เรื่องที่ 4
โบราณวตั ถุ โบราณสถาน สถาปตั ยกรรม ของจงั หวัดลาพนู
โบราณวตั ถุ
ความหมายของโบราณวัตถุ
คําวา “โบราณวัตถุ” ถือไดวาเป็นคําที่อยูควบคูกับคําวาโบราณสถานเสมอ ตามพจนานุกรม ฉบับ
ราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.๒๔๙๓ ไดใหความหมายของคําวาโบราณวัตถุ ไววาหมายถึง “ของโบราณ”
แตความหมายดังกลาวก็เปล่ียนไปตามที่ปรากฏในพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๒๕ไดให
ความหมายไววา “ส่งิ ของโบราณที่เคลื่อนท่ีได เชน พระพุทธรูป เทวรูป ศิลาจารึก มีอายุเกากวา ๑๐๐ ปี ขึ้น
ไป” พรอมทั้งใหความหมายทางกฎหมายไวด วยวา “สังหาริมทรัพยแที่เป็นของโบราณ ไมวาจะเป็นสิ่งประดิษฐแ
หรอื เป็นส่งิ ทเี่ กิดขึ้นตามธรรมชาติ หรือท่เี ป็นสวนหนง่ึ สว นใดของโบราณสถาน ซากมนษุ ยแ หรอื ซากสัตวแ ซึ่งโดย
อายหุ รอื โดยลักษณะแหงการประดิษฐแ หรือโดยหลักฐานเก่ียวกับประวัติของสังหาริมทรัพยแน้ันเป็นประโยชนแ
ในทางศิลปะ ประวัติศาสตรแ หรือโบราณคดี” ซึ่งความหมายดังกลาวก็ยังใชอยูในพจนานุกรม ฉบับ
ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ.๒๕๔๒
ความสาคญั ของโบราณวตั ถุ
โบราณวัตถุมคี วามสาํ คญั เป็นอยา งยิ่งในการใชศึกษาถึงเรื่องราวและพฤติกรรมของคนในอดีตเราอาจ
ทราบถงึ วิถชี ีวติ และความเป็นอยูของคนในอดีตไดจากส่ิงของเหลานี้น่ันหมายความวาโบราณวัตถุสามารถเลา
เรือ่ งราวทางประวตั ศิ าสตรอแ ันยาวไกลของผูคนในอดตี (ต้ังแตก อนทจี่ ะมีการบันทึกเลาเรื่องราวเป็นลายลักษณแ
อักษร) ใหเราไดร ูตวั อยา งเชนเศษเคร่อื งป้นั ดนิ เผาสามารถเลา เรือ่ งราวของมนุษยแในอดีตไดมากต้ังแตการแสดง
ใหเ หน็ ถงึ ความสามารถทางเทคโนโลยีในการผลิตรูปแบบภาชนะซึ่งอาจแสดงใหเห็นถึงความนิยมในกลุมชนท่ี
แตกตา งกันแมกระท่งั สามารถบอกถึงการติดตอสัมพันธแของคนในทอ งถิน่ ตางๆและบอกเสน ทางการคาหรือการ
คมนาคมกับดินแดนอ่นื ๆไดอ ีกดว ย
ประเภทของโบราณวัตถุ
การแบงประเภทโบราณวตั ถุนั้นตามหลักวชิ าการโบราณคดอี าจแบง ไดเปน็ ๒ประเภทใหญคอื
(๑) โบราณศิลปวัตถุหรือโบราณวัตถุท่ีมนุษยแสรางข้ึน (Artifacts) ไดแกสิ่งของเคร่ืองมือเครื่องใชที่
มนษุ ยสแ รางขนึ้ ดว ยวัสดุประเภทตางๆเชนเครื่องมือหินเคร่ืองปั้นดินเผาเคร่ืองประดับประติมากรรมจิตรกรรม
จารกึ เปน็ ตน
(๒) นิเวศวัตถุหรือโบราณวัตถุท่ีเป็นของตามธรรมชาติหรือสภาพแวดลอม (Ecofacts) ที่ไมใชส่ิงที่
มนุษยสแ รา งหรอื ประดษิ ฐแข้ึนโดยตรงแตเ กย่ี วของกับมนุษยแแ ละสามารถสะทอ นใหเ หน็ ถึงพฤติกรรมของมนุษยใแ น
อดีตหรือมรี อ งรอยทแ่ี สดงใหเหน็ ถงึ กจิ กรรมของมนษุ ยแเชน กระดกู สตั วเแ มลด็ พชื ซงึ่ เราสามารถนําไปศกึ ษาถึง
เอกสารประกอบการเรียนรู้รายวิชาหริภุญชยั บ้านฉัน หน้า ๓๖
ศิลาจารกึ อนั จัดตัง้ ทพ่ี พิ ธิ ภัณฑสถานแหง ชาติ หรภิ ุญชยั จังหวดั ลําพูน ทัง้ หมดมี ๒๓ หลัก อาจจะแบง
ออกไดต ามสมยั เปน็ ๒ ระยะ คอื
๑. ศิลาจารึกสมัยหรภิ ุญชยั ราวพทุ ธศตวรรษที่ ๑๗ จํานวน ๗ หลกั
จารึกดว ยอักษรมอญโบราณ และจารกึ เป็นภาษามอญโบราณก็มี บางทีขึ้นตนจารึกเป็นภาษาบาลีแลว
แปลเป็นภาษามอญ หรือบางหลักจารึกท้ังภาษามอญและภาษาบาลีรวมกันไป ลักษณะอักษรจารึกจากศิลา
จารกึ ๗หลกั ในพพิ ธิ ภณั ฑสถานแหง ชาติ หริภญุ ชยั เปน็ รูปแบบตัวอกั ษรเหมือนกับตัวอักษรซึ่งจารึกอยูในศิลา
จารึก "มรเจดียแ" ( Mayazedi) ของพระเจากยันจิตซา กษัตริยแพมาผูครองกรุงพุกามทรงกระทําขึ้นเม่ือ พ.ศ.
๑๖๒๘ และ ๑๖๓๐
ศลิ าจารกึ ภาษามอญโบราณสมยั หริภญุ ชัยท่พี บในจงั หวัดลําพูน จํานวน ๗ หลัก คือ
๑. จารกึ วดั ดอนแกว ๑
๒. จารึกวดั ดอนแกว ๒
๓. จารึกวดั มหาวัน
๔. จารกึ วัดบานหลวย
๕. จารกึ วัดแสนขาวหอ
๖. จารกึ วดั กกู ดุ ๑
๗. จารกึ วดั กูกุด ๒
๒. ศลิ าจารึกสมัยลา้ นนา ตง้ั แตพ ทุ ธศตวรรษท่ี ๒๐ จาํ นวน ๑๖ หลัก
ในจงั หวดั ลําพนู ไดพบหลักฐานศลิ าจารึกอักษรไทย ภาษาไทยลานนาท่ีเกาท่สี ดุ เพียงแคพุทธศตวรรษที่
๒๐คือศิลาจารึกวัดพระยืน พ.ศ.๑๙๑๓จากการวิเคราะหแขอมูลทางโบราณคดีประวัติศาสตรแ จารึก ตํานาน
พงศาวดารตางๆ สรุปไดอยางกวางวา ในดินแดนแถบลุมแมน้ําปิงและน้ําวัง บริเวณจังหวัดลําพูน ลําปางใน
ปัจจุบันมีกลุมชนซึ่งใชอักษรมอญโบราณตั้งถิ่นฐานบานเรือนอยูอยางเป็นอิสระ เจริญรุงเรืองดวยอารยธรรม
ทางพระพุทธศาสนาท่ใี ชัภาษาบาลี เมอ่ื พทุ ธศตวรรษท่ี ๑๓มกี ารสรา งเมืองหริภญุ ชยั อารยธรรมรอบแรกน้ันรับ
ขึ้นมาจากบรเิ วณที่ราบภาคกลางซง่ึ ขณะนน้ั มีเมืองละโวเป็นเมืองสําคญั ตอ มามีการติดตอสัมพันธแกับเมืองใหญ
ในสหภาพพมา เชนหงสาวดี และพุกาม จนถงึ พทุ ธศตวรรษที่ ๑๙ พญายีบากษัตริยแองคแสุดทายเสียอํานาจการ
ปกครองแกพญามงั ราย แวนแควนทางการปกครองของหรภิ ุญชยั จึงสนิ้ สดุ ลงต้งั แตน้นั เป็นตน มา
เอกสารประกอบการเรียนรู้รายวชิ าหริภญุ ชยั บา้ นฉัน หนา้ ๓๗
ศิลาจารกึ หรภิ ุญชยั
ทะเบียนเลขท่ี ๓๕๔/๑๘
แผนศิลาจารึก ชนิด หิน อักษรมอญโบราณ
ดานท่ี ๑ มี ๑๙ บรรทดั ดานที่ ๒ มี ๑๙ บรรทดั
หนา ๒๙ เซนตเิ มตร สงู ๑๒๔ เซนตเิ มตร กวาง ๙๘ เซนติเมตร
อกั ษรมอญโบราณ ภาษาบาลี และอักษรมอญ พบที่วดั กูก ุด (จามเทว)ี
อายรุ าวพทุ ธสตวรรษท่ี ๑๗ กลา วถึงพระเจาสววาธิสทิ ธิ ทรงปฏสิ งั ขรณแ
พระรัตนเจดยี แ แทนองคแเดมิ ทท่ี รุดโทรมเนื่องจากแผนดินไหว
แหลง่ โบราณคดีเมืองลาพนู
แหลงโบราณคดีสมัยกอนลานนาในลุมแมน้ํากวง พบแหลงโบราณคดีหลายแหงท่ีแสดงใหเห็นถึง
พัฒนาการของการอยูอาศัยท่ีตอเน่ืองเป็นระยะเวลายาวนาน มีผูคนอยูอาศัยดํารงชีวิตแบบดั้งเดิม ในสังคม
เกษตรกรรมสมัยโลหะตอนปลาย กระจายอยูตามแนวลํานํ้าตั้งแตพุทธศตวรรษที่ ๑๑ - ๑๒ มีรูปแบบทาง
วัฒนธรรมรวมกนั เป็นของตนเอง และมกี ารติดตอ แลกเปลี่ยนกับชมุ ชนภายนอก จนถึงประมาณพุทธศตวรรษท่ี
๑๓ - ๑๔ เม่ือวัฒนธรรมจากภาคกลางของประเทศเขามาผสมผสานกับวัฒนธรรมทองถิ่น ทําใหเกิดการ
เปลี่ยนแปลงทางสังคม และวัฒนธรรม
แหลงโบราณคดีเมืองลําพูน ที่ต้ังเมืองลําพูน หรือหริภุญชัย ตั้งอยูติดกับแมน้ํากวง ทางดานทิศ
ตะวันออกของตวั เมืองปจั จบุ ัน มผี ังเมืองเป็นรูปสี่เหลี่ยมคอนขางรี หรือที่ตามตํานานกลาววามีรูปเหมือนหอย
สังขแ เมืองน้ีตามตํานานกลาววา ฤาษีวาสุเทพไดสรางข้ึนมาแลว ไปอัญเชิญพระนางจามเทวีราชธิดากษัตริยแ
เมอื งละโวมาปกครอง เมอื่ ประมาณพทุ ธศตวรรษที่ ๑๒ - ๑๓ มีกษัตริยปแ กครองสืบตอ กนั มาจนถงึ พทุ ธศตวรรษ
ท่ี ๑๙ ในสมัยพญาญีบาจึงส้ินราชวงศแ มีหลักฐานจากศิลาจารึกภาษามอญโบราณ เป็นอักษรมอญเจ็ดหลัก
กลาวถึงกษัตรยิ แหริภญุ ชัย ทีค่ รองราชยใแ นชว งปี พ.ศ.๑๕๙๖ - ๑๖๔๑ ทรงบาํ เพญ็ กุศลเน่ืองในพทุ ธศาสนา
แหลง โบราณคดีวดั สงั ฆาราม (ประตลู ้ี) ต้ังอยูใ นเขตตําบลในเมือง อําเภอเมอื งฯ วดั สังฆาราม เป็นวัด
เกา แก ตง้ั แตสมยั พระนางจามเทวี กลา วกนั วา เปน็ วัดหนึง่ ของวัดส่มี ุมเมือง เปน็ วดั ทตี่ ้งั อยนู อกกําแพงเมืองดาน
ทิศใต พบพระพิมพแดินเผาสกุลชางตาง ๆ ภาชนะดินเผาแบบหริภุญชัย และกลุมโครงกระดูกคนเป็นจํานวน
มาก พบหมอ ท่บี รรจุกระดกู คนแบบวัฒนธรรมหรภิ ญุ ชัย เศษกระดูกคนเผาไฟ ลูกปัดแกว พระพิมพแดินเผา เชิง
เทียน ภาชนะดินเผาประเภทเครื่องเคลือบสีขาวของจีน สมัยราชวงศแซุง เครื่องประดับสําริด เครื่องมือเหล็ก
กระเบื้องมุงหลังคา และมีเศษอฐิ กระจายอยหู นาแนน
แหลง โบราณคดีบานวังไฮ ต้ังอยูบนที่ราบทางตะวันออกของแมนํ้ากวง ในเขตบานวังไฮ ตําบลเวียง
ยอง อาํ เภอเมือง สภาพพน้ื ทโี่ ดยทั่วไปเป็นที่โลง บริเวณที่พบหลักฐานเป็นเนินดินสูงกวาบริเวณพ้ืนท่ีโดยรอบ
เล็กนอย พบเม่ือปี พ.ศ.๒๕๒๙ ไดพบโบราณวัตถุหลายประเภท ไดแก โครงกระดูกมนุษยแ ภาชนะดินเผา
เครือ่ งมือหินกะเทาะ เครื่องมอื เหล็ก เคร่ืองประดับประเภทลูกปัดหิน ลูกปัดแร อาเกต กําไลสําริด ตางหูแกว
ฯลฯ จากหลักฐานท่ีพบพอสรุปไดวา ในระยะแรกมีกลุมชนสังคมดั้งเดิมอยูในแถบที่ราบเชียงใหม -ลําพูน มี
วฒั นธรรมแบบแรกเริม่ สงั คมบรรพกาล มกี ารติดตอกับกลุมชนจากภาคกลางที่นําวัฒนธรรม ทวาราวดีมาดวย
และเริ่มคอย ๆ เปลี่ยนแปลงการฝงั ศพมาเปน็ การเผาศพ เพราะจากช้ันดินท่ีสองไดพบภาชนะแบบหริภุญชัยท่ี
ใชบ รรจุกระดกู อยเู ป็นจาํ นวนพอสมควร
แหลงโบราณคดีโรงเรยี นบานเวียงยอง (วัดดอนแกว) วัดดอนแกวเป็นวัดราง ต้ังอยูนอกกําแพงเมือง
ทางดานตะวันออกของแมน้ํากวง ในเขตตําบลเวียงยอง อําเภอเมืองฯ พบพระพุทธรูปหินทรายสามองคแ พบ
เอกสารประกอบการเรียนรู้รายวิชาหริภญุ ชยั บ้านฉนั หนา้ ๓๘
ศิลาจารึกสองหลักเป็นเร่ืองราวการสรางเจดียแโดยพระเจาสรรพสิทธ์ิ มีอายุอยูประมาณ พุทธศตวรรษที่ ๑๗
จากการขุดคนทางโบราณคดี พบหลักฐานกิจกรรมของมนุษยแในอดีตเป็นสามระยะ ไดขุดพบกอนดินเหนียวท่ี
เหมาะสาํ หรับทําผลิตภัณฑปแ ระเภทดินเผา พบรองรอยเกีย่ วกบั ประติมากรรมรูปป้ัน ไดพบกอนดินเผาเนื้อสุกสี
แดง ซง่ึ สันนิษฐานวาเป็นแกนของประติมากรรมปูนปั้น เป็นการพบหลักฐานกิจกรรมท่ีอาจเกี่ยวของกับ การ
สรางวัตถุเน่ืองในพระพุทธศาสนา
แหลงโบราณคดีบานวังมวง ต้ังอยูริมฝั่งซายของแมนํ้ากวง ในเขตตําบลเวียงยอง อําเภอเมือง ฯ
พน้ื ท่ีเปน็ ดินปุาละเมาะ พบเศษภาชนะดินเผาคลายคลึงกับที่พบในแหลงโบราณคดีบานศรียอย สันนิษฐานวา
เปน็ แหลง โบราณคดีทอ่ี ยูในสมัยหริภญุ ชยั หรอื กอนหนา นนั้
แหลง โบราณคดีบานศรียอย ต้ังอยูริมตล่ิงฝั่งขวาของแมนํ้ากวงคอนไปทางทิศใตของตัวเมืองลําพูน
ในเขตตําบลตนธง อําเภอเมือง ฯ พบเศษภาชนะดินเผาตกแตงผิวดวยลวดลาย และวิธีการตาง ๆ ท้ังลายขูด
ลายขีด ลายประทบั ภาชนะรปู ทรงตา ง ๆ เชนหมอ กนกลม หมอ มีเชิง ชามกน บาตร และฝาโกศ ซ่ึงเป็นภาชนะ
ในสมยั หริภุญชัย สนั นิษฐานวา เปน็ แหลง ทีอ่ ยอู าศยั ของชุมชนเกษตรกรรมสมยั หรภิ ญุ ชัย หรอื กอนหนานั้น
แหลงโบราณคดีวัดมณียาราม (กูละมัก) ต้ังอยูทางทิศใตของตัวเมืองลําพูน ริมฝั่งแมน้ํากวงฝ่ัง
ตะวันตก ในเขตตาํ บลบา นธง อาํ เภอเมอื ง ฯ ตามพงศาวดารโยนก ไดกลา วถึง การสรางมหาเจดียแในวัดกูละมัก
โดยพระนางจามเทวโี ปรดใหนายธนศู ิลปย งิ ธนูเสี่ยงทาย เพอื่ หาสถานทส่ี รางมหาเจดยี แ ธนมู าตกริมฝั่งแมนํ้ากวง
ดานทิศตะวันตก บริเวณที่เป็นวัดกูละมักปัจจุบัน พระนางจามเทวีจึงโปรดใหกอมหาเจดียแตรงจุดที่ลูกธนูตก
แลว บรรจุพระบรมสารรี ิกธาตุไวภายใน
แหลงโบราณคดีบานบอแกว ตั้งอยูในเขตตําบลตนธง อําเภอเมือง ฯ พบเศษภาชนะดินเผา เครื่อง
เคลือบเตาพื้นเมอื งลา นนา และเคร่อื งถว ยจนี โดยขุดพบตุมถวงแหดินเผา กลองยาสูบดินเผา ลูกปัดหินคารแเน
เลยี น ภาชนะดนิ เผาทรงหมอ คณที ซึ่งเปน็ ลกั ษณะของภาชนะแบบหรภิ ุญชัย แสดงวามีการใชพื้นที่แหงนี้เป็นท่ี
อยอู าศยั มาตง้ั แตส มยั หริภญุ ชัยแลว
แหลงโบราณคดีบานสันตนธง ตั้งอยูทางทิศตะวันตกของแมนํ้ากวง ในเขตตําบลตนธง อําเภอเมือง ฯ
ลกั ษณะพนื้ ที่เปน็ เนนิ เตย้ี ๆ กลางทุงนา มีซากโบราณสถานเป็นเนินเต้ีย ๆ และมีเศษอิฐกระจายอยูทั่วไป พบ
โบราณวัตถุที่เป็นเศษภาชนะกระเบ้ือง อิฐเสาอาคาร ช้ินสวนภาชนะลายขูดขีดรูปสามเหลี่ยมแบบหริภุญชัย
และช้ินสวนสถาปัตยกรรมในสมัยลานนา แสดงวาพ้ืนที่นี้มีการอยูอาศัยต้ังแตสมัยหริภุญชัยตอเน่ืองมาจนถึง
ลา นนา
แหลงโบราณคดีบานสัมมะนะ ตั้งอยูในเขตตําบลตนธง อําเภอเมือง ฯ พบเศษภาชนะดินเผา ซึ่ง
สามารถนํามาตอกันไดเป็นรูปทรงหมอกนกลมขนาดเล็กและขนาดใหญ หมอขนาดใหญข้ึนรูปดวยมือ เนื้อดิน
คอนขางละเอียด ทําลายเชือกทาบบริเวณกนหมอ สวนหมอขนาดเล็กมีเน้ือหยาบ ลายเชือกทาบ และอีกใบ
หนึ่งทาํ ลายขูดขีดเป็นเสน คลนื่ รอบตัวหมอ และไหล โดยผวิ ภาชนะมกี ารทาํ น้ําดิน และขัดมัน นอกจากน้ียังพบ
ภาชนะรูปทรงกระบอก ที่มีการขัดผิวดํา และทําลายขูดขีดรอบ ๆ ภาชนะ และยังพบกระดูกมนุษยแถูกฝังอยู
รว มกบั ภาชนะดนิ เผาดงั กลา ว พ้ืนทีน่ ้ีจงึ นาจะเปน็ แหลง ฝังศพของกลมุ คนพนื้ เมืองดง้ั เดมิ ท่ีดํารงชีวิตตั้งถิ่นฐาน
อยบู ริเวณท่ีราบรมิ แมนํ้า
แหลงโบราณคดีวัดสันริมปิง ต้ังอยูในเขตตําบลริมปิง อําเภอเมือง ฯ จากการสํารวจ เมื่อปี พ.ศ.
๒๕๒๘ พบโบราณวัตถุจําพวกเศษภาชนะดินเผากระจัดกระจาย โบราณวัตถุท่ีพบสวนใหญเป็นของใชใน
ชวี ติ ประจาํ วัน และโบราณวตั ถุทเี่ กี่ยวเนื่องกับการสรางท่ีอยูอาศัยหรอื ศาสนสถาน จงึ สันนิษฐานไดวาพื้นท่ีแหง
นีน้ าจะเป็นที่อยูอ าศัยของชมุ ชนขนาดใหญ และนาจะมีความสมั พันธแกับชุมชนภายในเมอื งหริภุญชัย และมีการ
ใชพน้ื ท่อี ยอู าศัยอยา งตอเนอ่ื งมาจนถงึ สมยั ลานนา
เอกสารประกอบการเรียนรู้รายวชิ าหรภิ ญุ ชัยบ้านฉัน หนา้ ๓๙
แหลงโบราณคดีเมืองโบราณ ต้ังอยูบนเนินเขาในเขตตําบลล้ี อําเภอลี้ ไดมีการสํารวจ เมื่อปี พ.ศ.
๒๕๒๕ พบหลักฐานทางโบราณคดีประเภท ภาชนะดินเผา ตะกัน ครกดินเผา สากดินเผา เครื่องถวยจีน
เครื่องมือเหล็ก เคร่ืองมือหิน สรุปไดวาเมืองโบราณแหงนี้มีอายุอยูประมาณ พุทธศตวรรษที่ ๒๐ จนถึงกลาง
พุทธศตวรรษท่ี ๒๒
แหลงโบราณคดีบานทาปลาดุก ต้ังอยูในเขตตําบลทาปลาดุก อําเภอแมทา เป็นแหลงฝังศพของ
มนษุ ยแสมยั กอนประวตั ิศาสตรแตอนปลาย พบเม่อื ปี พ.ศ.๒๕๓๙ โบราณวัตถุท่ีพบไดแก โครงกระดูกมนุษยแหน่ึง
โครง ขวานหินขดั ขนาดเล็กหนงึ่ ช้ิน ภาชนะดินเผาหลายใบ
ศิลปะทวารวดีตน้ กาเนิดพุทธศิลป์ในประเทศไทยและพุทธศลิ ปใ์ นเมืองลาพนู
ศลิ ปะทวารวดี เป็นศิลปะตนอารยธรรมสมัยประวัติศาสตรแที่มีการพัฒนาอยางตอเนื่อง ในบริเวณลุม
นํา้ เจาพระยาระหวา งพุทธศตวรรษที่ ๑๑ - ๑๖ บรรดาโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และโบราณสถาน สวนใหญลวน
สรางข้ึนเนื่องในพระพุทธศาสนาลัทธิหินยาน หากแตยังปรากฏหลักฐานการนับถือศาสนาพุทธลัทธิมหายาน
และฮนิ ดูรวมอยูด วย
ในเมืองลาํ พูนหรอื หริภุญชัยนั้น มีการขุดพบพระพิมพแ พระพุทธรูป รูปเคารพของเทพเจาท่ีมีทั้งเนื้อ
ดินและเนื้อโลหะชนิดตางๆมากมายหลายรูปแบบท่ีเป็นศิลปะ ศรีวิชัยและทวารวดี ซ่ึงลวนแตมีคุณคาทาง
ประวตั ิศาสตรศแ ลิ ป ท่ีชวนใหคิดไปวา ดวยอิทธิพลของศิลปะท้ังสองดังกลาว คงจะเป็นแรงผลักดันใหเกิดพระ
พิมพแและพระพุทธรูปท่ีมีลักษณะเฉพาะตัวเป็นพุทธศิลปแบบหริภุญชัยดังที่เห็นในปัจจุบัน และจากพุทธศิลป
อันสําคัญแหงเมืองโบราณอันเกาแกแหงนี้ยังสงผลใหเกิดพุทธศิลปรุนหลังๆที่ตามมาอยางเชนศิลปะสุโขทัย
ศลิ ปะเชียงใหมเ ป็นตน
ภาพที่ ๑ ทเี่ หน็ นี้เปน็ เศียรของพระโพธสิ ัตวทแ รงมงกฎุ ท่นี ิยมเรยี กกันวา ทรงเทริด ศิลปะหริภุญชัย เป็น
เศียรทีม่ คี วามงดงามและสมบูรณมแ าก
เอกสารประกอบการเรียนรู้รายวชิ าหริภญุ ชยั บ้านฉนั หน้า ๔๐
ภาพท่ี ๒ เป็นภาพของพระพิมพแท่ีมีการขุดพบในเมืองลําพูน ซ่ึงยังไมเคยมีการนําออกมาเผยแพรให
เห็น รูปลักษณะของพระพมิ พแองคแนเ้ี ป็นรปู ของพระพทุ ธเจาปางประทานอภยั
ภาพท่ี ๓ เป็นภาพของทาวกุเวร ที่มกี ารยอมรบั กันวา เป็นเทพเจา แหงความมงั่ ค่งั
เอกสารประกอบการเรียนรู้รายวชิ าหรภิ ุญชยั บา้ นฉนั หนา้ ๔๑
ภาพที่ ๔ เป็นภาพของทาวกุเวรอีกแบบหน่ึงที่มีเน้ือเป็นดินเผา ทาวกุเวรองคแนี้ทรงเครื่องเต็มยศ
ประทับนง่ั ในทามหาราชลีลาอีกรปู แบบหนง่ึ แตกตา งจากภาพที่สาม
ภาพที่ ๕ เป็นเศียรของพระพุทธรูปเนื้อดินเผาศิลปะหริภุญชัยอีกแบบหนึ่ง ท่ีทําข้ึนโดยการกดจาก
แมพมิ พแ
ภาพที่ ๖ เปน็ เศียรทม่ี ีความแปลกมากเศียรหนึ่ง ของบรรดาเศียรทขี่ ดุ พบในเมืองลาํ พูน
เอกสารประกอบการเรียนรู้รายวชิ าหรภิ ญุ ชัยบ้านฉัน หนา้ ๔๒
ภาพท่ี ๗ เปน็ เศียรพระพทุ ธรปู เนือ้ ดนิ เผาสแี ดง เม็ดพระศกเปน็ เม็ดทาํ เปน็ ตมุ เลก็ ๆเรียงไปทัว่ ทั้งเศยี ร
ภาพท่ี ๘ เปน็ เศยี รของพระพทุ ธรปู ที่เรยี กกนั วา “แมพระรอด”
ภาพท่ี ๙ เป็นเศียรท่ีดูแปลกมากเศียรหน่ึง มีจมูกท่ีโตเห็นรูจมูกท้ังสองอยางชัดเจน วงหนาเป็นรูปไข
ดวงตาท้งั สองหลับพร้มิ เหลอื บลงต่าํ ค้วิ เป็นแบบธรรมดาโกง ทง้ั สองขา ง
เอกสารประกอบการเรียนรู้รายวชิ าหริภุญชยั บ้านฉัน หน้า ๔๓
ภาพที่ ๑๐ เป็นภาพของเศียรทเี่ ป็นศลิ ปะหรภิ ุญชยั ที่มีใบหนาเป็นรูปไข สวนบนของเศียรกลมมนไมมี
อุษณีษะคอื สวนของกะโหลกศรษี ะทน่ี ูนขนึ้ กลางศรษี ะอนั เปน็ สญั ลกั ษณแของมหาบุรุษ
ภาพที่ ๑๑ เปน็ ภาพของเศียรพระสาวก เปน็ เศยี รขนาดยอ ม
ภาพท่ี ๑๒ เปน็ ภาพของเศยี รทมี่ ขี นาดไมใหญนกั เปน็ เศียรที่มคี วามแปลก ที่มหี นาเปน็ รปู ไข เกศเกลา
ขึ้นเปน็ มนุ มวยผมช้นั เดียว สว นบนมเี ครื่องประดบั เป็นกรวยแหลม เม็ดพระศกทําเป็นเม็ดกลมท่ัวเศียร คิ้วโกง
เหมอื นค้ิวคนธรรมดา ดวงตาหลับพร้ิม เปลือกตาโปนนนู จมกู โดงเป็นสัน ปากเมม สนทิ
โบราณสถาน
ความหมายโบราณสถานโดยท่วั ไป หมายถงึ อาคารหรอื สิ่งกอสรางทม่ี นษุ ยสรางข้ึนทีม่ คี วามเกา แก มี
ประวัติความเปนมาที่เปนประโยชนทางดานศิลปะ ประวัติศาสตรหรอื โบราณคดีและยงั รวมถึงสถานท่ีหรือเนิน
เอกสารประกอบการเรียนรู้รายวชิ าหริภุญชัยบา้ นฉนั หน้า ๔๔
ดินทม่ี ีความสําคญั ทางประวัติศาสตรหรอื มรี องรอยกิจกรรมของมนุษยปแ รากฏอยู
ความสาคัญของโบราณสถาน
ในเชงิ วิชาการนนั้ เปนที่ประจักษชัดเจนวา เราสามารถเรียนรูเร่ืองภูมปิ ญญาของมนุษยสมัยอดีตไดจาก
โบราณสถาน โบราณวัตถุและแหลงโบราณคดีประเภทตางๆนอกจากน้ีเรายังสามารถเรียนรูถึงวิธีการด้ินรน
ขวนขวายและปรับตวั ของมนษุ ยแเพ่ือการอยูรอดเพื่อการดํารงสังคมใหคงอยูจึงเปนท่ียอมรับกันวาโบราณสถาน
โบราณวตั ถแุ ละแหลงโบราณคดนี ้ันก็เปรยี บไดเสมือนเปนภาชนะทีบ่ รรจคุ วามรูนานาประการอยูมากมายนับไม
ถวน ซ่งึ คนในปจจุบนั สามารถลอกเลยี นหรือประยกุ ตเพอื่ นํามาใชใหเกิดประโยชนไดอยางไมสิ้นสุด ดวยเหตุนี้
โบราณวตั ถุโบราณสถาน และแหลงโบราณคดจี ึงถกู จดั ไวเปน “ทรพั ยากรทางวัฒนธรรม” หรือ “ทรัพยสินทาง
วฒั นธรรม” หรอื “มรดกทางวัฒนธรรม” ของแตละชาติในกรณีของประเทศไทยนั้น ก็เห็นความสําคัญนี้และ
เห็นวาจําเปนตองอนุรักษแหลงโบราณคดีดังน้ัน จึงระบุไวในกฎหมายวา “หามมิใหผูใดซอมแซม แกไข
เปลยี่ นแปลงโบราณสถาน หรอื ขดุ คนสิ่งใดๆภายในโบราณสถาน เวนแตจะกระทําตามคําส่ังของอธิบดีหรือได
รับอนุญาตเปนหนังสือจากอธิบดีและถาหนังสืออนุญาตนั้นกําหนดเง่ือนไขไวประการใด ก็ตองปฏิบัติตาม
เงอ่ื นไขน้นั ดวย”
โบราณสถานในจงั หวัดลาพนู
๑. วดั พระธาตดุ อยเวียง
ขอ มลู ท่ัวไป บา นดอยเวียง หมูท่ี 9 ตําบลบา นธิ อาํ เภอบานธิ จังหวัดลําพูน
ที่ต้ัง
วัดราษฎรแ
ประเภท พระเจาสายฝน
พระพุทธรปู สาํ คัญ
สถานทตี่ ้งั
ต้ังอยทู ี่ อําเภอบา นธิ จงั หวัดลาํ พนู หา งจากอําเภอบา นธิ ประมาณ 7 กิโลเมตร บริเวณใกลกับอางเก็บ
น้ําแมธิ มีเน้ือท่ีประมาณ 15 ไร และบนดอยเป็นท่ีประดิษฐานเจดียแเกาแกซ่ึงมีพระสารีริกธาตุบรรจุอยู
สันนิษฐานวาสรางเม่ือ พ.ศ.1220 ในสมัยพระนางจามเทวี ตามตํานานจารึกในใบลานเลาวา
ขุนหลวงปาละวิจา มาต้ังเมืองท่ีน่ีซ่ึงเป็นเมืองหนาดานและไดสรางวัดไวบนดอย ตอมาถูกไฟปุาไหมลุกลาม
ทําใหเ หลอื แตเจดียแและศาลาเล็ก ๆ หลงั หน่ึง
เอกสารประกอบการเรียนรู้รายวิชาหรภิ ญุ ชัยบา้ นฉนั หน้า ๔๕
วัดพระธาตุดอยเวียง เดิมช่ือวา วัดดอยเวียง ตอมาไดเปลี่ยนแปลงชื่อวัดเป็น"วัดพระธาตุดอย
เวียง" ตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ ลงวันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2538 วัดพระธาตุดอยเวียงมร
พระพุทธรูปเกาแก 3 รูป รูปแรกพระเจาพากันเรียกวา พระเจาสายฝนหรือหลวงพอสายฝน ซึ่งเป็น
พระพุทธรูปปางวิชัย หนาตักกวาง 29 นิ้ว ทําดวยทองสัมฤทธ์ิเหตุที่ไดช่ือวาหลวงพอสายฝนก็เพราะวาครั้ง
หนึ่ง ดินฟูาอากาศแหง แลง ฝนไมตกชาวบานจึงพรอมใจกันแหพระพุทธรูปองคแน้ีเพ่ือขอฝนปรากฏฝนตกลงมา
อยา งมหศั จรรยแ ตั้งแตน ัน้ มาชาวบา นจึงพรอมใจกันเรียกพระพทุ ธรูปองคนแ ว้ี า หลวงพอ สายฝน พระพทุ ธรูปองคแ
ท่ีสองหนาตักกวาง 99 น้ิว ประดิษฐานที่ศาลาการเปรียญ องคแที่สามหนาตักกวาง 89 นิ้วประดิษฐานท่ีเชิง
ดอย ทง้ั สององคขแ างในเปน็ ศิลาแลงและขางนอกฉาบปูน สมัยที่คนพบน้ันเหลือไมเต็มองคแเศียรปักดินชาวบาน
จงึ เรียกวา “พระเจา้ ดาดิน”หรอื หลวงพอ ดาํ ดินสว นช้นั บนสดุ ของดอยเป็นที่ประดิษฐานของเจดยี แธาตุดอยเวียง
และทกุ ๆ ปีในวันแรม 8 ค่าํ เดือน 7 (เดอื น 9เหนือ) จะมีประเพณีสรงนา้ํ พระธาตุ
๒. วัดพระธาตดุ อยหา้ งบาตร
ขอ มลู ท่ัวไป
ท่ีตั้ง บา นหวยไซใต ตําบลหวยยาบ อาํ เภอบานธิ จงั หวดั ลําพนู 51180
เปน็ เจดยี แทรงจตรุ มุขสขี าว มีฉัตรทองอยยู อดเจดียแ ไมป รากฏหลกั ฐานการสราง ตามตํานานเลาวาพระ
สัมมาสมั พุทธเจา เสด็จมาบริเวณนี้ และไดเตรียมเสด็จออกบิณฑบาต ซ่ึงภาษาพื้นเมืองเรียกวา “หางบาตร”
พื้นท่ีดังกลาวปรากฏรองรอยเป็นหลุมลึกลงไปในหินดินดานและมีมณฑปครอบไว พระธาตุแหงนี้อยูบนยอด
ดอยจงึ สามารถมองเห็นทิวทัศนแเบื้องลางไดไกล
สถานทีใ่ กลเ้ คียง
1. วดั พระธาตดุ อยเวียง อยขู วามือกอ นถงึ อา งเก็บน้าํ แมธิ ประมาณ 1 กโิ ลเมตร สนั นษิ ฐานวาสราง
ขึ้นในสมยั พระนางจามเทวี ราว พ.ศ. 1220
2. น้าํ ตกหว ยหก นํ้าตกธรรมชาตขิ นาด 7 ชั้นที่มีความสวยงาม อยูลึกเขาไปในอางเกบ็ น้าํ แมธิ ใช
ระยะทางเดินเทาประมาณ 5 กิโลเมตร
3. อา งเก็บนํ้าแมธ ิ บา นดอยเวียง ตาํ บลบานธิ เป็นอางเกบ็ นํ้าท่พี ระบาทสมเดจ็ พระเจาอยูหวั เสด็จ
เปดิ เม่ือปี พ.ศ. 2530
4. พระพุทธเฉลิมสิริราช พระพุทธรูปปางลีลา สงู 59 ศอก สรา งถวายเป็นพระราชกุศล เน่ืองใน
วโรกาสเสด็จครองราชยแปที ่ี 50 ของพระบาทสมเดจ็ พระเจาอยูห วั ฯ
เอกสารประกอบการเรียนรู้รายวิชาหริภญุ ชัยบา้ นฉัน หนา้ ๔๖
๓. วดั พระธาตหุ รภิ ญุ ชัยวรมหาวิหาร
ท่ีตั้ง ตาํ บลในเมือง อาํ เภอเมอื งลาํ พูน จังหวัดลําพนู
ประเภท พระอารามหลวงชนั้ เอก ชนิดวรมหาวหิ าร
นกิ าย เถรวาท
พระธาตปุ ระจาํ ปเี กดิ ปีระกา
โบราณสถานทสี่ าคัญภายในวดั
พระบรมธาตุหริภุญชัย เป็นโบราณสถานอันสําคัญของนครหริภุญชัยที่ พระเจาอาทิตยราช เป็นผู
สถาปนาข้นึ ในราว พุทธศตวรรษท่ี 17 เพ่ือประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ อันมี ธาตุกระหมอม ธาตุกระดูก
อก ธาตกุ ระดูกนวิ้ มือ และธาตยุ อ ยอกี เตม็ บาตรหนึ่ง ตามพุทธทํานายลักษณะทางสถาปัตยกรรมขององคแพระ
ธาตุหริภุญชัย ตามท่ีปรากฏในหนังสือตํานานพระธาตุหริภุญชัย กลาววา มีลักษณะ เป็นสถูปสี่เหลี่ยมทรง
ปราสาท ที่มีซมุ ทวาร เขา- ออกทะลุกันไดท ั้งสด่ี าน มีปราสาทสเี่ หลยี่ มอยูตรงมุมละองคแกอดวยศิลาแลงซึ่งเป็น
วัตถุดิบท่มี ีมากอยใู นเมืองน้ี ภายในเป็นแทน สําหรับประดิษฐาน พระโกศที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ในสมัย
ของพญาสรรพสทิ ธิ์ กษัตรยิ แแหงราชวงศจแ ามเทววี งศแ โปรดใหปฏิสังขรณแเจดยี เแ ดมิ ที่พญาอาทติ ยราชทรงสรางไว
และไดขุดรองทวารประตูเขา-ออก ท้ังส่ีเพ่ือความปลอดภัย รูปทรงสัณฐานขององคแพระบรมธาตุยังคงเป็น
ลักษณะเดิม คือ เป็นทรงปราสาทส่ีเหล่ียมท่ีกวางใหญและสูง เม่ือ พญามังราย ตีเมืองหริภุญชัยได โปรดให
ซอ มแซมดดั แปลงองคพแ ระธาตขุ ้นึ ใหม การปฏสิ งั ขรณแคร้ังนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงทรวดทรง ขององคแพระธาตุฯ
จากทรงปราสาทกลายเป็นทรงเจดียแฐานกลมแบบทรงลังกา ในสมัยของพระเจาแสนเมืองมาประมาณปี พ.ศ.
1951 โปรดใหมีการปดิ ทององคพแ ระธาตุ พ.ศ. 1990 พระเจา ติโลกราชกษัตริยแองคแสําคัญแหงเมืองเชียงใหม
ทรงรว มกบั พระมหาเมธงั กรเถระ กอพระมหาเจดยี ใแ หส ูงขน้ึ เป็น 92 ศอก กวางยาวข้ึน 52 ศอก เป็นรูปรางที่
เหน็ เปน็ อยูใ นปัจจุบนั
สถาปตั ยกรรมในจงั หวดั ลาพนู
สถาปัตยกรรม (อังกฤษ: architecture) หมายถึง ผลงานศิลปะที่แสดงออกสิ่งกอสราง รวมถึง
สิ่งแวดลอมท่ีเก่ียวของท้ังภายในและภายนอกส่ิงปลูกสรางนั้น ที่มาจากการออกแบบของมนุษยแ ดวยศาสตรแ
ทางดานศิลปะ การจดั วางทีว่ า ง ทศั นศิลป และวิศวกรรมการกอสราง เพื่อประโยชนแใชสอย สถาปัตยกรรมยัง
เปน็ ส่ือความคิด และสัญลกั ษณแทางวัฒนธรรมของสงั คมในยคุ น้นั ๆดว ยองคปแ ระกอบสําคัญของสถาปัตยกรรม
สถาปัตยกรรมไทย
สถาปตั ยกรรมไทย หมายถึงศิลปะการกอ สรางของไทย อนั ไดแ กอ าคาร บานเรือน โบสถแ วิหาร วัง สถูป
และสง่ิ กอสรางอื่นๆ ทม่ี มี ลู เหตทุ ่ีมาของการกอสราง การกอสรางอาคารบา นเรอื นในแตล ะทอ งถ่ิน จะมีลักษณะ
ผดิ แผกแตกตางกันไปบาง ตามสภาพทางภูมิศาสตรแ และคตินิยมของแตละทองถ่ิน แตสิ่งกอสรางทางศาสนา
พทุ ธมกั จะมลี ักษณะทไ่ี มแตกตา งกันมากนัก เพราะมีความเชื่อความศรัทธาและแบบแผนพิธีกรรมท่ีเหมือน ๆ
กนั สถาปัตยกรรมที่มนั นิยมนาํ มาเป็นขอ ศึกษา มกั เป็น สถปู เจดยี แ โบสถแ วิหาร หรือพระราชวัง เน่ืองจากเป็น
ส่ิงกอสรางท่ีคงทน มีการพัฒนารูปแบบมาอยางตอเน่ืองยาวนาน และไดรับการสรรคแสรางจากชางฝีมือท่ี
เชี่ยวชาญ พรอมท้ังมีความเป็นมาที่สําคัญควรแกการศึกษา อีกประการหนึ่งก็คือ สิ่งกอสรางเหลาน้ี ลวนมี
ความทนทาน มีอายยุ าวนานปรากฏเปน็ อนสุ รณแใหเราไดศกึ ษาเป็นอยางดี
เอกสารประกอบการเรียนรู้รายวชิ าหรภิ ุญชัยบา้ นฉนั หน้า ๔๗
สถาปัตยกรรมท่ีใชเป็นท่ีอยูอาศัย ไดแก บานเรือน ตําหนัก วังและพระราชวัง เป็นตน บานหรือเรือน
เปน็ ที่อยอู าศัยของสามญั ชนธรรมดาทวั่ ไป ซงึ่ มีทง้ั เรอื นไม และเรือนปูน เรอื นไมม อี ยู 2 ชนิดคือ เรอื นเคร่อื งผกู
เป็นเรือนไมไผ ปูดวยฟากไมไผ หลังคามุงดวยใบจาก หญาคา หรือใบไม อีกอยางหน่ึงเรียกวา เรือนเคร่ืองสับ
เป็นไมจริงทั้งเนื้อออน และเน้ือแข็ง ตามแตละทองถิ่น หลังคามุงดวยกระเบื้องดินเผา พ้ืนและฝาเป็นไมจริง
ทงั้ หมด ลักษณะเรือนไมของไทยในแตละทองถ่ินแตกตางกันและโดยทั่วไปแลวจะมีลักษณะสําคัญรวมกันคือ
เปน็ เรือนไมช ัน้ เดยี ว ใตถนุ สูง หลังคาทรงจ่วั เอยี งลาดชัน
สถาปัตยกรรมในจังหวัดลําพูนที่ปรากฏในปัจจุบันมีหลายประเภท ท้ังสถาปัตยกรรมท่ีเกี่ยวเน่ืองใน
ศาสนา สถาปัตยกรรมท่ีอยูอาศัยและสถาปัตยกรรมที่สรางขึ้นมาเพื่อใชงานอื่น แตในที่น้ีจะกลาวถึงเฉพาะ
สถาปัตยกรรมที่อยูอาศัยที่มีอายุคอนขางเกาแก และทรงคุณคา ท่ียังพอมีอยูใหเห็น กลาวโดยรวมแลว
สถาปตั ยกรรมหรืออาคารทอ่ี ยอู าศัยในจงั หวัดลาํ พนู น้นั ไมโ ดดเดนมากนัก อาคารทรงโบราณ ท่ีอยูริมถนนของ
จังหวัดลําพูน ยังหลงเหลือใหเห็นอยูไมกี่แหง เชน อาคารริมถนนตรงขามวัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร
อาคารท่ีส่ีแยกประตูชางสี ซึ่งมีอายุประมาณ ๕๐ ปี ในปัจจุบันยังใชเป็นที่พักอาศัยและทําการพาณิชยแ
สถาปตั ยกรรมท่พี กั อาศัยท่ีมีความสําคัญอีกประเภทหน่ึงของจังหวัดลําพูน คือ ท่ีพักอาศัยของเจาผูครองนคร
หรอื ทเี่ รยี กวา คมุ ซงึ่ เมือ่ กอนน้ีในจังหวัดลําพูนมี คุม อยูห ลายหลงั แตเ ม่ือสภาวะของบานเมืองไดเปลี่ยนไป คุม
หลายหลงั ไดถ กู ขายไป บางหลังไดถ กู เปลย่ี นไปใชป ระโยชนแอื่น เชน คุมตนแกว ซง่ึ ตัง้ อยดู า นหลังของพพิ ธิ ภณั ฑแ
สถานแหงชาติหริภุญชัย ไดเปิดดําเนินกิจการเป็นโรงเรียนอนุบาล และภายหลังไดเปล่ียนไปเป็นกิจการ
รานอาหาร คุมอ่ืนบางคุมไดถูกรื้อลง จนไมเหลือสภาพ ฯลฯ แตยังมีคุมอีกหลังหนึ่งที่ยังอยูในสภาพคอนขาง
สมบรู ณแคเู มอื งลําพูนมาจนถงึ ปจั จุบัน คอื คมุ หลวงลําพูน
สถาปตั ยกรรมสถานท่สี าคญั ในจังหวัดลาพนู
คุม้ หลวงลาพูน“พลตรีเจา้ จักรคาขจรศักด์ิ เจ้าผู้ครองลาพนู องค์สุดทา้ ย”
สรางข้นึ บนทีด่ นิ กลางเมอื งลําพนู แทนคุมเกาท่ีสรางดวยไมสักท้ังหลังที่รื้อออกไป ไมปรากฏปีท่ีสราง
แนชัด แตมีบันทึกวาทําบุญข้ึนบานใหมปี พ.ศ. 2482 ตัวคุมต้ังอยูในพ้ืนท่ีสี่ไรเศษ มีกําแพงกออิฐถือปูน
ลอมรอบทั้งสี่ดาน ตัวอาคารสรางดวยคอนกรีต และไมสักสองช้ันรูปทรงอยางยุโรป หลังคาทรงป้ันหยา
ดานหนาซายขวาเป็นหลังคารูปโดมทั้งสองขาง บนจ่ัวหลังคาดานหนามีอักษรยอ จค. ซ่ึงหมายถึงจักรคําขจร
ศกั ดิ์ เจาของผูส รา งอาคารหลงั น้แี ตเดิมประตทู างเขา ออกของกาํ แพงคุมแหงน้ี อยูทางดานทิศเหนือ ประตูเป็น
สองชนั้ ไมส ัก ใชเป็นทีเ่ ทียบขึน้ - ลง ชางพาหนะ ท่ีใกลเ สาประตูร้วั ในสมัยกอน
เอกสารประกอบการเรียนรู้รายวชิ าหรภิ ญุ ชยั บา้ นฉัน หนา้ ๔๘
ห้างนาเจา้ หลวง ไดรับการถา ยทอดเร่อื งราวประวัตศิ าสตรแโดย พล.อ.ต.เจา้ วฒั นนั ณ ลาพูน ผูม ีศักดิ์
เป็นหลานเจ้าจักรคาขจรศักด์ิ วาอาคารทรงแปดเหลี่ยมเป็นของเจาปุู ท่ีชาวบานจะเรียกขานกันติดปากวา
“หา งเจา” ไดก อ สรางขนึ้ ประมาณปพี .ศ. 2472 สมยั กอนแถวน้ีเป็นปาุ ไมส ัก เจา ปุเู อาชา งใชงานมาไวท่ีหางนา
นี้
อนุสาวรยี ์พระนางจามเทวี
อนสุ าวรยี พแ ระนางจามเทวี ต้ังอยูตําบลในเมือง บริเวณสวนสาธารณะหนองดอก หางจากศาลากลาง
จังหวัดประมาณ 1 กิโลเมตร สรางข้ึนเพื่อเป็นอนุสรณแแดพระนางจามเทวี ซึ่งเป็นองคแปฐมกษัตริยแแหงนคร
หริภุญชัย พระนางเป็นปราชญแท่ีมีคุณธรรม ความสามารถและกลาหาญ ไดนําพุทธศาสนาศิลปวัฒนธรรมมา
เผยแพรในดินแดนแถบนจ้ี นมีความรุง เรืองสืบมาจนถึงปัจจุบัน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามกุฏราชกุมาร
ไดเ สด็จมาทรงเปิดอนุสาวรยี แเมือ่ วันที่ 2 ตลุ าคม พ.ศ. 2525
เอกสารประกอบการเรียนรู้รายวชิ าหรภิ ญุ ชยั บา้ นฉนั หนา้ ๔๙
วัดพระธาตุหริภุญชยั วรมหาวหิ าร เป็นปูชนียสถานสําคัญในภาคเหนือสิ่งศักดิ์สิทธ์ิท่ีอยูคูเมืองลําพูน
มาอยางยาวนานตั้งอดีตนับเวลามากกวาพันปี ต้ังอยูใจกลางเมืองลําพูน หางจากศาลากลางจังหวัดประมาณ
150 เมตร มีถนนลอมรอบสี่ดาน คือ ถนนอัฏฐารสทางทิศเหนือ ถนนชัยมงคลทางทิศใต ถนนรอบเมืองทาง
ทิศตะวันออก นอกจากน้นั ยงั เปน็ องคแพระธาตุประจําปเี กดิ ของคนเกดิ ปรี ะกา อีกดวย
วดั จามเทวี
เมื่อปีพ.ศ. 1298 พระนางจามเทวีนําชางละโว (ปจั จบุ ันคือ จังหวดั ลพบรุ ี) ไปสรางพระเจดียแสุวรรณจัง
โกฎ เป็นพระเจดียแส่ีเหล่ียมแบบพุทธคยาในประเทศอินเดีย ทุกๆดานมีพระพุทธรูปยืนปางประทานพร
ศิลปกรรมของลพบุรีมีพระพุทธรูปยืนอยูในซุมพระท้ังส่ีดาน ดานละ 15 องคแ รวม 60 องคแ ภายในบรรจุอัฐ
ของพระนางจามเทวภี ายในพระเจดียบแ รรจุอฐั ิของพระนางจามเทวี เดมิ มียอดพระเจดยี แหุมดว ยทองคาํ
ตอมานานนับพันปี “สุวรรณจงั โกฎเจดยี แ” ชํารุดผุพงั ยอดพระเจดียไแ ดห กั และหายไป กลายเป็นวัดราง
และชาวบา นไดเรยี กวดั น้ีวา “วัดกกู ุด” (กู่กดุ เปน็ ภาษาลานนา แปลวา เจดียยแ อดดว น)
วดั เกาะกลาง
ตง้ั อยู เลขท่ี 261 หมู 8 บา นบอคาว ตําบลบานเรือน อาํ เภอปาุ ซาง จังหวัดลําพูน พื้นท่ีสวนเป็นท่ีตั้ง
ของวดั เกาะกลาง รูปทรงสถาปัตยกรรมศลิ ป มีความเกา แกม โี บราณวตั ถแุ ละชิ้นสวนประติมากรรมปูนปั้น เป็น
ศิลปกรรมตกแตง สถาปัตยกรรมมากมายมีอายุรวมสมัยกับยุคลานนาตอนตน หรือประมาณ 700 ปี ท่ีมี
อทิ ธิพลมาจากศลิ ปะหริภุญชัย นอกจากนี้ยังขุดพบรูปแบบสถาปัตยกรรมคติทราวดี เดินเขาไปภายในบริเวณ
วัดรม ร่ืน เงียบ สงบ
เอกสารประกอบการเรียนรู้รายวชิ าหริภุญชยั บ้านฉนั หนา้ ๕๐
เจดยี ท์ รงมณฑป
รูปแบบสถาปัตยกรรมประกอบดวยฐานเขียงสี่เหล่ียมซอนเหล่ือมกัน ๒ ชั้นรองรับฐานขุดฐานปัทมแ
ลูกแกวอกไกยอมุมไม ๒๔ ข้ึน รองรับเรือนธาตุที่มีซุมจระนํา มองทะลุถึงกันท้ัง ๔ ดาน บริเวณกลางหลังคา
เรือนธาตุพบแนวอิฐกอโคงรูปทรงครึ่งวงกลม สันนิษฐานวาเป็นสวนฐานองคแระฆังกลมของเจดียแ รูปแบบ
สถาปัตยกรรมของเจดียแองคแน้ี มีความคลายคลึงกับมณฑปประดิษฐานพระแกนจันทรแแดง สรางข้ึนเพื่อ
ประดษิ ฐานพระแกน จนั ทรแแ ดง วัดมหาโพธาราม เมอื งเชียงใหม จึงกาํ หนดอายุของเจดียอแ งคแนี้ไดวานาจะมีอายุ
อยใู นราวปลายพทุ ธศตวรรษท่ี ๒o
เอกสารประกอบการเรียนรู้รายวิชาหรภิ ุญชยั บ้านฉัน หนา้ ๕๑
กจิ กรรมทา้ ยเรอื่ งท4ี่ โบราณวัตถุ โบราณสถาน สถาปตั ยกรรม ของจังหวดั ลาพนู
คาชีแ้ จง ใหน ักศกึ ษาเลอื ก โบราณวตั ถุ โบราณสถาน สถาปัตยกรรม ของจังหวดั ลําพูน ท่ีนักศกึ ษา
สนใจ มาอย่างละ 1 แหงพรอมภาพประกอบ และอธิบายเหตผุ ลของความสนใจในส่ิงทีเ่ ลือก (ความยาวไมนอ ย
กวา 1 หนากระดาษ A 4) รวม 3 แหง
..............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
เอกสารประกอบการเรียนรู้รายวิชาหริภุญชยั บา้ นฉนั หน้า ๕๒
เร่อื งที่ 5
คณุ ค่าและแนวทางในการอนรุ กั ษ์ โบราณสถาน โบราณวัตถุ สถาปตั ยกรรม
วฒั นธรรมและประเพณที ี่เกย่ี วขอ้ ง
คณุ ค่าของวัฒนธรรม
1. มรดกทางวฒั นธรรมเป็นส่ิงท่แี สดงใหเห็นถึงประวัติศาสตรแความเป็นมาของหมูบาน ตําบล อําเภอ
จังหวัด ประเทศไทยและของโลก หมายความวา โบราณวัตถุ โบราณสถานที่มีอายุเกาแกแตกตางกันไป บาง
แหงเกาแกนับพันปี โบราณสถานดังกลาวเป็นหลักฐานสําคัญท่ียืนยันวาบรรพบุรุษของเราที่อาศัยอยูบนผืน
แผนดินน่ี มีความเป็นอยูอยางไร มีความเช่ือในเร่ืองศาสนาเชนใด ใครเป็นใครเป็นผูปกครองทํามาหากิน
อยางไร มกี ารสบื ทอดกันจนถึงปจั จบุ นั อยา งไร ความสาํ คญั ประการแรกนี้ เราจะเหน็ ไดจ ากโบราณ โบราณวัตถุ
ท่เี มอื งเกา สุโขทยั กรุงศรอี ยุธยา ซ่ึงส่ิงที่พบในเมืองดังกลา วเปน็ หลักฐาน บง บอกความเปน็ มาของประเทศไดเปู
นอยางดี ทําใหเ ราไดรับประวัติศาสตรแของชาติท้ังดานการเมือง ศาสนา การคาขาย การทํามาหากินตลอดจน
ขนบธรรมเนียมประเพณีตางๆ ซึ่งบางสวนก็สืบทอดมาจนกระท้ังปัจจุบัน แตบางสวนก็เปล่ียนแปลงเพื่อให
เหมาะสมกลมกลนื กบั ภาวะปจั จบุ นั
2. มรดกทางวัฒนธรรมเป็นส่ิงที่แสดงถึงเกียรติ ความภาคภูมิใจของคนในทองถิ่นและในชาติ
หมายความวา วัฒนธรรมไทยทีม่ ีอยไู มวาจะเป็นสงิ่ กอสรางท่ีสวยงามตามลักษณะไทย เชน โบสถแ วิหาร ศาลา
พระราชวงั บานไทยภาคตางๆหรอื รปู ปั้น รูปหลอ รูปแกะสลัก พระพุทธรูป ลวดลายปูนปั้นประดับเจดียแ ลาย
แกละสลักเป็นแบบไทยสมัยตา งๆ ลว นเป็นสิ่งยืนยันถึงความเป็นเลิศทางฝีมือ จะเห็นไดวางานฝีมือดังกลาวได
สืบทอดตอเนอื่ งมาอยา งไมข าดสาบ แสดงใหเ ห็นถึงศลิ ปวัฒนธรรมไทยอันเป็นเกียรติภูมสิ ูงของเราที่ควรแกการ
ทํานบุ ํารงุ รกั ษาไวไมใ หสญุ หาย
3. มรดกทางวัฒนธรรมเป็นส่ิงกอใหเกิดความรูสึก ความสามัคคีเป็นอันหน่ึงอันเดียวกันในหมู
ประชาชนระดบั ตางๆ วฒั นธรรมเป็นส่ิงหลอหลอมรวมความรูสึก ความรัก ความเป็นน้ําหนึ่งใจเดียวกัน ต้ังแต
ในครอบครวั หมบู า น ทองถิน่ และระดบั ประเทศ กลาวคือ โบราณสถาน โบราณวัตถุ เนื่องในศาสนาไดเป็นท่ี
ยดึ เหนยี่ วจิตใจ เปน็ ท่ีสกั การบูชาของประชาชนจํานวนมาก ทัง้ ในระดบั ทองถ่นิ และระดับประเทศ
4. มรดกวัฒนธรรมเป็นหลักฐานที่เป็นประโยชนแตอการศึกษาคนควาและวิจัยมรดกทางวัฒนธรรม
เป็นประวัติความเป็นมาของมนุษยแความเป็นอยู เทคโนโลยี ศาสนา ความเช่ือ การปกครอง การคาขาย การ
เดินทาง ตลอดจนการประดษิ ฐคแ ดิ คน
5. มรดกทางวัฒนธรรมเป็นของดมี ีคุณคาและประโยชนแอยางยง่ิ ตอการพัฒนาทองถน่ิ ในปัจจุบนั
มรดกทางวัฒนธรรมทุกอยางในหมูบาน เมื่อไดรับการพัฒนาและบูรณะเป็นแหลงทองเที่ยวทาง
วัฒนธรรม กจ็ ะมีนกั ทองเทีย่ วเขาไปเทย่ี วชมหาความรูซ่ึงเมื่อนักทองเที่ยวเขาไปก็จะเกิดใหมีรายไดในหมูบาน
ทั้งโดยทางตรงและทางออม ซ่ึงถาหากโบราณสถานทุกแหงไดรับการพัฒนาควบคูไปกับหมูบานก็จะสงผลให
ประชาชนสว นใหญมอี าชีพ ความเป็นอยูท ดี่ ขี ้ึนกวา เดมิ
เอกสารประกอบการเรียนรู้รายวิชาหริภุญชัยบา้ นฉัน หน้า ๕๓
มรดกทางวฒั นธรรมในทอ้ งถิน่
มรดกวัฒนธรรมในทอ งถิ่น หมายถึง ของพื้นบาน พ้ืนเมืองหรือพ้ืนถ่ิน เป็นสิ่งท่ีผูคนในสังคมใดสังคม
หน่ึง ไมวาจะมีขนาดเล็ก ขนาดใหญ ไดคิดสรางสรรคแขึ้นเป็นที่นิยมยอมรับกัน มีการสืบทอดกันมาจนถึง
ปจั จุบนั นีเ้ ปน็ เอกลักษณแของแตละชุมชนหรือกลุมชนที่มีอยูหลายเชื้อชาติ หลายเผาพันธแุในทองถ่ินตางๆ ของ
ไทย สง่ิ เหลานไี้ ดแก รอ งรอยหรือหลกั ฐานการดําเนินชวี ติ ในอดตี กาลและไดป ระพฤตปิ ฏิบัติสบื มาจนถงึ ปัจจุบัน
อาทิ เชน จารีต ขนมธรรมเนียมประเพณี ความเช่ือ การสรางบานเรือน การแตงกาย ดนตรี การแสดง
การละเลน ภาษาวรรณกรรม นิยายพ้ืนบาน และศิลปวัฒนธรรม ซึงมรดกทางวัฒนธรรมของไทยเหลานี้แยก
ออกเป็น 4 ภาค โดยแตละภาคมีความเหมือนกันและแตกตางกันมากบางนอยบาง ตามแตภูมิประเทศและ
ความเปนู อยู ในท่ีนีจ้ ะขอกลาวเฉพาะทางภาคเหนอื
มรดกวฒั นธรรมภาคเหนือ
ภาคเหนือเป็นดินแดนที่มีพื้นที่สวนใหญเป็นภูเขา มีท่ีราบระหวางหุบเขาและแมน้ําไหลผาน อุดมไป
ดวยปุาไมและแรธาตุ มีท้ังหมด 17 จังหวัดอยูติดกับดินแดนพมา ลาว และจีนตอนใต จึงประกอบดวย
ประชากรหลายหมูเหลาท้ังคนเมือง ไทยใหญจากสิบสองปันนา ขา ยอง ผีตองเหลือง ชาวเขาเผาตางๆ เชน
กะเหรี่ยง แมว เยา อีกอ ซึ่งลวนแตมีวัฒนธรรม ประเพณี พิธีกรรม การพูด การแตงกาย แตกตางกัน พบ
หลกั ฐานที่ยนื ยนั วา ดนิ แดนบริเวณน้ีมีความเจริญรุง เรอื งมานานหลายยคุ หลายสมัย เชน อาณาจักรหริภุญชัยท่ี
ลาํ พนู ราวพุทธศตวรรษท่ี 13 หรืออาณาจักรสุโขทัยของตนชาติไทยแหงแรก จึงนับวาเป็นภาคท่ีสมบรูณแดวย
มรดกวฒั นธรรม
ความสาคัญของวฒั นธรรม
1. หลกั ฐานแหงอดตี
พบรองรอยการอยูอาศัยของมนุษยแกอนประวัติศาสตรแในจังหวัดแมฮองสอน เชียงราย กําแพงเมือง
พระราชวัง และวัดในเมืองเกาสุโขทัย ศรีสัชนาลัยพระธาตุเจดียแท่ีสําคัญ เชน พระธาตุดอยสุเทพ เชียงใหม
พระธาตุหริภญุ ชยั ลําพูน เปน็ ตน
2. ความเชื่อ
ความเช่ือของคนทางภาคเหนือสวนใหญ คลายกับของภาคอื่นๆ เชน กฎแหงกรรม นรกสวรรคแ
อานิสงสแผลบุญในพุทธศาสนา ไสยศาสตรแ เชน คุณไสย คาถาเวทมนตแ เช่ือฤกษแยาม ความฝันและโชคชะตา
มีขอหามขอปฏิบัติ เชน การผดิ ผี
3. วรรณกรรมนิทาน
เปน็ นทิ านท่เี ลา สบื ตอๆ กันมา เชน คา ว เป็นรอยกรองคลา ยกลอนแปด หรือ จอย หรอื นทิ านใน
รูปแบบอ่ืนๆ
4. ประเพณี
เป็นประเพณีท่เี กย่ี วกับชีวิตในครอบครัว หรือในชีวิตประจําวันในกลุมบาน ตําบล เชน ประเพณีแอว
สาว ทาํ บุญบาน ผูกขอมอื การบวชนาค การรดนํา้ ดาํ หวั และอื่นๆ
5. ศลิ ปหตั ถกรรม
เอกสารประกอบการเรียนรู้รายวชิ าหริภญุ ชัยบา้ นฉนั หนา้ ๕๔
ศิลปหตั ถกรรม มหี ลายประเภทที่มีชอื่ เสยี ง ไดแ ก การทําเครอ่ื งเขิน เคร่อื งเงนิ การแกะสลักไม การทํา
รมกระดาษสา การทําเครอ่ื งจกั สาน การทอผาพ้นื เมือง
6. ดนตรี การแสดง การละเลน
เคร่ืองดนตรีไดแกสะลอ ซึง ปี่ แน การแสดงการละเลนมีฟูอนแบบตางๆ เชน ฟูอนเทียน ฟูอนเล็บ
ฟูอนเงยี้ ว ละครซอ(การขบั รอ ง)
การอนุรักษม์ รดกทางวฒั นธรรม
การอนรุ กั ษแ หมายถึงการรกั ษาใหค งอยตู ามเดมิ คือการดูแลซอมแซมสืบทอด คุมครอง ปอู งกนั ไมใ ห
เสียหาย
การอนุรกั ษมแ รดกวัฒนธรรม หมายถึงการรกั ษาโบราณสถาน โบราณวตั ถุ ขนบธรรมเนียมประเพณีอัน
ดีงาม ซ่งึ เปน็ มรดกตกทอดมาชานานใหค งอยตู อ ไป นานท่ีสุดเทาที่จาํ ทาํ ได
แนวทางการอนรุ ักษ์มรดกวฒั นธรรม
1. สงเสรมิ ใหการศกึ ษาเก่ียวกับประเภท ความสาํ คัญของมรดกวัฒนธรรมในระบบโรงเรยี นทกุ ระดับ
2. สงเสรมิ ใหม ีการศึกษา วจิ ัย เรียนรู และสบื ทอดมรดกทางวฒั นธรรม โดยการปฏบิ ัติ โดยเฉพาะใน
ดานงานฝีมือ เชน การทอผาพื้นเมือง การทําเคร่ืองป้ันดินเผา ทํารม เครื่องเงิน ทําขนมและงานฝีมือท่ีเป็น
แบบอยางเฉพาะทองถิ่นตา งๆ โดยเนน ใหมกี ารดําเนนิ การเปน็ อาชีพเสรมิ ของประชาชนในหมบู าน
3. สงเสริมใหมกี ารนาํ เอาประเพณสี าํ คญั ๆ ของชาตแิ ละทอ งถ่นิ มาปฏบิ ัติในวาระอันสมควร
สม่ําเสมอและเหมาะสมกบั สภาพการปัจจุบัน
4. เปิดโอกาสใหประชาชน องคกแ รเอกชน ไดมสี วนรว มในการดูแลรกั ษาบูรณะปฏสิ งั ขรณแ
โบราณสถาน โบราณวตั ถสุ าํ คญั ๆ ในทองถ่ิน หรือโบราณสถานสําคญั ระดับชาติ และสนับสนุนใหมีการเผยแพร
ชอื่ เสียงขอประเทศ จังหวดั อาํ เภอ ตําบลและหมบู า นรวมท้ังพัฒนาแหลงทองเทีย่ วทางวฒั นธรรม
5. ดําเนินการประชาสัมพันธทแ ุกรูปแบบ ทางสอื่ มวลชนตางๆ เชน หนงั สือพิมพแ โทรทัศนแ วทิ ยุ
หนังสนั้ คลปิ วดิ ีโอ facebooK line และสอ่ื อ่ืนๆ เพ่อื ใหป ระชาชนตระหนักถงึ ความสําคัญคุณคาของมรดกทาง
วัฒนธรรมและใหค วามรวมมือในการอนรุ ักษแ
6.ดาํ เนนิ การอนุรกั ษมแ รดกทางวฒั นธรรมทกุ ประเภทตามหลกั วชิ าการ
คณุ ค่าและความสาคัญของโบราณสถาน
โบราณสถานทกุ แหงมคี ณุ คาและความสาํ คัญดานตา งๆ ดังน้ี
๑. ดานเอกลักษณแ เป็นคุณคาของโบราณสถานที่แสดงการรับรู หรือความเขาใจถึงที่มา สถานท่ีตั้ง
ชนชาติ ความเชื่อ ศาสนา ขนบธรรมเนียมและวฒั นธรรมของชมุ ชนใดชุมชนหนึ่ง หรือประเทศใดประเทศหน่ึง
โดยเฉพาะ ตวั อยา งเชน พระธาตหุ รภิ ุญชัย เป็นที่รบั รูกันวา เปน็ เอกลักษณแของเมืองลําพูน ตลอดจนเป็นความ
ภาคภมู ใิ จของชาวลาํ พูนและชาวเหนอื เปน็ ตน
เอกสารประกอบการเรียนรู้รายวชิ าหรภิ ุญชัยบา้ นฉัน หน้า ๕๕
๒. ดานวิชาการ เป็นคุณคาของโบราณสถานท่ีสะทอนเร่ืองราวในอดีตเป็นขอมูลทางดาน
ประวัติศาสตรแ โบราณคดี สถาปัตยกรรม ศิลปกรรม ซึ่งเป็นเคร่ืองแสดงประวัติความเป็นมาอันเกาแกของ
ชมุ ชน ของชาติ รวมทั้งเปน็ แหลงศึกษาและเรียนรูตลอดชีวิต เชน โบราณสถานวัดจามเทวี วัดสันปุายางหลวง
กูชาง กูม าวัดพระยนื แสดงเรื่องราวประวัติศาสตรชแ าตไิ ทยและแหลง เรยี นรทู างศลิ ปะทางโบราณคดี เปน็ ตน
๓. ดานเศรษฐกิจ เป็นคุณคาของโบราณสถานที่กอใหเกิดรายไดของชุมชนและของประเทศทั้ง
ทางตรงและทางออม จากการท่ีเป็นสถานที่ทองเที่ยว สรางกิจกรรมตางๆ อันสืบเนื่องจากการทองเท่ียว
พรอ มๆ กบั การศกึ ษาหาความรู ตวั อยางเชน กชู า ง กูม า เปน็ ตน
๔. ดานการใชส อย เป็นคุณคาของโบราณสถานทสี่ ามารถนํามาใชงานไดในปัจจุบัน ซ่ึงเป็นการใชงาน
ท่ไี มกอใหเกิดการเส่ือมสภาพ การเปล่ยี นแปลง หรอื การรอ้ื ทําลายโบราณสถานนน้ั ตวั อยา งเชน ศาลากลางเกา
จังหวัดราชบุรี หมูพระวิมานพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหนา) ปัจจุบันใชเป็นอาคารจัดแสดง
พิพิธภัณฑสถานแหงชาติ พระรามราชนิเวศนแ (วังบานปืน) ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑสถาน และจวนเรซิดังกัม
ปอรแต จังหวัดตราด เปน็ ตน ซ่งึ ปจั จบุ ันเปน็ ท่ที าํ การสาํ นักคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม เปน็ ตน
๕. ดานสังคม เป็นคุณคาของโบราณสถานท่ีเก่ียวของกับขนบธรรมเนียมจารีตประเพณี เป็นความ
ภาคภูมิใจของคนในสังคม เป็นศูนยแรวมจิตใจของคนในสังคม ตัวอยางเชน โบราณสถานวัดจามเทวี วัดสันปุา
ยางหลวง กูชา ง กมู าวดั พระยนื เปน็ ตน
เอกสารประกอบการเรียนรู้รายวิชาหรภิ ญุ ชยั บ้านฉนั หนา้ ๕๖
๖. ดานการเมือง เป็นคุณคาของโบราณสถานที่เก่ียวของกับเหตุการณแสําคัญในประวัติศาสตรแ การ
กําหนดขอบเขตหรือการรักษาอธิปไตย และการสรางความรวมมือรวมใจของคนท้ังชาติ ตัวอยางเชน วัดชล
ธาราสงิ เห หรอื วัดพทิ กั ษแแ ผนดินไทย อําเภอตากใบ จงั หวัดนราธวิ าส ซึง่ เป็นโบราณสถานสําคัญในการกําหนด
แบง เขตแดนระหวา งไทย – องั กฤษ ในสมัยรัชกาลท่ี ๕ เปน็ ตน
๗. ดา นสุนทรียภาพ เป็นคุณคาความงามของศิลปกรรมและสถาปัตยกรรม เชน โบราณสถานวัดจาม
เทวี วัดสันปุายางหลวง กชู าง กูม าวัดพระยนื เปน็ ตน
การอนุรกั ษโ์ บราณสถานและโบราณวัตถุ
กรมศิลปากรนิยามคํา ''การอนุรักษแ'' วาหมายถึง ''การดูแลรักษาเพ่ือใหคงคุณคาไว และใหหมาย
รวมถงึ การปูองกนั การรกั ษา การสงวน การปฏสิ ังขรณแและการบรู ณะดวย''
โบราณสถานและโบราณวัตถุ เปน็ หลกั ฐานทางประวัติศาสตรแประเภทหนึ่งที่อาจบอกความเป็นมาของกลุมชน
หมูบาน เมืองและประเทศชาติ นับต้ังแตอดีตกาลตอเนื่องมาจนถึงปัจจุบันได เป็นหนาที่ของชนรุนปัจจุบันท่ี
จะตองอนุรกั ษแทรัพยากรวฒั นธรรมประเภทนีไ้ วแ ละใชป ระโยชนใแ หคุมคา
''...โบราณสถานนั้นเป็นเกียรติของชาติ อิฐเกา ๆ แผนเดียวก็มีคา ควรจะชวยกันรักษาไว ถาเราขาด
สุโขทัย อยุธยา และกรุงเทพฯแลว ประเทศไทยก็ไมมีความหมาย '' น่ีคือกระแสพระราชดํารัสของ
พระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัวภูมิพลอดุลยเดช พระราชทานไวเมื่อ พ.ศ.2506 ในวโรกาสที่เสด็จประพาส
อยุธยา ยอมเป็นส่ิงที่ยืนยันความสําคัญอยางย่ิงของโบราณสถานท่ีมีตอการพัฒนาประเทศชาติ โดยเฉพาะ
ความสาํ คญั ที่เป็นคณุ คา ทางจิตใจ
ประโยชนแของโบราณสถานและโบราณวัตถุ อาจกลาวไดวาโบราณสถานและโบราณวัตถุนั้นมี
ประโยชนแอยา งยิ่งตอประเทศชาติถึง ๒ นัย คอื
๑. นยั ที่เก่ียวเน่ืองกับจิตใจของประชาชน กลาวคือ โบราณสถานยอมแสดงความเป็นมาของประเทศ
เป็นเกยี รตแิ ละความภาคภูมิใจของคนในชาตเิ ปน็ สิ่งทีโ่ ยงเหตกุ ารณใแ นอดีต และปัจจุบันเขาดวยกัน และเป็นส่ิง
ทเ่ี รานาํ มากระตนุ จิตสํานึกของคนในชาติได
๒. นัยท่ีเก่ียวเนื่องกับเศรษฐกิจของประเทศ กลาวคือ โบราณสถาน และโบราณวัตถุนั้นเป็น ''มรดก
วัฒนธรรม'' ที่แสดง ''เอกลักษณแ'' ของประเทศ จึงทําใหเกิดมี ''การทองเที่ยววัฒนธรรม'' ทํารายไดมหาศาล
ไดแก ทองถ่ินท่ีมีมรดกวัฒนธรรมของตนเอง การทองเท่ียววัฒนธรรมน้ีกอใหเกิดธุรกิจท่ีเก่ียวเน่ืองอีกหลาย
ประการ เชน ธุรกิจการคาขายอาหาร ธุรกิจการโรงแรม ธุรกิจการจัดพาหนะเดินทาง และธุรกิจการผลิตและ
จาํ หนายของที่ระลึก เป็นตน หากรัฐและประชาชนรวมมือกันอนุรักษแโบราณสถานและโบราณวัตถุก็จะทําให
เกดิ ประโยชนแแกป ระเทศชาติ
เอกสารประกอบการเรียนรู้รายวชิ าหรภิ ุญชยั บ้านฉัน หน้า ๕๗
กิจกรรมท้ายเรื่องท5่ี คณุ ค่าและแนวทางในการอนุรักษ์ โบราณสถาน โบราณวัตถุ สถาปตั ยกรรม
วัฒนธรรมและประเพณีทเี่ ก่ียวข้อง
คาช้ีแจง ใหน ักศึกษารวมกลมุ ตามความเหมาะสม รว มกัน แสดงความคดิ เหน็ เกี่ยวกับ โบราณสถาน
โบราณวัตถุ สถาปัตยกรรม วัฒนธรรมและประเพณี ของจังหวัดลําพูน วาส่ิงไหน กิจกรรมใด ที่นักศึกษา
อยากจะอนุรกั ษแไวม ากท่ีสดุ แลว นําเสนอในรปู แบบของแผนผงั ความคิด(เหตุผล คุณคา แนวทางฯเป็นตน) อยาง
นอยกลมุ ละ 1 เร่ือง พรอมตกแตงใหส วยงาม
***************************
เอกสารประกอบการเรียนรู้รายวชิ าหรภิ ุญชยั บา้ นฉนั หน้า ๕๘
ทปี่ รกึ ษา คณะผจู้ ดั ทา
วา่ ทีร่ อ้ ยตรี ดารงค์ องคะเส ผูอ้ านวยการ กศน.อาเภอเมืองลาพูน
คณะทางานจดั ทาเอกสารประกอบการเรยี นรู้
นางนิภา ช่วยงาน ครูชานาญการพิเศษ
นายอัครชัย วฒุ ิเสน ครูอาสาสมคั ร
นางศศธิ ร แก้วมารตั น์ ครูอาสาสมคั รฯ
นางสาวนฤดี อปุ กจิ ครู อาสาสมัครฯ
นางอทุ ัย สวุ รรณา ครู อาสาสมคั ร
นางกาญจนี ชัยวิศิษฐ์ ครู กศน.ตาบลเหมืองง่า
นางสาวศศธิ ร เลือดชยั พฤกษ์ ครู กศน.ตาบลเหมืองจี้
นางอรพรรณ สทิ ธิใหญ่ ครู กศน.ตาบลในเมือง
นางสาวจฑุ าทพิ ย์ วจิ ติ ร ครู กศน.ตาบลประตูปา่
นายณัฐกันต์ เป็งธรรม ครู กศน.ตาบลเวยี งยอง
นางณฏั ฐ์ปาณี ราชา ครู กศน.ตาบลบา้ นแปน้
นายกฤษณพงษ์ มูลหงส์ ครู กศน.ตาบลหนองช้างคืน
นางสาวอมั พร วงค์คามูล ครู กศน.ตาบลตน้ ธง
นางสาวกันยา แอน่ กาศ ครู กศน.ตาบลศรบี ัวบาน
นายเมฆ อินตื้อ ครู กศน.ตาบลรมิ ปงิ
นาภูวดล ไชยวงค์ ครู กศน.ตาบลอโุ มงค์
นางสาวศุขวญั อิยะสาม ครู กศน.ตาบลมะเขือแจ้
นายสมชาติ โต๊ะเงนิ ครู กศน.ตาบลหนองหนาม
นายณฐั พงษ์ น้องศลิ า ครู กศน.ตาบลบ้านกลาง
นางพรวิภา หาญจริง ครู กศน.ตาบลป่าสกั
นางสาวธวัลพร ศรีมนั ตะ ครู ศรช.ตาบลบา้ นกลาง
นางสาวพนดิ า ตาพนัส ครู ศรช.ตาบลมเชือแจ้
ครู ศรช.ตาบลในเมือง
นางสาวสายชล คาแปง ครูชานาญการพเิ ศษ
ครู กศน.ตาบลประตูป่า
ผรู้ วบรวม ครู ศรช.ตาบลในเมือง
ครูชานาญการพิเศษ
นางนภิ า ช่วยงาน
ครู ศรช.ตาบลบ้านกลาง
นางสาวจฑุ าทิพย์ วจิ ติ ร์
ครูชานาญการพเิ ศษ
นางสาวจฑุ ามาศ ทะนุชติ
บรรณาธกิ าร/เรยี บเรยี ง
นางนิภา ช่วยงาน
ออกแบบปก ถาวร
นายธนสทิ ธ์ิ
จดั ทารปู เลม่ ช่วยงาน
นางนภิ า