การเขยี นและการ
พูดเชงิ วิชาชพี
30000-1102
Ocupational reading and Speaking
บทท่ี 4
เทคนดิ การเขยี นเชงิ วิชาชพี
บทท่ี 4 เทคนคิ การเขียนเชงิ วิชาชีพ
1. การใชค้ า
คาเป็นหน่วยเล็กที่สุดที่มีความหมาย การเขียนทางวิชาชีพผู้เขียนต้องให้ความสาคัญ
ตั้งแต่ระดับของคา นาคาที่ถูกต้องเหมาะสมมาเรียบเรียงเป็นประโยค เพื่อสื่อความหมาย
นาเทคนคิ การใช้คามาใช้ในการเขียนประกอบด้วย การใช้คาให้ตรงตามความหมาย การใช้
คาให้ถูกหน้าที่ การใชใ้ หเ้ หมาะกับระดับภาษา และการใช้ภาษาตา่ งประเทศ ดงั น้ี
1. การใช้คาให้ตรงตามความหมาย ในภาษาไทยคาบางคามีความหมายหลายอย่าง หรือคา
หลายมีความหมายคลา้ ยคลึงกนั หรือใกลเ้ คยี งกัน แต่ไม่เหมือนกัน และไม่สามารถใช้แทน
กัน ได้ในการเขียน ผู้เขียนต้องตรวจสอบความหมายที่แท้จริงของแต่ละค าว่ามี
ความหมายอย่างไร ถูกต้องตรงกับความเข้าใจและวัตถุประสงค์ของผู้ใช้หรือไม่ แหล่ง
อ้างอิงที่ดีที่สุดในการตรวจสอบความหมายของค าได้คือพจนานุกรมฉบับ
ราชบณั ฑิตยสถาน
ตวั อยา่ ง : หา้ ง ห้างหุ้นสว่ น ห้างหนุ้ ส่วนจากัด
-ห้าง สถานท่ีจาหนา่ ยสนิ ค้า สถานท่ปี ระกอบธรุ กิจ
-ห้างห้นุ สว่ น ชือ่ สญั ญาซง่ึ บุคคลต้งั แต่ 2 คนขึ้นไปตกลงเขา้ กนั เพ่อื
กระทากจิ กรรมร่วมกันดว้ ยประสงค์จะแบ่งปันกาไรอันจะพึง
ไดแ้ ตก่ จิ การที่ทานนั้
-หา้ งหุน้ ส่วนจากดั ห้างหุ้นส่วนประเภทหนึ่งซึ่งมีผู้เป็นหุ้นส่วน 2 จาพวกคือ
(1)ผเู้ ป็นหนุ้ ส่วนคนเดียวหรือหลายคนซ่งึ จากัดความ
รับผิดชอบเพียงไม่เกินจานวนเงินที่ตนรับจะลงหุ้นในห้าง
หุ้นส่วนนนั้ และ (2) ผู้เปน็ หนุ้ ส่วนคนเดียวหรือหลายคนซึ่ง
ต้องรับผิดชอบร่วมกันในบรรดาหนี้ของห้างหุ้นส่วนโดยไม่
จากัดจานวนห้างหุ้นส่วนจากัดนั้นกฎหมายบังคับว่าต้องจด
ทะเบยี น
2. การใช้คาให้ถูกหน้าที่ คาในภาษาไทยมีหลายชนิด แต่ละชนิดทาหน้าที่แตกต่างกัน การใช้
คาผิดหน้าที่จะทาให้ความหมายเปลี่ยนไป การใช้คาผิดหน้าที่จะพบเห็นบ่อย ๆ ในการเขียน
ภาษาไทย เช่น การใช้คาลักษณนามการใช้คาบุพบท การใช้คาประพันธสรรพนาม การใช้
คากริยา ดงั น้ี
2.1 การใช้ลกั ษณนาม คาลักษณนามทาหนา้ ท่ีบอกลักษณะหรือรูปร่างของคานาม
ผ้เู ขยี นตอ้ งศึกษาและตรวจสอบความถกู ตอ้ งให้แน่นอนก่อนนาไปใชท้ างวิชาชีพ ในปัจจุบัน
นิยมใช้คาวา่ “ ตัว” เป็นลักษณนามของสินค้า แทนที่จะใช้คาว่าชนิด แต่ส่วนมากแล้วต้องใช้
ลักษณนามใหถ้ กู ตอ้ งตามหลักการใช้ เชน่
- บรษิ ทั ขอเสนอผงซกั ฟอกตัวใหมท่ ีเ่ ขม้ ข้นกว่าเดิ
- สนิ ค้าตวั นี้จะเปิดตัวในวนั แถลงข่าว
- พรมผืนน้นสวยงามมาก ราคาเทา่ ไรคะ
-บรษิ ทั จา่ ยเชค็ ไป 3 ใบ กรุณาตรวจสอบด้วย
2.2 การใช้คาบพุ บท คาบุพบททาหน้าที่เชอ่ื มต่าง ๆ เชน่ เชือ่ มคา่ กริยากบั คานามเชือ่ มคานามกับ
คานาม แตป่ ัจจุบนั พบวา่ การเขยี นทางวชิ าชีพมักใชค้ าบพุ บทข้ึนตน้ ประโยคเลยี นแบบโครงสร้าง
ประโยคภาษาต่างประเทศ
ตัวอย่าง
-แดท่ ุกท่านทีม่ าในวนั นี้ เราพรอ้ มให้ความกระจ่างทางอาชพี
-ต่อข้อซกั ถามเกี่ยวกับปัญหาโควดิ 19 นายกรฐั มนตรีตอบว่า ...
-สาหรับเราไมท่ ้ิงกันในสภาวะโควิด -19 ตรวจสอบสถานะเงินเยียวยา...
-กับความร่วมมือของประชาชน อยบู่ ้าน หยุดเชื้อ เพอ่ื ชาติ
แกไ้ ขเปน็
-เราพร้อมใหค้ วามกระจา่ งทางอาชพี แก่ทกุ ทา่ น
-นายกรฐั มนตรีตอบข้อซกั ถามต่อปัญหาโควต -19
-ตรวจสอบสถานะเงินสาหรับการเยียวยาในสภาวะโควดิ -19
-ประชาชนใหค้ วามร่วมมือกับปญั หาโควิด-19 โดยอยบู่ ้านหยดุ เชื้อเพ่ือชาติ
3. การใช้คาให้เหมาะสมแก่ระดับภาษา สานวนภาษาที่ใช้กันโดยทั่วไป แบ่งออกกว้าง ๆ ได้
เป็นภาษาทางการและไมเ่ ป็นทางการ
3.1 ภาษาเป็นทางการ เป็นภาษาที่มีแบบแผนในการใช้เคร่งครัดในเรื่องการใช้คา
และรูปประโยคใช้คาสภุ าพประโยคตอ้ งสมบูรณ์มีส่วนประกอบที่ครบถ้วน ส่วนมากใช้ในการ
เขียนบทความทางวชิ าการหนงั สอื ราชการรายงานการประชุม
3.2 ภาษาที่ไม่เป็นทางการ เป็นภาษาที่ไม่เคร่งครัดในเรื่องแบบแผนรูปประโยค
อาจไม่สJมÚบูรPณIT์ละEสR่วนประกอบบางส่วนVก็ไEดN้ ไดU้แSก่ การเขียนบันทึก กMารAเขRียนTจEดหมายถึง
บ4.คุ กคาลÉรทใouชmm่ีค้คaุน้gาiiogภเคraาnpยษtlaeาngตeat่าsaงodปsooรeะเทศ คาทางVสêmาnขuusาitอtoeาbmชoีพunmiใtoนnéoปomัจeจุบันมีทั้งศัพทv์บeัญrAmpญeeslัตhaorิ ค,dMeาaทsretับreศéัพท์ใน
การเขียนSตis้อteงmเลa Sือoกlaใrช้คาให้เหมาะสม โsดeยguยnึดdหoลpักlaสneาtคaัญว่าศัพท์บัญญveัตrdิหaรdือeiคraาmภeาnษteาfไriทo ยที่มี
ความหมายตรงกับคาภาษาต่างประเทศ ซึ่งเป็นคาที่ใช้กันแพร่หลายและเป็นที่ยอมรับควรใช้
ศัพท์ภาษาไทยบางคาที่ไม่มีการบัญญัติศัพท์หรือหาคาไทยที่มีความหมายตรงกับคา
ภาษาต่างประเทศไมไ่ ด้ อนุโลมใหใ้ ชค้ าทับศัพท์
ถา้ พนกั งานขายไม่เข้าใจแนวคิดของโครงการนี้งานก็จะไม่ได้ผลตามต้องการ2. การใช้คาให้
ถกู หน้าที่ คาในภาษาไทยมีหลายชนิด แต่ละชนิดทาหน้าที่แตกต่างกัน การใช้คาผิดหน้าที่จะ
ทาให้ความหมายเปลี่ยนไป การใช้คาผิดหน้าที่จะพบเห็นบ่อย ๆ ในการเขียนภาษาไทย เช่น
การใช้คาลักษณนามการใช้คาบุพบท การใช้คาประพันธสรรพนาม การใช้คากริยา
ดังนี้
2.1 การใช้ลักษณนาม คาลักษณนามทาหนา้ ทบ่ี อกลักษณะหรอื รูปร่างของคานาม
ผูเ้ ขียนต้องศึกษาและตรวจสอบความถกู ตอ้ งใหแ้ น่นอนกอ่ นนาไปใชท้ างวิชาชีพ ในปัจจุบัน
นิยมใชค้ าวา่ “ ตวั ” เป็นลักษณนามของสินค้า แทนที่จะใช้คาว่าชนิด แต่ส่วนมากแล้วต้องใช้
ลักษณนามใหถ้ ูกตอ้ งตามหลกั การใช้ เช่น
- บริษัทขอเสนอผงซักฟอกตวั ใหม่ทเ่ี ขม้ ขน้ กว่าเดิม
- สนิ ค้าตัวนจี้ ะเปดิ ตวั ในวนั แถลงขา่ ว
- พรมผืนนน้ สวยงามมาก ราคาเท่าไรคะ
-บรษิ ทั จา่ ยเช็คไป 3 ใบ กรณุ าตรวจสอบดว้ ย
การใชป้ ระโยค
ประโยค คือ คาที่เรียงกันอย่างมีระเบียบและมีความหมายครบถ้วน ตามหลัก
ภาษาไทย ต้องมีส่วนประกอบสาคัญอย่างน้อย 2 ส่วน คือ ประธานหรือผู้กระทา และกริยา
หรือการกระทา การเรียงลาดับคา เป็นสิ่งสาคัญที่สุดในการเขียนประโยค ถ้าเรียงคาผิด
ความหมายของประโยคจะเปล่ยี นไป หลกั การใช้ประโยคในการเขียนทางวชิ าชพี ได้แก่ การใช้
ประโยคถูกต้อง การใช้ประโยคกะทัดรัด การใช้ประโยคชัดเจนและ การใช้ประโยคสละสลวย
ดงั น้ี
1.การใช้ประโยคถูกต้อง ในการสร้างประโยคควรเขียนประโยคให้ถูกต้องตามหลัก
ไวยากรณ์ไทยมีส่วนประกอบครบถ้วนและเรียงล าดับค าในประโยคถูกต้อง
เช่น
- นายแพทยท์ วี ศิลป์วิษณุโยธิน กล่าววา่ อยากใหแ้ ผนที่โค
วดิ -19 สีเขียวทว่ั ประเทศไทยโดยเรว็
- ศูนย์บริการสยามนิสสันให้คุณประเทืองการวิทยาทดลอง
ขับ Nissan Note ก่อนการชอื้ ขาย
สรปุ
เทคนิคการเขียนเชิงวิชาชีพเป็นกระบวนการศึกษากลวิธีในการเขียนเพื่อนาเสนอ
ความรู้ ความคิด ความรู้สึกแก่ผู้อ่าน การที่จะเขียนงานทางวิชาชีพได้ ผู้เขียนต้อง
ศึกษาเรื่องของการใช้คาซึ่งเป็นหน่วยเล็กที่สุดที่มีความหมาย ต้องรู้จักใช้คาให้ตรง
ความหมาย การใช้คาให้ถูกหน้าที่ การใช้คาให้เหมาะสมแก่ระดับภาษา การใช้
คาศัพท์ภาษา ต่างประเทศ ซึ่งประกอบด้วย ศัพท์บัญญัติ ศัพท์แปล คาทับศัพท์
เรียนรู้ถึงการใช้ประโยค โดยเฉพาะการใช้ประโยคถูกต้อง การใช้ประโยคกะทัดรัด
การใช้ประโยคสละสลวย นอกจากนี้ ต้องมีความเข้าใจในการใช้อักษรย่อและ
เครื่องหมายในงานอาชีพ โดยคานึงถึง ความถูกต้องตามหลักเกณฑ์การใช้ของ
ราชบัณฑติ ยสถาน จะทาให้การเขยี นเชงิ วชิ าชีพ
บทท่ี 5
การสืบค้นขอ้ มลู
บทที่ 5การสืบค้นขอ้ มูล
ความหมายของการสบื ค้นข้อมูล
การสืบค้นข้อมูล ความหมายในวิทยานุกรมบรรณารักษ์ศาสตร์ หมายถึง การสืบเสาะ
ค้นหาเร่ืองใดเรอ่ื งหนง่ึ ซงึ่ อาจไดร้ บั คาตอบในรปู ของบรรณานกุ รม ต้นฉบับเอกสาร คาตอบ
ท่ี เฉพาะเจาะจง ตวั เลข หรือขอ้ ความของเร่ืองน้นั ๆ
สุชีรา พลราชม (2556) ให้ความหมายว่า การสืบค้นข้อมูล คือ กระบวนการของการ
แสวงหาขอ้ มลู ท่ไี ด้มีการบนั ทกึ และถา่ ยทอดไว้ในส่ือสารสนเทศต่าง ๆ
สรุปได้ว่า การสืบค้นข้อมูล หมายถึง การค้นหาข้อมูลที่จัดเก็บไว้ในฐานข้อมูล โดยมี
วิธี การสืบค้นจากการสารวจ การค้นคว้า การสัมภาษณ์ หรือการไปดูจากแหล่งสารสนเทศ
ต่าง ๆ รวมท้งั บุคคลทเี่ กยี่ วขอ้ ง เพอื่ ใหไ้ ด้ข้อมูลตรงตามความต้องการมากทส่ี ุด
วัตถุประสงค์ในการสืบค้นขอ้ มลู
1. เพื่อคน้ คว้าหาขอ้ มูลในการทารายงานการวจิ ยั การอ้างองิ
2. เพื่อค้นควา้ หาความรู้ ตดิ ตามขา่ วสารสถานการณ์ตา่ ง ๆ
3. เพอ่ื ความบนั เทิง ความสนุกสนาน เพลิดเพลิน
4. เพ่อื หาสารสนเทศในการทางานและการตดั สนิ ใจ
ประเภทของแหล่งข้อมูล
แหล่งขอ้ มูล คอื สถานท่เี กิด ผลิต หรือมีสารสนเทศสะสมอยู่ และเปิดโอกาสให้บุคคล
สามารถเข้าใชส้ ารสนเทศเหล่านัน้ ได้ ประกอบดว้ ย…
1. แหลง่ ข้อมูลสารสนเทศทเี่ ปน็ สถาบนั ได้แก่
1.1 ห้องสมุด (Llbrary) คือ สถานที่รวมทรัพยากรสารสนเทศสาขาวิชาต่าง ๆ ที่อยู่ในรูป
ของวัสดุตีพิมพ์ และวัสดุไม่ตีพิมพ์ รวมทั้งฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์ โดยมีบรรณารักษ์เป็นผู้
บริหารงาน และดาเนนิ งานตา่ ง ๆ เพอื่ ใหบ้ ริการแกผ่ ้ใู ช้หอ้ งสมุด
1.2 ศนู ยส์ ารสนเทศ (Information Center) แหล่งสารสนเทศประเภทน้ี แตล่ ะแหล่งมีชื่อ
ต่าง ๆ กัน แต่ล้วนมีจุดมุ่งหมายเพื่อบริการสารสนเทศ เฉพาะสาขาวิชา เช่น ศูนย์บริการ
เอกสารการวิจัยแห่งประเทศไทย (สบอ.) สังกัดสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่ง
ประเทศไทย ศูนย์สารสนเทศทรัพยากรธรณี กรมทรัพยากรธรณี ศูนย์สารสนเทศเพื่อการ
บริหารงานปกครอง (ศสป.) ศูนย์สารสนเทศการชลประทาน
1.3 หอจดหมายเหตุ (Archive) หมายถึง สถานท่เี ก็บและให้บรกิ ารเอกสารจดหมายเหตุ
2. แหล่งข้อมูลสารสนเทศที่เป็นสถานที่ คือ สถานที่สาคัญทางด้านต่าง ๆ ได้แก่ อนุสาวรีย์
โบราณสถาน วนอุทยานแห่งชาติ ปราสาทหิน ต่าง ๆ รวมถึงสถานที่จาลอง เช่น เมืองโบราณ
แหล่งสารสนเทศที่เป็นสถานที่มีประโยชน์ต่อ การศึกษาค้นคว้าอย่างยิ่ง และเป็นแหล่งท่ี
สามารถ เข้าถึงได้ง่าย ข้อที่มีปัญหาคือ สถานที่บางแห่งอยู่ไกล การเดินทางต้องใช้เวลาและ
คา่ ใชจ้ า่ ยเปน็ จานวนมาก
3. แหล่งข้อมูลสารสนเทศที่เป็นบุคคล ได้แก่ ผู้เชี่ยวชาญ ผู้รอบรู้ในสาขาต่าง ๆ ผู้ต้องการ
ข้อมูลจากบุคคลต้องไปพบปะสนทนาหรือสอบถาม จากผู้เชี่ยวชาญนั้นโดยตรง จึงจะได้
ขอ้ มลู ตามทตี่ อ้ งการ เช่น แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผู้สูงอายุ สัตวแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ
สัตว์ ผู้เชี่ยวชาญด้านชีววิทยา ป่าไม้ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยี ตารวจไทยใน อุดมคติ
หรือนักธรุ กจิ ทีป่ ระสบความสาเรจ็
ขน้ั ตอนการสบื คน้ ข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต
ขัน้ ตอนการสบื ค้นข้อมูลจากอนิ เทอร์เนต็ มวี ิธีการดังน้ี
1. เลือก Search Engine ท่เี หมาะสม
2. เลือกเวบ็ ไซต์ทีอ่ ยู่ใกลแ้ ละอยใู่ นช่วงเวลาทเ่ี หมาะสม
3. คาสาคัญ (Keyword) หรือหัวเรื่อง (Subject) หรือหัวข้อ (Topic) ที่ตรงกับเรื่อง
ที่ตอ้ งการ
4. เลือกใชก้ ลยทุ ธ์ในการสืบคน้ ข้อมูล
บตั รบนั ทึกข้อมลู และวธิ กี ารบันทึกขอ้ มูล
1.บัตรบันทึกข้อมูล เมื่อรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ แล้วจะบันทึกข้อมูลลงในบัตร
บนั ทกึ ข้อมูลซึ่งทาจากกระดาษแข็งมีหลายขนาด ที่นิยมคือ 3x5 นิ้ว, 4x6 นิ้วหรือ 5x7 นิ้ว
แล้วแต่ความต้องการของผู้ใช้ซึ่งเป็นขนาดที่สะดวกในการพกพาไปค้นคว้าและสะดวกใน
การจัดเรียงตามหัวข้อโครงเรื่องที่กาหนดรายละเอียดในบัตรส่วนประกอบของบัตรบันทึก
ข้อมูลประกอบดว้ ย 3 สว่ น คือ
1.1 แหล่งที่มาของข้อมูลเป็นส่วนบันทึกรายละเอียดทางบรรณานุกรมของข้อมูลซึ่ง
ประกอบดว้ ยชอื่ ผูแ้ ต่งช่ือหนงั สอื ครงั้ ที่พิมพ์สถานที่พิมพ์สานักพิมพ์ปีที่พิมพ์รวมทั้งบอกเลข
หนา้ ซงึ่ ต้องเขียนใหถ้ ูกตอ้ งตามแบบบรรณานุกรมหรอื เอกสารอ้างองิ
1.2 เนอื้ หาคือข้อเท็จจรงิ สาระสาคัญทไ่ี ด้จากการอา่ นการศกึ ษาคน้ คว้าทตี่ อ้ งการนาไปใช้
ในการเขียน
1.3 หัวเรื่องหรือคาสาคัญคือคาหรือวลีที่กาหนดขึ้นแทนเนื้อหาหรือบอกถึงเนื้อหาของ
เร่ืองท่บี นั ทกึ ซึง่ ผบู้ นั ทึกเปน็ ผกู้ าหนดเอง
การเขยี นอา้ งองิ ข้อมูล
การเขียนอา้ งอิงขอ้ มลู การเขยี นอา้ งองิ ขอ้ มูลการเขียนอ้างองิ ขอ้ มลู มหี ลักการเขยี นดังนี้
1. การเขยี นรายชื่อผู้แต่งการเขียนรายชื่อผูแ้ ต่งมหี ลายกรณจี ึงมีวิธกี ารเขยี นคอื
1.1 ผู้แต่งทั่วไปผู้แต่งที่เป็นชาวไทยให้ใช้ชื่อและนามสกุลเท่านั้นไม่ต้องใส่คานาหน้า
นามอื่น ๆ เช่นนาย นาง นางสาว ศาสตราจารย์ นายแพทย์ดร. ฯลฯ ให้เขียนชื่อตามด้วย,
นามสกุลถ้าเป็นชาวต่างประเทศให้เขียนนามสกุลขึ้นก่อนคั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาคแล้ว
ตามดว้ ยอักษรย่อของชอื่ ตน้ และชอ่ื กลาง เช่น
ช่อประยงค์ ชัยพฤกษ์เดือนแรม
ประกายเรอื งบารงุ สุขสมใจ
ยามะ, โนริอากิ
คานคะ, ยามาดะ
Sandra Gillman เขียนว่า Gllman, Gllman, S.
David M. Gates, Jr. เขียนวา่ Gates, D. M. Jr. 1.2
ผแู้ ต่งมีราชทนิ นามหรอื บรรดาศักดิ์ เช่น ขุน หลวง พระ พระยา เจ้าพระยา คุณ คุณหญิง หรือ
Sir, Baron, Lord, Lady ให้ลงชื่อราชทินนาม คั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาค แล้วจึงลง
บรรดาศักด์ิ เช่น
ธรรมศกั ดิ์มนตรี, เจ้าพระยา
อนมุ านราชธน, พระยา
พรทพิ ย์ โรจนสุนันท์, คุณหญงิ
Mccartney, Sir John Paul
1.3 ผู้แต่งมีฐานันดรศักดิ์ เช่น ม.ล. ม.ร.ว. ม.จ. เจ้าฟ้ากษัตริย์ราชินี ฯลฯ ให้ลงชื่อ
และนามสกุลหรือพระนามคั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาคแล้วลงฐานันดรศักดิ์ตามลาดับ เช่น
กนิษฐาธิราชเจ้า, สมเด็จพระชาตรีเฉลิมยุคล, หม่อมเจ้าดารงราชานุภาพ, สมเด็จเจ้าพระยา
สุขมุ พันธุ์บริพตั ร, ม.ร.ว.
1.4 ผู้แตง่ มสี มณศักดิ์
1.4.1 สมเด็จพระสังฆราชที่เป็นเชื้อพระวงศ์และได้ทรงกรมให้ลงพระนามคนด้วยจุลภาค
ตามด้วยวลีบอกตาแหน่งพระอิสริยยศวชิรญาณวโรรสสมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระ
ยาปรมานุชิตชโิ นรส, สมเด็จพระมหาสมณเจา้ กรมพระ
1.4.2 สมเด็จพระสังฆราชเป็นสามัญชนให้ลงตาแหน่งสมเด็จพระสังฆราชคันด้วยจุลภาค
ตามดว้ ยนามเตม็ สมเด็จพระสงั ฆราช, สสมเด็จพระสงั ฆราช, อมั พร
สรปุ
การสบื คน้ ข้อมูลหมายถึงกระบวนการในการค้นหาข้อมูลสารสนเทศที่ต้องการโดย
ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเครื่องมือในการสืบค้นในการที่จะได้ข้อมูลอย่าง
รวดเร็วและตรงตามความต้องการผู้คนจะต้องอาศัยทักษะและความรู้เกี่ยวกับการ
สืบค้นข้อมูลเช่นวิธีการใช้เครื่องมือสาหรับการค้นหาข้อมูลแต่ละประเภทการ
กาหนดคาสาคัญ (keyword) ในการสืบค้นการใช้คาเชื่อมประเภทต่าง ๆ เช่น or
and not เพื่อกาหนดขอบเขตของการสืบค้นให้มีความเฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้นเมื่อ
ไดข้ อ้ มูลมาแล้วต้องอ้างองิ ทม่ี าของข้อมลู ว่าค้นคว้ามาจากที่ใดแล้วเขียนเรียบเรียง
เพอ่ื เปน็ การอา้ งองิ ในรูปแบบของบรรณานกุ รม
บทที่ 6
การวางแผนการพดู เชงิ วิชาชพี
บทที่ 6 การวางแผนการพูดเชงิ วิชาชพี
การวางแผนก่อนการพดู หมายถงึ การทาตัวให้พร้อมทุก ๆ เรื่องก่อนที่จะพูดเมื่อผู้พูดรู้กาหนดเวลา
ที่จะพูดก่อนแล้วจะต้องมีการวางแผนให้พร้อมก่อนที่จะถึงเวลาพูดการพูดทุกครั้งต้องมีการวางแผน
เสมอโดยต้องมีการวางแผนในเรื่องต่อไปน้ี
1. วางแผนเร่อื งสถานที่ ไดแ้ ก่ การทาความรู้จักสถานที่ที่จะต้องไปพูดเพื่อทราบที่ตั้งถูกต้องชัดเจน
พร้อมที่จะเดินทางไปถึงได้อย่างไม่มีปัญหาศึกษาบริเวณอาคารและห้องที่จะพูดเพื่อเข้าใจใน
บรรยากาศของสถานทลี่ ักษณะของห้องอุปกรณ์และเคร่ืองอานวยความสะดวกภายในห้องเพื่อให้เกิด
ความค้นุ เคย
2. วางแผนเรื่องเวลา ได้แก่ การประมาณการเวลาในการเดินทางกาหนดเวลาที่ควรไปถึง
กาหนดเวลาที่จะต้องพูดเนื้อหาทั้งหมดเวลาซักถามเวลาวิสาสะในตอนท้ายเวลาเดินทางกลับเมื่อ
วางแผนอย่างละเอยี ดแลว้ จะทาใหเ้ กิดความผดิ พลาดน้อยลง
3. วางแผนเร่ืองผฟู้ ัง ได้แก่ การรูก้ ล่มุ ผฟู้ ังโดยศึกษาจากผู้จัดงานจากนนั้ วิเคราะหผ์ ฟู้ ังเกี่ยวกับเทศ
อายกุ ารศึกษาอาชีพความสนใจเพื่อจะได้เข้าใจพฤติกรรมและความต้องการของกลุ่มผู้ฟังในการที่จะ
ใช้คาพดู ตอบสนองให้กลมุ่ ผู้ฟงั สนใจมากยงิ่ ขนึ้
4. วางแผนเร่อื งทจ่ี ะพูด เรือ่ งที่พูดเปน็ หัวใจของการพูดผูพ้ ดู จาเป็นต้องวางแผนตั้งแต่การ
กาหนดหัวข้อเรื่องการทาความเข้าใจหัวข้อเรื่องการวิเคราะห์องค์ประกอบต่าง ๆ ของเรื่อง
หัวขอ้ รองหวั ข้อย่อยและรายละเอยี ดต่าง ๆ ของเรื่อง
5. วางแผนวิธพี ูด ได้แก่ การกาหนดวิธพี ดู ว่าจะใช้วิธีการพูดแบบใดเช่นแบบบรรยายแบบ
จับประเด็นปัญหาแบบถามตอบแบบสาธิตวิธีการพูดจะต้องสัมพันธ์กับเนื้อหาและกลุ่มผู้ฟัง
เป็นสาคัญ
6. วางแผนบทพูด ได้แก่ เรื่องที่พูดซึ่งได้ศึกษาค้นคว้ามาด้วยความเข้าใจแล้วนามาเรียบ
เรยี งเป็นบทพดู จะทาใหไ้ ด้บทพดู (Script) ท่ีพร้อมจะนาไปใช้พูดหากไม่ได้วางแผนการพูดผู้
พูดอาจพดู กับแนวกวนไดท้ ้งั ๆ ทีม่ คี วามรเู้ ป็นอย่างดี
7. วางแผนอุปกรณ์และสื่อประกอบการพูด อุปกรณ์ ได้แก่ ไมโครโฟนเครื่องเสียงให้
พรอ้ มใช้งานในกรณที เ่ี ตรยี มด้วยตนเองถ้าเปน็ การรบั เชญิ ควรทาความรู้จักกับอุปกรณ์ต่าง ๆ
และวธิ ีใช้ให้เข้าใจโดยไปถึงสถานทกี อ่ นเวลาที่กาหนดแลว้ ทดสอบการใช้อุปกรณ์ให้ถูกต้อง
ส่วนสื่อประกอบการพูดเป็นหน้าที่ของผู้พูดโดยตรงที่จะต้องวางแผนด้วยตนเองเพื่อให้สื่อ
เป็นตวั ช่วยในการพูดให้เกิดประโยชนส์ งู สดุ
การวิเคราะห์ผฟู้ ัง
การวิเคราะห์ผู้ฟังแล้วจาแนกรายละเอียดด้วยตัวผู้พูดเช่นการวิเคราะห์ผู้ฟังเป็นการ
พิจารณาข้อมูลของผู้ฟังวิเคราะห์ว่าผู้ฟังเป็นใครเพศใดอายุเท่าใดกลุ่มอาชีพอะไรการศึกษา
ระดับใดการวิเคราะห์เช่นนี้จะช่วยให้ผู้พูดเลือกเรื่องที่จะพูดเลือกเน้นเนื้อหาเลือกตัดเนื้อหา
เลือกวธิ ีการพูดเลอื กสื่อประกอบการพูดใหส้ อดคล้องเหมาะสมกับกลุ่มผู้ฟังการวิเคราะห์ผู้ฟัง
ควรพจิ ารณาตามหัวข้อต่อไปนี้
1. วิเคราะห์ผู้ฟังตามกลุ่มเป้าหมาย ในการพูดแต่ละครั้งผู้พูดต้องทราบกลุ่มเป้าหมายว่าคือ
ใครกลุ่มแม่บ้านกลุ่มเยาวชนกลุ่มนักกีฬากลุ่มผู้นาสตรีเพราะแต่ละกลุ่มมีความต้องการ
แตกต่างกนั ตอ้ งพจิ ารณาเรอ่ื งที่จะพูดให้สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย
2. วิเคราะห์ผู้ฟังตามกลุ่มอายุ มนุษย์แต่ละช่วงวัยจะมีความสนใจความต้องการและการ
ตอบสนองแตกต่างกันการแบง่ ช่วงอายใุ นวยั ต่าง ๆ
การวางแผนบทพดู
การวางแผนบทพูด คือ การวางแผนเนื้อหาการพูดแล้วนามาเรียบเรียงเป็นต้นฉบับเพื่อ
ใช้ในการพดู ซ่ึงแบ่งเปน็ 4 ขน้ั ตอน ดังน้ี
1. ขั้นเตรียมความรใู้ นเร่อื งทจี่ ะพูด ผู้พูดควรศึกษาเรื่องที่จะพูด ได้แก่ การศึกษาเนื้อหาท่ี
จะพูดใหพ้ ร้อมเพอื่ ใหไ้ ด้รายละเอียดท้งั หมดประเดน็ สาระทค่ี วรเตรียม ไดแ้ ก่
1.1 ชื่อเรื่อง กาหนดชื่อเรื่องเพราะชื่อเรื่องจะสื่อความถึงสาระสาคัญของเรื่อง
ทง้ั หมด
1.2 สาระสาคัญ กาหนดสาระสาคัญที่จะพูดให้ชัดเจนว่าสาระสาคัญคืออะไรสาระรองมี
อะไรบา้ งเร่ือง
1.3 รายละเอียดของเรือ่ ง
1.3.1 นาเข้าสู่เรื่อง กาหนดวิธีการพูดนาเข้าสู่เรื่องและเนื้อหาที่จะพูดนาเข้าสู่
เรื่อง
1.3.2 เนื้อเรื่องโดยละเอียด กาหนดประเด็นรายละเอียดทั้งหมดซึ่งประกอบด้วย
ประเด็นหลกั และประเดน็ รองว่ามีประเด็นอะไรบา้ ง
1.3.3 ปดิ ท้ายหรือหาสรปุ กาหนดวธิ ีพดู ปดิ เรือ่ งและเน้ือหาทจี่ ะพูดปดิ เรอ่ื ง
1.4 ประเด็นปัญหาหรือข้อคาถาม การเตรยี มพร้อมในการตอบคาถาม
1.5 เอกสารหรือหลักฐานอ้างอิงประกอบการค้นควา้
2. ขนั้ การเตรียมเน้ือหา ผูพ้ ดู มีวธิ ีการเตรยี มเน้ือหาดังน้ี
2.1 กาหนดชื่อเรื่อง คือ การกาหนดหัวข้อหลักเป็นวลีหรือประโยคสั้น ๆ กระชับที่สื่อความถึง
เรื่องที่จะพูดอาจใช้คาตรง ๆ หรือคาที่กระทบอารมณ์ความรู้สึกประทับใจการตั้งชื่อเรื่องควร
สัมพนั ธ์กบั ลกั ษณะของเน้อื เรอ่ื ง เชน่
เรื่องการเมือง : การทจุ รติ ทางการเมอื ง
เร่ืองเศรษฐกิจ : การปฏิวัตปิ ระชาธปิ ไตย
เรื่องศาสนา : แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2563
เรอื งบันเทงิ : ฟองสบู่เล็ก ๆ ทพ่ี ร้อมจะแตก
พทุ ธฉบบั เขา้ ใจง่าย ๆ
ศาสนาพทุ ธจะมอี ายแุ ค่ 5,000 ปจี ริงหรอื
เมาท์กันทัง้ เมอื งเรอื่ งตารา
เปลี่ยนเสยี งคุณเปน็ เงินทนุ ชีวิตเรื่องศาสนา
การวางแผนวิธพี ดู
การวางแผนวิธีพูด คือ การเตรียมตัวก่อนพูดด้วยการเลือกวิธีพูดที่เหมาะสมคือเหมาะสมกับ
เวลา โอกาส สถานท่ี และกลุม่ ผฟู้ งั ผพู้ ูดควรรจู้ ักวธิ ีพดู แบบตา่ ง ๆ ดังน้ี
1. การวางแผนวิธพี ดู ตามระยะเวลาของการเตรียมตวั
1.1 การพูดแบบไม่ได้เตรียมตัวมาล่วงหน้า การพูดแบบนี้เป็นการพูดปัจจุบันทันด่วน
ส่วนใหญ่มักใช้ในงานพบปะสังสรรค์งานมงคลทั่วไปพิธีกรหรือเจ้าของงานไม่ได้บอกไว้
ลว่ งหน้าการพูดแบบนี้แม้จะไม่ได้เตรียมตัวมาล่วงหน้าผู้พูดก็ควรใช้ช่วงเวลาที่ได้รับเชิญหรือ
ประกาศชื่อจนกระทั่งเดินไปยังเวทีที่จะขึ้นพูดให้เป็นประโยชน์ด้วยการเตรียมบทพูดในใจ
ตามที่ได้เรียนรู้หรือฝึกฝนมา
1.2 การพดู แบบมีการเตรียมตัวมาล่วงหน้า การพูดแบบนี้ผู้พูดรู้ตัวแล้วว่าจะต้องพูดใน
เรื่องใดวันเวลาและสถานที่ใดดังนั้นควรกาหนดขอบข่ายการพูดให้ชัดเจนเตรียมบทพูดและ
ฝกึ ซ้อมการพูดใหพ้ ร้อมก่อนการพดู จริง
2. การวางแผนวิธีพดู ตามการใช้สอ่ื
2.1 การพูดที่ไม่ใช้สื่อประกอบการพูด การพูดแบบนี้ผู้พูดใช้การพูดจากปากเพียงอย่าง
เดยี วทัง้ นีอ้ าจเกดิ จากสาเหตุ 2 ประการคอื เตรียมสื่อไม่ทันสภาพการพูดไม่เอื้ออานวยต่อการ
ใช้สื่อหรือไม่ใช้สื่อเพราะเรื่องที่พูดเป็นเรื่องที่เข้าใจง่ายไม่จาเป็นต้องใช้สื่อหรือผู้พูดมีความ
มัน่ ใจพูดไดด้ ีโดยไม่ตอ้ งใช้สื่อ
2.2 การพูดที่ต้องใช้สื่อประกอบการพูด ได้แก่ การพูดที่มีความจาเป็นต้องแสดงภาพ
เสียงหรือหลักฐานเพื่ออธิบายประกอบการพูดเช่นแผนที่ภาพเหตุการณ์เสียงขับร้องแผนภูมิ
กราฟสถิติ
3. การวางแผนวธิ พี ดู ตามสถานการณ์ การวางแผนวิธีพูดตามสถานการณ์ ได้แก่ การพูด
ทถ่ี ือสถานการณ์เปน็ สาคัญเพราะสถานการณต์ ่าง ๆ ทเ่ี กิดข้นึ กาหนดวธิ ีการพดู ที่แตกต่างกัน
โดยปรยิ ายดังนี้
3.1 การพูดแบบไม่อ่านจากต้นฉบับ เป็นการพูดที่ออกมาจากความคิดเป็นการพูด
ทีเ่ รียบเรียงความคิด ณ เวลานั้นหรือเรียกว่าการพูดสดไม่มีบทให้ดูในขณะพูดการพูดชนิดน้ี
มกั ใชก้ ับการพูดในท่ีประชมุ ชนงานพบปะสงั สรรคง์ านเลี้ยงในงานมงคล
3.2 การพูดแบบอ่านจากต้นฉบับ วิธีนี้ผู้พูดเตรียมบทพูดมาก่อนมักใช้ในการพูด
ในที่ประชุมชนที่เป็นทางการเป็นวิชาการเป็นพิธีการหรือในพิธีอันศักดิ์สิทธิ์เช่นการกล่าว
รายงานการกลา่ วเปดิ งานการให้โอวาทการกลา่ วสนุ ทรพจน์
สรปุ
การวางแผนการพูด เป็นการเตรียมความรู้ในเรื่องที่พูดเป็นพฤติกรรมเบื้องต้นที่
จะต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อนการพูดโดยการเตรียมสถานที่ เวลา ผู้ฟัง เรื่องที่พูด
วิธีการพูดบทพูดการวิเคราะห์ผู้ฟังเป็นการทาความเข้าใจลักษณะและสถานภาพ
ของกลุ่มผู้ฟังการวางแผนบทพูดวางแผนในด้านเนื้อหาและวิธีการพูดและเรียบ
เรียงคาพูดทั้งหมดตามลาดับเริ่มตั้งแต่ปฏิสันถารเนื้อหาโดยละเอียด สรุป และกล่าว
ลาการวางแผนการพดู เปน็ การวางแผนเกีย่ วกบั การพดู ดว้ ยวิธีการต่าง ๆ ผู้พูดกาหนด
ขั้นตอนการพูดเนื้อหาสื่อประกอบการพูดและวิธีการพูดที่สอดคล้องกับเนื้อหาผู้ฟัง
และสือ่ ที่ใช้
THANK
ขอบคุณครบั