The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (2)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ทิพกฤตา อินไชย, 2021-04-02 02:04:34

คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (2)

คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (2)

คลนื แมเ่ หลก็ ไฟฟา

ธรรมชาตขิ องคลนื แมเ่ หลก็ ไฟฟา

คลืนแมเ่ หล็กไฟฟาเปนคลืนทีไมต่ ้องอาศัยตัวกลางใน
การถ่ายทอดพลังงานคลืนแมเ่ หล็กไฟฟาประกอบด้วย
สนามแมเ่ หล็กและสนามไฟฟาซงึ เปลียนแปลงตลอด
เวลา ทิศทางของสนามทังสองตังฉากกันและตังฉาก
กับทิศการเคลือนที ดังนนั คลืนแมเ่ หล็กไฟฟาจงึ เปน

คลืนตามขวาง

สมบตั ขิ องคลนื แมเ่ หลก็ ไฟฟา

เปนคลนื ตามขวาง ไมม่ ปี ระจไุ ฟฟา

ไมต่ อ้ งใชต้ วั กลางในการเคลอื นที

อตั ราเรว็ ของคลนื แมเ่ หลก็ ไฟฟาทกุ ชนดิ ใน
สญุ ญากาศเทา่ กบั 3x10ยกกําลงั 8 m/s

ถา่ ยเทพลงั งานจากทหี นงึ ไปอกี ทหี นงึ ได้

ถกู ปลอ่ ยออกมาและถกู ดดู กลนื ไดโ้ ดยสสาร
สามารถแทรกสอด สะทอ้ น หกั เห และเลยี วเบนได้

คลนื แมเ่ หลก็ ไฟฟาแบง่ ออกหลายชนดิ ตาม
ความยาวคลนื และความถเี รยี งลําดบั จากความถตี ําไป
ความถสี งู ดงั นี
1. คลนื วทิ ยุ 2. ไมโครเวฟ 3. รงั สอี นิ ฟราเรด

4. แสงทตี ามองเหน็ 5. รงั สอี ตั ราไวโอเลต

6. รงั สเี อกซ์ 7. รงั สแี กมมา

คลนื แมเ่ หลก็ ไฟฟาทกุ ชว่ งทมี คี วามถตี อ่
เนอื งกนั เรยี กวา่

"สเปกตรมั คลนื แมเ่ หลก็ ไฟฟา"

สเปกตรมั คลนื แมเ่ หลก็ ไฟฟา (Spectrum)

แสงทตี ามองเหน็ (Visible light) เปนเพยี งสว่ นหนงึ ของ
คลนื แมเ่ หลก็ ไฟฟา ในชว่ งซงึ ประสาท

ตาของมนษุ ยส์ ามารถสมั ผสั ได้ ซงึ มคี วามยาวคลนื อยู่
ระหวา่ ง 400– 700 นาโนเมตร (1 เมตร เทา่ กบั

1,000,000,000 นาโนเมตร) หากนาํ แทง่ แกว้ ปรซิ มึ มา
หกั เหแสงอาทติ ย์ เราจะเหน็ วา่ แสงสขี าวถกู หกั เห

ออกเปนสมี ว่ งคเลคราร้ยี ยากมกวบันา่ สาํ“เขีสงอนเิ ปงเครขงุ้ตยี กวรนิมัเหน”ลาํแอื สงงแแสสตสมดี ลแ่ีว่ แะดงสดมงมีงมคี คี ควี วาวามามมยยยาาวาวควคคลลนลื นื นนื แมอ้ ตยากกทตทสี า่สี ดุงดุ กนั

นอกจากแสงทตี ามองเหน็ แลว้ ยงั มคี ลนื แมเ่ หลก็ ไฟฟาชนดิ อนื ๆ
ไดแ้ ก่ รงั สที มี คี วามยาวคลนื ถดั จาก

สแี ดงออกไป เราเรยี กวา่ “รงั สอี นิ ฟราเรด” หรอื “รงั สคี วามรอ้ น”

เรามองไมเ่ หน็ รงั สอี นิ ฟราเรดแตเ่ รากร็ สู้ กึ ถงึ ความรอ้ นได้
สตั วบ์ างชนดิ เชน่ งู มปี ระสาทสมั ผสั รงั สอี นิ ฟราเรด มนั
สามารถทราบตําแหนง่ ของเหยอื ได้ โดยการสมั ผสั รงั สี

อนิ ฟราเรดซงึ แผอ่ อกมาจากรา่ งกายของเหยอื

รงั สที มี คี วามยาวคลนื นอ้ ยกวา่ แสงสมี ว่ งเรยี กวา่
“รงั สอี ลั ตราไวโอเลต” แมว้ า่ เราจะมองไมเ่ หน็ แตเ่ มอื เราตากแดด

นานๆผวิ หนงั จะไหมด้ ว้ ยรงั สชี นดิ นี
นอกจากรงั สอี ลั ตราไวโอเลตและรงั สอี นิ ฟราเรดแลว้
ยงั มคี ลนื แมเ่ หลก็ ไฟฟาประเภทอนื ๆแตเ่ นอื งจากคลนื แมเ่ หลก็ ไฟฟา
ในชว่ งความถตี า่ งๆ จะมลี กั ษณะเฉพาะตวั จงึ มชี อื เรยี กตา่ งกนั

เมอื เรยี งลําดบั จากความถตี ําไปคมถสี งู จะไดด้ งั นี
คลนื วทิ ยไุ มโครเวฟ อนิ ฟราเรด แสงทตี ามองเหน็
รงั สอี ลั ตราไวโอเลต รงั สเี อกซ์ และรงั สแี กมมา คลนื แมเ่ หลก็ ไฟฟา

ทกุ ชว่ งทมี คี วามถที ตี อ่ เนอื งกนั รวมเรยี กวา่
สเปกตรมั คลนื แมเ่ หลก็ ไฟฟา (electromagnetic spectrum )

สเปกตรมั คลนื่ แมเหลก็ ไฟฟา

1. คลน่ื วทิ ยุ (electromagnetic spectrum )

ชว งความถอ่ี ยใู นชว ง 10 ยกกําลงั 4- 10ยกกาํ ลงั 9 HZ( เฮริ ตซ ) เปน คลนื่ ทมี่ ี
ความยาวคลนื่ มากทส่ี ดุ
คลน่ื วทิ ยสุ ามารถผลติ ขนึ้ ไดโดยอาศยั วงจรวทิ ยขุ องหลอดสญุ ญากาศหรอื
วงจรทรานซสิ เตอร
สามารถสะทอ นในบรรยากาศชน้ั ไอโอโนสเฟย รไ ดจ งึ ถกู นํามาใชป ระโยชนใ นดา น
การสอื่ สาร

คลน่ื วทิ ยมุ กี ารสง สญั ญาณ 2 ระบบ คอื

ระบบเอเอม็
(A.M. = amplitude modulation)

มชี ว งความถ่ี 530 - 1600 KHZ(กโิลเฮริ ตซ) สอื่ สารโดยใชค ลนื่ เสยี ง
ผสมเขา ไปกบั คลนื่ วทิ ยเุรยี กวา "คลนื่ พาหะ" โดยแอมพลจิ ดู ของคลน่ื พาหะจะ
เปลยี่ นแปลงตามสญั ญาณคลนื่ เสยี ง การสง คลน่ื ระบบ A.M. สามารถสง
คลนื่ ไดท งั้ คลน่ื ดนิ เปน คลนื่ ทเี่คลอ่ื นทใี่ นแนวเสน ตรงขนานกบั ผวิ โลกและ
คลนื่ ฟา โดยคลนื่ จะไปสะทอ นทช่ี นั้ บรรยากาศไอโอโนสเฟย ร แลว สะทอ นกลบั
ลงมา จงึ ไมต อ งใชส ายอากาศตง้ั สงู รบั

ขอ ดี คอื ทาํ ใหส ามารถสอื่ สารไดไ กลเปน พนั ๆ กโิลเมตร (คลน่ื ฟา )

ขอ เสยี คอื จะถกู คลนื่ แมเหลก็ ไฟฟา จากแหลง อน่ื ๆ แทรกเขา มารบกวนไดง า ย

ระบบเอเอม็
(A.M. = amplitude modulation)

การสง และรบั สญั ญาณคลน่ื วทิ ยแุ บบ AM

ระบบเอฟเอม็

(F.M. = frequency modulation)

ระบบเอฟเอม็ มชี ว งความถ8ี่ 8 - 10 MHZ (เมกะเฮริ ตซ) สอื่ สารโดยใช
คลน่ื เสยี งผสมเขา กบั คลน่ื พาหะ โดยความถขี่ องคลนื่ พาหะจะเปลยี่ นแปลง
ตามสญั ญาณคลนื่ เสยี ง การสง คลน่ื ระบบ F.M. สง คลน่ื ไดเฉพาะคลนื่ ดนิ
อยา งเดยี วถา ตอ งการสง ใหค ลมุ พน้ื ทตี่ อ งมสี ถานถี า ยทอดและเครอ่ื งรบั
ตอ งตงั้ เสาอากาศสงู ๆ รบั

ขอ ดี คอื ทําใหค ลนื่ แมเหลก็ ไฟฟา จากแหลง อนื่ รบกวนไดย าก

ขอ เสยี คอื สะทอ นบรรยากาศชน้ั ไอโอโนสเฟย รไ ดน อ ยมากทาํ ใหก ารสง
กระจายเสยี งตอ งใชส ถานถี า ยทอดเปน ระยะๆ (คลน่ื ดนิ )

สญั ญาณคลน่ื วทิ ยทุ สี่ ง ออกจากสถานสี ง ไปถงึ เครอื่ งรบั มี
2 ชนดิ คอื

คลน่ื พนื้ ดนิ 1หมายถงึ คลนื่ วทิ ยทุ ส่ี ง จากสถานสี ง ไปถงึ เครอ่ื งรบั วทิ ยโุดยตรง
มที ง้ั ระบบ A.M. และ F.M.

หมายถงึ คลนื่ วทิ ยทุ ส่ี ง ขน้ึ ไปสะทอ นในบรรยากาศชนั้ ไอโอโนสเฟย ร

คลนื่ ฟา แลว กลบั มายงั เครอ่ื งรบั วทิ ยุ ( มใี นระบบ A.M. สว นระบบ F.M. ไมม ี

เพราะคลน่ื F.M. ทะลผุ า นบรรยากาศชนั้ นไ้ี ด)

สเปกตรมั คลน่ื แมเหลก็ ไฟฟา

(electromagnetic spectrum )

คลนื่ ไมโครเวฟ

เปน คลน่ื ในชว งความถอ่ี ยใู นชว ง 10 ยกกาํ ลงั 9– 10 ยกกาํ ลงั 11
เฮริ ตซ จดั เปน คลน่ื วทิ ยชุ นดิ หนง่ึ แตเปน คลน่ื ทม่ี คี วามยาวคลนื่ สน้ั
ทสี่ ดุ และมคี วามถสี่ งู ทสี่ ไุ มส ะทอ นทบี่ รรยากาศไอโอโนสเฟย ร
สะทอ นผวิ โลหะไดด ี จงึ ถกู นําไปใชใ นอปุ กรณซ งึ่ เรยี กวา เรดาร
ไมท าํ ปฏกิ ริ ยิ ากบั แผน ฟล ม ถา ยรปู ถกู ดดู กลนื ดว ยนํ้าเปน อยา งดี

สเปกตรมั คลน่ื แมเหลก็ ไฟฟา

(electromagnetic spectrum )

รงั สอี นิ ฟราเรด แหลง กาํ เนดิ รงั สอี นิ ฟราเรด ไดจ ากแหลง กําเนดิ ความรอ นทกุ ชนดิ
เชน ดวงอาทติ ยห ลอดไฟบางครง้ั เรยี กรงั สนี วี้ า รงั สคี วามรอ น

อสองิ่ กมมชี าวีตติ ลจอะแดผเวร ลงั าสอี นิ ฟราเรด

คารบ อนไดออกไซด และไอนํ้าในบรรยากาศดดู ซบั รงั สนี ไี้ ว ทําใหโลกมี
ความอบอนุ เหมาะกบั การดาํ รงชวี ติ

มคี วามถอ่ี ยใู นชว ง 10ยกกาํ ลงั 11- 10ยกกําลงั 14 เฮริ ตซ
ประสาทสมั ผสั ทางผวิ หนงั ของมนษุ ยส ามารถรบั รงั สอี นิ ฟราเรดได

รงั สอี นิ ฟราเรด

สาํ หรบั เตาไฟฟา ถอื เปน แหลง กาํ เนดิ รงั สอี นิ ฟราเรดอยา งหนงึ่ เมอ่ื เราปลอ ยกระแสไฟฟา
เขา ไปในขดลวดความตา นสงู ทเ่ีปน สว นประกอบของเตาไฟฟา ขดลวดจะเรม่ิ มคี วามรอ น
จนเหน็ เปน สเีหลอื งแดงและขดลวดนจ้ี ะใหพ ลงั งานความรอ นออกมา พลงั งานความรอ นน้ี
คอื รงั สอี นิ ฟราเรด นน้ั เองบางครง้ั เราจะเหน็ การใชห ลอดไฟเปน ตวั ใหพ ลงั งานความรอ น

เชน การทาํ ตฟู ก ไข เปน ตน

แสง (Light) สเปกตรมั คลน่ื แมเหลก็ ไฟฟา

(electromagnetic spectrum )

มคี วามถป่ี ระมาณ 10 ยกกําลงั 14 เฮริ ตซห รอื ความยาวคลนื่ 4x10 ยกกําลงั ลบ- 7x10 ยกกาํ ลงั -7 เมตร

ประสาทตาของมนษุ ยไ วตอ คลน่ื แมเหลก็ ไฟฟา ชว งนม้ี ากทส่ี ามารถมองเหน็ ได

วตั ถทุ มี่ อี ณุ หภมู สิ งู มากๆ จะเปลง แสงได เชน ไสห ลอดไฟฟา ดวงอาทติ ย

ความยาวคลนื่ ทย่ี าวทส่ี ดุ ของแสง คอื แสงสแี ดง ขณะทคี่ วามยาวคลน่ื ลดลง ความถขี่ องแสง
จะเพม่ิ ขน้ึ ความยาวคลนื่ ทสี่ น้ั ทสี่ ดุ ของแสง คอื แสงสมี ว ง คลน่ื แสง 7 สี เรยี งจากความถน่ี อ ยไปมาก
คอื แดง สม เหลอื ง เขยี ว นํา้ เงนิ คราม มว ง

สเปคตรมั ของแสงสามารถแยกไดด งั นี้

แสง (Light) สเปกตรมั คลน่ื แมเหลก็ ไฟฟา

(electromagnetic spectrum )

คลนื่ แสง

รงั สอี ลั ตราไวโอเลต สเปกตรมั คลนื่ แมเหลก็ ไฟฟา

(electromagnetic spectrum )

มคี วามถอี่ ยใู นชว ง 10 ยกกาํ ลงั 15- 10 ยกกําลงั 18 เฮริ ตซห รอื เรยี กวา รงั สเีหนอื มว ง

รงั สอี ตั ราไวโอเลตสว นใหญเกดิ จากการแผร งั สจี ากดวงอาทติ ยส ว นมากจะถกู สกดั กนั้ ไว
จากบรรยากาศชน้ั สตราโตสเฟย ร ซงึ่ มแี กส โอโซนเปน องคป ระกอบ แตป จ จบุ นั โอโซนในบรรยากาศ
มจี ํานวนลดลงมากจงึ ทําให รงั สอี ตั ราไวโอเลตแผล งมายงั ผวิ โลกมากขน้ึ

รงั สนี เ้ีปน ตวั การทท่ี ําใหเกดิ ประจอุ สิ ระ และไอออนในบรรยากาศชน้ั ไอโอโนสเฟย ร
(เพราะรงั สอี ลั ตราไวโอเลตมพี ลงั งานสงู พอทที่ าํ ใหอ เิลก็ ตรอนหลดุ จากโมเลกลุ อากาศ
พบวา ในไอโอโนสเฟย รม โีมเลกลุ หลายชนดิ เชน โอโซนซงึ่ สามารถกน้ั รงั สอี ลั ตราไวโอเลตไดด )ี

รงั สอี ลั ตราไวโอเลต สเปกตรมั คลน่ื แมเหลก็ ไฟฟา

(electromagnetic spectrum )

ทาํ ใหส ารเรอื งแสง เกดิ การเรอื งแสง
สามารถทะลผุ า นวตั ถบุ าง ๆ บางชนดิ ได
ทําลายเซลลเลก็ ๆ บางชนดิ ได เชน เชอื้ โรค

รงั สอี ลั ตราไวโอเลตทแ่ี ผอ อกมาจากดวงอาทติ ย

รงั สเีอกซ (X-rays) สเปกตรมั คลน่ื แมเหลก็ ไฟฟา

(electromagnetic spectrum )

มคี วามถอ่ี ยใู นชว ง 10 ยกกําลงั 16- 10 ยกกาํ ลงั 21 เฮริ ตซ

แหลง กาํ เนดิ ของรงั สเีอกซ คอื ดวงอาทติ ยห ลอดรงั สเีอกซเครอ่ื งรบั โทรทศั น

คณุ สมบตั ขิ องรงั สเีอกซ
ไมเบย่ี งเบนในสนามแมเหลก็ และสนามไฟฟา
เปน คลนื่ แมเหลก็ ไฟฟา ทม่ี คี วามยาวคลน่ื สน้ั มาก
มอี าํ นาจทะลทุ ะลวงสงู
ทําใหแ กส หรอื อากาศรอบ ๆ แตกตวั เปน ไอออนได

รงั สเีอกซ (X-rays) สเปกตรมั คลนื่ แมเหลก็ ไฟฟา

(electromagnetic spectrum )

คณุ สมบตั ขิ องรงั สเีอกซ

ทําใหส ารเรอื งแสงเกดิ การเรอื งแสง รงั สเีอกซม อี นั ตรายและทาํ ลายเซลลข องสง่ิ มชี วี ติ ได
ทําปฏกิ ริ ยิ ากบั แผน ฟล ม ถา ยรปู เหมอื นกบั แสง

รงั สแี กมมา (Gamma ray) สเปกตรมั คลนื่ แมเหลก็ ไฟฟา

(electromagnetic spectrum )

มคี วามถส่ี งู กวา รงั สเีอกซ

แหลง กาํ เนดิ ของรงั สแี กมมา คอื การสลายตวั ของนวิ เคลยี สของธาตกุ มั มนั ตรงั สรี งั สคี อสมกิ
ทม่ี าจากนอกโลกจะมรี งั สแี กมมาอยดู ว ย การแผร งั สขี องอนภุ าคประจไุ ฟฟา ทถี่ กู เรง ในเครอ่ื งเรง
อนภุ าคกท็ ําใหเกดิ รงั สแี กมมาได

รงั สแี กมมา (Gamma ray) สเปกตรมั คลนื่ แมเหลก็ ไฟฟา

(electromagnetic spectrum )

คณุ สมบตั ขิ องรงั สแี กมมา

ไมเบย่ี งเบนในสนามแมเหลก็ และสนามไฟฟา

ทําใหส ารเรอื งแสงเกดิ การเรอื งแสง

ทําปฏกิ ริ ยิ ากบั แผน ฟล ม ถา ยรปู และฟล ม ทไี่ มไ วตอ แสง การถา ยภาพดว ยรงั สแี กมมา

ประโยชนแ์ ละอนั ตรายของคลนื แมเ่ หลก็ ไฟฟา

คลนื วทิ ยุ

การสอื สาร ถอื วา่ เปนสง่ สาํ คญั สาํ หรบั มนษุ ย์
เรา เรามกี ารตดิ ตอ่ สอื สารกนั ในหลายลกั ษณะ
นอกจากการพดู คยุ กนั การใชว้ ทิ ยุ โทรทศั น์
หรอื การใชโ้ ทรศพั ทถ์ อื เปนปจจยั สาํ คญั
สาํ หรบั มนษุ ยท์ จี ะรบั ทราบความเปนไปตา่ งๆ
ในโลกยคุ โลกาภวิ ตั น์ ซงึ อปุ กรณห์ รอื เครอื งใช้ ประโยชนข์ องคลนื วทิ ยใุ นการตดิ ตอ่
สอื สารทางการทหาร

เหลา่ นจี ะทํางานไดต้ อ้ งอาศยั
คลนื แมเ่ หลก็ ไฟฟา เรยี กวา่ คลนื วทิ ยุ นอกจาก
นเี รายงั ใชค้ ลนื วทิ ยใุ นดา้ นตา่ งๆ เชน่ ทางการ
ทหาร การตดิ ตอ่ สอื สารระหวา่ งประเทศ

ประโยชนแ์ ละอนั ตรายของคลนื แมเ่ หลก็ ไฟฟา

เรดาร คอื ?

คลนื ไมโครเวฟ (RADAR ยอ มาจาก Radio Detection And Ranging)

เรดารเปน การสง คลน่ื ไมโครเวฟออกไปเปน ชว งๆแลว รบั

สญั ญาณทส่ี ะทอ นกลบั มาเขา สเูครอื่ งรบั ปรากฏใหเหน็ บน
จอภาพ ซง่ึ จะบอกชนดิ และระยะหา งของวตั ถทุ สี่ ะทอ นได

ใชท้ ําเรดาร์

ตรวจหาตําแหนง่ โดยในชว่ งความยาวคลนื ประมาณ 0.5
เซนตเิ มตร ถงึ 1 เมตร เปนเรดารส์ าํ หรบั ตรวจจบั วตั ถทุ เี คลอื นไหว
เชน่ เครอื งบนิ หรอื วตั ถอุ นื ๆ ในบรรยากาศ

ใชใ้ นการสอื สาร เชน่ ดาวเทยี ม โทรศพั ทม์ อื ถอื

ประโยชนแ์ ละอนั ตรายของคลนื แมเ่ หลก็ ไฟฟา

ประโยชนข องเรดาร

ใชใ นการคมนาคม ควบคมุ การจราจรทางอากาศ สนามบนิ การเดนิ เรอื
นําทางเรอื เมอ่ื หมอกลงจดั
ใชใ นกรมอตุ นุ ยิ มวทิ ยา เชน ใชต รวจหาตําแหนง และทศิ ทางของลมพายุ
พยากรณอ ากาศ
ใชใ นทางการทหาร ใชต รวจหาเครอ่ื งบนิ ขา ศกึ เพอื่ ออกสกดั หรอื เตอื นภยั
ทางอากาศและตรวจการเคลอื่ นไหวของศตั รู
ดา นประมง เชน ใชต รวจหาฝงู ปลา

ประโยชนข์ องคลนื ไมโครเวฟ

โทรศพั ทเ์ คลอื นที

การหาตําแหนง่ วตั ถดุ ว้ ยเรดาร์

การสอื สารผา่ นดาวเทยี ม

ประโยชนแ์ ละอนั ตรายของคลนื แมเ่ หลก็ ไฟฟา

ประโยชนข องรงั สี
อนิ ฟราเรด

ใชอ บอาหารในเตาทใ่ี ชร งั สอี นิ ฟราเรด

ฟล ม ถา ยรปู บางชนดิ สามารถถา ยรปู ไดโดยอาศยั รงั สอี นิ ฟราเรด
คารบ อนไดออกไซด และไอน้ํา ในบรรยากาศดดู ซบั รงั สนี ไ้ี ว ทําใหโลกมี
ความอบอนุ เหมาะกบั การดํารงชวี ติ
สามารถทะลผุ า นเมฆหมอกทหี่ นาเกนิ กวา แสงธรรมดาจะผา นไดจ งึ อาศยั สมบตั ิ
นถ้ี า ยภาพพน้ื โลกจากดาวเทยี ม เพอ่ื ศกึ ษาการแปรสภาพของปา ไมห รอื การ
เคลอ่ื นยา ยของฝงู สตั ว

ประโยชนแ์ ละอนั ตรายของคลนื แมเ่ หลก็ ไฟฟา

ประโยชนข องรงั สี
อนิ ฟราเรด

รงั สอี นิ ฟราเรดเปน ตวั นาํ คาํ สงั่ จากอปุ กรณค วบคมุ ไปยงั เครอื่ งรบั ที่ เรยี กวา
รโีมทคอนโทรล สําหรบั ควบคมุ การทาํ งานของเครอื่ งรบั โทรทศั น เชน
การปด การเปด การเปลยี่ นสถานี
ใชใ นทางการทหารนําไปใชเกย่ี วกบั การควบคมุ การใชอ าวธุ นาํ วถิ เีคลอ่ื นทไ่ี ป
ยงั เปา หมาย
ใชใ นวงการอตุ สาหกรรม เชน การผลติ รถยนตก ารอบสรี ถ การฆา เชอื้ โรค
กอ นบรรจใุ สภ าชนะ

ประโยชนแ์ ละอนั ตรายของคลนื แมเ่ หลก็ ไฟฟา

ประโยชนข องรงั สี
อนิ ฟราเรด

รงั สอี นิ ฟราเรดเปน ตวั นาํ คาํ สงั่ จากอปุ กรณค วบคมุ ไปยงั เครอื่ งรบั ที่ เรยี กวา
รโีมทคอนโทรล สําหรบั ควบคมุ การทาํ งานของเครอื่ งรบั โทรทศั น เชน
การปด การเปด การเปลยี่ นสถานี
ใชใ นทางการทหารนําไปใชเกย่ี วกบั การควบคมุ การใชอ าวธุ นาํ วถิ เีคลอ่ื นทไ่ี ป
ยงั เปา หมาย
ใชใ นวงการอตุ สาหกรรม เชน การผลติ รถยนตก ารอบสรี ถ การฆา เชอื้ โรค
กอ นบรรจใุ สภ าชนะ

ประโยชนแ์ ละอนั ตรายของคลนื แมเ่ หลก็ ไฟฟา

ประโยชนข องรงั สี
อนิ ฟราเรด

การนํารงั สอี นิ ฟราเรดมาใชใ นการทาํ เครอ่ื งปง ขนมปง

การใชร งั สอี นิ ฟราเรดในรโีมทคอนโทรล

ประโยชนแ์ ละอนั ตรายของคลนื แมเ่ หลก็ ไฟฟา

ประโยชนข องแสง

เครอ่ื งกาํ เนดิ เลเซอรเปน แหลง กําเนดิ แสงอาพนั ธท ใี่ หแ สงไดโดยไมอ าศยั ความ
รอ น เชน วงการแพทยใ ชเลเซอรใ นการผา ตดั นยั นต า

ประโยชนแ์ ละอนั ตรายของคลนื แมเ่ หลก็ ไฟฟา

ประโยชนข องรงั สี
อลั ตราไวโอเลต

ในอตุ สาหกรรมผลติ อาหาร นาํ รงั สนี มี้ าฆา เชอ้ื โรค
ใชร กั ษาอาการตวั เหลอื งในทารก
ใชใ นการแพทยโดยการฆา เชอื่ โรค ทําความสะอาดเครอ่ื งมอื แพทย
การรบั รงั สอี ลั ตราไวโอเลตในปรมิ าณทไี่ มม ากจนเปน อนั ตรายจะทําใหเกดิ ประโยชน
ตอ รา งกายมนษุ ยใ นการชว ยสรา งวติ ามนิ ดี

ประโยชนข องรงั สี ประโยชนแ์ ละอนั ตรายของคลนื แมเ่ หลก็ ไฟฟา
อลั ตราไวโอเลต
ใชใ นการแพทยโดยการฆา เชอ่ื โรค
ทําความสะอาดเครอ่ื งมอื แพทย

ใชร กั ษาอาการตวั เหลอื งในทารก
รา งกายมนษุ ยใ นการชว ยสรา งวติ ามนิ ดี

โทษของรงั สี ประโยชนแ์ ละอนั ตรายของคลนื แมเ่ หลก็ ไฟฟา
อลั ตราไวโอเลต

โทษจากรงั สอี ตั ราไวโอเลต อนั ตรายตอ ผวิ หนงั และตาคน
เมอื่ รบั มาจาํ นวนมาก ๆ อาจเปน มะเรง็ ทผี่ วิ หนงั และเปน
อนั ตรายตอ นยั นต าของมนษุ ยไ ด

ประโยชนข อง ประโยชนแ์ ละอนั ตรายของคลนื แมเ่ หลก็ ไฟฟา
รงั สเีอกซ

ใชใ นวงการแพทยต รวจวนิ จิ ฉยั โรค ตลอดจนการรกั ษาโรคมะเรง็
ใชใ นวงการอตุ สาหกรรมและการกอ สรา ง เพอื่ ตรวจสอบรรู ว่ั หรอื รอยรา วตา ง ๆ
ใชต รวจสอบสง่ิ แปลกปลอม หรอื อาวธุ ในกระเปา หรอื หบี หอ ตา ง ๆ
ใชต รวจสอบวตั ถโุบราณวา มอี ายยุ าวนานเทา ไร

ประโยชนข อง ประโยชนแ์ ละอนั ตรายของคลนื แมเ่ หลก็ ไฟฟา
รงั สเีอกซ
ใชใ นวงการแพทยต รวจวนิ จิ ฉยั โรค
ตลอดจนการรกั ษาโรคมะเรง็

ใชต รวจสอบสงิ่ แปลกปลอม หรอื ใชต รวจสอบวตั ถโุบราณวา มอี ายยุ าวนานเทา ไร
อาวธุ ในกระเปา หรอื หบี หอ ตา ง ๆ

โทษของ ประโยชนแ์ ละอนั ตรายของคลนื แมเ่ หลก็ ไฟฟา
รงั สเีอกซ

เมอ่ื รา งกายรบั เขา ไปมาก เซลลจ ะตายหรอื เสอื่ มคณุ ภาพ
อาจทาํ ใหเกดิ โรคมะเรง็ ได
อาจทาํ ใหเกดิ การเปลย่ี นแปลงในยนี มผี ลตอ กรรมพนั ธุ

ประโยชนข อง ประโยชนแ์ ละอนั ตรายของคลนื แมเ่ หลก็ ไฟฟา
รงั สแี กมมา

นํามาใชป ระโยชนใ นการทางการแพทยเพอื่ รกั ษาโรคได

นําไปใชใ นการตรวจรอยรว่ั และรอยรา วของเครอ่ื งใชท ท่ี าํ จากโลหะ

ศกึ ษาการดดู ซมึ แรธ าตขุ องรากพชื และการสงั เคราะหแ สง ใชใ นการรกั ษา
โรคพชื บางชนดิ ใชเปลย่ี นแปลงพนั ธพุ ชื
ใชฉ ายลงบนผลผลติ ทางการเกษตรบางชนดิ เพอ่ื ใหส ามารถเกบ็ รกั ษา
ผลผลติ ไวไ ดเปน เวลานานขน้ึ

ประโยชนข อง ประโยชนแ์ ละอนั ตรายของคลนื แมเ่ หลก็ ไฟฟา
รงั สแี กมมา

การใชร งั สแี กมมาจากการสลายตวั
ของไอโอด-ี 131 (I-131) เพอ่ื รกั ษาโรค

คอพอก

ใชฉ ายลงบนผลผลติ ทางการเกษตรบางชนดิ เพอื่ ใหส ามารถเกบ็
รกั ษาผลผลติ ไวไ ดเปน เวลานานขนึ้

โทษของ ประโยชนแ์ ละอนั ตรายของคลนื แมเ่ หลก็ ไฟฟา
รงั สแี กมมา

อนั ตรายจากรงั สแี กมมามหี ลายประการ เชน ทาํ ลายเซลลร า งกาย
เนอื้ เยอ่ื ตา ง ๆ ถา ไดร บั เขา ไปมากๆ จะเปน อนั ตรายถงึ ชวี ติ อาจ
ทาํ ใหเกดิ มะเรง็ ได


Click to View FlipBook Version