The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

รายงานการประเมินตนเองของสถานศึกษา (SAR) 2564

SAR2564ร.ร.บ้านโคกสะอาด

๑๐๑

4. ผลที่เกิดกับสถำนศึกษำ จำกกำรท่ีสถำนศึกษำมีแผนกลยุทธ์ในกำรพัฒนำ มีเป้ำหมำยมีทิศทำงใน
กำรดำงำนเพอ่ื พฒั นำสถำนศกึ ษำ นักเรียนมีกำรรว่ มกิจกรรม โครงกำรต่ำงๆ อย่ำงเปน็ รปู ธรรมซ่งึ นักเรียนและ
ครูมีส่วนร่วมในกำรปฏิบัติกิจกรรม ทำให้ผลกำรดำเนินงำนเป็นท่ียอมรับของผู้ปกครอง ชุมชน ท้องถ่ิน
นอกจำกกกน้ันสถำนศึกษำยังได้รับกำรยอมของผู้ปกครองและชุมชนในด้ำนกำรดูแลเอำใจใส่ของ ครูท่ีมีต่อ
นักเรียน ในด้ำนกำรจัดกิจกรรมกำรเรียนกำรสอน กำรดูแลพฤติกรรม คุณลักษณะอันพึงประสงค์
กริ ยิ ำมำรยำท ควำมรบั ผดิ ชอบ ควำมมีระเบยี บวนิ ยั รวมถงึ กำรอย่รู ่วมกบั สงั คม

5. ผลท่ีเกิดกับชุมชน สถำนศึกษำมีส่วนร่มกับชุมชน ในกิจกรรมต่ำงๆ ตลอดปีกำรศึกษำ โดยเฉพำะ
กิจกรรมเกี่ยวกับวัฒนธรรม ประเพณี และพิธีกรรมทำงศำสนำ เช่นประเพณีลอยกระทง ประเพณีเข้ำพรรษำ
ประเพณสี งกำรณ์ กำรทอดกฐนิ เป็นต้น ตลอดจนกิจกรรมวนั สำคญั ได้แก่ กิจกรรมวนั แม่ กิจกรรมสง่ เสริมภูมิ
ปัญญำท้องถ่ิน จนทำให้เกิดควำมร่วมมือ ควำมเข้ำใจท่ีดีต่อกัน เกิดควำมภำคภูมิใจในโรงเรียนและท้องถ่ิน
นอกจำกน้ีโรงเรยี นยังได้จัดกิจกรรมกำรประชุมผู้ปกครอง ประชุมคณะกรรมกำรกำรศึกษำข้ันพ้ืนฐำนในแต่ละ
ภำคเรียนเพ่ือช้ีแจงนโยบำยของโรงเรียนและเพ่ือหำแนวทำงในกำรร่วมพัฒนำโรงเรียนทั้งอำคำรสถำนท่ีและ
พัฒนำทำงวิชำกำรใหเ้ ปน็ ไปในทศิ ทำงเดยี วกัน
การเผยแพร่/ประชาสมง พนง ธ/์ นน่ัยงานทมี่ าศึกษาดูงาน

เผยแพร่ประชำสัมพันธ์ให้โรงเรียนในกลุ่มเครือข่ำย โรงเรียนใกล้บ้ำน อัดวีดีโอลงกลุ่ม On LIne
และ YouTube .ใหผ้ ู้ปกครองและชมุ ชนทรำบ

๑๐๒

ตงัอย่างอาพกจิ กรรม (อย่างน้อย 4 อาพกจิ กรรม)

๑๐๓

แบบรายงานัธิ ีปฏิบตง ทิ ่เี ปน็ เหศิ ( Best Practice)

ช่อื ผหงาน ประดษิ ฐ์ของใช้จำกขวดน้ำ
ชื่อผู้รงบผิดชอบ นำงสำวเพญ็ พกั ตร์ วชั โรสินธ์ุ และนำงจอมศรี มะลติ ้น
ชอื่ สถานศึกษา โรงเรยี นบำ้ นโคกสะอำด
นนั่ ยงาน สำนกั งำนเขตพ้ืนท่ีกำรศึกษำประถมศึกษำอดุ รธำนี เขต ๒
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
คัามเปน็ มา

ในปัจจุบันมีกำรใช้น้ำด่ืมที่บรรจุใสข่ วดเพื่อให้บริโภคได้ง่ำย มีโรงงำนผลิตน้ำเยอะมำกในปัจจุบัน เมื่อ
นักเรยี นบริโภคนำ้ หมดขวดก็นำขวดที่บรรจุนำ้ มำทิง้ ทัง้ ๆท่ขี วดนำ้ น้ันสำมำรถนำกลบั มำใชป้ ระโยชนไ์ ดแ้ ต่ผู้คน
สว่ นมำกมกั มองข้ำมควำมสำคญั ขอ้ นีจ้ งึ นำขวดนำ้ มำทิง้ ทำใหเ้ กดิ ปัญหำมลภำวะ ทำให้ทศั นยี ภำพของโรงเรียน
หรอื ชุมชนไม่สวยงำม เกดิ เป็นภำระของคนในชุมชนและเทศบำลท่ตี ้องมำเก็บขยะ

ดงั นั้น แนวทำงหน่งึ ในกำรลดปัญหำและเพ่ือให้บริเวณโรงเรยี นสะอำด คือกำรลดปริมำณขยะมูลฝอย
หรือขวดใหเ้ หลอื ไปสกู่ ำรกำจัดน้อยท่สี ดุ และสร้ำงจติ สำนึกใหน้ ักเรยี นเข้ำมำมีส่วนรว่ มในกจิ กรรมนี้
ัตง ถุประสงค์

๑.เพื่อประดษิ ฐข์ องใชจ้ ำกขวดนำ้
1.เพอ่ื นำขวดนำ้ ทเ่ี หลือใช้มำใช้ใหเ้ กดิ ประโยชนม์ ำกทส่ี ดุ
2.เพอื่ ฝึกสมำธิและควำมคิดสรำ้ งสรรค์
เป้านมาย
๑. กำรนำสิ่งประดษิ ฐจ์ ำกขวดนำ้ ทีไ่ ดน้ ำมำใช้ให้เกิดประโยชนท์ ี่สุด
๒. นำเสนอให้บคุ คลทมี่ คี วำมสนใจในส่ิงประดษิ ฐ์จำกของทเ่ี หลอื ใชน้ ำไปต่อยอด
กระบันการ/ัิธกี ารดาเนินงาน (หาดงบขง้นตอนการดาเนินกิจกรรม flow chart/แผนอมู ิ)
ขงน้ ที่ 1 ขน้ง เตรียมการ

1. ใหเ้ ด็กขวดน้ำมำคนละ1 ขวด
2. นำขวดน้ำไปทำควำมสะอำด
3. นำขวดมำตัดเปน็ รูปต่ำงๆตำมตอ้ งกำร
4. นำมำปะตดิ ดว้ ยกระดำษสีใหส้ วยงำม
5. นำไปผึง่ แดดใหแ้ หง้ นำมำโชวผ์ ลงำนแตล่ ะคน

๑๐๔

ขนง้ ที่ 2 ขง้นดาเนนิ การ
1. จดั เตรียมวัสดุอุปกรณ์
2. ออกแบบและวำดโครงสรำ้ งของขวดท่ีจะนำมำประดษิ ฐ์
3. ตดั ขวดพลำสตกิ ใหต้ รงตำมรปู แบบโคมไฟท่ีจะสำน
4. นำตอกไผ่ท่ียอ้ มสีแลว้ มำสำนตำมรูปแบบท่ีตั้งไว้
5. กำรตดิ ตั้งหลอดไฟและตรวจเชค็ ควำมปลอดภยั
6. ตรวจสอบควำมเรียบรอ้ ยอีกคร้ังเป็นอนั เสรจ็ ส้นิ ของกำรประดิษฐ์

ขนง้ ที่ 3 ข้งนประเมินผห
1. สรุปผลกำรปฏบิ ตั ิงำน
2. ส่งรำยงำนสรปุ ผลกำรดำเนนิ งำน

รูปแบบ/เทคนคิ ท่ที าใน้เกดิ คัามสาเร็จ
ครูให้เด็กนำขวดน้ำด่ืมมำจำกบ้ำนคนละในท้องถ่ินและคิดรูปแบบกำรทำส่ิงประดิษฐ์โดยให้เด็กแสดง

ควำมคดิ เหน็ รว่ มกับครู หลังจำกนัน้ ให้เด็กลงมอื ปฏิบตั ติ ำมขนั้ ตอนทก่ี ำหนดไว้ เด็กทุกคนให้ควำมร่วมมือเป็น
อยำ่ งดีและใหเ้ ดก็ ๆทกุ คนนำผลงำนมำแสดงและนำเสนอผลงำนของตนเองเปน็ รำยคน
เชงิ ปริมาณ นักเรยี นโรงเรียนบ้ำนโคกสะอำดร้อยละ 100 เข้ำรว่ มกจิ กรรม

เชิงคุณอาพ
1. นักเรียนมจี ิตสำนึกในกำรรกั ษำทรัพยำกรธรรมชำตแิ ละสิ่งแวดลอ้ มรอ้ ยละ 95
2. นักเรียนมีควำมรเู้ ก่ียวกบั กำรคัดแยกขยะและนำมำรถประดษิ ฐไ์ ปใชป้ ระโยชน์มำกข้นึ รอ้ ยละ 95
3. โรงเรียนสะอำดรม่ ร่ืนมีสิ่งแวดล้อมทด่ี ีร้อยละ 90
การเผยแพร/่ ประชาสงมพงนธ์/นน่ัยงานที่มาศกึ ษาดงู าน
เผยแพร่ประชำสัมพันธ์ให้โรงเรียนในกลุ่มเครือข่ำย โรงเรียนใกล้บ้ำน อัดวีดีโอลงกลุ่ม LIne และ
You Tube .ใหผ้ ปู้ กครองและชมุ ชนทรำบ

๑๐๕

ตงัอย่างอาพกจิ กรรม (อย่างน้อย 4 อาพกจิ กรรม)

๑๐๖

แบบรายงานัิธีปฏิบงตทิ เ่ี ปน็ เหิศ ( Best Practice)

ช่อื ผหงาน กำรใช้ PLC ขบั เคลื่อนคุณภำพกำรศึกษำผ่ำนกำรวิจยั ในช้ันเรียน
ชอ่ื ผ้รู งบผดิ ชอบ นำงประภำ ผำอำจ
ชอื่ สถานศึกษา โรงเรยี นบ้ำนโคกสะอำด
นนั่ ยงาน สำนักงำนเขตพ้นื ท่ีกำรศึกษำประถมศึกษำอุดรธำนี เขต ๒
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
คัามเปน็ มา

สภำพปัญหำทเี่ กิดข้นึ ในห้องเรยี น คอื ปรำกฏกำรณห์ รือส่ิงต่ำง ๆ ที่เกดิ ข้ึนในห้องเรียน หรือส่งิ ท่ีเกิด
กับผ้เู รยี นซึง่ เปน็ ปญั หำทสี่ ง่ ผลให้กำรเรยี นกำรสอนไม่บรรลเุ ป้ำหมำยตำมที่กำหนด สิ่งทส่ี ังเกตเหน็ ดังกลำ่ ว
จะนำไปสู่กำรกำหนดข้อสงสัยว่ำ “จะมอี ะไรเกิดข้นึ ” “สิ่งนั้นก่อใหเ้ กดิ ปญั หำอย่ำงไร” ทำไมจงึ เป็นเช่นนั้น”
“ทำไมจงึ ไม่เป็นไปตำมท่ีควรจะเปน็ ” ขอ้ สงสัยทกี่ ำหนดในลกั ษณะคำถำมท่ีกว้ำงนี้ทำให้ครูเกิดควำมสนใจท่จี ะ
คน้ หำคำตอบและทำกำรศึกษำเพอ่ื ให้ตนเองมีควำมเข้ำใจส่ิงต่ำง ๆที่เกิดข้นึ

กำรวิเครำะห์สภำพปญั หำในหอ้ งเรียนจึงเป็นขน้ั ตอนสำคัญท่ีครแู ตล่ ะคนต้องทำกำรสำรวจหรอื ศึกษำ
ว่ำมอี ะไรเกิดข้นึ ในห้องเรยี นส่ิงนน้ั เป็นปัญหำหรอื ไม่ และหำกสภำพท่เี กดิ ขึน้ ในหอ้ งเรยี นแสดงถึงปัญหำ
หลำยประกำรที่ต้องกำรแก้ไขครกู จ็ ำเป็นต้องจัดลำดบั ควำมสำคัญก่อนหลงั ของปัญหำเหล่ำนนั้ สภำพปัญหำท่ี
เกิดขน้ึ บำงครง้ั ครูคนเดยี วก็แก้ไขไม่ได้ต้องอำศยั เพอ่ื นครูคนอนื่ หรอื ผูเ้ กย่ี วข้อง หรอื นกั วชิ ำกำรภำยนอกมำ
รว่ มกนั วำงแผนกำรแก้ไขปญั หำ ดงั น้ันครกู ต็ ้องระดมควำมคิดจำกเพอ่ื นครูในกลุ่มสำระเดียวกันหรอื สำยชน้ั ใน
รูปแบบของ PLC เพ่ือกำรวิจยั ทีเ่ หมำะสมสำหรับกรณีหรือปญั หำ กจ็ ะเป็นกำรวิจยั ปฏบิ ตั กิ ำรรว่ มมือ
ังตถปุ ระสงค์

๑. เพื่อพัฒนำผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรยี นใหส้ ูงขึ้น
๒. เพอื่ พฒั นำกำรจดั กำรเรยี นรใู้ หเ้ หมำะสมกับผู้เรียน
เปา้ นมาย
๑. ผู้เรยี นมผี ลสมั ฤทธทิ์ ำงกำรเรยี นระดับคณุ ภำพดี ขึ้นไปทกุ กลุ่มสำระกำรเรียนรู้

กระบันการ/ัิธกี ารดาเนนิ งาน (หาดงบขงน้ ตอนการดาเนนิ กจิ กรรม flow chart/แผนอมู ิ)

๑๐๗

ขน้ง ตอนการัิจงยในชง้นเรียนเพอื่ พงฒนาการเรียนรู้
1. ัเิ คราะนส์ อาพปัจจุบงน ปั้นาแหะคัามต้องการ

2. ัางแผนการจดง การเรียนรู้ ผ่านการัางแผนแหะการจงดการเรยี นรู้เชิงรกุ (Active Learning)
3. จดง กิจกรรมการเรียนรู้ พบปั้นา/พงฒนา

4. ประเมินผหการเรยี นรู้ 1. ัเิ คราะน์
ปั้นา/การ
ซม่มปี ั้นา พงฒนา
5. รายงานผหการเรียนรู้
2. ัางแผนการแกป้ ั้นา/การ
พงฒนา

3. จดง กจิ กรรมแก้ปั้นา/การ
พฒง นา

4. เก็บรับรัมข้อมหู /ัิเคราะน์ข้อมูห

5. สรุปการแกป้ ้ั นา/การพฒง นา

๑๐๘

กระบันการัิเคราะน์ปั้นาเพอ่ื การัิจยง ในช้งนเรียน
ผ่านชมุ ชนแนง่ การเรียนรู้ทางัิชาชีพครู (Professional Learning Community : PLC)

ปญั หำทเี่ กดิ จำกกระบวนกำรเรยี นรู้ นักเรียนขำดทักษะกำรคดิ คำนวณ ไม่สำมำรถแก้
สำเหตุของปัญหำ โจทย์ปัญหำ เรอ่ื ง กำรหำรทศนิยมดว้ ยทศนิยมได้

1. ครไู มส่ ำมำรถเช่อื มโยงสำระกำรเรียนรู้เหตุกำรณ์
และสงิ่ แวดลอ้ มรอบตวั เพื่อนำไปใชใ้ นชวี ิตจริงได้
2. ครูไมส่ ง่ เสรมิ ใหน้ ักเรยี นมีส่วนรว่ มในกำรเรียนรู้
ร่วมกบั ผอู้ ่นื
3. ครูเน้นกำรเรยี นรูด้ ้ำนเนื้อหำมำกกวำ่ กระบวนกำร

แนวทำงเลอื กในกำรแกป้ ัญหำ 1. พฒั นำกำรเรียนรขู้ องนักเรียนโดยใชแ้ บบฝกึ กำรแก้
เลอื กทเี่ หมำะที่สุด โจทย์ปัญหำ
2. พัฒนำรปู แบบกำรสอนแบบร่วมมอื กนั เรยี นร้โู ดย
ใช้ปญั หำเปน็ ฐำน
3. ครูผู้สอนปรับเปลยี่ นวิธีกำรสอนจำกกำรเน้นให้
นักเรียนทอ่ งจำ เป็นกำรใช้คำถำมใหน้ ักเรยี นคิด

คอื กำรพัฒนำรปู แบบกำรสอนแบบรว่ มมือกันเรียนรู้
โดยใช้ปัญหำเปน็ ฐำน เหตผุ ลที่เลอื ก เป็นกำรจัดกำร
เรียนร้ทู ที่ ำให้นกั เรียนทำงำนเปน็ กล่มุ เดก็ เกง่
ช่วยเหลือแนะนำ เด็กออ่ นในกำรทำกจิ กรรรมและ
พัฒนำทักษะกำรคิดแกป้ ัญหำไปพร้อม ๆ กนั

กำรนำทำงเลือกไปใช้ กำรพัฒนำกจิ กรรมกำรเรยี นรู้กำรแกโ้ จทยป์ ัญหำ
เพ่ือกำรแกป้ ัญหำ คณิตศำสตร์ด้วยกำรสอนแบบร่วมมือโดยใช้ปัญหำ
เปน็ ฐำน

๑๐๙

รูปแบบ/เทคนคิ ท่ที าในเ้ กดิ คัามสาเรจ็

กระบันการัเิ คราะน์ปั้นาเพือ่ การัจิ ยง ของโรงเรียน

ผา่ นชุมชนแนง่ การเรยี นรทู้ างัชิ าชีพครู (Professional Learning Community : PLC)

นักเรียนมีผลสมั ฤทธ์ทิ ำงกำรเรยี นในทกุ กลุ่มสำระกำร

ปญั หำทีพ่ บ เรียนร้อู ยใู่ นระดับทไี่ มน่ ำ่ พอใจ นกั เรยี นท่ีเปน็ ปญั หำ

ไมไ่ ดร้ ับกำรแกไ้ ขผ่ำนกำรวิจัยในชัน้ เรียน

สำเหตุของปัญหำ 1. ครไู มเ่ ขำ้ ใจกระบวนกำรกำรแก้ไขปัญหำกำรเรียนรู้
ของนักเรยี นผ่ำนกำรวิจัยในชั้นเรยี น
2. ครูยงั ไม่ไดร้ บั กำรพฒั นำให้มสี มรรถนะกำร
ปฏบิ ตั กิ ำรวจิ ัยในช้ันเรียน
3. ครยู ังไม่มีควำมรว่ มมือกนั อย่ำงจรงิ จงั ในชมุ ชนแหง่
กำรเรยี นร้ทู ำงวชิ ำชพี ครู

แนวทำงเลอื กในกำรแก้ปัญหำ 1. ประชมุ ปฏิบัติกำรพัฒนำครใู ห้มสี มรรถนะกำรวิจัย
ในช้นั เรยี น
2. พัฒนำชุมชนแห่งกำรเรียนรู้ทำงวิชำชพี ครใู น
โรงเรียน ใหส้ ำมำรถชว่ ยเหลือกนั ในกำรปฏิบตั ิกำร
วจิ ัยในชัน้ เรียน

เลอื กทีเ่ หมำะทีส่ ุด คอื กำรประชุมปฏบิ ัติกำรพัฒนำครใู หม้ ีสมรรถนะ
กำรวิจยั ในช้นั เรียน และกำรขับเคลอ่ื นชุมชนแหง่ กำร
กำรนำทำงเลือกไปใช้ เรยี นรทู้ ำงวชิ ำชีพครใู นโรงเรียนใหส้ ำมำรถชว่ ยเหลือ
เพ่ือกำรแก้ปญั หำ กันในกำรปฏิบตั ิกำรวจิ ัยในชัน้ เรียน
เหตผุ ลทเี่ ลอื ก สำมำรถพฒั นำครูได้เรว็ ส่งผลต่อ
คณุ ภำพนักเรียนบนควำมร่วมมือของครดู ว้ ยกัน

กำรพฒั นำครใู หม้ สี มรรถนะกำรวจิ ยั ในชั้นเรียนเพ่ือ
กำรพฒั นำกำรเรยี นรู้ของนกั เรยี น

๑๑๐

ผหสาเรจ็
เชิงปริมาณ
ผูเ้ รยี นมผี ลสมั ฤทธทิ์ ำงกำรเรียนระดับคุณภำพดี ขนึ้ ไปทุกกล่มุ สำระกำรเรียนรู้ ร้อยละ ๑๐๐
เชิงคณุ อาพ
ครมู ีนวัตกรรมในกำรจดั กำรเรยี นรู้ทีส่ อดคล้องกับมำตรฐำนตัวชี้วัด
ปัจจงยส่งผหในเ้ กิดคัามสาเร็จ
กำรใช้ชุมชนแห่งกำรเรียนรทู้ ำงวชิ ำชีพครู (Professional Learning Community : PLC) ขับเคล่ือน

คุณภำพผเู้ รยี น
การเผยแพร/่ ประชาสงมพนง ธ์/นนั่ ยงานทมี่ าศกึ ษาดงู าน
มีเครือข่ำยออนไลน์เป็นส่ือกลำงในกำรติดต่อแลกเปล่ียนประสบกำรณ์ที่ทำงำนร่วมกัน เช่น กลุ่ม

Line หรือ Facebook

ตัง อย่างอาพกจิ กรรม (อยา่ งน้อย 4 อาพกจิ กรรม)
คณะครูรั่ มประชุม PLC

๑๑๑

แบบรายงานัิธปี ฏิบงติทีเ่ ป็นเหศิ ( Best Practice)

ชอ่ื ผหงาน หลกั กำรมีสว่ นร่วม

ชื่อผรู้ บง ผิดชอบ นำงดุษฎี วงั แสง
ชือ่ สถานศกึ ษา โรงเรยี นบำ้ นโคกสะอำด
นนั่ ยงาน สำนกั งำนเขตพื้นท่กี ำรศึกษำประถมศึกษำอุดรธำนี เขต ๒
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
คัามเป็นมา

กำรเพ่ิมประสิทธภิ ำพในกำรบริหำร จดั กำรศึกษำอยำ่ งมีคณุ ภำพ ต้องอำศัยควำมพร้อมหลำยด้ำน
เช่น ดำ้ นอำคำรสถำนท่ี ดำ้ นบคุ ลำกร ด้ำนวสั ดุ อปุ กรณ์ เทคโนโลยแี ละดำ้ นงบประมำณท่ีเพยี งพอ และ
ควำมสำมำรถในกำรบริหำรจัดกำร ซงึ่ ควำมสำมำรถในกำรบรหิ ำรบำงเร่อื ง ควรได้รบั ควำมเห็นชอบ จำก
เครอื ข่ำยกำรศึกษำด้ำนต่ำง ๆ เชน่ คณะกรรมกำรสถำนศึกษำ เครือข่ำยผู้ปกครอง และควำมเห็นชอบของ
คณะครู นกั เรียน ซึง่ เป็นกำรส่งเสริมให้ทุกฝำ่ ยมีส่วนร่วมในกำรเสนอแนวคดิ รว่ มกนั ใหท้ ุกฝำ่ ยมคี วำม
ตระหนัก เหน็ ควำมสำคญั ในกำรจัดกำรศกึ ษำ และพัฒนำผ้เู รียนร่วมกัน นอกจำกนน้ั กำรระดมทรัพยำกร
และปจั จยั ทำงกำรศึกษำ ยังตอ้ งอำศัยเครอื ข่ำยสถำนศึกษำ องค์กรเอกชน หรือหน่วยงำนรฐั อน่ื ๆ ซึง่ จะเป็น
กำลังสำคัญในกำรระดมคนและจัดหำวสั ดุ อปุ กรณ์ ให้กับสถำนศกึ ษำได้ รวมถึงเครือขำ่ ยผ้ปู กครอง ศิษย์
เก่ำและครูของโรงเรียน ก็เป็นกำลงั สำคัญอีกส่วนหน่งึ ดว้ ย สว่ นกำรพฒั นำบุคลำกรในสถำนศึกษำสำมำรถ
อำศัยเครอื ขำ่ ยครแู ละบคุ ลำกรทำงกำรศกึ ษำ ร่วมกันวำงแผน ดำเนินงำน ตรวจสอบและประเมินคณุ ภำพ
กำรศึกษำ ตลอดจนกำรสร้ำงนวัตกรรมต่ำงๆ ให้เกิดเครือข่ำยกำรเรียนรู้ เครือขำ่ ยกำรพัฒนำด้ำนต่ำงๆ ให้
เกดิ ประสิทธิภำพและประสิทธิผลไดอ้ ย่ำงรวดเร็ว

ในปัจจุบนั โรงเรยี นมเี ครอื ข่ำยหลำยประเภทท่ีให้ควำมร่วมมือในกำรพัฒนำคณุ ภำพกำรศึกษำ เชน่
คณะกรรมกำรสถำนศึกษำขน้ั พ้นื ฐำน ศษิ ย์เก่ำ เครือขำ่ ยผ้ปู กครอง องค์กรเอกชน หรอื หนว่ ยงำนรฐั อื่นๆ
เปน็ ต้น ซง่ึ เครือข่ำยเหล่ำนร้ี ่วมกันพฒั นำคุณภำพกำรศึกษำอย่ำงต่อเนอ่ื งตลอดมำ
ังตถุประสงค์

๑. เพ่ือส่งเสรมิ ควำมร่วมมอื ของเครือขำ่ ยต่ำง ๆ เปน็ กำรจัดกำรศึกษำของโรงเรยี น
๒. เพื่อสง่ เสริมกำรพัฒนำกำรจัดกำรเรยี นกำรสอน กำรพฒั นำผลงำนวชิ ำกำร และพัฒนำโรงเรียนในทุกๆ
ดำ้ น
เป้านมาย
เชิงปริมาณ
๑. เครือข่ำยต่ำง ๆ มีสว่ นรว่ มในกำรพัฒนำคณุ ภำพกำรจดั กำรศึกษำของโรงเรยี นร้อยละ 80
๒. โรงเรียนมีทรัพยำกร งบประมำณ เพียงพอในกำรบริกำร บริหำรจัดกำรศึกษำร้อยละ 80
๓. โรงเรยี นส่งเสรมิ กิจกรรมตำ่ ง ๆ ของเครือขำ่ ยกำรศกึ ษำรอ้ ยละ 80

๑๑๒

เชงิ คุณอาพ
๑. นักเรียนมีอุปกรณ์ ปัจจัยต่ำง ๆ สนับสนุนกำรจัดกำรเรียนรู้และมีผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรียน
ทำงกำรเรียนสูงขึ้น
๒. โรงเรียนมกี ำรบรหิ ำรจดั กำรท่ีมคี ณุ ภำพ ได้มำตรฐำนสงู ข้ึนเปน็ ที่พงึ พอใจของผู้เกีย่ วข้อง
กระบันการ/ัธิ กี ารดาเนินงาน (หาดงบข้งนตอนการดาเนนิ กจิ กรรม flow chart/แผนอูม)ิ

นหกง การดาเนนิ งานของสถานศึกษาใช้นหกง การมีส่ันร่ัม

ร่ัมคิด คณะกรรมการสถานศึกษาข้งนพนื้ ฐาน
รั่ มัางแผน เครอื ขา่ ยผปู้ กครอง
ร่ัมปฏบิ งติ
ร่ัมประเมนิ ผูน้ าชุมชน อสม. ศิษย์เกา่
รั่ มช่ืนชม องคก์ รปกครองสั่ นทอ้ งถ่ิน
องค์กรปกครองส่ันทอ้ งถ่ิน

ครู นกง เรยี น
โครงการสานกึ รกง บ้านเกดิ

๑๑๓

รปู แบบ/เทคนคิ ท่ที าในเ้ กดิ คัามสาเร็จ
นหกง การมสี ่ันร่ัมของผ้มู สี ่ันซดเ้ สยี

ครู นักเรียน ผู้ปกครอง คณะกรรมกำรกำรศึกษำข้ันพ้ืนฐำน องค์กรชุมชน เอกชน ตลอดจนเครือข่ำย
ทำงกำรศึกษำ โดยใช้โรงเรียนเป็นพ้ืนฐำน School based management ส่งผลให้โรงเรียนได้รับรำงวัล
ต้นแบบโรงเรียนคุณภำพของชุมชน ระดับดีเลิศ ระดับเขตพ้ืนที่กำรศึกษำ โรงเรียนขนำดเล็ก ประจำปี
กำรศึกษำ ๒๕๖๔

ผหสาเร็จ
เชงิ ปรมิ าณ
๑. เครอื ข่ำยต่ำง ๆ มสี ่วนรว่ มในกำรพัฒนำคุณภำพกำรจัดกำรศึกษำของโรงเรยี น
๒. โรงเรยี นมีทรัพยำกร งบประมำณ เพียงพอในกำรบริกำร บรหิ ำรจัดกำรศึกษำ
๓. โรงเรยี นส่งเสริมกิจกรรมต่ำง ๆ ของเครือข่ำยกำรศึกษำ
เชิงคุณอาพ
๑. นักเรียนมอี ุปกรณ์ ปัจจยั ตำ่ ง ๆ สนับสนนุ กำรจดั กำรเรียนรู้และมผี ลสมั ฤทธ์ิทำงกำรเรียนสูงข้นึ
๒. โรงเรียนมกี ำรบริหำรจดั กำรทีม่ ีคุณภำพ ได้มำตรฐำนสูงข้นึ เป็นท่พี ึงพอใจของผู้เกี่ยวข้อง

ปจั จยง ส่งผหใน้เกิดคัามสาเรจ็
๑. คณะกรรมกำรสถำนศกึ ษำและผูป้ กครอง เข้ำรว่ มประชุมได้ทุกคน
๒. คณะกรรมกำรสถำนศกึ ษำและผู้ปกครอง ได้รบั ขำ่ วสำรที่ทำงโรงเรยี นประชำสมั พนั ธ์ หลำยชอ่ งทำง เชน่
กำรประชำสมั พนั ธ์ทำงหอกระจำยข่ำวชุมชน กลุม่ ไลน์ เฟสบุ๊ค เวปเพจของโรงเรยี น

การเผยแพร่/ประชาสมง พนง ธ์/นนั่ ยงานท่มี าศกึ ษาดูงาน
มีเครือข่ำยออนไลน์เป็นส่ือกลำงในกำรติดต่อแลกเปลี่ยนประสบกำรณ์ที่ทำงำนร่วมกัน เช่น กลุ่ม
Line หรือ Facebook

๑๑๔

ตงัอย่างอาพกจิ กรรม (อย่างน้อย 4 อาพกจิ กรรม)

๑๑๕

๑๑๖

๑๑๗
แบบรายงานัธิ ปี ฏบิ ตง ิทีเ่ ปน็ เหิศ ( Best Practice)

๑๑๘

ชอื่ ผหงาน กระบวนกำร PLC
ชอ่ื ผูร้ บง ผดิ ชอบ นำงประภำ ผำอำจ
ชอ่ื สถานศกึ ษา โรงเรยี นบ้ำนโคกสะอำด
นน่ัยงาน สำนักงำนเขตพ้นื ทก่ี ำรศึกษำประถมศึกษำอุดรธำนี เขต ๒
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
คัามเปน็ มา

ชมุ ชนแหง่ กำรเรียนร้เู ชงิ วชิ ำชพี (Professional Learning community : PLC) หมำยถึง กำร
รวมกลุ่มกนั ของครผู ูส้ อนและบุคลำกรทำงกำรศึกษำ ในลักษณะของชมุ ชนเชิงวชิ ำกำรที่มีเป้ำหมำยเพอ่ื พัฒนำ
คณุ ภำพกำรศึกษำ โดยใชก้ ระบวนกำรเรียนร้จู ำกกำรปฏิบัติ กำรถอดบทเรยี น และกำรแลกเปล่ยี นเรยี นรู้
ร่วมกันอยำ่ งต่อเนื่อง (รำชบัณฑติ ยสถำน, 2558)

จำกผลกำรวจิ ยั ของ สุรพล ธรรมรม่ ดี (2553) ยนื ยันวำ่ กำรดำเนินกำรในรปู แบบ PLC นำไปสูก่ ำร
เปลีย่ นแปลงเชงิ คณุ ภำพท้ังด้ำนวิชำชพี และผลสัมฤทธขิ์ องนักเรยี น โดย มีผลดที ้งั ต่อครูผู้สอนและนกั เรียน ใน
แง่ผลดีต่อครผู สู้ อน พบว่ำ PLC สง่ ผลต่อครผู ้สู อนกล่ำวคือลดควำมรูส้ ึกโดดเดย่ี วในงำนสอนของครู เพิ่ม
ควำมรสู้ ึกผกู พนั ต่อพนั ธกิจและเปำ้ หมำยของโรงเรยี นมำกข้ึน โดยเพิม่ ควำมกระตือรอื รน้ ที่จะปฏิบตั ใิ หบ้ รรลุ
พนั ธกิจอย่ำงแข็งขนั จนเกิดควำมรสู้ กึ วำ่ ต้องกำรรว่ มกันเรียนร้แู ละรบั ผดิ ชอบต่อพัฒนำกำรโดยรวมของ
นักเรยี น ถือเปน็ พลงั กำรเรียนรซู้ งึ่ สง่ ผลให้กำรปฏิบตั กิ ำรสอนในช้นั เรียนใหม้ ผี ลดียิง่ ขนึ้ รวมทง้ั เข้ำใจบทบำท
และพฤตกิ รรมกำรสอนทจ่ี ะช่วยให้นักเรียนเกดิ กำรเรียนรูไ้ ด้ดีทีส่ ุด ซงึ่ จะเกดิ จำกกำรคอยสังเกตอย่ำงใสใ่ จใน
แง่ของผลดีต่อผ้เู รียนพบว่ำ PLC สำมำรถลดอัตรำกำรตกซ้ำชนั้ และจำนวนชน้ั เรียนท่ีต้องเล่อื นหรอื ชะลอกำร
จัดกำรเรียนรใู้ ห้น้อยลง อตั รำกำรขำดเรยี นลดลงมผี ลสมั ฤทธทิ์ ำงกำรเรยี นในวิชำคณิตศำสตร์สงู ขนึ้ อย่ำง
เดน่ ชัด สุดทำ้ ยคอื มคี วำมแตกต่ำงด้ำนผลสมั ฤทธิท์ ำงกำรเรียนระหวำ่ งกลุ่มนักเรยี นท่มี ีภูมหิ ลังไม่เหมือนกนั
ลดลงอยำ่ งชัดเจน

จำกกำรศึกษำประโยชน์ของกระบวนกำรดังกล่ำว ผู้จัดทำจึงเกิดควำมคิดที่จะนำกระบวนกำร PLC
(Professional Learning Community) เพื่อเป็นกำรปรับปรุงแก้ปัญหำกำรจัดกิจกรรมกำรเรียนรู้ร่วมกัน
และร่วมกันพัฒนำนวัตกรรมที่ใช้ในกำรแก้ปัญหำเก่ียวกับกำรจัดกำรเรียนรู้แก่นักเรียนในแต่ละกิจกรรมกำร
เรียนรู้ ตลอดจนพฒั นำทักษะทำงดำ้ นคณิตศำสตร์ของนักเรียนให้ดยี ่ิงขึน้ โดยได้เร่มิ ดำเนินกิจกรรมกับนักเรียน
ระดับช้ันประถมศึกษำปีท่ี ๑ เพ่ือแก้ไขปัญหำที่เกิดขึ้นจริงในห้องเรียน คือ “ปัญหานักเรียนเรียนรู้ได้อย่างไม่
พร้อมกัน ทาให้มีความล่าช้าในการจัดการเรียนการสอน” ทำให้กำรจัดกำรเวลำในชั้นเรียนไม่มีประสิทธิภำพ
นักเรียนมีเวลำในกำรศึกษำใบควำมรอู้ ยำ่ งจำกัดและสรุปบทเรียนไม่ทัน

๑๑๙

ังตถปุ ระสงค์
๑. เพื่อให้นกั เรียนเกดิ สมำธจิ ิตใจจดจ่อในกำรเรยี น
๒. เพื่อใหน้ กั เรยี นมีผลสมั ฤทธ์ิทำงกำรเรยี นในระดบั ทส่ี งู ขึ้น
๓. เพื่อปรับพฤติกรรมของนักเรยี นทม่ี ีปญั หำให้เปลีย่ นไปในทำงทด่ี ีขึน้
๔. มีนวตั กรรมหรือคมู่ ือกำรใชท้ ่ีมคี วำมเหมำะสมและเรำ้ ควำมสนใจของผเู้ รียน
เป้านมาย
๑. นกั เรียนช้นั ประถมศกึ ษำปที ี่ ๑ จำนวน ๗ คน มผี ลสัมฤทธ์ิทางการเรียนในระดบั ดีและสูงข้ึน
๒. นักเรียนช้ันประถมศึกษำปีท่ี ๑ จำนวน ๗ คนมีสมาธิจิตใจจดจ่อในการเรียนและเปล่ียนพฤติกรรมไป

ในทำงทด่ี ีขนึ้
ัธิ กี ารดาเนนิ งาน (หาดบง ขง้นตอนการดาเนินกจิ กรรม flow chart/แผนอมู ิ)

ขง้นตอนการนา PLC ซปสกู่ ารปฏบิ ตง ิ

ขน้ง ตอนที่ 1 Community สรำ้ งทมี ครู

ข้นง ตอนที่ 2 Practice ัธิ กี าร/นังตกรรม
คน้ นาป้ั นา/คัามต้องการ

ออกแบบกิจกรรมการ
แก้ป้ั นา

ข้นง ตอนท่ี 3 Reflection
แหกเปหย่ี น/เสนอแนะ

นาซปสกู่ ารปฏิบตง ิ/สงง เกตการสอน

ข้งนตอนท่ี 4
Evaluation สะท้อน

นังตกรรม/Best Practices

ขนง้ ตอนที่ 5 Network Development

๑๒๐

กระบันการของ PLC
ขง้นตอนที่ 1 Community สร้ำงทีมครู
ขง้นตอนที่ 2 Practice จัดกำรเรียนรู้ เช่นกำรวิเครำะหห์ น่วยกำรเรียนรู้ รว่ มกันออกแบบกิจกรรมกำรเรยี นรใู้ น
กำรจดั ทำแผนกำรเรียนรู้ เพ่ือแก้ปญั หำ หรอื พัฒนำ และนำสู่กำรปฏบิ ตั ิ โดยมีกำรเปดิ ห้องเรียน เพ่ือกำร
สังเกตกำรณ์สอน
เคร่อื งมือในกำรประเมนิ
- แบบนเิ ทศ แบบสงั เกตกำรณ์จัดกิจกรรมกำรเรียนกำรสอน
ขนง้ ตอนที่ 3 Reflection สะท้อนคดิ เพื่อกำรพัฒนำกำรปฏบิ ตั ิ
ขน้ง ตอนที่ 4 Evaluation ประเมนิ เพือ่ พัฒนำสมรรถนะครู
ขง้นตอนท่ี 5 Network Development สร้ำงเครอื ข่ำยกำรพัฒนำ
บทบาทนนา้ ทข่ี องสมาชกิ กหุม่ ตามกระบันการ PLC
- Model Teacher หมำยถึง ครูผู้รบั กำรนิเทศ หรือครผู ู้สอน
-Buddy Teacher หมำยถงึ ครูคู่นิเทศ หรอื ครูร่วมเรยี นรู้
-Mentor หมำยถึง หัวหนำ้ กลุม่ สำระกำรเรยี นรู้
-Expert หมำยถงึ ผเู้ ชี่ยวชำญ เช่น ครู คศ.3 นกั วชิ ำกำร อำจำรยม์ หำวทิ ยำลัย ศกึ ษำนิเทศก์
-Administrator หมำยถงึ ผบู้ ริหำรโรงเรยี น
-Recorder หมำยถึง ผบู้ นั ทึกรำยงำนกำรประชุม
รูปแบบ/เทคนิค ท่ีทาในเ้ กดิ คัามสาเรจ็
แนัทางการปฏบิ งติกจิ กรรมการสร้างชุมชนการเรียนรู้ทางัิชาชีพ (PLC)
1. แบง่ กลมุ่ ยอ่ ย ตำมควำมเหมำะสม
2. ให้แต่ละกลมุ่ คิดแนวทำงแก้ไขปัญหำ 1 เรอ่ื งจำกประเด็นตอ่ ไปน้ี
2.1 ปัญหำกำรเรียนรู้ของนักเรยี น 1 เร่ือง/กลุ่ม
2.2 ปญั หำดำ้ นกำรจดั กำรเรยี นกำรสอนของครู หรอื เทคนิควิธกี ำรสอนทคี่ รูควรพฒั นำ 1 เรอ่ื ง/กลุ่ม
3. จดั ทำโครงกำร/กจิ กรรม กำรสรำ้ งชุมชนกำรเรียนรทู้ ำงวิชำชพี (PLC)

ผหสาเรจ็
เชิงปริมาณ
๑. พฤติกรรมของนกั เรียนท่มี ปี ญั หำเปลี่ยนไปในทำงทด่ี ขี น้ึ ตำมข้อตกลงทต่ี งั้ ไว้ นักเรยี นมีคะแนนเฉลยี่
ผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรียนสูงขึ้น และมีส่วนร่วมในชัน้ เรียนมำกขึ้น ซึ่งดผู ลได้จำกหลกั ฐำนผลงำนต่ำงๆ
ที่แสดงถึงด้ำนควำมรู้ ควำมเขำ้ ใจ กระบวนกำรคิด กระบวนกำรเรียนรู้ และผลกำรเรยี นตำ่ งๆ ของ
นกั เรียน
๒. สื่อมีควำมเพียงพอ เหมำะสม (ด้ำนปริมำณ)
เชงิ คณุ อาพ

๑๒๑

๑. นักเรยี นมีพฤติกรรมที่พงึ ประสงค์หลำยประกำร เชน่ ได้พดู คยุ ถกเถยี ง อยำ่ งมเี หตุผล และยอมรบั ฟังควำม
คิดเหน็ ของผ้อู ่นื มำกขน้ึ
๒. ส่อื กิจกรรมและแหล่งกำรเรียนรมู้ คี วำมถูกต้อง เหมำะสม มปี ระสิทธิภำพ (ด้ำนคุณภำพ)
ปัจจยง ส่งผหใน้เกิดคัามสาเรจ็
ดา้ นผู้เรยี น
-นักเรียนมีแรงจูงใจในกำรเรียนและศึกษำค้นคว้ำด้วยตนเอง เรียนอย่ำงมีควำมสขุ และมีปฏสิ มั พนั ธ์ระหวำ่ งครู
กับนกั เรียน และนักเรยี นกับนักเรียนด้วยกันเองเพ่ิมมำกขึน้
ด้านกจิ กรรม
-ลักษณะ ควำมเหมำะสม ประสิทธิภำพของกิจกรรม ขน้ั ตอนของกระบวนกำรเรียนกำรสอน วธิ กี ำรสอน
เทคนิคกำรสอนต่ำงๆ มีประสทิ ธภิ ำพ
-กิจกรรมมีควำมเหมำะสม สอดคล้องกบั จดุ ประสงค์ กิจกรรมกำรเรียนรู้ และกำรวัดและประเมนิ ผล
-กำรบรหิ ำรจดั กำรช้ันเรียน กำรจดั ชนั้ เรียน วิธีกำรคุมช้นั เรยี น หรือกำรจดั กลุ่มเพ่ือทำกจิ กรรม
-ครแู ละผู้เรียนมปี ฏิสมั พนั ธ์/กำรแลกเปลี่ยนเรยี นรู้ ทำให้บรรยำกำศกำรเรียนสอนดำเนนิ ไปโดยเนน้ ผู้เรียนเป็น
ศนู ย์กลำงกำรเรียนรู้
-กจิ กรรมกำรเรยี นรู้นำไปสู่กำรพัฒนำควำมสำมำรถของผู้เรียน โดยผู้เรียนได้ลงมอื ปฏิบัติด้วยตนเองและ
สำมำรถสอนผู้อ่นื หรอื ชว่ ยเหลอื เพ่ือนได้ เป็นกำรใช้ทักษะกำรเรียนรขู้ ัน้ สูง ตำมพีระมิดกำรเรียนรู้
-กำรกำหนดเวลำและโครงสร้ำงเหมำะสมกับเนื้อหำ บทเรยี น ระดับควำมสำมำรถของผู้เรียน
ด้านครู
-ครมู ีกำรใช้คำถำม คำสัง่ คำอธบิ ำย หรือกำรใช้สือ่
-ครมู ีกำรเรยี งลำดบั ขั้นตอนกำรนำเสนอประเดน็ คำถำม คำส่ัง หรือคำอธบิ ำย
-ครจู ะทำหนำ้ เปน็ ผู้อำนวยที่คอยให้ควำมช่วยเหลอื คำปรกึ ษำ และดึงศกั ยภำพของผ้เู รยี นให้สำมำรถเรยี นร้ไู ด้
ด้วยตนเอง สร้ำงแรงจงู ใจและแรงบันดำลใจในกำรเรยี น
ส่อื การสอน
-สอ่ื กิจกรรมและแหล่งกำรเรียนรูม้ คี วำมถูกตอ้ ง เหมำะสม มีประสิทธภิ ำพ
-สื่อมีควำมเพียงพอ เหมำะสม
ด้านบรรยากาศ
-สภำพแวดลอ้ มของชั้นเรยี น หรอื สถำนท่ีเรยี นมผี ลตอ่ ประสิทธภิ ำพของกำรจัดกำรเรียนกำรสอนและกำร
เรียนรขู้ องผู้เรียน
-กำรยอมรบั ควำมคดิ เหน็ คำถำม และกำรชว่ ยเหลือของผู้เรียน
-บทเรยี นสง่ เสรมิ ให้ผเู้ รยี นสร้ำงควำมคดิ คำถำม ขอ้ คำดเดำ และ/หรือข้อเสนอ

๑๒๒

การเผยแพร/่ ประชาสมง พนง ธ/์ นน่ัยงานทม่ี าศกึ ษาดูงาน
มเี ครอื ขำ่ ยออนไลน์เปน็ สอ่ื กลำงในกำรติดตอ่ แลกเปลีย่ นประสบกำรณร์ ะหวำ่ งครูที่ทำงำนร่วมกนั เช่น

กลุ่ม Line หรือ Facebook และกำรเพิ่มชั่วโมงแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในแต่ละระดับชั้นนอกเหนือจำกชั่วโมง
แลกเปลยี่ นเรยี นร้ทู ี่ทำงวิชำกำรจดั ใหใ้ นแตล่ ะกลุ่มสำระ

๑๒๓

ตงัอย่างอาพกจิ กรรม (อย่างน้อย 4 อาพกจิ กรรม)

๑๒๔

๑๒๕

๑๒๖

๑๒๗

๑๒๘

๑๒๙

๑๓๐

๑๓๑

๑๓๒

ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนรู้ ปี การศึกษา ๒๕๖๔

๑๓๓

๑๓๔

๑๓๕

แบบบนั ทกึ ผลกำรประเมินพัฒนำกำรเด็กปฐมวัย ปกี ำรศึกษำ ๒๕๖๔ โรงเรยี นบ้ำนโคกสะอำด

๑๓๖


Click to View FlipBook Version