โครงสรา้ งการสอน วิชา ลกู เสือ ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 6
ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศึกษา……………… เวลา 20 ช่วั โมง
สัปดาหท์ ี่ ช่อื หน่วยการเรยี นรู้ จดุ ประสงค์ เวลา (ชม.) / สัปดาห์
1-2 การปฐมพยาบาล 1. แสดงวธิ ปี ฐมพยาบาลผปู้ ว่ ยทีม่ ี 2
3-5 ผู้ป่วยท่มี เี ลือดออก เลอื ดออกภายนอกได้ 3
ภายนอกและการ 2. สามารถเคลอ่ื นย้ายผปู้ ว่ ยได้อยา่ งถูก
6-7 เคลอื่ นยา้ ยผู้ปว่ ย วธิ แี ละปลอดภัย 2
8-9 3. บอกวธิ ขี อความชว่ ยเหลอื ในกรณีท่ี 2
การใชแ้ ผนท่ีและ เกิดอุบตั ิเหตไุ ด้
เขม็ ทิศ 1. ความสนใจในการเข้าร่วมกิจกรรม
2. ความตง้ั ใจในการปฏบิ ัติกจิ กรรม
การเดินทางไกล 3. บอกชื่อทิศ และเคร่ืองหมายตา่ ง ๆ
ในแผนท่ี
การไต่เชอื กท่ีผกู พัน 4. อธบิ ายวธิ ใี ช้เข็มทศิ
หลกั 5. แสดงวธิ ีหาทศิ โดยใชแ้ ผนท่แี ละเข็ม
ทศิ
6. บอกเสน้ ชั้นความสูงและอ่านตาแหนง่
ในแผนท่ี
1. ความสนใจในการเขา้ รว่ มกิจกรรม
2. ความต้งั ใจในการปฏิบตั กิ ิจกรรม
3. บอกรายละเอียดการเตรียมตัวเดนิ
ทางไกล
4. บอกวธิ แี ก้ปัญหาท่คี าดวา่ จะเกิดขึน้
ในระหว่างเดนิ ทางไกล
1. ความสนใจในการเขา้ ร่วมกิจกรรม
2. ความตั้งใจในการปฏิบัติกิจกรรม
3. บอกวิธีผูกเชือกพันหลัก
4. แสดงวิธีผกู เชือกพันหลักแล้วไต่ลงมา
อย่างปลอดภยั
10-11 ระเบยี บแถวทา่ ตรง 1. ความสนใจในการเขา้ รว่ มกิจกรรม 2
ท่าพัก และทา่ หันอยู่ 2. ความต้ังใจในการปฏิบัติกิจกรรม
กบั ท่ี 3. ความมีระเบยี บและความพรอ้ ม
เพรียง
4. การปฏบิ ตั ิตนตามระเบยี บแถวท่าตรง
ทา่ พักและท่าหันอยู่กบั ท่ี
โครงสร้างการสอน วชิ า ลูกเสือ ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 6
ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศกึ ษา……………… เวลา 20 ชัว่ โมง
สปั ดาหท์ ี่ ชอ่ื หน่วยการเรยี นรู้ จุดประสงค์ เวลา (ชม.) / สัปดาห์
12-15 สัญญาณมอื รปู 1. ความสนใจในการเขา้ ร่วมกิจกรรม 4
แถวครง่ึ วงกลมและ 2. ความตงั้ ใจในการปฏบิ ัตกิ ิจกรรม 2
16-17 รปู แถววงกลม 3. ความมีระเบียบและความพรอ้ ม 1
เพรยี ง
18 สญั ญาณนกหวดี 4.การเขา้ แถวรปู คร่งึ วงกลมและรปู 2
วงกลม
การเดนิ สวนสนาม 1. ความสนใจในการเขา้ รว่ มกิจกรรม
2. ความตั้งใจในการปฏบิ ตั ิกิจกรรม
3. บอกความหมายของสญั ญาณนกหวดี
4.ทดสอบการปฏิบัตติ ามสญั ญาณ
นกหวดี
5.ปฏบิ ัติตามสัญญาณนกหวดี
1. ความสนใจในการเขา้ ร่วมกิจกรรม
2. ความตงั้ ใจในการปฏบิ ตั ิกิจกรรม
3. ความมีระเบียบและพร้อมเพรียง
4.แสดงวธิ ีทาความเคารพอยู่กับท่ใี นการ
เดินสวนสนาม
5. แสดงวธิ ที าความเคารพขณะเดนิ สวน
สนาม
6. ปฏบิ ัตติ ามคาสั่งในการเดินสวนสนาม
ทกุ ขนั้ ตอน
19-20 การอยคู่ ่ายพักแรม 1. ความสนใจในการเขา้ รว่ มกิจกรรม
2. ความตั้งใจในการปฏิบตั กิ จิ กรรม
3. บอกลกั ษณะพน้ื ที่ท่ีเหมาะสม ในการ
ตั้งคา่ ยพักแรม
4. แสดงวิธีบรรจสุ ิ่งของลงเคร่ืองหลงั
สัปดาห์ที่ 1-2
โรงเรียนขจรเกยี รติพฒั นา
แผนการจดั การเรยี นรู้
ภาคเรยี นที 2/……………… ชอ่ื ผู้สอน.......................................................
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 วิชาการลกู เสือ ช้ัน ประถมศกึ ษาปีที่ 6 จานวน 2 คาบ
แผนการเรียนรูท้ ่ี 1 เรอื่ ง การปฐมพยาบาลผ้ปู ่วยท่มี ีเลือดออกภายนอกและการเคลื่อนย้ายผปู้ ่วย
1. สาระสาคัญ
การช่วยเหลือผอู้ น่ื เมื่อเกดิ อบุ ัติเหตุ เปน็ หน้าท่ีของลกู เสอื
2. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1. แสดงวิธปี ฐมพยาบาลผูป้ ่วยทม่ี เี ลอื ดออกภายนอกได้
2. สามารถเคลื่อนย้ายผปู้ ่วยได้อยา่ งถูกวิธแี ละปลอดภยั
3. บอกวิธีขอความช่วยเหลือในกรณที เี่ กดิ อุบัตเิ หตุได้
3. สาระการเรียนรู้
คาบท่ี กจิ กรรมการเรยี นการสอน
1-2 1. พธิ ีเปดิ ประชุมกอง (ธงขน้ึ สวดมนต์ สงบนงิ่ ตรวจ แยก)
2. เพลง - เกม
3. การสอนตามเนื้อหา
3.1 ผกู้ ากับนาสนทนาถึงอุบตั ิเหตทุ ี่เกิดขึ้นจากการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมต่าง ๆ
3.2 รว่ มกนั อภปิ รายถงึ ลักษณะของผปู้ ว่ ยท่ีมเี ลือดออกภายนอกและการปฐมพยาบาลทีถ่ ูกต้อง
3.3 ผ้กู ากบั นาสนทนาถึงความสาคญั ของการเคลอ่ื นย้ายผ้ปู ่วย
3.4 รว่ มกันอภิปรายการเคลอ่ื นยา้ ยผุป้ ว่ ยดว้ ยวธิ ีตา่ งๆ
3.5 แบง่ กลุ่มลูกเสอื เรียนตามฐาน โดยผู้กากับอธบิ ายและสาธติ แลว้ ให้ลกู เสือฝึกปฏิบัติ ดงั น้ี
ฐานที่ 1 อ้มุ เดย่ี ว
ฐานท่ี 2 อุม้ คู่
ฐานท่ี 3 การใชเ้ ปล
4. ผู้กากบั เล่าเรื่องสน้ั ท่ีเปน็ ประโยชน์
5. พิธปี ิดประชมุ กอง (นัดหมาย ตรวจ ธงลง เลกิ )
4. การวัดและประเมนิ ผล
ด้านความรู้ ด้านคุณธรรม จริยธรรมและค่านิยม ดา้ นทักษะและกระบวนการ
(K) (A) (P)
1. แสดงวิธีปฐมพยาบาลผูป้ ่วยทมี่ ี 1) มีวินยั 1. คิดวิเคราะห์
เลือดออกภายนอกได้ 2) ใฝเ่ รยี นรู้ 2. การตอบคาถาม
2. สามารถเคลอ่ื นย้ายผู้ป่วยได้ 3) รกั ชาติ ศาสนา กษัตริย์ 3. ทาแบบฝกึ หดั
อย่างถูกวธิ ีและปลอดภยั 4. กระบวนการกลุ่ม
3. บอกวิธีขอความช่วยเหลอื ใน 5. ความสนใจ
กรณที ีเ่ กดิ อบุ ัติเหตไุ ด้ 6. การเข้าร่วมกจิ กรรม
5. สอ่ื / อุปกรณ์ / แหล่งการเรยี นรู้
1. แผนภูมิเพลง
2. อปุ กรณใ์ นการปฐมพยาบาล เช่น สาลี ผ้าพันแผล พลาสเตอร์ ยาฆา่ เช้อื ไมพ้ ลอง
6. ชนิ้ งานทีแ่ สดงผลการเรยี นรู้
ใบความรู้ใบงาน
ลงช่อื ...........................................ผสู้ อน
ลงชอ่ื ...........................................ฝา่ ยวชิ าการ
ลงชื่อ...........................................ผอู้ านวยการ
การขอความช่วยเหลือเมอ่ื เกดิ อุบัตเิ หตุ
1.1 การขอความชว่ ยเหลือจากตารวจและรถพยาบาล
การขอความชว่ ยเหลอื กรณีทลี่ ูกเสือประสบกบั เหตกุ ารณเ์ ฉพาะหน้าที่เปน็ อุบัตเิ หตุ การให้ความช่วยเหลอื เป็นเรอื่ งสาคัญ
แต่ลูกเสือจะต้องไม่ตกใจ พยายามทาใจให้เป็นปกติและพิจารณาว่าขณะน้ันกาลังเกิดอะไรขึ้น ควรให้ความช่วยเหลืออย่างไรท่ี
ลกู เสอื จะไม่ไดร้ บั อนั ตราย ซง่ึ ลกู เสือควรปฏิบตั ดิ งั น้ี
1. สารวจวา่ มีเหตอุ ะไรเกดิ ขึน้ จะให้ความชว่ ยเหลือด้วยตนเองได้หรือไมถ่ า้ ไมไ่ ด้ควรทาอย่างไร
2. รบี แจ้งให้ผ้ใู หญ่ท่ีอยูใ่ กลช้ ดิ ตวั ได้ทราบเหตกุ ารณ์ เพ่ือขอความช่วยเหลือถ้าหากอยใู่ กล้ตารวจใหแ้ จง้ ให้ตารวจทราบ
3. ในการขอความช่วยเหลือให้บอกชัดเจน ไม่ร้อนรน เช่น เกิดอะไรขึ้น ท่ีไหน เมื่อไหร่ อย่างไร จะต้องขอ
รถพยาบาลเพ่ือเคลื่อนยา้ ยผู้บาดเจบ็ ไปโรงพยาบาลหรือไม่ เมื่อขอความช่วยเหลือแล้วลูกเสือจาเปน็ ตอ้ งแจ้งให้ทราบวา่ ลูกเสือชื่อ
อะไร อยู่ทไี่ หน ขณะแจง้ อย่ทู ่ีใด
4. เมื่อขอความช่วยเหลือไปแล้ว ถ้าลูกเสือยังอยู่ในเหตุการณ์และมีการให้ความช่วยเหลืออย่างไร เม่ือกลับไปยังกอง
ลูกเสือโรงเรียนควรบนั ทกึ เหตุการณ์แล้วรายงานใหผ้ ้กู ากบั ลูกเสือได้ทราบด้วย
1.2 การขอความชว่ ยเหลอื เมือ่ เกดิ เพลิงไหม้
เมื่อลูกเสือประสบกับเหตุการณ์เกิดเพลิงไหม้ ให้รบี แจง้ ให้เจา้ หน้าที่ได้ทราบเพื่อจะได้ให้ความช่วยเหลือโดยเรว็ ลูกเสือ
ควรปฏบิ ัตดิ ังน้ี
1. ให้รีบแจ้งใหเ้ จ้าหนา้ ทีต่ ารวจหรือผูใ้ หญ่ท่ีอยใู่ กลไ้ ดท้ ราบโดยเรว็
2. พยายามใหค้ วามช่วยเหลือผู้ท่ตี ิดอยู่ในท่เี กดิ เพลิงไหม้ ซ่ึงลูกเสือตอ้ งคานงึ ดว้ ยวา่ จะมีอันตรายกบั ตนเองหรือไมด่ ว้ ย
3. ใหค้ วามช่วยเหลอื กบั เจา้ หน้าท่ีในการดบั ไฟและอยา่ เกะกะการปฏิบตั ิงานของเจา้ หน้าท่ี
4. ให้ความช่วยเหลอื ในการขนของออกจากบ้านทถ่ี ูกไฟไหมแ้ ละชว่ ยดแู ลมิให้สูญหาย
1.3 การใหค้ วามชว่ ยเหลอื เมือ่ พบคนจมนา้
เมื่อลูกเสือประสบเหตุเห็นคนจมน้า สิ่งท่ีลูกเสือต้องคานึงคือลูกเสือว่ายน้าเป็นหรือไม่ ถ้าไม่เป็นจะให้ความช่วยเหลือ
อยา่ งไร กรณที ่ีคนจมนา้ อยไู่ มห่ ่างจากฝ่ังหรือขอบบ่อมากนักให้ปฏิบัตดิ ังน้ี
1. ถ้าอยู่ใกล้ขอบบ่อที่สามารถให้ความช่วยเหลือได้ ให้ย่ืนเส้ือหรือกางเกงให้คนจมน้าจับ ข้อสาคัญทรงตัวให้ดีมิฉะนั้น
ลกู เสือจะตกนา้ ตามไปด้วย
2. ให้โยนเชือกหรือทุ่นให้คนจมน้าเกาะ วิธีการน้ีค่อนข้างลาบากมากเพราะเม่ือโยนไปแล้วอาจไม่ตรงกับท่ีคนจมน้าจะ
จบั ได้ จึงต้องใช้ความสามารถเปน็ พิเศษ
สง่ิ ทล่ี ูกเสือตอ้ งคานึงถงึ
การลงไปช่วยคนในน้า
1. ตอ้ งวา่ ยน้าเป็น
2. ตอ้ งใสเ่ สอื้ ผา้ ให้น้อยท่ีสดุ
3. คนจมน้าต้องไมอ่ ยูห่ ่างเกนิ ไป และอยใู่ นน้าลึก เพราะคนไปช่วยอาจไดร้ บั อันตราย
4. ถา้ ไม่แนใ่ จใหข้ อความชว่ ยเหลอื จากผใู้ หญด่ ้วย
สัปดาห์ท่ี 3-5
โรงเรียนขจรเกยี รติพัฒนา
แผนการจัดการเรยี นรู้
ภาคเรยี นท่ี 2/……………. ชอื่ ผ้สู อน........................................................
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 การบริการ ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 6 จานวน 3 คาบ
แผนการเรียนรทู้ ่ี 2 เรอื่ ง การใช้แผนทแ่ี ละเข็มทิศ
1. สาระสาคญั
การศกึ ษาแผนทเ่ี ขม็ ทิศ สามารถนาไปใช้ประโยชน์ในการเดนิ ทางไกลได้
2. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
1. บอกชอ่ื ทิศทง้ั 8 ไดถ้ ูกตอ้ ง
2. บอกเครื่องหมายต่าง ๆ ในแผนท่ไี ด้
3. บอกวธิ ใี ชเ้ ข็มทิศได้
4. อธบิ ายระบบเส้นชน้ั ความสูงในแผนท่ีได้
5. อ่านตาแหนง่ พกิ ัดกรดิ ในแผนทไ่ี ด้
6. แสดงวธิ หี าทิศโดยใช้เข็มทิศได้
3. สาระการเรยี นรู้
1. ตระหนกั ในปญั หาและความจาเป็น
2. คิดวิเคราะหว์ จิ ารณ์
3. สรา้ งทางเลือกหลากหลาย
4. ประเมนิ และเลือกทางเลอื ก
5. กาหนดและลาดบั ขนั้ ตอนการปฏิบตั ิ
คาบที่ กจิ กรรมการเรียนการสอน
1-3 1. พิธเี ปิดประชมุ กอง (ธงขึน้ สวดมนต์ สงบนงิ่ ตรวจ แยก)
2. เพลง - เกม
3. การสอนตามเน้ือหา
3.1 ผกู้ ากบั นาสนทนาถงึ ทศิ และการหาทิศโดยวิธตี ่าง ๆ
3.2 ผ้กู ากับอธิบายเส้นช้ันความสงู และวิธีหาตาแหนง่ ทตี่ ั้งโดยอาศัยระบบพิกัดกริดในแผนท่ี
3.3 ร่วมกันอภิปรายเก่ียวกบั การใชเ้ ข็มทศิ และการวางแผนทใ่ี หถ้ ูกทางรวถึงสว่ นประกอบและวิธีใช้เข็มทศิ
3.4 ผู้กากับอธบิ ายการใชแ้ ผนที่ในส่วนทเี่ ก่ยี วกับมาตรฐานสว่ นเครอ่ื งหมายและเสน้ ทางท่กี าหนดในแผนที่
3.5 ใหล้ กู เสอื แตล่ ะหมู่ฝึกหาทศิ โดยใช้แผนทแ่ี ละเข็มทศิ
3.6 แบ่งหมูล่ ูกเสือเรยี นตามฐาน โดยผกู้ ากับอธิบายและสาธติ แลว้ ใหล้ ูกเสอื ฝึกปฏิบตั ดิ ังน้ี
ฐานท่ี 1 การหาตาแหน่งพิกดั กรดิ
ฐานที่ 2 การหาทศิ โดยใชเ้ ข็มทิศ
4. ผกู้ ากบั เลา่ เร่อื งสั้นที่เปน็ ประโยชน์
5. พิธีปิดประชมุ กอง (นดั หมาย ตรวจ ธงลง เลิก)
4. การวดั และประเมินผล
ด้านความรู้ ด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรมและคา่ นยิ ม ด้านทกั ษะและกระบวนการ
(K) (A) (P)
1. ความสนใจในการเข้าร่วม 1) มวี ินยั 1. คดิ วิเคราะห์
กิจกรรม 2) ใฝ่เรยี นรู้ 2. การตอบคาถาม
2. ความตง้ั ใจในการปฏบิ ัติ 3) รกั ชาติ ศาสนา กษตั รยิ ์ 3. ทาแบบฝกึ หดั
กิจกรรม 4. กระบวนการกลุ่ม
3. บอกชอ่ื ทิศ และเครอ่ื งหมาย 5. ความสนใจ
ตา่ ง ๆ ในแผนที่ 6. การเขา้ ร่วมกจิ กรรม
4. อธิบายวิธใี ชเ้ ขม็ ทิศ
5. แสดงวิธหี าทิศโดยใช้แผนทีแ่ ละ
เข็มทิศ
6. บอกเส้นช้นั ความสูงและอ่าน
ตาแหน่งในแผนท่ี
5. ส่ือ / อุปกรณ์ / แหล่งการเรียนรู้
1. แผนภูมิเพลง
2. แผนภูมทิ ศิ ท้งั 8
3. แผนท่ี เข็มทิศ
4. แผนภูมแิ สดงเคร่ืองหมายบนแผนท่ี
6. ชน้ิ งานที่แสดงผลการเรียนรู้
ใบความรู้ใบงาน
ลงช่อื ...........................................ผสู้ อน
ลงช่ือ...........................................ฝา่ ยวชิ าการ
ลงชื่อ...........................................ผ้อู านวยการ
การใชเ้ ข็มทิศกลางแจง้
การใช้เข็มทิศกลางแจ้ง เป็นส่ิงท่ีลูกเสือควรเรียนรู้เพ่ือประกอบในการทาแผนที่สังเขปสาหรับเส้นทางเดิน สิ่งจาเป็นใน
การทาแผนที่สังเขป ประกอบด้วยเข็มทิศและการรู้ระยะก้าวของตน เช่น ระยะก้าวแต่ละก้าวเป็นระยะเท่าไร หรือในระยะ
100 เมตรจะต้องเดินได้ก่ีก้าว โดยปกติคนเราจะมีความยาวก้าวละ 75 เซนติเมตร หรือเดิมนาทีละ 116 ก้าว ถ้าเดิน 4
กโิ ลเมตรตอ่ 1 ชว่ั โมง เราจะคานวณหาความยาวของก้าวได้ดังตัวอย่าง ดงั น้ี
ระยะทาง 100 เมตร
เดินได้ 133 เมตร
ฉะนัน้ 1 กา้ วจะเทา่ กบั 100/133 เมตร
ได้ประมาณ .75 เมตร หรือประมาณ 75 เซนตเิ มตร
วิธีทา
1. เขียนลกู ศรทิศเหนอื แมเ่ หลก็ ลงบนหัวกระดาษด้านบน
2. จัดวางแผน่ กระดาษ วางใหถ้ กู ทศิ โดยใช้เขม็ ทิศ
3. กาหนดจดุ เริ่มตน้ ลงบนแผ่นกระดาษ (สมมติคอื จดุ ท่ี 1 )
4. ลากเส้นตรงเบา ๆ จากจดุ เรมิ่ ตน้ ไปตามแนวทศิ ทางท่จี ะเดินทางไปยงั จุดท่ี 2
5. ใช้เข็มทิศเลง็ ไปตามทศิ ทางนน้ั โดยเล็งไปยงั ทห่ี มายท่ีเด่นชัด
6. อา่ นค่ามมุ อะซิมุทแมเ่ หลก็ ทวี่ ัดได้และจดลงไว้ในสมุดทาแผนท่ี
7. ผู้ทาออกเดินทางจากจุดเริ่มต้น (จุดท่ี 1) ไปตามทิศทางนั้นจนถึงจุดทส่ี อง และวัดระยะทางโดยการนับก้าว พร้อม
ทัง้ เก็บรายละเอยี ดลักษณะภมู ปิ ระเทศระหว่างสองข้างทางด้วย
8. เมอ่ื เดินไปถึงจุดที่ 2 แล้ว ก็หมายจุดนัน้ ลงบนเส้นตรงที่ลากไว้เบา ๆ บนกระดานโดยการใชม้ าตราสว่ นท่ีกาหนดข้ึน
ใหพ้ อเหมาะ
9. จากจุดท่ี 2 เราก็จัดวางแผ่นกระดาษให้ถูกทิศเสียก่อน แล้วลากเส้นตรงเบา ๆ จากจุดท่ี 2 ไปตามแนวทิศท่ีจะ
เดินทางต่อไป การปฏิบัติก็เช่นเดียวกบั ทกี่ ลา่ วมาแลว้ ขา้ งต้น
ระบบเสน้ ช้ันความสงู ในแผนที่
เป็นการจัดทาจากภาพถ่ายทางอากาศ แสดงความสูงต่าของภูมิเทศในแผนท่ี ท่ีง่ายที่สุดคือแสดงด้วยเส้นช้ันความสูง
คือตาแหน่งต่าง ๆ บนเส้นเดียวกันจะมีความสูงเท่ากับที่ระบุไว้ท่ีแต่ละเส้น ซึ่งอาจบอกความสูงเป็นหน่วยใหญ่ ๆ เช่น 100,
200, 300 เมตร จากระดบั น้าทะเล โดยแสดงด้วยเส้นหนักที่เป็นสีน้าตาลหรือมีเส้นท่ีบอกความสงู ละเอียดอยู่ระหว่างเส้นหนัก
โดยทาเป็นเสน้ บาง ๆ และมตี ัวเลขกากบั ไว้เชน่ กัน
การแสดงแผนทโี่ ดยใช้เส้น นอกจากใช้กบั ความสงู แลว้ ยังใช้กับอุณหภมู คิ วามกดอากาศและอ่นื ๆ อีก
สีท่ใี ชใ้ นแผนท่ี
สที ใ่ี ชใ้ นการทาแผนที่เพื่อให้ง่ายแก่การอ่านรายละเอียดบนแผนท่ี ซ่ึงแผนทีส่ ว่ นมากจะพมิ พเ์ คร่ืองหมายแผนทไี่ ว้เปน็ สี
ต่าง ๆ กัน แตล่ ะสีแสดงรายละเอียดของภมู ิประเทศอย่างหนึง่ สีท่ีใช้เปน็ มาตรฐานมี 5 สี คอื
1. สีดาใช้สาหรบั รายละเอียดทเ่ี กิดจากแรงงานมนุษย์ (ยกเว้นถนน)
2. สีแดง ใช้แทนรายละเอยี ดท่เี ป็นถนน
3. สีน้าเงิน ใช้แทนสาหรบั รายละเอยี ดทเ่ี ป็นนา้ หรือทางน้า เชน่ ทะเล แมน่ ้า บึง
4. สเี ขียว ใชแ้ ทนสาหรบั รายละเอยี ดท่ีเปน็ ป่าไม้ และบรเิ วณท่ีทาการเพาะปลูก เชน่ สวน ไร่
5. สนี า้ ตาล ใชแ้ ทนลักษณะทรวดทรงความสูง เช่น ใช้เขียนเส้นช้นั ความสูง
สปั ดาหท์ ่ี 6-7
โรงเรียนขจรเกยี รติพฒั นา
แผนการจดั การเรียนรู้
ภาคเรยี นท่ี 2/……………. ชือ่ ผู้สอน........................................................
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 3 การผจญภยั ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 6 จานวน 2 คาบ
แผนการเรียนรู้ท่ี 3 เร่ือง การเดินทางไกล
1. สาระสาคัญ
การเตรยี มตวั สาหรบั เดนิ ทางไกล เปน็ การชว่ ยเหลอื ตวั เองและเป็นการเตรยี มพร้อมสาหรับการปฏิบัติกิจกรรม
2. จุดประสงค์การเรียนรู้
1. บอกรายระเอยี ดในการเตรียมตัวเดนิ ทางไกลได้
2. บอกวธิ ีแกป้ ญั หาและท่ีคาดวา่ จะเกิดข้ึนระหว่างเดนิ ทางไกลได้
3. สาระการเรยี นรู้
1. ตระหนักในปัญหาและความจาเป็น
2. คิดวิเคราะห์วจิ ารณ์
3. สร้างทางเลือกหลากหลาย
4. ประเมนิ และเลือกทางเลือก
5. กาหนดและลาดบั ขัน้ ตอนการปฏิบัติ
คาบท่ี กิจกรรมการเรียนการสอน
1-2 1. พิธเี ปดิ ประชุมกอง (ธงขึน้ สวดมนต์ สงบนง่ิ ตรวจ แยก)
2. เพลง - เกม
3. การสอนตามเน้อื หา
3.1 ผกู้ ากับนาสนทนาถึงการเตรยี มตวั ในการเดินทางไกล
3.2 ร่วมกันอภปิ รายถึงการเตรียมอปุ กรณ์ในการเดินทางไกล
3.3 ผู้กากับนัดหมายให้ลูกเสือเดินทางไกลด้วยเท้าระยะทางไม่น้อยกว่า 10 กิโลเมตรหรือโดย
จักรยาน ระยะทางไมน่ ้อยกว่า 20 กิโลเมตร แล้วบันทึกรายงานการเดินทางโดยย่อ ท้ังนี้โดยจัดเป็นโครงการ
วันหยดุ
4. ผูก้ ากบั เล่าเรื่องส้ันทเี่ ปน็ ประโยชน์
5. พิธีปิดประชมุ กอง (นดั หมาย ตรวจ ธงลง เลิก)
4. การวัดและประเมนิ ผล
ดา้ นความรู้ ด้านคณุ ธรรม จริยธรรมและค่านยิ ม ด้านทักษะและกระบวนการ
(K) (A) (P)
1. ความสนใจในการเขา้ รว่ ม 1) มวี นิ ัย 1. คดิ วิเคราะห์
กิจกรรม 2) ใฝเ่ รยี นรู้ 2. การตอบคาถาม
2. ความตงั้ ใจในการปฏบิ ัติ 3) รักชาติ ศาสนา กษตั ริย์ 3. ทาแบบฝึกหดั
กิจกรรม 4. กระบวนการกลุ่ม
3. บอกรายละเอียดการเตรยี มตัว 5. ความสนใจ
เดินทางไกล 6. การเข้ารว่ มกิจกรรม
4. บอกวิธแี กป้ ญั หาท่คี าดว่าจะ
เกดิ ข้นึ ในระหวา่ งเดินทางไกล
6. สื่อ / อปุ กรณ์ / แหลง่ การเรียนรู้
1. แผนภูมเิ พลง
2. อปุ กรณ์สาหรับเดินทางไกล
3. แบบรายงานการเดินทางไกล
7. ชิ้นงานทแี่ สดงผลการเรยี นรู้
ใบความรู้ใบงาน
ลงช่ือ...........................................ผู้สอน
ลงชอ่ื ...........................................ฝ่ายวิชาการ
ลงช่ือ...........................................ผ้อู านวยการ
การเดนิ ทางไกล
การเดินทางไกล หมายถึง การเดินทางออกจากท่ีต้ังของกองลูกเสือโรงเรียนไปตามเส้นทางและสถานท่ีที่ได้กาหนดไว้
โดยมวี ตั ถุประสงคเ์ พ่ือปฏิบตั กิ จิ กรรมของลูกเสือ
สาหรับจานวนลูกเสือและระยะทางนั้น ขึ้นอยู่กับผู้กากับลูกเสือจะได้กาหนดเส้นทางและพาหนะเดินทางจะได้มีการ
สารวจถึงความเหมาะสมและความปลอดภัย ตลอดจนกิจกรรมต่าง ๆ ที่ลูกเสือจะต้องปฏิบัติตลอดระยะทางและเมื่อถึงท่ี ตั้ง
ปลายทางผกู้ ากบั ลกู เสอื อาจรว่ มปรึกษาหารือกบั นายหมู่และรองนายหม่รู วมถึงความรบั ผดิ ชอบและแผนการเดนิ ทางทป่ี ลอดภยั
การเตรียมตวั
1. ลูกเสือจะต้องฝึกความอดทน ด้วยการวิ่งหรอื เดนิ รอบสนามในโรงเรียนทกุ วันเปน็ ระยะเวลาพอสมควร รวมท้ังรักษา
สุขภาพรา่ งกายใหส้ มบรู ณ์
2. ต้องเตรยี มอุปกรณ์เครือ่ งใชป้ ระจาตวั สาหรับการพกั ค้างคนื รวมท้ังยาทจ่ี าเปน็ สาหรบั ตนเอง
3. เตรียมพาหนะทีจ่ ะเดินทาง เชน่ จกั รยาน หรอื เรอื พาย หรอื อาจเดนิ ทางดว้ ยเท้า
4. ศึกษาเส้นทางท่ีจะไปและจดุ หยดุ พัก หากเป็นไปไดค้ วรทราบวา่ จะพักค้างแรมที่ใด สภาพแวดล้อมเป็นอย่างไรจะได้
เตรียมการพักค้างคนื ได้ถูกต้อง รวมท้งั รายการอาหารท่ตี อ้ งรบั ประทาน
5. รว่ มปรึกษาหารือกบั ผูก้ ากบั ลูกเสือเป็นการลว่ งหน้าก่อนการเดนิ ทางเกยี่ วกับกิจกรรมท่ีลูกเสือจะตอ้ งปฏิบตั ิ
6. ระหวา่ งการเดนิ ทางลูกเสือตอ้ งปฏิบตั ติ ามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด
ขอ้ ควรปฏบิ ัตใิ นการเดนิ ทางไกล
1. ของตดิ ตัว ควรเปน็ ของท่จี าเปน็ ตอ้ งใช้เท่านัน้
2. อุปกรณ์ที่จะใช้ในการตั้งค่ายพักแรมและการปรุงอาหาร ควรพิจารณาของที่มีน้าหนักเบาหรือใช้เฉพาะคร้ังคราว
เท่านั้น
3. ยานพาหนะที่จะใช้เดินทาง ต้องมีความพรอ้ มไม่ชารดุ หรืออาจชารุดระหวา่ งเดนิ ทาง
4. กิจกรรมที่จะต้องปฏิบัตริ ะหวา่ งการเดนิ ทาง ตอ้ งทาดว้ ยความระมัดระวงั รวมถึงการปฏบิ ตั ิตามกฎจราจรดว้ ย
5. กิจกรรมท่ีจะต้องปฏิบัติที่จุดหมายปลายทาง ลูกเสือจะต้องบันทึกในใบรายงานการเดินทางโดยย่อ หากได้เอกสาร
ประกอบการรายงานก็จะเป็นการดี
6. การทาความสะอาดบริเวณที่พักก่อนเดินทางกลับ เป็นสง่ิ จะเป็นท่ีลูกเสือต้องกระทาให้เหมือนเดิม ของใช้ประจาตัว
ทกุ อย่างเกบ็ ใหเ้ รยี บร้อย
7. เมอ่ื เดินทางกลบั ถึงกองลกู เสือโรงเรียน ใหร้ บี รายงานให้ผูก้ ากบั ลกู เสอื ไดท้ ราบพรอ้ มคืนอุปกรณ์ทกุ อยา่ งให้ครบ
แบบรายงานการเดนิ ทางไกล
กอง/กลุ่มลูกเสือโรงเรยี น……………………………………………………………
ช่อื 1. …………………………………… หมู่ ……………………
2. …………………………………… หมู่ ……………………
ได้ออกเดินทางไกลไปพักแรมโดย (พาหนะ)…………………………………………………………
ยงั (สถานที่)…………………………………………………………………………………...
ตัง้ แต่วันท่ี …………….. เดือน ………………… พ.ศ. ……………. เวลา ………………... น.
เดนิ ทางกลบั ถงึ กองลูกเสือโรงเรยี นวนั ท่ี …….. เดอื น …………….. พ.ศ. ……………………
เวลา …………………. น. รวมระยะเวลาการเดินทางไกล ………………….. วัน ……………...คืน
กิจกรรมที่ปฏิบตั ิ
1. ระหว่างการเดนิ ทางไป -
กลับ ……………………………………….…………………………... ……………………………… …………………………………………
………………………..……….…...
……………………………………………………………………………………………………….…..……
………………………………………………………………………………………………..…………….…
2. สง่ิ ทนี่ า่ สนใจ……………………………………………………………………………………………………….….…….
……………………………………………………………………………………………..………….…………………………………………………
……………………………………………………………………...
………………………………………………………………………...…………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………...
………………………………………………………………………………………...…………………………………………………………………
………………………………………………………………….…..
ลงชอื่ 1. ……………………………….
2. ……………………………….
วนั ที่………เดอื น……………พ.ศ……...
สปั ดาหท์ ี่ 8-9
โรงเรียนขจรเกียรติพัฒนา
แผนการจดั การเรยี นรู้
ภาคเรียนที่ 2/……………. ชอ่ื ผ้สู อน........................................................
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 3 การผจญภัย ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 6 จานวน 2 คาบ
แผนการเรยี นร้ทู ่ี 4 เร่อื ง การไตเ่ ชือกทีผ่ กู พนั หลัก
1. สาระสาคัญ
การผกู เชอื กพันหลกั แลว้ ไต่ลงมา เป็นกจิ กรรมผจญภยั ที่ทา้ ทายและสนกุ สนาน
2. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
1. บอกวิธีผกู เชือกพนั หลัก
2. สามารถผกู เชือกพนั หลักแลว้ ไต่ลงมาไดด้ ้วยความปลอดภัย
3. สาระการเรยี นรู้
คาบท่ี กิจกรรมการเรยี นการสอน
1-2 . พธิ เี ปิดประชุมกอง (ธงขนึ้ สวดมนต์ สงบนงิ่ ตรวจ แยก)
1. เพลง - เกม
2. การสอนตามเน้ือหา
3.1 ผูก้ ากับนาสนทนาถึงความปลอดภยั ในการปฏบิ ตั ิกิจกรรม
3.2 ทบทวนการผูกเงื่อนต่าง ๆ เช่น เง่อื นขัดสมาธิ เงือ่ นตะกรุดเบ็ด เง่ือนผูกซุง เงือ่ นบว่ งสายธนูพนั
หลัก3.3 แบ่งหมู่ลกู เสือฝกึ ปฏิบัติ โดยผู้กากับอธิบายและสาธติ วิธีผกู เชอื กพนั หลักที่ถูกต้อง และ
ปลอดภยั
3.4 ผู้กากบั สรปุ เสนอแนะ
4. ผ้กู ากบั เลา่ เร่ืองสน้ั ทเ่ี ปน็ ประโยชน์
5. พธิ ปี ิดประชมุ กอง (นดั หมาย ตรวจ ธงลง เลกิ )
4. การวัดและประเมนิ ผล
ดา้ นความรู้ ดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรมและคา่ นยิ ม ด้านทกั ษะและกระบวนการ
(K) (A) (P)
1. ความสนใจในการเขา้ รว่ ม 1) มีวนิ ยั 1. คดิ วเิ คราะห์
กจิ กรรม 2) ใฝเ่ รียนรู้ 2. การตอบคาถาม
2. ความต้ังใจในการปฏบิ ตั ิ 3) รกั ชาติ ศาสนา กษตั ริย์ 3. ทาแบบฝึกหดั
กิจกรรม 4. กระบวนการกลุ่ม
3. บอกวธิ ผี ูกเชอื กพันหลกั 5. ความสนใจ
4. แสดงวธิ ีผูกเชือกพันหลักแล้วไต่ 6. การเขา้ รว่ มกิจกรรม
ลงมาอยา่ งปลอดภยั
6. สือ่ / อุปกรณ์ / แหล่งการเรียนรู้
1. แผนภมู เิ พลง
2. เชอื ก ไม้พลอง กระสอบ
3. แผนภมู กิ ารผกู เง่อื นและการไตเ่ ชือก
7. ช้ินงานทีแ่ สดงผลการเรยี นรู้
-
ลงช่ือ...........................................ผ้สู อน
ลงชอ่ื ...........................................ฝ่ายวชิ าการ
ลงชอ่ื ...........................................ผ้อู านวยการ
การผูกเชือกพนั หลักและการไต่เชอื ก
2.1 การผูกเชือกพันหลัก เป็นการแสดงความสามารถในการใช้เงื่อนเชือกท่ีสาคัญเพราะลูกเสือต้องผูกเชือกให้มีความ
แน่นและมั่นคงการใช้เง่ือนสามารถเลือกใช้ได้ตามลักษณะของเง่ือน สิ่งสาคัญเม่ือผูกเง่ือนแล้ว ลูกเสือจะต้องไต่เชือกลงจากที่สูง
โดยเง่อื นไมห่ ลดุ การผูกเชือกพันหลกั มวี ิธปี ฏบิ ตั ดิ งั น้ี
1. เลอื กเงือ่ นทผี่ กู แล้วมีความหนาแนน่ มนั่ คงไมห่ ลดุ เชน่ เงอ่ื นกระหวดั ไม้
2. เชือกที่ผูกควรมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 นิ้ว สามารถจับเชือกได้ถนัด ถ้าเป็นเชือกมนิลาหรือเชือกกาบ
มะพร้าวจะไมล่ ืน่
3. ปลายเชือกที่อยู่ด้านบนจะผูกเสาหรือ
ต้นไม้ท่ีสามารถรับน้าหนักคนได้ ปลายข้างหนึ่ง
ลาดเอียง ด้านล่างอาจปล่อยปลายเชือกหรือใช้ผูก
กับเสา หรือต้นไม้อีกก็ได้ แต่ให้สูงจากพ้ื น
ประมาณสะเอว เพ่ือสะดวกในการไต่เชอื กลง
2.2 การไต่เชือก หมายถึง การไต่ลง
ตามเชือกจากที่สูง ที่มีลักษณะเป็นเนินความลาด
ชันประมาณ 40 องศา ระยะทาง ประมาณ 9
เมตร
หลังจากที่ลกู เสือผูกเง่ือนกระหวัดไม้กับหลักให้แน่นและโรยเชือกลงทางลาดแล้วให้จับเชอื กแล้วคอ่ ย ๆ ถอยหลังตามทาง
ลาด คือ ทั้งสองพยุงตัวสลับจับเชือกลงจนตัวถึงพื้น ขณะเคล่ือนที่ลาตัวต้อง คล่อมเชือกและตอ้ งไม่ใหม้ ือรูดเชือกเพราะจะ
ทาใหไ้ ดร้ ับบาดเจ็บ
สัปดาหท์ ่ี 10-11
โรงเรยี นขจรเกียรตพิ ัฒนา
แผนการจัดการเรยี นรู้
ภาคเรียนที่ 2/………………. ชอื่ ผู้สอน........................................................
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 4 ระเบียบแถว ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 6 จานวน 2 คาบ
แผนการเรยี นร้ทู ี่ 1 เรื่อง ระเบียบแถวท่าตรง ท่าพกั และทา่ หนั อยกู่ ับที่
1. สาระสาคัญ
การฝึกระเบียบแถวเปน็ การสรา้ งความมรี ะเบียบวินัยและความพร้อมเพรียง
2. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
ปฏบิ ัตติ นอยู่ในระเบยี บแถวท่าตรง ทา่ พกั และทา่ หันอยู่กับท่ีไดถ้ ูกตอ้ ง
3. สาระการเรียนรู้
คาบท่ี กจิ กรรมการเรยี นการสอน
1 1. พธิ ีเปิดประชมุ กอง (ธงข้นึ สวดมนต์ สงบนง่ิ ตรวจ แยก )
2. เพลง - เกม
3. การสอนตามเนือ้ หา
3.1 ผ้กู ากบั อธิบายและสาธิตการฝกึ ระเบยี บแถวทา่ ตรง ท่าพกั และท่าหันอยูก่ ับที่
3.2 แบ่งกล่มุ ลูกเสอื ปฏบิ ัติ
3.3 รวมกลุ่มทบทวน
4. ผู้กากบั เลา่ เรือ่ งส้ันทเ่ี ป็นประโยชน์
5. พิธปี ิดประชุมกอง (นัดหมาย ตรวจ ธงลง เลกิ )
4. การวดั และประเมินผล
ด้านความรู้ ด้านคณุ ธรรม จริยธรรมและคา่ นิยม ด้านทักษะและกระบวนการ
(P)
(K) (A)
1. คดิ วเิ คราะห์
1. ความสนใจในการเข้าร่วม 1) มีวนิ ยั 2. การตอบคาถาม
3. ทาแบบฝกึ หัด
กจิ กรรม 2) ใฝเ่ รียนรู้ 4. กระบวนการกลุ่ม
5. ความสนใจ
2. ความตง้ั ใจในการปฏิบตั ิ 3) รกั ชาติ ศาสนา กษัตรยิ ์ 6. การเขา้ รว่ มกิจกรรม
กจิ กรรม
3. ความมรี ะเบยี บและความพร้อม
เพรยี ง
4. การปฏบิ ตั ติ นตามระเบยี บแถว
ท่าตรง ท่าพักและท่าหนั อยกู่ ับที่
6. ส่ือ / อุปกรณ์ / แหลง่ การเรียนรู้
1. แผนภูมเิ พลง
2. ภาพระเบียบแถวทา่ ตรง ท่าพกั และทา่ หนั อยู่กบั ทีต่ า่ ง ๆ
7. ชิ้นงานท่แี สดงผลการเรียนรู้
-
ลงชื่อ...........................................ผู้สอน
ลงช่อื ...........................................ฝ่ายวชิ าการ
ลงชอ่ื ...........................................ผูอ้ านวยการ
สัปดาหท์ ่ี 12-15
โรงเรยี นขจรเกยี รตพิ ฒั นา
แผนการจดั การเรียนรู้
ภาคเรยี นที่ 2/………………. ช่อื ผู้สอน........................................................
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 4 ระเบียบแถว ช้ัน ประถมศกึ ษาปที ี่ 6 จานวน 4 คาบ
แผนการเรยี นรทู้ ี่ 4 เรื่อง สัญญาณมอื รูปแถวครึง่ วงกลมและรปู แถววงกลม
1. สาระสาคัญ
การฝกึ ระเบยี บแถวเปน็ การสร้างความมีระเบยี บวนิ ัยและความพร้อมเพรียง
2. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
ปฏบิ ตั ติ ามสัญญาณมือ เขา้ แถวคร่งึ วงกลมและเข้าแถววงกลมไดถ้ ูกต้อง
3. สาระการเรียนรู้
คาบท่ี กิจกรรมการเรียนการสอน
1-4 . พิธีเปดิ ประชมุ กอง (ธงขึ้น สวดมนต์ สงบน่งิ ตรวจ แยก)
2. เพลง - เกม
3. การสอนตามเนอ้ื หา
3.1 ผู้กากบั อธบิ ายและสาธิตการเขา้ แถวรปู ครึ่งวงกลม และรปู วงกลม
3.2 แบ่งกลมุ่ ลูกเสือปฏิบตั ิ
3.3 รวมกลมุ่ ทบทวน
4. ผูก้ ากบั เลา่ เร่ืองสั้นท่เี ป็นประโยชน์
5. พิธีปิดประชุมกอง (นัดหมาย ตรวจ ธงลง เลิก)
4. การวดั และประเมินผล
ด้านความรู้ ดา้ นคุณธรรม จริยธรรมและคา่ นิยม ด้านทักษะและกระบวนการ
(P)
(K) (A)
1. คิดวิเคราะห์
1. ความสนใจในการเข้าร่วม 1) มวี นิ ยั 2. การตอบคาถาม
3. ทาแบบฝกึ หัด
กจิ กรรม 2) ใฝเ่ รยี นรู้ 4. กระบวนการกลุ่ม
5. ความสนใจ
2. ความต้งั ใจในการปฏบิ ตั ิ 3) รักชาติ ศาสนา กษัตริย์ 6. การเข้ารว่ มกจิ กรรม
กิจกรรม
3. ความมีระเบียบและความพรอ้ ม
เพรยี ง
4.การเขา้ แถวรปู คร่งึ วงกลมและรปู
วงกลม
6. สอื่ / อุปกรณ์ / แหล่งการเรียนรู้
1. แผนภูมิเพลง
2. ภาพสัญญาณมือ และรูปแถวครึ่งวงกลมและรปู วงกลม
7. ชนิ้ งานท่ีแสดงผลการเรียนรู้
-
ลงชื่อ...........................................ผู้สอน
ลงชอื่ ...........................................ฝา่ ยวชิ าการ
ลงช่ือ...........................................ผอู้ านวยการ
สปั ดาห์ที่ 16-17
โรงเรียนขจรเกียรตพิ ฒั นา
แผนการจัดการเรียนรู้
ภาคเรียนที่ 2/………………. ช่อื ผู้สอน........................................................
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 4 ระเบียบแถว ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 6 จานวน 2 คาบ
แผนการเรียนรูท้ ่ี 5 เรื่อง สัญญาณนกหวีด
1. สาระสาคัญ
การสังเกต จดจา และปฏิบัติตามสญั ญาณนกหวดี เปน็ ประโยชน์ตอ่ ลูกเสอื
2. จุดประสงค์การเรยี นรู้
1. ปฏิบตั ติ ามสญั ญาณนกหวีดได้
2. บอกความหมายของสญั ญาณนกหวีดได้
3. สาระการเรยี นรู้
คาบท่ี กจิ กรรมการเรยี นการสอน
1-2 1. พธิ ีเปิดประชมุ กอง (ธงขึน้ สวดมนต์ สงบนงิ่ ตรวจ แยก)
2. เพลง - เกม
3. การสอนตามเนื้อหา
3.1 รว่ มกันอภิปรายถงึ ความสาคัญของการใชส้ ัญญาณนกหวีด
3.2 ผู้กากบั อธิบายและสาธิตการปฏิบตั ิตามสัญญาณนกหวดี
3.3 ฝกึ การฟงั สญั ญาณนกหวดี
3.4 ใหล้ กู เสอื ฟงั สัญญาณนกหวีดแล้วปฏิบัติตาม
4. ผกู้ ากับเลา่ เรือ่ งสั้นทีเ่ ป็นประโยชน์
5. พธิ ปี ิดประชมุ กอง (นัดหมาย ตรวจ ธงลง เลิก)
4. การวดั และประเมินผล
ด้านความรู้ ดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรมและค่านิยม ด้านทักษะและกระบวนการ
(K) (A) (P)
1. ความสนใจในการเข้ารว่ ม 1) มีวินัย 1. คดิ วเิ คราะห์
กิจกรรม 2) ใฝเ่ รียนรู้ 2. การตอบคาถาม
2. ความตงั้ ใจในการปฏบิ ัติ 3) รกั ชาติ ศาสนา กษตั รยิ ์ 3. ทาแบบฝึกหดั
กิจกรรม 4. กระบวนการกลุ่ม
3. บอกความหมายของสญั ญาณ 5. ความสนใจ
นกหวีด 6. การเขา้ ร่วมกจิ กรรม
4.ทดสอบการปฏบิ ัตติ ามสัญญาณ
นกหวีด
5.ปฏิบตั ิตามสัญญาณนกหวดี
6. สอ่ื / อุปกรณ์ / แหล่งการเรียนรู้
1. แผนภูมเิ พลง “สัญญาณนกหวีด”
2. แผนภมู ิสัญญาณนกหวดี
3. นกหวีด
7. ชิน้ งานท่ีแสดงผลการเรียนรู้
-
ลงช่ือ...........................................ผู้สอน
ลงชอื่ ...........................................ฝ่ายวิชาการ
ลงช่อื ...........................................ผอู้ านวยการ
ระเบยี บแถว (ท่ามือเปลา่ )
จุดมุ่งหมายหลักของการฝึกระเบียบแถว เป็นการฝกึ ลูกเสือให้เป็นผู้มีระเบียบวินัยและความพร้อมเพรียงกัน นอกจากนี้
ยังเป็นการฝึกการปฏบิ ัติตามคาส่ัง ฝึกความอดทนการทาใหร้ า่ งกายแข็งแรง ทา่ ทางองอาจผึ่งผาย สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้
คลอ่ งแคล่ววอ่ งไว และใหร้ ้จู ักการเปน็ ผู้นาและผตู้ ามที่ดีด้วย
ระเบียบแถวทีล่ ูกเสอื ต้องฝกึ เบือ้ งต้นเปน็ การฝึกในท่ามือเปล่า ซึ่งประกอบดว้ ยท่าต่าง ๆ ต่อไปน้ีคือ
1. ทา่ ตรง
คาบอก “กอง - ตรง”
การปฏบิ ตั ิ ยนื ให้สน้ เท้าชดิ และอยู่ในแนวเดยี วกนั
ปลายเท้าแยกออกข้างละเท่า ๆ กันห่างกนั ประมาณ 1 คบื
(ทามุม 45 องศา)เข่าเหยยี ดตึงและบีบเขา้ หากัน ลาตวั ยืด
ตรงอกผายไหล่เสมอกนั แขนทัง้ สองห้อยอยู่ขา้ งลาตวั และ
เหยียดตรง พลิกศอกไปข้างหนา้ เลก็ นอ้ ยจนไหล่ตงึ นิ้วมอื
เหยียดและชดิ กนั น้ิวกลางจดขาตรงกึ่งกลางประมาณแนว
ตะเขบ็ กางเกง เปดิ ฝ่ามือออกเลก็ นอ้ ย ลาคอยดื ตรงไมย่ ืน่ คาง
ตามองตรงไปข้างหนา้ ให้น้าหนักตัวอยู่บนเทา้ ทั้งสองเทา่ ๆ
กัน และนิ่ง
หมายเหตุ 1. ท่าตรงเป็นท่าเบอื้ งตน้ และเป็นรากฐานของการปฏบิ ตั ทิ า่ อน่ื ๆ
2. ใชเ้ ป็นท่าสาหรับแสดงความเคารพได้ท่าหนึ่ง
2. ทา่ พกั
2.1 พกั ตามปกติ
คาบอก “พกั ”
การปฏิบัติ หย่อนเข่าขวาก่อน ต่อไปก็หย่อน
และเคล่ือนไหวส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเมื่อได้ยินคา
บอกว่า “กอง” ให้ยืดตัวขึ้นและจัดทุกส่วนของ
ร่างกายให้อยู่ในท่าตรง นอกจากเข่าขวาคร้ันเมื่อได้
ยินคาบอกว่า “ตรง” ให้กระตุกเข่าขวาโดยเร็วและ
แข็งแรง กลับไปอยู่ในลกั ษณะของท่าตรง
2.2 พกั ตามระเบียบ
คาบอก “ตามระเบียบ - พกั ”
การปฏบิ ัติ แยกเท้าซ้ายออกไปทางซ้ายประมาณ 30
ซม. (หรือประมาณเกือบคร่ึงก้าวปกติ) อย่างแข็งแรง
และองอาจ พร้อมกับจับมือไขว้หลังมือหันเข้าหาตัว
มือขวาทับมือซ้ายแนบลาตัวในแนวกึ่งกลางและอยู่ใต้
เขม็ ขัดเลก็ นอ้ ย ขาท้งั สองตงึ นา้ หนักตัวอยู่บนเท้าท้ัง
สองเท่า ๆ กันและน่ิงเมื่อได้ยินคาบอกว่า “กอง -
ตรง” ให้ชักเท้าขวาอย่างแข็งแรง พร้อมกับมือทั้ง
สองกลับไปอย่ใู นลักษณะท่าตรงตามเดมิ
2.3 พักตามสบาย
คาบอก “ตามสบาย - พกั ”
การปฏิบัติ “หย่อนเข่าขวาก่อนเช่นเดียวกับ “พัก” ต่อไปจึงเคลื่อนไหวร่างกายอย่างสบายและพูดจากกันได้ แต่เท้า
ข้างหนึง่ ต้องอย่กู ับท่ี ถา้ มิได้รับอนุญาตใหน้ ่ังจะนง่ั ไม่ได้
เม่ือไดย้ ินคาบอกว่า “กอง - ตรง” ให้ปฏบิ ัติทา่ เดยี วกับทา่ พักปกติ”
2.4 พักนอกแถว
คาบอก “พักแถว”
การปฏิบัติ ต่างคนต่างแยกออกจากแถวทันทแี ต่ตอ้ งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกนั และไม่ทาเสยี งอึกทกึ เม่ือได้ยินคาบอกว่า
“กอง” ให้รีบกลับมาเข้าแถวตรงที่เดิม โดยเข้าในรูปแถวเดิมและเมื่อจัดแถวเรียบร้อยแล้วให้อยู่ในท่าตรงจนกว่าจะมีคาบอก
คาสงั่ ตอ่ ไป
หมายเหตุ สาหรับทา่ พัก
ทา่ พัก เป็นทา่ ท่เี ปลยี่ นอิริยา บทจากท่าตรง เพ่ือผ่อนคลายความเคร่งเครียดตามโอกาสต่าง ๆ คอื
1. พักตามปกติใช้พกั ในโอกาสระหว่างฝึกสอน เพือ่ อธิบายหรอื แสดงตวั อยา่ งแก่ลกู เสอื
2. พักตามระเบยี บ ใช้พกั ในโอกาสท่ีเก่ยี วกับพธิ ีการต่าง ๆ เช่น ตรวจพลสวนสนามหรอื อยู่ในแถวกองเกียรตยิ ศ ฯลฯ
3. พักตามสบาย ใช้พักในโอกาสท่ีต้องรอรับคาส่ัง เพื่อปฏิบัติต่อไปเป็นระยะเวลาส้ัน ๆ เช่น เมื่อผู้ควบคุมแถวต้องไป
รบั คาสงั่ จากผบู้ ังคับบญั ชา เป็นต้น
4. พกั นอกแถว ใชพ้ กั ในโอกาสที่ต้องรอรับคาสง่ั เพ่ือปฏิบัติตอ่ ไปเปน็ ระยะเวลานาน ๆ
3. ท่าหันอยกู่ บั ท่ี
1.1 ขวาหนั
คาบอก “ขวา - หนั ”
การปฏิบตั ิ ทาเปน็ 2 จังหวะ คือ
จังหวะ 1 เปิดเท้าขวา และยกส้นเท้า
ซา้ ย ทันใดน้ันให้หันตัวไปทางขวาจนได้ 90 องศา
หมุนเท้าทั้งสองไปโดยให้ส้นเท้าและปลายเท้า ซ่ึง
เป็นหลักน้ันติดอยู่กับพื้นน้าหนักตัวอยู่ที่เท้าขวา
ขาซา้ ยเหยียดตงึ บดิ ส้นเท้าซ้ายออกข้างนอกพอตึง
จังหวะ 2 ชักเท้าซ้ายมาชิดเท้าขวาใน
ลักษณะทา่ ตรงโดยเรว็ และแขง็ แรง
1.2 ซา้ ยหนั
คาบอก “ซา้ ย - หนั ”
การปฏิบัติ ทาเป็น 2 จังหวะอย่าง
เดียวกับท่าขวาหันโดยเปลี่ยนคาว่า “ขวา” เป็น
“ซา้ ย”
1.3 กลับหลังหัน
คาบอก “กลบั หลัง - หนั ”
การปฏบิ ัติ ทาเปน็ 2 จังหวะ คอื
จังหวะ 1 ทาเช่นเดียวกับท่าขวาหัน
จังหวะ 1 แต่หันเลยไปจนกลับหน้าเป็นหลงั ครบ
180 องศา และให้ปลายเท้าซ้ายไปหยุดอยู่ข้าง
หลังเฉียงซ้ายประมาณครึ่งก้าวและในแนวส้นเท้า
ขวา
จังหวะที่ 2 ทาเช่นเดียวกับท่าขวาหัน
จงั หวะ 2
4. ท่าเดิน - ทา่ หยดุ
4.1 ท่าเดนิ
คาบอก “หนา้ – เดิน”
การปฏิบัติ โน้มน้าหนักตัวไปข้างหน้าพร้อมกับก้าวเท้าซ้ายออกเดินก่อน ขาเหยียดตึงปลายเท้างุ้ม ส้นเท้าสูงจากพื้น
ประมาณ 1 คืบ เม่ือจะวางเทา้ และก้าวเท้าต่อไปใหโ้ น้มน้าหนักตัวไปขา้ งหนา้ ตบเต็มฝ่าเทา้ อย่างแข็งแรง ทรงตัวและศรี ษะอยู่
ในท่าตรง แกว่งแขนตามธรรมดาเฉียงไปข้างหน้าและข้างหลังพองาม เม่ือแกว่งแขนไปข้างหน้า ข้อศอกงอเล็กน้อย เมื่อแกว่ง
แขนไปข้างหลังใหเ้ หยียดแขนตรงตามธรรมชาติ หันหลงั มอื ออกนอกตวั แบมือให้น้วิ มือเรียงชดิ ติดกนั
ความยาวของก้าว 40-60 เซนติเมตร (นับจากส้นเท้า) รักษาความยาวของก้าวให้คงท่ี อัตราความเร็วในการเดิน
นาทีละ 90-100 ก้าว
3. สัญญาณมอื
1. สญั ญาณมือ
ในการฝกึ ระเบียบแถว ผู้กากบั ลูกเสืออาจสงั่ ด้วยสญั ญาณมอื
ลกู เสอื จึงจาเปน็ ต้องเรยี นรสู้ ัญญาณมือเพอื่ จะได้แปลสญั ญาณมือที่ได้รบั
และปฏบิ ัตติ ามได้อย่างถูกตอ้ งรวดเร็ว สัญญาณมือท่ีลูกเสือจาเป็นต้อง
เรียนรู้มดี งั น้ี
1) เตรียมคอยฟงั คาส่ังหรอื หยดุ
การใหส้ ัญญาณ ผู้กากับจะเหยียดแขนขวาขึ้นตรงเหนอื ศีรษะ
มือแบ นวิ้ ท้งั ห้าเรียงชดิ ติดกัน หันฝา่ มือไปข้างหน้า
เมอ่ื เห็นสัญญาณน้ใี ห้ลกู เสือ หยดุ การเคลื่อนไหว หรอื หยุดการ
กระทาการตา่ ง ๆ ท่ีกาลงั ทาอยหู่ ันหน้าไปทางผบู้ งั คบั บญั ชาเพ่ือคอยฟัง
คาสั่ง ถ้าอยู่ในแถวใหย้ ืนอยู่ในทา่ ตรง
2) รวมหรอื กลับมา
การใหส้ ัญญาณ ผู้กากับจะเหยียดแขนขวาขน้ึ ตรงเหนือศีรษะ
แบมอื ไปข้างหน้านว้ิ มอื ทั้งหา้ นวิ้ ชดิ ติดกนั และหมุนมอื เปน็ วงกลมจากซ้าย
ไปขวา
เมื่อเหน็ สัญญาณน้ี ให้ลูกเสอื รวมกองรบี มาเข้าแถวรวมกัน
3) จดั แถวหนา้ กระดาน
การให้สัญญาณ ผกู้ ากับจะเหยยี ดแขนท้งั สองออกไปด้านข้าง
เสมอไหล่ ฝ่ามือแบไปขา้ งหน้าน้ิวเรยี งชดิ ตดิ กนั
เมือ่ เหน็ สัญญาณนใี้ หล้ ูกเสือ เขา้ แถวหน้ากระดาน หนั หน้าไป
หาผู้ให้สญั ญาณ
4) จดั แถวตอน
การให้สัญญาณ ผกู้ ากบั ลูกเสือจะเหยยี ดแขนท้ังสองข้างไป
ข้างหน้า แนวเดยี วกบั ไหล่ แขนขนานกนั ฝ่ามือแบเข้าหากัน
เมื่อเห็นสัญญาณน้ี ให้ลกู เสอื เขา้ แถวตอน
5) เคลือ่ นทไ่ี ปยังทิศทตี่ ้องการ
การให้สัญญาณ ผูก้ ากบั จะหันหนา้ ไปยงั ทิศท่ตี ้องการชแู ขนขวา
ขึ้นเหนือศรี ษะสดุ แขน ฝา่ มือแบไปข้างหนา้ นว้ิ ชดิ กันแลว้ ลดแขนลง
เสมอไหล่
เมอ่ื เห็นสญั ญาณน้ี ให้ลูกเสอื วงิ่ ไปยงั ทศิ ทางท่ีมือผู้ให้สัญญาณ
ชีไ้ ป
6) เร่งจงั หวะหรือทาใหเ้ ร็วขน้ึ
การใหส้ ัญญาณ ผูก้ ากบั จะงอแขนขวามอื กาเสมอบา่ แลว้ ชูขนึ้
ตรงเหนอื ศรี ษะแลว้ ลดลงหลาย ๆ ครง้ั ตดิ ต่อกัน
เมือ่ เห็นสัญญาณนี้ ใหล้ ูกเสอื รบี วิ่งหรอื เรง่ จงั หวะสิง่ ที่ทาอยู่ให้
เร็วข้ึน
7) นอนลงหรือเข้าที่กาบัง
การให้สญั ญาณ ผู้กากบั จะเหยยี ดแขนขวาตรงไปขา้ งหน้าเสมอ
แนวไหล่ฝา่ มอื แบควา่ ลง น้วิ ชดิ กันแลว้ ลดแขนลงและยกข้ึนท่ีเดมิ หลาย
ๆ คร้ัง
เมอ่ื ลกู เสือเหน็ สัญญาณน้ใี ห้รีบนอนหรือเขา้ ท่ีกาบงั ทันที
8) ลกุ ขึน้
การให้สัญญาณ ผกู้ ากับจะเหยียดแขนขวาตรงไปข้างหน้าเสมอ
ไหล่ฝ่ามือแบหงายข้นึ นวิ้ ชิดและลดลงทีเ่ ดิมหลาย ๆ ครัง้
เมือ่ ลูกเสือเห็นสญั ญาณน้ีให้รีบลกุ ข้ึนทนั ที
2. การใชส้ ญั ญาณมือเป็นคาส่งั แถว
1) สัญญาณมือพกั ตามระเบียบ
การใหส้ ัญญาณในขณะที่ลูกเสอื อยใู่ นแถว หากผูก้ ากับจะสงั่ ให้
พักจะทาสัญญาณมือเปน็ 2 จังหวะดังนี้
จังหวะท่ี 1 กามือขวา งอแขนตรงข้อศอกให้มือทีก่ าอยู่
ประมาณตรงหวั เขม็ ขดั หนั ฝ่ามอื ท่ีกาเข้าหาเข็มขัด
จังหวะที่ 2 สลดั มอื ท่กี าและหน้าแขนออกไปทางขวา เป็นมุม
180 องศาประมาณแนวเดยี วกับเข็มขัด
เมื่อเห็นสัญญาณน้ี ให้ลกู เสือพักตามระเบยี บ
2) สัญญาณมือทา่ ตรง
การให้สญั ญาณ ขณะทกี่ าลังพักตามระเบียบ ผูก้ ากบั จะส่งั ให้
ตรงด้วยการทาสญั ญาณมือเป็น 2 จงั หวะดังน้ี
จังหวะที่ 1 กามือขวา แขนเหยยี ดตรงไปทางขวา ให้มือกาอยู่
ในระดับเข็มขัด
จังหวะท่ี 2 กระตุกหนา้ แขนเขา้ หาตวั ใหม้ ือท่กี ากลับมาอยู่
ตรงหวั เข็มขัด
เมื่อเห็นสญั ญาณน้ี ให้ลูกเสือชักเท้าซ้ายมาชดิ เท้าขวา ลดแขน
ทไ่ี ขวห้ ลังมาอยู่ในท่าตรง
1.4 สัญญาณนกหวีด
ในการออกคาสั่งแก่ลูกเสือ ผู้กากับลูกเสืออาจสั่งด้วยสัญญาณนกหวีดก็ได้ ลูกเสือจึงเข้าใจความหมายของสัญญาณ
นกหวีด เพอ่ื จะไดป้ ฏบิ ตั ติ ามได้อยา่ งถกู ต้องและรวดเร็วสัญญาณท่ีควรรมู้ ีดงั นี้
1. สัญญาณหยดุ หรอื ฟัง เสยี งหวีดยาว 1 คร้งั “หวีด”(-)เป็นสญั ญาณให้ลูกเสือหยุดกระทาการใด ๆ หรือเตรยี มตวั คอย
ฟงั คาสั่งทผ่ี กู้ ากับลกู เสือจะส่งั ต่อไป
2. สัญญาณทาต่อไป เสียงหวีดยาว 2 ครั้ง “หวีด…หวีด” ( ) เป็นสัญญาณให้ลูกเสือทางานต่อ เดินต่อไปหรือ
เคลื่อนที่ตอ่ ไป
3. สัญญาณเกิดเหตุ เสียงหวีดส้นั 1 ครั้งยาว 1 คร้ังสลับกันไปหลาย ๆ ครั้ง “วิด…หวีด” “วิด…หวีด” “วิด…หวีด”( .
- . - . - )เป็นสญั ญาณใหล้ ูกเสอื ระวังตวั เพราะเกิดเหตฉุ กุ เฉนิ หรือเกิดเหตรุ า้ ยขน้ึ
4. สัญญาณรวมกอง เสียงหวีดส้ันติดกันหลาย ๆ คร้ัง “วิด…วิด…วิด…วิด…วิด…วิด…วิด…วิด…วิด..วิด” ( …. ) เป็น
สญั ญาณใหล้ ูกเสอื รวมกอง หรือมาประชมุ
5. สัญญาณเรียกนายหมู่ เสียงหวีดส้ัน 3 คร้ังยาว 1 คร้ัง สลับกันไป “วิด…วิด…วิด…หวีด,วิด…วิด…วิด…หวีด,วิด…
วดิ …วิด…วดิ …หวีด” (…- …-) เปน็ สญั ญาณให้นายหมู่หรือรองนายหมไู่ ปหาผ้ใู หส้ ญั ญาณเพ่อื รอรับคาสัง่
หมายเหตุ เมื่อจะใชส้ ญั ญาณตามขา้ 2 3 4 และ 5 จะต้องใช้สญั ญาณในข้อ 1 ก่อน ทกุ ครง้ั
แถวรูปวงกลม
1. แบบผเู้ รยี กยืนอยู่ทจ่ี ดุ ศนู ย์กลาง
เมอ่ื ไดย้ ินเสียงเรยี ก “กอง” และเห็นผู้เรียกยนื อยูใ่ นท่าตรง เหยยี ดแขน ทั้งสองขา้ งไปข้างหน้า อยู่ในระดบั เอว ฝา่
มอื แบควา่ ไขว้กนั ข้อมอื ขวาทับข้อมอื ซ้าย แลว้ โบกผ่านลาตัวจากด้านหนา้ ไปประสานกันท่ีดา้ นหลงั โดยแบฝา่ มือทั้งสองหงาย
ขน้ึ หลงั จากมือขวาทบั มอื ซา้ ย (โบกผา่ นลาตัว 3 ครั้ง)
ให้ลูกเสือเข้าแถวเช่นเดียวกับแถวครึ่งวงกลม แต่ให้คนท้ายแถว (ของนายหมู่) ของหมู่สุดท้ายไปจดกับนายหมู่ของหมู่
แรก ยกมอื ซา้ ยขนึ้ ทาบสะโพก สะบดั หนา้ ไปทางขวา
การจดั แถว เม่อื ไดย้ นิ คาสัง่ วา่ “นิ่ง” ให้สะบดั หน้ากลบั มาอยู่ในท่าตรง
2. แบบผเู้ รยี กอยูท่ ่ีเสน้ รอบวง
เมื่อไดย้ ินเสยี งเรยี ก “กอง” และเห็นผู้เรยี กยืนอยูใ่ นท่าตรง เหยยี ดแขนขวาตรงไปข้างหน้า มอื ขวากาขึ้นขา้ งบน หมุน
เลยไปดา้ นหลงั และหมนุ กลับมาด้านหน้า ทาเชน่ น้ีอยู่ 3 คร้งั
ให้ลูกเสือหมู่แรกยืนชิดด้านซ้ายมือของผู้เรียก หมู่ที่ 1 และหมู่ต่อ ๆ ไปอยู่ทางซ้ายมือของหมู่แรกตามลาดับ จนรอง
นายหมขู่ องหมสู่ ดุ ทา้ ยไปจดขวามือของผเู้ รียกใหผ้ เู้ รยี กอยใู่ นเสน้ รอบวง
7. แถวสเี่ หลี่ยมเปดิ ดา้ นหนึง่
ผู้เรยี กแถวยนื อยู่ดา้ นหน่ึง (ซึ่งเป็นดา้ นเปิด) ศอกงอยกท้ังสองข้นึ ขา้ งหนา้ ใหห้ น้าแขนทั้งสองไขว้กันตรงฝา่ มือ ฝา่ มือ
ทง้ั สองแบเหยียดหนั ไปขา้ งหน้า ฝา่ มอื ขวาไขว้ทบั ฝา่ มอื ซา้ ยประมาณแนวลูกคาง เป็นสัญญาณถ้ามลี ูกเสือ 3 หมู่ ให้เข้าแถวใน
อีก 2 ด้านท่ีเหลือ โดยมีนายหมู่ 1 เข้าแถวหน้ากระดานแถวเด่ียวทางด้านซ้ายของผู้เรียก หันหน้าเข้าในรูปส่ีเหล่ียม หมู่ 2
เข้าแถวหน้ากระดานแถวเด่ียวด้านตรงข้ามกับผู้เรยี ก หันหน้าเข้าหาผู้เรียกและหมู่ 3 เข้าแถวหน้ากระดานแถวเด่ียวตรงขา้ มกับ
หมู่ 1 ทางดา้ นขวาของผเู้ รียก
การเข้าแถวให้ลูกเสือมากกว่า 3 หมู่ ให้อยู่ในดุลพินิจของผู้เรียกแถว แต่ควรให้ด้านซ้ายมือกับด้านขวามือมีจานวน
เทา่ กัน
เมอื่ ผเู้ รยี กแถวตรวจแถวเรยี บรอ้ ยแล้วส่งั น่ิง ลกู เสอื ทุกคนลดแขนลงพร้อมสะบดั หน้าอยู่ในทา่ ตรง
8. แถวรัศมหี รือล้อเกวยี น
ผู้เรียกแถวยืนอยู่ในท่าตรง มือขวาแบคว่ากางนิ้วออกทุกนิ้ว ชูแขนไปข้างหน้าทามุมประมาณ 45 องศาให้มองเห็นได้
แล้ว เรียก “กอง”
ให้ลูกเสือทุกหมู่มาเข้าแถวเป็นรูปหมู่แถวตอนหน้าผู้เรียก ห่างจากผู้เรียกประมาณ 6 ก้าว เป็นรูปรัศมีโดยให้หมู่แรก
อยู่ด้านหน้าทางซ้ายมือผู้เรียกประมาณ 45 องศา หมู่ท่ี 2 และหมู่ต่อๆ ไปอยู่ด้านซ้ายของหมู่แรกตามลาดับ ถือผู้เรียกเป็น
จุดศูนย์กลาง ระยะต่อของแต่ละหมู่ระหว่างบุคคลประมาณ 1 ช่วงแขน ระยะเคียงระหว่างนายหมู่ต่อนายหมู่พอสมควรและ
นายหมู่หมสู่ ดุ ทา้ ยจะอยดุ่ ้านหนา้ ทางขวามือของผเู้ รยี กประมาณ 45 องศา
การเขา้ แถว ให้ลูกเสือทุกคน (เว้นคนอย่หู วั แถวของแต่ละหมู่) เหยียดแขนซ้ายไปขา้ งหนา้ สงู เสมอแนวไหล่ ควา่ ฝ่ามือ
ให้ปลายน้วิ มือจดหลังของคนหน้าพอดี ผู้เรียกแถวจัดแถวแล้วสั่ง “น่ิง” ลกู เสอื ทกุ คนลดแขนลงพร้อมกนั และนง่ิ
สปั ดาห์ที่ 18
โรงเรยี นขจรเกียรตพิ ัฒนา
แผนการจดั การเรียนรู้
ภาคเรียนที่ 2/……………. ช่อื ผสู้ อน........................................................
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 4 ระเบียบแถว ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 6 จานวน 1 คาบ
แผนการเรียนรทู้ ี่ 7 เรื่อง การเดนิ สวนสนาม
1. สาระสาคัญ
การเดนิ สวนสนามเป็นการฝึกความพร้อมเพรยี ง ทาใหเ้ กดิ ความมรี ะเบยี บวนิ ัย
2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. สามารถเดินแถวหนา้ กระดานตอนหมไู่ ดถ้ ูกต้อง
2. สามารถเดนิ เลย้ี ว หัน ได้ถกู ต้อง
3. สามารถทาความเคารพอยกู่ ับท่ี ได้ถูกตอ้ ง
4. สามารถทาความเคารพขณะเดนิ สวนสนามไดถ้ ูกต้อง
5. สามารถเดินสวนสนามไดถ้ ูกตอ้ งและพร้อมเพรียง
3. สาระการเรยี นรู้
คาบที่ กิจกรรมการเรียนการสอน
1 1. พิธเี ปิดประชมุ กอง (ธงข้นึ สวดมนต์ สงบนง่ิ ตรวจ แยก)
2. เพลง - เกม
3. การสอนตามเน้อื หา
3.1 ผู้กากับอธบิ ายและสาธติ การทาความเคารพอยกู่ ับที่ เช่น วนั ทยาวธุ เรียบอาวธุ การปฏิบตั ิ
ของผถู้ ือธงและป้าย
3.2 ใหล้ กู เสอื ฝกึ ปฏบิ ตั ิ
3.3 ผ้กู ากับอธิบายและสาธิตการทาความเคารพขณะเดินสวนสนามของผู้ถอื ป้าย ผูถ้ อื ธงประจากอง
ลกู เสอื ขณะผา่ นประธานในพิธี
3.4 ฝกึ ปฏิบตั ิการเดินสวนสนามทุกขนั้ ตอน
4. ผกู้ ากบั เลา่ เรื่องสน้ั ที่เปน็ ประโยชน์
5. พธิ ีปดิ ประชุมกอง (นดั หมาย ตรวจ ธงลง เลกิ )
4. การวัดและประเมนิ ผล
ดา้ นความรู้ ด้านคณุ ธรรม จริยธรรมและคา่ นิยม ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ
(K) (A) (P)
1. ความสนใจในการเขา้ ร่วม 1) มวี นิ ยั 1. คิดวเิ คราะห์
กิจกรรม 2) ใฝ่เรียนรู้ 2. การตอบคาถาม
2. ความตัง้ ใจในการปฏิบตั ิ 3) รักชาติ ศาสนา กษตั ริย์ 3. ทาแบบฝึกหัด
กจิ กรรม 4. กระบวนการกลุ่ม
3. ความมรี ะเบียบและพร้อม 5. ความสนใจ
เพรียง 6. การเข้ารว่ มกจิ กรรม
4. แสดงวิธที าความเคารพอยู่กับท่ี
ในการเดนิ สวนสนาม
5. แสดงวิธีทาความเคารพขณะ
เดินสวนสนาม
6. ปฏิบตั ติ ามคาสั่งในการเดนิ สวน
สนามทุกขนั้ ตอน
5. สอื่ / อปุ กรณ์ / แหลง่ การเรียนรู้
1. แผนภูมเิ พลง
2. ไมพ้ ลอง
3. ป้ายและธงประจากองลูกเสือ
4. กลอง
7. ชนิ้ งานทแ่ี สดงผลการเรยี นรู้
-
ลงชื่อ...........................................ผู้สอน
ลงชอื่ ...........................................ฝ่ายวชิ าการ
ลงช่อื ...........................................ผู้อานวยการ
สัปดาหท์ ี่ 19-20
โรงเรียนขจรเกยี รติพัฒนา
แผนการจัดการเรียนรู้
ภาคเรยี นท่ี 2/………………. ชื่อผู้สอน........................................................
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 5 การพงึ่ ตนเอง ช้ัน ประถมศึกษาปีท่ี 6 จานวน 2 คาบ
แผนการเรียนรู้ที่ 2 เรอื่ ง การอยูค่ ่ายพักแรม
1. สาระสาคัญ
การรจู้ ักชว่ ยเหลอื ตนเอง ย่อมนาไปสกู่ ารรูจ้ ักชว่ ยเหลอื ผู้อน่ื
2. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
1. บอกสถานท่ีทเ่ี หมาะสมในการตั้งคา่ ยพกั แรมได้
2. สามารถจดั เตรยี มส่งิ ของลงเครื่องหลังไดเ้ รยี บร้อย
3. สาระการเรยี นรู้
คาบที่ กจิ กรรมการเรยี นการสอน
1-2 1. พธิ ีเปดิ ประชุมกอง (ธงข้นึ สวดมนต์ สงบน่ิง ตรวจ แยก )
2. เพลง - เกม
3. การสอนตามเนื้อหา
3.1 ผูก้ ากับนาสนทนาเกยี่ วกับการไปอยู่คา่ ยพกั แรม
3.2 แบ่งหมลู่ ูกเสือเรียนตามฐาน โดยผูก้ ากับอธิบาย และสาธิตแลว้ ให้ลูกเสอื ฝกึ ปฏบิ ัติ ดงั น้ี
ฐานท่ี 1 การเลือกสถานท่ีท่ีเหมาะสมในการต้งั คา่ ย
ฐานท่ี 2 การบรรจสุ ง่ิ ของลงเครอื่ งหลัง
3.3 ผ้กู ากบั อภิปรายสรุป แลว้ ให้ลูกเสอื ไปพิจารณาเลือกสถานท่ีทีจะไปอยูค่ ่ายพกั แรม
4. ผู้กากับเลา่ เรอ่ื งส้ันทเี่ ป็นประโยชน์
5. พิธปี ดิ ประชุมกอง (นัดหมาย ตรวจ ธงลง เลกิ )
6. การวดั และประเมินผล
ดา้ นความรู้ ด้านคุณธรรม จรยิ ธรรมและค่านิยม ด้านทกั ษะและกระบวนการ
(K) (A) (P)
1. ความสนใจในการเข้าร่วม 1) มวี นิ ยั 1. คิดวเิ คราะห์
กิจกรรม 2) ใฝเ่ รยี นรู้ 2. การตอบคาถาม
2. ความตั้งใจในการปฏบิ ตั ิ 3) รักชาติ ศาสนา กษัตรยิ ์ 3. ทาแบบฝกึ หัด
กิจกรรม 4. กระบวนการกลุ่ม
3. บอกลกั ษณะพนื้ ที่ท่ีเหมาะสม 5. ความสนใจ
ในการตงั้ ค่ายพักแรม 6. การเข้าร่วมกิจกรรม
4. แสดงวธิ ีบรรจุสิ่งของลงเคร่ือง
หลัง
6. สอ่ื / อปุ กรณ์ / แหล่งการเรียนรู้
1. แผนภมู เิ พลง
2. เครื่องหลัง (เป้)
3. อุปกรณส์ าหรบั บรรจลุ งเครือ่ งหลงั
7. ชิ้นงานท่ีแสดงผลการเรียนรู้
-
ลงชื่อ...........................................ผสู้ อน
ลงชื่อ...........................................ฝา่ ยวิชาการ
ลงช่ือ...........................................ผ้อู านวยการ