ชุดกิจกรรมการเรียนรู้
วิชาวิทยาศาสตร์เพื่อพัฒนาทักษะชีวิต
รหัสวิชา 20000-1301
ประกอบกิจกรรมการสอน สำหรับนักเรียน
ระดับ ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.)
หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 สารและการเปลี่ยนแปลง
ชุดที่ 2 เรื่อง การจำแนกสาร
โดย
นางสาวทิพกฤตา อินไชย
ตำแหน่ง ครู
วิทยาลัยการอาชีพตากฟ้า อาชีวศึกษาจังหวัดนครสวรรค์
สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
กระทรวงศึกษาธิการ
1
คำนำ
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง สารและการเปลี่ยนแปลง ชุดที่ 2 การจำแนกสาร ระดับ
ประกาศนียบัตรวชิ าชพี (ปวช.) จัดทำขึน้ ตามจุดประสงค์รายวิชา สมรรถนะรายวิชาและคำอธิบายรายวชิ า
ตามหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) พุทธศักราช 2562 ใช้เป็นสื่อการเรียนประกอบการจัดการ
เรยี นรู้ หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 6 สารและการเปลีย่ นแปลง รายวิชาวิทยาศาสตรเ์ พ่ือพฒั นาทักษะชีวติ รหสั วิชา
20000-1301 ระดับชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) เพื่อให้นักเรียนใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์สืบ
เสาะหาความรู้ เกิดความรู้ที่คงทนถาวรและได้เรียนรู้ด้วยตนเอง ซึ่งเป็นชุดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ช่วยสร้าง
นิสัยให้นักเรียนเป็นผู้คิดเป็นทำเป็น แก้ปัญหาเป็น มีความกระตือรือร้นในการเรียน ตลอดจนส่งเสริมให้
นกั เรยี นมจี ติ วิทยาศาสตร์
ผูจ้ ดั ทำหวงั เปน็ อย่างย่ิงวา่ ชดุ การเรียนรู้เล่มน้ี จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนานกั เรียนและมีส่วนช่วย
ให้ทุกทา่ นท่ีมีสว่ นเกยี่ วข้องกับการจดั การเรยี นการสอน เกิดความเขา้ ใจซ่ึงเปน็ ประโยชน์แก่นักเรยี น และช่วย
ให้นักเรยี นเกิดทักษะสามารถนำไปใช้ในชวี ิตประจำวันได้อย่างดีย่งิ
ทพิ กฤตา อนิ ไชย
สารบญั 2
เร่ือง หนา้
คำนำ 1
สารบัญ 2
คำชแ้ี จงประกอบการใช้ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ 3
คำชแ้ี จงประกอบการใช้ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้สำหรับนกั เรยี น 4
ขั้นตอนการศกึ ษาชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ 5
แนวทางการใช้ชุดกจิ กรรมการเรยี นรสู้ ำหรับนกั เรยี น 6
สมรรถนะประจำหน่วย จดุ ประสงค์รายวิชาและคำอธบิ ายรายวชิ า 7
แบบทดสอบก่อนเรยี น 8
ใบความรูท้ ่ี 1 เรอื่ งการจำแนกสาร 15
กจิ กรรมท่ี 1 24
กิจกรรมที่ 2 25
แบบฝึกหดั ที่ 1 26
แบบฝกึ หัดท่ี 2 27
แบบทดสอบหลังเรียน 28
บรรณานกุ รม 31
ภาคผนวก 32
3
คำชีแ้ จงประกอบการใช้ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้
ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ เรือ่ ง สารและการเปลยี่ นแปลง รายวิชาวิทยาศาสตรเ์ พือ่ พัฒนาทักษะชวี ติ
รหสั วชิ า 20000-1301 ระดับชั้นประกาศนียบตั รวิชาชีพ (ปวช.) แบ่งเน้ือหาออก เปน็ ท้งั หมด 4 ชดุ ดังนี้
ชดุ ท่ี 1 ความหมายและสมบัติของสาร
ชุดที่ 2 การจำแนกสาร
ชุดที่ 3 การเปลยี่ นแปลงสาร
ชดุ ที่ 4 การแยกสาร
แต่ละชุดประกอบด้วย คำนำ คำชี้แจง แนวทางการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้สำหรับนักเรียน
จุดประสงค์การเรียนรู้ แบบทดสอบก่อนเรียน ใบความรู้ กิจกรรม แบบฝกึ หดั แบบทดสอบหลังเรียน เฉลย
กิจกรรม เฉลยแบบฝึกหัด เฉลยแบบทดสอบหลังเรียน ซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อให้นักเรียนใช้ประกอบการเรียน มี
เนื้อหาสาระและกิจกรรมเหมาะสมกับวัยและความสามารถของนักเรยี น นักเรียนต้องเรยี นรู้ด้วยตนเอง โดย
ครผู ้สู อนคอยดูแลและช่วยเหลือ กระตุน้ ให้นักเรยี นเกดิ การเรียนรู้ เปดิ โอกาสให้นักเรียนไดแ้ ลกเปลี่ยนเรียนรู้
ในขั้นตอนการทำกจิ กรรมตามแผนการจัดการเรียนร้ทู คี่ รูผสู้ อนจัดทำขึ้น
4
คำชแ้ี จงประกอบการใช้ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้
สำหรบั นกั เรียน
นักเรียนอา่ นคำชี้แจงต่อไปนี้ให้เข้าใจ
1. ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ฉบับนี้ เป็นชุดที่ 2 การจำแนกสาร หน่วยการเรียนรู้ เรื่อง สารและการ
เปล่ียนแปลง
2. นกั เรียนทุกคนต้องซอื่ สัตย์ต่อตนเอง ไม่เปดิ ดเู ฉลย กอ่ นทจ่ี ะลงมอื ทำกิจกรรม
3. นกั เรียนทกุ คนควรใหค้ วามรว่ มมอื กันในการคิด การสืบคน้ ข้อมลู การปฏบิ ตั ิ การทดลอง
และการทำกจิ กรรมต่างๆ ตามชุดกิจกรรมจนเสร็จทกุ กิจกรรมอยา่ งเตม็ ความสามารถ
4. ทำแบบทดสอบก่อนเรียน จำนวน 10 ข้อ เพือ่ ตรวจสอบความรู้เดิมและเป็นขอ้ มูลในการ
พฒั นา สง่ เสรมิ หรอื แก้ไขการเรียนรู้ของนักเรียนแล้วตรวจคำตอบจากแนวคำตอบ พร้อมท้ังบันทึกคะแนนลง
ในแบบบนั ทึกคะแนน (ทำลงในแบบบนั ทกึ กิจกรรมทค่ี รแู จกให)้
5. ศึกษารายละเอียดของเน้ือหา กิจกรรม จากใบกิจกรรมและแนวคำตอบใบกิจกรรมตามลำดับ
ขน้ั ตอนของชุดกิจกรรมการเรยี นรูฉ้ บับน้ี ซ่ึง ไดแ้ ก่
5.1 แบบทดสอบกอ่ นเรยี น
5.2 ศึกษาเน้ือ หาในใบกิจกรรมเน้ือหา
5.3 ทำกจิ กรรมในใบกจิ กรรม
5.4 แบบทดสอบหลงั เรียน
6. นกั เรียนตรวจคำตอบ ประเมินผลตามเฉลยและแนวคำตอบ ซ่ึงอยใู่ นชุดกจิ กรรม
7. การปฏิบัติตามกจิ กรรม ควรทำใหเ้ สรจ็ ตามกำหนดเวลาและหากนักเรียนไม่เขา้ ใจใหก้ ลับไป
ศกึ ษาใบกจิ กรรมเน้ือหาอีกครง้ั (สืบค้นเพ่ิมเติม หรอื ปรกึ ษาครู)
8. ทำแบบทดสอบหลังเรียน จำนวน 10 ขอ้ แลว้ ตรวจคำตอบจากเฉลยในชดุ กจิ กรรม
พร้อมทัง้ บนั ทึกคะแนนลงในแบบบันทึกคะแนน เพื่อประเมินตนเองวา่ สามารถบรรลตุ ามจุดประสงค์การเรียนรู้
ทีก่ ำหนดไว้หรือไม่ (ทำลงในแบบบนั ทกึ กิจกรรม ทคี่ รแู จกให้)
9. เกบ็ วสั ดุอปุ กรณแ์ ละชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ ส่ง คนื ครเู ม่ือปฏบิ ตั ิกจิ กรรมเสร็จส้ิน แลว้
5
การใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ วิชาวิทยาศาสตร์เพื่อพัฒนาทักษะชีวิต เรื่อง
สารและการเปลีย่ นแปลง ชุดท่ี 2 การจำแนกสาร ประกอบการจัดกิจกรรมการเรียน
การสอน สำหรบั นกั เรียน ระดบั ประกาศนียบตั รวชิ าชีพ (ปวช.) เพือ่ ใหน้ ักเรียนได้รับ
ประสบการณอ์ ย่างครบถ้วน ขอใหน้ ักเรยี นอา่ นคำแนะนำ และ ปฏิบตั ิตามคำชี้แจงใน
แตล่ ะข้ันตอน ตง้ั แต่ต้นจนจบ ดงั ตอ่ ไปนี้
ขน้ั ตอนการศกึ ษาชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้
ศกึ ษาคำแนะนำการใช้ ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้
ทดสอบก่อนเรียน
ดำเนินการใช้ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ วชิ าวิทยาศาสตรเ์ พอื่ พฒั นาทักษะชวี ติ เรือ่ ง สารและการ
เปลี่ยนแปลง ชุดที่ 2 การจำแนกสาร ประกอบการจดั กิจกรรมการเรยี นการสอนสำหรบั นักเรียนระดบั
ประกาศนยี บัตรวิชาชีพ (ปวช.) โดยจดั กจิ กรรมให้นักเรยี นไดป้ ฏบิ ตั ิ กจิ กรรมกลุ่มดงั นี้
1. ขนั้ สรา้ งความสนใจ : กิจกรรมคำถามชวนคดิ
2. ขั้นสำรวจและค้นหา : กิจกรรมที่ 1 ร่วมคดิ รว่ มทำ
3. ขน้ั อธบิ ายและลงข้อสรุป : กิจกรรมท่ี 2 มาร่วมสนุกกันเถอะ
4. ข้นั ขยายความรู้ : แบบฝึกหัดท่ี 1และ 2 การจำแนกสาร
5. ขั้นประเมินผล : กจิ กรรมประเมนิ ผลการเรียนรู้
ทดสอบหลังเรยี น
ผ่านเกณฑ์
ศกึ ษากิจกรรมชดุ ต่อไป
6
แนวทางการใช้ชดุ กิจกรรมการ
เรียนรสู้ ำหรับนักเรยี น
1. นักเรียนศึกษาผลการเรยี นรู้
2. นกั เรยี นทำแบบทดสอบก่อนเรียน
3. นกั เรยี นปฏิบัตกิ ิจกรรมในชุดการเรียนรู้
4. นกั เรยี นทำแบบทดสอบหลังเรียน
5. นักเรียนประเมินความพงึ พอใจที่มตี อ่ ชุดการเรียนรู้
6. ถา้ นกั เรยี นมขี ้อสงสัยในการศกึ ษาสามารถปรกึ ษาครไู ดต้ ลอดเวลา
7
สมรรถนะประจำหน่วย จุดประสงค์รายวชิ าและคำอธิบายรายวชิ า
สมรรถนะประจำหนว่ ย
แสดงความรู้ ทักษะ และปฏิบตั กิ ารเก่ยี วกับสารและการเปลี่ยนแปลง
จดุ ประสงคร์ ายวชิ า
1. จำแนกสารเปน็ กลุ่มโดยใชเ้ น้อื สารเปน็ เกณฑ์ได้
2. อธิบายสมบตั ขิ องสารเนื้อเดียวและสารเนือ้ ผสมได้
3. การจำแนกสารเปน็ กลุ่มโดยใชข้ นาดอนภุ าคของสารเป็นเกณฑ์ได้
4. อธบิ ายสมบัตขิ องสารละลาย สารคอลลอยด์ และสารแขวนลอยได้
คำอธิบายรายวชิ า
ศกึ ษาและปฏิบตั ิเกีย่ วกบั กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กิจกรรมโครงงานวทิ ยาศาสตร์ หนว่ ยและการ
วัด แรงและการเคลอ่ื นที่ นาโนเทคโนโลยี โครงสรา้ งอะตอมตารางธาตุ สารและการเปลย่ี นแปลง ปฏิกริ ยิ าเคมี
ในชีวิตประจำวัน ความก้าวหนา้ ทางเทคโนโลยีชีวภาพและระบบนิเวศ
เวลาทใ่ี ช้ 3 ชัว่ โมง
8
แบบทดสอบก่อนเรียน
วดั ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียน
เรื่อง สารและการเปล่ียนแปลง
คำช้ีแจง 1. แบบทดสอบฉบับน้เี ป็นแบบทดสอบปรนัย 4 ตัวเลอื ก จำนวน 20 ข้อ คะแนน 20 คะแนน
2. ให้นักเรยี นเลอื กคำตอบท่ีถกู ตอ้ งที่สดุ เพยี งข้อเดยี ว
1. ข้อใดกลา่ วถึงความหมายของสสารถกู ต้อง
ก. สิง่ ท่ีมตี ัวตน มมี วล มนี ้ำหนัก
ข. ธาตุตา่ ง ๆ ท่ีมีอยใู่ นธรรมชาติ
ค. ส่งิ ทม่ี ีองค์ประกอบอยา่ งเดียวกัน
ง. ทกุ สิ่งทกุ อยา่ งทอี่ ยู่รอบ ๆ ตัวเรา
2. ขอ้ ใดต่อไปนี้ไม่จัดเป็นสาร
ก. เกลอื
ข. เสยี ง
ค. อากาศ
ง. ทองคำ
3. ขอ้ ความใดแสดงถึงลกั ษณะของสารได้ถกู ต้อง
ก. นำ้ จะมกี ารเปลยี่ นแปลงตามภาชนะทีใ่ ส่
ข. หนิ สามารถเปล่ียนแปลงรูปร่างไดต้ ามทเี่ ราตอ้ งการ
ค. อากาศจะคงท่รี ูปร่างเมื่อปล่อยให้อยใู่ นพืน้ ท่ีจำกัด
ง. นำ้ แข็งจะคงสภาพไม่มกี ารเปลย่ี นแปลงใดเมื่ออณุ หภูมคิ งที่
4. สารใดต่อไปนี้เป็นของแข็ง ของเหลว และกา๊ ซตามลำดับ
ก. น้ำแขง็ น้ำปลา ออกซิเจน
ข. นำ้ ปลา นำ้ ตาล ออกซิเจน
ค. น้ำแข็งแห้ง น้ำปลา ออกซเิ จน
ง. นำ้ ปลา ออกซิเจน นำ้ แขง็ แห้ง
9
5. ข้อใดคือสมบตั ิของที่เหมือนกนั ของของแขง็ และของเหลว
ก. รปู ร่าง
ข. ปรมิ าตร
ค. เปน็ ของไหล
ง. การจัดเรียงของอนุภาค
6. สารเนือ้ เดยี ว หมายถงึ อะไร
ก. สารทีส่ ังเกตเหน็ เนื้อสารไมก่ ลมกลืนเปน็ เน้อื เดียวกัน
ข. สารทป่ี ระกอบด้วยสารเพียงอยา่ งเดียว
ค. สารท่สี ังเกตเหน็ เน้อื สารกลมกลืนเป็นเนอื้ เดยี วกนั ท้งั หมด
ง. สารทม่ี องเหน็ เป็นเนอ้ื สารคนละอย่างได้ชัดเจน
7. ข้อใดกล่าวถึงสารเนอื้ ผสมไดถ้ ูกต้องที่สุด
ก. มีหลายสถานะ ลกั ษณะใสไม่มสี ี
ข. เนื้อสารทกุ สัดส่วนมีสมบัตไิ ม่เหมือนกนั
ค. เปน็ ได้ทั้งสารบรสิ ทุ ธิ์และสารละลาย
ง. มจี ุดหลอมเหลวและจดุ เดือดท่ีจุดเดียวกัน
8. ถา้ จำแนกออกเปน็ ของแขง็ ของเหลว แกส๊ นักเรยี นตอ้ งใช้เกณฑใ์ นข้อใด
ก. การนำไฟฟา้
ข. ปรมิ าตร
ค. ความหนาแน่น
ง. สถานะ
9. ขอ้ ใดจำแนกสารโดยใช้สถานะเปน็ เกณฑ์
ก. น้ำปลา น้ำมนั หอย นำ้ ตาล
ข. ผงชรู ส เกลอื ป่น ซีอ้ิว
ค. สบู่ ผงซกั ฟอก นำ้ ยาล้างจาน
ง. เกลอื ปน่ น้ำตาลทราย พริกไทย
10
10. ข้อใดเรยี งลำดบั ขนาดอนุภาคของสารจากขนาดเลก็ กลาง ใหญ่
ก. สารละลาย คอลลอยด์ สารแขวนลอย
ข. คอลลอยด์ สารละลาย สารแขวนลอย
ค. สารแขวนลอย คอลลอยด์ สารละลาย
ง. สารละลาย สารแขวนลอย คอลลอยด์
11. ข้อใดเป็นการเปลย่ี นแปลงทางกายภาพ
ก. การเกดิ สนิม
ข. การเนา่ เป่ือยของสง่ิ มชี ีวิต
ค. การลอยได้ของฟองน้ำ
ง. การลุกติดไฟของกระดาษ
12. ข้อใดเป็นการเปลี่ยนแปลงทางเคมี
ก. น้ำแขง็ ลอยได้ในน้ำ
ข. เงนิ นำไฟฟา้ ได้ดีท่ีสุด
ค. เกลอื ละลายได้ดีในน้ำรอ้ น
ง. การสกุ ของมะละกอ
13. ข้อใดเป็นการเปล่ียนแปลงทางเคมี
1. การละลายเกลือ
2. การเกิดสนมิ
3. การจุดธูป
4. การกลั่นน้ำ
ก. ข้อ 1 , 2
ข. ขอ้ 1 , 3
ค. ขอ้ 2 , 3
ง. ขอ้ 2 , 4
14. การเปลี่ยนแปลงในข้อใดไม่ใชก่ ารเปลีย่ นแปลงทางกายภาพ
ก. การระเหดิ ของลกู เหม็น
ข. การละลายของเกลอื ในน้ำ
ค. การย่อยสลายสารอินทรีย์ในดนิ
ง. การควบแนน่ ของไอนำ้ ในอากาศ
11
15. ข้อใดกลา่ วไม่ถูกตอ้ ง
ก. การเปลีย่ นแปลงทางกายภาพ คอื การเปลยี่ นแปลงท่ีไม่มีการเปลย่ี นโครงสร้างทางเคมี
ข. การเปลีย่ นแปลงทางเคมี สารจะสามารถเปล่ียนกลบั มาเป็นสารเดิมได้
ค. สมบัติทางกายภาพคอื สมบัติที่สามารถทดสอบโดยใช้เครอ่ื งมือทดสอบอยา่ งง่ายได้
ง. ตวั อยา่ งสมบตั ิทางกายภาพ เชน่ จุดหลอมเหลว ผลึกของสาร
16. นักเรยี นจะใช้หลักการใดในการแยกกรวดออกจากทราย
ก. การทำใหต้ กตะกอน
ข. การใช้ตะแกรงรอ่ น
ค. การกรอง
ง. การตกผลกึ
17. นกั เรียนจะใช้หลกั การใดในการแยกผงตะไบจากน้ำตาล
ก. การรอ่ น
ข. การกรอง
ค. การหยบิ ออก
ง. การใชแ้ มเ่ หลก็
18. สารผสมทุกข้อใชห้ ลกั การระเหดิ ยกเวน้ ข้อใด
ก. การบูร และ เกลือแกง
ข. พิมเสน และ นำ้ ตาลทราย
ค. ผงไอโอดนี และเอทานอล
ง. ลูกเหม็น และ ผงถา่ น
19. ข้อใดกลา่ วไมถ่ ูกตอ้ งเก่ียวกบั การตกผลกึ
ก. อาศยั หลักการละลายได้ทีต่ ่างกัน
ข. สารที่ละลายไดน้ อ้ ยกวา่ จะตกผลึกออกมากอ่ น นกั เรยี นมาทบสอบวัดความรู้
ค. สารตัวหน่ึงในสารผสมจะไมล่ ะลายในตวั ทำละลาย ก่อนเรียนก่อนคะ่
ง. ผลึกจัดเป็นสารบริสุทธิ์
20. ในการแยกนำ้ มันดิบในอุตสาหกรรมน้ำมัน ใชว้ ิธีการใด
ก. อาศยั ความหนาแนน่
ข. การสกัดด้วยตัวทำละลาย
ค. การกล่ันลำดับสว่ น
ง. การระเหดิ
12
คำชี้แจง 1. แบบทดสอบฉบับนี้เปน็ แบบทดสอบปรนัย 4 ตัวเลือก จำนวน 10 ขอ้ คะแนน 10 คะแนน
2. ใหน้ ักเรียนเลอื กคำตอบที่ถกู ตอ้ งทสี่ ดุ เพียงข้อเดยี ว
1. สารเนอื้ เดยี ว หมายถึงอะไร
ก. สารทส่ี งั เกตเหน็ เน้ือสารไม่กลมกลนื เปน็ เนือ้ เดียวกัน
ข. สารทีป่ ระกอบด้วยสารเพียงอย่างเดยี ว
ค. สารท่ีสังเกตเหน็ เนอ้ื สารกลมกลืนเปน็ เนอื้ เดียวกันท้งั หมด
ง. สารท่ีมองเหน็ เป็นเน้อื สารคนละอยา่ งไดช้ ัดเจน
2. สารในข้อใดมีสมบัตใิ นการนำไฟฟ้า
ก. ทองแดง เงนิ ยาง
ข. เหลก็ ทองแดง เงนิ
ค. น้ำมนั พืช นำ้ กลั่น นำ้ แขง็ แห้ง
ง. แอลกอฮอล์ นำ้ มนั พืช ลกู เหมน็
3. ขอ้ ใดกล่าวถึงสารเน้ือผสมไดถ้ กู ต้องที่สุด
ก. มีหลายสถานะ ลักษณะใสไม่มีสี
ข. เน้ือสารทุกสัดส่วนมสี มบัติไมเ่ หมอื นกัน
ค. เป็นไดท้ ั้งสารบริสทุ ธิแ์ ละสารละลาย
ง. มีจดุ หลอมเหลวและจุดเดือดท่จี ุดเดยี วกัน
4. ถา้ จำแนกออกเป็นของแข็ง ของเหลว แกส๊ นักเรยี นตอ้ งใชเ้ กณฑใ์ นข้อใด
ก. การนำไฟฟ้า
ข. ปริมาตร
ค. ความหนาแน่น
ง. สถานะ
13
5. ถ้าเราจัด “หนิ เหล็ก แก้ว” ให้อยู่ในพวกเดยี วกันเราจะใช้เกณฑ์ข้อใดในการจำแนก
ก. สถานะ
ข. รูปรา่ ง
ค. ความเปน็ กรด-เบส
ง. การนำไฟฟ้า
6. มีสารอยู่ 8 ชนิด หญงิ ณไู ด้จดั จำแนกออกเปน็ 2 กลมุ่ ดงั นี้
กุลม่ ท่ี 1 นำ้ นม น้ำคลอง นำ้ อบ นำ้ สลัด
กลุม่ ที่ 2 นำ้ หวาน น้ำสม้ สายชู น้ำตาล น้ำแข็ง
จากการจำแนกสารดังกลา่ ว นกั เรยี นตอ้ งใช้เกณฑใ์ นข้อใด
ก. สี
ข. เนื้อสาร
ค. สถานะ
ง. นำความร้อน
7. สง่ิ ของทีท่ ำจากสารชนิดใดนำความร้อนได้ดที ่สี ุด
ก. แก้ว
ข. เหล็ก
ค. กระเบ้อื ง
ง. พลาสติก
8. ขอ้ ใดจำแนกสารโดยใชส้ ถานะเปน็ เกณฑ์
ก. น้ำปลา นำ้ มนั หอย นำ้ ตาล
ข. ผงชูรส เกลือป่น ซีอ้วิ
ค. สบู่ ผงซักฟอก นำ้ ยาล้างจาน
ง. เกลือป่น นำ้ ตาลทราย พริกไทย
9. ข้อใดเรยี งลำดับขนาดอนภุ าคของสารจากขนาดเลก็ กลาง ใหญ่
ก. สารละลาย คอลลอยด์ สารแขวนลอย
ข. คอลลอยด์ สารละลาย สารแขวนลอย
ค. สารแขวนลอย คอลลอยด์ สารละลาย
ง. สารละลาย สารแขวนลอย คอลลอยด์
14
10. ข้อใดไม่ใชส่ ารเนอื้ เดยี วกนั
ก. น้ำอบ
ข. อากาศ
ค. น้ำเกลือ
ง. นำ้ แดง
15
การใชส้ ถานะเปน็ เกณฑแ์ บง่ ออกเปน็ 3 กลุ่ม คอื
1 ของแข็ง (Solid)
สถานะของสารที่มีอนนภุ าคอยู่ชดิ กันจะมรี ปู รา่ ง
และ ปริมาตรคงท่ี เกิดการเปล่ยี นแปลงไดย้ าก
เช่น ด่างทับทิม (KMnO4) , ทองแดง (Cu)
สังกะสี (Zn) เปน็ ตน้
2 ของเหลว (Liquid)
สถานะของสารทมี่ ีอนภุ าคอยู่หา่ งกันมากกวา่ ของแข็งจึงอยกู่ ันอย่างหลวมๆอนภุ าคของสารจึง
เคลือ่ นไหวได้งา่ ยขนึ้ ดงั นน้ั สารจงึ มีรปู ร่างไม่แนน่ อนเปลย่ี นแปลงไปตามภาชนะทีบ่ รรจุ
สารที่มีสถานะของเหลว เชน่ น้ำ น้ำมัน แอลกอฮอล์ เป็นตน้
3 แก๊ส (Gas)
สถานะของสารทม่ี ีอนุภาคอยหู่ า่ งกนั จึงมแี รงยดึ เหนี่ยวระหว่างกันนอ้ ยมากทำใหอ้ นภุ าค
เคล่ือนที่ไดอ้ ย่างอสิ ระ ดังนั้นสารจงึ รปู ร่างไมแ่ น่นอน เม่อื สารอยู่ในภาชนะใดอนภุ าคของสาร
จะฟุง้ กระจายเตม็ ภาชนะ สารที่มีสถานะเปน็ แก๊ส เชน่ อากาศ แก๊สหุงตม้ เปน็ ตน้
16
อลูมิเนยี ม การนำไฟฟ้า หมายถึง สมบัติในการยอมให้
ไส้หลอดไฟ
กระแสไฟฟ้าไหลผ่านได้ สารบางชนิดมีสมบัตินำ
ไฟฟ้า คือ ยอมให้กระแสไฟฟ้าผา่ นได้ดี แต่สารบาง
ชนิดไม่ยอมให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่านได้ สารแต่ละ
ชนิดมีสมบัตกิ ารนำไฟฟ้าแตกต่างกนั 2 ประการ คือ
1. สารนำไฟฟ้า คือ สารที่ยอมให้กระแสไฟฟ้าไหล
เงิน ผ่านได้ เรียกว่า ตัวนำไฟฟ้า ได้แก่ สารประเภทโลหะ
ต่างๆ เช่น ทองแดง เงิน อะลูมิเนียม จึงมีการนำโลหะ
ต่างๆมาทำอุปกรณเ์ ครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น ทองแดงนำไฟฟ้า
สายไฟ ไดด้ ี จึงนำมาใช้สายไฟฟ้า ไส้หลอดไฟ เปน็ ตน้
2. สารไม่นำไฟฟ้า คือ สารที่ไม่ยอมให้กระแสไฟฟ้าไหล เม็ดพลาสตกิ ไม้
แก้ว ปลก๊ั ไฟฟ้า
ผ่านได้ เรียกวา่ ฉนวนไฟฟา้ ได้แก่ สารประเภทอโลหะ เช่น
พลาสติก ไม้ แก้ว กระดาษ จึงมีการนำสารเหล่านี้มาทำเป็น สวิตซไ์ ฟฟ้า
อุปกรณ์ที่ป้องกันไฟฟ้าดูดหรือไฟฟ้ารั่ว เช่น พลาสติก นำมา
ทำทีห่ ้มุ ปลกั๊ ไฟฟา้ สวิตซไ์ ฟฟ้า เป็นต้น
17
การนำความร้อน หมายถึง การถ่ายเท
พลังงานความร้อนจากอนุภาคหนึ่งสู่อนุภาคหนึ่ง
และถ่ายทอดกันไปเร่อื ยๆภายในเนอื้ ของสาร
สารแต่ละชนดิ สามารถนำความร้อนได้แตกตา่ งกัน สารทน่ี ำความรอ้ นไดด้ จี ะถ่ายเทพลังงาน
ความร้อนได้เร็วและมาก เมื่อวัสดุชนิดนั้นได้รับความร้อนที่บริเวณใดบริเวณหนึ่ง จะถ่าย
โอนความร้อนไปสู่บริเวณอื่นด้วย ดังนั้นจึงจำแนกสารตามความสามารถในการนำความ
ร้อนออกเปน็ 2 ประเภท ดังน้ี
1
สารนำความร้อน หมายถึง สารที่นำความร้อนได้ดี ส่วนใหญ่เป็นสารประเภทโลหะ เช่น เหล็ก ทองแดง
ทองเหลอื ง อะลูมเิ นยี ม เงิน เป็นต้น เราจึงนำสารเหลา่ นี้มาใช้ทำภาชนะในการหุงตม้ อาหาร เชน่
หมอ้ กาต้มน้ำ กระทะ เปน็ ตน้
2 เหล็ก ทองเหลอื ง อะลูมเิ นยี ม เงิน
สารไม่นำความร้อน หมายถึง สารที่ไม่มีการถ่ายเทความร้อนหรือไม่มีการถ่ายเทความร้อนได้น้อย ได้แก่
สารอโลหะต่างๆ เช่น ผ้า ไม้ ยางพลาสติก กระเบื้อง กระดาษ เป็นต้น มนุษย์จึงนำสารอโลหะเหล่านี้มาทำ
ส่วนทีไ่ มต่ อ้ งการใหม้ ีความร้อน เช่น ทำด้ามตะหลวิ ทำหหู มอ้ ทำท่ีกระติกน้ำรอ้ น เปน็ ตน้
ท่ีจับกระติกน้ำ
หูหม้อ ด้ามตะหลิว ร้อน
18
เม่ือใช้ “เนอ้ื สาร” เป็นเกณฑ์สามารถจำแนก
สารออกเป็น 2 ปะเภทคอื
1 สารเนอ้ื เดียว
หมายถึง สารที่มีองค์ประกอบเพียงอย่างเดียว หรือ
สารทม่ี ีองคป์ ระกอบต้ังแต่ 2 ชนิดขน้ึ ไปผสมกลมกลืน
จนมองเห็นเปน็ เน้ือเดยี วกนั พรอ้ มท้งั มีสมบัติของสาร
เหมอื นกนั ตลอดทุกส่วน ซง่ึ สารเน้ือเดยี วสามารถแบ่ง
ออกเป็น 2 ประเภท คือ
1.1 สารบริสุทธ์ิ คือ สารเนื้อเดียวประกอบข้ึน น้ำตาล
น้ำ เกลอื
จากสารเพียงชนิดเดียว เช่น น้ำ เกลือ น้ำตาล เหล็ก
ทองแดง อลูมเิ นยี ม แก๊สออกซิเจน เป็นตน้
1.2 สารละลาย คือ สารเนื้อเดียวที่ประกอบขึน้ จากส่วนผสมของสาร
2 ชนิดขึ้นไป โดยมีอัตราส่วนการผสมของสารจะไม่คงทีแ่ นน่ อน และแสดง
สมบัติก้ำกึ่งระหว่างสารเดิมที่นำมาผสมกัน เช่น “น้ำเกลือ” เกิดจากการ
ผสมกันระหว่าง “น้ำ” กับ “เกลือ” จึงแสดงสมบัติของน้ำและเกลือ คือ
เปน็ ของเหลวเหมอื นน้ำ และมรี สเค็มเหมือนเกลอื
นำ้ เกลือ นำ้ เช่อื ม
19
2 สารเนื้อผสม
หมายถึง สารที่มีองค์ประกอบตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไปผสมกันโดยที่เราสามารถมองเห็นองค์ประกอบของสารที่ผสมกันได้
อยา่ งชัดเจน เนอ่ื งจากเน้ือสารที่มาผสมนั้นไมส่ ามารถแทรกตัวผสมกลมกลนื ได้เท่ากนั หมดทุกส่วน สมบัติของสารจึงไม่
เหมอื นกนั หมดท่ัวทุกสว่ น เช่น ดิน โคลน น้ำคลอง พรกิ เกลือ น้ำแปง้ นำ้ นม (พรกิ +เกลอื +น้ำตาล) เปน็ ตน้
ดนิ โคลน พริกเกลอื นำ้ แป้ง น้ำนม
ชนดิ ของสารเนอื้ ผสมมดี งั น้ี
1. สารเน้ือผสมระหว่างของแข็งกบั ของแข็ง เช่น พรกิ กับเกลอื คอนกรตี ข้าวสารปนขา้ วเปลือก
2. สารเนื้อผสมระหวา่ งของแข็งกับของเหลว เช่น ลกู เหม็นลอยน้ำ ตะกอนในน้ำ ทับทมิ กรอบน้ำกะทิ
20
3. สารเนื้อผสมระหวา่ งของแข็งกับแกส๊ เชน่ เขม่าในอากาศ ควนั ไฟ ฝุน่ ละอองในอากาศ
4. สารเนอ้ื ผสมระหว่างของเหลวกับของเหลว เช่น น้ำกับน้ำมัน
21
เมอ่ื จำแนกประเภทสารโดยใชข้ นาดอนภุ าค
เป็นเกณฑ์ สามารถจำแนกได้ 3 ประเภท คือ
1 สารละลาย (Solution)
สารละลาย คอื สารเนื้อเดียวที่เกิดจากสารต้ังแต่ 2 ชนดิ ข้ึน น้ำหวาน
น้ำเกลอื
ไปมาผสมกัน โดยอัตราส่วนของการผสมไม่คงที่ และสารที่
เกิดขึ้นจากการผสมนี้ จะแสดงสมบัติไม่คงที่ ตัวอย่างของ
สารละลาย เชน่ น้ำเกลอื อากาศ น้ำหวาน เปน็ ต้น
ขนาดอนุภาคของสารละลายที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางน้อย
กว่า 10-7 เซนติเมตร จึงสามารถกรองผ่านได้ท้ังกระดาษ
กรองและเซลโลเฟน
อากาศ
2 สารแขวนลอย (Suspension)
สารแขวนลอย คือ สารเนื้อผสมที่มองเห็นอนุภาคของสารชนิดหนึ่งหรือหลายชนิดลอยกระจายอยู่ใน
สารอีกชนิดหนึ่งที่เป็นตัวกลาง เมื่อท้ิงไว้จะตกตะกอนและสามารถแยกสารที่แขวนลอยอยู่ในสารเน้ือ
ผสมออกมาได้โดยการกรอง ตัวอย่างของสารแขวนลอย เช่น น้ำนม น้ำแป้ง น้ำโคลน เป็นต้น สาร
แขวนลอยมีอนุภาคที่มีเส้นผ่าศนู ยก์ ลางใหญก่ ว่า 10-4 เซนตเิ มตร ซ่ึงไม่สามารถกรองผา่ นกระดาษกรอง
ได้
22
นำ้ นม นำ้ โคลน
3 สารคอลลอยด์
สารคอลลอยด์ คอื สารผสมท่ปี ระกอบด้วยสาร 2 ชนดิ ซึง่ สารชนดิ หนงึ่ มีอนุภาคเล็กกวา่ สาร
แขวนลอย คือ มีเส้นผ่านศูนย์กลางระหว่าง 10-7 – 10-4 เซนติเมตร แต่ใหญ่กว่าอนุภาคของสารละลาย
สามารถผ่านกระดาษกรองแต่ไม่สามารถผ่านกระดาษเซลโลเฟนได้ เรียกว่า อนุภาคคอลลอยด์ ซ่งึ อาจเป็น
ของแข็ง ของเหลว หรือแก๊ส กระจายอยู่ในตัวกลางที่เป็นสารอีกชนิดหนึ่งที่อาจมีสถานะเป็นของแข็ง
ของเหลว หรอื แกส๊ ได้เช่นกนั และทำใหม้ องคล้ายเป็น สารเนื้อเดยี ว
ชอ่ื คอลลอยด์ อนภุ าคคอลลอยด์ สารอกี ชนิดหนึ่ง
หมอก ละอองน้ำ(ของเหลว) อากาศ(แกส๊ )
ผงถา่ น (ของแข็ง) อากาศ(แกส๊ )
ควันไฟ ควนั บุหรี่ ฝ่นุ ละออง (ของแขง็ ) อากาศ(แกส๊ )
ฝนุ่ ละอองในอากาศ น้ำ(ของเหลว)
เมด็ ส(ี ของแข็ง) น้ำ(ของเหลว)
สที าบ้าน ฟองอากาศ(แก๊ส)
ฟองอากาศในน้ำ
มีคอลลอยด์บางประเภทที่อนภุ าคคอลลอยดไ์ ม่กระจายตัว เช่น น้ำมันพืชกับน้ำ เมื่อเขย่าและตั้งทง้ิ
ไว้สักพักหนึ่ง น้ำกับน้ำมันพืชจะแยกจากกันเป็น 2 ช้ัน โดยน้ำมันจะอยู่ข้างบนและน้ำจะอยู่ข้างล่าง เรียก
สารผสมน้ีว่า อิมัลชัน เราสามารถทำให้อิมัลชันกลายเป็นสารผสมที่อยู่ตัวได้ โดยใช้สารที่สามผสมลงไป
เพื่อช่วยให้การผสมของสาร 2 สารดีขึ้น เรียกสารที่ 3 นี้ว่า อิมัลซิไฟเออร์ หรือ อิมัลซิไฟอิงเอเจนต์ ซึ่งมี
หน้าที่ทำให้อนุภาคของคอลลอยด์ แตกตัวมีขนาดเล็กลง จึงอยู่ได้นาน เช่น น้ำกับน้ำมันพืชไม่ผสมกัน แต่
ถา้ เตมิ น้ำสบู่ลงไปเลก็ นอ้ ย น้ำกบั น้ำมนั พืชจะผสมกนั ได้ แสดงว่า น้ำสบเู่ ปน็ อิมลั ซไิ ฟเออร์
23
สารคอลลอยดใ์ นชีวติ ประจำวนั
มีสารคอลลอยด์หลายชนิดที่เกี่ยวข้องในการดำรงชีวิตประจำวันของคนเรา ท้ังที่เกิดขึ้นเองตาม
ธรรมชาติและเกิดจากการผสมสาร เช่น นม น้ำสลัด น้ำกะทิ ควันบุหรี่ ฝุ่นละอองในอากาศ น้ำสบู่
ผงซกั ฟอก แชมพู สระผม คอลลอยด์เหล่าน้ี เกิดขน้ึ ได้อย่างไร และใช้ประโยชน์อย่างไร
คอลลอยดท์ ีพ่ บในชีวติ ประจำวัน มหี ลายชนดิ บางชนิดสามารถนำไปใช้ประโยชน์ เชน่ น้ำกะทิ
น้ำสลัด น้ำสบู่ และ ผงซักฟอก เป็นต้น คอลลอยด์บางชนิด มีลักษณะเหนียวหนืด เพราะอนุภาคของ
คอลลอยด์ถูกของเหลวดึงดูดไว้อย่างแข็งแรง เมื่อทำให้เย็นหรือระเหยส่วนที่เป็นของเหลวออกไปบ้าง จะ
เข้มข้นมากจนเกือบมีสถานะเป็นของแข็ง เช่น แยม กาว วุ้น เยลลี่และแป้งเปียก คอลลอยด์บางชนิด มี
ลักษณะเหนียวหนืดเพราะ อนุภาคของคอลลอยด์ถูกของเหลวดึงดูดไว้อย่างแข็งแรง เมื่อทำให้เย็นหรือ
ระเหยส่วนทเี่ ป็นของเหลวออกไปบ้างจะเข้มข้นมากจนเกือบมสี ถานะเป็นของแข็ง เชน่ แยม กาว วุน้ เยลลี่
และแป้งเปียก สบู่หรือผงซักฟอก ในการซักผ้าเราต้องการล้างไขมันและสิ่งสกปรกที่ติดอยู่ตามเส้ือผ้าให้
หลดุ ออกมากบั น้ำท่ีแช่เสื้อผา้ สบู่หรือผงซักฟอกจะทำหน้าที่เปน็ อิมลั ซไิ ฟเออร์
การเปรียบเทียบ สารละลาย คอลลอยด์ และสารแขวนลอย
การเปรียบเทียบ สารละลาย คอลลอยด์ สารแขวนลอย
ตัวอยา่ งสาร นมสด นมสดผสมกรด
น้ำเกลือ
ลักษณะเน้ือสาร เน้ือเดียว เนื้อผสม
ขนาดของเส้นผ่าศนู ยก์ ลางของอนภุ าค เนื้อเดียว 10-7 – 10-4 cm มากกว่า 10-4 cm
การลอดผ่านกระดาษกรอง น้อยกว่า 10-7 cm ได้ ไม่ได้
การลอดผ่านถงุ เซลโลเฟน ได้ ไม่ได้ ไมไ่ ด้
ได้
24
กลุ่มที่................
คำช้ีแจง ให้นกั เรยี นทำกจิ กรรมดงั ต่อไปนี้
วิธีทำกิจกรรม
1. กจิ กรรมนีใ้ ชเ้ วลา 30 นาที
2. ใหน้ ักเรียนในแต่ละกลุ่ม ยกตวั อย่าง สารเนื้อเดยี ว สารเนื้อผสม สารละลาย สารคอลลอยด์ และสาร
แขวนลอย ในชวี ิตประจำวนั มาชนิดละ 2 ตวั อยา่ ง ลงในแบบบันทกึ
3. ตัวแทนกลุ่มเสนอตัวอย่าง สารในขอ้ 2 ใหก้ ลุ่มอนื่ ๆรับทราบ และบันทึกข้อมลู เพิ่มลงในแบบบันทกึ
4. ครูและนักเรียนร่วมกบั อภิปรายเพือ่ อธบิ ายและนำความรทู้ ี่ไดไ้ ปใชใ้ นชวี ิตประจำวัน
กลุม่ ท่ี ตวั อย่างสาร
เน้อื เดยี ว เนอ้ื ผสม สารละลาย สารแขวนลอย สารคอลลอยด์
1 1. ……………… 1. ……………… 1. ……………… 1. ……………… 1. ………………
2. ……………… 2. ……………… 2. ……………… 2. ……………… 2. ………………
2 1. ……………… 1. ……………… 1. ……………… 1. ……………… 1. ………………
2. ……………… 2. ……………… 2. ……………… 2. ……………… 2. ………………
3 1. ……………… 1. ……………… 1. ……………… 1. ……………… 1. ………………
2. ……………… 2. ……………… 2. ……………… 2. ……………… 2. ………………
4 1. ……………… 1. ……………… 1. ……………… 1. ……………… 1. ………………
2. ……………… 2. ……………… 2. ……………… 2. ……………… 2. ………………
5 1. ……………… 1. ……………… 1. ……………… 1. ……………… 1. ………………
2. ……………… 2. ……………… 2. ……………… 2. ……………… 2. ………………
6 1. ……………… 1. ……………… 1. ……………… 1. ……………… 1. ………………
2. ……………… 2. ……………… 2. ……………… 2. ……………… 2. ………………
จากกิจกรรมน้ีได้รบั ความรอู้ ะไรบา้ งและนำไปใช้ประโยชนไ์ ดอ้ ย่างไร?
25
กล่มุ ที่................
คำช้แี จง
1. กิจกรรมนใ้ี ช้เวลา40 นาที
2. ใหน้ กั เรยี นสรปุ องคค์ วามรูเ้ รื่องการจำแนกสาร แบบแผนผงั ความคิดรวบยอด
26
คำชแ้ี จง จงเตมิ คำตอบลงในช่องว่างให้ถกู ต้องและสมบรู ณ์
1. การจำแนกสารโดยใช้สถานะเปน็ เกณฑ์จะจำแนกสารได้เป็น
2. เมือ่ ใชล้ ักษณะของเน้ือสารเป็นเกณฑ์จะจำแนกไดเ้ ปน็
3. เมอ่ื ใช้ความสามารถในการนำความรอ้ นและไฟฟา้ เป็นเกณฑจ์ ะจำแนกสารไดเ้ ป็น
4. สารเนอ้ื เดียวหมายถึง
5. สารเนอื้ ผสมหมายถงึ
6. ของแขง็ ของเหลว แก๊ส เปน็ การจำแนกสารโดยใชเ้ กณฑ์
7. สิ่งของทีท่ ำจากวัสดชุ นดิ ใดนำความร้อนไดด้ ีมาก
8. ถ้าจัดให้ นำ้ มัน นำ้ กลัน่ นำ้ เกลอื เป็นสารประเภทเดยี วกันโดยใชเ้ กณฑใ์ ด
9. สารที่กำหนดให้ต่อไปนีส้ ารใดเปน็ สารเน้อื เดียว น้ำปลา นำ้ โคลน นำ้ อบ น้ำปลาพริก
10. สารทก่ี ำหนดให้ต่อไปน้ีสารใด เป็นสารเน้ือผสม ทองคำ ดบี ุก ตะก่ัว ทองเหลือง
27
คำชแี้ จง พจิ ารณาช่ือสารทีก่ ำหนดให้และจำแนกวา่ สารน้ันอยู่ในสถานะใด
สารชนดิ ต่างๆ สถานะของสาร แกส๊ ลกั ษณะของเนื้อสาร
ของแข็ง ของเหลว เนือ้ เดยี ว เน้อื ผสม
แปง้ มนั
น้ำมนั พชื
ผงซกั ฟอก
คาร์บอนไดออกไซด์
แอลกอฮอล์ลา้ งแผล
ไอน้ำ
น้ำยาล้างจาน
นมขน้ หวาน
นำ้ แข็งแหง้
ไนโตรเจน
น้ำอดั ลม
นมสด
ออกซเิ จน
ลกู เหม็น
เกลือ
ชื่อ-สกุล : สาขาวชิ า :
ระดับชัน้ :
28
คำช้ีแจง 1. แบบทดสอบฉบับนี้เปน็ แบบทดสอบปรนัย 4 ตัวเลือก จำนวน 10 ข้อ คะแนน 10 คะแนน
2. ให้นกั เรียนเลอื กคำตอบท่ถี ูกตอ้ งทส่ี ุดเพียงข้อเดยี ว
1. ข้อใดไมใ่ ช่สารเน้ือเดียวกนั
ก. น้ำอบ
ข. อากาศ
ค. นำ้ เกลอื
ง. นำ้ แดง
2. ขอ้ ใดเรียงลำดบั ขนาดอนุภาคของสารจากขนาดเลก็ กลาง ใหญ่
ก. สารละลาย คอลลอยด์ สารแขวนลอย
ข. คอลลอยด์ สารละลาย สารแขวนลอย
ค. สารแขวนลอย คอลลอยด์ สารละลาย
ง. สารละลาย สารแขวนลอย คอลลอยด์
3. ขอ้ ใดจำแนกสารโดยใช้สถานะเป็นเกณฑ์
ก. นำ้ ปลา นำ้ มันหอย นำ้ ตาล
ข. ผงชูรส เกลือป่น ซีอิว้
ค. สบู่ ผงซกั ฟอก น้ำยาล้างจาน
ง. เกลอื ปน่ นำ้ ตาลทราย พรกิ ไทย
4. สิ่งของทท่ี ำจากสารชนดิ ใดนำความร้อนได้ดที ่ีสุด
ก. แก้ว
ข. เหล็ก
ค. กระเบ้อื ง
ง. พลาสตกิ
29
5. มสี ารอยู่ 8 ชนิด หญงิ ณูไดจ้ ดั จำแนกออกเป็น 2 กลุ่มดงั น้ี
กลุ ม่ ที่ 1 น้ำนม นำ้ คลอง น้ำอบ นำ้ สลดั
กลุ่มที่ 2 นำ้ หวาน น้ำสม้ สายชู นำ้ ตาล นำ้ แข็ง
ก. สี
ข. เนอ้ื สาร
ค. สถานะ
ง. นำความรอ้ น
6. ถ้าเราจัด “หนิ เหล็ก แก้ว” ให้อยู่ในพวกเดยี วกนั เราจะใชเ้ กณฑ์ข้อใดในการจำแนก
ก. สถานะ
ข. รปู รา่ ง
ค. ความเปน็ กรด-เบส
ง. การนำไฟฟา้
7. ถา้ จำแนกออกเปน็ ของแข็ง ของเหลว แก๊ส นักเรยี นตอ้ งใช้เกณฑ์ในข้อใด
ก. การนำไฟฟ้า
ข. ปริมาตร
ค. ความหนาแนน่
ง. สถานะ
8. ข้อใดกล่าวถึงสารเน้อื ผสมได้ถกู ต้องทสี่ ดุ
ก. มหี ลายสถานะ ลักษณะใสไมม่ สี ี
ข. เน้อื สารทกุ สดั ส่วนมสี มบัติไมเ่ หมือนกัน
ค. เปน็ ไดท้ ัง้ สารบรสิ ุทธิ์และสารละลาย
ง. มีจดุ หลอมเหลวและจุดเดือดท่ีจดุ เดยี วกัน
9. สารในขอ้ ใดมีสมบตั ใิ นการนำไฟฟ้า
ก. ทองแดง เงนิ ยาง
ข. เหลก็ ทองแดง เงนิ
ค. น้ำมนั พชื นำ้ กล่ัน นำ้ แขง็ แห้ง
ง. แอลกอฮอล์ น้ำมนั พืช ลกู เหมน็
30
10. สารเนอ้ื เดียว หมายถึงอะไร
ก. สารท่สี ังเกตเห็นเนื้อสารไม่กลมกลนื เปน็ เน้อื เดยี วกนั
ข. สารท่ีประกอบด้วยสารเพียงอย่างเดียว
ค. สารทส่ี ังเกตเหน็ เน้อื สารกลมกลนื เปน็ เนือ้ เดยี วกันทง้ั หมด
ง. สารที่มองเห็นเป็นเน้ือสารคนละอยา่ งได้ชัดเจน
31
บรรณานกุ รม
ชยั พร จิตรอารี. (2563). วิทยาศาสตรเ์ พ่ือพัฒนาทักษะชีวิต. กรุงเทพฯ: ศูนย์สง่ เสรมิ วิชาการ. พิมพ์คร้ังท่ี
1 . ปีทพ่ี ิมพ์ 2563.
สดุ ปล้ืมใจ. (2563). วทิ ยาศาสตรเ์ พอื่ พฒั นาทักษะชีวติ . กรุงเทพฯ: ศูนยห์ นังสือเมืองไทย. พิมพ์ครง้ั ท่ี 1 . ปที ่ี
พมิ พ์ 2563.
เปรมจติ ลมิ ปะพันธ์.ุ (2563). วทิ ยาศาสตร์เพื่อพัฒนาทักษะชีวิต. กรงุ เทพฯ: ศนู ยห์ นงั สือเมอื งไทย. พิมพ์คร้งั ที่
1 . ปที ี่พมิ พ์ 2563.
การจำแนกสาร(2564). [ออนไลน์]. แหล่งท่มี า : https://bit.ly/3E5Amky (วนั ที่คน้ หาข้อมูล 21 พฤศจิกายน
2564)
สารเนื้อเดียว สารเนือ้ ผสม(2564). [ออนไลน์]. แหล่งที่มา : https://bit.ly/3GS71f2 (วันที่คน้ หาข้อมูล 21
พฤศจิกายน 2564)
สารละลาย(2564). [ออนไลน์]. แหลง่ ทม่ี า : https://bit.ly/30ylNIo (วนั ที่คน้ หาขอ้ มูล 21 พฤศจิกายน 2564)
สารละลาย สารแขวนลอย คอลลอยด์(2564). [ออนไลน์]. แหล่งทมี่ า : https://bit.ly/3yzcUuI (วันทีค่ น้ หา
ข้อมลู 21 พฤศจกิ ายน 2564)
32
33
ขอ้ ท่ี เฉลย ข้อที่ เฉลย
1. ก 11. ง
2. ข 12. ง
3. ก 13. ค
4. ก 14. ง
5. ข 15. ข
6. ค 16. ข
7. ค 17. ง
8. ง 18. ค
9. ง 19. ค
10. ก 20. ค
34
ขอ้ เฉลย
1ค
2ง
3ค
4ง
5ข
6ค
7ข
8ง
9ก
10 ก
35
คำชแ้ี จง จงเตมิ คำตอบลงในช่องว่างให้ถกู ตอ้ งและสมบรู ณ์
1. การจำแนกสารโดยใช้สถานะเปน็ เกณฑ์จะจำแนกสารไดเ้ ปน็ 1. ของแขง็ 2. ของเหลว 3. แกส๊
2. เมอ่ื ใชล้ ักษณะของเน้อื สารเปน็ เกณฑจ์ ะจำแนกได้เปน็ สารเนอ้ื เดียวและสารเนอื้ ผสม
3. เมอ่ื ใช้ความสามารถในการนำความรอ้ นและไฟฟา้ เป็นเกณฑจ์ ะจำแนกสารไดเ้ ป็น โลหะและอโลหะ
4. สารเน้อื เดยี วหมายถึง สารทีม่ องเหน็ เป็นเนือ้ เดยี วอาจประกอบด้วยสารอย่างเดียวหรือหลายอย่างได้
5. สารเน้ือผสมหมายถงึ เป็นสารที่มองเหน็ ไมเ่ ปน็ เน้ือเดียวประกอบด้วยสารมากกวา่ หนงึ่ อย่าง
6. ของแขง็ ของเหลว แก๊ส เป็นการจำแนกสารโดยใชเ้ กณฑ์ สถานะ
7. สงิ่ ของทีท่ ำจากวสั ดชุ นิดใดนำความรอ้ นได้ดีมาก โลหะ
8. ถ้าจัดให้ นำ้ มัน นำ้ กล่ัน นำ้ เกลอื เปน็ สารประเภทเดยี วกันโดยใช้เกณฑใ์ ด สถานะ
9. สารท่กี ำหนดให้ต่อไปน้ีสารใดเปน็ สารเนอื้ เดียว นำ้ ปลา น้ำโคลน น้ำอบ น้ำปลาพริก นำ้ ปลา
10. สารทก่ี ำหนดให้ต่อไปนี้สารใด เป็นสารเนื้อผสม ทองคำ ดีบุก ตะก่ัว ทองเหลือง ทองเหลือง
36
คำช้แี จง พิจารณาชื่อสารทก่ี ำหนดให้และจำแนกว่าสารนัน้ อยูใ่ นสถานะใด
สารชนดิ ตา่ งๆ ของแข็ง สถานะของสาร แก๊ส ลักษณะของเน้ือสาร
ของเหลว เนือ้ เดียว เนือ้ ผสม
แปง้ มัน
น้ำมนั พชื
ผงซกั ฟอก
คาร์บอนไดออกไซด์
แอลกอฮอล์ล้างแผล
ไอนำ้
น้ำยาล้างจาน
นมขน้ หวาน
น้ำแขง็ แหง้
ไนโตรเจน
นำ้ อัดลม
นมสด
ออกซเิ จน
ลูกเหม็น
เกลือ
37
ขอ้ เฉลย
1ก
2ก
3ง
4ข
5ค
6ข
7ง
8ค
9ง
10 ค