ค ่ ม ู ื อ การประเม ิ นผลงานเพื่อเล ื ่ อนว ิ ทยฐานะ ของพนักงานครูองคก ์ รปกครองส ่ วนท ้ องถ ิ ่ น พ.ศ. 2565 กล ่ ม ุ งานบรรจแ ุ ต ่ งตง ั ้ และอัตราก าลัง กองการเจ้าหน้าที่ เทศบาลนครระยอง
คำนำ ตามที่คณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาล(ก.ท.) ได้มีประกาศคณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาล เรื่อง มาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะพนักงานครูและบุคลากรทางการศึกษาเทศบาล พ.ศ. 2565 ลงวันที่ 23 กันยายน 2565 เพื่อให้สอดรับกับยุทธศาสตร์ชาติ20 ปีด้านการพัฒนาและเสริมสร้าง ศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ แผนการศึกษาแห่งชาติ(พ.ศ. 2560 - 2579) ยุทธศาสตร์ที่6การพัฒนาประสิทธิภาพ ของระบบบริหารการจัดการศึกษา และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 หมวด 5 หน้าที่ ของรัฐมาตรา 54 วรรคสี่ ที่บัญญัติว่า“การศึกษาทั้งปวงต้องมุ่งพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนดีมีวินัยภูมิใจในชาติ สามารถเชี่ยวชาญได้ ตามความถนัดของตนและมีความรับผิดชอบต่อครอบครัวชุมชน สังคม และประเทศชาติ เพื่อให้มีแนวทางในการประเมินตามประกาศคณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาล ดังกล่าว กลุ่มงาน บรรจุแต่งตั้งและอัตรากำลัง กองการเจ้าหน้าที่ เทศบาลนครระยอง จึงได้จัดทำคู่มือการประเมินตำแหน่งและวิทย ฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยประกอบด้วย สรุปแนวทางขั้นตอนวิธีการและเงื่อนไขต่างๆ เกี่ยวกับการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะพนักงานครูและบุคลากรทางการศึกษาเทศบาล คำชี้แจงการ ดำเนินการประเมินเพื่อขอมีวิทยฐานะและเลื่อนวิทยฐานะ ในช่วงระยะเวลาเปลี่ยนผ่าน ตัวอย่างเอกสาร แบบฟอร์มคำขอ แบบประเมินและแบบสรุปผลการประเมินฯ และระเบียบหลักเกณฑ์ต่าง หนังสือสั่งการต่างๆ ที่ เกี่ยวข้อง กลุ่มงานบรรจุแต่งตั้งและอัตรากำลัง กองการเจ้าหน้าที่ เทศบาลนครระยอง หวังเป็นอย่างยิ่งว่าคู่มือการ ประเมินนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถใช้ในการประเมินได้อย่างถูกต้องเป็นมาตรฐานเดียวกัน “ผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน” หมายความว่าความรู้ทักษะ เจตคติความคิดพฤติกรรม หรือคุณลักษณะตาม จุดประสงค์ของหลักสูตรที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีหรือมีพัฒนาการมากขึ้น กลุ่มงานบรรจุแต่งตั้งและอัตรากำลัง กองการเจ้าหน้าที่ เทศบาลนครระยอง พฤศจิกายน 2565
สารบัญ หน้า สารบัญ………………………………………………………………………………………………………………………….…….……..(ก) ที่มาและความสำคัญ1 1 ส่วนที่ 1 ขั้นตอนการดำเนินการตามประกาศหลักเกณฑ์ฯ 3 การจัดทำข้อตกลงในการพัฒนางาน (Performance Agreement : PA) 3 แนวทางการเขียนข้อตกลงในการพัฒนา 7 ตัวอย่างการเขียนข้อตกลงในการพัฒนา (PA1) 13 Flow chart ขั้นตอนการดำเนินการ ประเมินผลตามข้อตกลงในการพัฒนางาน 21 แนวทางการประเมินผลการพัฒนางานตามข้อตกลง (PA) ตำแหน่งครู (กรรมการประเมิน) 22 ตัวอย่างแบบประเมินผลการพัฒนางานตามข้อตกลง (PA2) 24 ตัวอย่างแบบสรุปผลการประเมินการพัฒนางานตามข้อตกลง(PA3) 29 การประเมินวิทยฐานะผู้ดำรงตำแหน่งครู ผู้บริหารสถานศึกษา ศึกษานิเทศก์ 30 Flow chart ขั้นตอนการดำเนินการประเมินวิทยฐานะ 41 สรุปแผนผังขั้นตอนการดำเนินการประเมินเพื่อเลื่อนวิทยฐานะ ว.PA 42 ส่วนที่ 2 ระเบียบ กฎหมาย แนวทางปฏิบัติ 43 มาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะฯ 44 มาตรฐานกำหนดตำแหน่งข้าราชการครูหรือพนักงานครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2565 98 เงื่อนไขการลดระยะเวลาตามคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่ง 138 การได้รับของเงินเดือนของแต่ละวิทยฐานะ 141 ภาระงานของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 145 รูปแบบวิธีการจัดทำไฟล์วีดิทัศน์ 150 การดำเนินการในช่วงระยะเวลาเปลี่ยนผ่าน 156 ภาคผนวก เอกสารประกอบการดำเนินการ 166
ที่มาและความสำคัญ การประเมินผลการปฏิบัติงาน (Performance Agreement : PA ) คือระบบการประเมินผลการ ปฏิบัติงานตามวิสัยทัศน์ วัตถุประสงค์และเป้าหมาย เพื่อให้บรรลุพันธกิจและความสำเร็จขององค์กร โดยมีการ กำหนดหลักเกณฑ์การประเมินและกิจกรรมตัวชี้วัดต่าง ๆ ไว้ล่วงหน้า สอดคล้องกับตำแหน่งและภาระงาน รวมถึง จุดมุ่งหมายขององค์กรนั้นๆโดยมีจุดมุ่งหมายในการประเมินเพื่อ 1. วัดศักยภาพของพนักงาน ในภาระงานที่ได้ปฏิบัติว่า ดีหรือต่ำกว่ามาตรฐานหรือไม่ ซึ่งจะช่วยทำให้ ทราบถึงจุดเด่นและจุดด้อยของพนักงานแต่ละคน 2. ช่วยในการพิจารณาเลื่อนตำแหน่งหรือโยกย้าย รวมถึงพิจารณาปรับฐานเงินเดือนและให้เงินพิเศษต่าง ๆ กับพนักงานได้ 3. ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของพนักงาน เพื่อการประเมินจะช่วยให้พนักงานทราบถึงจุดเด่น และจุดด้อยของตัวเอง ซึ่งทำให้พนักงานทราบถึงจุดที่ควรส่งเสริม แก้ไข หรือพัฒนาได้ 4. ช่วยให้หัวหน้าหรือผู้บังคับบัญชาทราบถึงจุดเด่นของพนักงานแต่ละคน ทำให้สามารถมอบหมายงาน ได้เหมาะสมกับพนักงานแต่ละคนได้ 5. เป็นข้อมูลสำคัญที่ช่วยในการปรับปรุงและพัฒนาองค์กรให้บรรลุเป้าหมายขององค์กรได้ การประเมินรูปแบบนี้ จะช่วยทำให้ทราบศักยภาพของพนักงานแต่ละคนว่า มีศักยภาพในภาระงานที่ได้ ปฏิบัติหรือไม่ อะไรที่เป็นจุดเด่นและจุดด้อย รวมถึงสามารถพิจารณาได้ว่า พนักงานครูคนนั้นมีส่วนช่วยให้องค์กร ประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน ซึ่งข้อมูลเหล่านี้นอกจากจะเป็นผลดีต่อการพัฒนาตัวเองของพนักงานครูแล้ว และเป็นส่วนสำคัญในการปรับปรุงพัฒนาเพื่อขับเคลื่อนองค์กรให้ก้าวหน้าอีกด้วย ทำให้การประเมินผลการ ปฎิบัติงาน (PA) นี้ จึงถือเป็นเครื่องมือสำคัญขององค์กรที่ช่วยปรับปรุงพัฒนาองค์กรให้ดีขึ้น และยังเป็นตัวชี้วัด ความสำเร็จขององค์กรได้อย่างดี กรอบแนวคิดตามที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา หรือ สำนักงาน ก.ค.ศ. ได้กำหนดกรอบแนวคิดระบบวิทยฐานะของข้าราชการครูและบุคลากรทางศึกษาใหม่ เพื่อให้การประเมิน วิทยฐานะ มีการบูรณาการเชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบโดยมุ่งให้ครูผู้สอน ผู้บริหารสถานศึกษา ศึกษานิเทศก์และ ผู้บริหาร มีสายความรับผิดรับชอบที่ตรงไปถึงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในระดับ ห้องเรียน ดังนี้ 1. เป้าหมายสำคัญของการประเมินวิทยฐานะ คือ การให้ข้าราชการครูและบุคลากร ทางการศึกษามี ทักษะภาษาอังกฤษ และทักษะความเข้าใจและการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Literacy) โดย ผลลัพธ์ต้องมุ่งที่ ผู้เรียนอย่างแท้จริง 2. ให้นำระบบออนไลน์มาใช้ในการประเมินวิทยฐานะ เช่น การยื่นคำขอ และการส่งผลงาน ทางวิชาการ โดยเน้นระบบการบันทึกข้อมูลที่ลดการใช้กระดาษ 3. ให้นำระบบวิทยฐานะมาเป็นตัวช่วยในการเพิ่มทักษะของข้าราชการครูและบุคลากร ทางการศึกษา ใน 3 ด้าน คือ ภาษาอังกฤษ ปัญญาประดิษฐ์และทักษะความเข้าใจและการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล 4. ให้ระบบวิทยฐานะเป็นแรงจูงใจอีกทางหนึ่งที่จะทำให้ครูที่สอนในพื้นที่ทุรกันดาร เสี่ยงภัย ชายแดน หรือพื้นที่ห่างไกล ได้ปฏิบัติงานในพื้นที่ต่อเนื่องและมีแต้มต่อในการขอมีหรือเลื่อนวิทยฐานะ 5. เน้นเรื่องการพัฒนาวิชาชีพมากกว่าการจัดทำผลงานทางวิชาการ 6. ผลงานที่จะใช้ในการขอมีหรือเลื่อนวิทยฐานะต้องแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่าง ผู้อำนวยการ สถานศึกษาและครูรวมทั้งผลลัพธ์ที่จะส่งไปถึงผู้เรียนด้วย 1
7. มุ่งเน้นให้ครูได้เห็นถึงความก้าวหน้าในสายงานของตนเองมากกว่าสนับสนุนให้เปลี่ยน ตำแหน่งไปเป็น ผู้บริหาร 8. หลักเกณฑ์และวิธีการฯ ต้องช่วยลดความเหลื่อมล้ำและสามารถยกระดับมาตรฐาน ในสถานศึกษาทั้ง ในพื้นที่ปกติและพื้นที่พิเศษให้ใกล้เคียงกัน ระบบวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เป็นสิ่งที่ใช้ชี้วัดความเชี่ยวชาญ ในวิชาชีพ (Profession) ซึ่งสะท้อนจากผลการปฏิบัติงาน (Performance) ตามสายงานที่รับผิดชอบของครูผู้บริหาร สถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา และศึกษานิเทศก์ ที่มีต่อผู้เรียนและผู้ปกครองซึ่งเป็นผู้รับบริการทาง การศึกษา ระบบวิทยฐานะต้องเชื่อมโยงกับระบบมาตรฐานตำแหน่ง ระบบค่าตอบแทน และการให้มีและเลื่อน วิทยฐานะ ดังนั้นจึงต้องมีการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะ เพื่อดำรงไว้ซึ่งความรู้ ความสามารถ ความชำนาญ หรือความเชี่ยวชาญในตำแหน่งและวิทยฐานะที่ได้รับการแต่งตั้ง โดยมีเป้าหมาย เพื่อ การพัฒนาผู้เรียน คุณภาพการศึกษา และวิชาชีพทางการศึกษา เส้นทางก้าวหน้าในสายอาชีพ ทางก้าวหน้าในสายอาชีพ (Career Path) หมายถึง “เส้นทาง ความก้าวหน้าในการปฏิบัติราชการที่จะ ไปสู่ตำแหน่งสำคัญของส่วนราชการ โดยมีการกำหนดและแสดงให้เห็นถึง เส้นทางการสังสมประสบการณ์และผลงานใน ตำแหน่งที่ครองมาก่อนการเลื่อนไปดำรงตำแหน่งสำคัญซึ่งอาจจะ เลื่อนจากตำแหน่งระดับล่างสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้น หรือ การย้ายตำแหน่งในระนาบเดียวกัน” การกำหนดเส้นทาง ก้าวหน้าในสายอาชีพเพื่อประโยชน์ดังนี้ 1.เป็นการวางแผนพัฒนาเพื่อการแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งสำคัญ โดยยึดหลักความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ และผลงาน เพื่อเตรียมความพร้อมกำลังคนคุณภาพของส่วนราชการ 2.เป็นการกำหนดเกณฑ์มาตรฐานเพื่อคัดกรองคนดีคนเก่ง โดยพิจารณาจากผลสัมฤทธิ์ที่เกิดขึ้นจาก การ ทำงาน จากประสบการณ์ในการทำงานในหน่วยงาน หรือพื้นที่ทีมีความจำเป็นสำหรับใช้เป็นประสบการณ์ในการ ปฏิบัติหน้าที่เมือ่จะดำรงตำแหน่งสำคัญของส่วนราชการนั้น 3.เป็นการจูงใจให้บุคลากรในส่วนราชการเกิดการพัฒนาตนเองอย่างเป็นระบบ โดยตั้งใจในการปฏิบัติ ภารกิจที่ได้รับมอบหมาย และสร้างผลงานที่เป้ฯที่ยอมรับ พร้อมกับเสนอตนในการสับเปลี่ยนหน้าที่เพื่อให้ได้รับ ประสบการณ์ในการทำงานที่หลากหลาย ความสำคัญของการวางแผนทางเดินสายอาชีพ การวางแผนงานเดินสาย อาชีพ (Career Planning) นับเป็นเครื่องมือหนึ่งที่องค์กรสามารถนำมาใช้ใน การพัฒนาทุนมนุษย์ขององค์กร ต่อ ยอดจากการพัฒนารายบุคคล (Individual Development) ที่มุ่งเน้นพัฒนาบุคคล ให้เกิดผลลัพธ์ในระยะสั้น ในขณะที่การวางแผนทางเดินสายอาชีพ จะมุ่งเน้นพัฒนา บุคคลให้เกิดผลลัพธ์ในระยะยาว ซึ่งจะต้องมีการ วิเคราะห์ความจำเป็นรายบุคคลในส่วนของความสนใจ ค่านิยม ความรู้ และความสามารถ เพื่อที่จะ นำไปวางแผน พัฒนาให้บุคคลมีความรู้ ทักษะ และสมรรถนะที่ เหมาะสมกับตำแหน่งงาน/สายงานในอนาคตได้ 2
ส่วนที่ 1 ขั้นตอนการดำเนินการตามประกาศหลักเกณฑ์ฯ การจัดทำข้อตกลงในการพัฒนางาน (Performance Agreement : PA) การจัดทำข้อตกลงในการพัฒนางานกับผู้บังคับบัญชา กำหนดให้ผู้ดำรงตำแหน่งครู ศึกษานิเทศก์ ผอ.ศูนย์ พัฒนาเด็กเล็ก รองผอ.สถานศึกษา และผอ.สถานศึกษา ต้องจัดทำข้อตกลง ในการพัฒนางาน นับตั้งแต่วันทำการ แรกของแต่ละปีงบประมาณ กับผู้บังคับบัญชาทุกปีงบประมาณ เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ (ตามแบบ PA1) ดังนี้ 1.1ผู้ดำรงตำแหน่งครู (1) กรณีโรงเรียน ให้ทำข้อตกลงในการพัฒนางาน ตามแบบที่ ก.ท. กำหนด(ตามแบบ PA1) ทุก ปีงบประมาณ (เริ่มวันที่ 1 ตุลาคม ของทุกปี - 30 กันยายน ปีถัดไป) เสนอต่อ ผอ.สถานศึกษา เพื่อพิจารณาให้ ความเห็นชอบ กรณี ผอ.สถานศึกษา ไม่สามารถรับข้อตกลง ในการพัฒนางานได้ ให้เสนอหัวหน้าส่วนราชการ ด้านการศึกษา ของ อปท. นั้น เป็นผู้พิจารณาให้ความเห็นชอบ กรณีมีความจำเป็นไม่สามารถดำเนินการได้ให้ เสนอ ก.ท.จ. พิจารณากำหนด ผู้ให้ความเห็นชอบข้อตกลงตามความเหมาะสม (2) กรณีศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ให้ทำข้อตกลงในการพัฒนางาน ตามแบบ ที่ ก.ท. กำหนด(ตามแบบ PA1) ทุกปีงบประมาณ (เริ่มวันที่ 1 ตุลาคม ของทุกปี - 30 กันยายน ปีถัดไป) เสนอต่อผอ.ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เพื่อพิจารณา ให้ความเห็นชอบ กรณี ผอ.ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ไม่สามารถรับข้อตกลงในการพัฒนางานได้ ให้เสนอ หัวหน้าส่วนราชการด้านการศึกษา ของ อปท. นั้น เป็นผู้พิจารณาให้ความเห็นชอบ กรณีมีความจำเป็นไม่สามารถ ดำเนินการได้ให้เสนอ ก.ท.จ. พิจารณากำหนด ผู้ให้ความเห็นชอบข้อตกลงตามความเหมาะสม กรณีย้ายระหว่างปีงบประมาณ ให้จัดทำข้อตกลงในการพัฒนางานกับ ต้นสังกัดใหม่ 3
1.2 ผู้ดำรงตำแหน่งรองผอ.สถานศึกษา ให้ทำข้อตกลงในการพัฒนางาน ตามแบบที่ ก.ท. กำหนด (ตามแบบ PA1) ทุกปีงบประมาณ (เริ่มวันที่ 1 ตุลาคม ของทุกปี - 30 กันยายน ปีถัดไป) เสนอต่อ ผอ. สถานศึกษา เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ กรณี ผอ.สถานศึกษา ไม่สามารถ รับข้อตกลงในการพัฒนางานได้ ให้เสนอหัวหน้าส่วนราชการ ด้านการศึกษาของ อปท. เป็นผู้พิจารณาให้ความเห็นชอบ กรณีมีความจำเป็นไม่ สามารถดำเนินการได้ให้เสนอ ก.ท.จ. แล้วแต่กรณี พิจารณากำหนดผู้ให้ความเห็นชอบข้อตกลงตามความ เหมาะสม กรณีย้ายระหว่างปีงบประมาณ ให้จัดทำข้อตกลงในการพัฒนางานกับ ต้นสังกัดใหม่ 1.3 ผู้ดำรงตำแหน่งผอ.สถานศึกษา ผอ.ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ศึกษานิเทศก์ให้จัดทำข้อตกลงในการ พัฒนางาน ตามแบบที่ ก.ท. กำหนด (ตามแบบ PA1) ทุกปีงบประมาณ (เริ่มวันที่ 1 ตุลาคม ของทุกปี – 30 กันยายน ปีถัดไป) เสนอต่อหัวหน้าส่วนราชการ ด้านการศึกษา ของ อปท. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ กรณี หัวหน้าส่วนราชการด้านการศึกษา ของ อปท. ไม่สามารถรับข้อตกลงในการพัฒนางานได้ ให้เสนอปลัด เป็นผู้ พิจารณา ให้ความเห็นชอบ กรณีมีความจำเป็นไม่สามารถดำเนินการได้ให้เสนอ ก.ท.จ. พิจารณากำหนดผู้ให้ความ เห็นชอบ ข้อตกลงตามความเหมาะสม กรณีย้ายระหว่างปีงบประมาณ ให้จัดทำข้อตกลงในการพัฒนางาน ต้นสังกัดใหม่ 2.องค์ประกอบข้อตกลงในการพัฒนางาน 2.1 ผู้ดำรงตำแหน่งครู ส่วนที่ 1 ข้อตกลงในการพัฒนางานตามมาตรฐานตำแหน่ง 1. การปฏิบัติงานตามมาตรฐานตำแหน่งครู และมีภาระงานตามที่ ก.ท. กำหนด 2. ผลการปฏิบัติงาน แบ่งออกเป็น ด้านการจัดการเรียนรู้ ด้านการส่งเสริมสนับสนุนการจัดการ เรียนรู้ และด้านการพัฒนาตนเองและวิชาชีพ ส่วนที่ 2 ข้อตกลงในการพัฒนางานที่เป็นประเด็นท้าทายในการพัฒนาผลลัพธ์ การเรียนรู้ของผู้เรียน 2.2 ผู้ดำรงตำแหน่งผอ.ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก รอง ผอ.สถานศึกษา และผอ.สถานศึกษา ส่วนที่ 1 ข้อตกลงในการพัฒนางานตามมาตรฐานตำแหน่ง 1. การปฏิบัติงานตามมาตรฐานตำแหน่ง ผู้บริหารสถานศึกษา และมีภาระงาน ตามที่ ก.ท. กำหนด 2. ผลการปฏิบัติงาน แบ่งออกเป็น ด้านการบริหารวิชาการและความเป็นผู้นาทางวิชาการ ด้าน การบริหารจัดการสถานศึกษา ด้านการบริหารการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์และนวัตกรรม ด้านการ บริหารงานชุมชนและเครือข่าย และด้านการพัฒนาตนเองและวิชาชีพ ส่วนที่ 2 ข้อตกลงในการพัฒนางานที่เป็นประเด็นท้าทายเพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ครู และสถานศึกษา 2.3 ผู้ดำรงตำแหน่งศึกษานิเทศก์ ส่วนที่ 1 ข้อตกลงในการพัฒนางานตามมาตรฐานตำแหน่ง 1. การปฏิบัติงานตามมาตรฐานตำแหน่ง ศึกษานิเทศก์ และมีภาระงาน ตามที่ ก.จ. ก.ท. และ ก.อบต. กำหนด 4
2. ผลการปฏิบัติงาน แบ่งออกเป็น ด้านการนิเทศการศึกษา ด้านการส่งเสริม และสนับสนุนการ จัดการศึกษา และด้านการพัฒนาตนเองและวิชาชีพ ส่วนที่ 2 ข้อตกลงในการพัฒนางานที่เป็นประเด็นท้าทายเพื่อพัฒนาคุณภาพ การจัดการเรียนรู้หรือการ จัดการศึกษาของผู้รับการนิเทศ หรือการพัฒนาคุณภาพ สถานศึกษาหรือหน่วยการศึกษาที่ส่งผลต่อ คุณภาพผู้เรียน 3. คณะกรรมการประเมินผลการพัฒนางานตามข้อตกลง 3.1 ผู้ดำรงตำแหน่งครู ให้นายก อปท. แต่งตั้งคณะกรรมการประเมินผลการพัฒนางานตามข้อตกลง จำนวน 3 คน ประกอบด้วย (1) กรณีโรงเรียน (1) ผอ.สถานศึกษานั้น เป็นประธาน (2) ผู้ที่ดำรงตำแหน่งหรือเคยเป็นศึกษานิเทศก์ วิทยฐานะ ไม่ต่ำกว่าชำนาญการพิเศษ หรือผู้สอนใน สถาบันอุดมศึกษา ที่มีตำแหน่งไม่ต่ำกว่าผู้ช่วยศาสตราจารย์ หรือครูจากสถานศึกษาอื่น ที่มีวิทยฐานะไม่ ต่ำกว่าครูชำนาญการพิเศษ หรือผู้ทรงคุณวุฒินอกสถานศึกษา จำนวน ๒ คน เป็นกรรมการประเมิน กรณี ผอ.สถานศึกษา ไม่อาจประเมินได้ ให้แต่งตั้ง ผอ.สถานศึกษา ใกล้เคียง หรือหัวหน้าส่วน ราชการด้านการศึกษา ของ อปท. นั้น เป็นประธานกรรมการประเมินแทน (2) กรณีศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก (1) ผอ.ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กนั้น เป็นประธาน (2) ผู้ที่ดำรงตำแหน่งหรือเคยเป็นศึกษานิเทศก์ ที่มีวิทยฐานะไม่ต่ำกว่าชำนาญการพิเศษ หรือผู้สอนใน สถาบันอุดมศึกษา ไม่ต่ำกว่าผู้ช่วยศาสตราจารย์ หรือครูจากสถานศึกษาหรือศูนย์พัฒนาเด็กเล็กอื่น ที่มี วิทยฐานะไม่ต่ำกว่าครูชำนาญการพิเศษ หรือผู้ทรงคุณวุฒินอกสถานศึกษา จำนวน ๒ คน เป็นกรรมการ ประเมิน กรณี ผอ.ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก นั้น ไม่อาจประเมิน ให้แต่งตั้ง ผอ.สถานศึกษา หรือ ผอ.ศูนย์พัฒนา เด็กเล็ก ใกล้เคียง หรือหัวหน้าส่วนราชการด้านการศึกษา ของ อปท. นั้น เป็นประธานกรรมการประเมิน แทน 3.2 ผู้ดำรงตำแหน่งผอ.ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ให้นายก อปท. แต่งตั้งคณะกรรมการประเมินผลการพัฒนางานตามข้อตกลง จำนวน ๓ คน ประกอบด้วย ๑. หัวหน้าส่วนราชการด้านการศึกษานั้น เป็นประธานกรรมการ ๒. ผู้ทรงคุณวุฒิในสถาบันอุดมศึกษา ไม่ต่ำกว่าผู้ช่วยศาสตราจารย์ หรือ ผอ.สถานศึกษาจากสถานศึกษา หรือ ผอ.ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก จากศูนย์พัฒนาเด็กเล็กอื่น ที่มีวิทยฐานะไม่ต่ำกว่า ชำนาญการพิเศษ หรือ ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ คน เป็นกรรมการประเมิน กรณี หัวหน้าส่วนราชการด้านการศึกษา นั้น ไม่อาจประเมิน ให้แต่งตั้ง หัวหน้าส่วนราชการด้าน การศึกษาใกล้เคียง หรือ ผอ.สถานศึกษาใกล้เคียง หรือปลัดองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นนั้น เป็นประธาน กรรมการประเมินแทน 5
3.3 ผู้ดำรงตำแหน่งรองผอ.สถานศึกษา ให้นายก อปท. แต่งตั้งคณะกรรมการประเมินผลการพัฒนางานตามข้อตกลง จำนวน ๓ คน ประกอบด้วย ๑. ผอ.สถานศึกษานั้น เป็นประธานกรรมการ ๒. ผู้ที่ดำรงตำแหน่ง หรือเคยดำรงตำแหน่ง ศึกษานิเทศก์ ไม่ต่ำกว่าชำนาญการพิเศษ หรือผู้ทรงคุณวุฒิ ในสถาบันอุดมศึกษา ไม่ต่ำกว่าผู้ช่วยศาสตราจารย์ หรือ ผอ.สถานศึกษา จากสถานศึกษาอื่นไม่ต่ำกว่า ผอ.ชำนาญการพิเศษ หรือผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ คน เป็นกรรมการประเมิน กรณีผอ.สถานศึกษา นั้น ไม่อาจประเมิน ให้แต่งตั้ง ผอ.สถานศึกษาใกล้เคียง หรือ หัวหน้าส่วน ราชการด้านการศึกษานั้น หรือปลัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น เป็นประธานกรรมการประเมินแทน 3.4 ผู้ดำรงตำแหน่งผอ.สถานศึกษา ให้นายก อปท. แต่งตั้งคณะกรรมการประเมินผลการพัฒนางานตามข้อตกลง จำนวน ๓ คน ประกอบด้วย ๑. หัวหน้าส่วนราชการด้านการศึกษานั้น เป็นประธานกรรมการ ๒. ผู้ทรงคุณวุฒิในสถาบันอุดมศึกษา ไม่ต่ำกว่าผู้ช่วยศาสตราจารย์ หรือผอ.สถานศึกษาอื่น ไม่ต่ำกว่า ผู้อำนวยการชำนาญการพิเศษ หรือผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ คน เป็นกรรมการประเมิน กรณี หัวหน้าส่วนราชการด้านการศึกษานั้น ไม่อาจประเมิน ให้แต่งตั้งหัวหน้าส่วนราชการด้าน การศึกษาใกล้เคียง หรือปลัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น เป็นประธานกรรมการประเมินแทน 3.5 ผู้ดำรงตำแหน่งศึกษานิเทศก์ ให้นายก อปท. แต่งตั้งคณะกรรมการประเมินผลการพัฒนางานตามข้อตกลง จำนวน 3 คน ประกอบด้วย ๑. หัวหน้าส่วนราชการด้านการศึกษานั้น เป็นประธานกรรมการ ๒. ผู้ทรงคุณวุฒิในสถาบันอุดมศึกษาที่ ไม่ต่ำกว่าผู้ช่วยศาสตราจารย์ หรือผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ คน เป็นกรรมการประเมิน กรณีหัวหน้าส่วนราชการด้านการศึกษานั้น ไม่อาจประเมิน ให้แต่งตั้งหัวหน้าส่วนราชการด้าน การศึกษาใกล้เคียง หรือปลัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น เป็นประธานกรรมการประเมินแทน 4. การประเมินผลการพัฒนางานตามข้อตกลง ให้ผู้ประเมินและแต่กรณี ประเมินโดยพิจารณาตามระดับความคาดหวังที่กำหนดไว้ของแต่ละ วิทยฐานะ และผู้ดำรงตำแหน่งครู ศึกษานิเทศก์ ผอ.ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก รอง ผอ.สถานศึกษา และผอ. สถานศึกษา ต้องมีผลการประเมินการพัฒนางานตามข้อตกลง “ผ่านเกณฑ์” โดยต้องได้คะแนน จาก กรรมการแต่ละคน ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 70 และมีภาระงานเป็นไปตามที่ ก.ท. กำหนด (ตามแบบ PA2) และ สรุปผลการประเมิน ทุกปีงบประมาณ (ตามแบบ PA3) โดยให้ผู้ประเมินและแต่กรณี นำผลการประเมิน เข้าสู้ระบ DPA ทุกรอบการประเมิน 6
ความสำคัญ ประโยชน์ และการนำ ว.PA ไปใช้ ระดับความคาดหวังของแต่ละวิทยฐานะ แนวทางการเขียน ข้อตกลงในการพัฒนางาน แนวทางการเขียนส่วนที่ 1 ข้อตกลงในการพัฒนางานตามมาตรฐานตำแหน่งผู้จัดทำข้อตกลง เป็นข้อมูลส่วนตัว ของผู้จัดทำข้อตกลง ให้ดำเนินการเขียนตามสภาพความเป็นจริง ณ วันที่จัดทำข้อตกลง 1) ด้านภาระงานตำแหน่งครูตามที่ ก.ท. กำหนด ให้เขียนภาระงานให้ครบทั้ง 4 ด้าน คือ 1.1) ด้านภาระงานด้านชั่วโมงสอนตามตารางสอน ให้เขียนภาระงานที่สอนตามตารางสอนที่ได้รับ มอบหมายทั้งหมด คือ ได้รับมอบหมายสอนกี่กลุ่มสาระการเรียนรู้ก็ต้องเขียนให้ครบว่ามีจำนวนกี่ชั่วโมง/สัปดาห์ (สอนเป็นคาบก็ควรปรับเขียนให้เป็นหน่วยชั่วโมง) 1.2) ด้านภาระงานส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ คือ งานที่เป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมและ พัฒนาการจัดการเรียนรู้ เช่น การจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ การสร้างเครื่องมือวัดและประเมินผลการเรียนรู้ การสร้างสื่อหรือพัฒนาสื่อ หรือการมีส่วนร่วมในกระบวนการ PLC รวมแล้วจำนวนกี่ชั่วโมง/สัปดาห์ 7
1.3) ด้านภาระงานพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา คือ งานที่ส่งเสริม สนับสนุนการจัด การศึกษาของสถานศึกษาในด้านต่างๆที่ส่งต่อคุณภาพผู้เรียนและคุณภาพการจัดการศึกษา เช่น ภาระงานหัวหน้า กลุ่มสาระการเรียนรู้ ช่วยงานบริหาร 4 งานของสถานศึกษา รวมแล้ว จำนวนกี่ชั่วโมง/สัปดาห์ 1.4) ด้านภาระงานตอบสนองนโยบายและจุดเน้นของรัฐบาล กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น หรือ กระทรวงมหาดไทยหน่วยงานต้นสังกัด และ อปท.ต้นสังกัดรวมแล้ว จำนวนกี่ชั่วโมง/สัปดาห์ ระดับการศึกษา/ประเภท จำนวนชั่วโมงสอนตามตารางสอน จำนวนชั่วโมงภาระงานรวมขั้นต่ำ ๑. ปฐมวัย ไม่ต่ำกว่า ๖ ชั่วโมง/สัปดาห์ ไม่ต่ำกว่า ๑๔ ชั่วโมง/สัปดาห์ ๒. ประถมศึกษา ๓. มัธยมศึกษา (รวมโรงเรียนวัตถุประสงค์พิเศษ หรือ โรงเรียนจัดการเรียนรวม ไม่ต่ำกว่า ๑๒ ชั่วโมง/สัปดาห์ ไม่ต่ำกว่า ๒๐ ชั่วโมง/สัปดาห์ ๔. การศึกษาพิเศษ เฉพาะความพิการ และศูนย์การศึกษา พิเศษ ไม่ต่ำกว่า ๖ ชั่วโมง/สัปดาห์ ไม่ต่ำกว่า ๑๘ ชั่วโมง/สัปดาห์ 2. ภาระงานตำแหน่งสายงานบริหารสถานศึกษา 2.๑ มีภาระงานด้านการบริหารวิซาการและความเป็นผู้นำทางวิชาการ ด้านการบริหารจัดการ สถานศึกษา ด้านการบริหารการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์นวัตกรรม ด้านการบริหารงานชุมชนและเครือข่าย เต็ม เวลาและมีการพัฒนาตนเองและวิชาชีพ 2.๒ ให้มีการปฏิบัติการสอนด้วย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของภาระงานด้านการบริหารวิชาการและความเป็นผู้นำ ทางวิชาการ โดยให้ผู้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา ปฏิบัติการสอนไม่ต่ำกว่า๕ ชั่วโมงสัปดาห์ และรอง ผู้อำนวยการสถานศึกษา ปฏิบัติการสอนไม่ต่ำกว่า ๑ ชั่วโมง/สัปดาห์ ทั้งนี้ การปฏิบัติการสอน ให้หมายถึง การปฏิบัติงานเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนใน สถานศึกษาอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง ดังนี้ (๑) ปฏิบัติการสอนประจำวิชา (๒) ปฏิบัติการสอนร่วมกับครูประจำชั้น/ประจำวิชา (๓) สังเกตการสอนและสะท้อนผลการสอนร่วมกับครูในกิจกรรมเปิดชั้นเรียน (Open Class) (๔) เป็นผู้นำกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในชุมชนการเรียนรู้วิชาชีพ (PLC) ของสถานศึกษา (๕) นิเทศการสอนเพื่อเป็นพี่เลี้ยงการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้กับครู (๖) จัดกิจกรรมเสริมการเรียนรู้และอบรมบ่มนิสัยผู้เรียน 3. ภาระงานของตำแหน่งศึกษานิเทศก์ ผู้ดำรงตำแหน่งศึกษานิเทศก์ มีภาระงานด้านการนิเทศการศึกษา ด้านการส่งเสริมและสนับสนุนการจัด การศึกษา เต็มเวลา และมีการพัฒนาตนเองและวิชาชีพ 8
2. ด้านงานที่จะปฏิบัติตามมาตรฐานตำแหน่ง 2.1) แนวทางการเขียนข้อตกลง 1) ควรเขียนตามแบบฟอร์มครบถ้วนตามประเด็น ที่ ก.ท. กำหนด โดยให้ครอบคลุม ลักษณะ งานตามมาตรฐานกำหนดตำแหน่ง 2) ควรเขียนให้ครอบคลุมทุกตัวชี้วัดโดยสามารถเขียนทีละประเด็นและทีละตัวชี้วัด ที่แสดงให้ เห็นสิ่งที่จะดำเนินการปฏิบัติในแต่ละประเด็นแต่ละตัวชี้วัดที่ หรือเขียนเป็นประเด็นปัญหาหรือเรื่องที่จะ พัฒนาเป็นเรื่องๆ หรือเขียนให้สอดคล้องกับประเด็นท้าทายในส่วนที่ 2 และควรเขียนให้ชัดเจนเป็น รูปธรรมว่าในแต่ละประเด็นแต่ละตัวชี้วัดจะดำเนินการปฏิบัติอย่างไร ผลลัพธ์ที่ได้จากการปฏิบัตินั้นจะ เกิดผลกับผู้เรียนอย่างไร บ้าง และตัวชี้วัดที่แสดงว่าผู้เรียนได้เกิดผลลัพธ์จากการปฏิบัตินั้นคาดหวังไว้มาก น้อยเพียงใด 3) การเขียนสิ่งที่จะดำเนินการปฏิบัติ ควรตั้งคำถามว่า จะทำอะไร และทำอย่างไร แล้วเขียน ตอบคำถามนั้น โดยควรให้สอดคล้องกับเกณฑ์การประเมินลักษณะการปฏิบัติงานตามมาตรฐานตำแหน่ง และระดับปฏิบัติที่คาดหวังของแบบประเมินผลของคณะกรรมการประเมิน ลักษณะงานที่ใช้ในการประเมินตำแหน่งครู 3 ด้าน 15 ตัวชี้วัด ดังนี้ ด้านที่ 1 ด้านการจัดการเรียนการสอน ๑.๑ นำผลการวิเคราะห์หลักสูตร มาจัดทำรายวิชา กิจกรรมการเรียนรู้ และหน่วยการเรียนรู้ ให้สอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้ และตัวชี้วัดหรือผลการเรียนรู้ ตามหลักสูตร ให้ผู้เรียนได้พัฒนาสมรรถนะ และการเรียนรู้เต็มตามศักยภาพ ๑.๒ ปฏิบัติการจัดการเรียนรู้โดยออกแบบการจัดการเรียนรู้โดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ให้ผู้เรียน มีความรู้ ทักษะ คุณลักษณะประจำวิชา คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และสมรรถนะที่สำคัญ ตามหลักสูตร ๑.๓ จัดกิจกรรมการเรียนรู้ อำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ และส่งเสริมผู้เรียน ได้พัฒนา เต็มตามศักยภาพ เรียนรู้และทำงานร่วมกัน ๑.๔ เลือกและใช้สื่อ เทคโนโลยี และแหล่งเรียนรู้ ที่สอดคล้องกับกิจกรรมการเรียนรู้ ให้ผู้เรียน มีทักษะการคิด ๑.๕ วัดและประเมินผลการเรียนรู้ด้วยวิธีการที่หลากหลาย เหมาะสม และสอดคล้องกับมาตรฐาน การเรียนรู้ ให้ผู้เรียนพัฒนาการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ๑.๖ ศึกษา วิเคราะห์ สังเคราะห์ และหรือวิจัย เพื่อแก้ปัญหาหรือพัฒนาการเรียนรู้ที่ส่งผลต่อคุณภาพ ผู้เรียน ๑.7 จัดบรรยากาศที่ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียน ให้เกิดกระบวนการคิด ทักษะชีวิต ทักษะการทำงาน ทักษะการเรียนรู้นวัตกรรม ทักษะด้านสารสนเทศ สื่อ และเทคโนโลยี ๑.8 อบรมบ่มนิสัยให้ผู้เรียนมีคุณธรรม จริยธรรม คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และค่านิยม ความเป็นไทยที่ดีงาม ๒. ด้านการส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ ๒.๑ จัดทำข้อมูลสารสนเทศของผู้เรียนและรายวิชา เพื่อใช้ในการส่งเสริมสนับสนุนการเรียนรู้ 9
และพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ๒.๒ ดำเนินการตามระบบดูแลช่วยเหลือผู้เรียน โดยใช้ข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกับผู้เรียนรายบุคคล และประสานความร่วมมือกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อพัฒนาและแก้ปัญหาผู้เรียน ๒.๓ ร่วมปฏิบัติงานทางวิซาการ และงานอื่นๆ ของสถานศึกษา เพื่อยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษา ของสถานศึกษา ๒.๔ ประสานความร่วมมือกับผู้ปกครองหรือผู้เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันพัฒนาผู้เรียน ๓. ด้านการพัฒนาตนเองและวิชาชีพ ๓.๑ พัฒนาตนเองอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง เพื่อให้มีความรู้ ความสามารถ ทักษะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การใช้ภาษาไทยและภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร และการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษา สมรรถนะทางวิชาชีพ ครูความรอบรู้ในเนื้อหาวิชาและวิธีการสอน ๓.๒ มีส่วนร่วมในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางวิชาชีพ เพื่อพัฒนาการจัดการเรียนรู้ ๓.๓ นำความรู้ ความสามารถ ทักษะที่ได้จากการพัฒนาตนเองและวิชาชีพมาใช้ในการพัฒนาการจัดการ เรียนรู้ และการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ลักษณะงานที่ใช้ในการประเมินตำแหน่งสายงานผู้บริหารสถานศึกษา 5 ด้าน 15 ตัวชี้วัด ดังนี้ ๑. ด้านการบริหารวิชาการและความเป็นผู้นำทางวิชาการ ๑.๑ การวางแผนพัฒนามาตรฐาน การเรียนรู้ของผู้เรียน 1.2 การจัดทำและพัฒนา หลักสูตรสถานศึกษา 1.3 การพัฒนากระบวนการจัดการ เรียนรู้ที่ เน้นผู้ เรียนเป็นสำคัญ และปฏิบัติการสอน 1.4 การส่งเสริมสนับสนุน การพัฒนาหรือการนำสื่อ นวัตกรรม และเทคโนโลยี ทางการศึกษา มาใช้ใน การจัดการเรียนรู้ 1.5 การนิเทศ กำกับ ติดตาม ประเมินผลการจัดการเรียนรู้ของครู ในสถานศึกษา และมีการประกัน คุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษา 1.6 การศึกษา วิเคราะห์ เพื่อ แก้ปัญหาและพัฒนาการจัดการเรียนรู้ เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษา ของสถานศึกษา ๒. ด้านการบริหารจัดการศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก 2.1 การบริหารจัดการสถานศึกษา ให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ นโยบาย และตามหลัก บริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี 2.2 การบริหารกิจการผู้เรียน และการส่งเสริมพัฒนาผู้เรียน 2.3 การจัดระบบดูแลช่วยเหลือ ผู้เรียน ๓. ด้านการบริหารการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์และนวัตกรรม 3.1 การกำหนดนโยบาย กลยุทธ์ การใช้เครื่องมือหรือนวัตกรรม ทางการบริหาร 3.2 การบริหารการเปลี่ยนแปลง และนวัตกรรมในสถานศึกษา เพื่อพัฒนาสถานศึกษา ๔. ด้านการบริหารงานชุมชนและเครือข่าย 10
4.1 การสร้างและพัฒนาเครือข่าย เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ 4.2 การจัดระบบการให้บริการ ในสถานศึกษา ๕. ด้านการพัฒนาตนเองและวิชาชีพ 5.1 การพัฒนาตนเองและวิชาชีพ 5.2 การนำความรู้ ทักษะ ที่ได้ จากการพัฒนาตนเองและวิชาชีพ มาใช้ในการพัฒนาการบริหาร จัดการ สถานศึกษา ที่ส่งผลต่อ คุณภาพผู้เรียน ครู และสถานศึกษา ลักษณะงานที่ใช้ในการประเมินตำแหน่งศึกษานิเทศก์ 3 ด้าน 15 ตัวชี้วัด ดังนี้ ๑. ด้านการนิเทศการศึกษา ๑.๑ ออกแบบ จัดทำแผนการนิเทศการศึกษา ๑.๒ คัดสรร สร้าง พัฒนา สื่อ นวัตกรรมและเทคโนโลยี 1.3 ปฏิบัติการนิเทศ 1.4 การพัฒนางานวิชาการ 1.5 ประสานงานกับหน่วยงาน สถานประกอบการ 1.6 ติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษา 1.7 รายงานผลการนิเทศ ๒. ด้านการส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการศึกษา 2.1 วางแผนการส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาการจัดการศึกษา 2.2 เสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับ สถานศึกษา/ส่วนราชการด้านการศึกษา 2.3 ติดตาม ประเมินผล การส่งเสริม สนับสนุนการจัดการศึกษา 2.4 จัดทำรายงานสารสนเทศ ๓. ด้านการพัฒนาตนเองและวิชาชีพ ๓.๑ พัฒนาตนเองอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง เพื่อให้มีความรู้ ความสามารถ ทักษะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การใช้ภาษาไทยและภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร และการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษา สมรรถนะทางวิชาชีพ ศึกษานิเทศก์ และความรอบรู้ในเนื้อหาที่นิเทศ ๓.๒ มีส่วนร่วม และเป็นผู้นำในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางวิชาชีพ เพื่อพัฒนาการจัดการเรียนรู้และการจัด การศึกษา ๓.๓ นำความรู้ ความสามารถ ทักษะที่ได้จากการพัฒนาตนเองและวิชาชีพมาใช้ในการพัฒนาการนิเทศ การศึกษา ที่มีผลต่อคุณภาพครูและผู้เรียน 3.4 เผยแพร่องค์ความรู้ ด้าน การนิเทศ การจัดการเรียนรู้ และการจัด การศึกษา และบริการวิชาการ แก่ ส่วนราชการด้านการศึกษา หรือหน่วยงานต่างๆ 11
แนวทางการเขียนส่วนที่ 2 ข้อตกลงในการพัฒนางานที่เป็นประเด็นท้าทาย หลักการเขียน 1) ข้อตกลงควรเป็นปัญหาที่ผู้สอนต้องการแก้ไขคุณภาพผู้เรียนด้านพฤติกรรมด้านการเรียนรู้ หรืออื่นๆ 2) เขียนตามประเด็นต่างๆที่ ก.ท. กำหนดอย่างชัดเจนเป็นรูปธรรม และสอดคล้องสัมพันธ์กันทุกประเด็น 3) วิธีการดำเนินการให้บรรลุผลต้องสะท้อนระดับการปฏิบัติที่คาดหวังตามตำแหน่งและวิทยฐานะ แนวทางการเขียน มีดังนี้ 1) ประเด็นท้าทาย : ควรเขียนชื่อเรื่องที่มีตัวแปรที่ต้องการพัฒนา และกลุ่มผู้เรียนที่ต้องการพัฒนา 2) สภาพปัญหาของผู้เรียนและการจัดการเรียนรู้ : ควรเขียนให้มีความซัดเจนสะท้อนว่าปัญหาในตัวแปรที่จะทำ พัฒนา มีความสำคัญอย่างไร มีปัญหาอะไรอย่างไร มีแนวคิดจะพัฒนาเป็นอย่างไร 3) วิธีดำเนินการให้บรรลุผล : ควรเขียนทั้งในด้านกลุ่มเป้าหมาย วิธีดำเนินการพัฒนาให้บรรลุตามตัวแปรที่จะ พัฒนามีขั้นตอนทำอย่างไร และจะประเมินผลอย่างไร ผลลัพธ์การพัฒนาที่คาดหวัง : เชิงปริมาณ (out put) : เป็นการเขียนที่แสดงให้เห็นว่า ผู้เรียนที่ได้รับการพัฒนาจะมีคุณลักษณะอย่างไร มากน้อย เพียงใด เช่น ผู้เรียนมีความรู้ ทักษะกระบวนการคิดสร้างสรรค์ร้อยละ 80 เชิงคุณภาพ (outcomes) เป็นผลลัพธ์ของผู้เรียนที่จะเกิดหลังจากที่ได้รับการพัฒนาตามเป้าหมายแล้ว เช่น ผลลัพธ์ที่เกิดกับผู้เรียนเมื่อผู้เรียนเกิดทักษะกระบวนการคิดสร้างสรรค์แล้วผู้เรียนจะมีความสามารถสร้างสรรค์ ผลงานได้อย่างมีคุณภาพ หรือ เมื่อผู้เรียนมีนิสัยรักการอ่านแล้ว ผู้เรียนก็จะเป็นบุคคลที่มีความใฝ่เรียนรู้ เป็นต้น 12
(ตัวอย่าง) แบบข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA) ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะครูชำนาญการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ระหว่างวันที่....1..เดือน....ตุลาคม.....พ.ศ...2565.ถึง วันที่..30.....เดือน...... กันยายน ....... พ.ศ....2566 ผู้จัดทำข้อตกลง ชื่อ ...........xxxxxxxxx..................นามสกุล..........xxxxxxxxxxxxxx.....ตำแหน่งครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการ รับเงินเดือนในอันดับ คศ....2............อัตราเงินเดือน .....xxxxxxxxx......บาท สถานศึกษา.....โรงเรียนxxxxxxxxxxx...........สังกัด เทศบาลนครระยอง..................................................................... อำเภอ.............เมืองระยอง...............จังหวัด........ระยอง............ ประเภทห้องเรียนที่จัดการเรียนรู้(สามารถระบุได้มากกว่า 1 ประเภทห้องเรียน ตามสภาพการจัดการ เรียนรู้จริง) ⃞ ห้องเรียนวิชาสามัญหรือวิชาพื้นฐาน ⃞ ห้องเรียนปฐมวัย ⃞ ห้องเรียนการศึกษาพิเศษ ⃞ ห้องเรียนสายวิชาชีพ ⃞ ห้องเรียนการศึกษานอกระบบ/ตามอัธยาศัย ข้าพเจ้าขอแสดงเจตจำนงในการจัดทำข้อตกลงในการพัฒนางาน ตำแหน่งครู วิทยฐานะครูชำนาญการ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ดำรงอยู่ในปัจจุบันกับผู้อำนวยการสถานศึกษาหรือผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาเด็กเล็กแล้วแต่กรณี ไว้ดังต่อไปนี้ ส่วนที่ 1 ข้อตกลงในการพัฒนางานตามมาตรฐานกำหนดตำแหน่ง 1.ภาระงาน จะมีภาระงานเป็นไปตามที่ ก.จ. ก.ท. และ ก.อบต. กำหนด 1.1 ชั่วโมงสอนตามตารางสอน รวมจำนวน 12 ชั่วโมง 30 นาที/สัปดาห์ดังนี้ - กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ จำนวน 5 ชั่วโมง/สัปดาห์ - กิจกรรมสร้างสรรค์ จำนวน 1 ชั่วโมง 30 นาที/สัปดาห์ - กิจกรรมเสรี/เล่นตามมุม จำนวน 1 ชั่วโมง 30 นาที/สัปดาห์ - กิจกรรมเสริมประสบการณ์ จำนวน 1 ชั่วโมง 30 นาที/สัปดาห์ - กิจกรรมกลางแจ้ง จำนวน 1 ชั่วโมง 30 นาที/สัปดาห์ - กิจกรรมเกมการศึกษา จำนวน 1 ชั่วโมง 30 นาที/สัปดาห์ 1.2 งานส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ จำนวน.....4.....ชั่วโมง/สัปดาห์ 1.3 งานพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษา จำนวน.....2.........ชั่วโมง/สัปดาห์ 1.4 งานตอบสนองนโยบายและจุดเน้น จำนวน..........2.......ชั่วโมง/สัปดาห์ PA 1/ส 13
2. งานที่จะปฏิบัติตามมาตรฐานกำหนดตำแหน่งครู ให้ระบุรายละเอียดของงานที่จะปฏิบัติในแต่ละด้านว่าจะดำเนินการอย่างไร โดยอาจระบุระยะเวลาที่ใช้ในการ ดำเนินการด้วยก็ได้ ลักษณะงานที่ปฏิบัติ ตามมาตรฐานตำแหน่ง งาน (Tasks) ที่จะดำเนินการพัฒนาตาม ข้อตกลงใน1 รอบการประเมิน (โปรดระบุ) ผลลัพธ์ (Outcomes) ของงานตามข้อตกลงที่ คาดหวังให้เกิดขึ้นกับ ผู้เรียน (โปรดระบุ) ตัวชี้วัด (Indicators) ที่จะเกิดขึ้นกับผู้เรียนที่ แสดงให้เห็นถึงการ เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ขึ้นหรือมีการพัฒนามาก ขึ้นหรือผลสัมฤทธิ์สูงขึ้น (โปรดระบุ) 1. ด้านการจัดการเรียนรู้ ลักษณะงานที่เสนอให้ ครอบคลุมถึงการสร้าง และหรือพัฒนาหลักสูตร การออกแบบการจัดการ เรียนรู้ การจัดกิจกรรม การเรียนรู้ การสร้างและ หรือพัฒนาสื่อ นวัตกรรม เทคโนโลยี และแหล่ง เรียนรู้ การศึกษา วิเคราะห์ สังเคราะห์ เพื่อ แก้ปัญหาหรือพัฒนาการ เรียนรู้การจัดบรรยากาศที่ ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียน และการอบรมและพัฒนา คุณลักษณะที่ดีของผู้เรียน 1.1 การสร้างและหรือพัฒนา หลักสูตร จัดทำหลักสูตร สถานศึกษาปฐมวัยตามบริบท ท้องถิ่น 1.2 การออกแบบการจัดการ เรียนรู้วิเคราะห์คุณลักษณะที่พึง ประสงค์มาตรฐานการเรียนรู้เพื่อ ออกแบบหน่วยการเรียนรู้ ชั้นอนุบาลปีที่3และจัดทำแผนการ จัดประสบการณ์โดยบูรณาการ กิจกรรมเกมการศึกษาที่เน้นทักษะ ด้านคณิตศาสตร์ 1.3 การจัดกิจกรรมการเรียนรู้จัด ประสบการณ์การเรียนรู้ระดับชั้น อนุบาลปีที่3บนพื้นฐานความ แตกต่างของแต่ละบุคคลอย่าง เต็มตามศักยภาพด้วยรูปแบบที่ หลากหลายแบบ Active Learning ที่เน้นเด็กเป็นสำคัญ 1. เด็กปฐมวัยได้รับ การพัฒนารอบด้านทั้ง 4 ด้านตามหลักสูตร สถานศึกษากำหนด 2. เด็กปฐมวัยชั้น อนุบาลปีที่3ได้เรียนรู้ ตามหน่วยการเรียนรู้ รวมทั้งได้รับการจัด กิจกรรมเกมการศึกษา ที่เน้นทักษะ ด้านคณิตศาสตร์ 3. เด็กปฐมวัยชั้น อนุบาลปีที่3ได้รับ การจัดประสบการณ์ ตามความแตกต่างของ แต่ละบุคคลอย่างเต็ม ตามศักยภาพ 1. เด็กปฐมวัยชั้น อนุบาลปีที่3ร้อยละ 75 มีผลการประเมิน พัฒนาการด้าน สติปัญญาตามค่า เป้าหมายที่สถานศึกษา กำหนด 2. เด็กปฐมวัยชั้น อนุบาลปีที่3ร้อยละ 75 มีทักษะ ด้านคณิตศาสตร์ 3. เด็กปฐมวัยชั้น อนุบาลปีที่3ร้อยละ 75 ได้รับการจัด ประสบการณ์ตาม ศักยภาพ 14
ลักษณะงานที่ปฏิบัติ ตามมาตรฐานตำแหน่ง งาน (Tasks) ที่จะดำเนินการพัฒนาตาม ข้อตกลงใน1 รอบการะประเมิน (โปรดระบุ) ผลลัพธ์ (Outcomes) ของงานตามข้อตกลงที่ คาดหวังให้เกิดขึ้นกับ ผู้เรียน (โปรดระบุ) ตัวชี้วัด (Indicators) ที่จะเกิดขึ้นกับผู้เรียนที่ แสดงให้เห็นถึงการ เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ขึ้นหรือมีการพัฒนามาก ขึ้นหรือผลสัมฤทธิ์สูงขึ้น (โปรดระบุ) 1.4 การสร้างและหรือพัฒนาสื่อ นวัตกรรมเทคโนโลยีและแหล่ง เรียนรู้ผลิตสื่อการจัดประสบการณ์ อย่างหลากหลาย สอดคล้องกับ หน่วยและแผนการจัด ประสบการณ์รวมทั้งมีการจัดทำ เกมการศึกษาที่เน้นทักษะ ด้านคณิตศาสตร์โดยมีการปรับ ประยุกต์ที่สอดคล้องกับศักยภาพ ของผู้เรียน 1.5 การวัดและประเมินผลการ จัดการเรียนรู้ สร้างแบบประเมิน พัฒนาการที่สอดคล้องกับ มาตรฐานคุณลักษณะที่พึงประสงค์ และตัวบ่งชี้รวมทั้งแบบประเมิน ทักษะด้านคณิตศาสตร์ 4. เด็กปฐมวัยชั้น อนุบาลปีที่3ได้เรียนรู้ ผ่านสื่อการจัด ประสบการณ์อย่าง หลากหลายและได้รับ การจัดกิจกรรมเกม การศึกษาที่เน้นทักษะ ด้านคณิตศาสตร์ ที่สอดคล้องกับ ศักยภาพของผู้เรียน 5. เด็กปฐมวัย ชั้นอนุบาลปีที่3ได้รับ การประเมินพัฒนาการ ด้วยเครื่องมือที่ หลากหลาย ตรงตาม มาตรฐานคุณลักษณะ ที่พึงประสงค์และตัว บ่งชี้ที่มีประสิทธิภาพ และน่าเชื่อถือตาม สภาพจริงอย่างเป็น ระบบ 4. เด็กปฐมวัยชั้น อนุบาลปีที่3ร้อยละ 100 ได้เรียนรู้ผ่านการ จัดกิจกรรมเกม การศึกษาที่เน้นทักษะ ด้านคณิตศาสตร์ 5. เด็กปฐมวัย ชั้นอนุบาลปีที่3ร้อย ละ 75 ได้รับการ ประเมินพัฒนาการ ตามสภาพจริง 15
ลักษณะงานที่ปฏิบัติ ตามมาตรฐานตำแหน่ง งาน (Tasks) ที่จะดำเนินการพัฒนาตามข้อตกลง ใน1 รอบการะประเมิน (โปรดระบุ) ผลลัพธ์ (Outcomes) ของงานตามข้อตกลงที่ คาดหวังให้เกิดขึ้นกับ ผู้เรียน (โปรดระบุ) ตัวชี้วัด (Indicators) ที่จะเกิดขึ้นกับผู้เรียนที่ แสดงให้เห็นถึงการ เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ขึ้นหรือมีการพัฒนามาก ขึ้นหรือผลสัมฤทธิ์สูงขึ้น (โปรดระบุ) 1.6 ศึกษา วิเคราะห์ และ สังเคราะห์เพื่อแก้ไขปัญหาหรือ พัฒนากระบวนการเรียนรู้ -ทำการประมวลความรู้หลังการจัด กิจกรรมการเรียนการสอนมา วิเคราะห์ สังเคราะห์แก้ปัญหำและ พัฒนากระบวนกำรจัดกำรเรียนรู้ โดยสรุปและนำเสนอเป็นแผ่นภาพ กรำฟ หรือบรรยายให้กับนักเรียนชั้น เรียนและมีกระบวนการแลกเปลี่ยน เรียนรู้ซึ่งกันและกันของครูและ นักเรียน 1.7 การจัดบรรยากาศที่ส่งเสริม และพัฒนาผู้เรียน จัดบรรยากาศใน การจัดประสบการณ์เอื้อต่อการ เรียนรู้และเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ โดยมีการใช้สื่อนวัตกรรมที่เหมาะสม กับผู้เรียนและเหมาะสมกับ สถานการณ์เพื่อพัฒนาให้ผู้เรียนเกิด การเรียนรู้ด้วยตนเอง 1.8 การอบรมและพัฒนา คุณลักษณะที่ดีของผู้เรียนจัด กิจกรรมโฮมรูมเพื่ออบรม และ กิจกรรมเสริมต่างๆเพื่อพัฒนา คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของเด็ก ให้บรรลุเป้าหมายตาม หลักสูตรกำหนด 6.นักเรียนและครูได้ร่วม สรุปองค์ความรู้ของ เนื้อหารายวิชาที่ครูได้จัด กิจกรรมการเรียนการ สอนโดยการแลกเปลี่ยน เรียนรู้ระหว่างครูและ นักเรียนในการวิเคราะห์ ปัญหาและหาแนว ทางแก้ไขปัญหาหลังจัด กิจกรรมการเรียนการ สอน 7. เด็กปฐมวัยชั้น อนุบาลปีที่3มีส่วน ร่วมในการจัด บรรยากาศการเรียนรู้ และร่วมลงมือปฏิบัติ เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ ผ่านสื่อนวัตกรรม อย่างหลากหลาย ตามสถานการณ 8. เด็กปฐมวัยชั้น อนุบาลปีที่3มี คุณลักษณะอันพึง ประสงค์และสามารถ ประยุกต์ใช้และดำเนิน ชีวิตประจำวันได้อย่างมี ความสุข 7. เด็กปฐมวัยชั้น อนุบาลปีที่3ร้อยละ 75 ได้ ส่วนร่วมและร่วม ลงมือวิเคราะห์ปัญหาและ หาแนวทางแก้ไขปัญหา หลังจัดกิจกรรมการเรียน การสอน 7. เด็กปฐมวัยชั้น อนุบาลปีที่3ร้อยละ 75 ได้เรียนรู้แบบมี ส่วนร่วมและร่วมลงมือ ปฏิบัติผ่านสื่อ นวัตกรรมต่างๆ ในบรรยากาศที่เอื้อต่อ การเรียนรู้ 8. เด็กปฐมวัยชั้น อนุบาลปีที่3ร้อยละ 75 มีคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ตามค่าเป้าหมาย ของสถานศึกษาและ สามารถประยุกต์ใช้ใน ชีวิตประจำวันได้ 16
ลักษณะงานที่ปฏิบัติ ตามมาตรฐานตำแหน่ง งาน (Tasks) ที่จะดำเนินการพัฒนาตามข้อตกลง ใน1 รอบการะประเมิน (โปรดระบุ) ผลลัพธ์ (Outcomes) ของงานตามข้อตกลงที่ คาดหวังให้เกิดขึ้นกับ ผู้เรียน (โปรดระบุ) ตัวชี้วัด (Indicators) ที่จะเกิดขึ้นกับผู้เรียนที่ แสดงให้เห็นถึงการ เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ขึ้นหรือมีการพัฒนามาก ขึ้นหรือผลสัมฤทธิ์สูงขึ้น (โปรดระบุ) 2. ด้านการส่งเสริมและ สนับสนุนการจัดการ เรียนรู้ ลักษณะงานที่เสนอให้ ครอบคลุมถึงการจัด ข้อมูลสารสนเทศของ ผู้เรียนและรายวิชา การ ดำเนินการตามระบบดุ แลช่วยเหลือผู้เรียน การ ปฏิบัติงาน วิชาการ และ งานอื่นๆของ สถานศึกษา และการ ประสานความร่วมมือ กับผู้ปกครองภาคี เครือข่าย และหรือ สถานประกอบการ 1. จัดทำข้อมูล สารสนเทศของ นักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3 และงานประจำชั้น รวมทั้งแบบประเมิน พัฒนาการด้านต่างๆ และเพิ่มเติมแบบ ประเมินทักษะด้านคณิตศาสตร์ 2. จัดทำโครงการ/ กิจกรรมการดูแล ช่วยเหลือผู้เรียน ได้แก่เยี่ยมบ้านเด็ก อย่างน้อยภาคเรียนละ 1 ครั้งทั้ง สภาพจริงและ On-line 3. ร่วมมือกับบุคลากร ในโรงเรียนรับผิดชอบ โครงการเพื่อพัฒนา คุณภาพเด็ก 4. ประสานความ ร่วมมือจากเครือข่าย และผู้ปกครองร่วม สนับสนุนการจัด ประสบการณ์เพื่อ พัฒนาผู้เรียน 1. เด็กปฐมวัยชั้น อนุบาลปีที่3มีข้อมูล เพื่อการพัฒนาและ รวบรวมเป็นสารสนเทศที่ หลากหายสะดวกต่อการ ใช้งาน และพัฒนา ศักยภาพ รวมทั้งมีข้อมูล เพื่อการส่งเสริมทักษะ ด้านคณิตศาสตร์ 2. เด็กปฐมวัยชั้นอนุบาล ปีที่3ได้รับการดูแล ช่วยเหลือด้านต่างๆ เช่น ทุนการศึกษา 3. เด็กปฐมวัยชั้นอนุบาล ปีที่3ได้เรียนรู้กิจกรรมที่ หลากหลายตามโครงการ และกิจกรรมที่ทาง โรงเรียนได้กำหนดขึ้น ตลอดปีการศึกษา 4. ผู้ปกครองเด็กปฐมวัย ชั้นอนุบาล ปีที่3ให้ความ ร่วมมือและส่งเสริม สนับสนุนการจัด การศึกษา 1. เด็กปฐมวัยชั้น อนุบาลปีที่3ร้อยละ 75 มีข้อมูลสารสนเทศ การพัฒนา รอบด้าน รวมทั้งมีข้อมูลเพื่อการ พัฒนาทักษะด้าน คณิตศาสตร์ 2. เด็กปฐมวัยชั้น อนุบาลปีที่3ร้อยละ 75 ได้รับการดูแล ช่วยเหลือผ่านระบบ ดูแลช่วยเหลือ 3. เด็กปฐมวัยชั้น อนุบาลปีที่3ร้อยละ 75 ได้เรียนรู้กิจกรรม ที่หลากหลายตลอดปี การศึกษา 4. ผู้ปกครองเด็ก ปฐมวัยชั้นอนุบาลปีที่ 3 ร้อยละ 75 ให้ความ ร่วมมือและส่งเสริม สนับสนุนการจัด การศึกษา 17
ลักษณะงานที่ปฏิบัติ ตามมาตรฐานตำแหน่ง งาน (Tasks) ที่จะดำเนินการพัฒนา ตามข้อตกลงใน1 รอบกา ระประเมิน (โปรดระบุ) ผลลัพธ์ (Outcomes) ของงานตามข้อตกลงที่ คาดหวังให้เกิดขึ้นกับ ผู้เรียน (โปรดระบุ) ตัวชี้วัด (Indicators) ที่จะเกิดขึ้นกับผู้เรียนที่ แสดงให้เห็นถึงการ เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ขึ้นหรือมีการพัฒนามาก ขึ้นหรือผลสัมฤทธิ์สูงขึ้น (โปรดระบุ) 3. ด้านการพัฒนาตนเองและ วิชาชีพ ลักษณะงานที่เสนอให้ครอบคลุมถึง การพัฒนาตนเองอย่างเป็นระบบ และต่อเนื่อง การมีส่วนร่วมในการ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อ พัฒนาการจัดการเรียนรู้และการนำ ความรู้ความสามารถทักษะที่ได้ จากการพัฒนาตนเองและวิชาชีพ มาใช้ในการพัฒนาตนเองและ วิชาชีพมาใช้ในการพัฒนา การ จัดการเรียนรู้ การพัฒนาคุณภาพ ผู้เรียน และการพัฒนานวัตกรรม การจัดการเรียนรู้ 1. พัฒนาตนเองโดย การเข้าอบรม/ประชุม/ สัมมนา ตลอด ปีงบประมาณ 2565ใน สาขาและวิชาที่เหมาะสม กับระดับของตนเอง รวมทั้งการอบรมพัฒนา ทักษะด้านคณิตศาสตร์ สำหรับเด็กปฐมวัยเพื่อ นำมาพัฒนาสื่อและการ จัดประสบการณ์ทั้ง รูปแบบการอบรมปกติ และ On-Line 2. จัดกิจกรรมพัฒนา วิชาชีพ(PLC) กับ ครูผู้สอนปฐมวัยเพื่อ แลกเปลี่ยนเรียนรู้และ แก้ปัญหาเด็ก 3. นำความรู้ที่ได้จาก การอบรมพัฒนา และ กระบวนการชุมชน วิชาชีพ(PLC) มาสร้าง สื่อและนวัตกรรม เพื่อ แก้ปัญหาและพัฒนา 1. เด็กปฐมวัยชั้น อนุบาลปีที่3 ได้รับการจัด ประสบการณ์ที่เน้น ผู้เรียนเป็นสำคัญอย่าง หลากหลายเหมาะสม ตามความแตกต่าง ระหว่างบุคคล ทำให้มี พัฒนาการด้าน สติปัญญาสูงขึ้น 2. เด็กปฐมวัยชั้น อนุบาลปีที่3ได้รับ การแก้ไขปัญหาการ เรียนรู้ได้เหมาะสม ตามความแตกต่าง ระหว่างบุคคลและ ได้รับการแก้ไขปัญหา ทักษะด้านคณิตศาสตร์ 3. เด็กปฐมวัยชั้น อนุบาลปีที่3ได้นำสื่อและ นวัตกรรม เพื่อ แก้ปัญหาและพัฒนา 1. เด็กปฐมวัยร้อยละ 75 มีเจตคติที่ดีต่อการ เรียนรู้และสามารถนำ ทักษะด้านคณิตศาสตร์ ไปประยุกต์ใช้ใน ชีวิตประจำวันได้ 2. เด็กปฐมวัยชั้น อนุบาลปีที่3ร้อยละ 75 ได้รับการแก้ไข ปัญหาด้านการเรียนรู้ และทักษะด้าน คณิตศาสตร์ 2. เด็กปฐมวัยชั้น อนุบาลปีที่3ร้อยละ 75 ได้นำสื่อและ นวัตกรรม ไปใช้ การแก้ไขปัญหาด้านการ เรียนรู้และทักษะด้าน คณิตศาสตร์ 18
หมายเหตุ 1. รูปแบบการจัดทำข้อตกลงในการพัฒนางาน ตามแบบ PA 1 ให้เป็นไปตามบริบทและสภาพการ จัดการเรียนรู้ของแต่ละสถานศึกษา โดยความเห็นชอบร่วมกันระหว่างผู้อำนวยการสถานศึกษาและข้าราชการครู ผู้จัดทำข้อตกลง 2. งาน (Tasks) ที่เสนอเป็นข้อตกลงในการพัฒนางาน ต้องเป็นงานในหน้าที่ความรับผิดชอบหลักที่ ส่งโดยตรงต่อผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน และให้นำเสนอรายวิชาหลักที่ทำการสอน โดยเสนอภาพรวมของ รายวิชาหลักที่ทำการสอนทุกระดับชั้น ในกรณีที่สอนหลายรายวิชา สามารถเลือกรายวิชาใดวิชาหนึ่งได้โดยจะต้อง แสดงให้เห็นถึงการปฏิบัติงานตามมาตรฐานตำแหน่ง และคณะกรรมการประเมินผลการพัฒนางานตามข้อตกลง สามารถประเมินได้ตามแบบการประเมิน PA 2 3. การพัฒนางานตามข้อตกลง ตามแบบ PA 1 ให้ความสำคัญกับผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน (Outcomes) และตามตัวชี้วัด (Indicators) ที่เป็นรูปธรรม และการประเมินของคณะกรรมการประเมินผลการ พัฒนาตนเองตามข้อตกลง ให้คณะกรรมการดำเนินการประประเมิน ตามแบบ PA 2 จากการปฏิบัติงานจริงสภาพ การจัดการเรียนรู้ในบริบทของแต่ละสถานศึกษา และผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียนที่เกิดจากการพัฒนางานตาม ข้อตกลงเป็นสำคัญ โดยไม่เน้นการประเมินจากเอกสาร ส่วนที่ 2 ข้อตกลงในการพัฒนางานที่เป็นประเดินท้าทายในการพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน ประเด็นที่ท้าทายในการพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน ของผู้จัดทำข้อตกลงซึ่งปัจจุบันดำรง ตำแหน่งครู วิทยฐานะครูชำนาญการ ต้องแสดงให้เห็นถึงระดับการปฏิบัติที่คาดหวังของวิทยฐานะชำนาญการ คือ การแก้ไขปัญหา การจัดการเรียนรู้และการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ ดีขึ้นหรือมีการพัฒนามากขึ้น (ทั้งนี้ ประเด็นท้าทายอาจจะแสดงให้เห็นถึงระดับการปฏิบัติที่คาดหวังที่สูงกว่าได้) ประเด็นท้าทาย เรื่อง การพัฒนาทักษะคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัยโดยการจัดกิจกรรมเกม การศึกษาสำหรับเด็กปฐมวัย ชั้นอนุบาลปีที่3สภาพปัญหาของผู้เรียนและการจัดการเรียนรู้ 1. วิธีการดำเนินการให้บรรลุ 1. ศึกษาและวิเคราะห์หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยพุทธศักราช 2560 และหลักสูตร สถานศึกษาปฐมวัยเพื่อออกแบบกิจกรรมการใช้เกมการศึกษาตามหน่วยการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับ มาตรฐานคุณลักษณะ ที่พึงประสงค์และตัวบ่งชี้ 2. ศึกษาการจัดประสบการณ์โดยใช้สื่อเกมการศึกษา เพื่อพัฒนาทักษะคณิตศาสตร์สำหรับ เด็กปฐมวัยชั้นอนุบาลปีที่3จากเอกสารงาน งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 3. จัดทำหน่วยการจัดประสบการณ์และแผนการจัดประสบการณ์โดยใช้เกมการศึกษา เพื่อพัฒนาทักษะคณิตศาสตร์เพื่อนำสู่การจัดประสบการณ์ในชั้นเรียน 4. ดำเนินการจัดทำเกมการศึกษาด้านทักษะคณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัยชั้นอนุบาลปีที่3 5. สร้างแบบประเมินพัฒนาการด้านสติปัญญาที่เน้นการพัฒนาทักษะคณิตศาสตร์ของเด็ก ปฐมวัยชั้นอนุบาลปีที่3 6. จัดกิจกรรมเกมการศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะคณิตศาสตร์ตามแผนการจัดประประสบการณ์ โดยดำเนินการ ดังนี้ 19
6.1 ประเมินพัฒนาการด้านสติปัญญา ที่เน้นการพัฒนาทักษะคณิตศาสตร์ของเด็ก ปฐมวัย ชั้นอนุบาลปีที่3ก่อนการจัดกิจกรรม 6.2 จัดกิจกรรมโดยใช้เกมการศึกษาด้านแบบรูปและความสัมพันธ์ในลักษณะกิจกรรม กลุ่มและบันทึกผลการจัดกิจกรรมหลังแผนการจัดประสบการณ์ 6.3 ประเมินพัฒนาการด้านสติปัญญา ที่เน้นการพัฒนาทักษะคณิตศาสตร์ของเด็ก ปฐมวัย ชั้นอนุบาลปีที่3หลังการจัดกิจกรรม 7. สรุปรายงานผลการจัดกิจกรรมเกมการศึกษาเพื่อตรวจสอบผลการจัดกิจกรรมและผลการ พัฒนาทักษะคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัยชั้นอนุบาลปีที่3 2. ผลลัพธ์การพัฒนาที่คาดหวัง 2.1เชิงปริมาณ 2.1.1 เด็กปฐมวัยชั้นอนุบาลปีที่3 ร้อยละ 75 ได้รับการจัดกิจกรรมเกมการศึกษาเพื่อ พัฒนาทักษะด้านคณิตศาสตร์ 2.1.2 เด็กปฐมวัยชั้นอนุบาลปีที่3 ร้อยละ 75 มีทักษะด้านคณิตศาสตร์เพิ่มสูงขึ้นจาก การจัดกิจกรรมเกมการศึกษา 2.1.2 เด็กปฐมวัยชั้นอนุบาลปีที่3 ร้อยละ 75 มีพัฒนาการด้านสติปัญญาสูงขึ้น 2.2เชิงคุณภาพ เด็กปฐมวัยชั้นอนุบาลปีที่3โรงเรียน.................... ภายหลังได้รับการจัดกิจกรรมเกมการศึกษามี ทักษะทางคณิตศาสตร์สูงขึ้นและส่งผลต่อพัฒนาการทางสติปัญญาสูงขึ้นเป็นไปตามมาตรฐานคุณลักษณะที่พึง ประสงค์และตัวบ่งชี้ในหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยกำหนด ลงชื่อ............................................... (...............................................) ตำแหน่ง ................................ ผู้จัดทำข้อตกลงในการพัฒนางาน ......./........................./........... ความเห็นของผู้อำนวยการสถานศึกษาหรือผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก แล้วแต่กรณี ( ) เห็นชอบให้เป็นข้อตกลงในการพัฒนางาน ( ) ไม่เห็นชอบให้เป็นข้อตกลงในการพัฒนางาน โดยมีข้อเสนอแนะเพื่อนำไปแก้ไข และเสนอเพื่อ พิจารณาอีกครั้ง ดังนี้ ............................................................................................................................. ................................................... ลงชื่อ............................................... (...............................................) ตำแหน่ง ................................ ......./........................./........... 20
Flow chart ขั้นตอนการดำเนินการ ประเมินผลตามข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA) ผู้ดำรงตำแหน่งครู ผู้บริหารสถานศึกษา ศึกษานิเทศก์ จัดทำข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA1) เสนอ ผู้บังคับบัญชาแล้วแต่กรณี ทุกปีงบประมาณ นับตั้งแต่ วันแรกของแต่ละปีงบประมาณ (1 ต.ค. - 30 ก.ย. ) หน่วยงานผู้รับผิดชอบเสนอนายกอปท. แต่งตั้งคณะกรรมการประเมินผลการ พัฒนาตามข้อตกลง จำนวน 3 คน - คณะกรรมการฯดำเนินการประเมินผลการพัฒนา ในแต่ละรอบการ ประเมิน(ปีงบประมาณ) โดยต้องผ่านเกณฑ์ ร้อยละ70 ตามแบบ ประเมิน(PA2)/ (PA3) -ให้ผู้ประเมินนำข้อมูลผลการประเมินเข้าระบบ DPA ทุกรอบการ ประเมิน หน่วยงานที่รับผิดชอบตรวจสอบ คุณสมบัติ ของผู้ขอรับการประเมินเพื่อ ขอให้มีวิทยฐานะที่สูงขึ้น คุณสมบัติยังไม่ครบ ตามหลักเกณฑ์ ให้ อปท.นำผลการประเมินการพัฒนาตาม ข้อตกลงไปใช้ในการบริหารงานบุคคลดังนี้ 1.ใช้ขอรับการประเมินเพื่อให้มีวิทยฐานะที่สูงขึ้น 2.ใช้เพื่อการดำรงไว้ซึ่งวิทยฐานะที่แต่งตั้ง 3.ใช้เป็นองค์ประกอบในการพิจารณาเพื่อเลื่อน เงินเดือน คุณสมบัติครบ ตามหลักเกณฑ์ ผู้ดำรงตำแหน่งครู ผู้บริหารสถานศึกษา ศึกษานิเทศก์เสนอขอให้มีวิทยฐานะ ที่ สูงขึ้น และดำเนินการประเมิน ต่อไป ผู้ดำรงตำแหน่งครู ผู้บริหาร สถานศึกษา ศึกษานิเทศก์เสนอ ขอให้มีวิทยฐานะ 21
แนวทางการประเมินผลการพัฒนางานตามข้อตกลง (PA) ตำแหน่งครู (กรรมการประเมิน) ให้คณะกรรมการประเมิน ประเมินผลการพัฒนางานตามข้อตกลงของผู้ดำรงตำแหน่งครู ตามระดับ การ ปฏิบัติที่คาดหวังของตำแหน่งและวิทยฐานะ โดยมีองค์ประกอบ 2 ส่วน ดังนี้ ส่วนที่ 1 ข้อตกลงในการพัฒนางานตามมาตรฐานกำหนดตำแหน่ง (คะแนนเต็ม 60 คะแนน) ประกอบด้วย (1) การปฏิบัติงานตามมาตรฐานกำหนดตำแหน่งครู และมีภาระงานตามที่ ก.ท. (2) ผลการปฏิบัติงานตามมาตรฐานกำหนดตำแหน่งครู ทั้ง 3 ด้าน ด้านที่ 1 ด้านการจัดการเรียนรู้ ด้านที่ 2 ด้านการส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ ด้านที่ 3 ด้านการพัฒนาตนเองและวิชาชีพ จำนวน ส่วนที่ 2 ข้อตกลงในการพัฒนางานที่เสนอเป็นประเด็นท้าทาย (คะแนนเต็ม 40 คะแนน) โดยมีระดับการปฏิบัติที่ คาดหวัง ระดับคะแนนและคุณภาพการประเมิน ดังนี้ ครูผู้ช่วย ปฏิบัติและเรียนรู้ (Execute & Learn) สามารถปฏิบัติงานและเรียนรู้จากการปฏิบัติได้ ตาม มาตรฐานกำหนดตำแหน่ง ครูปรับประยุกต์ (Apply & Adapt) สามารถปรับประยุกต์การจัดการเรียนรู้และปฏิบัติงานจนปรากฏผล ลัพธ์กับผู้เรียนได้ ตามมาตรฐานกำหนดตำแหน่ง ที่คาดหวังในตำแหน่งและวิทยฐานะ ครูชำนาญการ แก้ไขปัญหา (Solve the Problem) สามารถแก้ไขปัญหาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน ครูชำนาญการพิเศษ ริเริ่ม พัฒนา (Originate & Improve) สามารถริเริ่มพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของ ผู้เรียน ครูเชี่ยวชาญ คิดค้น ปรับเปลี่ยน (Invent & Transform) สามารถคิดค้น พัฒนานวัตกรรมและ ปรับเปลี่ยน ให้คุณภาพการเรียนรู้สูงขึ้น เป็นแบบอย่างที่ดี และให้คำปรึกษาผู้อื่น ครูเชี่ยวชาญพิเศษ สร้างการเปลี่ยนแปลง (Create an Impact) สามารถคิดค้น พัฒนา นวัตกรรม เผยแพร่ และขยายผล จนนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง ในวงวิชาชีพ และเป็นแบบอย่างที่ดีให้คำปรึกษาผู้อื่น และเป็น ผู้นำ *หมายเหตุ สำหรับผู้ดำรงตำแหน่งครูผู้ช่วย เมื่อผ่านการเตรียมความพร้อมและพัฒนาอย่างเข้มแล้ว และ ได้รับการแต่งตั้ง ให้ดำรงตำแหน่งครู ให้จัดทำข้อตกลงในการพัฒนางานตามแบบที่ ก.ท. กำหนด 2) ระดับคะแนนและคุณภาพการประเมินในแต่ละวิทยฐานะ ให้คณะกรรมการประเมิน พิจารณาผลการปฏิบัติงานของผู้ดำรงตำแหน่งครู จากการปฏิบัติงานจริง ที่เกิด จากการพัฒนางานตามข้อตกลง เป็นสำคัญ ไม่เน้นการประเมินจากเอกสาร โดยให้ตรวจสอบข้อมูลจากบุคคลและ หรือหน่วยงาน และหลักฐาน ที่แสดงว่า ผู้ดำรงตำแหน่งครูได้ดำเนินการตามตัวชี้วัด เช่น แผนการจัดการเรียนรู้ การสังเกตการสอน ผลงาน/ชิ้นงานของผู้เรียนที่เกิดขึ้นจากการเรียนรู้ ก่อนตัดสินใจให้คะแนนตามระดับคุณภาพ ในแบบประเมิน ดังนี้ 22
คะแนน ระดับคุณภาพ รายละเอียด 1 ปฏิบัติได้ต่ำกว่าระดับที่ คาดหวังมาก ไม่ปรากฏผลการปฏิบัติงานได้ตามมาตรฐานกำหนดตำแหน่ง/มาตรฐานวิทยฐานะ ที่ดำรงอยู่ 2 ปฏิบัติได้ต่ำกว่าระดับที่ คาดหวัง มีการปฏิบัติงานตามมาตรฐานกำหนดตำแหน่งในตัวชี้วัดนั้นอยู่บ้าง แต่ไม่ครบถ้วน และไม่มีคุณภาพตามมาตรฐานกำหนดตำแหน่/ มาตรฐานวิทยฐานะที่ดำรงอยู่ 3 ปฏิบัติได้ตามระดับ ที่คาดหวัง มีการปฏิบัติงานตามมาตรฐานกําหนดตำแหน่งและมีคุณภาพ ตามมาตรฐานกำหนด ตำแหน่ง/มาตรฐานวิทยฐานะที่ดำรงอยู่ 4 ปฏิบัติได้สูงกว่า ระดับที่ คาดหวัง มีการปฏิบัติงานตามมาตรฐานกำหนดตำแหน่งและมีคุณภาพสูงกว่า มาตรฐานกำหนดตำแหน่ง/มาตรฐานวิทยฐานะที่ดำรงอยู่ เกณฑ์การให้คะแนน ส่วนที่ 2 ข้อตกลงในการพัฒนางานที่เสนอเป็นประเด็นท้าทาย กำหนดให้มีเกณฑ์การให้ คะแนนตามระดับคุณภาพ 4 ระดับ คือ ระดับ 4 ระดับ 3 ระดับ 2 และระดับ 1 ไว้ดังนี้ ระดับคุณภาพ ค่าคะแนนที่ได้ คะแนนเต็ม 10 คะแนนเต็ม 20 4 10.00 20.00 3 7.50 15.00 2 5.00 10.00 1 2.50 5.00 23
(ตัวอย่าง)แบบประเมินผลการพัฒนางานตามข้อตกลง (PA) ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะครูชำนาญการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ระหว่างวันที่....1..เดือน....ตุลาคม.....พ.ศ...2565.ถึง วันที่..30.....เดือน...... กันยายน ....... พ.ศ....2566 ข้อมูลผู้รับการประเมิน ชื่อ ...........xxxxxxxxx..................นามสกุล..........xxxxxxxxxxxxxx.....ตำแหน่งครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการ 2รับเงินเดือนในอันดับ คศ....2............อัตราเงินเดือน .....xxxxxxxxx......บาท สถานศึกษา.....โรงเรียนxxxxxxxxxxx...........สังกัด เทศบาลนครระยอง..................................................................... อำเภอ.............เมืองระยอง...............จังหวัด........ระยอง............ ให้ทำเครื่องหมาย ในช่องที่ตรงกับผลการประเมิน หรือให้คะแนนตามระดับคุณภาพ ส่วนที่ 1 ข้อตกลงในการพัฒนางานตามมาตรฐานตำแหน่ง (60 คะแนน) (1) ภาระงาน เป็นไปตามที่ ก.จ. ก.ท. และ ก.อบต. กำหนด ไม่เป็นไปตามที่ ก.จ. ก.ท. และ ก.อบต. กำหนด (2) การปฏิบัติงานและผลการปฏิบัติงานตามมาตรฐานกำหนดตำแหน่งครู ลักษณะงานที่ปฏิบัติตามมาตรฐานตำแหน่ง ระดับการปฏิบัติที่คาดหวัง แก้ไขปัญหา (Solve the Problem) ผลการประเมิน หมายเหตุ 1 ปฏิบัติได้ ต่ำกว่าระดับฯ ที่คาดหวังมาก 2 ปฏิบัติได้ ต่ำกว่าระดับฯ ที่คาดหวัง 3 ปฏิบัติได้ ตามระดับฯ ที่คาดหวัง 4 ปฏิบัติได้ สูงกว่าระดับฯ ที่คาดหวัง 1. ด้านการจัดการเรียนรู้ เ ก ณ ฑ์ ผ่าน ต้องได้ ค ะ แ น น จาก กรรมการ แต่ละคน ไม่ต่ำกว่า ร ้ อ ย ล ะ 70 1.1 สร้างและหรือพัฒนาหลักสูตร ⧫ มีการจัดทำรายวิชาและหน่วยการเรียนรู้ให้สอดคล้อง กับมาตรฐานการเรียนรู้ และตัวชี้วัดหรือผลการเรียนรู้ตาม หลักสูตรเพื่อให้ผู้เรียนได้พัฒนาสมรรถนะและการเรียนรู้ เต็ม ตามศักยภาพ โดยมีการพัฒนารายวิชาและหน่วยการเรียนรู้ ให้สอดคล้องกับบริบทของสถานศึกษา ผู้เรียน และท้องถิ่น และสามารถแก้ไขปัญหาในการจัดการเรียนรู้ได้ 1.2 ออกแบบการจัดการเรียนรู้ ⧫ เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ ทักษะ คุณลักษณะประจำวิชา คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และ สมรรถนะที่สำคัญ ตามหลักสูตร โดยมีการออกแบบการ จัดการเรียนรู้ ที่สามารถแก้ไขปัญหาในการจัดการเรียนรู้ ทำ ให้ผู้เรียนมีกระบวนการคิดและค้นพบองค์ความรู้ด้วยตนเอง และสร้างแรงบันดาลใจ PA 2/ส การประเมินส่วนที่ 1 ผู้ประเมิน ลง ในช่องผลการประเมินตาม ตาม ความคาดหวังที่ประเมินได้แทนค่า คะแนนจากตารางความคาดหวัง แต่หัวข้อ 24
ลักษณะงานที่ปฏิบัติตามมาตรฐานตำแหน่ง ระดับการปฏิบัติที่คาดหวัง แก้ไขปัญหา (Solve the Problem) ผลการประเมิน หมายเหตุ 1 ปฏิบัติได้ ต่ำกว่าระดับฯ ที่คาดหวังมาก 2 ปฏิบัติได้ ต่ำกว่าระดับฯ ที่คาดหวัง 3 ปฏิบัติได้ ตามระดับฯ ที่คาดหวัง 4 ปฏิบัติได้ สูงกว่าระดับฯ ที่คาดหวัง 1. ด้านการจัดการเรียนรู้ 1.3 จัดกิจกรรมการเรียนรู้ ⧫ มีการอำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ และส่งเสริม ผู้เรียนได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพ เรียนรู้และทำงานร่วมกัน โดยมีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ที่สามารถแก้ไขปัญหาในการ จัดการเรียนรู้ ทำให้ผู้เรียนมีกระบวนการคิดและค้นพบองค์ ความรู้ด้วยตนเอง และสร้างแรงบันดาลใจ 1.4 สร้างและหรือพัฒนาสื่อ นวัตกรรม เทคโนโลยีและ แหล่งเรียนรู้ ⧫ มีการสร้างและหรือพัฒนาสื่อ นวัตกรรม เทคโนโลยี และแหล่งเรียนรู้สอดคล้องกับกิจกรรมการเรียนรู้สามาร แก้ไข ปัญหาในการเรียนรู้ของผู้เรียน และทำให้ผู้เรียนมีทักษะการ คิดและสามารถสร้างนวัตกรรมได้ 1.5 วัดและประเมินผลการเรียนรู้ ⧫ มีการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ด้วยวิธีการที่ หลากหลาย เหมาะสม และสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้ ให้ผู้เรียนพัฒนาการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ประเมินผลการ เรียนรู้ตามสภาพจริง และนำผลการวัดและประเมินผลการ เรียนรู้มาใช้แก้ไขปัญหาการจัดการเรียนรู้ 1.6 ศึกษา วิเคราะห์ และสังเคราะห์ เพื่อแก้ปัญหาหรือ พัฒนาการเรียนรู้ ⧫ มีการศึกษา วิเคราะห์ และสังเคราะห์ เพื่อแก้ไขปัญหา หรือพัฒนาการเรียนรู้ที่ส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียนและนำผล การศึกษา วิเคราะห์ และสังเคราะห์ มาใช้แก้ไขปัญหาหรือ พัฒนาการจัดการเรียนรู้ 1.7 จัดบรรยากาศที่ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียน ⧫ มีการจัดบรรยากาศที่เหมาะสม สอดคล้องกับความ แตกต่างผู้เรียนเป็นรายบุคคล สามาร แก้ไขปัญหาการเรียนรู้ สร้างแรงบันดาลใจส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียน ให้เกิด กระบวนการคิด ทักษะชีวิต ทักษะการทำงาน ทักษะการ เรียนรู้และนวัตกรรม ทักษะด้านสารสนเทศ สื่อ และ เทคโนโลยี 25
ลักษณะงานที่ปฏิบัติตามมาตรฐานตำแหน่ง ระดับการปฏิบัติที่คาดหวัง แก้ไขปัญหา (Solve the Problem) ผลการประเมิน หมายเหตุ 1 ปฏิบัติได้ ต่ำกว่าระดับฯ ที่คาดหวังมาก 2 ปฏิบัติได้ ต่ำกว่าระดับฯ ที่คาดหวัง 3 ปฏิบัติได้ ตามระดับฯ ที่คาดหวัง 4 ปฏิบัติได้ สูงกว่าระดับฯ ที่คาดหวัง 1.8 อบรมและพัฒนาคุณลักษณะที่ดีของผู้เรียน ⧫ มีการอบรมบ่มนิสัยให้ผู้เรียนมีคุณธรรม จริยธรรม คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และค่านิยมความเป็นไทยที่ดีงาม โดยคำนึงความแตกต่างของผู้เรียนเป็นรายบุคคล และสามาร แก้ไขปัญหาผู้เรียนได้ 2. ด้านการส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ 2.1 จัดทำข้อมูลสารสนเทศของผู้เรียนและรายวิชา ⧫ มีการจัดทำข้อมูลสารสนเทศของผู้เรียนและรายวิชา โดยมีข้อมูลเป็นปัจจุบัน เพื่อใช้ในการส่งเสริมสนับสนุนการ เรียนรู้ แก้ไขปัญหาและพัฒนาคุณภาพผู้เรียน 2.2 ดำเนินการตามระบบดูแลช่วยเหลือผู้เรียน ⧫ มีการใช้ข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกับผู้เรียนรายบุคคล และประสานความร่วมมือกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อพัฒนาและ แก้ไขปัญหาผู้เรียน 2.3 ปฏิบัติงานวิชาการ และงานอื่น ๆ ของสถานศึกษา ⧫ ร่วมปฏิบัติงานทางวิชาการ และงานอื่น ๆ ของ สถานศึกษาเพื่อยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษาของ สถานศึกษา 2.4 ประสานความร่วมมือกับผู้ปกครอง ภาคีเครือข่าย และ หรือสถานประกอบการ ⧫ ประสานความร่วมมือกับผู้ปกครอง ภาคีเครือข่าย และ หรือสถานประกอบการ เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาและพัฒนา ผู้เรียน 3. ด้านการพัฒนาตนเองและวิชาชีพ 3.1 พัฒนาตนเองอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง ⧫ มีการพัฒนาตนเองอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง เพื่อให้ มีความรู้ ความสามารถ ทักษะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ ภาษาไทยและภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร และการใช้ เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษา สมรรถนะวิชาชีพครูและความ รอบรู้ในเนื้อหาวิชาและวิธีการสอน และนำผลการพัฒนา ตนเองและพัฒนาวิชาชีพมาใช้ในการจัดการเรียนรู้ที่มีผลต่อ คุณภาพผู้เรียน 26
ลักษณะงานที่ปฏิบัติตามมาตรฐานตำแหน่ง ระดับการปฏิบัติที่คาดหวัง แก้ไขปัญหา (Solve the Problem) ผลการประเมิน หมายเหตุ 1 ปฏิบัติได้ ต่ำกว่าระดับฯ ที่คาดหวังมาก 2 ปฏิบัติได้ ต่ำกว่าระดับฯ ที่คาดหวัง 3 ปฏิบัติได้ ตามระดับฯ ที่คาดหวัง 4 ปฏิบัติได้ สูงกว่าระดับฯ ที่คาดหวัง 3.2 มีส่วนร่วมในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางวิชาชีพ เพื่อ แก้ไขปัญหาและพัฒนาการจัดการเรียนรู้ 3.3 นำความรู้ ความสามารถ ทักษะที่ได้จากการพัฒนา ตนเองและวิชาชีพมาใช้ในการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ การ พัฒนาคุณภาพผู้เรียน และการพัฒนานวัตกรรมการจัดการ เรียนรู้ที่มีผลต่อคุณภาพผู้เรียน ส่วนที่ 2 ข้อตกลงในการพัฒนางานที่เสนอเป็นประเด็นท้าทายในการพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน (40 คะแนน) ลักษณะงานที่ปฏิบัติตามมาตรฐานตำแหน่ง ระดับการปฏิบัติที่คาดหวัง แก้ไขปัญหา (Solve the Problem) ผลการประเมิน หมายเหตุ 1 ปฏิบัติได้ ต่ำกว่าระดับฯ ที่คาดหวังมาก 2 ปฏิบัติได้ ต่ำกว่าระดับฯ ที่คาดหวัง 3 ปฏิบัติได้ ตามระดับฯ ที่คาดหวัง 4 ปฏิบัติได้ สูงกว่าระดับฯ ที่คาดหวัง 1. วิธีดำเนินการ (20 คะแนน) 15 10 7.5 พิจารณาจากการดำเนินการที่ถูกต้อง ครบถ้วน เป็นไปตาม ระยะเวลาที่กำหนดไว้ในข้อตกลง และสะท้อนให้เห็นถึงระดับ การปฏิบัติที่คาดหวังตามตำแหน่งและวิทยฐานะ 2. ผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียนที่คาดหวัง (20 คะแนน) 2.1 เชิงปริมาณ (10 คะแนน) พิจารณาจากการบรรลุเป้าหมายเชิงปริมาณได้ครบถ้วน ตามข้อตกลง และมีความถูกต้อง เชื่อถือได้ 2.2 เชิงคุณภาพ (10 คะแนน) พิจารณาจากการบรรลุเป้าหมายเชิงคุณภาพได้ ครบถ้วน ถูกต้อง เชื่อถือได้ และปรากฏผลต่อคุณภาพผู้เรียน ได้ตามข้อตกลง รวมผลการประเมินทั้ง 2 ส่วน = 48+ 32.5.= 80.5 คะแนน (ลงชื่อ)......................................................... กรรมการผู้ประเมิน (.............................................................) ตำแหน่ง................................................................... วันที่............ เดือน...................................... พ.ศ. ........... ส่วนที่2 ผู้ประเมิน ลง ในช่องผลการประเมินตาม ตามความคาดหวังที่ ประเมินได้ และแทนค่า คะแนนจากตาราง เกณฑ์ การให้คะแนน ส่วนที่ 2 ส่วนที่ 1 + ส่วนที่ 2 27
สรุปข้อสังเกตเกี่ยวกับ จุดเด่น จุดที่ควรพัฒนา และข้อคิดเห็น ราย (นาย/นางนางสาว)............................................................................................................................. 1. จุดเด่น ...............ผู้ประเมินบรรยายถึงจุดเด่นของการปฎิบัติงานตามข้อตกลงที่ผู้รับการประเมินเสนอ ..................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................................. ................................................................................. 2. จุดที่ควรพัฒนา ...............ผู้ประเมินบรรยายถึงข้อสังเกต และสิ่งที่ควรพัฒนาเพิ่มเติมจากข้อตกลงในการพัฒนา ...................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................................. ................................................................................. 3. ข้อคิดเห็น ..............ผู้ประเมินบรรยายแสดงควาคิดเห็นเพิ่มเติมในข้อตกลงและข้อเสนอแนะในการพัฒนาครั้งต่อไป ............................................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................................. ................................................................................. (ลงชื่อ)......................................................... กรรมการผู้ประเมิน (..................................................................) ตำแหน่ง................................................................... วันที่......... เดือน......................................... พ.ศ. ........ 28
(ตัวอย่าง)แบบสรุปผลการประเมินการพัฒนางานตามข้อตกลง (PA) ตำแหน่งครูวิทยฐานะครูชำนาญการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ระหว่างวันที่....1..เดือน....ตุลาคม.....พ.ศ...2565.ถึง วันที่..30.....เดือน...... กันยายน ....... พ.ศ....2566 ข้อมูลผู้รับการประเมิน ชื่อ ...........xxxxxxxxx..................นามสกุล..........xxxxxxxxxxxxxx.....ตำแหน่งครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการ 2รับเงินเดือนในอันดับ คศ....2............อัตราเงินเดือน .....xxxxxxxxx......บาท สถานศึกษา.....โรงเรียนxxxxxxxxxxx...........สังกัด เทศบาลนครระยอง..................................................................... อำเภอ.............เมืองระยอง...............จังหวัด........ระยอง............ ภาระงาน / ⃞ เป็นไปตามที่ ก.จ. ก.ท. และ ก.อบต. กำหนด ⃞ ไม่เป็นไปตามที่ ก.จ. ก.ท. และ ก.อบต. กำหนด ผลการประเมิน การประเมินข้อตกลงในการพัฒนางาน คะแนนเต็ม คนที่ 1 คนที่ 2 คนที่ 3 หมายเหตุ ส่วนที่ 1 ข้อตกลงในการพัฒนางานตาม มาตรฐานตำแหน่ง 60 48 50 49 เกณฑ์ผ่านต้องได้ คะแนนจากรรมการ แต่ละคนไม่ต่ำกว่า ร้อยละ 70 ส่วนที่ 2 ข้อตกลงในการพัฒนางานที่ เสนอเป็นประเด็นท้าทายในการพัฒนา ผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน 40 25 32 35 รวม 100 73 82 84 สรุปผลการประเมินทั้ง 2 ส่วน จากกรรมการ 3 คน / ⃞ ผ่านเกณฑ์ ⃞ ไม่ผ่านเกณฑ์ (ลงชื่อ)......................................................... ประธานกรรมการผู้ประเมิน (.............................................................) ตำแหน่ง......ผู้อำนวยการสถานศึกษาโรงเรียนxxxxxxx........ วันที่............ เดือน...................................... พ.ศ. ........... (ลงชื่อ)........................................ กรรมการผู้ประเมิน (ลงชื่อ)..................................... กรรมการผู้ประเมิน (..........................................) (..........................................) ตำแหน่ง.ครูวิทยฐานะชำนาญการพิเศษ โรงเรียนxxx ตำแหน่ง.ครูวิทยฐานะชำนาญการพิเศษ โรงเรียนxxx วันที่............ เดือน........... พ.ศ. ........... วันที่............ เดือน........... พ.ศ. ........... สำหรับกรรมการประเมิน PA 3/ส 29
การประเมินตำแหน่ง และวิทยฐานะเพื่อให้มีหรือเลื่อนวิทยฐานะสูงขึ้น กำหนดเงื่อนไข ขั้นตอน ให้ผู้ดำรงตำแหน่ง ตำแหน่ง ครู ศึกษานิเทศก์ ผอ.ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก รองผอ. สถานศึกษา และผอ.สถานศึกษา มีหรือเลื่อนวิทยฐานะสูงขึ้นได้ ดังนี้ 1.คุณสมบัติผู้ขอรับการประเมิน (1) กรณีปกติ ๑. ดำรงตำแหน่ง ตำแหน่ง หรือดำรงตำแหน่ง วิทยฐานะปัจจุบันมาแล้ว ไม่น้อยกว่า ๔ ปี ติดต่อกัน หรือดำรงตำแหน่ง ตำแหน่ง อื่นที่ ก.ท. กำหนด เทียบเท่า ๒. มีการพัฒนางานตามข้อตกลง ในช่วงระยะเวลาย้อนหลัง ๓ รอบการประเมิน โดยในแต่ละ รอบการประเมินต้องมีภาระงานเป็นไปตามที่ ก.ท. กำหนด และมีผลการประเมินไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๗๐ 3. ในช่วงระยะเวลาย้อนหลัง ๔ ปี ต้องไม่เคยถูกลงโทษทางวินัยที่หนักกว่า โทษภาคทัณฑ์ หรือไม่เคยถูกวินิจฉัยชี้ขาดทางจรรยาบรรณวิชาชีพที่หนักกว่าภาคทัณฑ์ (2)กรณีลดระยะเวลา (ตามเงื่อนไขที่ ก.ท. กำหนด) ๑. ดำรงตำแหน่ง ตำแหน่ง หรือดำรงตำแหน่ง วิทยฐานะปัจจุบันมาแล้ว ไม่น้อยกว่า 3 ปี ติดต่อกัน หรือดำรงตำแหน่ง ตำแหน่ง อื่นที่ ก.ท. กำหนด เทียบเท่า ๒. มีการพัฒนางานตามข้อตกลง ในช่วงระยะเวลาย้อนหลัง 2 รอบการประเมิน โดยในแต่ละ รอบการประเมินต้องมีภาระงานเป็นไปตามที่ ก.ท. กำหนด และมีผลการประเมินไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๗๐ 3. ในช่วงระยะเวลาย้อนหลัง 3 ปี ต้องไม่เคยถูกลงโทษทางวินัยที่หนักกว่าโทษภาคทัณฑ์ หรือไม่ เคยถูกวินิจฉัยชี้ขาดทางจรรยาบรรณวิชาชีพที่หนักกว่าภาคทัณฑ์ (3) กรณี 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (เฉพาะการขอประเมินวิทยฐานะระดับชำนาญการและชำนาญการพิเศษ) ๑. ดำรงตำแหน่ง ตำแหน่ง หรือดำรงตำแหน่ง วิทยฐานะปัจจุบันมาแล้ว ไม่น้อยกว่า 2 ปี ติดต่อกัน หรือดำรงตำแหน่ง ตำแหน่ง อื่นที่ ก.ท. กำหนด หรือเทียบเท่า โดยต้องเป็นผู้ที่ปฏิบัติงาน ใน พื้นที่พิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ จังหวัดยะลา ปัตตานี นราธิวาส และสงขลา (เฉพาะพื้นที่ อำเภอเทพา สะบ้าย้อย นาทวี และจะนะ) มาแล้วไม่น้อยกว่า ๑ ปีติดต่อกัน นับถึงวันที่ยื่นคำขอ ๒. มีการพัฒนางานตามข้อตกลง ในช่วงระยะเวลาย้อนหลัง 1 รอบ การประเมิน โดยในแต่ละ รอบการประเมินต้องมีภาระงานเป็นไปตามที่ ก.ท. กำหนด และมีผลการประเมินไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๗๐ 3. ในช่วงระยะเวลาย้อนหลัง 2 ปี ต้องไม่เคยถูกลงโทษทางวินัยที่หนักกว่า โทษภาคทัณฑ์ หรือไม่เคยถูกวินิจฉัยชี้ขาดทางจรรยาบรรณวิชาชีพที่หนักกว่าภาคทัณฑ์ หมายเหตุ เงื่อนไขการลดระยะเวลาตามคุณสมบัติเฉพาะสำหรับวิทยฐานะ โดยต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติ ตามเงื่อนไขในข้อใดข้อหนึ่ง ดังนี้ (1) เป็นผู้มีความสามารถทางภาษาต่างประเทศ สูงกว่าระดับ B1 หรือสำหรับครูผู้สอน ในกลุ่ม สาระภาษาต่างประเทศ ต้องมีระดับผลการทดสอบความสามารถทางภาษา สูงกว่าระดับ B2 โดยให้เทียบ กับ เกณฑ์ผลการทดสอบ CEFR ทั้งนี้ ผลการทดสอบความสามารถทางภาษาต่างประเทศ ต้องมีอายุไม่ เกิน 2 ปี นับถึงวันที่ยื่นคำขอมีวิทยฐานะหรือเลื่อนวิทยฐานะ (2) เป็นผู้ปฏิบัติงานในสถานศึกษาในพื้นที่พิเศษซึ่งมีที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีความยากลำบาก โดยเป็น พื้นที่ ที่เป็นเกาะ หรือบนภูเขาสูง หรือหุบเขา หรือเชิงเขา ที่ไม่สามารถเดินทางด้วยพาหนะใด ๆ ได้ สะดวกตลอดปี หรือพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อความมั่นคงของประเทศ หรือเหตุอื่นตามที่ ก.ท. กำหนด โดย 30
ต้องปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่พิเศษ ไม่น้อยกว่า 3 ปี นับถึงวันที่ยื่นคำขอมีวิทยฐานะหรือเลื่อนวิทยฐานะ (กรณี (2) นี้ ไม่รวมถึงผู้ดำรงตำแหน่งศึกษานิเทศก์) (3) เป็นผู้พัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับคุณวุฒิที่สูงขึ้น ในแต่ละกรณีดังนี้ 1) กรณีผู้ดำรงตำแหน่งครู ได้รับคุณวุฒิที่สูงขึ้นในระดับปริญญาโท หรือปริญญาเอก ที่ เกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้ (ยกเว้นสาขาทางด้านการบริหารการศึกษา) 2) กรณีผู้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา ได้รับคุณวุฒิที่สูงขึ้นในระดับปริญญาเอก ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนรู้และการบริหารจัดการสถานศึกษา 3) กรณีผู้ดำรงตำแหน่งศึกษานิเทศก์ ได้รับคุณวุฒิที่สูงขึ้นในระดับปริญญาเอก ที่ เกี่ยวข้องกับ การจัดการเรียนรู้และการบริหารจัดการสถานศึกษา ทั้งนี้ คุณวุฒิที่จะนำมาใช้ในการขอมีวิทยฐานะหรือเลื่อนวิทยฐานะต้องเป็นคุณวุฒิที่ ก.ท. รับรอง และเป็นคุณวุฒิระดับสูงสุดของผู้ขอมีวิทยฐานะหรือเลื่อนวิทยฐานะเท่านั้น ไม่ให้นำคุณวุฒิระดับ เดียวกันมาใช้ซ้ำอีก (4) เป็นผู้ผ่านการประเมินสมรรถนะตามกรอบคุณวุฒิวิชาชีพชั้น 8 (กรอบคุณวุฒิแห่งชาติระดับ 8) ซึ่งได้รับการรับรองจากสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ และให้นำมาใช้ลดระยะเวลาได้เพียงครั้งเดียว (กรณี (4) นี้ ไม่รวมถึงผู้ดำรงตำแหน่งศึกษานิเทศก์) ทั้งนี้ ผู้มีคุณสมบัติในข้อ (1) -(4) ต้องมีผลการประเมินผลการปฏิบัติงานในระดับดีเด่น 4 รอบ การประเมินการเลื่อนเงินเดือนล่าสุดติดต่อกันก่อนยื่นคำขอมีวิทยฐานะหรือเลื่อนวิทยฐานะ โดยจะขอใช้ สิทธิตามเงื่อนไขดังกล่าวในการลดระยะเวลาในการดำรงตำแหน่งหรือการดำรงวิทยฐานะเพื่อให้มีวิทย ฐานะ หรือเลื่อนวิทยฐานะใดก็ได้ ทั้งนี้ ให้ผู้ขอและผอ.สถานศึกษาหรือผอ.ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก แล้วแต่กรณี เป็นผู้รับรองข้อมูล หลักฐาน และคุณสมบัติของผู้ขอ หากภายหลังตรวจสอบแล้วพบว่ามีคุณสมบัติ ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน ทั่วไปนี้ ให้ถือว่าเป็นผู้ขาดคุณสมบัติ 2. การประเมินผลงาน 2.1วิทยฐานะชำนาญการและชำนาญการพิเศษ ผู้ขอต้องผ่านการประเมิน ๒ ด้าน ดังนี้ 2.1.1 ผู้ดำรงตำแหน่งครู ด้านที่ ๑ ด้านทักษะการจัดการเรียนรู้และการจัดการชั้นเรียน พิจารณาจาก ๑. แผนการจัดการเรียนรู้ ตามที่ปรากฏในไฟล์วีดิทัศน์บันทึก การสอนในวิชา/สาขา/ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ซึ่งได้จัดทำขึ้นและนำไปใช้สอนจริงในช่วงที่ดำรงตำแหน่งครู หรือดำรงวิทย ฐานะครูชำนาญการ แล้วแต่กรณี ๒. ไฟล์วีดิทัศน์ จำนวน ๒ ไฟล์ ประกอบด้วย (๑) ไฟล์วีดิทัศน์บันทึกการสอนที่แสดงให้เห็นถึงระดับการปฏิบัติที่คาดหวัง ตาม มาตรฐานวิทยฐานะที่ขอรับการประเมิน ซึ่งสอดคล้องกับแผนการจัดการเรียนรู้ ตามข้อ ๑ โดยมี รูปแบบตามที่ ก.ท. กำหนด (๒) ไฟล์วีดิทัศน์ที่แสดงให้เห็นถึงสภาพปัญหา ที่มา หรือแรงบันดาลใจ ในการจัดการ เรียนรู้ตามข้อ ๑ โดยมีรูปแบบตามที่ ก.ท. กำหนด 31
ด้านที่ ๒ ด้านผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน พิจารณาจาก ผลงานหรือผลการปฏิบัติ ของผู้เรียนที่ปรากฏภายหลังจากการจัดการเรียนรู้และการจัดการชั้นเรียนตามไฟล์วีดิทัศน์บันทึก การสอน ที่เสนอไว้ในด้านที่ ๑ โดยให้นำเสนอในรูปแบบไฟล์ดิจิทัล เช่น ไฟล์วีดิทัศน์ ไฟล์ภาพ หรือไฟล์ PDF 2.1.2 ผู้ดำรงตำแหน่งศึกษานิเทศก์ ด้านที่ 1 ด้านทักษะการวางแผนพัฒนาการนิเทศการศึกษา กลยุทธ์ สื่อ นวัตกรรม หรือ เทคโนโลยีในการนิเทศการศึกษา หรือการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษา หรือหน่วยงาน การศึกษา พิจารณาจาก 1. รายงานผลการดำเนินการตามแผนพัฒนาการนิเทศการศึกษา กลยุทธ์ สื่อ นวัตกรรม หรือเทคโนโลยีในการนิเทศการศึกษา หรือการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาหรือหน่วยงาน การศึกษา ตามโครงการหรือกิจกรรมในแผนพัฒนาการนิเทศการศึกษา ในรูปแบบไฟล์ PDF ซึ่ง ได้พัฒนาขึ้นและนำไปใช้จริงในช่วงที่ดำรงตำแหน่งศึกษานิเทศก์ หรือดำรงวิทยฐานะ ศึกษานิเทศก์ชำนาญการ แล้วแต่กรณี 2. การนำเสนอการพัฒนาการนิเทศการศึกษา กลยุทธ์ สื่อ นวัตกรรม หรือเทคโนโลยี ในการนิเทศ การศึกษา หรือการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาหรือหน่วยงานการศึกษา ตามที่เสนอ ในข้อ 1 โดยแสดงให้เห็นถึงสภาพปัญหา ที่มา หรือแรงบันดาลใจ ระดับการปฏิบัติที่คาดหวัง ตามมาตรฐานวิทยฐานะที่ขอรับการประเมิน และผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งสะท้อนคุณภาพการจัดการ เรียนรู้หรือการจัดการศึกษาของผู้รับการนิเทศหรือการพัฒนาคุณภาพ สถานศึกษาหรือ หน่วยงานการศึกษาที่ส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียน ทั้งนี้ ให้นำเสนอเป็นไฟล์วีดิทัศน์ตามรูปแบบที่ ก.ท. กำหนด จำนวน 1 ไฟล์ ด้านที่ 2 ด้านผลลัพธ์ในการพัฒนาการนิเทศการศึกษา พิจารณาจาก ผลงาน หรือผลการ ปฏิบัติ ของผู้รับการนิเทศ ที่เสนอไว้ ในด้านที่ 1 โดยให้นำเสนอในรูปแบบไฟล์วีดิทัศน์ ตาม รูปแบบที่ ก.ท. กำหนด จำนวน 1 ไฟล์ 2.1.3 ผู้ดำรงตำแหน่งผอ.ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก รอง ผอ.สถานศึกษา ผอ.สถานศึกษา ด้านที่ 1 ด้านทักษะการวางแผนพัฒนาสถานศึกษา กลยุทธ์ การใช้เครื่องมือ หรือนวัตกรรม ทางการบริหาร พิจารณาจาก 1. รายงานผลการดำเนินการตามแผนพัฒนาสถานศึกษา กลยุทธ์ การใช้เครื่องมือ หรือ นวัตกรรมทางการบริหาร ตามโครงการหรือกิจกรรมในแผนพัฒนาสถานศึกษา ในรูปแบบไฟล์ PDF ซึ่งผู้ขอได้พัฒนาขึ้นและนำไปใช้จริงในช่วงที่ดำรงตำแหน่ง หรือดำรงวิทยฐานะ แล้วแต่ กรณี 2. การนำเสนอการพัฒนาสถานศึกษา กลยุทธ์ การใช้เครื่องมือหรือนวัตกรรม ทางการบริหาร ตามที่เสนอ ในข้อ 1 โดยแสดงให้เห็นถึงสภาพปัญหา ที่มา หรือแรงบันดาลใจ ระดับการปฏิบัติ ที่คาดหวังตามมาตรฐานวิทยฐานะที่ขอรับการประเมินและผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น ที่ส่งผลต่อคุณภาพ ผู้เรียน ครู และสถานศึกษา ทั้งนี้ ให้นำเสนอเป็นไฟล์วีดิทัศน์ตามรูปแบบที่ ก.ท. กำหนด จำนวน 1 ไฟล์ ด้านที่ 2 ด้านผลลัพธ์ในการพัฒนาการบริหารสถานศึกษา พิจารณาจาก ผลงาน หรือผลการ ปฏิบัติของครู หรือผลการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษา ที่มีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น หรือมี 32
การพัฒนามากขึ้น หรือเป็นต้นแบบ และส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียนตามที่เสนอไว้ในด้านที่ 1 โดย ให้นำเสนอในรูปแบบไฟล์วีดิทัศน์ ตามรูปแบบที่ ก.ท. กำหนด จำนวน 1 ไฟล์ 2.2 วิทยฐานะเชี่ยวชาญและเชี่ยวชาญพิเศษ ผู้ขอต้องผ่านการประเมิน ๓ ด้าน ดังนี้ 2.2.1 ผู้ดำรงตำแหน่งครู ด้านที่ ๑ ด้านทักษะการจัดการเรียนรู้และการจัดการชั้นเรียน (เช่นเดียวกันกับวิทยฐานะ ชำนาญการและชำนาญการพิเศษ) ด้านที่ 2 ด้านผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน (เช่นเดียวกันกับวิทยฐานะชำนาญการและชำนาญ การพิเศษ) ด้านที่ ๓ ด้านผลงานทางวิชาการ พิจารณาจาก ๑. วิทยฐานะครูเชี่ยวชาญ ต้องมีผลงานทางวิชาการ ซึ่งเป็นงานวิจัยเกี่ยวกับการจัดการ เรียนรู้ หรือนวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ ที่แสดงให้เห็นถึงระดับการปฏิบัติที่คาดหวัง ตาม มาตรฐานวิทยฐานะที่ขอรับการประเมิน จำนวน ๑ รายการ ในรูปแบบไฟล์ PDF ๒. วิทยฐานะครูเชี่ยวชาญพิเศษ ต้องมีผลงานทางวิชาการ ซึ่งเป็นงานวิจัยเกี่ยวกับ การ จัดการเรียนรู้ และนวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ ที่แสดงให้เห็นถึงระดับการปฏิบัติ ที่คาดหวัง ตาม มาตรฐานวิทยฐานะที่ขอรับการประเมิน จำนวนอย่างละ ๑ รายการ ในรูปแบบไฟล์PDF โดย งานวิจัยต้องได้รับการตีพิมพ์ เผยแพร่บทความวิจัย ในวารสารวิชาการที่อยู่ในฐานข้อมูลของศูนย์ ดัชนีการอ้างอิงวารสารไทย หรือ Thai-Journal Citation Index Centre (TCI) กลุ่ม ๑ หรือ กลุ่ม ๒ โดยให้ส่งบทความวิจัยที่ตีพิมพ์เผยแพร่ในรูปแบบไฟล์ PDF ด้วย ทั้งนี้ ผลงานทางวิชาการที่ผู้ขอเสนอ ต้องเป็นผลงานในช่วงที่ดำรงตำแหน่ง และวิทย ฐานะที่ดำรงอยู่ในช่วงระยะเวลาย้อนหลัง ๔ ปี หรือ ๓ ปี ตามเงื่อนไขการลดระยะเวลาในการ ดำรงวิทยฐานะ นับถึงวันที่ยื่นคำขอ และต้องไม่เป็นผลงานทางวิชาการที่ใช้เป็นส่วนหนึ่งของ การศึกษา เพื่อรับปริญญาหรือประกาศนียบัตรใดๆ หรือเป็นผลงานทางวิชาการที่เคยใช้ เพื่อ เลื่อนตำแหน่งหรือเพื่อให้มีวิทยฐานะหรือเลื่อนวิทยฐานะมาแล้ว 2.2.2 ผู้ดำรงตำแหน่งศึกษานิเทศก์ ด้านที่ 1 ด้านทักษะการวางแผนพัฒนาการนิเทศการศึกษา กลยุทธ์ สื่อ นวัตกรรม หรือ เทคโนโลยีในการนิเทศการศึกษา หรือการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษา หรือหน่วยการศึกษา (เช่นเดียวกันกับวิทยฐานะชำนาญการและชำนาญการพิเศษ) ด้านที่ ๒ ด้านผลลัพธ์ในการพัฒนาการนิเทศการศึกษา (เช่นเดียวกันกับวิทยฐานะชำนาญการ และชำนาญการพิเศษ) ด้านที่ 3 ด้านผลงานทางวิชาการ พิจารณาจาก 1) วิทยฐานะศึกษานิเทศก์เชี่ยวชาญ ต้องมีผลงานทางวิชาการ ซึ่งเป็นผลงาน วิจัย เกี่ยวกับการพัฒนาการนิเทศการศึกษา หรือนวัตกรรมทางการนิเทศการศึกษา ที่แสดงให้เห็นถึง ระดับการปฏิบัติที่คาดหวังตามมาตรฐานวิทยฐานะที่ขอรับ การประเมิน จำนวน 1 รายการ ใน รูปแบบไฟล์ PDF 2) วิทยฐานะศึกษานิเทศก์เชี่ยวชาญพิเศษ ต้องมีผลงานทางวิชาการซึ่งเป็นผลงาน วิจัย เกี่ยวกับการพัฒนาการนิเทศการศึกษา และนวัตกรรมทางการนิเทศการศึกษา ที่แสดงให้เห็นถึง ระดับการปฏิบัติที่คาดหวังตามมาตรฐานวิทยฐานะที่ขอรับ การประเมิน จำนวนอย่างละ 1 33
รายการ ในรูปแบบไฟล์ PDF โดยงานวิจัยต้องได้รับ การตีพิมพ์เผยแพร่บทความวิจัยใน วารสารวิชาการที่อยู่ในฐานข้อมูล ของศูนย์ดัชนีการอ้างอิงวารสารไทย หรือ Thai-Journal Citation Index Centre (TCI) กลุ่ม ๑ หรือ กลุ่ม ๒ โดยให้ส่งบทความวิจัยที่ตีพิมพ์เผยแพร่ใน รูปแบบไฟล์ PDF ด้วย ทั้งนี้ ผลงานทางวิชาการที่ผู้ขอเสนอ ต้องเป็นผลงานในช่วงที่ดำรงตำแหน่ง และวิทย ฐานะที่ดำรงอยู่ ในช่วงระยะเวลาย้อนหลัง 4 ปี หรือ 3 ปี ตามเงื่อนไขการลดระยะเวลาในการ ดำรงวิทยฐานะ นับถึงวันที่ยื่นคำขอและต้องไม่เป็นผลงานทางวิชาการที่ใช้เป็นส่วนหนึ่ง ของ การศึกษาเพื่อรับปริญญาหรือประกาศนียบัตรใด ๆ หรือเป็นผลงานทางวิชาการ ที่เคยใช้เพื่อ เลื่อนตำแหน่งหรือเพื่อให้มีวิทยฐานะ หรือเลื่อนวิทยฐานะมาแล้ว 2.2.3 ผู้ดำรงตำแหน่งผอ.ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก รอง ผอ.สถานศึกษา ผอ.สถานศึกษา ด้านที่ 1 ด้านทักษะการวางแผนพัฒนาสถานศึกษา กลยุทธ์ การใช้เครื่องมือหรือนวัตกรรม ทางการบริหาร (เช่นเดียวกันกับวิทยฐานะชำนาญการและชำนาญการพิเศษ) ด้านที 2 ด้านผลลัพธ์ในการพัฒนาการบริหารสถานศึกษา (เช่นเดียวกันกับวิทยฐานะชำนาญ การและชำนาญการพิเศษ) ด้านที่ 3 ด้านผลงานทางวิชาการ พิจารณาจาก 1. วิทยฐานะระดับเชี่ยวชาญ ต้องมีผลงานทางวิชาการ ซึ่งเป็นผลงานวิจัยเกี่ยวกับการ พัฒนาสถานศึกษา หรือนวัตกรรมทางการบริหารสถานศึกษา ที่แสดงให้เห็นถึงระดับการปฏิบัติ ที่คาดหวังตามมาตรฐานวิทยฐานะที่ขอรับ การประเมิน จำนวน 1 รายการ ในรูปแบบไฟล์ PDF 2. วิทยฐานะผู้อำนวนการเชี่ยวชาญพิเศษ ต้องมีผลงานทางวิชาการซึ่งเป็นผลงาน วิจัย เกี่ยวกับการพัฒนาสถานศึกษา และนวัตกรรมทางการบริหารสถานศึกษาที่แสดง ให้เห็นถึงระดับ การปฏิบัติที่คาดหวังตามมาตรฐานวิทยฐานะที่ขอรับการประเมิน จำนวนอย่างละ 1 รายการ ใน รูปแบบไฟล์ PDF โดยงานวิจัยต้องได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่บทความวิจัยในวารสารวิชาการที่อยู่ ในฐานข้อมูลของศูนย์ดัชนีการอ้างอิงวารสารไทย หรือ Thai-Journal Citation Index Centre (TCI) กลุ่ม 1 หรือ กลุ่ม ๒ โดยให้ส่งบทความวิจัยที่ตีพิมพ์เผยแพร่ในรูปแบบไฟล์PDF ด้วย ทั้งนี้ ผลงานทางวิชาการที่ผู้ขอเสนอ ต้องเป็นผลงานในช่วงที่ดำรงตำแหน่ง และวิทย ฐานะที่ดำรงอยู่ ในช่วงระยะเวลาย้อนหลัง 4 ปี หรือ 3 ปี ตามเงื่อนไขการลดระยะเวลาในการ ดำรงวิทยฐานะ นับถึงวันที่ยื่นคำขอ และต้องไม่เป็นผลงานทางวิชาการที่ใช้เป็นส่วนหนึ่ง ของ การศึกษาเพื่อรับปริญญาหรือประกาศนียบัตรใด ๆ หรือเป็นผลงานทางวิชาการ ที่เคยใช้เพื่อ เลื่อนตำแหน่งหรือเพื่อให้มีวิทยฐานะหรือเลื่อนวิทยฐานะมาแล้ว หมายเหตุ ผอ.ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และ รอง ผอ.สถานศึกษา ขอประเมินได้เฉพาะวิทย ฐานะเชี่ยวชาญ 3. คณะกรรมการประเมินผลงาน ให้นายก อปท. แต่งตั้งจากบัญชีรายชื่อผู้ทรงคุณวุฒิที่ ก.ท. กำหนด จำนวน ๓ คน ต่อผู้ขอ ๑ ราย ทั้งนี้ การกำหนดบัญชีรายชื่อผู้ทรงคุณวุฒิ และการแต่งตั้งคณะกรรมการประเมิน ให้ดำเนินการผ่านระบบ DPA ตามที่ ก.ท. กำหนด ดังนี้ 3.1 วิทยฐานะชำนาญการและชำนาญการพิเศษ 3.1.1 ผู้ดำรงตำแหน่งครูคณะกรรมการประเมินด้านที่ ๑ ด้านทักษะการจัดการเรียนรู้และการ จัดการชั้นเรียน และด้านที่ ๒ ด้านผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน 34
3.1.2 ผู้ดำรงตำแหน่งศึกษานิเทศก์คณะกรรมการประเมิน ด้านที่ ๑ ด้านทักษะการวางแผน พัฒนาการนิเทศการศึกษา กลยุทธ์ สื่อ นวัตกรรม หรือเทคโนโลยีในการนิเทศการศึกษา หรือ การพัฒนา คุณภาพสถานศึกษาหรือหน่วยการศึกษา และด้านที่ ๒ ด้านผลลัพธ์ในการพัฒนาการนิเทศการศึกษา 3.1.3 ผู้ดำรงตำแหน่งผอ.ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก รอง ผอ.สถานศึกษา ผอ.สถานศึกษา คณะกรรมการประเมินด้านที่ ๑ ด้านทักษะการวางแผนพัฒนาสถานศึกษา กลยุทธ์ การใช้เครื่องมือ หรือ นวัตกรรมทางการบริหาร และด้านที่ ๒ ด้านผลลัพธ์ ในการพัฒนาการบริหารสถานศึกษา 3.2 วิทยฐานะเชี่ยวชาญและเชี่ยวชาญพิเศษ 3.2.1 ผู้ดำรงตำแหน่งครู คณะกรรมการประเมินด้านที่ ๑ ด้านทักษะการจัดการเรียนรู้และ การจัดการชั้นเรียน ด้านที่ ๒ ด้านผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน และด้านที่ ๓ ด้านผลงาน ทางวิชาการ 3.2.2 ผู้ดำรงตำแหน่งศึกษานิเทศก์คณะกรรมการประเมิน ด้านที่ ๑ ด้านทักษะการวางแผน พัฒนาการนิเทศการศึกษา กลยุทธ์ สื่อ นวัตกรรม หรือเทคโนโลยีในการนิเทศการศึกษา หรือการพัฒนา คุณภาพสถานศึกษาหรือหน่วยการศึกษา ด้านที่ ๒ ด้านผลลัพธ์ ในการพัฒนาการนิเทศการศึกษา และ ด้านที่ ๓ ด้านผลงานทางวิชาการ 3.2.3 ผู้ดำรงตำแหน่งผอ.ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก รอง ผอ.สถานศึกษา ผอ.สถานศึกษา คณะกรรมการประเมินด้านที่ ๑ ด้านทักษะการวางแผนพัฒนาสถานศึกษา กลยุทธ์ การใช้เครื่องมือหรือ นวัตกรรมทางการบริหาร ด้านที่ ๒ ด้านผลลัพธ์ในการพัฒนา การบริหารสถานศึกษา และด้านที่ 3 ด้าน ผลงานทางวิชาการ หมายเหตุ ผอ.ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และรอง ผอ.สถานศึกษา เฉพาะวิทยฐานะเชี่ยวชาญ 4.เกณฑ์การตัดสินการประเมินผลงาน ผู้ดำรงตำแหน่ง ครู ศึกษานิเทศก์ ผอ.ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก รอง ผอ.สถานศึกษา และผอ.สถานศึกษา ใน ระดับต่างๆต้องได้รับคะแนนประเมิน ดังนี้ ชำนาญการ ด้านที่ ๑ และด้านที่ 2 ต้องได้คะแนน จากกรรมการแต่ละคน ไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๖๕ ชำนาญการพิเศษ ด้านที่ ๑ และด้านที่ 2 ต้องได้คะแนน จากกรรมการแต่ละคน ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 70 เชี่ยวชาญ ด้านที่ ๑ ด้านที่ ๒ และด้านที่ 3 ต้องได้คะแนนจากกรรมการแต่ละคน ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 75 เชี่ยวชาญพิเศษ ด้านที่ ๑ ด้านที่ ๒ และด้านที่ 3 ต้องได้คะแนนจากกรรมการแต่ละคน ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 หมายเหตุ ผอ.ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และ รอง ผอ.สถานศึกษา เกณฑ์การตัดสินการประเมินผล งานใช้ได้ ถึงวิทยฐานะเชี่ยวชาญ ๕. การพิจารณาให้ความเห็นชอบผลการประเมินผลงาน ก.ท.จ. เป็นผู้พิจารณา ให้ความเห็นชอบ ให้มี ผลไม่ก่อนวันที่ผอ.สถานศึกษาหรือผอ.ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก นำข้อมูลประกอบการประเมินครบถ้วนสมบูรณ์เข้าสู่ ระบบ DPA สำหรับกรณีสถานศึกษา ที่ไม่มีปัจจัยด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ให้ผอ.สถานศึกษาหรือผอ.ศูนย์พัฒนา เด็กเล็ก จัดส่งข้อมูลหลักฐานเกี่ยวกับการประเมินวิทยฐานะในรูปแบบไฟล์ดิจิทัล ให้หัวหน้าส่วนราชการด้าน การศึกษาตรวจสอบและรับรองคุณสมบัติ และนำข้อมูลเข้าสู่ระบบ DPA แทน โดยให้มีผลไม่ก่อนวันที่หัวหน้าส่วน ราชการด้านการศึกษานำข้อมูล เข้าสู่ระบบ DPA ทั้งนี้ เมื่อ ก.ท.จ. พิจารณาผลการประเมินผลงานและมีมติแล้ว ให้ถือเป็นอันสิ้นสุด 35
กรณีปรับปรุงผลงานด้านผลงานทางวิชาการ ให้มีผลไม่ก่อนวันที่สถานศึกษานั้นหรือสำนัก การศึกษา/ กองการศึกษา/ส่วนราชการด้านการศึกษา นั้น นำข้อมูลผลงานทางวิชาการที่ปรับปรุงครบถ้วน สมบูรณ์แล้ว เข้าสู่ระบบ DPA 6. วิธีการขอมีวิทยฐานะ วิทยฐานะชำนาญการและชำนาญการพิเศษ ผู้ดำรงตำแหน่งครู ศึกษานิเทศก์ ผอ.ศูนย์พัฒนา เด็กเล็ก รอง ผอ.สถานศึกษา และผอ.สถานศึกษา (๑) ผู้ที่มีคุณสมบัติตามที่ ก.ท.จ. และประสงค์จะขอมีวิทยฐานะ ให้ยื่นคำขอต่อสถานศึกษา หรือ ส่วนราชการ แล้วแต่กรณีได้ภาคเรียนละ ๑ ครั้ง เพื่อให้สถานศึกษา หรือส่วนราชการนำข้อมูลเข้าสู่ ระบบ DPA พร้อมหลักฐาน ดังนี้ ๑) ผลการพัฒนางานตามข้อตกลงในช่วงระยะเวลาย้อนหลัง ๓ รอบการประเมิน หรือ ๒ รอบการประเมิน หรือ ๑ รอบการประเมิน แล้วแต่กรณี ในรูปแบบไฟล์ PDF 2) แผนการจัดการเรียนรู้ที่ใช้จัดการเรียนรู้ฯ /รายงานผลตามแผนพัฒนาสถานศึกษา ฯ/รายงานผลตามแผนพัฒนาการนิเทศฯ แล้วแต่กรณี ในรูปแบบไฟล์ PDF จำนวน ๑ ไฟล์ ๓) ไฟล์วีดิทัศน์ จำนวน ๒ ไฟล์ ประกอบด้วย -ไฟล์วีดิทัศน์แผนการจัดการเรียนรู้ /รายงานผลการพัฒนาสถานศึกษาฯ/ การ พัฒนาการนิเทศ แล้วแต่กรณีที่เสนอในข้อ 2) จำนวน ๑ ไฟล์ -ไฟล์วีดิทัศน์ที่แสดงให้เห็นถึงสภาพปัญหา ฯ/ผลลัพธ์ในการพัฒนาสถานศึกษาฯ/การ พัฒนาคุณภาพของผู้รับการนิเทศ แล้วแต่กรณี ที่เสนอใน ๒) จำนวน ๑ ไฟล์ ๔) ผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน ซึ่งเป็นผลงานหรือผลการปฏิบัติของผู้เรียน ที่ปรากฏ ภายหลังจากการจัดการเรียนรู้และการจัดการชั้นเรียนตามไฟล์วีดิทัศน์บันทึกการสอน จำนวนไม่ เกิน ๓ ไฟล์ (กรณีผู้ดำรงตำแหน่งครู) ทั้งนี้ หากผู้ขอประสงค์จะยื่นคำขอครั้งใหม่ในวิทยฐานะเดิม จะต้องได้รับหนังสือแจ้งมติ ไม่เห็นชอบผลการประเมินผลงานที่ยื่นคำขอไว้เดิมก่อน (๒) ให้ผอ.สถานศึกษาหรือผอ.ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก หรือหัวหน้าส่วนราชการทางการศึกษา แล้วแต่ กรณีตรวจสอบและรับรองคุณสมบัติ รวมทั้งหลักฐานของผู้ขอตามที่กำหนดไว้ใน (1) ก่อนนำข้อมูลคำขอ พร้อมทั้งหลักฐานเข้าสู่ระบบ DPA เพื่อส่งข้อมูลต่อ เทศบาลโดยเร็วสำหรับสถานศึกษาที่ไม่มี ปัจจัยพื้นฐาน ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือมีเหตุผลความจำเป็นอื่นใดเป็นพิเศษ ให้ผอ.สถานศึกษา หรือผอ.ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก แล้วแต่กรณี จัดส่งคำขอและหลักฐาน เกี่ยวกับการประเมินวิทยฐานะ ใน รูปแบบไฟล์ดิจิทัล ให้หัวหน้าส่วนราชการด้านการศึกษาตรวจสอบ และรับรองคุณสมบัติให้ครบถ้วน ก่อน นำข้อมูลเข้าสู่ระบบ DPA แทนสถานศึกษาต่อไป (3) เมื่อหัวหน้าส่วนราชการด้านการศึกษาตรวจสอบแล้วปรากฏว่า ผู้ขอมีคุณสมบัติและส่ง หลักฐานครบถ้วน ให้เทศบาลส่งผ่านข้อมูลต่อสำนักงาน ก.ท.จ. เพื่อตรวจสอบและรับรองคุณสมบัติ รวมทั้งหลักฐานของผู้ขอตามที่กำหนดไว้ใน (๑) ผ่านระบบ DPA แต่หากตรวจสอบแล้วปรากฏว่า ผู้ขอ เป็นผู้ไม่มีคุณสมบัติ หรือข้อมูลคำขอและหลักฐานตามที่กำหนดไว้ใน (๑) ไม่ถูกต้อง หรือไม่ครบถ้วน ให้ ส่งเรื่องคืนพร้อมเหตุผลผ่านระบบ DPA ให้สถานศึกษาโดยเร็ว เพื่อแจ้งให้ผู้ขอทราบ (4) ให้สำนักงาน ก.ท.จ. เสนอให้ ก.ท.จ. พิจารณาให้เห็นชอบให้นายกแต่งตั้งคณะกรรมการ ประเมินผลงานด้านที่ ๑ และด้านที่ ๒ จากบัญชีรายชื่อผู้ทรงคุณวุฒิที่ ก.ท.จ. กำหนด จำนวน ๓ คน ต่อผู้ 36
ขอ ๑ ราย ทั้งนี้ ให้ดำเนินการโดยลับ สำหรับบัญชีรายชื่อผู้ทรงคุณวุฒิให้สำนักงาน ก.ท.จ.. นำเสนอ ก.ท.จ. พิจารณาเห็นชอบเพื่อประเมินผลงานดังกล่าวต่อไป (5) ให้สำนักงาน ก.ท.จ. ส่งข้อมูลของผู้ขอจากระบบ DPA ให้คณะกรรมการประเมินผลงานเพื่อ ประเมินผลงานต่อไป ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการประเมินให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว นับแต่วันที่ได้รับคำขอและ หลักฐานผ่านระบบ DPA ครบถ้วนสมบูรณ์ (6) เมื่อสำนักงาน ก.ท.จ. ได้รับผลการประเมินผลงานจากกรรมการทั้ง ๓ คน แล้ว ให้นำผลการ ประเมินเสนอ ก.ท.จ. พิจารณาให้ความเห็นชอบหรือไม่ให้ความเห็นชอบ ต่อไป จากนั้นให้สำนักงาน ก.ท.จ.แจ้งมติ ก.ท.จ. เป็นลายลักษณ์อักษรผ่านระบบ DPA ให้เทศบาล เพื่อแจ้งให้ผู้ขอทราบ (7) การแต่งตั้งให้มีวิทยฐานะ 1) กรณีวิทยฐานะชำนาญการ ให้นายกโดยความเห็นชอบ ของ ก.ท.จ. ออกคำสั่งแต่งตั้ง ให้ผู้ขอมีวิทยฐานะชำนาญการ และให้ได้รับเงินเดือนอันดับ คศ.๒ กรณีที่เงินเดือนถึงขั้นสูงของ อันดับ คศ.๒ แล้ว ให้ได้รับเงินเดือนสูงกว่าขั้นสูงของอันดับ คศ.๒ ๒) กรณีวิทยฐานะชำนาญการพิเศษ ให้นายกโดยความเห็นชอบ ของ ก.ท.จ. ออกคำสั่ง แต่งตั้งให้ผู้ขอเลื่อนเป็นวิทยฐานะชำนาญการพิเศษ และให้ได้รับเงินเดือนอันดับ คศ.๒ กรณีที่ เงินเดือนถึงขั้นสูงของอันดับ คศ.๓ แล้ว ให้ได้รับเงินเดือนสูงกว่าขั้นสูงของอันดับ คศ.๓ กรณีดำรงตำแหน่งหรือมาช่วยปฏิบัติราชการ ที่ใช้สิทธินับระยะเวลาทวีคูณ ตาม มาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับการนับระยะเวลาทวีคูณในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อประโยชน์ใน การแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสูงขึ้น เมื่อได้รับการแต่งตั้งให้มีวิทยฐานะหรือเลื่อนวิทยฐานะแล้ว หากจะย้าย หรือขอกลับต้นสังกัดหรือไปช่วยปฏิบัติราชการนอกเขตพื้นที่ จะต้องปฏิบัติหน้าที่อยู่ ในเขตพื้นที่ไม่น้อยกว่า ๓ ปี นับตั้งแต่วันแต่งตั้งให้มีวิทยฐานะหรือเลื่อนวิทยฐานะ เว้นแต่มี เหตุผลและความจำเป็นเป็นพิเศษ (8) การรายงานผลการแต่งตั้ง เมื่อนายกออกคำสั่งแต่งตั้งแล้ว ให้ส่งสำเนาคำสั่งผ่านระบบ DPA ให้สถานศึกษา สำนักงาน ก.ท.จ. และสำนักงาน ก.ท. ต่อไป (9) กรณีการขอมีวิทยฐานะชำนาญการหรือชำนาญการพิเศษสำหรับผู้ที่จะเกษียณอายุราชการ ให้ยื่นคำขอพร้อมหลักฐานตามที่กำหนดไว้ใน (1) ต่อสถานศึกษา หรือหัวหน้าส่วนราชการด้านการศึกษา เพื่อดำเนินการที่เกี่ยวข้องโดยให้ นำข้อมูลดังกล่าวเข้าสู่ระบบ DPA ภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ของปีที่ เกษียณอายุราชการ วิทยฐานะเชี่ยวชาญและเชี่ยวชาญพิเศษ (๑) ผู้ที่มีคุณสมบัติตามที่ ก.ท.จ. กำหนด และประสงค์จะขอมีวิทยฐานะ กรณีผู้ขอที่จะได้รับการ แต่งตั้งให้เลื่อนวิทยฐานะเชี่ยวชาญพิเศษ จะต้องเป็นผู้ผ่านการพัฒนาก่อนแต่งตั้งตามมาตรฐานทั่วไปที่ ก.ท. กำหนดด้วย ให้ยื่นคำขอต่อสถานศึกษา หรือส่วนราชการ แล้วแต่กรณีได้ภาคเรียนละ ๑ ครั้ง เพื่อให้สถานศึกษา หรือส่วนราชการนำข้อมูลเข้าสู่ระบบ DPA พร้อมหลักฐาน ดังนี้ ๑) ผลการพัฒนางานตามข้อตกลงในช่วงระยะเวลาย้อนหลัง ๓ รอบการประเมิน หรือ ๒ รอบการประเมิน แล้วแต่กรณี ในรูปแบบไฟล์ PDF 2) แผนการจัดการเรียนรู้ที่ใช้จัดการเรียนรู้ฯ /รายงานผลตามแผนพัฒนาสถานศึกษา ฯ/รายงานผลตามแผนพัฒนาการนิเทศฯ แล้วแต่กรณี ในรูปแบบไฟล์ PDF จำนวน ๑ ไฟล์ ๓) ไฟล์วีดิทัศน์ จำนวน ๒ ไฟล์ ประกอบด้วย 37
-ไฟล์วีดิทัศน์แผนการจัดการเรียนรู้ /รายงานผลการพัฒนาสถานศึกษาฯ/ การ พัฒนาการนิเทศ แล้วแต่กรณี ที่เสนอในข้อ 2) จำนวน ๑ ไฟล์ -ไฟล์วีดิทัศน์ที่แสดงให้เห็นถึงสภาพปัญหา ฯ/ผลลัพธ์ในการพัฒนาสถานศึกษาฯ/การ พัฒนาคุณภาพของผู้รับการนิเทศ แล้วแต่กรณี ที่เสนอใน ๒) จำนวน ๑ ไฟล์ ๔) ผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน ซึ่งเป็นผลงานหรือผลการปฏิบัติของผู้เรียน ที่ปรากฏ ภายหลังจากการจัดการเรียนรู้และการจัดการชั้นเรียนตามไฟล์วีดิทัศน์บันทึกการสอน จำนวนไม่ เกิน ๓ ไฟล์ (กรณีผู้ดำรงตำแหน่งครู) 5) ผลงานทางวิชาการตามที่ ก.ท. กำหนด ทั้งนี้ หากผู้ขอประสงค์จะยื่นคำขอครั้งใหม่ในวิทยฐานะเดิม จะต้องได้รับหนังสือแจ้ง มติไม่เห็นชอบผลการประเมินผลงานที่ยื่นคำขอไว้เดิมก่อน (๒) ให้ผอ.สถานศึกษาหรือผอ.ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก หรือหัวหน้าส่วนราชการทางการศึกษา แล้วแต่ กรณีตรวจสอบและรับรองคุณสมบัติ รวมทั้งหลักฐานของผู้ขอตามที่กำหนดไว้ใน (1) ก่อนนำข้อมูลคำขอ พร้อมทั้งหลักฐานเข้าสู่ระบบ DPA เพื่อส่งข้อมูลต่อ เทศบาลโดยเร็วสำหรับสถานศึกษาที่ไม่มี ปัจจัยพื้นฐาน ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือมีเหตุผลความจำเป็นอื่นใดเป็นพิเศษ ให้ผอ.สถานศึกษา หรือผอ.ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก แล้วแต่กรณี จัดส่งคำขอและหลักฐาน เกี่ยวกับการประเมินวิทยฐานะ ใน รูปแบบไฟล์ดิจิทัล ให้หัวหน้าส่วนราชการด้านการศึกษาตรวจสอบ และรับรองคุณสมบัติให้ครบถ้วน ก่อน นำข้อมูลเข้าสู่ระบบ DPA แทนสถานศึกษาต่อไป (3) ให้ผอ.สถานศึกษาหรือผอ.ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก หรือหัวหน้าส่วนราชการทางการศึกษา แล้วแต่ กรณีตรวจสอบและรับรองคุณสมบัติและหลักฐานตามที่กำหนดไว้ใน (๑) แล้วเสนอนายกเห็นชอบส่งผ่าน ข้อมูลพร้อมหลักฐานดังกล่าวในระบบ DPA ต่อสำนักงาน ก.ท.จ. เพื่อตรวจสอบและรับรอง แล้วส่งผ่าน ข้อมูลพร้อมทั้งหลักฐานในระบบ DPA ต่อสำนักงาน ก.ท. เพื่อดำเนินการต่อไป แต่หากตรวจสอบแล้ว ปรากฏว่าผู้ขอไม่มีคุณสมบัติ หรือข้อมูล ไม่ถูกต้อง หรือไม่ครบถ้วน ให้ส่งเรื่องคืนพร้อมเหตุผลผ่านระบบ DPA ให้สถานศึกษาโดยเร็วเพื่อแจ้งให้ผู้ขอทราบ (4) ให้สำนักงาน ก.ท. ตรวจสอบมีคุณสมบัติ รวมทั้งหลักฐานของผู้ขอตามที่กำหนดไว้ใน (๑) หากตรวจสอบแล้วปรากฏว่า หลักฐานตามที่กำหนดถูกต้องครบถ้วน ให้จัดส่งข้อมูลของผู้ขอจากระบบ DPA ให้คณะกรรมการประเมินผลงานจากบัญชีรายชื่อผู้ทรงคุณวุฒิ ที่ ก.ท. กำหนด เพื่อดำเนินการ ประเมินผลงานต่อไป กรณีที่ ตรวจสอบแล้วปรากฏว่า ไม่มีคุณสมบัติ หรือหลักฐาน ไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน ให้ส่ง เรื่องคืนพร้อมเหตุผลผ่านระบบ DPA ต่อสำนักงาน ก.ท.จ. โดยเร็ว เพื่อให้แจ้ง สถานศึกษา และผู้ขอ ทราบต่อไป (5) ให้สำนักงาน ก.ท. เสนอ ก.ท. พิจารณาเห็นชอบรายชื่อผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อเป็นคณะกรรมการ ประเมินผลงาน ในด้านที่ ๑ ด้านที่ ๒ และด้านที่ 3 และ แต่งตั้งคณะกรรมการประเมินผลงาน จากบัญชี รายชื่อที่ กำหนด จำนวน ๓ คน ต่อผู้ขอ ๑ ราย ทั้งนี้ ให้ดำเนินการผ่านระบบ DPA ตามที่ ก.ท. กำหนด และให้สำนักงาน ก.ท. ส่งข้อมูลของผู้ขอจากระบบ DPA ให้คณะกรรมการประเมินผลงานดำเนินการ ประเมินผลงาน ต่อไป (6) การประเมินผลงาน ด้านที่ 1 ด้านที่ 2 และด้านที่ 3 ให้ดำเนินการดังนี้ ๑) ให้คณะกรรมการ ดำเนินการประเมินให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว นับแต่วันที่สำนักงาน ก.ท. ส่งคำขอและหลักฐานของผู้ขอผ่านระบบ DPA ครบถ้วนสมบูรณ์ 38
๒) กรณีคณะกรรมการประเมินผลงานด้านที่ ๑ ด้านที่ ๒ และด้านที่ ๓ แล้วปรากฏผล การประเมินผ่านเกณฑ์ ให้สำนักงาน ก.ท. นำเสนอ ก.ท. พิจารณาให้ความเห็นชอบผลการ ประเมิน และแจ้งสำนักงาน ก.ท.จ. เป็นลายลักษณ์อักษรผ่านระบบ DPA จากนั้นให้สำนักงาน ก.ท.จ. นำเสนอ ก.ท.จ. พิจารณาให้ความเห็นชอบแต่งตั้งผู้ขอให้เลื่อนวิทยฐานะ 3) กรณีคณะกรรมการประเมินผลงานด้านที่ ๑ ด้านที่ ๒ แต่ด้านที่ 3 เห็นควรให้ ปรับปรุง ผลงานทางวิชาการ โดยมีผลการประเมินไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 คน ผ่านเกณฑ์ ให้สำนักงาน ก.ท. นำเสนอ ก.ท. พิจารณาให้ความเห็นชอบ ให้ปรับปรุงผลงาน แล้วให้แจ้ง สำนักงาน ก.ท.จ. แจ้งเทศบาลและผู้ขอดำเนินการปรับปรุงผลงาน ให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน นับแต่วันที่สำนักงาน ก.ท. แจ้งมติเป็นลายลักษณ์อักษรผ่านระบบ DPA เมื่อปรับปรุงผลงานแล้ว ให้ส่งผลงาน ในรูปแบบไฟล์ PDF ผ่านระบบ DPA ไปยังสำนักงาน ก.ท. เพื่อให้คณะกรรมการ ประเมินผลงานชุดเดิมประเมินต่อไป ทั้งนี้ หากกรรมการคนเดิมไม่สามารถประเมินได้ ให้สำนักงาน ก.ท. แต่งตั้งกรรมการประเมินผลงานคนอื่น จากบัญชีรายชื่อผู้ทรงคุณวุฒิที่แทนได้ ผ่านระบบ DPA และกรณีไม่ส่งผลงานที่ปรับปรุงภายในระยะเวลาที่กำหนด ให้ถือว่าสละสิทธิ์ เมื่อผลการประเมินผ่านเกณฑ์ และ ก.ท. เห็นชอบผลการประเมินแล้วให้แจ้งสำนักงาน ก.ท.จ. เป็นลายลักษณ์อักษรผ่านระบบ DPA จากนั้นให้ก.ท.จ. พิจารณาให้ความเห็นชอบผู้ขอให้ เลื่อนวิทยฐานะต่อไป 4) กรณีคณะกรรมการประเมินผลงานด้านที่ ๑ ด้านที่ ๒ และด้านที่ ๓ แล้ว ปรากฏผล การประเมินไม่ผ่านเกณฑ์ ให้ก.ท. พิจารณาให้ความเห็นชอบผลการประเมินไม่ผ่านเกณฑ์ และ แจ้งสำนักงาน ก.ท.จ. เป็นลายลักษณ์อักษรผ่านระบบ DPA จากนั้นให้สำนักงาน ก.ท.จ. นำเสนอ ก.ท.จ. เพื่อทราบ พร้อมแจ้งเทศบาลและผู้ขอทราบต่อไป 5) ในการประเมินผลงานด้านที่ ๑ ด้านที่ ๒ และด้านที่ ๓ ให้คณะกรรมการประเมินผล งานจัดส่งผลการประเมินผลงาน ตามแบบที่ ก.ท. กำหนด เข้าสู่ระบบ DPA ให้นำเสนอ ก.ท. พิจารณาต่อไป 6) เมื่อ ก.ท. ให้ความเห็นชอบผลการประเมินผ่านเกณฑ์แล้ว ให้เผยแพร่หลักฐาน ประกอบการประเมินผลงานด้านที่ ๑ ด้านที่ ๒ และด้านที่ ๓ ต่อสาธารณะได้ (7) การแต่งตั้งให้เลื่อนวิทยฐานะครูเชี่ยวชาญหรือวิทยฐานะครูเชี่ยวชาญพิเศษ ๑) กรณีวิทยฐานะเชี่ยวชาญ ให้นายกโดยความเห็นชอบ ของ ก.ท.จ. ออกคำสั่งแต่งตั้ง ผู้ขอให้เลื่อนวิทยฐานะเชี่ยวชาญ และให้ได้รับเงินเดือนอันดับ คศ.๔ กรณีที่เงินเดือนถึงขั้นสูงให้ ได้รับเงินเดือนสูงกว่าขั้นสูงของอันดับ คศ.๔ 2) กรณีวิทยฐานะเชี่ยวชาญพิเศษ ให้นายกเทศมนตรีโดยความเห็นชอบ ของ ก.ท.จ. ออกคำสั่งแต่งตั้งผู้ขอให้เลื่อนวิทยฐานะเชี่ยวชาญพิเศษ และให้ได้รับเงินเดือนอันดับ คศ.5 ได้ (8) การรายงานผลการแต่งตั้ง เมื่อนายกออกคำสั่งแต่งตั้งให้เลื่อนวิทยฐานะ แล้ว ให้เทศบาลส่ง สำเนาคำสั่งผ่านระบบ DPA ให้สถานศึกษา สำนักงาน ก.ท.จ. และสำนักงาน ก.ท. ต่อไป กรณีการขอมีวิทยฐานะชำนาญการหรือชำนาญการพิเศษสำหรับผู้ที่จะเกษียณอายุราชการ ให้ ยื่นคำขอพร้อมหลักฐานตามที่กำหนดไว้ใน (1) ต่อสถานศึกษา หรือหัวหน้าส่วนราชการด้านการศึกษา เพื่อดำเนินการที่เกี่ยวข้องโดยให้ นำข้อมูลดังกล่าวเข้าสู่ระบบ DPA ภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ของปีที่ เกษียณอายุราชการ 39
กรณีที่คณะกรรมการประเมินผลงาน เห็นว่าควรมีการปรับปรุงผลงาน ผู้ขอจะต้องเสนอผลงานที่ ได้ปรับปรุง ในรูปแบบไฟล์ PDFภายในวันที่ผู้ขอยังมีสถานภาพการเป็นพนักงานครูหรือบุคลากรทาง การศึกษา 7. การแต่งตั้งให้มีหรือเลื่อนวิทยฐานะสูงขึ้น ให้นายก อปท. โดยความเห็นชอบของ ก.ท.จ. แล้วแต่กรณี ออกคำสั่งแต่งตั้งข้าราชการหรือ พนักงานครูฯ ให้มีหรือเลื่อนวิทยฐานะสูงขึ้น มีผลไม่ก่อนวันที่สถานศึกษานั้น หรือสำนักการศึกษา/กองการศึกษา/ ส่วนราชการด้านการศึกษา นั้น นำข้อมูลเข้าสู่ระบบ DPA ครบถ้วนสมบูรณ์ หรือกรณีปรับปรุงผลงานด้านผลงาน ทางวิชาการ ให้มีผลไม่ก่อนวันที่สถานศึกษานั้นหรือสำนักการศึกษา/ กองการศึกษา/ส่วนราชการด้านการศึกษา นั้น นำข้อมูลผลงานทางวิชาการที่ปรับปรุงครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว เข้าสู่ระบบ DPA 8.การดำรงไว้ซึ่งตำแหน่งและวิทยฐานะที่ได้รับการแต่งตั้ง 1) ผู้ดำรงตำแหน่งครู ผู้บริหารสถานศึกษา และศึกษานิเทศก์ จะต้องจัดทำข้อตกลงในการ พัฒนางานและได้รับการประเมินผลการพัฒนางาน เป็นประจำทุกรอบการประเมิน โดยให้ถือว่าคณะกรรมการ ดังกล่าว เป็นคณะกรรมการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะ เพื่อดำรงไว้ซึ่งความรู้ ความสามารถ ความชำนาญการ หรือความเชี่ยวชาญในตำแหน่งและวิทยฐานะที่ได้รับการแต่งตั้งด้วย 2) ต้องได้คะแนนจากกรรมการแต่ละคนไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๗๐ ผู้ที่ผ่านการประเมิน การพัฒนา งานตามข้อตกลงในรอบการประเมินใด ให้ผู้บังคับบัญชาแจ้งให้ผู้นั้นทราบ และให้ถือว่าเป็นผู้ผ่านการประเมิน ตำแหน่งและวิทยฐานะ เพื่อดำรงไว้ซึ่ง ความรู้ ความสามารถ ความชำนาญการ หรือความเชี่ยวชาญในตำแหน่ง และวิทยฐานะที่ได้รับการแต่งตั้ง ในรอบการประเมินนั้น 3) ผู้ที่มีผลการประเมินการพัฒนางานตามข้อตกลงไม่ผ่านเกณฑ์ ในรอบการประเมินใด ให้ผู้บังคับบัญชาแจ้งให้ผู้นั้นทราบ และให้ถือว่าผู้นั้นเป็นผู้ที่ไม่ผ่านการประเมินตำแหน่ง และวิทยฐานะเพื่อดำรงไว้ ซึ่งความรู้ ความสามารถ ความชำนาญการหรือความเชี่ยวชาญในตำแหน่งและวิทยฐานะ ที่ได้รับการแต่งตั้งในรอบ การประเมินนั้น โดยให้มีการดำเนินการตามมาตรฐานทั่วไปที่ ก.ท. กำหนด ต่อไป 40
Flow chart ขั้นตอนการดำเนินการ ขอมีวิทยฐานะ *สำหรับผู้ที่จะเกษียณอายุราชการ ให้ยื่นคำขอพร้อมหลักฐานตามที่กำหนดไว้ ต่อสถานศึกษา หรือหัวหน้าส่วนราชการด้านการศึกษา เพื่อ ดำเนินการที่เกี่ยวข้องโดยให้ นำข้อมูลดังกล่าวเข้าสู่ระบบ DPA ภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ของปีที่เกษียณอายุราชการ ผู้มีคุณสมบัติ ยื่นคำขอต่อสถานศึกษา หรือส่วน ราชการ แล้วแต่กรณี ได้ภาคเรียนละ ๑ ครั้ง ผอ.สถานศึกษาหรือผอ.ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก หรือหัวหน้าส่วน ราชการทางการศึกษา ตรวจสอบและรับรองคุณสมบัติเสนอนายก เห็นชอบส่งผ่านข้อมูลฃในระบบ DPA ต่อสำนักงาน ก.ท.จ. เพื่อ ตรวจสอบและรับรอง กรณี ชช./ชชพ.ส่งผ่านข้อมูลพร้อมทั้งหลักฐานในระบบ DPA ต่อ สำนักงาน ก.ท. เพื่อดำเนินการต่อไป คุณสมบัติ ครบถ้วน คุณสมบัติ ไม่ครบ ส่งเรื่องคืนพร้อมเหตุผลผ่านระบบ DPA ให้ ต้นสังกัดและผู้ขอทราบ ก.ท.จ. ส่งข้อมูลของผู้ขอจากระบบ DPA ให้ คณะกรรมการประเมินผลงาน ให้ คณะกรรมการประเมินให้เสร็จโดยเร็วนับแต่ วันที่ได้รับคำขอและหลักฐานผ่านระบบ DPA ครบถ้วนสมบูรณ์ ก.ท. แต่งตั้งคณะกรรมการ ประเมินผลงาน จากบัญชีรายชื่อที่ กำหนด จำนวน ๓ คน ต่อผู้ขอ ๑ ราย ทั้งนี้ ให้ดำเนินการผ่าน ระบบ DPA ก.ท.จ. แต่งตั้งคณะกรรมการ ประเมินผลงานจากบัญชี รายชื่อที่กำหนด จำนวน ๓ คน ต่อผู้ขอ ๑ ราย จัดส่งข้อมูลของผู้ขอจากระบบ DPA ให้ คณะกรรมการประเมินผลงานจากบัญชีรายชื่อ ผู้ทรงคุณวุฒิ ที่ ก.ท. กำหนด ให้คณะกรรมการ ประเมินให้เสร็จโดยเร็วนับแต่วันที่ได้รับคำขอและ หลักฐานผ่านระบบ DPA ครบถ้วนสมบูรณ์ ก.จ.จ. ก.ท.จ. ก.อบต.จ. พิจารณาให้ความ เห็นชอบหรือไม่ให้ความเห็นชอบ ผลการ ประเมิน จากนั้นให้สำนักงาน ก.ท.จ. แจ้งมติ เป็นลายลักษณ์อักษรผ่านระบบ DPA ให้ เทศบาล เพื่อแจ้งให้ผู้ขอทราบ แต่งตั้งให้มีวิทยฐานะมีผลไม่ก่อนวันที่ สถานศึกษานั้น หรือสำนักการศึกษา/ ส่วนราชการด้านการศึกษานำข้อมูลเข้าสู่ ระบบ DPA ครบถ้วนสมบูรณ์ วิทยฐานะ ชช./ชชพ. วิทยฐานะ ชก./ชพ. การรายงานผลการแต่งตั้ง ให้ส่ง สำเนาคำสั่งผ่านระบบ DPAให้ต้น สังกัด สำนักงาน ก.ท.จ. และ สำนักงาน ก.ท. ต่อไป ก.ท. พิจารณาให้ความเห็นชอบผลการ ประเมิน และแจ้งสำนักงาน ก.ท.จ. เป็น ลายลักษณ์อักษรผ่านระบบ DPA ให้ ก.ท.จ. พิจารณาให้ความเห็นชอบแต่งตั้งผู้ ขอให้เลื่อนวิทยฐานะ ไม่ผ่าน ปรับปรุง ผ่าน ให้ ก.ท. แจ้งสำนักงาน ก.ท.จ. อปท.และผู้ขอ ปรับปรุง ผลงาน ให้เสร็จภายใน 6 เดือน นับแต่วันที่ แจ้งมติเป็นลาย ลักษณ์อักษรผ่านระบบ DPA เมื่อปรับปรุงผลงานแล้ว ให้ ส่งผลงาน ผ่านระบบ DPA ไป ก.ท. เพื่อให้คณะกรรมการ ประเมินผลงานประเมินต่อไป และกรณีไม่ส่งผลงานที่ ปรับปรุงภายในระยะเวลาที่กำหนด ให้ถือว่าสละสิทธิ์ เผยแพร่หลักฐานประกอบการ ประเมินผลงานด้านที่ ๑ ด้านที่ ๒ และด้านที่ ๓ ต่อสาธารณะ ก.ท. พิจารณาให้ความเห็นชอบไม่ผ่าน เกณฑ์การประเมิน และแจ้งสำนักงาน ก.ท.จ. เป็นลายลักษณ์อักษรผ่านระบบ DPA จากนั้น นำเสนอ ก.ท.จ. เพื่อทราบ พร้อมแจ้ง อปท. และผู้ขอทราบต่อไป 41
สรุปแผนผังขั้นตอนการด าเนินการประเมินเพื่อเลื่อนวิทยฐานะ ว.PA ผู้มีคุณสมบัติ ยื่นคำขอต่อสถานศึกษา หรือส่วน ราชการ แล้วแต่กรณี ได้ภาคเรียนละ ๑ ครั้ง ผอ.สถานศึกษาหรือผอ.ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก หรือหัวหน้าส่วน ราชการทางการศึกษา ตรวจสอบและรับรองคุณสมบัติเสนอ นายกเห็นชอบส่งผ่านข้อมูลฃในระบบ DPA ต่อสำนักงาน ก.ท.จ. เพื่อตรวจสอบและรับรอง กรณี ชช./ชชพ.ส่งผ่านข้อมูลพร้อมทั้งหลักฐานในระบบ DPA ต่อสำนักงาน ก.จ. ก.ท. ก.อบต. เพื่อดำเนินการต่อไป คุณสมบัติ ครบถ้วน คุณสมบัติไม่ ครบ ส่งเรื่องคืนพร้อมเหตุผลผ่านระบบ DPA ให้ ต้นสังกัดและผู้ขอทราบ ก.ท.จ. ส่งข้อมูลของผู้ขอจากระบบ DPA ให้คณะกรรมการประเมินผลงาน ให้ คณะกรรมการประเมินให้เสร็จโดยเร็วนับ แต่วันที่ได้รับคำขอและหลักฐานผ่านระบบ DPA ครบถ้วนสมบูรณ์ ก.ท. แต่งตั้งคณะกรรมการ ประเมินผลงาน จากบัญชี รายชื่อที่กำหนดจำนวน ๓ คน ต่อผู้ขอ ๑ ราย ทั้งนี้ ให้ ดำเนินการผ่านระบบ DPA ก.ท.จ. แต่งตั้ง คณะกรรมการประเมินผล งานจากบัญชีรายชื่อที่ กำหนด จำนวน ๓ คน ต่อผู้ ขอ ๑ ราย จัดส่งข้อมูลของผู้ขอจากระบบ DPA ให้ คณะกรรมการประเมินผลงานจากบัญชีรายชื่อ ผู้ทรงคุณวุฒิ ที่ ก.ท. กำหนด ให้ คณะกรรมการประเมินให้เสร็จโดยเร็วนับแต่ วันที่ได้รับคำขอและหลักฐานผ่านระบบ DPA ครบถ้วนสมบูรณ์ ก.ท.จ. พิจารณาให้ความเห็นชอบหรือไม่ให้ ความเห็นชอบ ผลการประเมิน จากนั้นให้ สำนักงาน กก.ท.จ. แจ้งมติ เป็นลายลักษณ์ อักษรผ่านระบบ DPA ให้เทศบาล เพื่อแจ้ง ให้ผู้ขอทราบ แต่งตั้งให้มีวิทยฐานะมีผลไม่ก่อนวันที่ สถานศึกษานั้น หรือสำนักการศึกษา/ ส่วนราชการด้านการศึกษานำข้อมูลเข้าสู่ ระบบ DPA ครบถ้วนสมบูรณ์ วิทยฐานะ ชช./ชชพ. วิทยฐานะ ชก./ชพ. การรายงานผลการแต่งตั้ง ให้ส่ง สำเนาคำสั่งผ่านระบบ DPAให้ ต้นสังกัด สำนักงาน ก.ท.จ. และ สำนักงาน ก.ท. ต่อไป ก.ท. พิจารณาให้ความเห็นชอบผล การประเมิน และแจ้งสำนักงาน ก.ท.จ. กเป็นลายลักษณ์อักษรผ่าน ระบบ DPA ให้ ก.ท.จ. พิจารณาให้ ความเห็นชอบแต่งตั้งผู้ขอให้เลื่อน วิทยฐานะ ไม่ผ่าน ปรับปรุง ผ่าน ให้ ก.ท. แจ้งสำนักงาน ก.ท.จ. อปท.และผู้ขอ ปรับปรุง ผลงาน ให้เสร็จภายใน 6 เดือน นับแต่วันที่ แจ้งมติเป็น ลายลักษณ์อักษรผ่านระบบ DPA เมื่อปรับปรุงผลงาน แล้ว ให้ส่งผลงาน ผ่านระบบ DPA ไป ก.ท. เพื่อให้ คณะกรรมการประเมินผลงานประเมินต่อไป และกรณีไม่ ส่งผลงานที่ปรับปรุงภายในระยะเวลาที่กำหนด ให้ถือว่า สละสิทธิ์ เผยแพร่หลักฐานประกอบการ ประเมินผลงานด้านที่ ๑ ด้านที่ ๒ และด้านที่ ๓ ต่อสาธารณะ ก.ท. พิจารณาให้ความเห็นชอบไม่ ผ่านเกณฑ์การประเมิน และแจ้ง สำนักงาน ก.ท.จ. เป็นลายลักษณ์ อักษรผ่านระบบ DPA จากนั้น นำเสนอ ก.ท.จ. เพื่อทราบ พร้อมแจ้ง อปท. และผู้ขอทราบต่อไป ผู้ดำรงตำแหน่งครู ผู้บริหารสถานศึกษา ศึกษานิเทศก์จัดทำข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA1) เสนอผู้บังคับบัญชาแล้วแต่กรณี ทุก ปีงบประมาณ นับตั้งแต่วันแรกของแต่ละ ปีงบประมาณ (1 ต.ค. - 30 ก.ย. ) หน่วยงานผู้รับผิดชอบเสนอนายกอปท. แต่งตั้งคณะกรรมการประเมินผลการ พัฒนาตามข้อตกลง จำนวน 3 คน - คณะกรรมการฯดำเนินการประเมินผลการพัฒนา ในแต่ละ รอบการประเมิน(ปีงบประมาณ) โดยต้องผ่านเกณฑ์ ร้อยละ 70 ตามแบบประเมิน(PA2)/ (PA3) -ให้ผู้ประเมินนำข้อมูลผลการประเมินเข้าระบบ DPA ทุกรอบ การประเมิน หน่วยงานที่รับผิดชอบตรวจสอบ คุณสมบัติ ของผู้ขอรับการประเมิน เพื่อขอให้มีวิทยฐานะที่สูงขึ้น คุณสมบัติยัง ไม่ครบตาม หลักเกณฑ์ ให้ อปท.นำผลการประเมินการพัฒนาตาม ข้อตกลงไปใช้ในการบริหารงานบุคคลดังนี้ 1.ใช้ขอรับการประเมินเพื่อให้มีวิทยฐานะที่ สูงขึ้น 2.ใช้เพื่อการดำรงไว้ซึ่งวิทยฐานะที่แต่งตั้ง 3.ใช้เป็นองค์ประกอบในการพิจารณาเพื่อ เลื่อนเงินเดือน คุณสมบัติครบ ตามหลักเกณฑ์ ผู้ดำรงตำแหน่งครู ผู้บริหารสถานศึกษา ศึกษานิเทศก์เสนอขอให้มีวิทยฐานะ ที่ สูงขึ้น และดำเนินการประเมิน ต่อไป ผู้ดำรงตำแหน่งครู ผู้บริหาร สถานศึกษา ศึกษานิเทศก์ เสนอขอให้มีวิทยฐานะ 42
ส่วนที่ 2 ระเบียบ กฎหมาย แนวทางปฏิบัติ 43
ประกาศคณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาล เรื่อง มาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับการประเมินต าแหน่งและวิทยฐานะพนักงานครูและบุคลากรทางการศึกษาเทศบาล พ.ศ. 2565 ------------------------------------------------ โดยที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ หมวด ๕ หน้าที่ของรัฐ มาตรา ๕๔ วรรคสี่ บัญญัติว่า “การศึกษาทั้งปวงต้องมุ่งพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนดี มีวินัย ภูมิใจในชาติ สามารถเชี่ยวชาญได้ ตามความถนัดของตนและมีความรับผิดชอบต่อครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติ” และหมวด ๑๖ การปฏิรูปประเทศ มาตรา ๒๕๘ จ. ด้านการศึกษา (๓) บัญญัติว่า “ให้มีกลไกและระบบการผลิต คัดกรอง และพัฒนาผู้ประกอบวิชาชีพครูและอาจารย์ให้ได้ผู้มีจิตวิญญาณของความเป็นครู มีความรู้ ความสามารถ อย่างแท้จริง ได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสมกับความสามารถและประสิทธิภาพในการสอน รวมทั้งมีกลไก สร้างระบบคุณธรรม ในการบริหารงานบุคคลของผู้ประกอบวิชาชีพครู” ดังนั้น เพื่อให้การประเมินวิทยฐานะของพนักงานครู และบุคลากรทางการศึกษาเทศบาล มีการบูรณาการ เชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบ มีสมรรถนะในการปฏิบัติราชการ ตามหน้าที่ความรับผิดชอบที่ส่งผลต่อผลลัพธ์ในการจัดการศึกษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล เป็นรูปธรรม และสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของกฎหมายและยุทธศาสตร์ที่ส าคัญของประเทศ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 24 วรรคเจ็ด ประกอบมาตรา 17 (5) แห่งพระราชบัญญัติ ระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 และข้อ 32 ของประกาศคณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบุคคล ส่วนท้องถิ่น เรื่อง ก าหนดมาตรฐานกลางการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น ลงวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2544 และข้อ 5 (4) ของประกาศคณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาลเรื่อง มาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับการคัดเลือก พ.ศ. 2560 ลงวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2560 ประกอบกับมติคณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาลในการประชุมครั้งที่ 7/2565 เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 เห็นชอบให้ก าหนดมาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับการประเมินต าแหน่งและวิทยฐานะ พนักงานครูและบุคลากรทางการศึกษาเทศบาล ดังนี้ ข้อ 1 ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาล เรื่อง มาตรฐานทั่วไป เกี่ยวกับการประเมินต าแหน่งและวิทยฐานะพนักงานครูและบุคลากรทางการศึกษาเทศบาล พ.ศ. 2565” ข้อ 2 ประกาศฉบับนี้ ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2565 เป็นต้นไป โดยให้พนักงานครู และบุคลากรทางการศึกษาเทศบาลผู้มีคุณสมบัติตามที่ก าหนดไว้ในข้อ 6 ข้อ 7 ข้อ 10 ข้อ 11 ข้อ 12 ข้อ 13 ข้อ 14 ข้อ 15 ข้อ 18 และข้อ 19 แล้วแต่กรณี สามารถยื่นค าขอรับการประเมินได้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖6 เป็นต้นไป ส าหรับการขอมีวิทยฐานะหรือขอเลื่อนวิทยฐานะตามมาตรฐานทั่วไปที่ ก.ท. ก าหนดไว้เดิม และมาตรฐานทั่วไปนี้ ในช่วงระยะเวลาเปลี่ยนผ่านให้ด าเนินการตามแนวปฏิบัติการด าเนินการขอมีวิทยฐานะ และขอเลื่อนวิทยฐานะ ในช่วงระยะเวลาเปลี่ยนผ่านตามที่ก าหนดไว้ในข้อ 22 ข้อ 3 ให้ยกเลิก 3.1 ประกาศคณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาล เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการประเมินผลงาน พนักงานครูและบุคลากรทางการศึกษาเทศบาลเพื่อให้มีหรือเลื่อนวิทยฐานะ ลงวันที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2550 3.2 ประกาศคณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาล เรื่อง มาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับ การประเมินผลงานพนักงานครูและบุคลากรทางการศึกษาเทศบาล ต าแหน่งครู เพื่อให้มีหรือเลื่อนวิทยฐานะสูงขึ้น พ.ศ. 2561 ลงวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 ทั้งนี้ นับตั้งแต่วันที่พ้นระยะเวลาการด าเนินการในช่วงระยะเวลาเปลี่ยนผ่าน ตามแนวปฏิบัติที่ก าหนดไว้ในข้อ ๒2 /หมวด ๑... 44
- 2 - หมวด ๑ การประเมินต าแหน่งและวิทยฐานะครู ข้อ 4 ในหมวด 1 นี้ “หัวหน้าส่วนราชการด้านการศึกษาเทศบาล” หมายความว่าผู้อ านวยการส านักการศึกษา ผู้อ านวยการกองการศึกษา หัวหน้าส่วนราชการที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลรับผิดชอบงานด้านการศึกษาเทศบาล “สถานศึกษา” หมายความว่า โรงเรียน ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก “ผู้เรียน” หมายความว่า นักเรียน นักศึกษา “รอบการประเมิน” หมายความว่า ช่วงระยะเวลาในการประเมินผลการพัฒนางาน ตามข้อตกลง ในแต่ละปีงบประมาณ ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม ถึงวันที่ 30 กันยายนของปีถัดไป โดยก าหนดให้มี การประเมินปีงบประมาณละ ๑ ครั้ง เมื่อสิ้นปีงบประมาณ “ผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน” หมายความว่า ความรู้ ทักษะ เจตคติ ความคิด พฤติกรรม หรือคุณลักษณะตามจุดประสงค์ของหลักสูตรที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีหรือมีพัฒนาการมากขึ้น เมื่อผู้เรียนได้รับประสบการณ์การเรียนรู้จากการลงมือปฏิบัติตามกระบวนการ หรือกิจกรรมที่ครูผู้สอนออกแบบ และด าเนินการ ซึ่งสามารถพิจารณาได้จาก “ผลงาน”(Product) หรือ “ผลการปฏิบัติ”(Performance)ของผู้เรียน ที่ปรากฏภายหลังการเรียนรู้ “ข้อตกลงในการพัฒนางาน” (Performance Agreement : PA) หมายความว่า ข้อตกลง ที่ผู้ด ารงต าแหน่งครูได้เสนอต่อผู้อ านวยการสถานศึกษาหรือผู้อ านวยการศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก แล้วแต่กรณี เพื่อแสดงเจตจ านงว่าภายในรอบการประเมินจะพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ ทักษะ คุณลักษณะประจ าวิชา คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และสมรรถนะที่ส าคัญตามหลักสูตรให้สูงขึ้น โดยสะท้อนให้เห็นถึงระดับการปฏิบัติที่คาดหวังของต าแหน่งและวิทยฐานะที่ด ารงอยู่ และสอดคล้องกับเป้าหมาย และบริบทของสถานศึกษา นโยบายของเทศบาล กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และกระทรวงมหาดไทย โดยผู้อ านวยการสถานศึกษาหรือผู้อ านวยการศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก แล้วแต่กรณี ได้เห็นชอบให้เป็นข้อตกลง ในการพัฒนางาน “ระบบการประเมินวิทยฐานะดิจิทัล” (DigitalPerformance Appraisal) เรียกโดยย่อว่า ระบบ DPA หมายความว่า ระบบการประเมินต าแหน่งและวิทยฐานะของข้าราชการหรือพนักงานครูและบุคลากร ทางการศึกษาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแบบออนไลน์ โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการส่งผ่าน จัดการ และประมวลผลข้อมูล การประเมินผลการปฏิบัติงานตามข้อตกลงในการพัฒนางาน รวมทั้งหลักฐาน ประกอบการพิจารณาเพื่อให้ข้าราชการหรือพนักงานครูและบุคลากรทางการศึกษาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีวิทยฐานะและเลื่อนวิทยฐานะ ข้อ 5 ข้อตกลงในการพัฒนางาน (Performance Agreement : PA) 5.1 ให้ผู้ด ารงต าแหน่งครู จัดท าข้อตกลงในการพัฒนางาน ตามแบบที่ ก.ท. ก าหนด แนบท้ายประกาศนี้ ทุกปีงบประมาณ นับตั้งแต่วันท าการแรกของแต่ละปีงบประมาณ โดยเสนอต่อ ผู้อ านวยการสถานศึกษา ส าหรับโรงเรียน หรือผู้อ านวยการศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ส าหรับศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ กรณีผู้อ านวยการสถานศึกษาหรือผู้อ านวยการศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก แล้วแต่กรณี ไม่สามารถเห็นชอบข้อตกลงในการพัฒนางานได้ไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆ ให้เสนอผู้อ านวยการส านักการศึกษา หรือผู้อ านวยการกองการศึกษา หรือหัวหน้าส่วนราชการด้านการศึกษาเทศบาลนั้น เป็นผู้พิจารณาให้ความเห็นชอบ กรณีมีเหตุผลความจ าเป็นไม่สามารถด าเนินการได้ ให้เสนอ ก.ท.จ. พิจารณาก าหนดผู้ให้ความเห็นชอบ ข้อตกลงตามความเหมาะสม /กรณี... 45
- 3 - กรณีที่ผู้ด ารงต าแหน่งครู ย้ายสถานศึกษาระหว่างปีงบประมาณ ให้จัดท าข้อตกลง ในการพัฒนางานกับผู้อ านวยการสถานศึกษาหรือผู้อ านวยการศูนย์พัฒนาเด็กเล็กต้นสังกัดใหม่ แล้วแต่กรณี ต่อเนื่องกัน ทั้งนี้ ให้ผู้อ านวยการสถานศึกษาหรือผู้อ านวยการศูนย์พัฒนาเด็กเล็กต้นสังกัดเดิม แล้วแต่กรณี ให้ความเห็นต่อผลการพิจารณางานตามข้อตกลงในการพัฒนางานที่จัดท าไว้เดิม แล้วจัดส่งให้ผู้อ านวยการสถานศึกษา หรือผู้อ านวยการศูนย์พัฒนาเด็กเล็กต้นสังกัดใหม่ แล้วแต่กรณี เพื่อประกอบการพิจารณาต่อไป กรณีผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งให้ด ารงต าแหน่งครู ระหว่างปีงบประมาณ ให้จัดท าข้อตกลง ในการพัฒนางานกับผู้อ านวยการสถานศึกษาหรือผู้อ านวยการศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก แล้วแต่กรณี นับตั้งแต่วันที่ ได้รับการแต่งตั้งให้ด ารงต าแหน่งครู จนถึงสิ้นปีงบประมาณ 5.2 องค์ประกอบข้อตกลงในการพัฒนางาน ประกอบด้วย ๒ ส่วน ดังนี้ ส่วนที่ ๑ ข้อตกลงในการพัฒนางานตามมาตรฐานก าหนดต าแหน่ง (๑) การปฏิบัติงานตามมาตรฐานก าหนดต าแหน่งครู และมีภาระงานตามที่ ก.ท. ก าหนด (๒) ผลการปฏิบัติงานด้านการจัดการเรียนรู้ด้านการส่งเสริมและสนับสนุน การจัดการเรียนรู้ และด้านการพัฒนาตนเองและวิชาชีพ ส่วนที่ ๒ ข้อตกลงในการพัฒนางานที่เสนอเป็นประเด็นท้าทายในการพัฒนา ผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน โดยผู้ด ารงต าแหน่งครูต้องแสดงให้เห็นถึงการปรับประยุกต์ แก้ไขปัญหา ริเริ่ม พัฒนา คิดค้น ปรับเปลี่ยน หรือสร้างการเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ ข้อตกลงในการพัฒนางานต้องมีความสอดคล้องกับ เป้าหมายและบริบทของสถานศึกษา นโยบายของเทศบาล กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และกระทรวงมหาดไทย 5.3 ให้นายกเทศมนตรีแต่งตั้งคณะกรรมการประเมินผลการพัฒนางานตามข้อตกลง จ านวน ๓ คน ประกอบด้วย (1) ผู้อ านวยการสถานศึกษานั้นหรือผู้อ านวยการศูนย์พัฒนาเด็กเล็กนั้น แล้วแต่กรณี เป็นประธานกรรมการ (๒) ผู้ที่ด ารงต าแหน่งหรือเคยด ารงต าแหน่งศึกษานิเทศก์ ที่มีวิทยฐานะไม่ต่ ากว่า ศึกษานิเทศก์ช านาญการพิเศษ หรือผู้ทรงคุณวุฒิในสถาบันอุดมศึกษาที่มีต าแหน่งไม่ต่ ากว่าผู้ช่วยศาสตราจารย์ หรือผู้ด ารงต าแหน่งครู จากสถานศึกษาอื่นที่มีวิทยฐานะไม่ต่ ากว่าครูช านาญการพิเศษ หรือผู้ทรงคุณวุฒิ นอกสถานศึกษานั้น ที่มีความรู้ ความสามารถเหมาะสม จ านวน ๒ คน เป็นกรรมการประเมิน ทั้งนี้ การแต่งตั้งคณะกรรมการประเมินผลการพัฒนางานตามข้อตกลงดังกล่าว อาจพิจารณาแต่งตั้ง ได้มากกว่า ๑ คณะ ตามความเหมาะสม โดยค านึงถึงวิชา/สาขา/กลุ่มสาระการเรียนรู้ จ านวนผู้ด ารงต าแหน่งครู และบริบทของสถานศึกษา กรณีผู้อ านวยการสถานศึกษานั้นไม่อาจประเมินผลการพัฒนางานตามข้อตกลง ของผู้ด ารงต าแหน่งครูด้วยเหตุใด ๆ ให้แต่งตั้งผู้อ านวยการสถานศึกษาใกล้เคียง หรือผู้อ านวยการส านักการศึกษา หรือผู้อ านวยการกองการศึกษา หรือหัวหน้าส่วนราชการด้านการศึกษาเทศบาลนั้น เป็นประธานกรรมการประเมินแทน กรณีผู้อ านวยการศูนย์พัฒนาเด็กเล็กนั้นไม่อาจประเมินผลการพัฒนางาน ตามข้อตกลงของผู้ด ารงต าแหน่งครูด้วยเหตุใด ๆ ให้แต่งตั้งผู้อ านวยการสถานศึกษา หรือผู้อ านวยการ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ใกล้เคียง หรือผู้อ านวยการส านักการศึกษา หรือผู้อ านวยการกองการศึกษา หรือหัวหน้าส่วนราชการ ด้านการศึกษาเทศบาลนั้น เป็นประธานกรรมการประเมินแทน /5.4 การประเมิน... 46
- 4 - 5.4 การประเมินผลการพัฒนางานตามข้อตกลง (๑) ให้คณะกรรมการประเมินผลการพัฒนางานตามข้อตกลงด าเนินการประเมิน ผลการพัฒนางานตามข้อตกลงของผู้ด ารงต าแหน่งครู ในแต่ละรอบการประเมิน โดยพิจารณาประเมินตามระดับ การปฏิบัติที่คาดหวังของต าแหน่งและวิทยฐานะตามแบบที่ ก.ท. ก าหนด แนบท้ายประกาศนี้ (๒) ให้ผู้อ านวยการสถานศึกษานั้นหรือผู้อ านวยการศูนย์พัฒนาเด็กเล็กนั้น แล้วแต่กรณี เป็นผู้รับผิดชอบระบบ DPA และน าข้อมูลผลการประเมินการพัฒนางานตามข้อตกลงในแต่ละรอบการประเมิน ของผู้ด ารงต าแหน่งครูแต่ละคน เข้าสู่ระบบดังกล่าว เป็นประจ าทุกรอบการประเมิน (๓) ผู้ด ารงต าแหน่งครูต้องมีภาระงานเป็นไปตามที่ ก.ท. ก าหนด และมีผลการประเมิน การพัฒนางานตามข้อตกลงผ่านเกณฑ์ โดยต้องได้คะแนนจากกรรมการแต่ละคน ไม่ต่ ากว่าร้อยละ ๗๐ 5.5 ให้เทศบาลน าผลการประเมินการพัฒนางานตามข้อตกลงไปใช้ในการบริหารงานบุคคล ของผู้ด ารงต าแหน่งครู ดังนี้ (๑) ใช้เป็นคุณสมบัติในการขอรับการประเมินเพื่อให้มีวิทยฐานะหรือเลื่อนวิทยฐานะ ตามที่ก าหนดไว้ในข้อ 6 ข้อ 7 และแนวปฏิบัติการด าเนินการขอมีวิทยฐานะและขอเลื่อนวิทยฐานะในช่วงระยะเวลา เปลี่ยนผ่าน ที่ก าหนดไว้ในข้อ 22 แล้วแต่กรณี (๒) ใช้เป็นผลการประเมินต าแหน่งและวิทยฐานะของผู้ด ารงต าแหน่งครู เพื่อด ารงไว้ซึ่ง ความรู้ ความสามารถ ความช านาญการ หรือความเชี่ยวชาญในต าแหน่งและวิทยฐานะที่ได้รับการแต่งตั้ง ตามที่ก าหนดไว้ ในหมวด 4 (๓) ใช้เป็นองค์ประกอบในการประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลการปฏิบัติงาน ในการพิจารณาเลื่อนเงินเดือน ข้อ 6 การประเมินวิทยฐานะครูช านาญการและวิทยฐานะครูช านาญการพิเศษ 6.1 ผู้ขอมีวิทยฐานะครูช านาญการหรือขอเลื่อนวิทยฐานะครูช านาญการพิเศษ ต้องมีคุณสมบัติ นับถึงวันที่ยื่นค าขอ ดังต่อไปนี้ (๑) การขอมีวิทยฐานะครูช านาญการ ต้องมีระยะเวลาการด ารงต าแหน่งครู มาแล้วไม่น้อยกว่า ๔ ปีติดต่อกัน หรือด ารงต าแหน่งอื่นที่ ก.ท. เทียบเท่า ส าหรับการขอเลื่อนวิทยฐานะครูช านาญการพิเศษ ต้องมีระยะเวลาการด ารงต าแหน่งครู วิทยฐานะครูช านาญการ มาแล้วไม่น้อยกว่า ๔ ปีติดต่อกัน หรือด ารงต าแหน่งอื่น ที่ ก.ท. เทียบเท่า (๒) มีการพัฒนางานตามข้อตกลงในต าแหน่งครู ส าหรับวิทยฐานะครูช านาญการ หรือในวิทยฐานะครูช านาญการ ส าหรับการขอเลื่อนวิทยฐานะครูช านาญการพิเศษ แล้วแต่กรณี ในช่วงระยะเวลา ย้อนหลัง ๓ รอบการประเมิน โดยในแต่ละรอบการประเมินต้องมีภาระงานเป็นไปตามที่ ก.ท. ก าหนด และมีผลการประเมินไม่ต่ ากว่าร้อยละ ๗๐ (๓) มีวินัย คุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพ โดยในช่วงระยะเวลา ย้อนหลัง ๔ ปี ต้องไม่เคยถูกลงโทษทางวินัยที่หนักกว่าโทษภาคทัณฑ์ หรือไม่เคยถูกวินิจฉัยชี้ขาด ทางจรรยาบรรณวิชาชีพที่หนักกว่าภาคทัณฑ์ หากปีใดผู้ด ารงต าแหน่งครูถูกลงโทษทางวินัยที่หนักกว่าโทษภาคทัณฑ์ หรือถูกวินิจฉัยชี้ขาดทางจรรยาบรรณวิชาชีพที่หนักกว่าภาคทัณฑ์ ไม่ให้น าระยะเวลาในปีนั้นมาใช้เป็นคุณสมบัติ ตามข้อนี้ กรณีผู้ขอมีคุณสมบัติเป็นไปตามเงื่อนไขการลดระยะเวลาในการด ารงต าแหน่ง หรือการด ารงวิทยฐานะของผู้ขอมีวิทยฐานะหรือขอเลื่อนวิทยฐานะตามที่ ก.ท. ก าหนด ให้ลดระยะเวลา ตาม (1) เหลือ ๓ ปีติดต่อกัน และมีการพัฒนางานตามข้อตกลง ตาม (๒) จ านวน ๒ รอบการประเมิน และลดช่วงระยะเวลา ตาม (๓) เหลือ ๓ ปี /ส าหรับ... 47