The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หริภุญชัยบ้านฉัน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Phitakchon Choeichoo, 2020-05-14 22:31:12

หริภุญชัยบ้านฉัน

หริภุญชัยบ้านฉัน

Keywords: หริภุญชัยบ้านฉัน

เรื่องที่ 4
โบราณวตั ถุ โบราณสถาน สถาปตั ยกรรม ของจงั หวัดลาพนู

โบราณวตั ถุ

ความหมายของโบราณวัตถุ
คําว฽า “โบราณวัตถุ” ถือได฾ว฽าเป็นคําที่อยู฽ควบค฽ูกับคําว฽าโบราณสถานเสมอ ตามพจนานุกรม ฉบับ

ราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.๒๔๙๓ ได฾ให฾ความหมายของคําว฽าโบราณวัตถุ ไว฾ว฽าหมายถึง “ของโบราณ”
แต฽ความหมายดังกล฽าวก็เปล่ียนไปตามที่ปรากฏในพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๒๕ได฾ให฾
ความหมายไว฾วา฽ “ส่งิ ของโบราณที่เคลื่อนท่ีได฾ เช฽น พระพุทธรูป เทวรูป ศิลาจารึก มีอายุเก฽ากว฽า ๑๐๐ ปี ขึ้น
ไป” พร฾อมทั้งให฾ความหมายทางกฎหมายไวด฾ ฾วยว฽า “สังหาริมทรัพยแที่เป็นของโบราณ ไม฽ว฽าจะเป็นสิ่งประดิษฐแ
หรอื เป็นส่งิ ทเี่ กิดขึ้นตามธรรมชาติ หรือท่เี ป็นส฽วนหนง่ึ สว฽ นใดของโบราณสถาน ซากมนษุ ยแ หรอื ซากสัตวแ ซึ่งโดย
อายหุ รอื โดยลักษณะแห฽งการประดิษฐแ หรือโดยหลักฐานเก่ียวกับประวัติของสังหาริมทรัพยแน้ันเป็นประโยชนแ
ในทางศิลปะ ประวัติศาสตรแ หรือโบราณคดี” ซึ่งความหมายดังกล฽าวก็ยังใช฾อยู฽ในพจนานุกรม ฉบับ
ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ.๒๕๔๒

ความสาคญั ของโบราณวตั ถุ
โบราณวัตถุมคี วามสาํ คญั เป็นอยา฽ งยิ่งในการใช฾ศึกษาถึงเรื่องราวและพฤติกรรมของคนในอดีตเราอาจ

ทราบถงึ วิถชี ีวติ และความเป็นอย฽ูของคนในอดีตได฾จากส่ิงของเหล฽านี้น่ันหมายความว฽าโบราณวัตถุสามารถเล฽า
เรือ่ งราวทางประวตั ศิ าสตรอแ ันยาวไกลของผ฾ูคนในอดตี (ต้ังแตก฽ ฽อนทจี่ ะมีการบันทึกเล฽าเรื่องราวเป็นลายลักษณแ
อักษร) ให฾เราไดร฾ ู฾ตวั อยา฽ งเช฽นเศษเคร่อื งป้นั ดนิ เผาสามารถเลา฽ เรือ่ งราวของมนุษยแในอดีตได฾มากต้ังแต฽การแสดง
ใหเ฾ หน็ ถงึ ความสามารถทางเทคโนโลยีในการผลิตรูปแบบภาชนะซึ่งอาจแสดงให฾เห็นถึงความนิยมในกลุ฽มชนท่ี
แตกตา฽ งกันแม฾กระท่งั สามารถบอกถึงการติดต฽อสัมพันธแของคนในทอ฾ งถิน่ ต฽างๆและบอกเสน฾ ทางการค฾าหรือการ
คมนาคมกับดินแดนอ่นื ๆไดอ฾ ีกดว฾ ย

ประเภทของโบราณวัตถุ
การแบ฽งประเภทโบราณวตั ถุนั้นตามหลักวชิ าการโบราณคดอี าจแบง฽ ได฾เปน็ ๒ประเภทใหญ฽คอื
(๑) โบราณศิลปวัตถุหรือโบราณวัตถุท่ีมนุษยแสร฾างข้ึน (Artifacts) ได฾แก฽สิ่งของเคร่ืองมือเครื่องใช฾ที่

มนษุ ยสแ ร฾างขนึ้ ดว฾ ยวัสดุประเภทต฽างๆเช฽นเครื่องมือหินเคร่ืองปั้นดินเผาเคร่ืองประดับประติมากรรมจิตรกรรม
จารกึ เปน็ ตน฾

(๒) นิเวศวัตถุหรือโบราณวัตถุท่ีเป็นของตามธรรมชาติหรือสภาพแวดล฾อม (Ecofacts) ที่ไม฽ใช฽ส่ิงที่
มนุษยสแ รา฾ งหรอื ประดษิ ฐแข้ึนโดยตรงแตเ฽ กย่ี วข฾องกับมนุษยแแ ละสามารถสะทอ฾ นใหเ฾ หน็ ถึงพฤติกรรมของมนุษยใแ น
อดีตหรือมรี อ฽ งรอยทแ่ี สดงให฾เหน็ ถงึ กจิ กรรมของมนษุ ยแเชน฽ กระดกู สตั วเแ มลด็ พชื ซงึ่ เราสามารถนําไปศกึ ษาถึง

เอกสารประกอบการเรียนรู้รายวิชาหริภุญชยั บ้านฉัน หน้า ๓๖

ศิลาจารกึ อนั จัดตัง้ ทพ่ี พิ ธิ ภัณฑสถานแหง฽ ชาติ หรภิ ุญชยั จังหวดั ลําพูน ทัง้ หมดมี ๒๓ หลัก อาจจะแบ฽ง
ออกไดต฾ ามสมยั เปน็ ๒ ระยะ คอื

๑. ศิลาจารึกสมัยหรภิ ุญชยั ราวพทุ ธศตวรรษที่ ๑๗ จํานวน ๗ หลกั
จารึกดว฾ ยอักษรมอญโบราณ และจารกึ เป็นภาษามอญโบราณก็มี บางทีขึ้นต฾นจารึกเป็นภาษาบาลีแล฾ว
แปลเป็นภาษามอญ หรือบางหลักจารึกท้ังภาษามอญและภาษาบาลีรวมกันไป ลักษณะอักษรจารึกจากศิลา
จารกึ ๗หลกั ในพพิ ธิ ภณั ฑสถานแหง฽ ชาติ หริภญุ ชยั เปน็ รูปแบบตัวอกั ษรเหมือนกับตัวอักษรซึ่งจารึกอยู฽ในศิลา
จารึก "มรเจดียแ" ( Mayazedi) ของพระเจ฾ากยันจิตซา กษัตริยแพม฽าผ฾ูครองกรุงพุกามทรงกระทําขึ้นเม่ือ พ.ศ.
๑๖๒๘ และ ๑๖๓๐

ศลิ าจารกึ ภาษามอญโบราณสมยั หริภญุ ชัยท่พี บในจงั หวัดลําพูน จํานวน ๗ หลัก คือ
๑. จารกึ วดั ดอนแก฾ว ๑
๒. จารึกวดั ดอนแกว฾ ๒
๓. จารึกวดั มหาวัน
๔. จารกึ วัดบ฾านหลวย
๕. จารกึ วัดแสนข฾าวห฽อ
๖. จารกึ วดั กก฽ู ดุ ๑
๗. จารกึ วดั กู฽กุด ๒

๒. ศลิ าจารึกสมัยลา้ นนา ตง้ั แตพ฽ ทุ ธศตวรรษท่ี ๒๐ จาํ นวน ๑๖ หลัก
ในจงั หวดั ลําพนู ได฾พบหลักฐานศลิ าจารึกอักษรไทย ภาษาไทยล฾านนาท่ีเก฽าท่สี ดุ เพียงแค฽พุทธศตวรรษที่
๒๐คือศิลาจารึกวัดพระยืน พ.ศ.๑๙๑๓จากการวิเคราะหแข฾อมูลทางโบราณคดีประวัติศาสตรแ จารึก ตํานาน
พงศาวดารต฽างๆ สรุปได฾อย฽างกว฾างว฽า ในดินแดนแถบล฽ุมแม฽น้ําปิงและน้ําวัง บริเวณจังหวัดลําพูน ลําปางใน
ปัจจุบันมีกล฽ุมชนซึ่งใช฾อักษรมอญโบราณตั้งถิ่นฐานบ฾านเรือนอย฽ูอย฽างเป็นอิสระ เจริญร฽ุงเรืองด฾วยอารยธรรม
ทางพระพุทธศาสนาท่ใี ชัภาษาบาลี เมอ่ื พทุ ธศตวรรษท่ี ๑๓มกี ารสรา฾ งเมืองหริภญุ ชยั อารยธรรมรอบแรกน้ันรับ
ขึ้นมาจากบรเิ วณที่ราบภาคกลางซง่ึ ขณะนน้ั มีเมืองละโว฾เป็นเมืองสําคญั ตอ฽ มามีการติดต฽อสัมพันธแกับเมืองใหญ฽
ในสหภาพพมา฽ เช฽นหงสาวดี และพุกาม จนถงึ พทุ ธศตวรรษที่ ๑๙ พญายีบากษัตริยแองคแสุดท฾ายเสียอํานาจการ
ปกครองแก฽พญามงั ราย แว฽นแคว฾นทางการปกครองของหรภิ ุญชยั จึงสนิ้ สดุ ลงต้งั แต฽น้นั เป็นตน฾ มา

เอกสารประกอบการเรียนรู้รายวชิ าหริภญุ ชยั บา้ นฉัน หนา้ ๓๗

ศิลาจารกึ หรภิ ุญชยั
ทะเบียนเลขท่ี ๓๕๔/๑๘

แผ฽นศิลาจารึก ชนิด หิน อักษรมอญโบราณ
ด฾านท่ี ๑ มี ๑๙ บรรทดั ด฾านที่ ๒ มี ๑๙ บรรทดั

หนา ๒๙ เซนตเิ มตร สงู ๑๒๔ เซนตเิ มตร กว฾าง ๙๘ เซนติเมตร
อกั ษรมอญโบราณ ภาษาบาลี และอักษรมอญ พบที่วดั กูก฽ ุด (จามเทว)ี
อายรุ าวพทุ ธสตวรรษท่ี ๑๗ กลา฽ วถึงพระเจ฾าสววาธิสทิ ธิ ทรงปฏสิ งั ขรณแ

พระรัตนเจดยี แ แทนองคแเดมิ ทท่ี รุดโทรมเนื่องจากแผ฽นดินไหว

แหลง่ โบราณคดีเมืองลาพนู

แหล฽งโบราณคดีสมัยก฽อนล฾านนาในลุ฽มแม฽น้ํากวง พบแหล฽งโบราณคดีหลายแห฽งท่ีแสดงให฾เห็นถึง
พัฒนาการของการอย฽ูอาศัยท่ีต฽อเน่ืองเป็นระยะเวลายาวนาน มีผู฾คนอย฽ูอาศัยดํารงชีวิตแบบดั้งเดิม ในสังคม
เกษตรกรรมสมัยโลหะตอนปลาย กระจายอย฽ูตามแนวลํานํ้าตั้งแต฽พุทธศตวรรษที่ ๑๑ - ๑๒ มีรูปแบบทาง
วัฒนธรรมรวมกนั เป็นของตนเอง และมกี ารติดตอ฽ แลกเปลี่ยนกับชมุ ชนภายนอก จนถึงประมาณพุทธศตวรรษท่ี
๑๓ - ๑๔ เม่ือวัฒนธรรมจากภาคกลางของประเทศเข฾ามาผสมผสานกับวัฒนธรรมท฾องถิ่น ทําให฾เกิดการ
เปลี่ยนแปลงทางสังคม และวัฒนธรรม

แหล฽งโบราณคดีเมืองลําพูน ที่ต้ังเมืองลําพูน หรือหริภุญชัย ตั้งอยู฽ติดกับแม฽น้ํากวง ทางด฾านทิศ
ตะวันออกของตวั เมืองปจั จบุ ัน มผี ังเมืองเป็นรูปสี่เหลี่ยมค฽อนข฾างรี หรือที่ตามตํานานกล฽าวว฽ามีรูปเหมือนหอย
สังขแ เมืองน้ีตามตํานานกล฽าวว฽า ฤาษีวาสุเทพได฾สร฾างข้ึนมาแล฾ว ไปอัญเชิญพระนางจามเทวีราชธิดากษัตริยแ
เมอื งละโว฾มาปกครอง เมอื่ ประมาณพทุ ธศตวรรษที่ ๑๒ - ๑๓ มีกษัตริยปแ กครองสืบตอ฽ กนั มาจนถงึ พทุ ธศตวรรษ
ท่ี ๑๙ ในสมัยพญาญีบาจึงส้ินราชวงศแ มีหลักฐานจากศิลาจารึกภาษามอญโบราณ เป็นอักษรมอญเจ็ดหลัก
กล฽าวถึงกษัตรยิ แหริภญุ ชัย ทีค่ รองราชยใแ นชว฽ งปี พ.ศ.๑๕๙๖ - ๑๖๔๑ ทรงบาํ เพญ็ กุศลเน่ืองในพทุ ธศาสนา

แหลง฽ โบราณคดีวดั สงั ฆาราม (ประตลู ้ี) ต้ังอยูใ฽ นเขตตําบลในเมือง อําเภอเมอื งฯ วดั สังฆาราม เป็นวัด
เกา฽ แก฽ ตง้ั แต฽สมยั พระนางจามเทวี กลา฽ วกนั วา฽ เปน็ วัดหนึง่ ของวัดส่มี ุมเมือง เปน็ วดั ทตี่ ้งั อย฽นู อกกําแพงเมืองด฾าน
ทิศใต฾ พบพระพิมพแดินเผาสกุลช฽างต฽าง ๆ ภาชนะดินเผาแบบหริภุญชัย และกล฽ุมโครงกระดูกคนเป็นจํานวน
มาก พบหมอ฾ ท่บี รรจุกระดกู คนแบบวัฒนธรรมหรภิ ญุ ชัย เศษกระดูกคนเผาไฟ ลูกปัดแก฾ว พระพิมพแดินเผา เชิง
เทียน ภาชนะดินเผาประเภทเครื่องเคลือบสีขาวของจีน สมัยราชวงศแซ฽ุง เครื่องประดับสําริด เครื่องมือเหล็ก
กระเบื้องมุงหลังคา และมีเศษอฐิ กระจายอยห฽ู นาแนน฽

แหลง฽ โบราณคดีบ฾านวังไฮ ต้ังอยู฽บนที่ราบทางตะวันออกของแม฽นํ้ากวง ในเขตบ฾านวังไฮ ตําบลเวียง
ยอง อาํ เภอเมือง สภาพพน้ื ทโี่ ดยทั่วไปเป็นที่โล฽ง บริเวณที่พบหลักฐานเป็นเนินดินสูงกว฽าบริเวณพ้ืนท่ีโดยรอบ
เล็กน฾อย พบเม่ือปี พ.ศ.๒๕๒๙ ได฾พบโบราณวัตถุหลายประเภท ได฾แก฽ โครงกระดูกมนุษยแ ภาชนะดินเผา
เครือ่ งมือหินกะเทาะ เครื่องมอื เหล็ก เคร่ืองประดับประเภทลูกปัดหิน ลูกปัดแร฽ อาเกต กําไลสําริด ต฽างหูแก฾ว
ฯลฯ จากหลักฐานท่ีพบพอสรุปได฾ว฽า ในระยะแรกมีกล฽ุมชนสังคมดั้งเดิมอย฽ูในแถบที่ราบเชียงใหม฽ -ลําพูน มี
วฒั นธรรมแบบแรกเริม่ สงั คมบรรพกาล มกี ารติดต฽อกับกลุ฽มชนจากภาคกลางที่นําวัฒนธรรม ทวาราวดีมาด฾วย
และเริ่มค฽อย ๆ เปลี่ยนแปลงการฝงั ศพมาเปน็ การเผาศพ เพราะจากช้ันดินท่ีสองได฾พบภาชนะแบบหริภุญชัยท่ี
ใชบ฾ รรจุกระดกู อย฽เู ป็นจาํ นวนพอสมควร

แหล฽งโบราณคดีโรงเรยี นบ฾านเวียงยอง (วัดดอนแก฾ว) วัดดอนแก฾วเป็นวัดร฾าง ต้ังอยู฽นอกกําแพงเมือง
ทางด฾านตะวันออกของแม฽น้ํากวง ในเขตตําบลเวียงยอง อําเภอเมืองฯ พบพระพุทธรูปหินทรายสามองคแ พบ

เอกสารประกอบการเรียนรู้รายวิชาหริภญุ ชยั บ้านฉนั หนา้ ๓๘

ศิลาจารึกสองหลักเป็นเร่ืองราวการสร฾างเจดียแโดยพระเจ฾าสรรพสิทธ์ิ มีอายุอย฽ูประมาณ พุทธศตวรรษที่ ๑๗
จากการขุดค฾นทางโบราณคดี พบหลักฐานกิจกรรมของมนุษยแในอดีตเป็นสามระยะ ได฾ขุดพบก฾อนดินเหนียวท่ี

เหมาะสาํ หรับทําผลิตภัณฑปแ ระเภทดินเผา พบร฽องรอยเกีย่ วกบั ประติมากรรมรูปป้ัน ได฾พบก฾อนดินเผาเนื้อสุกสี
แดง ซง่ึ สันนิษฐานว฽าเป็นแกนของประติมากรรมปูนปั้น เป็นการพบหลักฐานกิจกรรมท่ีอาจเกี่ยวข฾องกับ การ

สร฾างวัตถุเน่ืองในพระพุทธศาสนา
แหล฽งโบราณคดีบ฾านวังม฽วง ต้ังอย฽ูริมฝั่งซ฾ายของแม฽นํ้ากวง ในเขตตําบลเวียงยอง อําเภอเมือง ฯ

พน้ื ท่ีเปน็ ดินปุาละเมาะ พบเศษภาชนะดินเผาคล฾ายคลึงกับที่พบในแหล฽งโบราณคดีบ฾านศรีย฾อย สันนิษฐานว฽า

เปน็ แหลง฽ โบราณคดีทอ่ี ยู฽ในสมัยหริภญุ ชยั หรอื ก฽อนหนา฾ นนั้
แหลง฽ โบราณคดีบ฾านศรีย฾อย ต้ังอยู฽ริมตล่ิงฝั่งขวาของแม฽นํ้ากวงค฽อนไปทางทิศใต฾ของตัวเมืองลําพูน

ในเขตตําบลต฾นธง อําเภอเมือง ฯ พบเศษภาชนะดินเผาตกแต฽งผิวด฾วยลวดลาย และวิธีการต฽าง ๆ ท้ังลายขูด
ลายขีด ลายประทบั ภาชนะรปู ทรงตา฽ ง ๆ เช฽นหมอ฾ ก฾นกลม หมอ฾ มีเชิง ชามกน฾ บาตร และฝาโกศ ซ่ึงเป็นภาชนะ
ในสมยั หริภุญชัย สนั นิษฐานวา฽ เปน็ แหลง฽ ทีอ่ ยอู฽ าศยั ของชุมชนเกษตรกรรมสมยั หรภิ ญุ ชัย หรอื ก฽อนหน฾านั้น

แหล฽งโบราณคดีวัดมณียาราม (กู฽ละมัก) ต้ังอย฽ูทางทิศใต฾ของตัวเมืองลําพูน ริมฝั่งแม฽น้ํากวงฝ่ัง
ตะวันตก ในเขตตาํ บลบา฾ นธง อาํ เภอเมอื ง ฯ ตามพงศาวดารโยนก ได฾กลา฽ วถึง การสร฾างมหาเจดียแในวัดกู฽ละมัก

โดยพระนางจามเทวโี ปรดให฾นายธนศู ิลปย฼ งิ ธนูเสี่ยงทาย เพอื่ หาสถานทส่ี ร฾างมหาเจดยี แ ธนมู าตกริมฝั่งแม฽นํ้ากวง
ด฾านทิศตะวันตก บริเวณที่เป็นวัดก฽ูละมักปัจจุบัน พระนางจามเทวีจึงโปรดให฾ก฽อมหาเจดียแตรงจุดที่ลูกธนูตก
แลว฾ บรรจุพระบรมสารรี ิกธาตุไว฾ภายใน

แหล฽งโบราณคดีบ฾านบ฽อแก฾ว ตั้งอยู฽ในเขตตําบลต฾นธง อําเภอเมือง ฯ พบเศษภาชนะดินเผา เครื่อง
เคลือบเตาพื้นเมอื งลา฾ นนา และเคร่อื งถว฾ ยจนี โดยขุดพบตุ฾มถ฽วงแหดินเผา กล฾องยาสูบดินเผา ลูกปัดหินคารแเน

เลยี น ภาชนะดนิ เผาทรงหมอ฾ คณที ซึ่งเปน็ ลกั ษณะของภาชนะแบบหรภิ ุญชัย แสดงว฽ามีการใช฾พื้นที่แห฽งนี้เป็นท่ี
อยอู฽ าศยั มาตง้ั แตส฽ มยั หริภญุ ชัยแลว฾
แหล฽งโบราณคดีบ฾านสันต฾นธง ตั้งอยู฽ทางทิศตะวันตกของแม฽นํ้ากวง ในเขตตําบลต฾นธง อําเภอเมือง ฯ

ลกั ษณะพนื้ ที่เปน็ เนนิ เตย้ี ๆ กลางท฽ุงนา มีซากโบราณสถานเป็นเนินเต้ีย ๆ และมีเศษอิฐกระจายอย฽ูทั่วไป พบ
โบราณวัตถุที่เป็นเศษภาชนะกระเบ้ือง อิฐเสาอาคาร ช้ินส฽วนภาชนะลายขูดขีดรูปสามเหลี่ยมแบบหริภุญชัย

และช้ินส฽วนสถาปัตยกรรมในสมัยล฾านนา แสดงว฽าพ้ืนที่นี้มีการอยู฽อาศัยต้ังแต฽สมัยหริภุญชัยต฽อเน่ืองมาจนถึง
ลา฾ นนา

แหล฽งโบราณคดีบ฾านสัมมะนะ ตั้งอยู฽ในเขตตําบลต฾นธง อําเภอเมือง ฯ พบเศษภาชนะดินเผา ซึ่ง

สามารถนํามาต฽อกันได฾เป็นรูปทรงหม฾อก฾นกลมขนาดเล็กและขนาดใหญ฽ หม฾อขนาดใหญ฽ข้ึนรูปด฾วยมือ เนื้อดิน
ค฽อนข฾างละเอียด ทําลายเชือกทาบบริเวณก฾นหม฾อ ส฽วนหม฾อขนาดเล็กมีเน้ือหยาบ ลายเชือกทาบ และอีกใบ

หนึ่งทาํ ลายขูดขีดเป็นเสน฾ คลนื่ รอบตัวหมอ฾ และไหล฽ โดยผวิ ภาชนะมกี ารทาํ น้ําดิน และขัดมัน นอกจากน้ียังพบ
ภาชนะรูปทรงกระบอก ที่มีการขัดผิวดํา และทําลายขูดขีดรอบ ๆ ภาชนะ และยังพบกระดูกมนุษยแถูกฝังอย฽ู
รว฽ มกบั ภาชนะดนิ เผาดงั กลา฽ ว พ้ืนทีน่ ้ีจงึ น฽าจะเปน็ แหลง฽ ฝังศพของกล฽มุ คนพนื้ เมืองดง้ั เดมิ ท่ีดํารงชีวิตตั้งถิ่นฐาน

อยบู฽ ริเวณท่ีราบรมิ แม฽นํ้า
แหล฽งโบราณคดีวัดสันริมปิง ต้ังอย฽ูในเขตตําบลริมปิง อําเภอเมือง ฯ จากการสํารวจ เมื่อปี พ.ศ.

๒๕๒๘ พบโบราณวัตถุจําพวกเศษภาชนะดินเผากระจัดกระจาย โบราณวัตถุท่ีพบส฽วนใหญ฽เป็นของใช฾ใน
ชวี ติ ประจาํ วัน และโบราณวตั ถุทเี่ กี่ยวเนื่องกับการสร฾างท่ีอย฽ูอาศัยหรอื ศาสนสถาน จงึ สันนิษฐานได฾ว฽าพื้นท่ีแห฽ง
นีน้ ฽าจะเป็นที่อยูอ฽ าศัยของชมุ ชนขนาดใหญ฽ และน฽าจะมีความสมั พันธแกับชุมชนภายในเมอื งหริภุญชัย และมีการ

ใช฾พน้ื ท่อี ยอ฽ู าศัยอยา฽ งต฽อเนอ่ื งมาจนถงึ สมยั ล฾านนา

เอกสารประกอบการเรียนรู้รายวชิ าหรภิ ญุ ชัยบ้านฉัน หนา้ ๓๙

แหล฽งโบราณคดีเมืองโบราณ ต้ังอยู฽บนเนินเขาในเขตตําบลล้ี อําเภอลี้ ได฾มีการสํารวจ เมื่อปี พ.ศ.
๒๕๒๕ พบหลักฐานทางโบราณคดีประเภท ภาชนะดินเผา ตะกัน ครกดินเผา สากดินเผา เครื่องถ฾วยจีน
เครื่องมือเหล็ก เคร่ืองมือหิน สรุปได฾ว฽าเมืองโบราณแห฽งนี้มีอายุอยู฽ประมาณ พุทธศตวรรษที่ ๒๐ จนถึงกลาง
พุทธศตวรรษท่ี ๒๒

แหล฽งโบราณคดีบ฾านทาปลาดุก ต้ังอย฽ูในเขตตําบลทาปลาดุก อําเภอแม฽ทา เป็นแหล฽งฝังศพของ
มนษุ ยแสมยั ก฽อนประวตั ิศาสตรแตอนปลาย พบเม่อื ปี พ.ศ.๒๕๓๙ โบราณวัตถุท่ีพบได฾แก฽ โครงกระดูกมนุษยแหน่ึง
โครง ขวานหินขดั ขนาดเล็กหนงึ่ ช้ิน ภาชนะดินเผาหลายใบ

ศิลปะทวารวดีตน้ กาเนิดพุทธศิลป์ในประเทศไทยและพุทธศลิ ปใ์ นเมืองลาพนู
ศลิ ปะทวารวดี เป็นศิลปะต฾นอารยธรรมสมัยประวัติศาสตรแที่มีการพัฒนาอย฽างต฽อเนื่อง ในบริเวณล฽ุม

นํา้ เจ฾าพระยาระหวา฽ งพุทธศตวรรษที่ ๑๑ - ๑๖ บรรดาโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และโบราณสถาน ส฽วนใหญ฽ล฾วน
สร฾างข้ึนเนื่องในพระพุทธศาสนาลัทธิหินยาน หากแต฽ยังปรากฏหลักฐานการนับถือศาสนาพุทธลัทธิมหายาน
และฮนิ ดูรวมอยูด฽ ฾วย

ในเมืองลาํ พูนหรอื หริภุญชัยนั้น มีการขุดพบพระพิมพแ พระพุทธรูป รูปเคารพของเทพเจ฾าท่ีมีทั้งเนื้อ
ดินและเนื้อโลหะชนิดต฽างๆมากมายหลายรูปแบบท่ีเป็นศิลปะ ศรีวิชัยและทวารวดี ซ่ึงล฾วนแต฽มีคุณค฽าทาง
ประวตั ิศาสตรศแ ลิ ป฼ ท่ีชวนให฾คิดไปว฽า ด฾วยอิทธิพลของศิลปะท้ังสองดังกล฽าว คงจะเป็นแรงผลักดันให฾เกิดพระ
พิมพแและพระพุทธรูปท่ีมีลักษณะเฉพาะตัวเป็นพุทธศิลป฼แบบหริภุญชัยดังที่เห็นในปัจจุบัน และจากพุทธศิลป฼
อันสําคัญแห฽งเมืองโบราณอันเก฽าแก฽แห฽งนี้ยังส฽งผลให฾เกิดพุทธศิลป฼ร฽ุนหลังๆที่ตามมาอย฽างเช฽นศิลปะสุโขทัย
ศลิ ปะเชียงใหมเ฽ ป็นตน฾

ภาพที่ ๑ ทเี่ หน็ นี้เปน็ เศียรของพระโพธสิ ัตวทแ รงมงกฎุ ท่นี ิยมเรยี กกันวา฽ ทรงเทริด ศิลปะหริภุญชัย เป็น
เศียรทีม่ คี วามงดงามและสมบูรณมแ าก

เอกสารประกอบการเรียนรู้รายวชิ าหริภญุ ชยั บ้านฉนั หน้า ๔๐

ภาพท่ี ๒ เป็นภาพของพระพิมพแท่ีมีการขุดพบในเมืองลําพูน ซ่ึงยังไม฽เคยมีการนําออกมาเผยแพร฽ให฾
เห็น รูปลักษณะของพระพมิ พแองคแนเ้ี ป็นรปู ของพระพทุ ธเจ฾าปางประทานอภยั

ภาพท่ี ๓ เป็นภาพของท฾าวกุเวร ที่มกี ารยอมรบั กันวา฽ เป็นเทพเจา฾ แห฽งความมงั่ ค่งั

เอกสารประกอบการเรียนรู้รายวชิ าหรภิ ุญชยั บา้ นฉนั หนา้ ๔๑

ภาพที่ ๔ เป็นภาพของท฾าวกุเวรอีกแบบหน่ึงที่มีเน้ือเป็นดินเผา ท฾าวกุเวรองคแนี้ทรงเครื่องเต็มยศ
ประทับนง่ั ในท฽ามหาราชลีลาอีกรปู แบบหนง่ึ แตกตา฽ งจากภาพที่สาม

ภาพที่ ๕ เป็นเศียรของพระพุทธรูปเนื้อดินเผาศิลปะหริภุญชัยอีกแบบหนึ่ง ท่ีทําข้ึนโดยการกดจาก
แม฽พมิ พแ

ภาพที่ ๖ เปน็ เศียรทม่ี ีความแปลกมากเศียรหนึ่ง ของบรรดาเศียรทขี่ ดุ พบในเมืองลาํ พูน

เอกสารประกอบการเรียนรู้รายวชิ าหรภิ ญุ ชัยบ้านฉัน หนา้ ๔๒

ภาพท่ี ๗ เปน็ เศียรพระพทุ ธรปู เนือ้ ดนิ เผาสแี ดง เม็ดพระศกเปน็ เม็ดทาํ เปน็ ตมุ฽ เลก็ ๆเรียงไปทัว่ ทั้งเศยี ร

ภาพท่ี ๘ เปน็ เศยี รของพระพทุ ธรปู ที่เรยี กกนั วา฽ “แม฽พระรอด”

ภาพท่ี ๙ เป็นเศียรท่ีดูแปลกมากเศียรหน่ึง มีจมูกท่ีโตเห็นรูจมูกท้ังสองอย฽างชัดเจน วงหน฾าเป็นรูปไข฽
ดวงตาท้งั สองหลับพร้มิ เหลอื บลงต่าํ ค้วิ เป็นแบบธรรมดาโกง฽ ทง้ั สองขา฾ ง

เอกสารประกอบการเรียนรู้รายวชิ าหริภุญชยั บ้านฉัน หน้า ๔๓

ภาพที่ ๑๐ เป็นภาพของเศียรทเี่ ป็นศลิ ปะหรภิ ุญชยั ที่มีใบหน฾าเป็นรูปไข฽ ส฽วนบนของเศียรกลมมนไม฽มี
อุษณีษะคอื ส฽วนของกะโหลกศรษี ะทน่ี ูนขนึ้ กลางศรษี ะอนั เปน็ สญั ลกั ษณแของมหาบุรุษ

ภาพที่ ๑๑ เปน็ ภาพของเศียรพระสาวก เปน็ เศยี รขนาดยอ฽ ม

ภาพท่ี ๑๒ เปน็ ภาพของเศยี รทมี่ ขี นาดไม฽ใหญ฽นกั เปน็ เศียรที่มคี วามแปลก ที่มหี น฾าเปน็ รปู ไข฽ เกศเกล฾า
ขึ้นเปน็ ม฽นุ มวยผมช้นั เดียว สว฽ นบนมเี ครื่องประดบั เป็นกรวยแหลม เม็ดพระศกทําเป็นเม็ดกลมท่ัวเศียร คิ้วโก฽ง
เหมอื นค้ิวคนธรรมดา ดวงตาหลับพร้ิม เปลือกตาโปนนนู จมกู โด฽งเป็นสัน ปากเมม฾ สนทิ

โบราณสถาน

ความหมายโบราณสถานโดยท่วั ไป หมายถงึ อาคารหรอื สิ่งกอสรางทม่ี นษุ ยสรางข้ึนทีม่ คี วามเกา฽ แก฽ มี
ประวัติความเปนมาที่เปนประโยชนทางดานศิลปะ ประวัติศาสตรหรอื โบราณคดีและยงั รวมถึงสถานท่ีหรือเนิน

เอกสารประกอบการเรียนรู้รายวชิ าหริภุญชัยบา้ นฉนั หน้า ๔๔

ดินทม่ี ีความสําคญั ทางประวัติศาสตรหรอื มรี องรอยกิจกรรมของมนุษยปแ รากฏอยู

ความสาคัญของโบราณสถาน

ในเชงิ วิชาการนนั้ เปนที่ประจักษชัดเจนวา เราสามารถเรียนรูเร่ืองภูมปิ ญญาของมนุษยสมัยอดีตไดจาก
โบราณสถาน โบราณวัตถุและแหลงโบราณคดีประเภทตางๆนอกจากน้ีเรายังสามารถเรียนรูถึงวิธีการด้ินรน
ขวนขวายและปรับตวั ของมนษุ ยแเพ่ือการอยูรอดเพื่อการดํารงสังคมใหคงอยูจึงเปนท่ียอมรับกันวาโบราณสถาน
โบราณวตั ถแุ ละแหลงโบราณคดนี ้ันก็เปรยี บไดเสมือนเปนภาชนะทีบ่ รรจคุ วามรูนานาประการอยูมากมายนับไม
ถวน ซ่งึ คนในปจจุบนั สามารถลอกเลยี นหรือประยกุ ตเพอื่ นํามาใชใหเกิดประโยชนไดอยางไมสิ้นสุด ดวยเหตุนี้
โบราณวตั ถุโบราณสถาน และแหลงโบราณคดจี ึงถกู จดั ไวเปน “ทรพั ยากรทางวัฒนธรรม” หรือ “ทรัพยสินทาง
วฒั นธรรม” หรอื “มรดกทางวัฒนธรรม” ของแตละชาติในกรณีของประเทศไทยนั้น ก็เห็นความสําคัญนี้และ
เห็นวาจําเปนตองอนุรักษแหลงโบราณคดีดังน้ัน จึงระบุไวในกฎหมายวา “หามมิใหผูใดซอมแซม แกไข
เปลยี่ นแปลงโบราณสถาน หรอื ขดุ คนสิ่งใดๆภายในโบราณสถาน เวนแตจะกระทําตามคําส่ังของอธิบดีหรือได
รับอนุญาตเปนหนังสือจากอธิบดีและถาหนังสืออนุญาตนั้นกําหนดเง่ือนไขไวประการใด ก็ตองปฏิบัติตาม
เงอ่ื นไขน้นั ดวย”

โบราณสถานในจงั หวัดลาพนู

๑. วดั พระธาตดุ อยเวียง

ขอ฾ มลู ท่ัวไป บา฾ นดอยเวียง หม฽ูท่ี 9 ตําบลบา฾ นธิ อาํ เภอบ฾านธิ จังหวัดลําพูน
ที่ต้ัง
วัดราษฎรแ
ประเภท พระเจ฾าสายฝน
พระพุทธรปู สาํ คัญ

สถานทตี่ ้งั
ต้ังอยท฽ู ี่ อําเภอบา฾ นธิ จงั หวัดลาํ พนู หา฽ งจากอําเภอบา฾ นธิ ประมาณ 7 กิโลเมตร บริเวณใกล฾กับอ฽างเก็บ

น้ําแม฽ธิ มีเน้ือท่ีประมาณ 15 ไร฽ และบนดอยเป็นท่ีประดิษฐานเจดียแเก฽าแก฽ซ่ึงมีพระสารีริกธาตุบรรจุอย฽ู
สันนิษฐานว฽าสร฾างเม่ือ พ.ศ.1220 ในสมัยพระนางจามเทวี ตามตํานานจารึกในใบลานเล฽าว฽า

ขุนหลวงปาละวิจา มาต้ังเมืองท่ีน่ีซ่ึงเป็นเมืองหน฾าด฽านและได฾สร฾างวัดไว฾บนดอย ต฽อมาถูกไฟปุาไหม฾ลุกลาม
ทําใหเ฾ หลอื แต฽เจดียแและศาลาเล็ก ๆ หลงั หน่ึง

เอกสารประกอบการเรียนรู้รายวิชาหรภิ ญุ ชัยบา้ นฉนั หน้า ๔๕

วัดพระธาตุดอยเวียง เดิมช่ือว฽า วัดดอยเวียง ต฽อมาได฾เปลี่ยนแปลงชื่อวัดเป็น"วัดพระธาตุดอย
เวียง" ตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ ลงวันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2538 วัดพระธาตุดอยเวียงมร

พระพุทธรูปเก฽าแก฽ 3 รูป รูปแรกพระเจ฾าพากันเรียกว฽า พระเจ฾าสายฝนหรือหลวงพ฽อสายฝน ซึ่งเป็น
พระพุทธรูปปางวิชัย หน฾าตักกว฾าง 29 นิ้ว ทําด฾วยทองสัมฤทธ์ิเหตุที่ได฾ช่ือว฽าหลวงพ฽อสายฝนก็เพราะว฽าครั้ง

หนึ่ง ดินฟูาอากาศแหง฾ แลง฾ ฝนไม฽ตกชาวบ฾านจึงพร฾อมใจกันแห฽พระพุทธรูปองคแน้ีเพ่ือขอฝนปรากฏฝนตกลงมา
อยา฽ งมหศั จรรยแ ตั้งแตน฽ ัน้ มาชาวบา฾ นจึงพร฾อมใจกันเรียกพระพทุ ธรูปองคนแ ว้ี า฽ หลวงพอ฽ สายฝน พระพทุ ธรูปองคแ
ท่ีสองหน฾าตักกว฾าง 99 น้ิว ประดิษฐานที่ศาลาการเปรียญ องคแที่สามหน฾าตักกว฾าง 89 นิ้วประดิษฐานท่ีเชิง

ดอย ทง้ั สององคขแ ฾างในเปน็ ศิลาแลงและข฾างนอกฉาบปูน สมัยที่ค฾นพบน้ันเหลือไม฽เต็มองคแเศียรปักดินชาวบ฾าน
จงึ เรียกว฽า “พระเจา้ ดาดิน”หรอื หลวงพอ฽ ดาํ ดินสว฽ นช้นั บนสดุ ของดอยเป็นที่ประดิษฐานของเจดยี แธาตุดอยเวียง

และทกุ ๆ ปีในวันแรม 8 ค่าํ เดือน 7 (เดอื น 9เหนือ) จะมีประเพณีสรงนา้ํ พระธาตุ

๒. วัดพระธาตดุ อยหา้ งบาตร

ขอ฾ มลู ท่ัวไป
ท่ีตั้ง บา฾ นห฾วยไซใต฾ ตําบลห฾วยยาบ อาํ เภอบ฾านธิ จงั หวดั ลําพนู 51180
เปน็ เจดยี แทรงจตรุ มุขสขี าว มีฉัตรทองอยยู฽ อดเจดียแ ไมป฽ รากฏหลกั ฐานการสร฾าง ตามตํานานเล฽าว฽าพระ

สัมมาสมั พุทธเจ฾า เสด็จมาบริเวณนี้ และได฾เตรียมเสด็จออกบิณฑบาต ซ่ึงภาษาพื้นเมืองเรียกว฽า “ห฾างบาตร”
พื้นท่ีดังกล฽าวปรากฏร฽องรอยเป็นหลุมลึกลงไปในหินดินดานและมีมณฑปครอบไว฾ พระธาตุแห฽งนี้อย฽ูบนยอด
ดอยจงึ สามารถมองเห็นทิวทัศนแเบื้องล฽างได฾ไกล
สถานทีใ่ กลเ้ คียง

1. วดั พระธาตดุ อยเวียง อยข฽ู วามือกอ฽ นถงึ อา฽ งเก็บน้าํ แม฽ธิ ประมาณ 1 กโิ ลเมตร สนั นษิ ฐานว฽าสร฾าง
ขึ้นในสมยั พระนางจามเทวี ราว พ.ศ. 1220

2. น้าํ ตกหว฾ ยหก นํ้าตกธรรมชาตขิ นาด 7 ชั้นที่มีความสวยงาม อยู฽ลึกเข฾าไปในอ฽างเกบ็ น้าํ แม฽ธิ ใช฾
ระยะทางเดินเท฾าประมาณ 5 กิโลเมตร

3. อา฽ งเก็บนํ้าแมธ฽ ิ บา฾ นดอยเวียง ตาํ บลบ฾านธิ เป็นอ฽างเกบ็ นํ้าท่พี ระบาทสมเดจ็ พระเจ฾าอย฽ูหวั เสด็จ
เปดิ เม่ือปี พ.ศ. 2530

4. พระพุทธเฉลิมสิริราช พระพุทธรูปปางลีลา สงู 59 ศอก สรา฾ งถวายเป็นพระราชกุศล เน่ืองใน
วโรกาสเสด็จครองราชยแปที ่ี 50 ของพระบาทสมเดจ็ พระเจ฾าอยูห฽ วั ฯ

เอกสารประกอบการเรียนรู้รายวิชาหริภญุ ชัยบา้ นฉัน หนา้ ๔๖

๓. วดั พระธาตหุ รภิ ญุ ชัยวรมหาวิหาร

ท่ีตั้ง ตาํ บลในเมือง อาํ เภอเมอื งลาํ พูน จังหวัดลําพนู
ประเภท พระอารามหลวงชนั้ เอก ชนิดวรมหาวหิ าร

นกิ าย เถรวาท
พระธาตปุ ระจาํ ปเี กดิ ปีระกา

โบราณสถานทสี่ าคัญภายในวดั
พระบรมธาตุหริภุญชัย เป็นโบราณสถานอันสําคัญของนครหริภุญชัยที่ พระเจ฾าอาทิตยราช เป็นผ฾ู

สถาปนาข้นึ ในราว พุทธศตวรรษท่ี 17 เพ่ือประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ อันมี ธาตุกระหม฽อม ธาตุกระดูก
อก ธาตกุ ระดูกนวิ้ มือ และธาตยุ อ฽ ยอกี เตม็ บาตรหนึ่ง ตามพุทธทํานายลักษณะทางสถาปัตยกรรมขององคแพระ
ธาตุหริภุญชัย ตามท่ีปรากฏในหนังสือตํานานพระธาตุหริภุญชัย กล฽าวว฽า มีลักษณะ เป็นสถูปสี่เหลี่ยมทรง

ปราสาท ที่มีซม฾ุ ทวาร เข฾า- ออกทะลุกันไดท฾ ั้งสด่ี ฾าน มีปราสาทสเี่ หลยี่ มอยู฽ตรงมุมละองคแก฽อด฾วยศิลาแลงซึ่งเป็น
วัตถุดิบท่มี ีมากอยใ฽ู นเมืองน้ี ภายในเป็นแท฽น สําหรับประดิษฐาน พระโกศที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ในสมัย

ของพญาสรรพสทิ ธิ์ กษัตรยิ แแห฽งราชวงศจแ ามเทววี งศแ โปรดให฾ปฏิสังขรณแเจดยี เแ ดมิ ที่พญาอาทติ ยราชทรงสร฾างไว฾
และได฾ขุดร฽องทวารประตูเข฾า-ออก ท้ังส่ีเพ่ือความปลอดภัย รูปทรงสัณฐานขององคแพระบรมธาตุยังคงเป็น
ลักษณะเดิม คือ เป็นทรงปราสาทส่ีเหล่ียมท่ีกว฾างใหญ฽และสูง เม่ือ พญามังราย ตีเมืองหริภุญชัยได฾ โปรดให฾

ซอ฽ มแซมดดั แปลงองคพแ ระธาตขุ ้นึ ใหม฽ การปฏสิ งั ขรณแคร้ังนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงทรวดทรง ขององคแพระธาตุฯ
จากทรงปราสาทกลายเป็นทรงเจดียแฐานกลมแบบทรงลังกา ในสมัยของพระเจ฾าแสนเมืองมาประมาณปี พ.ศ.

1951 โปรดให฾มีการปดิ ทององคพแ ระธาตุ พ.ศ. 1990 พระเจา฾ ติโลกราชกษัตริยแองคแสําคัญแห฽งเมืองเชียงใหม฽
ทรงรว฽ มกบั พระมหาเมธงั กรเถระ ก฽อพระมหาเจดยี ใแ หส฾ ูงขน้ึ เป็น 92 ศอก กว฾างยาวข้ึน 52 ศอก เป็นรูปร฽างที่
เหน็ เปน็ อยูใ฽ นปัจจุบนั

สถาปตั ยกรรมในจงั หวดั ลาพนู

สถาปัตยกรรม (อังกฤษ: architecture) หมายถึง ผลงานศิลปะที่แสดงออกสิ่งก฽อสร฾าง รวมถึง
สิ่งแวดล฾อมท่ีเก่ียวข฾องท้ังภายในและภายนอกส่ิงปลูกสร฾างนั้น ที่มาจากการออกแบบของมนุษยแ ด฾วยศาสตรแ
ทางด฾านศิลปะ การจดั วางทีว่ า฽ ง ทศั นศิลป฼ และวิศวกรรมการก฽อสร฾าง เพื่อประโยชนแใช฾สอย สถาปัตยกรรมยัง
เปน็ ส่ือความคิด และสัญลกั ษณแทางวัฒนธรรมของสงั คมในยคุ น้นั ๆดว฾ ยองคปแ ระกอบสําคัญของสถาปัตยกรรม

สถาปัตยกรรมไทย
สถาปตั ยกรรมไทย หมายถึงศิลปะการกอ฽ สร฾างของไทย อนั ไดแ฾ กอ฽ าคาร บ฾านเรือน โบสถแ วิหาร วัง สถูป

และสง่ิ ก฽อสร฾างอื่นๆ ทม่ี มี ลู เหตทุ ่ีมาของการก฽อสร฾าง การก฽อสร฾างอาคารบา฾ นเรอื นในแตล฽ ะทอ฾ งถ่ิน จะมีลักษณะ

ผดิ แผกแตกต฽างกันไปบ฾าง ตามสภาพทางภูมิศาสตรแ และคตินิยมของแต฽ละท฾องถ่ิน แต฽สิ่งก฽อสร฾างทางศาสนา
พทุ ธมกั จะมลี ักษณะทไ่ี ม฽แตกตา฽ งกันมากนัก เพราะมีความเชื่อความศรัทธาและแบบแผนพิธีกรรมท่ีเหมือน ๆ

กนั สถาปัตยกรรมที่มนั นิยมนาํ มาเป็นขอ฾ ศึกษา มกั เป็น สถปู เจดยี แ โบสถแ วิหาร หรือพระราชวัง เน่ืองจากเป็น
ส่ิงก฽อสร฾างท่ีคงทน มีการพัฒนารูปแบบมาอย฽างต฽อเน่ืองยาวนาน และได฾รับการสรรคแสร฾างจากช฽างฝีมือท่ี
เชี่ยวชาญ พร฾อมท้ังมีความเป็นมาที่สําคัญควรแก฽การศึกษา อีกประการหนึ่งก็คือ สิ่งก฽อสร฾างเหล฽าน้ี ล฾วนมี

ความทนทาน มีอายยุ าวนานปรากฏเปน็ อนสุ รณแให฾เราได฾ศกึ ษาเป็นอย฽างดี

เอกสารประกอบการเรียนรู้รายวชิ าหรภิ ุญชัยบา้ นฉนั หน้า ๔๗

สถาปัตยกรรมท่ีใช฾เป็นท่ีอยู฽อาศัย ได฾แก฽ บ฾านเรือน ตําหนัก วังและพระราชวัง เป็นต฾น บ฾านหรือเรือน
เปน็ ที่อยอู฽ าศัยของสามญั ชนธรรมดาทวั่ ไป ซงึ่ มีทง้ั เรอื นไม฾ และเรือนปูน เรอื นไมม฾ อี ย฽ู 2 ชนิดคือ เรอื นเคร่อื งผกู
เป็นเรือนไม฾ไผ฽ ปูด฾วยฟากไม฾ไผ฽ หลังคามุงด฾วยใบจาก หญ฾าคา หรือใบไม฾ อีกอย฽างหน่ึงเรียกว฽า เรือนเคร่ืองสับ
เป็นไม฾จริงทั้งเนื้ออ฽อน และเน้ือแข็ง ตามแต฽ละท฾องถิ่น หลังคามุงด฾วยกระเบื้องดินเผา พ้ืนและฝาเป็นไม฾จริง
ทงั้ หมด ลักษณะเรือนไม฾ของไทยในแต฽ละท฾องถ่ินแตกต฽างกันและโดยทั่วไปแล฾วจะมีลักษณะสําคัญร฽วมกันคือ
เปน็ เรือนไมช฾ ัน้ เดยี ว ใต฾ถนุ สูง หลังคาทรงจ่วั เอยี งลาดชัน

สถาปัตยกรรมในจังหวัดลําพูนที่ปรากฏในปัจจุบันมีหลายประเภท ท้ังสถาปัตยกรรมท่ีเกี่ยวเน่ืองใน
ศาสนา สถาปัตยกรรมท่ีอยู฽อาศัยและสถาปัตยกรรมที่สร฾างขึ้นมาเพื่อใช฾งานอื่น แต฽ในที่น้ีจะกล฽าวถึงเฉพาะ
สถาปัตยกรรมที่อยู฽อาศัยที่มีอายุค฽อนข฾างเก฽าแก฽ และทรงคุณค฽า ท่ียังพอมีอย฽ูให฾เห็น กล฽าวโดยรวมแล฾ว
สถาปตั ยกรรมหรืออาคารทอ่ี ยอู฽ าศัยในจงั หวัดลาํ พนู น้นั ไมโ฽ ดดเด฽นมากนัก อาคารทรงโบราณ ท่ีอย฽ูริมถนนของ
จังหวัดลําพูน ยังหลงเหลือให฾เห็นอย฽ูไม฽กี่แห฽ง เช฽น อาคารริมถนนตรงข฾ามวัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร
อาคารท่ีส่ีแยกประตูช฾างสี ซึ่งมีอายุประมาณ ๕๐ ปี ในปัจจุบันยังใช฾เป็นที่พักอาศัยและทําการพาณิชยแ
สถาปตั ยกรรมท่พี กั อาศัยท่ีมีความสําคัญอีกประเภทหน่ึงของจังหวัดลําพูน คือ ท่ีพักอาศัยของเจ฾าผู฾ครองนคร
หรอื ทเี่ รยี กว฽า คม฾ุ ซงึ่ เมือ่ ก฽อนน้ีในจังหวัดลําพูนมี คุม฾ อยูห฽ ลายหลงั แตเ฽ ม่ือสภาวะของบ฾านเมืองได฾เปลี่ยนไป คุ฾ม
หลายหลงั ไดถ฾ กู ขายไป บางหลังไดถ฾ กู เปลย่ี นไปใชป฾ ระโยชนแอื่น เชน฽ คุ฾มต฾นแก฾ว ซง่ึ ตัง้ อย฽ดู า฾ นหลังของพพิ ธิ ภณั ฑแ
สถานแห฽งชาติหริภุญชัย ได฾เปิดดําเนินกิจการเป็นโรงเรียนอนุบาล และภายหลังได฾เปล่ียนไปเป็นกิจการ
ร฾านอาหาร ค฾ุมอ่ืนบางค฾ุมได฾ถูกรื้อลง จนไม฽เหลือสภาพ ฯลฯ แต฽ยังมีค฾ุมอีกหลังหนึ่งที่ยังอย฽ูในสภาพค฽อนข฾าง
สมบรู ณแคเ฽ู มอื งลําพูนมาจนถงึ ปจั จุบัน คอื คมุ฾ หลวงลําพูน

สถาปตั ยกรรมสถานท่สี าคญั ในจังหวัดลาพนู

คุม้ หลวงลาพูน“พลตรีเจา้ จักรคาขจรศักด์ิ เจ้าผู้ครองลาพนู องค์สุดทา้ ย”

สร฾างข้นึ บนทีด่ นิ กลางเมอื งลําพนู แทนค฾ุมเก฽าท่ีสร฾างด฾วยไม฾สักท้ังหลังที่รื้อออกไป ไม฽ปรากฏปีท่ีสร฾าง
แน฽ชัด แต฽มีบันทึกว฽าทําบุญข้ึนบ฾านใหม฽ปี พ.ศ. 2482 ตัวค฾ุมต้ังอยู฽ในพ้ืนท่ีสี่ไร฽เศษ มีกําแพงก฽ออิฐถือปูน
ล฾อมรอบทั้งสี่ด฾าน ตัวอาคารสร฾างด฾วยคอนกรีต และไม฾สักสองช้ันรูปทรงอย฽างยุโรป หลังคาทรงป้ันหยา
ด฾านหน฾าซ฾ายขวาเป็นหลังคารูปโดมทั้งสองข฾าง บนจ่ัวหลังคาด฾านหน฾ามีอักษรย฽อ จค. ซ่ึงหมายถึงจักรคําขจร
ศกั ดิ์ เจ฾าของผูส฾ รา฾ งอาคารหลงั น้แี ต฽เดิมประตทู างเขา฾ ออกของกาํ แพงค฾ุมแห฽งน้ี อย฽ูทางด฾านทิศเหนือ ประตูเป็น
สองชนั้ ไมส฾ ัก ใช฾เป็นทีเ่ ทียบขึน้ - ลง ช฾างพาหนะ ท่ีใกลเ฾ สาประตูร้วั ในสมัยก฽อน

เอกสารประกอบการเรียนรู้รายวชิ าหรภิ ญุ ชยั บา้ นฉัน หนา้ ๔๘

ห้างนาเจา้ หลวง ได฾รับการถา฽ ยทอดเร่อื งราวประวัตศิ าสตรแโดย พล.อ.ต.เจา้ วฒั นนั ณ ลาพูน ผูม฾ ีศักดิ์
เป็นหลานเจ้าจักรคาขจรศักด์ิ ว฽าอาคารทรงแปดเหลี่ยมเป็นของเจ฾าปุู ท่ีชาวบ฾านจะเรียกขานกันติดปากว฽า
“หา฾ งเจ฾า” ไดก฾ อ฽ สร฾างขนึ้ ประมาณปพี .ศ. 2472 สมยั ก฽อนแถวน้ีเป็นปาุ ไมส฾ ัก เจา฾ ปุเู อาชา฾ งใช฾งานมาไว฾ท่ีห฾างนา
นี้

อนุสาวรยี ์พระนางจามเทวี
อนสุ าวรยี พแ ระนางจามเทวี ต้ังอยู฽ตําบลในเมือง บริเวณสวนสาธารณะหนองดอก ห฽างจากศาลากลาง

จังหวัดประมาณ 1 กิโลเมตร สร฾างข้ึนเพื่อเป็นอนุสรณแแด฽พระนางจามเทวี ซึ่งเป็นองคแปฐมกษัตริยแแห฽งนคร
หริภุญชัย พระนางเป็นปราชญแท่ีมีคุณธรรม ความสามารถและกล฾าหาญ ได฾นําพุทธศาสนาศิลปวัฒนธรรมมา
เผยแพร฽ในดินแดนแถบนจ้ี นมีความรุง฽ เรืองสืบมาจนถึงปัจจุบัน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามกุฏราชกุมาร

ไดเ฾ สด็จมาทรงเปิดอนุสาวรยี แเมือ่ วันที่ 2 ตลุ าคม พ.ศ. 2525

เอกสารประกอบการเรียนรู้รายวชิ าหรภิ ญุ ชยั บา้ นฉนั หนา้ ๔๙

วัดพระธาตุหริภุญชยั วรมหาวหิ าร เป็นปูชนียสถานสําคัญในภาคเหนือสิ่งศักดิ์สิทธ์ิท่ีอย฽ูค฽ูเมืองลําพูน
มาอย฽างยาวนานตั้งอดีตนับเวลามากกว฽าพันปี ต้ังอย฽ูใจกลางเมืองลําพูน ห฽างจากศาลากลางจังหวัดประมาณ

150 เมตร มีถนนล฾อมรอบสี่ด฾าน คือ ถนนอัฏฐารสทางทิศเหนือ ถนนชัยมงคลทางทิศใต฾ ถนนรอบเมืองทาง
ทิศตะวันออก นอกจากน้นั ยงั เปน็ องคแพระธาตุประจําปเี กดิ ของคนเกดิ ปรี ะกา อีกด฾วย

วดั จามเทวี
เมื่อปีพ.ศ. 1298 พระนางจามเทวีนําช฽างละโว฾ (ปจั จบุ ันคือ จังหวดั ลพบรุ ี) ไปสร฾างพระเจดียแสุวรรณจัง
โกฎ เป็นพระเจดียแส่ีเหล่ียมแบบพุทธคยาในประเทศอินเดีย ทุกๆด฾านมีพระพุทธรูปยืนปางประทานพร
ศิลปกรรมของลพบุรีมีพระพุทธรูปยืนอย฽ูในซ฾ุมพระท้ังส่ีด฾าน ด฾านละ 15 องคแ รวม 60 องคแ ภายในบรรจุอัฐ
ของพระนางจามเทวภี ายในพระเจดียบแ รรจุอฐั ิของพระนางจามเทวี เดมิ มียอดพระเจดยี แหุ฾มดว฾ ยทองคาํ
ต฽อมานานนับพันปี “สุวรรณจงั โกฎเจดยี แ” ชํารุดผุพงั ยอดพระเจดียไแ ดห฾ กั และหายไป กลายเป็นวัดร฾าง
และชาวบา฾ นได฾เรยี กวดั น้ีว฽า “วัดกกู฽ ุด” (กู่กดุ เปน็ ภาษาล฾านนา แปลว฽า เจดียยแ อดดว฾ น)

วดั เกาะกลาง
ตง้ั อย฽ู เลขท่ี 261 หมู฽ 8 บา฾ นบ฽อคาว ตําบลบ฾านเรือน อาํ เภอปาุ ซาง จังหวัดลําพูน พื้นท่ีส฽วนเป็นท่ีตั้ง

ของวดั เกาะกลาง รูปทรงสถาปัตยกรรมศลิ ป฼ มีความเกา฽ แกม฽ โี บราณวตั ถแุ ละชิ้นส฽วนประติมากรรมปูนปั้น เป็น
ศิลปกรรมตกแต฽ง สถาปัตยกรรมมากมายมีอายุร฽วมสมัยกับยุคล฾านนาตอนต฾น หรือประมาณ 700 ปี ท่ีมี
อทิ ธิพลมาจากศลิ ปะหริภุญชัย นอกจากนี้ยังขุดพบรูปแบบสถาปัตยกรรมคติทราวดี เดินเข฾าไปภายในบริเวณ
วัดรม฽ ร่ืน เงียบ สงบ

เอกสารประกอบการเรียนรู้รายวชิ าหริภุญชยั บ้านฉนั หนา้ ๕๐

เจดยี ท์ รงมณฑป
รูปแบบสถาปัตยกรรมประกอบด฾วยฐานเขียงสี่เหล่ียมซ฾อนเหล่ือมกัน ๒ ชั้นรองรับฐานขุดฐานปัทมแ

ลูกแก฾วอกไก฽ย฽อมุมไม฾ ๒๔ ข้ึน รองรับเรือนธาตุที่มีซ฾ุมจระนํา มองทะลุถึงกันท้ัง ๔ ด฾าน บริเวณกลางหลังคา
เรือนธาตุพบแนวอิฐก฽อโค฾งรูปทรงครึ่งวงกลม สันนิษฐานว฽าเป็นส฽วนฐานองคแระฆังกลมของเจดียแ รูปแบบ
สถาปัตยกรรมของเจดียแองคแน้ี มีความคล฾ายคลึงกับมณฑปประดิษฐานพระแก฽นจันทรแแดง สร฾างข้ึนเพื่อ

ประดษิ ฐานพระแกน฽ จนั ทรแแ ดง วัดมหาโพธาราม เมอื งเชียงใหม฽ จึงกาํ หนดอายุของเจดียอแ งคแนี้ได฾ว฽าน฽าจะมีอายุ
อยใู฽ นราวปลายพทุ ธศตวรรษท่ี ๒o

เอกสารประกอบการเรียนรู้รายวิชาหรภิ ุญชยั บ้านฉัน หนา้ ๕๑

กจิ กรรมทา้ ยเรอื่ งท4ี่ โบราณวัตถุ โบราณสถาน สถาปตั ยกรรม ของจังหวดั ลาพนู

คาชีแ้ จง ใหน฾ ักศกึ ษาเลอื ก โบราณวตั ถุ โบราณสถาน สถาปัตยกรรม ของจังหวดั ลําพูน ท่ีนักศกึ ษา
สนใจ มาอย่างละ 1 แห฽งพร฾อมภาพประกอบ และอธิบายเหตผุ ลของความสนใจในส่ิงทีเ่ ลือก (ความยาวไม฽นอ฾ ย
กว฽า 1 หน฾ากระดาษ A 4) รวม 3 แหง฽
..............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

เอกสารประกอบการเรียนรู้รายวิชาหริภุญชยั บา้ นฉนั หน้า ๕๒

เร่อื งที่ 5

คณุ ค่าและแนวทางในการอนรุ กั ษ์ โบราณสถาน โบราณวัตถุ สถาปตั ยกรรม
วฒั นธรรมและประเพณที ี่เกย่ี วขอ้ ง

คณุ ค่าของวัฒนธรรม

1. มรดกทางวฒั นธรรมเป็นส่ิงท่แี สดงให฾เห็นถึงประวัติศาสตรแความเป็นมาของหม฽ูบ฾าน ตําบล อําเภอ
จังหวัด ประเทศไทยและของโลก หมายความว฽า โบราณวัตถุ โบราณสถานที่มีอายุเก฽าแก฽แตกต฽างกันไป บาง
แห฽งเก฽าแก฽นับพันปี โบราณสถานดังกล฽าวเป็นหลักฐานสําคัญท่ียืนยันว฽าบรรพบุรุษของเราที่อาศัยอย฽ูบนผืน
แผ฽นดินน่ี มีความเป็นอย฽ูอย฽างไร มีความเช่ือในเร่ืองศาสนาเช฽นใด ใครเป็นใครเป็นผู฾ปกครองทํามาหากิน
อย฽างไร มกี ารสบื ทอดกันจนถึงปจั จบุ นั อยา฽ งไร ความสาํ คญั ประการแรกนี้ เราจะเหน็ ไดจ฾ ากโบราณ โบราณวัตถุ
ท่เี มอื งเกา฽ สุโขทยั กรุงศรอี ยุธยา ซ่ึงส่ิงที่พบในเมืองดังกลา฽ วเปน็ หลักฐาน บง฽ บอกความเปน็ มาของประเทศได฾เปู
นอย฽างดี ทําใหเ฾ ราได฾รับประวัติศาสตรแของชาติท้ังด฾านการเมือง ศาสนา การค฾าขาย การทํามาหากินตลอดจน
ขนบธรรมเนียมประเพณีต฽างๆ ซึ่งบางส฽วนก็สืบทอดมาจนกระท้ังปัจจุบัน แต฽บางส฽วนก็เปล่ียนแปลงเพื่อให฾
เหมาะสมกลมกลนื กบั ภาวะปจั จบุ นั

2. มรดกทางวัฒนธรรมเป็นส่ิงที่แสดงถึงเกียรติ ความภาคภูมิใจของคนในท฾องถิ่นและในชาติ
หมายความว฽า วัฒนธรรมไทยทีม่ ีอยไ฽ู ม฽ว฽าจะเป็นสงิ่ ก฽อสร฾างท่ีสวยงามตามลักษณะไทย เช฽น โบสถแ วิหาร ศาลา
พระราชวงั บ฾านไทยภาคต฽างๆหรอื รปู ปั้น รูปหล฽อ รูปแกะสลัก พระพุทธรูป ลวดลายปูนปั้นประดับเจดียแ ลาย
แกละสลักเป็นแบบไทยสมัยตา฽ งๆ ลว฾ นเป็นสิ่งยืนยันถึงความเป็นเลิศทางฝีมือ จะเห็นได฾ว฽างานฝีมือดังกล฽าวได฾
สืบทอดต฽อเนอื่ งมาอยา฽ งไมข฽ าดสาบ แสดงใหเ฾ ห็นถึงศลิ ปวัฒนธรรมไทยอันเป็นเกียรติภูมสิ ูงของเราที่ควรแก฽การ
ทํานบุ ํารงุ รกั ษาไว฾ไมใ฽ ห฾สญุ หาย

3. มรดกทางวัฒนธรรมเป็นส่ิงก฽อให฾เกิดความร฾ูสึก ความสามัคคีเป็นอันหน่ึงอันเดียวกันในหมู฽
ประชาชนระดบั ต฽างๆ วฒั นธรรมเป็นส่ิงหล฽อหลอมรวมความรู฾สึก ความรัก ความเป็นน้ําหนึ่งใจเดียวกัน ต้ังแต฽
ในครอบครวั หมบ฽ู า฾ น ท฾องถิน่ และระดบั ประเทศ กล฽าวคือ โบราณสถาน โบราณวัตถุ เนื่องในศาสนาได฾เป็นท่ี
ยดึ เหนยี่ วจิตใจ เปน็ ท่ีสกั การบูชาของประชาชนจํานวนมาก ทัง้ ในระดบั ท฾องถ่นิ และระดับประเทศ

4. มรดกวัฒนธรรมเป็นหลักฐานที่เป็นประโยชนแต฽อการศึกษาค฾นคว฾าและวิจัยมรดกทางวัฒนธรรม
เป็นประวัติความเป็นมาของมนุษยแความเป็นอย฽ู เทคโนโลยี ศาสนา ความเช่ือ การปกครอง การค฾าขาย การ
เดินทาง ตลอดจนการประดษิ ฐคแ ดิ ค฾น

5. มรดกทางวัฒนธรรมเป็นของดมี ีคุณค฽าและประโยชนแอย฽างยง่ิ ต฽อการพัฒนาท฾องถน่ิ ในปัจจุบนั
มรดกทางวัฒนธรรมทุกอย฽างในหม฽ูบ฾าน เมื่อได฾รับการพัฒนาและบูรณะเป็นแหล฽งท฽องเที่ยวทาง
วัฒนธรรม กจ็ ะมีนกั ท฽องเทีย่ วเข฾าไปเทย่ี วชมหาความร฾ูซ่ึงเมื่อนักท฽องเที่ยวเข฾าไปก็จะเกิดให฾มีรายได฾ในหมู฽บ฾าน
ทั้งโดยทางตรงและทางอ฾อม ซ่ึงถ฾าหากโบราณสถานทุกแห฽งได฾รับการพัฒนาควบคู฽ไปกับหมู฽บ฾านก็จะส฽งผลให฾
ประชาชนสว฽ นใหญ฽มอี าชีพ ความเป็นอยูท฽ ดี่ ขี ้ึนกวา฽ เดมิ

เอกสารประกอบการเรียนรู้รายวิชาหริภุญชัยบา้ นฉัน หน้า ๕๓

มรดกทางวฒั นธรรมในทอ้ งถิน่

มรดกวัฒนธรรมในทอ฾ งถิ่น หมายถึง ของพื้นบ฾าน พ้ืนเมืองหรือพ้ืนถ่ิน เป็นสิ่งท่ีผ฾ูคนในสังคมใดสังคม
หน่ึง ไม฽ว฽าจะมีขนาดเล็ก ขนาดใหญ฽ ได฾คิดสร฾างสรรคแขึ้นเป็นที่นิยมยอมรับกัน มีการสืบทอดกันมาจนถึง
ปจั จุบนั นีเ้ ปน็ เอกลักษณแของแต฽ละชุมชนหรือกล฽ุมชนที่มีอยู฽หลายเชื้อชาติ หลายเผ฽าพันธแุในท฾องถ่ินต฽างๆ ของ
ไทย สง่ิ เหล฽านไี้ ด฾แก฽ รอ฽ งรอยหรือหลกั ฐานการดําเนินชวี ติ ในอดตี กาลและไดป฾ ระพฤตปิ ฏิบัติสบื มาจนถงึ ปัจจุบัน
อาทิ เช฽น จารีต ขนมธรรมเนียมประเพณี ความเช่ือ การสร฾างบ฾านเรือน การแต฽งกาย ดนตรี การแสดง
การละเล฽น ภาษาวรรณกรรม นิยายพ้ืนบ฾าน และศิลปวัฒนธรรม ซึงมรดกทางวัฒนธรรมของไทยเหล฽านี้แยก
ออกเป็น 4 ภาค โดยแต฽ละภาคมีความเหมือนกันและแตกต฽างกันมากบ฾างน฾อยบ฾าง ตามแต฽ภูมิประเทศและ
ความเปนู อยู฽ ในท่ีนีจ้ ะขอกล฽าวเฉพาะทางภาคเหนอื

มรดกวฒั นธรรมภาคเหนือ

ภาคเหนือเป็นดินแดนที่มีพื้นที่ส฽วนใหญ฽เป็นภูเขา มีท่ีราบระหว฽างหุบเขาและแม฽น้ําไหลผ฽าน อุดมไป
ด฾วยปุาไม฾และแร฽ธาตุ มีท้ังหมด 17 จังหวัดอย฽ูติดกับดินแดนพม฽า ลาว และจีนตอนใต฾ จึงประกอบด฾วย
ประชากรหลายหมู฽เหล฽าท้ังคนเมือง ไทยใหญ฽จากสิบสองปันนา ข฽า ยอง ผีตองเหลือง ชาวเขาเผ฽าต฽างๆ เช฽น
กะเหรี่ยง แม฾ว เย฾า อีก฾อ ซึ่งล฾วนแต฽มีวัฒนธรรม ประเพณี พิธีกรรม การพูด การแต฽งกาย แตกต฽างกัน พบ
หลกั ฐานที่ยนื ยนั วา฽ ดนิ แดนบริเวณน้ีมีความเจริญรุง฽ เรอื งมานานหลายยคุ หลายสมัย เชน฽ อาณาจักรหริภุญชัยท่ี
ลาํ พนู ราวพุทธศตวรรษท่ี 13 หรืออาณาจักรสุโขทัยของตนชาติไทยแห฽งแรก จึงนับว฽าเป็นภาคท่ีสมบรูณแด฾วย
มรดกวฒั นธรรม

ความสาคัญของวฒั นธรรม

1. หลกั ฐานแห฽งอดตี
พบร฽องรอยการอยู฽อาศัยของมนุษยแก฽อนประวัติศาสตรแในจังหวัดแม฽ฮ฽องสอน เชียงราย กําแพงเมือง
พระราชวัง และวัดในเมืองเก฽าสุโขทัย ศรีสัชนาลัยพระธาตุเจดียแท่ีสําคัญ เช฽น พระธาตุดอยสุเทพ เชียงใหม฽
พระธาตุหริภญุ ชยั ลําพูน เปน็ ตน฾
2. ความเชื่อ
ความเช่ือของคนทางภาคเหนือส฽วนใหญ฽ คล฾ายกับของภาคอื่นๆ เช฽น กฎแห฽งกรรม นรกสวรรคแ
อานิสงสแผลบุญในพุทธศาสนา ไสยศาสตรแ เช฽น คุณไสย คาถาเวทมนตแ เช่ือฤกษแยาม ความฝันและโชคชะตา
มีข฾อห฾ามข฾อปฏิบัติ เช฽น การผดิ ผี
3. วรรณกรรมนิทาน
เปน็ นทิ านท่เี ลา฽ สบื ต฽อๆ กันมา เชน฽ คา฽ ว เป็นร฾อยกรองคลา฾ ยกลอนแปด หรือ จ฾อย หรอื นทิ านใน
รูปแบบอ่ืนๆ
4. ประเพณี
เป็นประเพณีท่เี กย่ี วกับชีวิตในครอบครัว หรือในชีวิตประจําวันในกลุ฽มบ฾าน ตําบล เช฽น ประเพณีแอ฽ว
สาว ทาํ บุญบ฾าน ผูกข฾อมอื การบวชนาค การรดนํา้ ดาํ หวั และอื่นๆ
5. ศลิ ปหตั ถกรรม

เอกสารประกอบการเรียนรู้รายวชิ าหริภญุ ชัยบา้ นฉนั หนา้ ๕๔

ศิลปหตั ถกรรม มหี ลายประเภทที่มีชอื่ เสยี ง ไดแ฾ ก฽ การทําเครอ่ื งเขิน เคร่อื งเงนิ การแกะสลักไม฾ การทํา
ร฽มกระดาษสา การทําเครอ่ื งจกั สาน การทอผ฾าพ้นื เมือง

6. ดนตรี การแสดง การละเลน฽
เคร่ืองดนตรีได฾แก฽สะล฾อ ซึง ปี่ แน การแสดงการละเล฽นมีฟูอนแบบต฽างๆ เช฽น ฟูอนเทียน ฟูอนเล็บ
ฟูอนเงยี้ ว ละครซอ(การขบั รอ฾ ง)

การอนุรักษม์ รดกทางวฒั นธรรม
การอนรุ กั ษแ หมายถึงการรกั ษาใหค฾ งอย฽ตู ามเดมิ คือการดูแลซ฽อมแซมสืบทอด คุ฾มครอง ปอู งกนั ไมใ฽ ห฾

เสียหาย
การอนุรกั ษมแ รดกวัฒนธรรม หมายถึงการรกั ษาโบราณสถาน โบราณวตั ถุ ขนบธรรมเนียมประเพณีอัน

ดีงาม ซ่งึ เปน็ มรดกตกทอดมาช฾านานใหค฾ งอยตู฽ อ฽ ไป นานท่ีสุดเท฽าที่จาํ ทาํ ได฾

แนวทางการอนรุ ักษ์มรดกวฒั นธรรม
1. ส฽งเสรมิ ให฾การศกึ ษาเก่ียวกับประเภท ความสาํ คัญของมรดกวัฒนธรรมในระบบโรงเรยี นทกุ ระดับ
2. ส฽งเสรมิ ใหม฾ ีการศึกษา วจิ ัย เรียนรู฾ และสบื ทอดมรดกทางวฒั นธรรม โดยการปฏบิ ัติ โดยเฉพาะใน

ด฾านงานฝีมือ เช฽น การทอผ฾าพื้นเมือง การทําเคร่ืองป้ันดินเผา ทําร฽ม เครื่องเงิน ทําขนมและงานฝีมือท่ีเป็น
แบบอย฽างเฉพาะท฾องถิ่นตา฽ งๆ โดยเนน฾ ให฾มกี ารดําเนนิ การเปน็ อาชีพเสรมิ ของประชาชนในหมบู฽ ฾าน

3. ส฽งเสริมให฾มกี ารนาํ เอาประเพณสี าํ คญั ๆ ของชาตแิ ละทอ฾ งถ่นิ มาปฏบิ ัติในวาระอันสมควร
สม่ําเสมอและเหมาะสมกบั สภาพการปัจจุบัน

4. เปิดโอกาสให฾ประชาชน องคกแ รเอกชน ได฾มสี ฽วนรว฽ มในการดูแลรกั ษาบูรณะปฏสิ งั ขรณแ
โบราณสถาน โบราณวตั ถสุ าํ คญั ๆ ในท฾องถ่ิน หรือโบราณสถานสําคญั ระดับชาติ และสนับสนุนให฾มีการเผยแพร฽
ชอื่ เสียงขอประเทศ จังหวดั อาํ เภอ ตําบลและหม฽บู า฾ นรวมท้ังพัฒนาแหล฽งท฽องเทีย่ วทางวฒั นธรรม

5. ดําเนินการประชาสัมพันธทแ ุกรูปแบบ ทางสอื่ มวลชนต฽างๆ เชน฽ หนงั สือพิมพแ โทรทัศนแ วทิ ยุ
หนังสนั้ คลปิ วดิ ีโอ facebooK line และสอ่ื อ่ืนๆ เพ่อื ใหป฾ ระชาชนตระหนักถงึ ความสําคัญคุณค฽าของมรดกทาง
วัฒนธรรมและใหค฾ วามร฽วมมือในการอนรุ ักษแ

6.ดาํ เนนิ การอนุรกั ษมแ รดกทางวฒั นธรรมทกุ ประเภทตามหลกั วชิ าการ

คณุ ค่าและความสาคัญของโบราณสถาน
โบราณสถานทกุ แห฽งมคี ณุ ค฽าและความสาํ คัญด฾านตา฽ งๆ ดังน้ี
๑. ด฾านเอกลักษณแ เป็นคุณค฽าของโบราณสถานที่แสดงการรับร฾ู หรือความเข฾าใจถึงที่มา สถานท่ีตั้ง

ชนชาติ ความเชื่อ ศาสนา ขนบธรรมเนียมและวฒั นธรรมของชมุ ชนใดชุมชนหนึ่ง หรือประเทศใดประเทศหน่ึง
โดยเฉพาะ ตวั อยา฽ งเช฽น พระธาตหุ รภิ ุญชัย เป็นที่รบั รู฾กันวา฽ เปน็ เอกลักษณแของเมืองลําพูน ตลอดจนเป็นความ
ภาคภมู ใิ จของชาวลาํ พูนและชาวเหนอื เปน็ ต฾น

เอกสารประกอบการเรียนรู้รายวชิ าหรภิ ุญชัยบา้ นฉัน หน้า ๕๕

๒. ด฾านวิชาการ เป็นคุณค฽าของโบราณสถานท่ีสะท฾อนเร่ืองราวในอดีตเป็นข฾อมูลทางด฾าน
ประวัติศาสตรแ โบราณคดี สถาปัตยกรรม ศิลปกรรม ซึ่งเป็นเคร่ืองแสดงประวัติความเป็นมาอันเก฽าแก฽ของ
ชมุ ชน ของชาติ รวมทั้งเปน็ แหล฽งศึกษาและเรียนร฾ูตลอดชีวิต เช฽น โบราณสถานวัดจามเทวี วัดสันปุายางหลวง

กู฽ช฾าง กูม฽ ฾าวัดพระยนื แสดงเรื่องราวประวัติศาสตรชแ าตไิ ทยและแหลง฽ เรยี นรท฾ู างศลิ ปะทางโบราณคดี เปน็ ต฾น

๓. ด฾านเศรษฐกิจ เป็นคุณค฽าของโบราณสถานที่ก฽อให฾เกิดรายได฾ของชุมชนและของประเทศทั้ง
ทางตรงและทางอ฾อม จากการท่ีเป็นสถานที่ท฽องเที่ยว สร฾างกิจกรรมต฽างๆ อันสืบเนื่องจากการท฽องเท่ียว

พรอ฾ มๆ กบั การศกึ ษาหาความรู฾ ตวั อย฽างเช฽น กชู฽ า฾ ง กูม฽ า฾ เปน็ ตน฾
๔. ด฾านการใชส฾ อย เป็นคุณค฽าของโบราณสถานทสี่ ามารถนํามาใช฾งานได฾ในปัจจุบัน ซ่ึงเป็นการใช฾งาน

ท่ไี ม฽ก฽อให฾เกิดการเส่ือมสภาพ การเปล่ยี นแปลง หรอื การรอ้ื ทําลายโบราณสถานนน้ั ตวั อยา฽ งเช฽น ศาลากลางเก฽า
จังหวัดราชบุรี หมู฽พระวิมานพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน฾า) ปัจจุบันใช฾เป็นอาคารจัดแสดง
พิพิธภัณฑสถานแห฽งชาติ พระรามราชนิเวศนแ (วังบ฾านปืน) ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑสถาน และจวนเรซิดังกัม

ปอรแต จังหวัดตราด เปน็ ต฾น ซ่งึ ปจั จบุ ันเปน็ ท่ที าํ การสาํ นักคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม เปน็ ต฾น
๕. ด฾านสังคม เป็นคุณค฽าของโบราณสถานท่ีเก่ียวข฾องกับขนบธรรมเนียมจารีตประเพณี เป็นความ

ภาคภูมิใจของคนในสังคม เป็นศูนยแรวมจิตใจของคนในสังคม ตัวอย฽างเช฽น โบราณสถานวัดจามเทวี วัดสันปุา
ยางหลวง กู฽ชา฾ ง ก฽มู ฾าวดั พระยนื เปน็ ต฾น

เอกสารประกอบการเรียนรู้รายวิชาหรภิ ญุ ชยั บ้านฉนั หนา้ ๕๖

๖. ด฾านการเมือง เป็นคุณค฽าของโบราณสถานที่เก่ียวข฾องกับเหตุการณแสําคัญในประวัติศาสตรแ การ
กําหนดขอบเขตหรือการรักษาอธิปไตย และการสร฾างความร฽วมมือร฽วมใจของคนท้ังชาติ ตัวอย฽างเช฽น วัดชล
ธาราสงิ เห หรอื วัดพทิ กั ษแแ ผ฽นดินไทย อําเภอตากใบ จงั หวัดนราธวิ าส ซึง่ เป็นโบราณสถานสําคัญในการกําหนด
แบง฽ เขตแดนระหวา฽ งไทย – องั กฤษ ในสมัยรัชกาลท่ี ๕ เปน็ ตน฾

๗. ดา฾ นสุนทรียภาพ เป็นคุณค฽าความงามของศิลปกรรมและสถาปัตยกรรม เช฽น โบราณสถานวัดจาม
เทวี วัดสันปุายางหลวง กชู฽ ฾าง กูม฽ ฾าวัดพระยนื เปน็ ตน฾

การอนุรกั ษโ์ บราณสถานและโบราณวัตถุ

กรมศิลปากรนิยามคํา ''การอนุรักษแ'' ว฽าหมายถึง ''การดูแลรักษาเพ่ือให฾คงคุณค฽าไว฾ และให฾หมาย
รวมถงึ การปูองกนั การรกั ษา การสงวน การปฏสิ ังขรณแและการบรู ณะด฾วย''
โบราณสถานและโบราณวัตถุ เปน็ หลกั ฐานทางประวัติศาสตรแประเภทหนึ่งที่อาจบอกความเป็นมาของกลุ฽มชน
หมู฽บ฾าน เมืองและประเทศชาติ นับต้ังแต฽อดีตกาลต฽อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันได฾ เป็นหน฾าที่ของชนร฽ุนปัจจุบันท่ี
จะต฾องอนุรกั ษแทรัพยากรวฒั นธรรมประเภทนีไ้ วแ฾ ละใชป฾ ระโยชนใแ ห฾ค฾ุมค฽า

''...โบราณสถานนั้นเป็นเกียรติของชาติ อิฐเก฽า ๆ แผ฽นเดียวก็มีค฽า ควรจะช฽วยกันรักษาไว฾ ถ฾าเราขาด
สุโขทัย อยุธยา และกรุงเทพฯแล฾ว ประเทศไทยก็ไม฽มีความหมาย '' น่ีคือกระแสพระราชดํารัสของ
พระบาทสมเด็จพระเจ฾าอยู฽หัวภูมิพลอดุลยเดช พระราชทานไว฾เมื่อ พ.ศ.2506 ในวโรกาสที่เสด็จประพาส
อยุธยา ย฽อมเป็นส่ิงที่ยืนยันความสําคัญอย฽างย่ิงของโบราณสถานท่ีมีต฽อการพัฒนาประเทศชาติ โดยเฉพาะ
ความสาํ คญั ที่เป็นคณุ คา฽ ทางจิตใจ

ประโยชนแของโบราณสถานและโบราณวัตถุ อาจกล฽าวได฾ว฽าโบราณสถานและโบราณวัตถุนั้นมี
ประโยชนแอยา฽ งยิ่งต฽อประเทศชาติถึง ๒ นัย คอื

๑. นยั ที่เก่ียวเน่ืองกับจิตใจของประชาชน กล฽าวคือ โบราณสถานย฽อมแสดงความเป็นมาของประเทศ
เป็นเกยี รตแิ ละความภาคภูมิใจของคนในชาตเิ ปน็ สิ่งทีโ่ ยงเหตกุ ารณใแ นอดีต และปัจจุบันเข฾าด฾วยกัน และเป็นส่ิง

ทเ่ี รานาํ มากระตนุ฾ จิตสํานึกของคนในชาติได฾
๒. นัยท่ีเก่ียวเนื่องกับเศรษฐกิจของประเทศ กล฽าวคือ โบราณสถาน และโบราณวัตถุนั้นเป็น ''มรดก

วัฒนธรรม'' ที่แสดง ''เอกลักษณแ'' ของประเทศ จึงทําให฾เกิดมี ''การท฽องเที่ยววัฒนธรรม'' ทํารายได฾มหาศาล

ได฾แก฽ ท฾องถ่ินท่ีมีมรดกวัฒนธรรมของตนเอง การท฽องเท่ียววัฒนธรรมน้ีก฽อให฾เกิดธุรกิจท่ีเก่ียวเน่ืองอีกหลาย
ประการ เชน฽ ธุรกิจการค฾าขายอาหาร ธุรกิจการโรงแรม ธุรกิจการจัดพาหนะเดินทาง และธุรกิจการผลิตและ

จาํ หน฽ายของที่ระลึก เป็นต฾น หากรัฐและประชาชนร฽วมมือกันอนุรักษแโบราณสถานและโบราณวัตถุก็จะทําให฾
เกดิ ประโยชนแแกป฽ ระเทศชาติ

เอกสารประกอบการเรียนรู้รายวชิ าหรภิ ุญชยั บ้านฉัน หน้า ๕๗

กิจกรรมท้ายเรื่องท5่ี คณุ ค่าและแนวทางในการอนุรักษ์ โบราณสถาน โบราณวัตถุ สถาปตั ยกรรม

วัฒนธรรมและประเพณีทเี่ ก่ียวข้อง

คาช้ีแจง ใหน฾ ักศึกษารวมกล฽มุ ตามความเหมาะสม รว฽ มกัน แสดงความคดิ เหน็ เกี่ยวกับ โบราณสถาน
โบราณวัตถุ สถาปัตยกรรม วัฒนธรรมและประเพณี ของจังหวัดลําพูน ว฽าส่ิงไหน กิจกรรมใด ที่นักศึกษา
อยากจะอนุรกั ษแไวม฾ ากท่ีสดุ แลว฾ นําเสนอในรปู แบบของแผนผงั ความคิด(เหตุผล คุณค฽า แนวทางฯเป็นต฾น) อย฽าง
น฾อยกลม฽ุ ละ 1 เร่ือง พร฾อมตกแต฽งใหส฾ วยงาม

***************************

เอกสารประกอบการเรียนรู้รายวชิ าหรภิ ุญชยั บา้ นฉนั หน้า ๕๘

ทปี่ รกึ ษา คณะผจู้ ดั ทา
วา่ ทีร่ อ้ ยตรี ดารงค์ องคะเส ผูอ้ านวยการ กศน.อาเภอเมืองลาพูน

คณะทางานจดั ทาเอกสารประกอบการเรยี นรู้

นางนิภา ช่วยงาน ครูชานาญการพิเศษ
นายอัครชัย วฒุ ิเสน ครูอาสาสมคั ร
นางศศธิ ร แก้วมารตั น์ ครูอาสาสมคั รฯ
นางสาวนฤดี อปุ กจิ ครู อาสาสมัครฯ
นางอทุ ัย สวุ รรณา ครู อาสาสมคั ร
นางกาญจนี ชัยวิศิษฐ์ ครู กศน.ตาบลเหมืองง่า
นางสาวศศธิ ร เลือดชยั พฤกษ์ ครู กศน.ตาบลเหมืองจี้
นางอรพรรณ สทิ ธิใหญ่ ครู กศน.ตาบลในเมือง
นางสาวจฑุ าทพิ ย์ วจิ ติ ร ครู กศน.ตาบลประตูปา่
นายณัฐกันต์ เป็งธรรม ครู กศน.ตาบลเวยี งยอง
นางณฏั ฐ์ปาณี ราชา ครู กศน.ตาบลบา้ นแปน้
นายกฤษณพงษ์ มูลหงส์ ครู กศน.ตาบลหนองช้างคืน
นางสาวอมั พร วงค์คามูล ครู กศน.ตาบลตน้ ธง
นางสาวกันยา แอน่ กาศ ครู กศน.ตาบลศรบี ัวบาน
นายเมฆ อินตื้อ ครู กศน.ตาบลรมิ ปงิ
นาภูวดล ไชยวงค์ ครู กศน.ตาบลอโุ มงค์
นางสาวศุขวญั อิยะสาม ครู กศน.ตาบลมะเขือแจ้
นายสมชาติ โต๊ะเงนิ ครู กศน.ตาบลหนองหนาม
นายณฐั พงษ์ น้องศลิ า ครู กศน.ตาบลบ้านกลาง
นางพรวิภา หาญจริง ครู กศน.ตาบลป่าสกั
นางสาวธวัลพร ศรีมนั ตะ ครู ศรช.ตาบลบา้ นกลาง

นางสาวพนดิ า ตาพนัส ครู ศรช.ตาบลมเชือแจ้
ครู ศรช.ตาบลในเมือง
นางสาวสายชล คาแปง ครูชานาญการพเิ ศษ
ครู กศน.ตาบลประตูป่า
ผรู้ วบรวม ครู ศรช.ตาบลในเมือง
ครูชานาญการพิเศษ
นางนภิ า ช่วยงาน
ครู ศรช.ตาบลบ้านกลาง
นางสาวจฑุ าทิพย์ วจิ ติ ร์
ครูชานาญการพเิ ศษ
นางสาวจฑุ ามาศ ทะนุชติ

บรรณาธกิ าร/เรยี บเรยี ง

นางนิภา ช่วยงาน

ออกแบบปก ถาวร
นายธนสทิ ธ์ิ

จดั ทารปู เลม่ ช่วยงาน
นางนภิ า


Click to View FlipBook Version