรยี นรู้ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 4 จำนวน

2 คาบ

1. หมานต่วรยฐกานารกเารรยีเรนยี รนูท้ ร/ู้ี่ 1ตวั ชวี้ ัด เร่ือง การนบั ชว่ งเวลาเป็นทศวรรษ

มาตรฐานท่ี ส 4.1
เข้าใจความหมายความสำคัญของเวลาและยุคสมัยทางประวตั ศิ าสตร์สามารถใชว้ ธิ กี ารทางประวัติศาสตร์มาวิเคราะห์
เหตุการณต์ ่างๆอยา่ งเป็นระบบ
ตัวชวี้ ดั ที่ ป. 4/1

นับช่วงเวลาเปน็ ทศวรรษ ศตวรรษ และสหสั วรรษ

2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด

การนับชว่ งเวลาเป็นทศวรรษ ศตวรรษและสหสั วรรษเปน็ การนับช่วงเวลาโดยแบง่ เปน็ 10ปี 100ปี 1000ปี เพอื่ ใหเ้ กิด
ความสะดวกในการนับช่วงเวลา

3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

1) นบั ชว่ งเวลาเปน็ ทศวรรษได้ (K)
2) นกั เรยี นใชท้ กั ษะการจำแนกชว่ งเวลาเป็นทศวรรษ (P)
3) ผู้เรยี นมคี วามใฝ่รู้ ใฝเ่ รยี นม่งุ มน่ั ในการทำงาน (A)

4. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรียนรทู้ ้องถิ่น

สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง พจิ ารณาตามหลักสตู รของสถานศกึ ษา

1) ความหมายและชว่ งเวลาของทศวรรษ
2) การใชท้ ศวรรษ เพื่อทำความเขา้ ใจ

ชว่ งเวลาที่ปรากฏในเอกสารต่างๆ เชน่
หนงั สือพมิ พ์

5. กิจกรรมการเรียนรู้
คาบท่ี1

1. ครูนำภาพเหตุการณต์ ่างๆ ในโรงเรียน มาติดไว้ทปี่ ้ายนเิ ทศหรอื บอรด์ หนา้ หอ้ งเรียน เชน่
- ภาพพิธีการเปิดอาคารเรียน
- ภาพการก่อสร้างอาคารเรยี นหลงั แรกและอาคารอน่ื ๆ
- ภาพนกั เรยี นช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 6 กำลังรบั ประกาศนยี บตั ร
- ภาพนักเรยี นช้นั อนบุ าลหรอื เด็กเลก็ กำลงั เดินเข้าโรงเรียน

2. ครูให้นกั เรยี นช่วยกนั เรียงภาพ วา่ ภาพใดเกิดกอ่ นและภาพใด เกิดทหี ลงั ตามลำดบั พรอ้ มให้ช่วยกันอธิบายเหตผุ ล

ครูอธิบายเช่ือมโยงใหน้ ักเรยี นเห็นความสำคัญของเวลากับการดำเนนิ ชีวิต

3. ครแู บ่งนักเรียนเปน็ กลุ่ม กลมุ่ ละ 4 คน คละกันตามความสามารถ ครูช้แี จงใหน้ ักเรียนเห็นความสำคัญและปฏบิ ตั ติ นตาม
กติกาของการเรยี นรู้ และการทำงานรว่ มกนั ในกลุม่ คอื
1) มีการชว่ ยเหลอื กนั
2) มคี วามรับผดิ ชอบในหนา้ ที่
3) ทกุ คนมบี ทบาทเท่าเทียมกนั
4) ทุกคนมปี ฏิสมั พนั ธท์ ่ีดตี ่อกนั อย่างต่อเนอื่ ง

4. ครใู ห้สมาชิกแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั ศึกษาความร้เู ร่อื ง ทศวรรษในหวั ข้อ ความหมาย และตัวอยา่ งการใชท้ ศวรรษ จากหนังสอื
เรยี น แลว้ บนั ทกึ ความร้ทู ่ไี ดจ้ ากการศึกษาลงในแบบบนั ทึกการอา่ น ครูอธิบายความรู้เพม่ิ เติมเพือ่ ความกระจา่ งชัดเจน

คาบที่2

1. สมาชกิ แต่ละคนคิดตวั อยา่ งเรอ่ื งราวหรอื เหตกุ ารณท์ นี่ ักเรียนมคี วามประทบั ใจในช่วงเวลา 1 ทศวรรษ
2. สมาชิกแต่ละคนในกลุ่มผลัดกนั เล่าตัวอยา่ งเหตกุ ารณ์ภายใน 1 ทศวรรษ โดยเลา่ เร่ืองแบบเล่าเรอื่ งรอบวงทีละคน แลว้ ให้

แตล่ ะกล่มุ ช่วยกนั เลือกตัวอย่างทเ่ี หมาะสม
3. ตวั แทนกลมุ่ ผลดั กันออกมานำเสนอผลงานทห่ี นา้ หอ้ งเรยี นโดยมีครูตรวจสอบความถกู ตอ้ ง
4. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ รว่ มมือกนั ทำใบงานท่ี 1.1 เรอ่ื ง เวลากบั ทศวรรษ โดยตอบคำถามคนละ 1 ขอ้ แลว้ นำมาเลา่ สกู่ นั ฟงั

โดยเรยี งตามลำดบั จากข้อ 1-4 แบบเล่าเรอ่ื งรอบวง พรอ้ มทั้งอธิบายเหตผุ ลว่าทำไมจงึ ตอบเชน่ นน้ั
5. ครเู ฉลยคำตอบในใบงานท่ี 1.1 สมาชกิ แตล่ ะกลมุ่ ชว่ ยกนั ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง และแก้ไขในส่วนที่บกพรอ่ ง

นกั เรยี นตอบคำถามกระตนุ้ ความคดิ

6. ครแู ละนกั เรียนช่วยกนั สรปุ ความหมายและความสำคญั ของ การนบั เวลาเป็นทศวรรษนกั เรยี นตอบคำถามกระตนุ้
ความคดิ

6. การวัดและประเมินผล

การวัดและประเมินผล วธิ กี ารวัดผล เครอ่ื งมือวัด เกณฑก์ ารประเมนิ ผล
จดุ ประสงค์
1.คำถามกระตุ้น 70% ข้นึ ไป ถอื ว่าผา่ น
ความรูค้ วาม 1. นับช่วงเวลาเปน็ ทศวรรษได้ ความคิด เกณฑ์การประเมิน
1. ใบงานที่ 1.1 เร่ือง 70% ขน้ึ ไป ถอื ว่าผา่ น
เขา้ ใจ (K) เวลากับทศวรรษ เกณฑ์การประเมิน

ทักษะ/ 1.จำแนกช่วงเวลาเป็นทศวรรษ 1. แบบสังเกต 70% ขน้ึ ไป ถอื ว่าผ่าน
พฤติกรรม เกณฑ์การประเมิน
กระบวนการ (P)

คุณลกั ษณะนสิ ัย (A) 1. สงั เกตจากการเรียนมคี วาม
รบั ผดิ ชอบต่องานท่ีสงั่ และส่งงานได้
ทันตามทกี่ ำหนด
2. สังเกตจากการเรียนใฝ่เรยี นรู้
3. สังเกตจากการม่งุ มั่นในการทำงาน

7. สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้
7.1 สื่อการเรยี นรู้

1) หนงั สือเรียน พระพทุ ธศาสนา ป.4
2) บตั รภาพ เหตกุ ารณ์ต่างๆ ในโรงเรยี น
3) ใบงานที่ 1.1 เรือ่ ง เวลากบั ทศวรรษ

7.2แหล่งการเรียนรู้
-

8. กจิ กรรมเสนอแนะ
............................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................

ลงช่ือ............................................ครูผู้สอน ลงชอ่ื ...................................................ฝา่ ยวชิ าการ
(................................................) (......................................................)

ลงชือ่ ................................................... ผบู้ ริหาร
(...........................................................)

บตั รภาพ เหตกุ ารณ์ต่างๆ ในโรงเรียน



ภาพที่ 1 ภาพท่ี 2

ภาพท่ี 3 ภาพที่ 4

ใบงานท่ี 1.1 เรื่องเวลากบั ทศวรรษ

คำช้แี จง ใหน้ กั เรยี นอา่ นเรอ่ื ง หมู่บ้านแสงตะวนั แลว้ ตอบคำถาม

หมบู่ า้ นแสงตะวัน
หม่บู า้ นแสงตะวันเป็นหมบู่ า้ นเก่าแก่ทีเ่ รม่ิ ก่อสร้างมานานประมาณ 60 ปี มาแล้ว ตาชมุ่ ซึง่ เปน็ ผูท้ ่ี
มอี ายุมากทสี่ ุดในหมูบ่ า้ นจะชอบเลา่ เหตกุ ารณส์ มัยทย่ี งั เปน็ เดก็ ว่า พ่อแมข่ องตาชุ่มพาตาชมุ่ อพยพมาจาก
หมบู่ ้านอื่นพร้อมกบั เพอ่ื นอีกหลายคน ทกุ คนชว่ ยกันสร้างบ้านหลายหลงั จนกลายเปน็ หมู่บ้านเลก็ ๆ ต่อมา
อกี ประมาณ 10 ปี ก็ช่วยกันสร้างวัดและนิมนตพ์ ระสงฆ์ผู้ทรงคุณธรรมมาเปน็ เจ้าอาวาส ต่อมาอกี 20 ปี
ทางราชการก็สร้างโรงเรยี นระดบั ประถมศกึ ษาให้ ต่อมาอกี 20 ปี ก็มีถนนลาดยางผ่านหน้าหมบู่ า้ น
มนี ำ้ ประปา ไฟฟา้ ปจั จบุ นั น้ีมีตลาดในหมบู่ า้ น เป็นศนู ยร์ วมของชาวบ้านแสงตะวนั

คำถาม
1. หมบู่ ้านแสงตะวันเรมิ่ กอ่ ตง้ั มาประมาณกท่ี ศวรรษ

2. การสร้างวดั ในหมูบ่ ้านแสงตะวนั ใช้เวลาก่ีทศวรรษ หลังจากกอ่ สร้างหมบู่ ้าน

3. มีการสร้างโรงเรยี นหลังจากกอ่ สร้างหมู่บา้ นกี่ทศวรรษ

4. มีการสร้างถนนลาดยางผา่ นหน้าหมบู่ า้ นหลงั จากก่อสร้างหมบู่ ้านกที่ ศวรรษ

ใบงานที่ 1.1 เรอื่ ง เวลากับทศวรรษ เฉลย

คำชแี้ จง ใหน้ กั เรยี นอ่านเร่ือง หมู่บ้านแสงตะวัน แลว้ ตอบคำถาม

หมบู่ า้ นแสงตะวัน

หมู่บ้านแสงตะวันเป็นหมู่บา้ นเก่าแกท่ เี่ รม่ิ ก่อสร้างมานานประมาณ 60 ปี มาแลว้ ตาชุ่มซ่งึ เป็นผ้ทู ี่
มอี ายมุ ากทีส่ ุดในหมู่บ้านจะชอบเล่าเหตุการณ์สมัยที่ยงั เป็นเดก็ ว่า พ่อแมข่ องตาชุ่มพาตาชุ่มอพยพมาจาก
หมู่บา้ นอื่นพรอ้ มกบั เพอ่ื นอีกหลายคน ทกุ คนชว่ ยกนั สร้างบ้านหลายหลังจนกลายเป็นหมบู่ ้านเลก็ ๆ ต่อมา
อกี ประมาณ 10 ปี กช็ ว่ ยกันสรา้ งวัดและนมิ นต์พระสงฆ์ผู้ทรงคุณธรรมมาเปน็ เจ้าอาวาส ตอ่ มาอีก 20 ปี
ทางราชการก็สร้างโรงเรียนระดบั ประถมศึกษาให้ ตอ่ มาอกี 20 ปี ก็มถี นนลาดยางผา่ นหน้าหมูบ่ า้ น
มีนำ้ ประปา ไฟฟา้ ปจั จบุ ันน้ีมีตลาดในหมู่บ้าน เป็นศนู ยร์ วมของชาวบ้านแสงตะวัน

คำถาม
1. หมบู่ ้านแสงตะวันเรมิ่ ก่อตัง้ มาประมาณกี่ทศวรรษ
ประมาณ 6 ทศวรรษ

2. การสรา้ งวดั ในหม่บู ้านแสงตะวนั ใชเ้ วลากท่ี ศวรรษ หลงั จากกอ่ สรา้ งหมูบ่ า้ น
1 ทศวรรษ

3. มีการสร้างโรงเรยี นหลังจากกอ่ สรา้ งหมู่บา้ นก่ีทศวรรษ
3 ทศวรรษ

4. มกี ารสร้างถนนลาดยางผา่ นหนา้ หมบู่ ้านหลังจากกอ่ สรา้ งหมบู่ ้านกี่ทศวรรษ
5 ทศวรรษ

สัปดาห์ท่ี 3-4

โรงเรยี นขจรเกยี รตพิ ฒั นา

แผนการจัดการเรียนรู้

ภาคเรยี นที่ 1/................... ชอ่ื ผู้สอน.................................................

กลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 4 จำนวน

2 คาบ

1. หมานตว่ รยฐกานารกเารรียเรนียรนทู้ รู้/ี่ 1ตวั ช้ีวัด เรอ่ื ง การนับช่วงเวลาเปน็ ศตวรรษ

มาตรฐานที่ ส 4.1
เข้าใจความหมายความสำคัญของเวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ สามารถใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์มาวิเคราะห์
เหตกุ ารณต์ ่างๆอย่างเป็นระบบ
ตัวชี้วดั ท่ี ป. 4/1
นับช่วงเวลาเปน็ ทศวรรษ ศตวรรษ และสหสั วรรษ

2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด

การนบั ช่วงเวลาเปน็ ทศวรรษ ศตวรรษและสหัสวรรษเป็นการนับชว่ งเวลาโดยแบ่งเป็น 10ปี 100ปี 1000ปี เพ่อื ใหเ้ กิด

ความสะดวกในการนับชว่ งเวลา

3. จุดประสงค์การเรียนรู้

1) นบั ช่วงเวลาเปน็ ศตวรรษได้ (K)
2) นกั เรยี นใชท้ กั ษะการจำแนกชว่ งเวลาเป็นศตวรรษ (P)
3) ผูเ้ รียนมคี วามใฝร่ ู้ ใฝเ่ รยี นม่งุ มน่ั ในการทำงาน (A)

4. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้ท้องถิน่

สาระการเรยี นร้แู กนกลาง พจิ ารณาตามหลกั สตู รของสถานศึกษา

3) ความหมายและช่วงเวลาของศตวรรษ
4) การใชศ้ ตวรรษ เพอ่ื ทำความเขา้ ใจ

ชว่ งเวลาทปี่ รากฏในเอกสารตา่ งๆ เช่น
หนังสือพมิ พ์

5. กิจกรรมการเรยี นรู้
คาบที่1

1. ครทู บทวนความร้ขู องนกั เรยี นโดยให้นักเรยี นช่วยกนั เล่าเหตกุ ารณส์ ำคัญ หรอื กิจกรรมสำคญั ของโรงเรียนในชว่ ง
ศตวรรษนี้ แลว้ ช่วยกันเรยี งลำดบั เหตุการณ์ นกั เรียนตอบคำถามกระตุ้นความคดิ

2. นกั เรยี นกลมุ่ เดมิ (จากแผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 1) ช่วยกันศกึ ษาความรูเ้ รือ่ ง ศตวรรษ ในหัวขอ้ ความหมาย และตัวอย่าง
การใช้ศตวรรษ จากหนังสือเรียน และหนังสอื คน้ ควา้ เพิ่มเติม แล้วบันทกึ ความรทู้ ไี่ ดจ้ ากการศกึ ษาลงใบแบบบันทกึ การ
อ่าน

3. สมาชกิ แตล่ ะคนในกล่มุ ชว่ ยกนั อธิบายความร้คู วามเข้าใจ (จากเรอ่ื งทศ่ี ึกษา ตามหัวข้อทคี่ รกู ำหนด)

4. สมาชิกแต่ละคนในกลุ่มนำความร้ทู ีไ่ ดจ้ ากการศกึ ษามาเป็นพ้นื ฐานในการทำใบงานท่ี 2.1 เร่ือง การใชศ้ ตวรรษ
และตรวจสอบความถกู ต้องนักเรียนตอบคำถามกระตนุ้ ความคดิ

คาบท่ี2

1. สมาชกิ แตล่ ะคนในกลุ่มผลัดกนั อธิบายคำตอบในใบงานที่ 2.1 ของตนใหเ้ พื่อนฟงั โดยหมนุ เวยี นกนั เฉลยทีละขอ้ จนครบ
ทกุ คน และครเู ฉลยคำตอบในใบงานท่ี 2.1

2. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกนั สรปุ และบนั ทกึ ความรทู้ ไ่ี ดร้ บั เกย่ี วกบั ศตวรรษ ในหวั ข้อทค่ี รกู ำหนด ดงั น้ี
- ความหมายของศตวรรษ
- ความสำคญั ของการใช้ศตวรรษ
- ตัวอย่างการใช้ศตวรรษ

3. ตวั แทนกลุ่มออกมานำเสนอผลงานทห่ี นา้ หอ้ งเรียน โดยมคี รู ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง
4. ครูมอบหมายให้นักเรียนแต่ละคนหาข้อความหรือเหตุการณ์ เก่ยี วกับการนบั ศตวรรษ คนละ 1 ข้อความ จากหนังสือ

เรยี น หนังสอื ค้นคว้าเพิ่มเติม และหอ้ งสมดุ นำมาวเิ คราะห์ แล้วบรรยายใตข้ อ้ ความที่แสดงถงึ การนับศตวรรษสง่ ครู
5. นกั เรยี นตอบคำถามกระตนุ้ ความคดิ

6. การวดั และประเมินผล

การวัดและประเมนิ ผล วธิ ีการวัดผล เครอื่ งมือวัด เกณฑก์ ารประเมินผล
จดุ ประสงค์
1.คำถามกระตุ้น 70% ขนึ้ ไป ถอื วา่ ผา่ นเกณฑ์
ความรคู้ วาม 1. นับช่วงเวลาเป็นศตวรรษได้ ความคิด การประเมนิ
1. ใบงานที่ 2.1 ใบ 70% ขึ้นไป ถอื ว่าผ่านเกณฑ์
เขา้ ใจ (K) เรือ่ ง การใช้ การประเมิน
ศตวรรษ
ทักษะ/ 1. ใชท้ ักษะการจำแนกชว่ งเวลาเป็น

กระบวนการ (P) ศตวรรษ

คณุ ลักษณะนิสยั (A) 1. สงั เกตจากการเรียนมคี วาม 1. แบบสงั เกต 70% ข้นึ ไป ถอื ว่าผา่ นเกณฑ์
รบั ผิดชอบตอ่ งานท่สี ัง่ และส่งงานได้ พฤตกิ รรม การประเมิน
ทันตามท่ีกำหนด
2. สังเกตจากการเรียนใฝเ่ รยี นรู้
3. สังเกตจากการมงุ่ มั่นในการทำงาน

7. สือ่ /แหล่งการเรียนรู้
7.1 สอ่ื การเรยี นรู้

1) หนังสอื เรียน พระพทุ ธศาสนา ป.4
2) บตั รภาพ เหตกุ ารณ์ตา่ งๆ ในโรงเรยี น
3) ใบงานท่ี 2.1 ใบ เร่อื ง การใชศ้ ตวรรษ

7.2แหล่งการเรียนรู้
-

8. กจิ กรรมเสนอแนะ
............................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................

ลงชอื่ ............................................ครูผู้สอน ลงชอ่ื ...................................................ฝา่ ยวิชาการ

(....................................................) (....................................................)

ลงช่ือ................................................... ผบู้ ริหาร
(........................................................)

ใบงานท่ี 2.1 เร่อื ง การใชศ้ ตวรรษ

ตอนที่ 1
คำชี้แจง ให้นักเรยี นบอกช่วงเวลาในเหตกุ ารณ์ท่กี ำหนดให้

เหตุการณท์ ีก่ ำหนดให้ ชว่ งเวลากป่ี ี
1. กรุงรตั นโกสินทรม์ ีอายุยืนยาวกว่า 2 ศตวรรษแลว้
2. ศตวรรษหนา้ ทกุ ครอบครวั จะมีคอมพวิ เตอร์
3. กรงุ สุโขทัยเป็นราชธานีของไทย ประมาณ 2 ศตวรรษ
4. กรุงศรอี ยธุ ยาเป็นราชธานีของไทย ประมาณ 4 ศตวรรษ

ตอนที่ 2
คำชี้แจง ให้นักเรียนอ่านข้อความ แล้วตอบคำถาม

ขอ้ ความท่ี 1
พอ่ ขุนรามคำแหงมหาราช ทรงประดิษฐ์อักษรไทย เมอื่ พ.ศ. 1826 เพ่ือใชส้ ่ือสารให้เกิดความเข้าใจในหมู่
คนไทยดว้ ยกัน สมเด็จพระเจา้ ตากสินมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้จดั ทำสมดุ ภาพไตรภมู ิซ่ึงมีเนอ้ื หาเก่ยี วกับโลก
ทัง้ 3 คอื สวรรคภ์ มู ิ มนษุ ยภูมิ และนรกภมู ิ เมอ่ื พ.ศ. 2319

คำถาม
1. พ่อขนุ รามคำแหงมหาราช ทรงประดิษฐอ์ ักษรไทยในพุทธศตวรรษท่ีเทา่ ไร

2. ช่วงเวลาทพ่ี ่อขุนรามคำแหงมหาราชทรงประดิษฐ์อักษรไทยจนถงึ ปัจจุบนั เป็นเวลากศี่ ตวรรษ

3. สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชโปรดเกลา้ ฯ ใหจ้ ดั ทำสมดุ ภาพไตรภมู ิในพุทธศตวรรษทเี่ ทา่ ไร

4. ระยะเวลาทีส่ มเดจ็ พระเจา้ ตากสินมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้จดั ทำสมดุ ภาพไตรภมู หิ ่างจากการประดิษฐอ์ ักษรไทย ก่ี
ศตวรรษ

5. การประดษิ ฐ์อกั ษรไทยกับการจดั ทำสมุดภาพไตรภมู ินั้น เหตกุ ารณใ์ ดเกิดภายหลงั

ขอ้ ความท่ี 2
สหภาพโซเวียตประสบความสำเร็จในการสง่ ดาวเทียมดวงแรกของโลกไปโคจรรอบโลกได้สำเร็จ
เมือ่ วันท่ี 4 ตลุ าคม ค.ศ. 1957 แต่นกั บนิ อวกาศชื่ออาร์มสตรอง ชาวอเมริกันเปน็ มนุษยค์ นแรกท่กี ้าวเหยยี บ
ดวงจันทร์ โดยยานอวกาศชือ่ อพอลโล ในวันท่ี 20 กรกฎาคม ค.ศ. 1969

คำถาม
1. การส่งดาวเทยี มดวงแรกของโลกไปโคจรรอบโลกและการส่งมนษุ ย์คนแรกไปกา้ วเหยียบดวงจันทรน์ ั้นอยใู่ นช่วง

คริสตศ์ ตวรรษที่เทา่ ไหร่

2. การส่งดาวเทยี มไปโคจรรอบโลกและการส่งมนุษย์ไปยงั ดวงจันทร์ เหตุการณใ์ ดเกิดข้นึ กอ่ น

3. การสง่ ดาวเทยี มไปโคจรรอบโลกและการส่งมนษุ ย์ไปยงั ดวงจันทร์ จดั อยูใ่ นศตวรรษเดียวกนั หรือไม่

ใบงานที่ 2.1 เรอ่ื ง การใช้ศตวรรษ เฉลย

ตอนที่ 1
คำชแ้ี จง ให้นกั เรยี นบอกชว่ งเวลาในเหตุการณ์ท่ีกำหนดให้

เหตุการณ์ทก่ี ำหนดให้ ช่วงเวลากี่ปี
1. กรงุ รตั นโกสินทร์มีอายุยืนยาวกว่า 2 ศตวรรษแล้ว 200 ปี
2. ศตวรรษหนา้ ทกุ ครอบครวั จะมคี อมพิวเตอร์
3. กรงุ สโุ ขทัยเปน็ ราชธานีของไทย ประมาณ 2 ศตวรรษ 1-100 ปี
4. กรุงศรีอยธุ ยาเปน็ ราชธานีของไทย ประมาณ 4 ศตวรรษ 200 ปี
400 ปี

ตอนท่ี 2
คำชีแ้ จง ใหน้ กั เรยี นอา่ นข้อความ แลว้ ตอบคำถาม

ข้อความที่ 1
พอ่ ขุนรามคำแหงมหาราช ทรงประดิษฐ์อักษรไทย เมอื่ พ.ศ.1826 เพอ่ื ใชส้ ่ือสารให้เกดิ ความเข้าใจในหมู่
คนไทยด้วยกัน สมเด็จพระเจา้ ตากสินมหาราชโปรดเกลา้ ฯ ให้จัดทำสมดุ ภาพไตรภมู ซิ ่ึงมเี น้อื หาเก่ียวกบั โลก
ทั้ง 3 คือ สวรรคภ์ มู ิ มนษุ ยภมู ิ และนรกภูมิ เมอ่ื พ.ศ. 2319

คำถาม
1. พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ทรงประดิษฐ์อักษรไทยในพทุ ธศตวรรษท่ีเทา่ ไร

พุทธศตวรรษท่ี 19

2. ชว่ งเวลาทพ่ี ่อขุนรามคำแหงมหาราชทรงประดษิ ฐอ์ กั ษรไทยจนถงึ ปัจจุบัน เป็นเวลาก่ีศตวรรษ
7 ศตวรรษ

3. สมเดจ็ พระเจา้ ตากสินมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้จัดทำสมุดภาพไตรภูมิในพทุ ธศตวรรษทีเ่ ทา่ ไร
พทุ ธศตวรรษท่ี 24

4. ระยะเวลาทส่ี มเดจ็ พระเจา้ ตากสินมหาราชโปรดเกลา้ ฯ ให้จดั ทำสมุดภาพไตรภูมหิ ่างจากการประดิษฐอ์ ักษรไทย ก่ี
ศตวรรษ
5 ศตวรรษ

5. การประดษิ ฐ์อักษรไทยกับการจัดทำสมดุ ภาพไตรภูมนิ น้ั เหตกุ ารณใ์ ดเกดิ ภายหลงั
การจดั ทำสมุดภาพไตรภูมิ

ข้อความที่ 2
สหภาพโซเวียตประสบความสำเร็จในการสง่ ดาวเทยี มดวงแรกของโลกไปโคจรรอบโลกไดส้ ำเรจ็
เมอ่ื วันท่ี 4 ตลุ าคม ค.ศ. 1957 แต่นกั บนิ อวกาศชื่ออารม์ สตรอง ชาวอเมรกิ นั เปน็ มนุษยค์ นแรกท่ีกา้ วเหยยี บ
ดวงจันทร์ โดยยานอวกาศช่อื อพอลโล ในวันท่ี 20 กรกฎาคม ค.ศ. 1969

คำถาม
1. การส่งดาวเทยี มดวงแรกของโลกไปโคจรรอบโลกและการสง่ มนษุ ยค์ นแรกไปก้าวเหยียบดวงจันทรน์ ้นั อยูใ่ นชว่ ง

ครสิ ตศ์ ตวรรษท่เี ทา่ ไหร่
ศริสต์ศตวรรษท่ี 20

2. การสง่ ดาวเทยี มไปโคจรรอบโลกและการส่งมนุษยไ์ ปยังดวงจนั ทร์ เหตุการณ์ใดเกดิ ขึน้ กอ่ น
การสง่ ดาวเทยี มไปโคจรรอบโลกเปน็ เหตุการณท์ เ่ี กิดขึ้นกอ่ น

3. การส่งดาวเทยี มไปโคจรรอบโลกและการส่งมนษุ ย์ไปยังดวงจนั ทร์ จดั อยู่ในศตวรรษเดยี วกันหรือไม่
จัดอยู่ในศตวรรษเดียวกัน

สปั ดาห์ท่ี 5-6

โรงเรยี นขจรเกียรตพิ ฒั นา

แผนการจดั การเรยี นรู้

ภาคเรียนที่ 1/................... ช่อื ผสู้ อน.................................................

กลมุ่ สาระการเรียนรู้ สังคมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 4 จำนวน

2 คาบ

1. หมานตว่ รยฐกานารกเารรียเรนียรน้ทู รู/้ี่ 1ตัวชวี้ ัด เร่อื ง การนบั ช่วงเวลาเปน็ สหสั วรรษ

มาตรฐานท่ี ส 4.1
เข้าใจความหมายความสำคัญของเวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ สามารถใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์มาวิเคราะห์
เหตกุ ารณ์ต่างๆอย่างเปน็ ระบบ
ตัวช้ีวดั ท่ี ป. 4/1
นบั ช่วงเวลาเป็นทศวรรษ ศตวรรษ และสหสั วรรษ

2. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด

การนับชว่ งเวลาเปน็ ทศวรรษ ศตวรรษและสหสั วรรษเป็นการนบั ช่วงเวลาโดยแบ่งเป็น 10ปี 100ปี 1000ปี เพ่ือให้เกดิ

ความสะดวกในการนบั ชว่ งเวลา

3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้

1) นบั ชว่ งเวลาเป็นสหัสวรรษได้ (K)
2) นกั เรยี นใชท้ กั ษะการจำแนกชว่ งเวลาเป็นสหสั วรรษ (P)
3) ผู้เรยี นมคี วามใฝ่รู้ ใฝเ่ รยี นม่งุ มน่ั ในการทำงาน (A)

4. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถ่นิ

สาระการเรียนรแู้ กนกลาง พจิ ารณาตามหลกั สตู รของสถานศกึ ษา

5) ความหมายและช่วงเวลาของสหัสวรรษ
6) การใชส้ หัสวรรษ เพ่อื ทำความเข้าใจ

ช่วงเวลาทปี่ รากฏในเอกสารตา่ งๆ เช่น
หนงั สือพมิ พ์

5. กจิ กรรมการเรียนรู้
คาบที่1

1. ครใู หน้ ักเรยี นเล่นเกมนบั ช่วงเวลา โดยครอู ธิบายขัน้ ตอนการ เล่นเกมให้นักเรยี นฟงั ว่า เมื่อครูกล่าวคำต่อไปน้ีให้
นกั เรยี นปฏบิ ตั ิอยา่ งรวดเร็ว เช่น

- ครูกล่าวคำวา่ “ทศวรรษ” ใหน้ กั เรยี นพดู วา่ “ทลี ะสิบ” แลว้ ปรบมอื สองคร้ัง พูดว่า “ทีละสบิ ” แลว้ ปรบมอื สองคร้ัง
พูดวา่ “ทีละสิบ ไชโยไชโย”

- ครูกลา่ วคำว่า “ศตวรรษ” ใหน้ ักเรียนพดู วา่ “ทีละร้อย” แล้วปรบมือสามครงั้ พูดวา่ “ทลี ะร้อย” แล้วปรบมือสาม
ครงั้ พูดว่า “ทลี ะร้อย ไชโยไชโย”

- ครกู ลา่ วคำวา่ “สหสั วรรษ” ใหน้ ักเรยี นพูดว่า “ทีละพัน” แลว้ ปรบมือหา้ ครั้ง พูดวา่ “ทลี ะพัน” แล้วปรบมือหา้ ครั้ง
พดู ว่า “ทลี ะพัน ไชโยไชโย”

- ครูกลา่ วคำวา่ ทศวรรษ ศตวรรษ และสหสั วรรษ สลับไปมาเพ่ือใหน้ กั เรยี นปฏิบตั ิ

2. ครใู ห้นักเรียนกลุ่มเดมิ (จากแผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ 1) รว่ มมือกันศกึ ษาความร้เู รอ่ื ง สหัสวรรษ ในหวั ข้อ ความหมาย
และตวั อยา่ งการใชส้ หัสวรรษ จากหนงั สอื เรียน โดยครอู ธิบายความรเู้ พิ่มเติม เพ่ือใหน้ กั เรียนเข้าใจชัดเจนขึน้

3. นกั เรยี นแตล่ ะคนทำแบบฝกึ หดั หนา้ ท่ี 195- 196

คาบท่ี2

นกั เรียนช่วยกนั สรปุ ความหมายของสหัสวรรษและความสำคัญของการใช้ชว่ งเวลาเปน็ สหัสวรรษ

• ครมู อบหมายให้นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ จัดทำโปสเตอร์ เร่ือง การนบั ชว่ งเวลาแบบทศวรรษ ศตวรรษ และสหสั วรรษ
ประเด็นตามท่ีกำหนด ดงั น้ี
1) การนบั ช่วงเวลาเปน็ ทศวรรษ พรอ้ มยกตัวอย่าง
2) การนบั ช่วงเวลาเป็นศตวรรษ พรอ้ มยกตัวอย่าง
3) การนบั ชว่ งเวลาเป็นสหสั วรรษ พรอ้ มยกตัวอย่าง

 นกั เรยี นทำแบบทดสอบหลงั เรยี น หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 เรอ่ื ง เวลา ชว่ งเวลา และยคุ สมัยทางประวตั ิศาสตร์

6. การวดั และประเมินผล วธิ ีการวัดผล เคร่อื งมือวดั เกณฑ์การ
1.คำถามกระตนุ้ ความคิด ประเมนิ ผล
การวัดและประเมินผล
จดุ ประสงค์ 1. ใบงานที่ 3.1 เรื่อง 70% ขนึ้ ไป ถอื วา่
ชว่ งเวลาสหัสวรรษ ผา่ นเกณฑก์ าร
ความรู้ความเขา้ ใจ (K) 1. นบั ชว่ งเวลาเป็นสหสั วรรษได้ ประเมนิ

ทักษะ/กระบวนการ (P) 1.ใช้ทักษะการจำแนกช่วงเวลาเป็น 70% ขนึ้ ไป ถอื ว่า
สหัสวรรษ ผ่านเกณฑ์การ
ประเมิน

คณุ ลักษณะนิสยั (A) 1. สงั เกตจากการเรยี นมคี วาม 1. แบบสังเกต 70% ขึน้ ไป ถอื ว่า
ผา่ นเกณฑ์การ
รับผิดชอบต่องานทส่ี ั่งและส่งงานไดท้ นั พฤตกิ รรม ประเมนิ

ตามที่กำหนด

2. สงั เกตจากการเรยี นใฝเ่ รยี นรู้

3. สังเกตจากการมุง่ มนั่ ในการทำงาน

7. สือ่ /แหลง่ การเรียนรู้
7.1 ส่อื การเรียนรู้

1) หนงั สือเรยี น พระพุทธศาสนา ป.4
2) เกมนบั ชว่ งเวลา

7.2แหลง่ การเรยี นรู้
-

8. กจิ กรรมเสนอแนะ
............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................

ลงชอื่ ............................................ครผู ู้สอน ลงช่ือ...................................................ฝา่ ยวิชาการ

(...........................................................) (...........................................................)

ลงชอ่ื ................................................... ผบู้ รหิ าร
(...........................................................)

สัปดาห์ท่ี 7-9

โรงเรียนขจรเกยี รติพฒั นา

แผนการจดั การเรยี นรู้

ภาคเรียนท่ี 1/................... ชื่อผู้สอน.................................................

กล่มุ สาระการเรยี นรู้ สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 4 จำนวน 4

คาบ

1. หมานต่วรยฐกานารกเารรียเรนียรนทู้ รู้/ี่ 1ตัวชว้ี ดั เรอ่ื ง ยุคสมัยในการศกึ ษา

ประวตัมาศิ ตารสฐาตนรท์ ี่ ส 4.1
เข้าใจความหมายความสำคัญของเวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ สามารถใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์มาวิเคราะห์

เหตกุ ารณ์ตา่ งๆอย่างเปน็ ระบบ

ตัวช้วี ดั ท่ี ป. 4/2

อธบิ ายยคุ สมยั ในการศึกษาประวัตขิ องมนุษยชาตโิ ดยสังเขป

2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด

การแบง่ ยุคสมัยทางประวัติศาสตร์แบง่ ออกเปน็ 2 สมยั คอื สมยั ก่อนประวัตศิ าสตร์และสมยั ประวัติศาสตร์

3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้

1) อธบิ ายเกณฑ์ที่ใชใ้ นการแบง่ ยคุ สมยั ในการศกึ ษาประวตั ศิ าสตร์ได้ (K)

2) จำแนกยคุ สมยั ในการศกึ ษาประวัตศิ าสตร์ (P)
3) ผูเ้ รียนมคี วามใฝร่ ู้ ใฝ่เรียนมุ่งม่ันในการทำงาน (A)

4. สาระการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถน่ิ

สาระการเรยี นรู้แกนกลาง พจิ ารณาตามหลกั สตู รของสถานศกึ ษา

1. เกณฑ์การแบ่งยุคสมัยในการศกึ ษาประวัติ-
ศาสตรท์ ่ีแบง่ เปน็ ยุคก่อนประวตั ศิ าสตร์และ
ยคุ ประวัติศาสตร์

5. กจิ กรรมการเรยี นรู้
คาบที่1

1. ครนู ำภาพหลกั ฐานทางประวัติศาสตร์ มาให้นักเรยี นดู
- ภาพเครอ่ื งมือเครอื่ งใชข้ องมนษุ ยส์ มยั สำรดิ สมัยเหล็ก
- ภาพศิลาจารกึ

2. ครูใหน้ กั เรียนตอบคำถามจากภาพ ดังนี้
- ภาพนน้ั เป็นภาพเกีย่ วกับอะไร
- ภาพนั้นมคี วามสำคญั อย่างไร

3. ครูอธิบายเชอื่ มโยงให้นกั เรียนเห็นถึงความสำคัญของหลกั ฐานทางประวัตศิ าสตร์นกั เรยี นตอบคำถามกระตุ้นความคิด
นกั เรยี น

คาบที่2

4. แบ่งกลมุ่ กลุม่ ละ 5-7 คน ตามความสมัครใจ แล้วใหแ้ ต่ละกลุ่มชว่ ยกนั ศกึ ษาความรเู้ ร่ือง การแบง่ ยุคสมยั ใน
การศึกษาประวตั ิศาสตร์จากหนงั สอื เรียน และหนังสอื ค้นคว้าเพิม่ เติม แล้วบนั ทกึ ความรู้ทีไ่ ดจ้ ากการศึกษาลงในแบบ
บนั ทึกการอา่ น

คาบที่3

5. สมาชิกแตล่ ะคนในกลมุ่ ร่วมกนั อธิบายความรู้เรอ่ื งการแบ่งยคุ สมัยในการศึกษาประวัติศาสตร์ ในประเด็นตอ่ ไปนี้
1) สมัยกอ่ นประวตั ิศาสตร์
-สมัยหิน (สมยั หินเกา่ สมยั หนิ ใหม)่
-สมยั โลหะ (สมยั สำรดิ สมัยเหล็ก)
2) สมยั ประวัติศาสตร์

คาบท่ี4

6. สมาชกิ แตล่ ะกลุ่มนำความรทู้ ไี่ ดจ้ ากการศึกษามาเป็นพ้นื ฐานในการทำใบงานท่ี 1.1 เรอื่ ง การแบ่งยคุ สมัยในการศกึ ษา
ประวตั ิศาสตร์นกั เรยี นตอบคำถามกระตนุ้ ความคดิ

7. ครูเฉลยใบงานที่ 1.1 แลว้ ให้นกั เรยี นแต่ละกลุ่มร่วมกันตรวจสอบความถูกตอ้ ง และแก้ไขในสว่ นทีบ่ กพร่อง

6. การวดั และประเมินผล

การวดั และประเมินผล วธิ กี ารวัดผล เคร่อื งมอื วดั เกณฑ์การประเมินผล
จดุ ประสงค์ 70% ขึ้นไป ถอื วา่ ผา่ น
1.คำถามกระต้นุ เกณฑ์การประเมิน
ความรู้ความ 1. อธิบายเกณฑ์ทใี่ ช้ในการแบง่ ยคุ ความคิด 70% ขึน้ ไป ถอื วา่ ผา่ น
เกณฑ์การประเมิน
เข้าใจ (K) สมัยในการศกึ ษาประวัติศาสตร์ได้ 1. ใบงานที่ 1.1
เรอื่ ง การแบ่งยุค 70% ข้ึนไป ถอื วา่ ผา่ น
ทักษะ/ 1.จำแนกยุคสมยั ในการศกึ ษา สมยั ในการศึกษา เกณฑ์การประเมนิ
ประวตั ิศาสตร์
กระบวนการ (P) ประวตั ิศาสตร์
1. แบบสังเกต
คณุ ลักษณะนสิ ัย (A) 1. สังเกตจากการเรียนมคี วาม พฤติกรรม
รับผดิ ชอบต่องานทสี่ ั่งและสง่ งานได้
ทนั ตามท่กี ำหนด
2. สงั เกตจากการเรยี นใฝเ่ รยี นรู้
3. สังเกตจากการมุ่งมน่ั ในการทำงาน

7. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้
7.1 สื่อการเรยี นรู้

1) หนังสือเรียน ประวตั ิศาสตร์ ป.4
2) บัตรภาพ หลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตร์
3) ใบงานที่ 1.1 เรอ่ื ง การแบง่ ยุคสมยั ในการศกึ ษาประวัตศิ าสตร์

7.2 แหลง่ การเรียนรู้
-

8. กิจกรรมเสนอแนะ

............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................

. ลงชอ่ื ...................................................ฝ่ายวชิ าการ
ลงชอ่ื ............................................ครูผู้สอน (.....................................................)

(.....................................................)

ลงชือ่ ................................................... ผบู้ ริหาร
(...........................................................)

บัตรภาพ หลกั ฐานทางประวัติศาสตร์



ภาพเครอ่ื งมอื เครื่องใช้สมัยสำริด ภาพเคร่อื งมอื เครือ่ งใชส้ มยั เหลก็

ภาพหลักศลิ าจารึก ภาพอกั ษรคนู ฟิ อร์ม

ใบงานที่ 1.1 เร่ือง การแบ่งยคุ สมัยในการศึกษาประวตั ิศาสตร์

ตอนท่ี 1
คำชแ้ี จง ใหน้ ักเรียนวิเคราะหภ์ าพ แลว้ ตอบคำถาม

1. 2.

นกั เรยี นคิดวา่ มนษุ ยท์ อ่ี าศยั อยใู่ นถำ้ นเ้ี ปน็ มนุษย์ นกั เรยี นคิดวา่ มนษุ ยใ์ นภาพนอ้ี ยใู่ นยคุ สมยั ใด
ในยคุ สมัยใด

3.

จากภาพดังกลา่ วสนั นษิ ฐานวา่ เปน็ หลกั ฐานของมนษุ ย์ในยุคสมยั ใด อธบิ ายเหตุผล

ตอนที่ 2
คำชี้แจง ให้นกั เรียนอ่านขอ้ ความที่กำหนดให้ แลว้ ตอบคำถาม
1.

นายสุวิทย์ไปทำไรม่ ันสำประหลงั และไถพบหลกั ฐานทางประวัตศิ าสตรป์ ระเภทเครือ่ งมอื และเครอ่ื งใชท้ ท่ี ำดว้ ย
หินลกั ษณะหยาบ

หลกั ฐานทางประวตั ิศาสตร์ทนี่ ายสุวิทยพ์ บนน้ั สันนษิ ฐานวา่ เป็นเครอ่ื งมอื เครอื่ งใช้ในสมัยใด

2. เด็กหญงิ ชาลิสาไปเทยี่ วชมพิพธิ ภัณฑสถานแห่งชาติ พบตใู้ บหน่ึงภายในมีเคร่ืองป้นั ดินเผาเขียนสี มลี วดลาย
สวยงาม ขวานสำรดิ ใบหอกสำริด

2.1 หลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตร์ทเ่ี ด็กหญงิ ชาลสิ าเหน็ ไดแ้ กอ่ ะไรบ้าง

2.2 สนั นษิ ฐานวา่ น่าจะเป็นเครอื่ งมือเครอื่ งใช้ในสมยั ใด

3. ก้องและเพ่ือนๆ เดนิ สำรวจพพิ ิธภัณฑสถานในบรเิ วณหลุมฝังศพ พวกเขาสังเกตวา่ มีร่องรอยของการประกอบ
พธิ ีฝงั ศพ

สนั นษิ ฐานวา่ มนุษย์โบราณในบริเวณน้นั นา่ จะเป็นมนษุ ย์ในสมัยใด

ใบงานท่ี 1.1 เรอ่ื ง การแบ่งยุคสมัยในการศึกษาประวัตศิ าสตร์ เฉลย

ตอนท่ี 1
คำชีแ้ จง ให้นักเรียนวเิ คราะหภ์ าพ แลว้ ตอบคำถาม

1. 2.

นกั เรยี นคิดวา่ มนษุ ยท์ อ่ี าศยั อยใู่ นถำ้ นเ้ี ปน็ มนุษย์ นกั เรยี นคิดวา่ มนษุ ยใ์ นภาพนอ้ี ยใู่ นยคุ สมยั ใด
ในยคุ สมยั ใด มนษุ ย์สมยั หนิ เกา่ เพราะอาศัยอย่ตู ามถำ้ มนษุ ยใ์ นสมัยหินใหม่ เพราะมีการเพาะปลกู และเลีย้ งสัตว์
ความเป็นอยูแ่ บบเรร่ ่อน มเี ครอื่ งมือหนิ ลักษณะหยาบ มีเครื่องมอื หนิ ทีม่ ีการขดั ให้คม

3.

จากภาพดงั กลา่ วสันนิษฐานวา่ เป็นหลักฐานของมนษุ ยใ์ นยคุ สมยั ใด อธบิ ายเหตผุ ล สมัยประวตั ิศาสตร์
เพราะเปน็ สมยั ทม่ี นษุ ย์มีตวั อักษรใช้แลว้

ตอนที่ 2
คำชีแ้ จง ให้นกั เรียนอา่ นข้อความท่ีกำหนดให้ แลว้ ตอบคำถาม

1.
นายสวุ ทิ ยไ์ ปทำไรม่ นั สำประหลังและไถพบหลักฐานทางประวตั ศิ าสตรป์ ระเภทเครือ่ งมือและเคร่ืองใช้ทท่ี ำด้วย
หนิ ลกั ษณะหยาบ

หลกั ฐานทางประวัตศิ าสตรท์ น่ี ายสุวิทยพ์ บนั้นสนั นิษฐานว่าเป็นเครื่องมือเครือ่ งใชใ้ นสมัยใด
สมัยหินเก่า

2. เด็กหญิงชาลสิ าไปเทย่ี วชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พบตใู้ บหนงึ่ ภายในมีเครอ่ื งปน้ั ดินเผาเขียนสี มลี วดลาย
สวยงาม ขวานสำริด ใบหอกสำริด

2.1 หลกั ฐานทางประวัตศิ าสตร์ท่ีเดก็ หญงิ ชาลิสาเหน็ ได้แก่อะไรบา้ ง
เครอ่ื งปัน้ ดินเผาเขียนสี ขวานสำรดิ ใบหอกสำรดิ

2.2 สันนษิ ฐานวา่ น่าจะเป็นเคร่อื งมอื เครือ่ งใช้ในสมยั ใด
สมัยโลหะ

3. ก้องและเพือ่ นๆ เดินสำรวจพพิ ิธภณั ฑสถานในบรเิ วณหลมุ ฝงั ศพ พวกเขาสังเกตว่ามรี ่องรอยของการประกอบ
พิธฝี ังศพ

สันนิษฐานว่ามนุษยโ์ บราณในบรเิ วณนนั้ นา่ จะเป็นมนุษยใ์ นสมัยใด
สมัยโลหะ

สปั ดาห์ท่ี 11-13

โรงเรียนขจรเกียรตพิ ัฒนา

แผนการจัดการเรียนรู้

ภาคเรยี นท่ี 1/................... ชอื่ ผู้สอน.................................................

กล่มุ สาระการเรยี นรู้ สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 2

คาบ

1.หมนาว่ตยรฐกาานรกเรารียเนรยี รนู้ทร่ี 2้/ู ตวั ชวี้ ดั เรือ่ ง ยคุ สมยั ในการศกึ ษา
ประวัตเมขศิ า้าตาใรจสฐคตาวนราทม์ ห่ี สมา4ย.1ความสำคัญของเวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ สามารถใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์มาวิเคราะห์

เหตกุ ารณต์ ่างๆอย่างเป็นระบบ

ตัวชวี้ ดั ที่ ป. 4/2

อธบิ ายยคุ สมยั ในการศกึ ษาประวตั ิของมนุษยชาตโิ ดยสังเขป

2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด

ยุคสมัยท่ีใชใ้ นการศกึ ษาประวัติศาสตร์ไทยแบง่ ออกเปน็ สมัยก่อนสโุ ขทัย สมยั สุโขทยั สมัยอยธุ ยา สมัยธนบรุ ี
สมัยรตั นโกสนิ ทร์

3. จุดประสงค์การเรยี นรู้

1) อธิบายเกณฑท์ ใี่ ชใ้ นการแบ่งยุคสมัยที่ใชใ้ นการศกึ ษาประวัตศิ าสตร์ไทยได้ (K)
2) จำแนกยคุ สมัยทใี่ ช้ในการศึกษาประวตั ิศาสตร์ไทย (P)
3) ผเู้ รยี นมีความใฝ่รู้ ใฝ่เรยี นมุง่ ม่ันในการทำงาน (A)

4. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถ่ิน

สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง พิจารณาตามหลักสตู รของสถานศึกษา

1.ยุคสมยั ท่ใี ชใ้ นการศกึ ษาประวัตศิ าสตรไ์ ทย
เช่น

- สมัยก่อนสุโขทยั
- สมัยสุโขทัย
- สมัยอยุธยา
- สมยั ธนบรุ ี
- สมัยรตั นโกสนิ ทร์

5. กิจกรรมการเรยี นรู้

คาบท่ี1

1.ครูนำภาพหลกั ฐานทางประวตั ิศาสตร์ มาให้นักเรยี นดู
- ภาพเคร่ืองมือเคร่อื งใชข้ องมนษุ ย์สมัยสำรดิ สมยั เหล็ก
- ภาพศลิ าจารึก

2.ครใู ห้นักเรยี นตอบคำถามจากภาพ ดังนี้
-ภาพน้นั เปน็ ภาพเกี่ยวกบั อะไร
-ภาพนน้ั มีความสำคัญอย่างไร

3.ครอู ธบิ ายเชื่อมโยงใหน้ กั เรียนเหน็ ถึงความสำคัญของหลกั ฐานทางประวตั ิศาสตรน์ ักเรียนตอบคำถามกระตุ้นความคิด

คาบท่ี2

4.นกั เรยี นแบง่ กลมุ่ กลมุ่ ละ 5-7 คน ตามความสมัครใจ แลว้ ใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ ช่วยกนั ศึกษาความรเู้ ร่ือง การแบ่งยุคสมัยในการศึกษา
ประวัตศิ าสตร์จากหนังสือเรียน และหนงั สอื ค้นคว้าเพิม่ เติม แลว้ บันทึกความรูท้ ไ่ี ด้จากการศึกษาลงในแบบบนั ทึกการอา่ น

5.ครูนำจุดประสงคท์ ี่ทกุ คนสนใจสืบค้นหาคำตอบมาวางแผนเพอ่ื คน้ หาคำตอบซึ่งจะเป็นเรอื่ งราวเหตกุ ารณใ์ นสมัยต่างๆ
ของประวัติศาสตรไ์ ทย ดงั น้ี

- สมัยอาณาจักรรุ่นแรกๆ
- สมัยสุโขทยั
- สมัยอยุธยา
- สมยั ธนบรุ ี
- สมัยรัตนโกสนิ ทร์
6.นกั เรยี นรว่ มกนั วางแผนคน้ หาข้อมลู และแนวทางคน้ หาขอ้ มลู นกั เรยี นตอบคำถามกระตนุ้ ความคดิ
7.ครใู ห้นกั เรยี นกลมุ่ เดมิ (จากแผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 1) รว่ มกนั ค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกบั เหตกุ ารณส์ ำคญั ในสมยั ต่างๆ พรอ้ ม
ภาพประกอบ กล่มุ ละ 1 สมยั โดยการสบื คน้ ขอ้ มูล จากหนงั สือเรียน หนังสอื คน้ ควา้ เพิ่มเตมิ และหอ้ งสมุด

คาบท่ี3

1. สมาชิกแตล่ ะกลุ่มนำข้อมูลที่ไดจ้ ากการค้นควา้ มาวเิ คราะห์ สังเคราะห์ แล้วตอบคำถามลงในใบงานที่ 2.1 เรอ่ื ง ข้อมูลหรือภาพ
เหตกุ ารณ์ทางประวัติศาสตร์ท่ีประทับใจ
2.ตวั แทนกลุม่ นำเสนอใบงานท่ี 2.1 หนา้ ห้องเรยี น โดยมคี รตู รวจสอบความถกู ต้อง
3.นกั เรยี นตอบคำถามกระตนุ้ ความคดิ

6. การวดั และประเมนิ ผล

การวัดและประเมนิ ผล วิธกี ารวัดผล เครอ่ื งมอื วดั เกณฑ์การประเมนิ ผล
จุดประสงค์
1.คำถามกระต้นุ 70% ขึ้นไป ถอื วา่ ผา่ น
ความรคู้ วาม 1. อธิบายเกณฑท์ ีใ่ ชใ้ นการแบง่ ยคุ สมยั ใน ความคิด เกณฑ์การประเมิน
1. ใบงานท่ี 2.1 70% ขึ้นไป ถอื ว่าผา่ น
เขา้ ใจ (K) การศึกษาประวัติศาสตรไ์ ด้ เกณฑ์การประเมนิ

ทกั ษะ/ 1.จำแนกยคุ สมัยในการศึกษาประวตั ศิ าสตร์

กระบวนการ (P)

คณุ ลกั ษณะนสิ ัย (A) 1. สงั เกตจากการเรียนมคี วามรบั ผิดชอบตอ่ 1. แบบสังเกต 70% ข้ึนไป ถอื วา่ ผ่าน
เกณฑก์ ารประเมิน
งานทส่ี ง่ั และส่งงานได้ทันตามท่ีกำหนด พฤติกรรม

7. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้
7.1 สื่อการเรยี นรู้

1) หนงั สอื เรยี น ประวัตศิ าสตร์ ป.4
2) บตั รภาพ หลกั ฐานทางประวัตศิ าสตร์
3) ใบงานที่ 1.1 เรือ่ ง การแบง่ ยคุ สมยั ในการศึกษาประวตั ศิ าสตร์

7.2แหลง่ การเรยี นรู้
-

8. กจิ กรรมเสนอแนะ

............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................

ลงชอื่ ............................................ครูผู้สอน ลงชอ่ื ...................................................ฝา่ ยวิชาการ

(.......................................................) (...........................................................)

ลงช่อื ................................................... ผบู้ ริหาร
(...........................................................)

บัตรภาพ เหตกุ ารณท์ างประวัติศาสตร์



ภาพยุทธหตั ถี ภาพคนชุมนมุ กันบรเิ วณอนสุ าวรยี ์ประชาธิปไตย

ใบงานที่ 2.1 เรื่อง
ขอ้ มลู หรือภาพเหตุการณท์ างประวตั ิศาสตร์ท่ีประทบั ใจ

คำชแ้ี จง ใหน้ กั เรียนสืบคน้ ขอ้ มูลหรอื ภาพเหตกุ ารณท์ างประวตั ศิ าสตรท์ ป่ี ระทับใจ แลว้ ตอบคำถาม

ภาพเหตกุ ารณ/์ ข้อความ
คำถาม
1. ข้อมูลหรอื ภาพเหตุการณท์ ่ีสืบคน้ นน้ั เกย่ี วกบั เรอ่ื งอะไร

2. ขอ้ มูลหรือภาพเหตกุ ารณด์ งั กล่าวเกิดขนึ้ ในยคุ สมัยใด

3. ขอ้ มูลหรือภาพเหตุการณด์ ังกลา่ วมีความสำคญั อยา่ งไร

4. ขอ้ มลู หรือภาพเหตกุ ารณ์ดงั กล่าวไดม้ าจากแหลง่ ความร้ใู ด และมคี วามน่าเช่อื ถอื เพยี งใด

สปั ดาหท์ ี่ 14-15

โรงเรยี นขจรเกยี รตพิ ัฒนา

แผนการจดั การเรียนรู้

ภาคเรียนท่ี 1/................... ช่ือผสู้ อน.................................................

กลุ่มสาระการเรยี นรู้ สังคมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 4 จำนวน

2 คาบ

1. หมานต่วรยฐกานารกเารรียเรนยี รนู้ทร/ู้่ี 2ตัวชวี้ ดั เรอื่ ง หลักฐานทางประวตั ศิ าสตร์

มาตรฐานท่ี ส 4.1
เข้าใจความหมายความสำคัญของเวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ สามารถใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์มาวิเคราะห์
เหตกุ ารณต์ า่ งๆอย่างเปน็ ระบบ
ตวั ช้วี ัดท่ี ป. 4/3
แยกแยะประเภทหลกั ฐานทใ่ี ช้ในการศกึ ษาความเป็นมาของทอ้ งถิ่น

2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด

การศกึ ษาเร่ืองราวเกีย่ วกบั ประวตั ศิ าสตร์จำเป็นตอ้ งศึกษาจากหลกั ฐานทางประวัตศิ าสตร์ จากแหล่งข้อมูลตา่ งๆหรอื

จากหลักฐานชนั้ ตน้ และหลกั ฐานชนั้ รองเพ่ือใหข้ อ้ มลู ท่ีไดม้ คี วามถกู ต้อง

3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้

1) อธิบายประเภทของหลกั ฐานทใ่ี ชใ้ นการศึกษาความเป็นมาของทอ้ งถิ่นได้ (K)
2) จำแนกประเภทของหลักฐานทีใ่ ชใ้ นการศกึ ษาความเป็นมาของท้องถ่ินได้ (P)

3) ผเู้ รียนมคี วามใฝ่รู้ ใฝ่เรียนม่งุ ม่ันในการทำงาน (A)

4. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรทู้ ้องถิ่น

สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง พิจารณาตามหลักสูตรของสถานศกึ ษา

1. ประเภทของหลักฐานทางประวตั ศิ าสตร์ที่
แบ่งเป็นหลกั ฐานชั้นตน้ และหลักฐานชน้ั รอง

5. กจิ กรรมการเรยี นรู้

คาบที่1

1. ครูนำภาพหลักฐานทางประวัติศาสตร์ มาใหน้ ักเรยี นดู เช่น
- ภาพเครื่องปนั้ ดินเผา
- ภาพหนังสอื แผนทป่ี ระวตั ศิ าสตร์

2. นกั เรยี นชว่ ยกนั แสดงความคดิ เหน็ เปรยี บเทยี บความแตกตา่ งของภาพดงั กลา่ วครอู ธบิ ายเชอ่ื มโยงใหน้ กั เรียนทราบ
เกี่ยวกับประเภทของหลกั ฐานเกี่ยวกบั ความเปน็ มาของทอ้ งถ่นิ

3. นกั เรยี นแบง่ กลมุ่ กลมุ่ ละ 6 คน ตามความสมคั รใจ ใหแ้ ตล่ ะกลุม่ รว่ มกนั ศกึ ษาความรเู้ รอ่ื ง ประเภทของหลกั ฐานเกย่ี วกบั
ความเปน็ มาของทอ้ งถิ่น จากหนังสือเรียน หนังสือค้นคว้าเพิ่มเตมิ และหอ้ งสมุด แล้วบนั ทกึ ความรทู้ ่ีไดจ้ ากการศกึ ษาลงใน
แบบบนั ทกึ การอ่าน

4. นกั เรยี นตอบคำถามกระตนุ้ ความคดิ

คาบที่2

1. นกั เรยี นแตล่ ะคนในกลมุ่ ผลดั กนั อธบิ ายความรูท้ ไ่ี ดจ้ ากการศกึ ษาเรอ่ื ง ประเภทของหลกั ฐานความเปน็ มาของทอ้ งถน่ิ
เกี่ยวกบั ความหมายและตวั อย่างหลักฐานช้นั ตน้ และหลักฐานชั้นรองนักเรยี นตอบคำถามกระต้นุ ความคิด

2. สมาชกิ แต่ละกลุม่ นำความรูท้ ไี่ ดจ้ ากการศึกษาคน้ คว้ามาเปน็ พื้นฐานในการทำใบงานที่ 1.1 เรอื่ ง ประเภทของหลักฐาน
เกีย่ วกบั ทอ้ งถิน่ เสร็จแล้วชว่ ยกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ งนักเรียนตอบคำถามกระตนุ้ ความคดิ

3. ครูเฉลยคำตอบในใบงานที่ 1.1 และให้สมาชกิ แต่ละกล่มุ ตรวจสอบความถูกตอ้ งและแกไ้ ขในสว่ นที่บกพร่อง

4. นกั เรยี นชว่ ยกนั สรปุ ประเภทของหลกั ฐานเก่ียวกบั ความเปน็ มาของทอ้ งถ่ิน

6. การวัดและประเมินผล วิธกี ารวดั ผล เครือ่ งมอื วดั เกณฑ์การประเมินผล
1. ประเภทของหลกั ฐานท่ีใชใ้ น 70% ข้ึนไป ถอื วา่ ผ่าน
การวดั และประเมินผล การศกึ ษาความเปน็ มาของทอ้ งถ่ินได้ 1.คำถามกระตุ้น เกณฑก์ ารประเมนิ
จดุ ประสงค์ 1.จำแนกประเภทของหลกั ฐานท่ีใช้ใน ความคิด 70% ขึ้นไป ถอื วา่ ผ่าน
ความรู้ความ การศกึ ษาความเปน็ มาของทอ้ งถิ่นได้ เกณฑ์การประเมิน
เข้าใจ (K) 1. ใบงานท่ี 1.1
ทักษะ/ 1. สังเกตจากการเรียนมีความ เรื่อง ประเภทของ 70% ข้นึ ไป ถอื วา่ ผา่ น
กระบวนการ (P) รับผดิ ชอบต่องานทีส่ ่ังและส่งงานได้ หลกั ฐานเกีย่ วกบั เกณฑ์การประเมนิ
ทันตามทก่ี ำหนด ทอ้ งถน่ิ
คุณลกั ษณะนสิ ัย (A) 2. สังเกตจากการเรยี นใฝ่เรยี นรู้
3. สังเกตจากการมงุ่ ม่ันในการทำงาน 1. แบบสังเกต
พฤตกิ รรม

7. สื่อ/แหล่งการเรยี นรู้
7.1 ส่อื การเรียนรู้

1) หนงั สือเรียน ประวตั ิศาสตร์ ป.4
2) หนงั สอื คน้ ควา้ เพิ่มเตมิ

(1) วณี า เอ่ยี มประไพ. 2535. หลกั ฐานทางประวัติศาสตร์. กรุงเทพมหานคร : โอเดยี นสโตร์.
(2) นธิ ิ เอยี วศรีวงศ์และอาคม พฒั ยิ ะ. 2525. หลักฐานประวตั ศิ าสตรใ์ นประเทศไทย (ส021).

กรงุ เทพมหานคร : บรรณกจิ .
3) บัตรภาพ หลกั ฐานทางประวัติศาสตร์
4) ใบงานท่ี 1.1 เร่อื ง ประเภทของหลกั ฐานเกยี่ วกบั ท้องถ่นิ

7.2แหล่งการเรียนรู้
-

8. กจิ กรรมเสนอแนะ

............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................

ลงชอ่ื ............................................ครผู สู้ อน ลงชื่อ...................................................ฝา่ ยวิชาการ

(.......................................................) (...........................................................)

ลงชือ่ ................................................... ผบู้ รหิ าร
(...........................................................)

บัตรภาพ หลักฐานทางประวตั ศิ าสตร์



ภาพเครอ่ื งป้นั ดนิ เผา ภาพหนังสอื แผนทป่ี ระวัตศิ าสตร์

ใบงานท่ี 1.1 เรอ่ื ง ประเภทของหลกั ฐานเก่ยี วกับทอ้ งถน่ิ

ตอนที่ 1
คำช้ีแจง ให้นกั เรยี นเขียนบรรยายใตภ้ าพหลักฐานเก่ียวกบั ความเปน็ มาของท้องถิ่นวา่ เป็นหลกั ฐานชั้นต้นหรอื ชน้ั รอง

1. 2. 3.

4. 5. 6.

ตอนท่ี 2
คำชแ้ี จง ให้นักเรียนเขยี นสรปุ เปรยี บเทยี บความแตกต่างของหลักฐานชนั้ ตน้ และหลักฐานช้ันรอง

หลักฐานชั้นตน้ หมายถึง

หลกั ฐานชน้ั รอง หมายถึง

ใบงานที่ 1.1 เร่ือง ประเภทของหลักฐานเกยี่ วกบั ทอ้ งถ่นิ เฉลย

ตอนท่ี 1
คำช้แี จง ให้นักเรียนเขยี นบรรยายใตภ้ าพหลกั ฐานเกีย่ วกับความเปน็ มาของทอ้ งถิน่ วา่ เป็นหลกั ฐานชนั้ ต้นหรอื ชนั้ รอง

1. 2. 3.

หลกั ฐานช้นั ต้น หลักฐานชน้ั รอง หลกั ฐานชั้นต้น
4. 5. 6.

หลักฐานช้นั ตน้ หลักฐานชั้นต้น หลักฐานชน้ั รอง

ตอนท่ี 2
คำชีแ้ จง ให้นักเรียนเขียนสรปุ เปรียบเทียบความแตกต่างของหลักฐานชน้ั ตน้ และหลกั ฐานช้ันรอง

หลักฐานชนั้ ต้น หมายถึง หลกั ฐานในชว่ งเวลาเดียวกบั เหตุการณ์ เชน่ บันทึกของผู้คนทอ่ี ยใู่ นเหตุการณ์ หนงั สือพิมพ์
รูปถา่ ย สิ่งของ เป็นต้น

หลักฐานช้ันรอง หมายถึง หลกั ฐานท่ีเขยี นหรือรวบรวมขน้ึ ภายหลงั เหตกุ ารณ์ โดยผูเ้ ขยี นเขยี นข้นึ จากการศึกษาหลักฐาน
ชนั้ ตน้ โดยหลกั ฐานช้นั รองมคี วามนา่ เชอ่ื ถือน้อยกวา่ หลักฐานชัน้ ต้น เพราะได้เขียนข้ึนภายหลังเหตกุ ารณ์น้ัน แต่

หลักฐานชัน้ รองสามารถใชค้ น้ คว้าได้สะดวกกว่าหลักฐานชั้นต้น เชน่ หนงั สือตา่ งๆ

สปั ดาห์ท่ี 16-19

โรงเรยี นขจรเกยี รตพิ ัฒนา

แผนการจัดการเรียนรู้

ภาคเรยี นท่ี 1/................... ชอ่ื ผู้สอน.................................................

กลมุ่ สาระการเรียนรู้ สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ 4 จำนวน 3

คาบ

1. หมานตว่ รยฐกานารกเารรียเรนยี รนู้ทรู้/่ี 3ตัวชว้ี ดั เร่อื ง พฒั นาการของมนุษยใ์ นดินแดน

ไทย มาตรฐานที่ ส 4.1

เข้าใจพฒั นาการของมนษุ ยชาติจากอดีตจนถงึ ปัจจบุ ันในดา้ นความสมั พนั ธ์และการเปลยี่ นแปลงของเหตกุ ารณอ์ ย่าง

ต่อเนอ่ื งตระหนกั ถึงความสำคญั และสามารถวิเคราะหผ์ ลกระทบที่เกดิ ข้นึ

ตัวชีว้ ัดท่ี ป. 4/1

อธิบายการต้ังหลักแหล่งและพฒั นาการของมนษุ ย์ยุคกอ่ นประวตั ศิ าสตร์และยุคประวตั ิศาสตรโ์ ดยสังเขป

2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด

ดินแดนไทยเป็นดินแดนทมี่ นษุ ยอ์ าศัยอยมู่ ายาวนานการตั้งถนิ่ ฐานและการดำเนนิ ชวี ติ ของมนุษย์ในอดตี จะเคลอ่ื นย้าย

ไปตามแหล่งอาหารจนพัฒนามาเปน็ การตงั้ ถิ่นฐานอาศยั อยรู่ วมกันเป็นชมุ ชนขนาดใหญ่และเป็นอาณาจกั ไทยท่สี บื ทอดมาจนถึง
ปัจจบุ นั

3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

1) บอกปัจจัยสำคัญท่ีมผี ลตอ่ การตง้ั ถน่ิ ฐานของมนษุ ยไ์ ด้ (K)
2) วเิ คราะห์ปจั จัยสำคัญทมี่ ผี ลต่อการตัง้ ถิ่นฐานของมนุษยไ์ ด้ (P)
3) ผเู้ รยี นมีความใฝ่รู้ ใฝเ่ รียนมงุ่ ม่นั ในการทำงาน (A)

4. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถิ่น

สาระการเรียนรแู้ กนกลาง พิจารณาตามหลักสูตรของสถานศกึ ษา

1.พัฒนาการของมนษุ ย์ยคุ กอ่ นประวัติศาสตร์และยคุ
ประวตั ิศาสตร์ในดนิ แดนไทยโดยสงั เขป

5. กจิ กรรมการเรียนรู้
คาบที่1

1. ครตู ั้งคำถามถามนักเรยี นวา่ ถา้ ให้นกั เรยี นเลอื กตง้ั ถิ่นฐานทีอ่ ยู่ นกั เรยี นจะเลอื กบรเิ วณใด เพราะเหตใุ ด ซ่ึงนกั เรยี น
สามารถตอบ และแสดงเหตผุ ลได้อยา่ งหลากหลายครูอธบิ ายเชอื่ มโยงให้นกั เรยี นเขา้ ใจเก่ยี วกับปัจจยั ท่ีมผี ลต่อการตั้งถ่ินฐาน
ของมนษุ ย์

2. ครูแบง่ นักเรียนเปน็ กลุ่ม กลมุ่ ละ 4 คน คละกันตามความสามารถ คอื เก่ง ปานกลางค่อนข้างเก่ง ปานกลางคอ่ นขา้ งออ่ น
และอ่อน ครอู ธิบายให้นกั เรียนเข้าใจถึงความสำคญั ของการทำงานรว่ มกันและการปฏิบตั ติ ามกติกาของการเรยี นร่วมกัน
ของสมาชกิ ทุกคนในกลุ่ม คอื
- มกี ารชว่ ยเหลอื กัน
- มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่

- ทุกคนมีบทบาทเท่าเทยี มกัน
- ทกุ คนมปี ฏสิ มั พันธท์ ี่ดตี ่อกนั
3. สมาชิกแต่ละกลุ่มรว่ มมือกันศกึ ษาความรเู้ รอ่ื ง ปจั จยั ท่ีมีผลตอ่ การต้ังถ่ินฐานของมนษุ ย์ จากหนงั สือเรยี น และหนังสอื
คน้ คว้าเพม่ิ เติมและอภปิ รายความรู้ร่วมกนั ในประเดน็ สำคัญ

คาบท่ี2

4. สมาชกิ ทกุ คนในกลุ่มร่วมมือกนั ตอบคำถามในใบงานที่ 1.1 เร่ือง ปจั จัยทม่ี ผี ลต่อการต้ังถิ่นฐานของมนษุ ย์ เม่ือทำใบงานเสรจ็
แล้ว ใหส้ มาชกิ แตล่ ะคนผลดั กันอธิบายคำตอบใหเ้ พ่อื นคนอืน่ ในกลุม่ ฟังเพ่ือให้มีความเข้าใจอย่างกระจา่ งชดั เจน

5. ครสู มุ่ ตวั แทนของแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอคำตอบในใบงานที่ 1.1 กลมุ่ ละ1-2 คน ตามความเหมาะสมซ่งึ อาจจะซำ้ ขอ้ กัน
เพอื่ ให้ไดแ้ นวคำตอบทห่ี ลากหลาย โดยมคี รูตรวจสอบความถูกตอ้ ง

6. นกั เรียนตอบคำถามกระตุ้นความคิด ข้อ 1-2
7. นักเรยี นและครูชว่ ยกันสรปุ ปจั จยั สำคัญทม่ี ีผลต่อการตง้ั ถน่ิ ฐานของมนษุ ย์

6. การวัดและประเมินผล

การวดั และประเมนิ ผล วธิ กี ารวัดผล เครอ่ื งมอื วดั เกณฑ์การประเมินผล
จุดประสงค์ 70% ขนึ้ ไป ถอื ว่าผา่ น
1.คำถามกระตนุ้ เกณฑ์การประเมนิ
ความรู้ความ 1. บอกปจั จยั สำคัญทมี่ ีผลตอ่ การตง้ั ความคดิ 70% ขึ้นไป ถอื วา่ ผา่ น
เกณฑก์ ารประเมนิ
เข้าใจ (K) ถนิ่ ฐานของมนุษย์ได้ 1. ใบงานที่ 1.1 เรื่อง
ปัจจยั ท่ีมีผลต่อการตงั้ 70% ขน้ึ ไป ถอื วา่ ผา่ น
ทกั ษะ/ 1.วเิ คราะหป์ จั จัยสำคัญทมี่ ีผลต่อการ ถ่นิ ฐานของมนุษย์ เกณฑ์การประเมิน

กระบวนการ (P) ต้ังถ่นิ ฐานของมนุษย์ได้ 1. แบบสงั เกต
พฤติกรรม
คุณลักษณะนิสัย (A) 1. สังเกตจากการเรียนมีความ
รบั ผิดชอบต่องานที่ส่ังและสง่ งานได้
ทันตามทก่ี ำหนด
2. สังเกตจากการเรียนใฝเ่ รยี นรู้
3. สังเกตจากการมุง่ มน่ั ในการทำงาน

7. สือ่ /แหลง่ การเรยี นรู้
7.1 ส่ือการเรียนรู้

1) หนังสือเรียน ประวัติศาสตร์ ป.4
2) หนังสอื คน้ ควา้ เพม่ิ เติม

(1) วฒุ ิชยั มลู ศลิ ป.์ 2547. ประวตั ิศาสตร์ชาตไิ ทย. กรงุ เทพมหานคร : มูลนธิ กิ ตเวทนิ ในพระบรม
ราชปู ถัมภ.์
(2) สุภทั รดศิ ดศิ กลุ , ม.จ. 2531. ประวตั ิศาสตร์เอเชยี อาคเนย์ ถงึ พ.ศ. 2000. กรุงเทพมหานคร :

สมาคมประวัตศิ าสตรใ์ นพระบรมราชูปถมั ภ์สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี.
3) ใบงานที่ 1.1 เรอ่ื ง ปจั จยั ที่มผี ลตอ่ การต้งั ถน่ิ ฐานของมนษุ ย์

7.2แหล่งการเรียนรู้
-

8. กิจกรรมเสนอแนะ
............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................

ลงช่อื ............................................ครผู ้สู อน ลงชอ่ื ...................................................ฝ่ายวิชาการ

(...........................................................) (...........................................................)

ลงชือ่ ................................................... ผบู้ รหิ าร
(...........................................................)

ใบงานที่ 1.1 เร่ือง ปัจจยั ท่มี ผี ลตอ่ การตัง้ ถนิ่ ฐานของมนุษย์

ตอนที่ 1
คำช้แี จง ให้นกั เรยี นตอบคำถามตอ่ ไปน้ี

1. เพราะเหตุใด มนษุ ย์ในสมัยหนิ จงึ มกั อพยพเรร่ อ่ นไปตามปา่ เขา

2. เพราะเหตุใด มนุษยใ์ นสมยั หินจึงชอบอาศยั อยตู่ ามถ้ำ เพงิ ผาในทีส่ ูง

3. เพราะเหตใุ ด มนษุ ยส์ ่วนใหญ่ชอบตง้ั ถิ่นฐานบริเวณทรี่ าบใกล้แหลง่ นำ้

4. เพราะเหตุใด มนุษยจ์ งึ สามารถสรา้ งสรรคผ์ ลงานประเภทต่างๆ ได้

5. เพราะเหตใุ ด มนุษยท์ ่ีอยใู่ นชุมชนใกล้นำ้ จงึ มีพัฒนาการมากกวา่ ชุมชนท่ีอย่หู ่างไกลแหลง่ นำ้

ตอนที่ 2
คำชีแ้ จง ให้นกั เรยี นเขียนบทสรปุ เกย่ี วกับปัจจยั สำคัญที่มผี ลต่อการตง้ั ถิน่ ฐานของมนษุ ย์

ใบงานท่ี 1.1 เรอ่ื ง ปจั จัยทมี่ ีผลตอ่ การตง้ั ถน่ิ ฐานของมนษุ ย์ เฉลย

ตอนที่ 1
คำชแ้ี จง ใหน้ กั เรียนตอบคำถามตอ่ ไปนี้

1. เพราะเหตใุ ด มนษุ ย์ในสมัยหินจึงมกั อพยพเรร่ อ่ นไปตามป่าเขา
เพราะมกี ารดำรงชีวติ ดว้ ยการเกบ็ หาของปา่ มาเปน็ อาหาร

2. เพราะเหตุใด มนุษย์ในสมยั หินจึงชอบอาศยั อยู่ตามถ้ำ เพงิ ผาในท่สี งู
เพราะตอ้ งการปอ้ งกนั ภยั อันตรายจากสตั วป์ ่า

3. เพราะเหตใุ ด มนษุ ย์สว่ นใหญ่ชอบตัง้ ถิน่ ฐานบริเวณทีร่ าบใกล้แหล่งนำ้
เพราะเป็นทำเลท่ีเหมาะสมในการเพาะปลูกพืชชนิดต่างๆ ไวเ้ ป็นอาหาร

4. เพราะเหตใุ ด มนษุ ย์จึงสามารถสร้างสรรคผ์ ลงานประเภทตา่ งๆ ได้
เพราะมีเวลาว่างจากการปลูกพชื ต่างๆ และมชี ่วงเวลาทร่ี อคอยผลผลติ จากการเพาะปลูก

5. เพราะเหตใุ ด มนษุ ยท์ ี่อยใู่ นชุมชนใกล้นำ้ จงึ มพี ัฒนาการมากกวา่ ชมุ ชนที่อยูห่ า่ งไกลแหลง่ น้ำ
เพราะมีความอดุ มสมบรู ณแ์ ละสามารถติดต่อกับชุมชนอื่นไดส้ ะดวก

ตอนที่ 2
คำชแี้ จง ให้นกั เรยี นเขียนบทสรปุ เกีย่ วกบั ปัจจัยสำคัญทม่ี ผี ลต่อการต้งั ถน่ิ ฐานของมนษุ ย์

(พจิ ารณาตามคำตอบของนักเรยี น โดยให้อยู่ในดุลยพินจิ ของครูผู้สอน)


Click to View FlipBook Version