The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ใบความรู้ที่ 1 พลังงานสิ้นเปลือง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ทิพกฤตา อินไชย, 2022-07-05 02:24:56

ใบความรู้ที่ 1 พลังงานสิ้นเปลือง

ใบความรู้ที่ 1 พลังงานสิ้นเปลือง

ใบความรู้ที่ 1
เรื่อง พลังงานสิ้นเปลือง

พลังงานเป็นปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญในการตอบสนองความต้องการพื้นฐานของ
ประชาชน ทั้งยังเป็นปัจจัยหลักในภาคธุรกิจ และภาคอุตสาหกรรม นอกจาก
นี้การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของประชากร และการเติบโตทางเศรษฐกิจ ยังส่ง
ผลให้อัตราการใช้พลังงานของโลกเพิ่มขึ้นตามไปด้วย จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่
ทำให้แหล่งพลังงานฟอสซิล ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานเชิงพาณิชย์ที่ใช้แล้วหมดไป
เช่น ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน น้ำมันมีปริมาณลดลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะน้ำมัน
มีแนวโน้มว่าจะหมดลงภายในไม่กี่สิบปีข้างหน้านี้

พลังงาน หมายถึง ความสามารถในการทำงาน ซึ่งมีอยู่ในตัวของสิ่งที่อาจให้
งานได้โดยการทำให้วัตถุหรือธาตุเกิดการเคลื่อนที่หรือเปลี่ยนรูปแบบไปได้ การ
ที่วัตถุเคลื่อนที่จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้ ก็เพราะมีแรงหรือพลังงานเข้าไป
กระทำพลังงานหรือความสามารถในการทำงานได้นี้ นอกจากสิ่งมีชีวิตจะใช้
พลังงาน ซึ่งอยู่ในรูปของสารอาหารในการดำรงชีวิตโดยตรงแล้ว สิ่งมีชีวิตยัง
ต้องใช้พลังงานในรูปแบบลักษณะอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการดำรงชีวิตประจำวันอีกใน
หลายรูปแบบ
พลังงานสิ้นเปลือง หมายถึง พลังงานที่ได้จากทรัพยากรธรรมชาติที่ใช้แล้ว
หมด ไม่สามารถเกิดทดแทนได้ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

พลังงานสิ้นเปลืองที่เป็นฟอสซิล(Fossil) หรือซากพืชซากสัตว์ ที่ทับถมกัน
เป็นเวลานับล้านๆ ปี ภายใต้เปลือกโลกที่มีความร้อนและความดันสูง ได้แก่

ปิโตรเลียม ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน

ใบความรู้ที่ 1
เรื่อง พลังงานสิ้นเปลือง

พลังงานสิ้นเปลืองที่ไม่ใช่ฟอสซิล ได้แก่ พลังงานนิวเคลียร์

พลังงานปิโตรเลียม

ปิโตรเลียม มีรากศัพท์มาจาภาษาละตินว่า เพทรา
แปลว่า หิน และคำว่า โอลิอุม แปลว่า น้ำมัน ความ
หมายของปิโตรเลียมคือ น้ำมันที่ได้มาจากหิน โดยจะ
ไหลซึมออกมาเองในรูปของของเหลวหรือก๊าซ

การกำเนิดของพลังงานปิโตรเลียม

ปิโตรเลียมมีต้นกำเนิดมาจากสารประกอบอินทรีย์ทั้งพืชและสัตว์ ที่สะสม
ปะปนกับตะกอนจำพวกคาร์บอเนตซึ่งจะตกตะกอนสะสมตัวอยู่ภายใต้สภาพ
แวดล้อม ตามบริเวณแอ่งบนพื้นผิวโลกทั้งบนบกและในทะเล หลังจากที่
ตะกอนสะสมตัวและทับถมฝังจมลงในแอ่งตะกอนเป็นเวลาล้านปี จะเกิดการ
เปลี่ยนแปลงภายใต้อิทธิพลของความร้อนและความกดดันจากภายในโลก
ตะกอนก็จะเปลี่ยนแปลงไปเป็นหินตะกอน ส่วนสารประกอบอินทรีย์ที่ระเหย
หรือละลายน้ำได้ ก็จะถูกขับออกไปจากหินตะกอน เหลือแต่สารประกอบ
ไฮโดรคาร์บอนที่เป็นของแข็ง เรียกว่า “คีโรเจน” (Kerogen) ซึ่งถือว่า
เป็นสารต้นกำเนิดของปิโตรเลียมปิโตรเลียมเป็นสารประกอบประเภท
ไฮโดรคาร์บอน มีธาตุที่เป็นองค์ประกอบหลักคือ ไฮโดรเจน และ คาร์บอน

ปิโตรเลียมมี 3 สถานะ คือ
ของแข็ง ของเหลว ก๊าซ

ใบความรู้ที่ 1
เรื่อง พลังงานสิ้นเปลือง

ปัจจัยที่ทำให้เกิดปิโตรเลียม

ปัจจัยที่ทำให้สารต้นกำเนิดปิโตรเลียม หรือคีโรเจนแปรสภาพ คือ
1. อุณหภูมิ ระดับ 48–190 องศาเซลเซียส แต่ที่ระดับ 87 องศาเซลเซียส
เป็นระดับที่เหมาะสมที่สุดกับการเกิดปิโตรเลียม
2. เวลาหรืออายุของตะกอน ตะกอนมีเวลาในการสะสมตัวมากใช้อุณหภูมิต่ำลง
ส่วนตะกอนที่มีอายุในการสะสมตัวน้อยจะใช้อุณหภูมิสูง ในการแปรสภาพเป็น
ปิโตรเลียม

แหล่งสะสมของปิโตรเลียม

เมื่อปิโตรเลียมอยู่ในรูปของน้ำมันดิบจากหินต้นกำเนิด จะเคลื่อนย้ายตัวออก
ไปตามช่องว่างระหว่างอนุภาคของชั้นหินหรือรอยแตก เนื่องจากอิทธิพลของแรง
กดดันของตะกอนที่ทับถมอยู่เบื้องบนและแรงดันจากการเพิ่มปริมาตร ปิโตรเลียม
จะมีทิศทางการเคลื่อนตัวขึ้นสู่เบื้องบนที่ระดับ ความลึกน้อย เข้าไปกักเก็บสะสม
ตัวในหินตะกอนที่มีความพรุนสูงกว่าหรือมีรอยแตกในเนื้อหิน เรียกว่า
“หินกักเก็บ” หากมีการสะสมกันเป็นปริมาณมากเรียกว่า “แหล่งกักเก็บ”

แหล่งกักเก็บปิโตรเลียม

1. โครงสร้างรูปโค้งประทุนคว่ำ (anticlinaltrap) เกิดจากการหักงอของชั้น
หิน ทำให้ชั้นหินมีรูปร่างโค้งคล้ายกระทะคว่ำ หรือหลังเต่าน้ำมันและก๊าซจะเคลื่อน
เข้าไปรวมตัวกันอยู่ในส่วนโค้ง ก้นกระทะ โดยมีชั้นหินเนื้อแน่นปิดทับอยู่

ใบความรู้ที่ 1
เรื่อง พลังงานสิ้นเปลือง

2. โครงสร้างรูปประดับชั้น (startigraphic trap) สามารถเกิดขึ้นได้หลาย
รูปแบบ ขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของผิวโลกในอดีตชั้นหินกักเก็บน้ำมันจะถูก
ล้อมเป็นกะเปาะอยู่ระหว่างชั้นหิน เนื้อแน่น

3. โครงสร้างรูปโดม (domal trap) เกิดจากการดันตัวของชั้นหินเกลือผ่าน
ชั้นหินกักเก็บน้ำมันซึ่งตามปกติจะเป็นรูปโดมน้ำมันและก๊าซจะสะสมอยู่ด้านข้าง
ของโดมชั้นเกลือ

ใบความรู้ที่ 1
เรื่อง พลังงานสิ้นเปลือง

4. โครงสร้างรูปรอยเลื่อน (fault trap) เกิดจากการหักงอของชั้นหินทำให้
ชั้นหินเคลื่อนไปคนละแนว การที่น้ำมันและก๊าซถูกกักเก็บอยู่ได้เพราะมีชั้นหินเนื้อ
แน่นเลื่อนมาปิดชั้นหินที่มีรูพรุนทำให้น้ำมันและก๊าซถูกกักเก็บอยู่ในช่องที่ปิดกั้น

การสำรวจหาแหล่งปิโตรเลียม

การสำรวจหาแหล่งปิโตรเลียม เป็นการสำรวจหาข้อมูลที่เกี่ยวกับขนาด รูปทรง
ทางเรขาคณิตของแหล่งปิโตรเลียม และระดับความลึกจากพื้นผิวของแหล่ง เพื่อ
ประเมินปริมาณ สำรองและคุณภาพของปิโตรเลียม
1. การสำรวจทางธรณีวิทยาเพื่อสำรวจหาว่าชั้นหินที่เป็นแหล่งกักเก็บปิโตรเลียม
อยู่หรือไม่ และเพื่อการวิเคราะห์หาอายุและสารต้นกำเนิดปิโตรเลียม
2. การสำรวจทางธรณีฟิสิกส์ เป็นการวัดคลื่นความไหวสะเทือนผ่านชั้นหินโดย
การสร้างคลื่นสะท้อนจากการจุดระเบิดเพื่อให้เกิดคลื่นความสั่นสะเทือนวิ่งไป
กระทบชั้นหินใต้ท้องทะเล และใต้ดินแล้วสะท้อนกลับขึ้นมา
3. การเจาะสำรวจใช้วิธีการเจาะสุ่ม เรียกหลุมแรกสำรวจเพื่อสำรวจหา
ปิโตรเลียมและประเมินคุณค่าทางเศรษฐกิจและหาขอบเขตของแหล่งกักเก็บ
ปิโตรเลียม

ใบความรู้ที่ 1
เรื่อง พลังงานสิ้นเปลือง

กระบวนการกลั่น

กระบวนการกลั่นประกอบด้วย

1. การแยก หมายถึง การแยกส่วนประกอบทางกายภาพของน้ำมันดิบด้วยวิธี
การกลั่นลำดับส่วน น้ำมันดิบมากลั่นในหอกลั่น ซึ่งน้ำมันดิบจะถูกแยกด้วยการก
ลั่นลำดับส่วนออกเป็นน้ำมันสำเร็จรูปประเภทต่างๆ ตามช่วงจุดเดือดที่ต่างกัน
2. การเปลี่ยนโครงสร้างทางเคมี หมายถึง การเปลี่ยนแปลงโมเลกุล เพื่อให้
คุณภาพของน้ำมันเหมาะสมกับความต้องการของการใช้ประโยชน์
3. การปรับปรุงคุณภาพ ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากกรรมวิธีการกลั่นลำดับส่วนและการ
เปลี่ยนโครงสร้างทางเคมี ยังมีคุณภาพที่ไม่เหมาะสมกับการใช้งาน ต้องมีการ
ขจัดออกหรือการเติมกลิ่นการเติมสีลงไป
4. การผสม หมายถึง การนำน้ำมันชนิดต่างๆ ที่ผ่านกรรมวิธีแล้วมาผสมตาม
สัดส่วนที่เหมาะสม เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปตามมาตรฐานที่กำหนด เช่น การ
ผสมน้ำมันเบนซินให้ได้ค่าออกเทนตามมาตรฐาน

ใบความรู้ที่ 1
เรื่อง พลังงานสิ้นเปลือง

ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันดิบ

1. ก๊าซปิโตรเลียมเหลว หรือเรียกว่า ก๊าซหุงต้ม ใช้เป็น
เชื้อเพลิงได้ดี เวลาลุกไหม้ให้ความร้อนสูงมีเปลวสะอาด
ไม่มีสีไม่มีกลิ่น

2. เบนซิน น้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องยนต์เบนซิน หรือที่เรียก
ว่า น้ำมันเบนซิน ซึ่งมี 2 ชนิด ตามค่าออกเทน คือ
น้ำมันเบนซินธรรมดาออกเทน 91 และน้ำมันเบนซินพิเศษ
ออกเทน 95

3. น้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบินใบพัด หรือน้ำมันเบนซิน
อากาศยาน มีการปรุงแต่งคุณภาพให้มีค่าออกเทนสูง
ขึ้น เพื่อให้ได้กำลังขับดันมาก

4. น้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบินไอพ่น

5. น้ำมันก๊าด 6. น้ำมันดีเซล

7. น้ำมันหล่อลื่น เช่น น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์

8. น้ำมันเตา ใช้กับเตาต้มน้ำหม้อน้ำในโรงงาน
อุตสาหกรรม

ใบความรู้ที่ 1
เรื่อง พลังงานสิ้นเปลือง

ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันดิบ

9. ยางมะตอย ต้องมีคุณสมบัติ คือ มีความเฉื่อยต่อสารเคมี
และไอควัน มีความต้านทานสภาพอากาศและแรงกระแทก
กระเทือน มีความเหนียว ความยืดหยุ่นตัวต่ออุณหภูมิระดับ
ต่างๆ ได้ดี นำมาใช้ประโยชน์ คือ การนำมารดผิวถนน ผิว
ทางเท้า ทางวิ่งเครื่องบิน วัสดุสำหรับปูพื้นหลังคา

การใช้ประโยชน์จากพลังงานปิโตรเลียม

1. การนำพลังงานปิโตรเลียมมาใช้กับยวดยานพาหนะ

2. การนำพลังงานปิโตรเลียมมาผลิตกระแสไฟฟ้า เพื่อใช้ในอาคาร
บ้านเรือนและโรงงานอุตสาหกรรม

ผลกระทบจากการใช้พลังงานปิโตรเลียม

การเผาไหม้ปิโตรเลียม จะก่อให้เกิดมลภาวะทางอากาศ โดยการปล่อยไอ
เสียออกมาจากปล่องควันของโรงงานอุตสาหกรรมของรถยนต์ เครื่องจักร ก่อ
ให้เกิดมลพิษ ได้แก่ การปล่อยก๊าซคาร์บอน-ไดออกไซค์ ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซค์
ก๊าซไนโตรเจนออกไซค์ ฝุ่นละออง เขม่าควันต่างๆ จะส่งผลเสียต่อสุขภาพ
ประชาชน พืช สัตว์ และสิ่งแวดล้อมอื่น

ใบความรู้ที่ 2

เรื่อง พลังงานก๊าซธรรมชาติ

ก๊าซธรรมชาติ (Natural Gas) คือก๊าซชีวภาพชนิดหนึ่ง ก๊าซธรรมชาติ
จัดเป็นสารประกอบ ไฮโดรคาร์บอน (มีสูตรทางเคมีเป็น CnH2n+2) โดยทั่วๆ
ไปจะประกอบด้วยก๊าซมีเทน (Methane, CH4) ประมาณ 70% ขึ้นไป ขึ้นอยู่
กับสภาพแวดล้อมของแหล่งก๊าซธรรมชาติแต่ละแหล่งเป็นสำคัญ

การกำเนิดก๊าซธรรมชาติ

ก๊าซธรรมชาติ เป็นปิโตรเลียมชนิดหนึ่งที่มีอยู่ทั่วไป
ในโลก เมื่อหลายล้านปีก่อนพื้นผิวโลกส่วนใหญ่เป็นทะเลมี
สัตว์และพืชนานาพันธุ์ แล้วตายทับถมกับโคลนทรายและ
กากตะกอนต่างๆ ที่ก้นทะเลซ้ำแล้วซ้ำเล่าซ้อนทับกันเป็น
ชั้นๆ โคลนทรายและกากตะกอนเหล่านี้ก็ค่อยกดอัดกันแน่น
เข้าจนกลายเป็นหินชั้น เรียกว่า หินดินดาน หินตะกอน
ส่วนซากผุพังของพืชและสัตว์แปรสภาพไปเป็นก๊าซและ
น้ำมัน สะสมอยู่ในชั้นใต้ดิน

คุณสมบัติของก๊าซธรรมชาติ

1. ก๊าซธรรมชาติไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่มีสารพิษ
2. เมื่อเผาไหม้แล้วจะเป็นเชื้อเพลิงสะอาดส่งผลกระทบแก่ สิ่งแวดล้อม น้อย
3. มีการเผาไหม้สมบูรณ์ ไม่มีเขม่า ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น
4. ปราศจากสารพิษ
5. เบากว่าอากาศ (ความถ่วงจำเพาะ 0.5-0.8) มีสถานะเป็นก๊าซที่อุณหภูมิและความดัน
บรรยากาศติดไฟ ช่วงการติดไฟที่ 5 – 15% ของปริมาตรในอากาศ

1. ในทะเล (มีปริมาณมาก) ได้แก่ บริเวณอ่าวไทย

ใบความรู้ที่ 2

เรื่อง พลังงานก๊าซธรรมชาติ

แหล่งกำเนิดก๊าซธรรมชาติในประเทศไทย

1. ในทะเล (มีปริมาณมาก) ได้แก่ บริเวณอ่าวไทย

มีอยู่ 2 แหล่งด้วยกันคือ 2. บนบก (มีปริมาณน้อย) ได้แก่ อำเภอน้ำพอง
จังหวัดขอนแก่น

กระบวนการแยกก๊าซธรรมชาติ

เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ตามความเหมาะสม และให้เกิดคุณค่าทางเศรษฐกิจสูงสุด ผลิตภัณฑ์
ที่ได้จากโรงแยกแปรสภาพก๊าซธรรมชาติ จำแนกตามลักษณะของสารประกอบไฮโดรคาร์บอนที่
แยกออกและนำไปใช้ประโยชน์ต่อกระบวนการผลิตอื่นๆ ได้แก่

1. ก๊าซโพลีธรรมชาติ หรือ Natural Gasoline ประกอบด้วย ก๊าซเพนเทน เฮกเซนและ
สารประกอบตัวอื่นๆ ที่มีคาร์บอนผสมอยู่ตั้งแต่ 5 อะตอม ขึ้นไป

1.1. ก๊าซโพลีธรรมชาติ นำมากลั่นเป็นน้ำมันเบนซิน (Motor Gasoline)
1.2. ก๊าซเพนเทน เฮกเซนและเฮปเทน และสารประกอบอื่นๆ ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นของเหลวที่
ระเหยได้เร็ว ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมปิโตรเคมี เช่น อุตสาหกรรมสีแลกเกอร์ ทินเนอร์
อุตสาหกรรมยาง เป็นต้น

2. ก๊าซปิโตรเลียมเหลว หรือ Lquefied Petroleum Gas ประกอบด้วย ก๊าซโพเพนและ
บิวเทน นำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงหุงต้มในอุตสาหกรรมและครัวเรือน เป็นเชื้อเพลิงสำหรับรถยนต์และ
โรงงานอุตสาหกรรม

3. ก๊าซบิวเทน (Butane) ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตสารเคมีและพลาสติกบางชนิด เช่น กระเป๋า
เดินทาง อุปกรณ์การแพทย์ และยางรถยนต์ ฯลฯ

4. ก๊าซโพเพน (Propane) นำมาใช้ผลิตโพรพิวลีนในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี เพื่อเป็นสารตั้ง

ต้นในการผลิตเม็ดพลาสติกที่เรียกว่า Polypropylene ใช้กับอุตสาหกรรมผลิตยาง

สังเคราะห์ แผ่นฟิล์ม ถุงร้อนใส่อาหาร หรือ กระสอบ เป็นต้น

5. ก๊าซอีเทน (Ethane) ใช้ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ผลิตเอทิลีนที่เป็นวัตถุดิบในการผลิต
เม็ดพลาสติกชนิดต่างๆ รวมทั้งผลิตเอทิลแอลกอฮอล์ หรือ เอทานอล ใช้ในการผลิตเครื่องดื่ม
แอลกอฮอล์หรือเป็นตัวทำละลายในอุตสาหกรรมเคมีอื่นๆ

6. ก๊าซมีเทน (Methane) การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยจะส่งก๊าซมีเทนให้แก่การไฟฟ้า
ฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ใช้เป็นเชื้อเพลิงในโรงงานผลิตปูนซีเมนต์ เซรามิก และบางส่วนก็ใช้
เป็นวัตถุดิบในการผลิตปุ๋ยเคมีเมทิลแอลกอฮอล์ หรือแอมโมเนียม

ใบความรู้ที่ 2

เรื่อง พลังงานก๊าซธรรมชาติ

7. ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานพาหนะหรือ (Natural Gas For Vehicles ) (NGV) ซึ่ง
สำหรับในประเทศไทยของเราก็ได้มีมาตรการส่งเสริมให้ใช้พลังงานสะอาดในยานพาหนะ

ประโยชน์ของก๊าซธรรมชาติ

1. ใช้เป็นเชื้อเพลิงในโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้า โรงงานอุตสาหกรรม เชื้อเพลิงสำหรับรถยนต์
2. มีการเผาไหม้สมบูรณ์ มีความปลอดภัยสูงในการใช้งาน เนื่องจากเบากว่าอากาศ จึงลอยขึ้น
เมื่อเกิดการรั่ว
3. มีราคาถูกกว่าเชื้อเพลิงปิโตรเลียมอื่นๆ เช่น น้ำมัน น้ำมันเตา และก๊าซปิโตรเลียมเหลว
4. ก๊าซธรรมชาติ เชื้อเพลิงสะอาด เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ก๊าซธรรมชาติไม่มีฝุ่นออกไซด์ของ
กำมะถัน และไนโตรเจนซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม
5. ก๊าซธรรมชาติช่วยบรรเทาสภาวะโลกร้อนและปล่อยความร้อนสู่บรรยากาศโลกน้อยกว่า
เชื้อเพลิงชนิดอื่น

ข้อดีสำหรับยานยนต์ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ

1. ประหยัดค่าใช้จ่ายเชื้อเพลิงเมื่อเทียบกับน้ำมันเบนซิน 91 และ 95 ประมาณ 55 – 60%
2. สามารถเลือกใช้น้ำมันเบนซินหรือก๊าซเป็นเชื้อเพลิงได้ตามต้องการ (สามารถปรับสวิทซ์เลือกใช้
เชื้อเพลิงได้ในขณะที่รถวิ่งอยู่)

ใบความรู้ที่ 2

เรื่อง พลังงานก๊าซธรรมชาติ

3. เครื่องยนต์ (ยกเว้นบ่าวาล์วไอเสีย) สึกหรอน้อยกว่าเมื่อเทียบกับการใช้น้ำมันเบนซิน
4. ไม่มีการเจือจางของน้ำมันเชื้อเพลิงในน้ำมันหล่อลื่น
5. ไม่มีสารกำมะถันเป็นส่วนประกอบ จึงทำให้ความเป็นกรดในน้ำมันหล่อลื่นต่ำกว่าการใช้น้ำมัน
เบนซินและดีเซลซึ่งมีสารกำมะถันเจือปนอยู่ด้วย
6. การเผาไหม้เกิดเขม่าซึ่งเป็นมวลสารของแข็งไปเจือปนในน้ำมันหล่อลื่นต่ำกว่าการใช้น้ำมัน
เบนซินและดีเซล จึงทำให้อายุการใช้งานของน้ำมันหล่อลื่นสูงขึ้น

ข้อเสียของยานยนต์ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ

1. ต้องติดถังบรรจุก๊าซและเนื้อก๊าซ รถมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น
2. เสียพื้นที่บรรจุสัมภาระ (เนื่องจากต้องติดตั้งถังบรรจุก๊าซในพื้นที่หลังรถ)
3. กำลังเครื่องยนต์และอัตราเร่งด้อยกว่าการใช้น้ำมันเบนซินเป็นเชื้อเพลิง (เนื่องจากเครื่องยนต์
มีอากาศเข้าไปเผาไหม้น้อยลง รวมถึงน้ำหนักเพิ่มขึ้นจากถังก๊าซที่ติดตั้งเพิ่มเติม)
4. ทำการตรวจเช็คและตั้งวาล์วไอเสียทุกระยะการใช้งานประมาณ 40,000 – 60,000 กม .

ผลกระทบจากการใช้ก๊าซธรรมชาติ

1. ความเป็นพิษต่อร่างกาย ก๊าซธรรมชาติก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟด์ มีผลต่อเนื้อเยื่ออ่อน
2. ไฟไหม้ / ระเบิด ก๊าซธรรมชาติเป็นก๊าซติดไฟกรณีที่มีก๊าซรั่วไหลผสมอากาศ ก่อให้เกิดการลุก
ไหม้ได้

ใบความรู้ที่ 3

เรื่อง พลังงานถ่านหิน

ถ่านหิน เป็นตะกอนที่ติดไฟได้ชนิดหนึ่ง มีสีน้ำตาลถึงดำ มีสถานะเป็นของแข็ง มีความ
เปราะ ถ่านหินเป็นฟอสซิลที่เกิดจากการทับถมของซากสิ่งมีชีวิตจำพวกพืช เป็นเวลา
ประมาณ 225-350 ล้านปี ซากเหล่านี้จะถูกย่อยสลายโดยปฏิกิริยาเคมี เมื่อมีการทรุดตัว
ของแผ่นดินหรือระดับน้ำในบริเวณนั้นๆ สูงขึ้น ทำให้ซากพืชจมลงใต้ระดับน้ำแล้วถูกปิดทับ
โดยตะกอนหิน ดิน ทราย ที่ถูกพัดพามากับน้ำ และเมื่อตะกอนที่ปิดทับมีปริมาณสูงขึ้น
เรื่อยๆ ซากพืชเหล่านั้นจะถูกบีบอัดโดยน้ำหนักของตะกอนที่ปิดทับอยู่ได้รับอิทธิพลจาก
ความร้อนที่เพิ่มขึ้น ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมี จนซากพืชเหล่านั้นกลายเป็นถ่านหิน
ในที่สุด

ลำดับที่ 1 ถ่านหินจะเกิดบริเวณที่เป็นหนอง บึง แอ่งน้ำ หรือที่ชื้นแฉะริมแม่น้ำ ริมทะเล มีระดับ
ต่ำกว่าบริเวณรอบข้าง ซึ่งเกิดขึ้นโดยการยุบตัวลงหรือบริเวณรอบๆ ยกตัวสูงขึ้น เนื่องจากผิวโลก
ส่วนต่างๆปรับตัวเพื่อให้เข้าสู่สภาวะสมดุล

ลำดับที่ 2 บริเวณนี้มีสภาพแวดล้อมที่อำนวยให้พืชเกิดขึ้นและอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น มีวงจร
ชีวิตหลายครั้ง มีทั้งเกิดขึ้นล้มตายลงเกิดขึ้นอีกแล้วตายติดต่อกันหรือเป็นช่วงๆ ซากต่างๆจะสะสม
ทับถมกันเป็นจำนวนมาก

ใบความรู้ที่ 3

เรื่อง พลังงานถ่านหิน

ลำดับที่ 3 ต่อมาบริเวณนี้มีการผุพังเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของผิวโลก ทำให้มีตะกอน
ดินมาทับถมซากพืชและซากสิ่งมีชีวิตอื่นรวมทั้งมีการเปลี่ยนแปลงสภาพสิ่งแวดล้อม เช่น
ภาวะแห้งแล้ง น้ำท่วม การผุพังทำลาย การเคลื่อนไหวของผิวโลกการแตกแยกของแผ่นดิน
ฯลฯ จะทำให้ซากต่างๆที่สะสมอยู่ได้รับแรงกดดัน และได้รับความร้อนจากภายในโลก ส่งผล
ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมีและฟิสิกส์ในบริเวณดังกล่าวซากเหล่านี้จึงแปรสภาพไปเป็น
ถ่านพีช

ลำดับที่ 4 อิทธิพลจากทั้งแรงกดดันและความร้อนภายในโลกเป็นเวลานาน ทำให้ถ่านพีช
ถูกอัดตัวกลายเป็นถ่านหิน ซึ่งมีคุณลักษณะแตกต่างในแต่ละแห่ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะ
และชนิดของพืชพันธุ์ไม้การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของเนื้อไม้รวมทั้งการทับถมในระยะ
แรกเริ่ม ไปจนถึงการแปรเปลี่ยนจากอิทธิพลในอดีต จนกระทั่งมาเป็นเนื้อถ่านหินในระยะต่อ
มา

ลำดับที่ 5 ต่อมามีชั้นดิน หินมาทับถมคลุมชั้นถ่านหินจนอยู่ในสภาพปัจจุบัน นอกจากใน
บางชั้นถ่านหินเอียงตัวทะลุขึ้นมาใกล้ผิวดิน หรือเกิดจากการยุบตัว น้อยกว่าก็จะโผล่ให้เห็น
เนื่องจากการกัดกร่อนตามธรรมชาติในภายหลัง กระบวนการทั้งหมดดังกล่าวหากเกิดขึ้น
หลายครั้งจะทำให้มีถ่านหินหลายชั้นบริเวณเดียวกัน

ใบความรู้ที่ 3

เรื่อง พลังงานถ่านหิน

ประเภทของถ่านหิน

1. พีช ( Peat) เป็นขั้นแรกในกระบวนการเกิดถ่านหินในระดับต่ำสุด ประกอบด้วยซาก
พืชซึ่งบางส่วนได้สลายตัวไปแล้วสามารถใช้เป็นเชื้อเพลิง

2. ลิกไนต์ ( Lignite) มีซากพืชหลงเหลืออยู่เล็กน้อย มีความชื้นมากเป็นถ่านหินที่ใช้เป็น
เชื้อเพลิง

3. ซับบิทูมินัส ( Subbituminous) มีสีดำเป็นเชื้อเพลิงที่มีคุณภาพเหมาะสมในการ
ผลิตกระแสไฟฟ้า

4. บิทูมินัส ( Bituminous) เป็นถ่านหินเนื้อแน่นแข็งและมักจะประกอบด้วยชั้นถ่านหิน
สีดำสนิท เป็นมันวาวใช้เป็นถ่านหินเพื่อการถลุงโลหะได้

5. แอนทราไซต์ ( Anthracite) ถ่านหินที่มีลักษณะดำเป็นเงามันวาวมากมีรอยแตก
เว้าแบบ ก้นหอย ติดไฟยาก

ขบวนการผลิตถ่านหินหรือการนำถ่านหินที่พบมาใช้ประโยชน์
คือ การทำเหมือง การทำเหมืองมี 2 ประเภท คือ

1. การทำเหมืองเปิด (Open Pit Mine) เป็นการทำเหมืองโดยการเปิดหน้าดินที่ปิดทับ
ชั้นถ่านหินอยู่ออกไปแล้วตักถ่านหินขึ้นมาใช้ประโยชน์เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดและต้นทุนต่ำที่สุดของ
การทำเหมืองแร่ใช้กับแหล่งถ่านหินตื้นๆ ความลึกของบ่อเหมืองขึ้นอยู่กับขนาดของพื้นที่และ
ความคุ้มค่าต่อการลงทุน เหมืองประเภทนี้มีตั้งแต่ระดับผิวดินจนถึงระดับลึก 500 เมตร
จากผิวดิน

ใบความรู้ที่ 3

เรื่อง พลังงานถ่านหิน

2. การทำเหมืองใต้ดิน (Underground Coal Mine) ในบริเวณที่ชั้นถ่านหินอยู่ใน
ระดับลึกมาก ต้องทำเป็นเหมืองใต้ดินโดยการขุดอุโมงค์ลงไปใต้ดินเพื่อใช้เครื่องมือชนิด
พิเศษขุดตักและลำเลียงถ่านหินขึ้นมาโดยสายพาน การทำเหมืองถ่านหินใต้ดินเป็นการทำ
เหมืองที่ต้องลงทุนสูง และต้องมีการวางแผนการทำเหมืองอย่างรัดกุมที่สุด เพื่อป้องกัน
อันตรายจากการระเบิดในเหมือง เนื่องจากการสะสมตัวของก๊าซในชั้นถ่านหินเองและการ
ถล่มของชั้นหิน ต้องมีการศึกษาธรณีวิทยาและธรณีวิศวกรรมของพื้นที่นั้นๆอย่างละเอียด

ประโยชน์ของพลังงานถ่านหิน

1. เชื้อเพลิงเพื่อการผลิตกระแสไฟฟ้าโรงผลิตกระแสไฟฟ้าที่อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง
และอำเภอเมือง จังหวัดกระบี่
2. ถ่านหินใช้เป็นพลังงานเชื้อเพลิงในการอุตสาหกรรมการถลุงโลหะ
3. การผลิตปูนซีเมนต์โดยการนำเถ้าถ่านหินที่เป็นวัสดุเหลือทิ้งจากการผลิตกระแสไฟฟ้า
มาส่วนผสมของการผลิตปูนซีเมนต์
4. บ่มใบยาสูบเป็นพลังงานความร้อนในการบ่มใบยาสูบ
5. อุตสาหกรรมผลิตอาหารและอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ใช้หม้อน้ำร้อน
6. การทำถ่านสังเคราะห์ ( Activated Carbon) ซึ่งเป็นสารดูดกลิ่นใช้ในเครื่องกรอง
น้ำและเครื่องใช้ต่างๆ ที่ต้องการประโยชน์ด้านการดูดซับกลิ่น
7. การทำคาร์บอนไฟเบอร์ ( Carbon Fiber) ซึ่งเป็นวัสดุที่มีความแข็งแกร่ง แต่มีน้ำ
หนักเบา เช่น การทำเครื่องร่อน การทำอุปกรณ์กีฬา เช่น ด้ามไม้กอล์ฟ ไม้แบดมินตัน ไม้
เทนนิส

ใบความรู้ที่ 3

เรื่อง พลังงานถ่านหิน

8. การใช้เป็นเชื้อเพลิงเหลวแบบสะอาด
9. กำมะถันใช้ทำกรดกำมะถันและแร่ยิปซั่ม
10. แอมโมเนียใช้ทำปุ๋ยเพื่อเกษตรกรรม
11. เถ้าถ่านหินใช้ทำวัสดุก่อสร้าง ปริมาณการผลิต การใช้และการนำเข้าถ่านหิน
12. ก๊าซมีเทนที่อยู่ในชั้นถ่านหิน ( Coal Bed Methane) จากกระบวนการเกิดถ่านหิน
( Coalification) จะทำให้เกิดการสะสมตัวของไฮโดรคาร์บอนในสภาพของก๊าซภายใน
โครงสร้างของถ่านหินก๊าซที่เกิดในชั้นถ่านหินมีก๊าซมีเทน สูงถึง 99 เปอร์เซ็นต์ ก๊าซมีเทนในชั้น
ถ่านหินสามารถนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าและใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม

ผลกระทบจากการใช้พลังงานถ่านหิน

1. เกิดน้ำเสียจากบ่อเหมือง น้ำกระด้าง มีสารแขวนลอยและซัลเฟตสูงมาก
2. ทำให้ฝุ่นละออง ทั้งของแขวนลอยและหนัก ลอยอยู่ทั่วไปรอบๆ เหมือง
3. เกิดปัญหาต่อระบบนิเวศ คือ ทำให้สิ่งมีชีวิตเสียสมดุล
4. ต้องอพยพราษฎร เพราะต้องใช้บริเวณกว้างในการเปิดหน้าเหมือง
5. เกิดก๊าซจากการเผาไหม้ เช่น ไฮโดรเจนซัลไฟด์และสารไฮโดรคาร์บอน ทำให้เกิดมลพิษ

ใบความรู้ที่ 4

เรื่อง พลังงานนิวเคลียร์

นิวเคลียร์เป็นคำศัพท์ของคำว่า “นิวเคลียร์” ซึ่งเป็นแก่นกลางของอะตอมธาตุ หรือที่เรียก
ว่า “ปรมาณู” ประกอบด้วยอนุภาคโปรตอนและนิวตรอน พลังงานนิวเคลียร์หรือพลังงานปรมาณู
หมายถึง พลังงานที่ถูกปล่อยออกมาเมื่อมีการแยก การรวมหรือการเปลี่ยนแปลงของนิวเคลียร์ใน
อะตอม

โรงงานพลังงานนิวเคลียร์

ปฏิกิริยานิวเคลียร์ ปฏิกิริยานิวเคลียร์เกิดขึ้นได้ 3 ลักษณะ ได้แก่

1. พลังงานนิวเคลียร์ที่ถูกปลดปล่อยออกมาในลักษณะเฉียบพลัน เป็นปฏิกิริยานิวเคลียร์
ที่ควบคุมไม่ได้ พลังงานของปฏิกิริยาจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นเหตุให้เกิดการระเบิด
เช่น ระเบิดปรมาณู เกิดจากการแตกตัวของนิวเคลียสหรือการแยกตัวของธาตุหนัก เรียก
ว่า ปฏิกิริยาฟิชชัน

ใบความรู้ที่ 4

เรื่อง พลังงานนิวเคลียร์

2. พลังงานการปฏิกิริยานิวเคลียร์ซึ่งควบคุมได้ตลอดเวลา พลังงานที่เกิดจากการรวม
ตัวของอะตอมเรียกว่า ปฏิกิริยาฟิวชัน

3. พลังงานนิวเคลียร์จากสารกัมมันตรังสี สารกัมมันตรังสี คือ สารที่องค์ประกอบส่วน
หนึ่งมีลักษณะเป็นไอโซโทปที่มีโครงสร้างปรมาณูไม่คงตัว และจะละลายตัวโดยการปลด
ปล่อยพลังงานส่วนเกินในรูปของรังสี พลังงานที่เกิดจากการสลายตัวของสารกัมมันตรังสี

ปฏิกิริยาลูกโซ่

ใบความรู้ที่ 4

เรื่อง พลังงานนิวเคลียร์

รูปแบบของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์

รูปแบบของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ มี 3 รูปแบบ คือ
1. โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์แบบความดันสูง

2. โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์แบบน้ำเดือด

3. โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์แบบเฮฟวี่วอเตอร์

ใบความรู้ที่ 4

เรื่อง พลังงานนิวเคลียร์

การนำพลังงานนิวเคลียร์มาใช้

1. กิจการด้านอุตสาหกรรม
1.1 ใช้วัดระดับของไหลสารเคมี ในขบวนการผลิตในโรงงานเส้นใยสังเคราะห์
1.2 ใช้ตรวจสอบระดับเศษไม้ในหม้อนึ่งภายใต้ความดันสูง ในการผลิตไม้อัดแผ่นเรียบ
1.3 ควบคุมการไหลผ่านของส่วนผสมในการผลิตปูนซีเมนต์
1.4 วัดความหนาแน่นของน้ำปูนกับเส้นใยหิน ในขบวนการผลิตกระเบื้องกระดาษ
1.5 วัดความหนาแน่นในการดูดสินแร่ในทะเล เพื่อคำนวณหาปริมาณแร่
1.6 วัดหาปริมาณสารตะกั่วหรือธาตุกัมมะถันในผลิตภัณฑ์น้ำมันปิโตรเลียม
1.7 การใช้รังสีแกมมาเพื่อหาเชื้อในเครื่องมือเวชภัณฑ์ เช่น กระบวนการฉีดยา

2. ด้านการแพทย์และอนามัย
เวชศาสตร์นิวเคลียร์ คือ การนำเอาสารรังสีหรือรังสีมาใช้ในการตรวจ การ

รักษาด้านการศึกษาการทำงานของระบบร่างกาย
2.1 การรักษาโรคมะเร็ง
2.2 ตรวจวินิจฉัยโรค ไต หัวใจ การไหลเวียนของโลหิต
2.3 การเอกซ์เรย์

ใบความรู้ที่ 4

เรื่อง พลังงานนิวเคลียร์

3. ด้านการเกษตร ชีววิทยา และอาหาร
ประเทศไทยมีการเกษตรเป็นอาชีพหลักของประชากร การเพิ่มผลผลิตโดยการใช้

พลังงานนิวเคลียร์ เช่น
3.1 การใช้เทคนิคนิวเคลียร์วิเคราะห์ดิน เพื่อการจำแนกพื้นที่ที่เหมาะกับการปลูกพืช
3.2 การฉายรังสีแกมมาเพื่อฆ่าศัตรูพืช
3.3 การถนอมเนื้อสัตว์ พืช ผลไม้

4. ด้านสิ่งแวดล้อม พลังงานนิวเคลียร์มีส่วนเกี่ยวข้อง 3 ด้าน คือ
4.1 ด้านการรักษา
4.2 ด้านการพัฒนาสภาพสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้น
4.3 ด้านการศึกษาและวิจัย

เอกซเรย์ ฉาบรังสีถนอมอาหาร

การนำพลังงานนิวเคลียร์มาใช้ในประเทศไทย

ประเทศไทยนำพลังงานนิวเคลียร์มาใช้เพื่อการสร้างสรรค์และพัฒนาประเทศ โดยตั้ง
สำนักงานพลังงานปรมาณูเพื่อสันติขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2504 มีหน้าที่ควบคุมดูแลการนำพลังงาน
นิวเคลียร์มาใช้ในประเทศโดยกรมทรัพยากร และก่อสร้างเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์วิจัยเครื่อง
แรกขึ้นใน พ.ศ.2505 ปัจจุบันมีศูนย์วิจัยพลังงานนิวเคลียร์ตั้งอยู่ที่ อำเภอองครักษ์ จังหวัด
นครนายก

มีการค้นพบแร่ธาตุที่เป็นพลังงานเชื้อเพลิงได้ ส่วนใหญ่เกิดร่วมกับแร่ดีบุกและแร่
วุลแฟรมในรูปของแร่ซามาร์สไกต์ แร่ทอร์เบอร์ไนต์ แร่แทนทาไลต์ แร่ไพรออไรต์ แร่โคลัมไบต์
ส่วนแร่ยูเรเนียมจะเกิดร่วมกับหินตะกอน พบในจังหวัดขอนแก่น แต่แร่ที่พบในประเทศไทยมี
ปริมาณน้อยยังไม่คุ้มการลงทุนที่จะสกัดแร่ธาตุที่มีอยู่มาใช้เป็นพลังงานเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า

ใบความรู้ที่ 4

เรื่อง พลังงานนิวเคลียร์

ผลกระทบที่เกิดจากการใช้พลังงานนิวเคลียร์

1. รังสีที่เกิดจากปฏิกิริยานิวเคลียร์อาจเกิดการรั่วไหล การฟุ้งกระจายในอากาศ ใน
ดิน ในน้ำ ทำให้สิ่งมีชีวิตได้รับผลกระทบทันที
2. อุปสรรคต่อการพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์ คือ ปัญหาเรื่องเงินลงทุนสูง ทั้งตัว
โครงสร้างของโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ เงินพัฒนาบุคลากรในการศึกษา การฝึกอบรม
การพัฒนาโครงสร้างทางเศรษฐกิจพื้นฐาน การพัฒนาเข้าสู่ระบบมาตรฐาน
อุตสาหกรรมต่างๆ


Click to View FlipBook Version