ใบความรเู้ ร่ือง สารเคมใี นชีวติ ประจำวัน
สารเคมีในชีวิตประจำวนั
ในชวี ติ ประจำวันเรารูจ้ กั สารทม่ี สี มบัตเิ ป็นกรด-เบส มากมายหลายชนิด เช่น มะขาม มะม่วง นำ้
ข้เี ถา้ น้ำปูนใส เปน็ ต้น เมื่อนำสารเหล่านีม้ าทดสอบด้วยกระดาษลติ มสั ถา้ สารละลายนั้นเปน็ กรด จะเปลีย่ น
สีกระดาษลติ มัสจากน้ำเงนิ เป็นสแี ดง และถ้าสารละลายนั้นเปน็ เบส จะเปลย่ี นสกี ระดาษลิตมสั จากสแี ดงเป็น
สีน้ำเงนิ จากผลการทดสอบบอกให้ทราบไดเ้ พียงว่าสารละลายเป็นกรดหรอื เบสเท่านัน้
กรด-เบส
- กรด (acid) หมายถึง สารที่มีธาตุ H เป็นองคป์ ระกอบท่สี ําคัญและเป็น H ท่สี ามารถถูกแทนทไี่ ด้ด
เวยโลหะ หรือหมู่เทยี บเทา่ โลหะ หรือกรดเป็นสารทีเ่ มื่อทาํ ปฏกิ ริ ยิ ากับโลหะ ได้แก่ H2 เมอ่ื กรดละลายน้ำ H
ทอี่ ยู่ในกรดท้งั หมดหรอื บางส่วนจะแตกตัวให้ H+ ทําให้สารละลาย นาํ ไฟฟา้ ได้ เชน่ กรดไฮโดรคลอลิก (HCl)
,กรดซลั ฟวิ ริก (H2SO4) , กรดอะซิติก (CH3COOH) เป็นต้น
- เบส (base) หมายถงึ สารประกอบออกไซด์หรือไฮดรอกไซด์ของโลหะ เน่ืองจากเป็น
สารประกอบไฮออกนิก เบสท่ีละลายน้ำได้ สารละลายทจ่ี ะนําไฟฟ้าได้ เช่น โซเดียมไฮดรอกไซด์
(NaOH) , แคลเซียมไฮดรอกไซด์ (CaOH) , โปรแทสเซียมออกไซด์ (K2O) เป็นต้น
คุณสมบัตโิ ดยท่ัวไปของกรด-เบส
สารละลายของกรดและเบสมีคุณสมบัตโิ ดยทวั่ ไปดังตาราง
กระดาษลติ มสั ใชบ้ อกความเป็นกรด-เบสของสารละลายซง่ึ เรยี กวา่ อนิ ดเิ คเตอร์สำหรับกรด-เบส
อนิ ดเิ คเตอร์สว่ นใหญ่เป็นสารอนิ ทรยี ์ที่มีสมบัตเิ ป็นกรดอ่อนนยิ มใช้สารละลายทีม่ ีนำ้ หรือเอทานอลเป็นตวั ทำ
ละลาย อินดิเคเตอร์แต่ละชนดิ จะเปลีย่ นไปตามค่า pH ของสารละลายและเปลี่ยนสีที่คา่ pH แตกต่างกัน
pH ของการเปลยี่ นสอี ินดิเคเตอรอ์ ยรู่ ะหวา่ ง 1-14 การใช้อินดเิ คเตอร์เพยี งชนดิ เดียวในการทดสอบจะบอก
ได้เพียงวา่ สารละลายนั้นมีค่า pH สงู กวา่ หรือต่ำกว่า หรอื อยู่ในช่วงท่ีอนิ ดิเคเตอร์เปลย่ี นสี เท่าน้ัน แตบ่ อก
ไม่ไดว้ า่ สารละลายนัน้ มคี ่า pH เทา่ ใด ดงั น้ันถ้านำอินดิเคเตอร์หลายๆ ชนดิ ซึ่งมีการเปล่ยี นสีในชว่ ง pH ท่ี
ตา่ งๆ กันมาผสมกนั ในสัดส่วน
ทเ่ี หมาะสม จะได้อินดเิ คเตอร์ทบี่ อกค่า pH ของสารละลายทนี่ ำมาทดสอบความเป็นกรด-เบส ได้ละเอียด
มากขนึ้ อินดเิ คเตอร์ท่ผี สมขึ้นใหมน่ ้ี สามารถเปลย่ี นสขี องสารละลายทีม่ ีค่า pH แตกต่างกันได้เกอื บทกุ คา่
pH เรียกอินดเิ คเตอร์ผสมนนั้ วา่ ยูนิเวอรแ์ วลอนิ ดิเคเตอร์
นอกจากอนิ ดเิ คเตอร์ต่างๆ ที่กล่าวมาแล้วข้างตน้ สามารถนำสารที่มีอยูใ่ นธรรมชาตแิ ละมีสมบัติ
เหมาะสมในการเปลยี่ นสีแตล่ ะชว่ ง pH ทแ่ี ตกต่างกนั สารเหลา่ นไ้ี ด้มาจากสขี องดอกไม้ ผลไม้ หรือรากไม้
บางชนดิ (ดอกกหุ ลาบ ดอกอัญชัน เปลือกมงั คุด ลกู หมึก สเี ลือด และคร่ัง เปน็ ตน้ ) ซ่งึ ประโยชนข์ องอนิ ดิเค
เตอร์สามารถนำมาใช้กบั ชวี ติ ประจำวนั ไดม้ ากมาย ทั้งในด้นการแพทย์ การเกษตร การอุตสาหกรรม ฯลฯ
ตวั อยา่ ง สีของอนิ ดเิ คเตอร์ชนิดตา่ งๆในสารละลายท่มี ี pH ตา่ งๆ กนั
สารปรุงแตง่ อาหาร
หมายถงึ สารปรงุ รสและวัตถุเจือปนในอาหารท่ีนำมาใช้เพื่อปรงุ แต่งสี กลิ่น รส และคุณสมบตั อิ ่ืน
ๆ ของอาหาร
ประเภททไี่ ม่เปน็ อันตรายแกร่ ่างกาย ไดแ้ ก่
1.1 สีตา่ ง ๆ ท่ีใชผ้ สมอาหาร ซึง่ เปน็ สธี รรมชาติ ได้แก่
สเี ขยี ว จากใบเตยหอม พริกเขยี ว
สีเหลอื ง จากขมน้ิ อ้อย ขมน้ิ ชนั ลกู ตาลยี ไข่แดง ฟักทอง ดอกคำฝอย เมล็ดคำแสด
สีแดง จากดอกกระเจ๊ียบ มะเขือเทศ พรกิ แดง ถว่ั แดง ครั่ง
สนี ำ้ เงนิ จากดอกอัญชัญ
สดี ำ จากกากมะพรา้ วเผา ถัว่ ดำ ดอกดิน
สนี ้ำตาล จากนำ้ ตาลเคยี่ วไหม้ หรอื คาราเมล
1.2 สารเคมบี างประเภท ได้แก่
1.2.1 สารเคมปี ระเภทใหร้ สหวาน เชน่ นำ้ ตาลทราย กลูโคส แบะแซ
1.2.2 สารเคมบี างประเภทให้รสเปรย้ี วในอาหาร เช่น กรดอะซีติก (กรดน้ำส้ม)
กรดซติ รกิ (กรดมะนาว)
1.2.3 สารเคมีทีเ่ ป็นสารแตง่ กล่นิ เชน่ น้ำนมแมว หรอื หัวน้ำหอมจากผลไมต้ ่าง ๆ
ประเภททอี่ าจเกิดอันตรายหากใช้เกินขอบเขต
2.1 สีผสมอาหาร ได้จากการสงั เคราะห์สารเคมี แมก้ ฏหมายกำหนดใหใ้ ช้สีสังเคราะห์
สำหรับผสมอาหารได้ แตห่ ากใช้ในปริมาณมากและบ่อยก็อาจก่อให้เกิดอันตรายตอ่ สุขภาพผู้บรโิ ภคได้
ปรมิ าณสที ่ีอนญุ าตให้ใช้ผสมในอาหารประเภทเคร่อื งดมื่ ไอศกรีม ลกู กวาด และขนมหวาน มีดงั นี้
2.1.1 สที ่ีใช้ได้ปริมาณไม่เกิน 70 มิลลิกรมั ต่ออาหารในลกั ษณะท่ีใชบ้ ริโภค 1
กิโลกรมั
สแี ดง ไดแ้ ก่ เอโซรบู ีน เออริโทรซิน
สเี หลือง ไดแ้ ก่ ตารต์ ราซีน ซันเซ็ตเย็ลโลว์ เอฟ็ ซี เอ็ฟ
สเี ขยี ว ไดแ้ ก่ ฟาสต์ กรีน เอ็ฟ ซี เอ็ฟ
สนี ้ำเงนิ ได้แก่ อนิ ดิโกคาร์มีนหรืออินดิโกตนิ
2.1.2 สีทีใ่ ชไ้ ด้ปรมิ าณไมเ่ กนิ 50 มลิ ลิกรมั ตอ่ อาหารในลักษณะที่ใชบ้ ริโภค 1
กโิ ลกรัม
สแี ดง ไดแ้ ก่ ปองโซ 4 อาร์
สนี ำ้ เงิน ได้แก่ บรลิ เลยี นบลู เอฟ็ ซี เอ็ฟ
2.2 ผงชรู ส เป็นสารปรงุ แต่งรสอาหาร มชี อ่ื ทางเคมีว่า โมโนโซเดียมกลูตาเมท ผลิต
จากแป้งมันสำปะหลงั หรือจากกากน้ำตาล ลักษณะของผงชรู สแทจ้ ะเปน็ เกลด็ หรือผลึกสขี าวข่นุ ปลายทัง้
2 ข้างโตและมนั ตรงกลางคอดเลก็ คล้ายกระดกู ไมม่ คี วามวาวแบบสะท้อนแสง มีรสชาตคิ ล้าย เนือ้ ต้ม
ปริมาณทใี่ ช้ควรเพยี งเลก็ น้อย ถา้ บรโิ ภคมากเกินไปอาจมีอาการแพผ้ งชูรสได้ ควรใชผ้ งชูรสประมาณ
1/500-1/800 ส่วนของอาหารหรือประมาณ 1 ช้อนชาต่ออาหาร 10 ถ้วยตวง และไม่ควรใชผ้ งชูรสใน
อาหารทารกและหญิงมีครรภ์
2.3 สารเคมีทีใ่ ช้กันเสียกันบูด เป็นสารประกอบทางเคมีหรือของผสมของสารประกอบท่ี
ใช้เติมลงในอาหาร เพื่อชะลอการเน่าเสียหรือยืดอายุการเก็บอาหาร โดยจะไปยับยั้งการเจริญเติบโตของ
จุลินทรีย์และส่วนประกอบของเอนไซม์ ซึ่งทำให้การเจริญเติบโตของจุลินทรีย์หยุดชะงักหรือตายได้
นอกจากนี้ยังมีผลต่อการแบ่งเซลล์ยับยั้งการสังเคราะห์ของโปรตีน ทำให้ขบวนการแบ่งเซลล์หยุดชะงัก
จำนวนจุลนิ ทรียจ์ ะไม่เพ่ิมข้ึน การใช้วตั ถุกันเสยี ไมจ่ ำเป็นก็ไม่ควรใช้ กรณีท่ีจำเป็นต้องใช้ควรเลือกวัตถุกัน
เสียทป่ี ลอดภัยและใช้ในปรมิ าณทกี่ ฏหมายกำหนด รวมท้ังตอ้ งเลอื กใชใ้ ห้เหมาะสมกับชนดิ
ของอาหาร