หน่วยที่ 8
สารสังเคราะห์และผลิตภัณฑ์
Mind Mapping (แผนผังความคิด)
พอลิเมอร์ เส้นใยสังเคราะห์ พลาสติก
ยางเทียม
ซิลิโคน สบู่และผงซักฟอก ยา
กระดาษ สี ไฟเบอร์กลาส
หนังเทียม เซลามิก กาว ฟอร์ไมกา
สมรรถนะประจำหน่วย
มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสารสังเคราะห์
และผลิตภัณฑ์
สมรรถนะการเรียนรู้
1. อธิบายกระบวนการสังเคราะห์พอลิเมอร์ได้ 8. อธิบายกรรมวิธีในการผลิตกระดาษได้
2. ทดลองการผลิตเส้นใยสังเคราะห์ได้ 9. อธิบายความแตกต่างของสีแต่ละประเภทได้
10. บอกประเภทของสารสังเคราะห์ได้
3. ทดลองการสังเคาระห์พลาสติกได้ 11. บอกข้อดีและข้อเสียของหนังเทียมได้
4. บอกประเภทของยางเทียมได้ 12. อธิบายขั้นตอนการผลิตเซรามิกได้
5. บอกประโยชน์ของซิลิโคนได้
6. ทดลองสมบัติบางประการของสบู่และผงซักฟอกได้ 13. อธิบายกระบวนการผลิตไฟเบอร์กลาสได้
7. ทดลองปฏิกิริยาของยาลดกรดได้ 14. อธิบายกระบวนการผลิตฟอร์ไมกาได้
สาระการเรียนรู้ที่ 1
พอลิเมอร์
พอลิเมอร์
พอลิเมอร์ (Polymer) เป็นสารที่มีอยู่มากมายในธรรมชาติ สามารถสังเคราะห์ขึ้นได้ เช่น น้ำตาล แป้ง
เซลลูโลส โปรตีน ส่วนที่ได้จากสัตว์ เช่น ใยไหม ฮอร์โมน
พอลิเมอร์ (Polymer) เป็นสารโมเลกุลใหญ่ เกิดจากสารมอนอเมอร์ซึ่งมีโมเลกุลเล็กมากมารวมตัวกันด้วย
กระบวนการทางเคมี จะได้สารที่มีโมเลกุลใหญ่ขึ้น ซึ่งเรียกว่าพอลิเมอร์และหน่วยที่ซ้ำๆกันแต่ละหน่วยที่ทำให้เกิด
พอลิเมอร์ เรียกว่า มอนอเมอร์
ในการรวมตัวของสารโมเลกุลเล็ก (มอนอเมอร์) เพื่อให้เกิดสารโมเลกุลใหญ่ (พอลิเมอร์) มี 2 แบบ คือ
การรวมแบบต่อเติม แบบนี้จะได้พอลิเมอร์เพียงอย่างเดียว เช่น การรวมตัวของเอทิลีน (มอนอเมอร์)
เป็นพอเอทิลีน (พอลิเมอร์)
การรวมแบบควบแน่น แบบนี้นอกจากจะได้พอลิเมอร์แล้ว จะได้สารโมเลกุลเล็กๆเกิดขึ้นด้วย เช่น น้ำ
แอมโมเนีย หรือสารอื่น
พอลิเมอร์
โครงสร้างของพอลิเมอร์ (Polymer) ที่เกิดจากมอนอเมอร์มาต่อกันเป็นเส้นยาว เรียกว่า โครงสร้างแบบสาย
ยาว ถ้ามอนอเมอร์มาต่อกันแล้วมีกิ่งก้านสาขา เรียกว่า โครงสร้างแบบสาขา ส่วนโครงสร้างที่เกิดจากการ
เชื่อมโยงระหว่างโครงสร้างแบบสายยาวหรือแบบสาขาตั้งแต่ 2 สาขาขึ้นไป ให้เป็นร่างแหสามมิติ เรียก
โครงสร้างแบบนี้ว่า โครงสร้างแบบตาข่ายหรือร่างแห
หน่วยเล็ก ๆ ของพ
อลิเมอร์เรียกว่าอะไร
...........................
สาระการเรียนรู้ที่ 2
เส้นใยสังเคราะห์
เส้นใยสังเคราะห์
เส้นใยสังเคราะห์ (Synthetic Fiber) เป็นเส้นใยที่เกิดจากการค้นคว้าและพัฒนาโดยนักวิทยาศาสตร์ เพื่อเพิ่ม
ประสิทธิภาพ คุณสมบัติ และประโยชน์ใช้สอยของเส้นใยได้หลากหลายมากยิ่งขึ้นจากเส้นใยปกติทั่วไปที่ได้จาก
พืชและขนสัตว์ โดยในระยะแรกๆที่ได้คิดค้นเส้นใยสังเคราะห์นั้น ได้เริ่มต้นจากเส้นใยที่ได้จากเซลลูโลสที่ได้จาก
พืชมาทำการสังเคราะห์ เส้นใยสังเคราะห์มีอยู่ 3 ชนิดหลักๆ ดังนี้
เรยอน (Rayon เป็นเส้นใยเซลลูโลสสังเคราะห์หรือเซลลูโลสที่นำมาผลิตขึ้นใหม่ (Regenerated cellulose) รู้จักกัน
ในชื่อว่าไหมเทียม ต่อมาภายหลังเรียกว่า เรยอน และได้รับการปรับปรุงคุณภาพ ให้ดีขึ้นจนเป็นที่ยอมรับของผู้ใช้
เส้นใยเรยอนถูกคิดประดิษฐ์ขึ้นโดย นายโรเบิร์ท ฮุท (Robert Hooke) ซึ่งได้บันทึกไว้ในหนังสือ Micrographia
แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นว่ายังมีวิธีที่จะคิดประดิษฐ์ เส้นใยให้เหมือนใยไหมได้
เส้นใยสังเคราะห์
เส้นใยโปรตีนสังเคราะห์ (Synthetic protein fibers) ผลิตขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นครั้งแรก ราวๆปี ค.ศ.
1894 ในขณะนั้นใช้ชื่อว่า Vandura Silk แต่ถึงกระนั้นในครั้งแรกๆที่ผลิตขั้นก็ยังได้เส้นใยที่มีคุณสมบัติไม่ดีนัก เพราะ
เมื่อถูกน้ำจะสามารถละลายได้ ต่อมาในปี ค.ศ. 1904 Todtenhaupt ได้ผลิตเส้นใยโปรตีนจากหางน้ำนม (Casein)
แต่ก็ยังมีคุณสมบัติที่ไม่ดีพอนั่นก็คือการที่เส้นใยนั้นไม่สามารถโค้งงอ และรวมตัวกันได้ดี จึงไม่สามารถนำมาปั่นเป็น
เกลียวเส้นด้าย เพื่อที่จะทอเป็นผืนผ้าที่ดีได้
ในระหว่างปี ค.ศ. 1924-1935 Antonio Ferretli สามารถผลิตเส้นใยจากหางน้ำนม (Casein) ได้เป็นผล
สำเร็จ และได้ใช้ชื่อทางการค้าเป็นครั้งแรกว่า Lanital ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา การผลิตเส้นใยโปรตีนสังเคราะห์จากหาง
น้ำนมก็ได้แพร่หลายไปยังประเทศอื่นๆ โดยผลิตขึ้นมาและใช้ในชื่อทางการค้าต่างๆกัน
เส้นใยสังเคราะห์
เช่น ในประเทศเยอรมันเรียกว่า Tiolan ประเทศฮอลแลนด์เรียกว่า Lactofil ประเทศอังกฤษเรียกว่า Fibrolene
ประเทศอิตาลีเรียกว่า Merinova และสหรัฐอเมริกาเรียกว่า Aralac
นอกจากการผลิตเส้นใยโปรตีนสังเคราะห์จากหางน้ำนมแล้ว นักวิทยาศาสตร์ก็ได้ค้นคว้า เพื่อผลิตเส้นใย
โปรตีนจากถั่วเหลือง ถั่วลิสงและข้าวโพดได้ประสบความสำเร็จ เช่น Vicara ได้จากข้าวโพด Ardil ได้จากถั่วลิสง
ปัจจุบันมีการผลิตเส้นใยโปรตีนสังเคราะห์เพียงไม่กี่ชนิด ได้แก่ Merinova Enkasa และ wipolan แต่ก็ยังมีจำนวน
น้อยมาก
เส้นใยสังเคราะห์
เส้นใยสังเคราะห์จากสารเคมี (โพลิเมอร์) เป็นเส้นใยทีประดิษฐ์ขึ้นจากสารเคมีโดยวิธีการทางเคมี มีหลาย
ชนิด เช่น ไนลอน โพลิเอสเตอร์ อะคริลิค โอลิฟิน เป็นต้น เส้นใยแต่ละชนีดมีส่วนประกอบทางเคมีที่แตกต่างกัน
แต่ก็มีขั้นตอนในการผลิตที่คล้ายคลึงกัน
เรยอนจัดเป็นเส้นใยกึ่งสังเคราะห์
A. ถูก B. ผิด
สาระการเรียนรู้ที่ 3
พลาสติก
พลาสติก
พลาสติก (Plastics) เป็นพอลิเมอร์สังเคราะห์ที่นิยมนำมาใช้ประโยชน์มากในปัจจุบัน สามารถสังเคราะห์
พลาสติกบางชนิดได้ในห้องปฏิบัติการ พลาสติกมี 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ เทอร์โมพลาสติกและเทอร์โมเซต
พลาสติก สังเคาระห์ได้จากพอลิเมอร์ของยูเรียฟอร์มาลดีไฮด์ มีกรดซัลฟิวริกเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา ปฏิกิริยา
เคมีที่เกิดขึ้นดังสมการ
กรดซัลฟิวริก
ยูเรีย + ฟอร์มาลดีไฮด์ ยูเรียฟอร์มาลดีไฮด์
ยูเรียฟอร์มาลดีไฮด์ + ยูเรียฟอร์มาลดีไฮด์ +..... กรดซัลฟิวริก พอลิเมอร์ของยูเรีย + น้ำ + ฟอร์มาลดีไฮด์
พอลิเมอรไรเซชัน
พลาสติก
พลาสติก (Plastics) ประเภทที่เมื่อได้รับความร้อนแล้วอ่อนตัว ทำให้เป็นรูปเดิมหรือเปลี่ยนเป็นรูปอื่นได้โดย
สมบัติของพลาสติกคงเดิมเรียกว่า เทอร์โมพลาสติก ประเภทที่ทนความร้อนและความดัน ไม่อ่อนตัวไม่
เปลี่ยนแปลงรูปร่าง เมื่ออุณหภูมิมากจะเริ่มแตก เผาไหม้กลายเป็นเถ้า พลาสติกประเภทนี้เรียกว่า เทอร์โมเซต
ผลิตภัณฑ์พลาสติกผลิตขึ้นโดยอาศัย แม่แบบ ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นเรียกว่า การหล่อแบบ ตัวอย่างการ
หล่อแบบ เช่น เลนส์สายตา ถุงมือ ถ้วยชามและแผ่นพลาสติกใส
การอัดแบบ เช่น ขวดน้ำ ของเล่นสำหรับเด็ก ด้ามมือจับเตารีด
การอัดแบบดูดอากาศออก เช่น พลาสติก
กล่องไข่ กล่องทำน้ำแข็ง
การอัดแบบเป่าลม เช่น
การฉีกเข้าแบบ เช่น ขวดพลาสติก ตุ๊กตา ของเล่นสำหรับเด็ก
แปรงสีฟัน ชิ้นส่วนเครื่องโทรศัพท์
พลาสติกอื่นๆ เช่น พลาสติกแผ่นบาง ได้รับการยกย่อง การอัดต่อเนื่อง เช่น
ว่าเป็นวัสดุอเนกประสงค์ เช่น พลาสติกปูโต๊ะ ปูพื้น ถุงพลาสติก พลาสติดแผ่น สายไฟ สายเบ็ด หลอดกาแฟ
รถยนต์ เบาะเก้าอี้ เสื้อกันฝนและถุงพลาสติก
วิธีใดเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุดในการกำจัดของเสีย
ประเภทพลาสติกที่เป็นปัญหาก่อให้เกิดมลพิษขึ้น
A. การเผา
B. การนำกลับมาใช้ใหม่ (Recycle)
C. ใช้สมบัติการละลายน้ำ
D. การย่อยสลายด้วยเอนไซม์ของจุลินทรีย์
สาระการเรียนรู้ที่ 4
ยางเทียม
ยางเทียม
ยางเทียม หรือ ยางสังเคาระห์ เป็นยางที่สังเคราะห์ขึ้นเพื่อเลียนแบบธรรมชาติซึ่งสังเคาระห์จากผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม
จัดเป็นพอลิเมอร์เช่นเดียวกับยางธรรมชาติ ยางสังเคราะห์มี 7 ประเภทคือ
ยางเอสบีอาร์ เป็นยางสังเคราะห์ชนิดโคพอลิเมอร์ ได้จากกระบวนการพอลิเมอรไรเซชันของมอนอเมอร์ 2 ชนิด
คือ บิวตะไดอีนและสไตรีน
บิวนารับเบอร์ หรือพอลิบิวตะไออีน เป็นยางสังเคราะห์ที่ผลิตขึ้นเป็นชนิดแรก โดยนักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมัน
โดยใช้บิวตะไดอีนเป็นมอนอเมอร์และมีโลหะโญเดียมเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา
นีโอปรีน เป็นยางสังเคราะห์ที่ได้จากกระบวนการพอลิเมอรืไรเซชันโดยมีคลอโรปรีนเป็นมอนอเมอร์และใช้
โพแทสเซียมเปอร์ซัลเฟตเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา
ยางเทียม
บิวทิลรับเบอร์ เป็นยางสังเคราะห์ชนิดโคพอลิเมอร์ ได้จากกระบวนการพอลิเมอรไรเซชันของไอโซบิวทิลีนกับไอโซปรีน
บิวนาเอ็น เป็นยางสังเคราะห์ชนิดโคพอลิเมอร์ ได้จากกระบวนการพอลิเมอรไรเซชันของบิวตะไดอีนกับอะครีโลไนตรีล
พอลิไอโซปรีน เป็นยางสังเคราะห์ที่มีโครงสร้างเหมือนกับยางธรรมชาติ นักวิทยาศาสตร์สามารถสังเคราะห์ยางชนิดนี้ได้
ยางเอ็นบีอาร์
ในปี ค.ศ. 1955
ยางสังเคราะห์นี้มีความต้านทานต่อแรงดึงสูง ไม่ละลายในน้ำมันหรือไขมันชนิดต่างๆจึงเหมาะในการทำ
กาวติดเครื่องหนัง ใช้ผสมในการทำผลิตภัณฑ์ยางใช้ในอุตสาหกรรมการทำกระดาษ
ยางสังเคราะห์ที่มีสมบัติที่เด่นหลายประการที่ยางธรรมชาติไม่มี เช่น ความต้านทานต่อน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ ทั้งนี้เพราะ
สามารถควบคุมกระบวนการผลิตให้ได้ยางสังเคาระห์ประเภทต่างๆตามสมบัติที่ต้องการนำมาใช้งาน
จุดเด่นของยางสังเคราะห์ที่ดีกว่ายางธรรมชาติคือข้อใด
A. มีความยืดหยุ่นสูง
B. ทนต่อการสึกหรอ
C. ทนความร้อน
D. ทนต่อตัวทำละลาย
สาระการเรียนรู้ที่ 5
ซิลิโคน
ซิลิโคน
ซิลิโคน เป็นพอลิเมอร์ของธาตุซิลิคอน (Si) ซึ่งแตกต่างจากพลาสติกทั่วไปซึ่งเป็นพอลิเมอร์ของธาตุคาร์บอน สมบัติเด่น
ของซิลิโคนคือ ไม่ว่องไวในการทำปฏิกิริยาเคมี จึงสบายตัวได้ยากและยังทนต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิได้มาก
ซิลิโคนมีหลายชนิดและหลายลักษณะขึ้นอยู่กับขนาดของพอลิเมอร์ ถ้าเป็นพอลิเมอร์ขนาดเล็กและมีลักษณะเป็นน้ำมัน
ถ้าเป็นพอลิเมอร์ขนาดใหญ่จะเป็นขี้ผึ้ง ส่วนซิลิโคนที่มีลักษณะเป็นยางเหนียวจะมีโครงสร้างแบบตาข่าย
และมักใช้ทำแม่แบบ ปัจจุบันนิยมนำซิลิโคนมาทำประโยชน์มากมาย เช่น
ทำเป็นน้ำมันล่อลื่น
ทำสายเคเบิลหุ้มอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
ใช้เชื่อมต่อระหว่างขอบกระเบื้อง
ซิลิโคน
ใช้ในการประสานรอยต่อของขอบประตู หน้าต่าง หรือท้องเรือเพื่อกันน้ำซึม
ใช้เติมลงในสีเพื่อให้สีติดทนนาน
ใช้ทำอวัยวะเทียมในทางการแพทย์ เช่น เลนต์ตา ลิ้นหัวใจ กระดูกหูและข้อต่อต่างๆ
ใช้เสริมความงามของสุภาพสตรี เช่น เสริมหน้าอก (เสริมเต้านมให้ใหญ่ขึ้น)
เสริมจมูก (ให้โด่งขึ้น)
ใช้เป็นวัสดุเสริมอวัยวะเพศชายที่ไม่แข็งตัว ฯลฯ
ยกตัวอย่างประโยชน์ของซิลิโคน 1 ตัวอย่าง
(รูปภาพประกอบ)
.........................
สาระการเรียนรู้ที่ 6
สบู่และผงซักฟอก
สบู่และผงซักฟอก
สบู่ เป็นสารอินทรีย์ สังเคราะห์ขึ้นเพื่อทำความสะอาดร่างกาย ตลอดจนซักเสื้อผ้าและวัสดุต่างๆ สารที่ทำ
หน้าที่ในการซักล้างที่ได้จากการทำปฏิกิริยาระหว่างเบส คือ โซเดียมไฮดรอกไซด์ กับไขมันที่ได้จากพืชและ
สัตว์ เช่น ไขมันที่มีชื่อว่า กลีเซอริลไตรสเตียเรต ทำปฏิกิริยากับโซเดียมไฮดรอกไซด์จะได้สบู่
กรดไขมัน + เบส ตัวอย่างการเขียนสมการการทำสบู่
สบู่ + น้ำ
C17H35COOH H2O
กรดสเตียริก + NaOH C17H3C5OONa +
โซเดียมไฮดรอกไซด์ โซเดียมสเตียเรต(สบู่) น้ำ
สบู่และผงซักฟอก
ผงซักฟอกเป็นสารที่สังเคาระห์ขึ้นเช่นเดียวกับสบู่ ระหว่างสารประกอบไฮโดรคาร์บอนกับกรดซัลฟิวริกก่อน จะ
ได้กรดซัลโฟนิก เมื่อกรดทำปฏิกิริยากับโซเดียมไฮดรอกไซด์ จะได้เกลือโซเดียมของกรดซัลโฟนิกหรือผงซักฟอก
ดังสมการ
C12H 25 - OH - H 2SO4 C12H2O5SO3 H - C12H25- OSO3- OSO3-- Na+
ลอริลแอลกอฮอล์ กรดซัลฟิวริก ลอริลไฮโดรเจนซัลเฟต โซเดียมลอริลซัลเฟต ผงซักฟอก
สารลดแรงตึง แบ่งเป็น
ไอออนลบ เป็นเกลือโซเดียมซัลโฟเนตของเอสเทอร์จากกรดอินทรีย์
ไอออนบวก เป็นเกลือของเบส
สบู่และผงซักฟอก
สารประกอบฟอสเฟต โซเดียมคาริบอกซีเมทิลเซลลูโลส (ช่วยให้ผงซักฟอกละลลายน้ำได้ดี)
สารประกอบซิลิเกต อิมัลซิฟายเออร์ (ช่วยป้องกันไม่ให้ผงซักฟอกตกตะกอน)
สารเพิ่มความสดใส
โซเดียมซัลเฟต (ป้องกันผงซักฟอกรวมตัวกันเป็นก้อน)
แคลเซียมไฮโปคลอไรด์ โซเดียมไฮโปคลอไรด์(สารฟอกขาว)
โซเดียมซัลเฟตช่วยป้องกันไม่ให้ผงซักฟอกตกตะกอน
A. ถูก B. ผิด
สาระการเรียนรู้ที่ 7
ยา
ยา
เป็นกลุ่มยาต้านจุลชีพชนิดแรกที่สังเคราะห์โดยกระบวนการทางเคมี เพื่อนำมาใช้รักษาโรคติดเชื้อในคน
สามารถหยุดยั้งและทำลายการเจริญเติบโตของเชื้อโรคที่ทำให้เกิดการอักเสบต่างๆในร่างกายได้ ยาซัลฟามีหลาย
ประเภททั้งยากิน ยาหยอดตา ขี้ผึ้งหรือครีมทาภายนอกและยาฉีด การใช้ยาซัลฟาอาจทำให้เกิดความผิดปกติของ
ระบบเลือด ยาซัลฟาละลายน้ำไม่ดีนักจะตกตะกอนได้ง่ายและในทางเดินปัสสาวะ ดังนั้นเวลากินยาซัลฟา
จึงควรดื่มน้ำตามมากๆ
ยาลดไข้แต่ละชนิดนอกจากช่วยลดไข้แล้ว ยังมีสรรพคุณในการบำบัด อาการปวดต่างๆร่วมด้วย แต่ไม่ว่าจะเป็น
ยาลดไข้ชนิดใดก็ตาม อาจ่อให้เกิดอันตรายถ้าใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน ยาลดไข้บางชนิด เช่น
แอสไพริน อาจทำให้เลือดหยุดช้า ระบบทางเดินอาหารผิดปกติ เกล็ดเลือดจับตัวได้น้อย
ทำให้เลือดแข็งตัวช้า จำนวนเม็ดเลือดลดลง บางชนิดมีผลต่อตับและไต
ยา
ฤทธิ์ของยาลดไข้ทำให้มีเหงื่อออกบริเวณผิวหนัง เป็นผลให้ความร้อนกระจายออกจากร่างกายได้ดีขึ้น อุณหภูมิ
ของร่างกายจึงกลับคืนสู่ภาวะปกติ ทั้งนี้เพราะยาไปเพิ่มการไหลเวียนของเลือด
มียาหลายชนิดที่แพทย์ใช้ลดกรดในกระเพาะอาหารที่มีมากผิดปกติ เรียกว่า ยาลดกรด เพื่อรักษาหรือบรรเทา
อาการต่างๆ เช่น ปวกแสบยอดอก อาหารไม่ย่อย
กลุ่มยาซัลฟา เป็นกลุ่มยาที่ใช้รักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับ
การติดเชื้อแบคทีเรีย
A. ถูก B. ผิด
สาระการเรียนรู้ที่ 8
กระดาษ
กระดาษ
วัตถุดิบหลักในการทำกระดาษ คือ เซลลูโลสเป็นเส้นใยที่ได้จากพืช ส่วนใหญ่จากต้นไม้ยืนต้น ประเภทไม้เนื้ออ่อน
ได้แก่ ต้นสน ยูคาลิปตัส พืชชนิดอื่นๆ ได้แก่ ไผ่ ชานอ้อย ฝ้าย หญ้าไมยราฟ ฟางข้าวต่างๆ กล่าวได้ว่าพืชทุก
ชนิดที่มีเส้นใยอาจนำมาทำกระดาษได้
ในปัจจุบันการใช้พืชในการผลิตอุตสาหกรรมกระดาษเป็นสาเหตุหนึ่งทำให้ทำลายป่า การขาดแคลนวัตถุดิบในการ
ทำเยื่อทำให้ต้องมีการใช้เยื่อกระดาษอย่างระมัดระวัง มีการทำกระดาษที่ใช้แล้วมาหมุนเวียนใช้ใหม่ เพื่อให้มีการ
ใช้วัสดุอย่างคุ้มค่า และรักษาสิ่งแวดล้อมของโลก การผลิตกระดาษในประเทศปกติจะใช้วัตถุดิบ 3 ประเภทดังนี้
ประเทศไทยมักจะสั่งกระดาษสำเร็จรูปพร้อมใช้งานได้ทันทีจากประเทศอเมริกา สิงคโปร์และฮ่องกง ส่วนเยื่อที่สั่ง
นำเข้าส่วนใหญ่เป็นเยื่อใยยาว เช่น เยื่อแอลเบอร์นี้จากประเทศแคนาดา เยื่อสปริงวูดจากประเทศสวาซิแลนด์
กระดาษ
เยื่อบิลเลอรัดและเยื่อโฟรวิฟอร์จากสวีเดน
มีลักษณะเป็นมัดโดยตรงหรือจากพ่อค้าคนกลางอาจจะได้มาตรฐานหรือไม่ได้มาตรฐานก็ได้ ซึ่งโรงงานทำกระดาษ
จะต้องตรวจสอบอีกครั้งก่อนนำไปใช้งานจริง
เยื่อเชิงกล เยื่อเคมี เยื่อกึ่งเคมี เยื่อความร้อนเชิงกล
สารเคมีที่ใช้ในกระบวนการต้มและฟอกเยื่อ เช่น ใช้โซดาไฟผสมลงไปในหม้อต้มทางกระบวนการต้มเยื่อ
ใช้คลอรีนในกระบวนการฟอกเยื่อ
กระดาษ
สารเคมีที่ใช้ปรับสภาพน้ำในหม้อไอน้ำ เช่น ใช้ปูนขาวลดความกระด้างของน้ำ
สารเคมีที่ใช้ในขั้นตอนการเตรียมน้ำเยื่อและทำกระดาษ ได้แก่ สารกันซึม สารเติมเต็ม แป้งมัน
สำปะหลัง สารสี เป็นต้น
การทำเยื่อ การเตรียมเยื่อ การทำกระดาษให้เป็นแผ่น การตัดแบ่ง
ขั้นตอนสำเร็จรูปครั้งสุดท้าย ขั้นตอนหลังกระบวนการผลิต การเคลือบ
ได้แก่ ผงสี สารยึดและสารอื่นๆ การขัดผิว
ประเทศไทยสั่งเศษกระดาษสำเร็จรูปพร้อมที่จะใช้งานได้
ทันทีจากประเทศสหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ และ .........
....................
สาระการเรียนรู้ที่ 9
สี
สี
มี 3 ประเภท คือ สีผสมอาหาร สีทา และสีย้อม
สีทา มี 2 ประเภท
ออปลิเทอเรติ้ง เซอเฟซ โค้ทติ้ง ได้แก่ สีน้ำ สีน้ำมัน สีรองพื้น
ทรานส์ฟาเรนท์ เซอเฟซ โค้ทติ้ง ได้แก่ แซลแล็ก แล็กเกอร์
ออปลิเทอเรติ้ง เซอเฟซ โค้ทติ้ง ประกอบด้วย ตัวสี (ผงสี) ส่วนที่เป็นของเหลวและสารที่ทำให้แห้งเร็ว
ทรานส์พาเรนท์ เซอเฟซ โค้ทติ้ง ประกอบด้วย เรซิน และตัวทำละลาย
สี
ประกอบด้วย ผงสี น้ำมันซักแห้ง ทินเนอร์ ดรายเออร์
ประกอบด้วย ผงสี น้ำ กาวหรือยางสังเคราะห์
มี 9 ประเภท คือ สีไดเร็ก สีมอร์แคนต์ (อาจเรียกว่า โครมดายส์ เมตะโครมดายส์
วาฟเตอร์โครมดายส์) สีวัด สีแอซิเตต สีแอซิด สีดีเวลล็อปไดเร็ก สีอะโซอิ(สีแนพทอล)
และสีซีลเฟอร์
สีทาบ้านที่เป็นสีน้ำมัน ประกอบด้วย ส่วนผสม 4 ส่วน
คือ ผงสี น้ำมันซักแห้ง ทินเนอร์ และ..............
....................
สาระการเรียนรู้ที่ 10
กาว
กาว
มี 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ กาวธรรมชาติและกาวสังเคราะห์ กาวธรรมชาติ ได้แก่ กาวจากแป้ง กาวจากโปรตีน
กาวจากหนังสัตว์ กาวจากนม กาวจากเลือด กาวจากแป้งถั่วเหลือง และกาวจากยาง
แทนนินที่ใช้ทำกาวเป็นแทนนินที่มีเข้มข้น แหล่งกาวแทนนินมี 4 แหล่งใหญ่ คือ
จากเปลือกไม้อะคาเซีย ประเทศแอฟริกาใต้ จากเปลือกไม้ยูคาลิปตัส ประเทศออสเตรเลีย
จากเปลือกไม้โกงกางและไม้ในป่าชายเลน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากเปลือกใบไม้แคบในอเมริกาเหนือ
จากการศึกษาพบว่า กาวแทนนินจากเปลือกไม้อะคาเซียมีสมบัติเหมาะที่สุดที่ใช้สำหรับอุตสาหกรรมไม้
กาว
การนำกาวแทนนินมาใช้ส่วนใหญ่นำมาใช้ประโยชน์ 3 ประเภท
กาวแทนนินสำหรับไม้อัด กาวแทนนินอัดเย็นสำหรับไม้ประดับ กาวแทนนินอัดเย็นสำหรับแผ่นชิ้นไม้อัด
ลิกนินเป็นสารพอลิเมอร์ที่เหลือจากโรงงานอุตสาหกรรมมากที่สุด มากกว่า 90 ล้านตัน นำมาใช้เป็น
เชื้อเพลิงในอุตสาหกรรม การใช้ลิกนินเป็นกาวสำหรับอุตสาหกรรมไม้แบ่งออกเป็น 3 พวกใหญ่ๆ คือ
ใช้ลิกนินฟอร์มาลดีไฮด์เป็นกาวโดยตรง ใช้ลิกนินผสมกับกาวฟีนอลฟอร์มาลดีไฮด์หรือยูเรียฟอร์มาลดีไฮล์
ส่วนใหญ่นิยมนำลิกนินมาใช้เป็นกาวสำหรับอุตสาหกรรมแผ่นชิ้นไม้อัดมากที่สุด
กาวชนิดนี้ราคาถูกกว่ากาวฟีนอลฟิร์มาลดีไฮด์ กาวชนิดนี้นิยมใช้
ในอุตสาหกรรมผลิตแผ่นชิ้นไม้อัด การใช้กาวไดไอโซไซยาเนตในการผลิต แผ่นชิ้นไม้อีดสามารถ
ผสมกับกาวชนิดอื่นๆได้ด้วย
กาว
เป็นกาวติดไม้อัดเย็น เมื่อถูกความร้อนจะอ่อนตัว การชนิดนี้มีข้อดีคือ รักษาง่าย สะอาด เก็บไว้นาน
ทนทานต่อจุลินทรีย์ ไม่มีสีและใช้แรงอัดต่ำ ข้อเสียคือ ไม่เหมาะที่จะใช้ภายนอก ไม่ทนต่อแรงกดนานๆ
กาวแทนนินจากเปลือกไม้ ............... มีสมบัติเหมาะสม
ที่สุดที่จะใช้เป็นกาวสำหรับอุตสาหกรรมไม้
....................