เอกสารประกอบการสอน
หนว่ ยท่ี 2 รหัสวชิ า 2102-2105
ลับคมเครือ่ งมอื ตัด
หลักสูตรประกาศนียบัตรวชิ าชพี พทุ ธศักราช 2556
ส านกั งานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ
จดั ท าโดย นายสรุ ชยั บุญโสภณ
ต าแหน่ง ครชู านาญการ
24
หน่วยที่ 2
มุมของเครื่องมอื ตดั
สาระส าคัญ
การผลติ ในปัจจุบันได้อาศยั เคร่ืองจกั รกลประเภทตา่ งๆ ในการสร้างช้ินงานโดยเคร่ืองจกั รเหลา่ น้ันเอง ก็
ไม่สามารถผลิตช้ินงานได้ จ าเปน็ ต้องมีเครื่องมือที่ใช้ในการผลิตชิน้ งาน คอื อุปกรณ์เครื่องมือตัดนั่นเอง ซ่ึง
เครื่องมือตัดเองก็มีการพัฒนามาอยา่ งต่อเนื่อง ดงั น้นั ในการเลือกใช้เครื่องมอื ตดั ที่ถูกตอ้ งกับเงอื่ นไขในการผลติ
ถือเปน็ กลยุทธพ์ ้ืนฐานทส่ี าคญั ของการเพมิ่ ประสทิ ธภิ าพในการตดั เฉอื นวัสดชุ ้ินงาน ซงึ่ ส่งผลต่อคุณภาพชนิ้ งาน
และยอดผลผลติ นักศึกษาจึงควรตอ้ งมีความรูเ้ กีย่ วกับ ลกั ษณะและขนาดองศาของมุมคมตัดต่างๆ วา่ จะมีผล กับ
งานตัดฉอื นอย่างไรในการเลือกใชเ้ คร่ืองมือตดั
เนื้อหาการเรยี นรู้
2.1 มมุ ของเคร่ืองมือตัดคมเดย่ี ว (Single-point tools)
2.2 มุมของเคร่อื งมือตัดหลายคมตัด (Multiple-cutting-edge tools)
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. บอกชอ่ื มุมของเคร่ืองมือตดั คมเดี่ยวได้
2. อธิบายลักษณะของมุมต่างๆ ของเครือ่ งมอื ตดั คมเดีย่ วได้
3. บอกชื่อมุมของเคร่อื งมือตดั หลายคมตดั ได้
4. อธิบายลักษณะของมุมต่างๆ ของเครอ่ื งมอื ตัดหลายคมตดั ได้
29
การใช้งานเครอ่ื งมอื ตดั จะต้องมรี ูปรา่ งทเ่ี หมาะสมกบั วิธีการหรือกระบวนการในการตัดเฉอื น ดงั นั้นการ
จ าแนกประเภทของเครอ่ื งมือตดั สามารถพจิ ารณาวธิ กี ารหรอื กระบวนการท่ีใช้ในการท างาน เช่น การกลึง การ
ไส การกัด การเจาะ การเรียกช่ือมดี ตัด มกั เรียกตามกระบวนการดังกล่าว เชน่ มดี กลงึ มีดตัด มดี กัด ดอกเจาะ
ดอกตา๊ ป ตามกระบวนการต่างๆ แตก่ ารแบ่งประเภทเครือ่ งมือตดั สามารถแบง่ ได้เปน็ 2 ประเภทใหญ่ๆ คอื
1. เคร่ืองมือตดั คมเดี่ยว (Single-point Tools)
2. เครื่องมือตดั หลายคม (Multiple-cutting-edge Tools) ในส่วนของการพจิ ารณารูปรา่ งเครื่องมือตดั
หลายคมกส็ ามารถประยุกตห์ ลักการเดยี วกนั ในการพจิ ารณา
รูปร่างเครื่องมือตัดคมเด่ียวได้
2.1 มุมของเครือ่ งมือตดั คมเดย่ี ว (Single-point Tools)
เคร่ืองมือตัดทม่ี ีคมตัดเดย่ี วถอื เป็นพ้นื ฐานของกระบวนการตดั เฉือนวัสดุท่ัวไป จะมีคมตัดเดียวใน 1 ดา้ ม
เชน่ สกัด มีดไส มีดกลงึ วิธีการข้นึ รูปให้เกิดรูปรา่ ง รูปทรง หรือมุมตา่ งๆ นัน้ ตอ้ งเหมาะสมกับรูปแบบการ ท
างานและลักษณะการตดั เฉือนวัสดุตามกระบวนการของเครอ่ื งมือตัด โดยมมุ ของมดี ตัดคมตัดเดีย่ วน้ันจะมีช่ือ
เรียกและหนา้ ทใี่ นการตดั แตกตา่ งกันซึง่ มอี ยหู่ ลายมมุ แตใ่ นบทน้จี ะยกตวั อย่างมุมส าคญั ส าหรับการลับคมตัด
5 มมุ คือ
(1) มมุ หลบขา้ ง (Side Relief Angle)
(2) มุมหลบปลายมดี (End Relief Angle)
(3) มุมเอียงคมตดั (Side-cutting Edge Angle)
(4) มุมคายข้าง (Side Rake Angle)
(5) มมุ คายหลังมีด (Back Rake Angle)
(4) มมุ คายขา้ ง (5) มมุ คายหลังมีด
(3) มมุ เอยี งคมตดั ขอบคมตดั
(2) มมุ หลบปลายมีด (1) มุมหลบข้าง
รปู ที่ 2.1 แสดงมมุ ของเครื่องมือตดั คมเดย่ี ว
(ท่มี า : สุรชัย บุญโสภณ, 2559))
มุมต่างๆ ที่มใี นเครื่องมือตัดน้ัน มคี วามส าคัญมากในกระบวนการตัดวัสดุ ซึ่งส่งผลต่อกระบวนการตดั
เฉือนและการเกิดเศษตัด (Chip Formation) เช่น มมุ หลบ (Relief Angle), มุมคาย (Rake Angle) เปน็ ต้น
โดยหลักแล้ว ในการตัดเฉอื นวสั ดทุ ต่ี ่างกันกจ็ ะมคี ่ามมุ ของแต่ละมุมแตกต่างกันด้วย เพ่ือความเหมาะสมและ
คุณภาพการตดั เฉือนทด่ี ี ซ่งึ ขนาดของมุมก็จะเปลี่ยนไปตามวสั ดุงานและวัสดุของเครื่องมือตดั ด้วย (ตารางท่ี
2.1)
30
ตารางที่ 2.1 ตารางค่ามุมของมดี กลงึ ปอกผวิ (องศา) ของมีดกลึงเหล็กกลา้ ความเรว็ สงู ในการตัดวสั ดุ
มมุ หลบข้าง มุมหลบปลายมดี มุมเอียงคมตดั มมุ คายขา้ ง มุมคายหลังมดี
งาน Side relief End relief Side-cutting Side rake Back rake
วัสดุงาน
angle angle edge angle angle angle
อลูมิเนยี ม 12 8 5 16 20
ทองเหลือง 10 8 5 5 ถงึ (-4) 0
บรอนซ์ 10 8 5 5 ถงึ (-4) 0
เหลก็ หลอ่ 10 8 15 12 5
ทองแดง 12 10 5 20 16
เหล็กกลา้ คารบ์ อนต่ า 10 ถึง 12 8 15 12 ถงึ 18 8 ถึง 15
เหล็กกลา้ คารบ์ อนสงู 10 8 15 12 8
เหลก็ สแตนเลส 10 8 15 15 ถึง 20 8
จากตารางจะเป็นค่ามุม (องศา) ส าหรับงานกลึงปอกผิวของวัสดุงานต่างๆ ทีก่ ลงึ ด้วยมดี กลงึ ชนิด
เหล็กกลา้ ความเรว็ สูง ซึ่งจะเปล่ียนไปเพือ่ ใหเ้ หมาะสมกับการตดั เฉอื นวัสดงุ านท่ีมีคุณสมบัตแิ ตกตา่ งกนั
2.1.1 ลักษณะของมมุ ที่ส าคญั ของเคร่อื งมือตัดคมตดั เดย่ี ว
มุมของเครือ่ งมอื ตดั แตล่ ะมมุ น้นั ท าให้เกิดรูปทรงของเคร่ืองมือตัด ซง่ึ ถือไดว้ ่ามีความส าคัญมาก
ในกระบวนการตดั วสั ดุ ซ่งึ สง่ ผลตอ่ กระบวนการตดั เฉอื นและการเกิดเศษตัด (Chip Formation) ตามลักษณะ
ทตี่ ้้องการ เชน่ ต้องการให้เศษตัดท่ีออกมาหักเป็นชน้ิ ๆ โดยเฉพาะมุมท่ปี ระกอบเป็นคมตดั คือ มุมคาย (Rake
Angle) และ มมุ หลบ (Relief Angle) ท่ีอยใู่ นต าแหน่งท่ใี กลก้ บั ผิวช้ินงานและต้องท ามมุ เลก็ น้อยกับผิวชิ้นงาน
เพอื่ ป้องกนั การขัดสขี องเครื่องมอื ตดั กับผิวงานตดั หากมุมหลบทน่ี อ้้ ยเกินไปหรือไม่มีเลย จะสง่ ผลใหใ้ ชก้ าลัง
กในารตัดมากเกินไปหรือไม่สามารถตัดเฉือนเน้ือวัสดุงานได้เลย ดังน้ันมุมของเครื่องมือตัดคมเด่ียว จึงมี
ความส าคญั กับงานตัดเฉอื นแตกต่างกัน ดังน
1) มุมคาย (Rake Angle)
มมุ คาย เปน็ มุมพื้นฐานของเคร่อื งมือตัด ท่ีสง่ ผลต่อการตัดเฉอื นอยา่ งมาก สามารถแบ่งออก
ได้เป็น 2 มุม ซ่ึงอยู่ในแนวทไี่ ดฉ้ ากกัน คอื
(1) มุมคายขา้ ง (Side Rake Angle) ในกระบวนการกลึงโดยท่ัวไป ถือวา่ มคี วามส าคญั มาก
ในกระบวนการตดั เน่ืองจากว่ามมุ คายข้างจะวางตัวอยใู่ นแนวทศิ ทางของการตัด หรอื ตามแนวทิศของการป้อน
มดี ตดั เป็นมมุ ที่ลับให้ลาดต่ าลงมาจากคมตัดมดี กลึง ส าหรบั ให้เศษกลึงไหลออกได้สะดวกยิ่งข้ึนในขณะคม
มีด
ตดั เฉอื นชนิ้ งาน
(2) มมุ คายหลังมีด (Back Rake Angle) เปน็ มุมท่ลี ับให้ลาดต่ าลงมาจากปลายตัดมีดกลงึ
จะใหเ้ ศษกลึงไหลออกได้ดใี นทิศทางการกลงึ ตัดหรือการเซาะรอ่ งงาน มมุ คายหลังมดี
มมุ คายข้าง
รปู ที่ 2.2 แสดงต าแหน่งของมุมคายในเครือ่ งมอื ตัดคมเดย่ี ว
(ทีม่ า : สุรชยั บุญโสภณ, 2559)
31
มุมคายสามารถแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบคือ ก.
มมุ ทเี่ ป็นบวก (Positive Rake Angle)
ข. มมุ ทเ่ี ป็นศนู ย์องศา (Neutral Rake Angle)
ค. มุมทเ่ี ป็นลบ (Negative Rake Angle)
มมุ คายข้างมีค่าเปน็ บวก มมุ คายหลังมดี มคี ่าเป็นบวก
(ก) แสดงมมุ คายทเี่ ปน็ บวก
มุมคายข้างมีคา่ เป็นศนู ย์ มุมคายหลังมีดมีคา่ เปน็ ศนู ย์
(ข) แสดงมมุ คายท่เี ปน็ ศูนย์
มมุ คายขา้ งมีคา่ เปน็ ลบ มมุ คายหลงั มดี มคี า่ เปน็ ลบ
(ค) แสดงมุมคายท่เี ปน็ ลบ
รปู ที่ 2.3 แสดงรูปแบบของมมุ คายในเคร่ืองมือตัดคมเด่ียว
(ท่ีมา : สุรชยั บญุ โสภณ, 2559)
(ก) มมุ คายที่เป็นบวก (Positive Rake Angle) จะมผี วิ ทล่ี าดลงมาจากคมตดั ท าใหเ้ ศษ
ไหลออกจากคมตัดได้ดี ให้ประสิทธภิ าพการตัดทด่ี ี เมื่อใช้ในการตัดวัสดุทัว่ ไป เช่น เหล็กเหนียว หรือวัสดุท่ี
อ่อนและเหนียว หรือในงานทโ่ี ครงสรา้ งของเคร่ืองจกั รทใี่ ชต้ ัดเฉือนน้นั ไมแ่ ข็งแกร่งแข็งแรงนกั อาจเกิดการ
คลอนจากแรงทใ่ี ชต้ ัดเฉือน การใช้มุมคายที่เปน็ บวกจะเกดิ แรงในการตดั ทีน่ ้อยกวา่ แบบทเี่ ป็นลบ
(ข) มุมคายทเี่ ป็นศนู ยอ์ งศา (Neutral Rake Angle) จะไมม่ สี ่วนที่ลาดลงจากส่วนคมตัด
เลย จะมมี มุ ตัง้ ฉากกับเสน้ แนวแกนของชน้ิ งาน มกั ไมค่ ่อยถูกน ามาใชใ้ นงานตัดมากนกั จะใช้ในการตัดโลหะท่ีมี
คุณสมบัติ อ่อนเปราะ และเศษยุ่ย ซ่ึงมีความแข็งไม่มากนัก วัสดุทีเ่ หมาะในการใช้มีดตัดทมี่ ีมุมคาย 0 เช่น
ทองเหลือง บรอนซ์ เพราะจะป้องกนั ไม่ใหม้ ดี เลอื่ นเข้ากนิ เนือ้ งาน โดยทย่ี ังไม่ไดป้ ้อน และใช้กบั มีดกลึงเกลียว
เพ่อื ป้องกันไมใ่ ห้มมุ ของเกลียวท่ีกลึงได้ผดิ ไปจากมมุ ของมดี กลึง
(ค) มุมคายทเี่ ป็นลบ (Negative Rake Angle) จะมีผวิ ท่ีลาดเอยี งสงู ขึ้นไปจากคมตัด
เหมาะส าหรบั การตัดชน้ิ งานท่ีมีความแข็งมาก เพราะรูปทรงของตัวมีดทส่ี ามารถทนตอ่ แรงในการตัดมากๆ ได้
โดยเฉพาะในการตดั หยาบ ท่ตี ้องการเอาเนื้อวัสดุออกในปริมาณมากๆ ในเวลาสน้ั ๆ รวมถึงใช้ในการตัดวัสดุท่ีมี
ความไมต่ อ่ เนื่องของเนื้อวัสดมุ าก เชน่ เหลก็ หลอ่ แตม่ มุ คายท่เี ป็นลบนี้ต้องการก าลงั ของเคร่ืองท่ีสูงและเครื่อง
ตอ้ งมีความแข็งแกรง่ พอที่จะรองรบั แรงในการตัดที่มากได้ คณุ ภาพผิวงานตดั ทไ่ี ดย้ ังด้อยกว่าการใช้มุมคายที่
เป็นบวกเพราะจะมีลักษณะการตัดเป็นการขูดมากกว่าการเฉือน และการใช้มุมคายท่ีเป็นลบจะท าให้เศษท่ี
32
เกิดขน้ึ จากการตัดถกู อดั ตัวและเกดิ ความร้อนในระหวา่ งการตัดทม่ี าก ซึ่งสามารถแพรเ่ ขา้ ไปยังช้นิ งานและตัว
มดี ตดั เองท าใหเ้ กิดการเช่อื มติดของเศษตัดในระหวา่ งการตัดได้
(ก) การตดั ดว้ ยมมุ คายเปน็ บวก มี (ข) การตดั ดว้ ยมมุ คายเป็นลบ
ลกั ษณะการตัดแบบเฉอื นเน้ืองาน มีลักษณะการตัดแบบขดู เน้อื งาน
รูปท่ี 2.4 แสดงลักษณะของการตดั ด้วยมมุ คาย 2 รูปแบบ
(ทมา : สุรชัย บุญโสภณ, 2559)
มุมคายมีปัจจยั ส าคญั อยู่ 2 ประการส าหรับกระบวนการตดั โลหะ ประการแรกคือ มผี ลต่อ
ความแข็งแรงของเคร่ืองมือตัด มมุ คายท่ีมคี า่ เป็นลบจะสามารถรองรับแรงในการตัดไดม้ ากกวา่ มมุ คายท่เี ป็น
บวก แรงในการตดั และความรอ้ นท่ีเกดิ ขึ้นในระหวา่ งการตัดจะถูกรองรบั ดว้ ยขนาดของตัวมีดตดั ทเี่ อียงลาดให้
หนาและใหญ่ขน้ึ ประการทีส่ องก็คือ แรงดันท่ีเกิดขึ้นในระหวา่ งการตัด (Cutting pressure) โดยมีดตดั ท่มี ีมุม
เปน็ บวกช่วยลดแรงในการตดั ลงไดเ้ พราะเศษตัดจะสามารถไหลตวั ผ่านหนา้ มดี ออกไปได้ดกี ว่ามุมคายที่เป็นลบ
2) มมุ หลบ (Relief Angle หรอื Clearance Angle)
เป็นมมุ ท่สี าคัญมากในมดี ตดั โดยพน้ื ที่เผวิ ดา้ นข้างคมตดั จะลาดเอยี งหลบแนวคมตัดโดยลด
ขนาดใหเ้ ลก็ กวา่ คมตดั ในแนวปอ้ นตัด เพอื่ ไมใ่ ห้เกิดการเสียดสีกบั ชิน้ งานขณะท าการตดั เฉือน มุมหลบมี 2 มุม
ซึ่งอย่ใู นแนวทไี่ ดฉ้ ากกัน คอื
(1) มมุ หลบดา้ นข้าง (Side Relief Angle) จะมีผิวลาดเอียงลดลง ในแนวดา้ นขา้ ง ใน
ทศิ ทางท่ี ป้อนตัดชน้ิ งาน การตัดวัสดอุ ่อนจะใช้มมุ หลบข้างท่ีองศามากๆ ส่วนการตดั วสั ดุแขง็ จะมมุ หลบข้างท่ี
องศานอ้ ยๆ เพ่ือใหม้ ดี ตดั มคี วามแขง็ แรง
(2) มมุ หลบปลายมีด (End Relief Angle) จะมีผิวลาดเอียงลดลง ในแนวด้านหน้าหรือ
ปลายมีด มีจดุ ประสงค์เดยี วกับมุมหลบขา้ ง คอื ไมต่ ้องการให้ผิวเครอ่ื งมือตัดท่ีใตค้ มตดั ของปลายมดี เสยี ดสี
กับ
ผิวชนิ้ งาน
มุมหลบดา้ นข้าง มุมหลบปลายมดี
รปู ท่ี 2.5 แสดงต าแหน่งของมุมหลบ 2 มุม ในเครื่องมอื ตัดคมเด่ียว
(ท่มี า : สรุ ชยั บุญโสภณ, 2559)
33
โดยมมุ หลบทงั้ 2 รูปแบบนี้ ต้องมขี นาดมุมทีใ่ หญพ่ อทีจ่ ะไมท่ าใหผ้ ิวหนา้ งานใหม่สมั ผสั กับ
เครือ่ งมือตดั เพือ่ ลดโอกาสในการแตกหกั และเพมิ่ อายกุ ารใช้งานของเครือ่ งมือตดั มุมหลบควรมขี นาดองศาที่
มากเท่าท่ีจะเป็นไปได้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตัด แต่เมื่อใช้มุมหลบท่ีองศามากจนเกินไปจะท าให้ความ
แข็งแรงของคมตัดลดลง ท าให้มีโอกาสทจ่ี ะสึกหรอ แตกรา้ วหรอื แตกหกั ไดง้ า่ ย หรือหากใช้มุมหลบท่ีองศาน้อย
เกนิ ไปกจ็ ะท าใหเ้ ครื่องมือตัดเกิดการขัดสบี นผวิ ชิ้นงานท าให้เกดิ ความร้อนสงู กับเคร่ืองมือตดั ซ่ึงจะไปลดอายุ
การใชง้ านของเคร่ืองมอื ตัดลง
ดังนน้ั จึงมีหลกั ในการใชม้ มุ หลบ คือ มมุ หลบทีม่ ีองศามากๆ มกั ใช้ส าหรับการตัดวสั ดุออ่ น
ท่ัวไป และในกระบวนการตัดเพื่อให้ได้ผิวสุดท้าย หรือผวิ งานละเอยี ด ส่วนการใชม้ ุมหลบทีม่ คี ่าองศานอ้ ยๆ
มกั จะใชใ้ นกระบวนการตดั เฉอื นวสั ดทุ ี่แข็งและมีความแข็งแรงมากๆ รวมไปถึงกระบวนการตดั ทม่ี ีอัตราการตัด
เนือ้ วสั ดุสงู ๆ หรือมคี วามไมต่ อ่ เนื่องของการตัดมากๆ เชน่ การกลึงหยาบ เน่ืองจากมดี ตดั มีความแข็งแรงกวา่
มมุ หลบองศามาก มมุ หลบองศาน้อย
(ก) การตดั ดว้ ยมุมหลบองศามาก (ข) การตัดดว้ ยมุมหลบองศาน้อย
ใช้ตัดวสั ดุอ่อน หรือผวิ งาน ใช้ตัดวัสดุแขง็ หรอื การตดั
ละเอีด รูปที่ 2.6 แสดงลักษณะของการตัดหดย้วายบมมุ หลบ
(ท่ีมา : สุรชยั บญุ โสภณ, 2559)
3) มมุ เอยี งคมตัด (Side Cutting Edge Angle)
เป็นมุมทีล่ ับใหค้ มตัดเอียงท ามุมกับตัวมีด เพื่อใหม้ ีดกลงึ เดินตดั เนอื้ วัสดุได้สะดวกมีแรงต้าน
น้อย ช่วยลดแรงกระท ากับมดี ตดั ในขณะเริ่มต้นตัดวัสดุได้ ขนาดของมุมจะข้ึนอย่กู ับชนิดของวัสดทุ ี่ใช้ท ามีด
และวัสดุงาน และ ส่วนท่ีเป็นคมตัด (Cutting Edge) ก็จะอยู่ในช่วงของมุมน้ีด้วย คมตัดจะป้อนกินช้ินงาน ได้
มากน้อยเท่าใด ขึ้นอย่กู ับการลบั มุมเอยี งคมตัด (Side Cutting Edge Angle) ร่วมกับมมุ หลบด้านขา้ ง (Side
Relief Angles) ที่ลาดลงไปจากคมตดั
มมุ เอยี งคมตดั
รูปท่ี 2.7 แสดงต าแหนง่ ของมุมเอยี งคมตดั ในเคร่ืองมือตัดคมเดีย่ ว
(ท่มี า : สรุ ชัย บุญโสภณ, 2559)
34
ในการกลึงตัดงานน้ันมุมเอียงคมตดั สามารถใชร้ ว่ มกับการต้ังองศาทีช่ ดุ จับยดึ เครื่องมือตัด (มุ
มน า) ใหท้ ามุมในองศาท่ีตอ้ งการขณะตัดกลงึ ตามกระบวนการตดั เพอ่ื ความเหมาะสม ซึง่ มที ง้ั ค่าเป็นบวก ลบ
และ ศูนย์ ซ่ึงจะให้ผลของการตดั ต่างกันไป
(ก) การตดั ดว้ ยมุมบวก (ข) การตดั ดว้ ยมมุ ศนู ย์ (ค) การตัดด้วยมมุ ลบ
รูปที่ 2.8 แสดงลกั ษณะของการตดั ด้วยมุมมุมเอียงคมตัดรว่ มกับมุมน าที่เอยี งดว้ ยป้อมมีด
(ทีม่ า : สุรชัย บุญโสภณ, 2559)
4) มมุ ตดั หน้ามดี (Front Cutting Edge Angle หรอื End Cutting Edge Angle)
เป็นมุมท่ลี บั เพ่ือไมใ่ ห้ผวิ ด้านหนา้ ของคมตัดของมดี กลึงเสยี ดสกี ับผิวงานในขณะกลงึ งาน
และใชเ้ ป็นคมตดั เน้ืองานในบางกรณี ในกรณีของมดี เซาะร่องหรือมีดตัด ส่วนนจ้ี ะใชเ้ ปน็ คมตดั
มุมตัดหน้ามดี
รูปที่ 2.9 แสดงต าแหน่งของมมุ ตัดหนา้ มดี ในเคร่ืองมือตัดคมเดี่ยว
(ท่มี า : สรุ ชัย บญุ โสภณ, 2559)
5) มุมรวมปลายมดี (Nose Angle)
มมุ รวมปลายมีด เป็นมุมทเ่ี กิดจากการลับมุมคมตัดดา้ นข้าง (Side Cutting Edge Angle)
และมุมคมตดั ดา้ นหนา้ ของมดี กลงึ (Front Cutting Edge Angle) มุมรวมปลายมดี ท่มี ีคา่ มุมองศามากๆ จะ
เหมาะกบั การตดั ทร่ี ับภาระตดั หนกั ๆ แต่จะไมเ่ กนิ 90 องศาในงานตดั ทั่วไป
มุมรวมปลายมดี
รปู ท่ี 2.10 แสดงต าแหน่งของมุมรวมปลายมีดในเครื่องมือตดั คมเด่ียว
(ท่ีมา : สรุ ชัย บุญโสภณ, 2559)
35
6) รศั มจี มกู มดี (Nose Radius)
เกิดจากการลับปลายมีดให้มนโค้ง ไม่เป็นมุมแหลม ช่วยเพ่ิมความแข็งแรงให้ปลายคมตัด
และสามารถกลึงชน้ิ งานให้ได้ผวิ ทีเ่ รยี บมนั ขนาดรัศมีจมูกมีดที่ใช้จะข้นึ อยู่กับกระบวนการตัดและสภาวะการ
ตัดในแต่ละงาน จมูกมีดท่ีมีรัศมีมากจะท าให้ปลายคมตัดมีความแข็งแรงและช่วยให้ความร้อนที่เกิดขึ้นใน
ระหว่างการตดั สามารถถ่ายเทผ่านออกไปไดเ้ รว็ ขึ้น
รัศมจี มกู มีด
รูปท่ี 2.11 แสดงต าแหนง่ ของรัศมจี มูกมดี ในเครื่องมือตัดคมเดี่ยว
(ทม่ี า : สุรชยั บญุ โสภณ, 2559)
การใชร้ ัศมีจมกู มดี ช่วยใหสามารถใช้อตั ราป้อน้ ไดม้ ากขึน้ โดยยังมีคุณภาพผิวท่ดี ี แต่ดว้ ยขนาดของรัศมี
ท่ีมากขน้ึ ท าให้พืน้ ทีผ่ วิ สัมผัสของปลายมีดตัดและผวิ ชน้ิ งานมากข้ึนไปดว้ ยจึงเพิ่มโอกาสที่จะเกิดการสะท้าน
(Chatter) ที่คมตดั ไดง้ ่าย นอกจากนี้แรงทีใ่ ช้ในการตัดก็สูงข้ึนด้วย ซ่ึงหากลดอตั ราป้อนลง จะชว่ ยให้ไดผ้ ลดกี ับ
ผิวงานมากขน้ึ ทัง้ ลดการสะทา้ นและใหค้ ุณภาพผิวที่ดกี ว่า โดยอตั ราป้อนท่ีใชเ้ พื่อให้ไดค้ ณุ ภาพผิวงานท่ีดี ไม่
ควรเกินขนาดของรัศมีจมูกมีดเพ่อื ให้ได้ผวิ ชิ้นงานที่เรยี บ
อัตราปอ้ นน้อยกวา่ รศั มปี ลายมดี
รศั มปี ลายมดี
รปู ท่ี 2.12 แสดงลกั ษณะของระยะของอตั ราป้อนกับรัศมปี ลายมีด
(ท่ีมา : http://www.verspanersforum.nl, 9 มถิ ุนายน 2559)
2.2 มมุ ของเครื่องมอื ตดั หลายคม (Multiple-cutting-edge Tools)
เครือ่ งมือตดั หลายคมเป็นเครื่องมือตดั ท่มี ีคมตัดมากกวา่ 1 คมตัดในดา้ มเดยี วกัน เช่น ใบเลอ่ื ย ดอก
สว่าน เอ็นมิล หรอื รีมเมอร์ ซง่ึ การใชม้ ุมในเครื่องมือตัดหลายคมตดั นั้นก็จะมีมมุ หลักๆ ท่คี ล้ายกบั เครื่องมืดตดั
คมตัดเด่ียวทั่วไป ในที่นี้จะขอกล่าวถึงมุมส าคัญของเคร่ืองมือตัดหลายคมตัดที่ใช้ในการท างานผลติ ชิ้นสว่ น
ทั่วไป คอื
2.2.1 มมุ ของดอกสว่าน (Drill) มมุ
2.2.2 ของดอกเอ็นมิล (End mill)
2.2.3 มมุ ของมีดกดั (Cutter)
36
2.2.1 มุมของดอกสวา่ น (Drill)
ดอกสวา่ นเป็นเคร่ืองมือตดั พ้นื ฐานที่ใชใ้ นการเจาะรู มคี มตดั อยู่บริเวณปลายของดอกเจาะ มี 2
แบบใหญ่ๆ ทใ่ี ช้กนั ท่วั ไป คอื ดอกสวา่ นแบบก้านตรงและดอกสว่านแบบก้านเรียว
(ก) ดอกสวา่ นแบบกา้ นตรง
(ข) ดอกสวา่ นแบบกา้ นเรียว
รูปท่ี 2.13 แสดงลกั ษณะของดอกสวา่ น
(ทม่ี า : http://www.vpowertools.com, วันเข้าถึง 9 มถิ นุ ายน 2559)
ดอกสวา่ นทง้ั 2 แบบ จะมีลักษณะของมุมทเ่ี ปน็ คมตัดเหมือนกัน ซง่ึ จะมีโครงสร้างในสว่ นตา่ งๆ
ส าหรับดอกสว่านทวั่ ไป ดังรปู ท่ี 2-14
มมุ จิก ร่องคายเศษ กา้ นจบั เรียว
(Point Angle) (Taper Shank) ก่นั
ขอบสันคม (Flutes) คอสว่าน
(Neck) (Tang)
(Margin)
มุมเอยี งของร่องเกลียวดอกสวา่ น
ความยาวรอ่ งคายเศษ (Helix Angle )
ความยาวก้านจบั
(Flute Length)
(Shank Length)
ความยาวสว่าน
(Body-Length)
ความยาวดอกสว่านทงั้ หมด
(Overall Length)
รูปที่ 2.14 แสดงลกั ษณะโครงสรา้ งของดอกสว่าน
(ทม่ี า : สรุ ชัย บญุ โสภณ, 2559)
ส่วนส าคัญที่ท าการตัดเฉือนวัสดุของช้ินงาน จะอยู่ส่วนปลายของดอกสว่าน ซึ่งจะมี
ส่วนประกอบของโครงสร้างที่ท าใหเ้ กิดคมตัด คือ ร่องคายเศษที่เล้ือยเอียงท ามุมกับแนวแกนของดอก
สว่าน เรยี กวา่ มุม เฮลลิค (Helix) ซึ่งมุมคมตัดของดอกสวา่ นโดยทว่ั ๆ ไปจะประกอบดว้ ยมมุ ท่ีส าคญั 4 มุม ท่ี
เกี่ยวข้อง กับการตัดเฉือน เพื่อทจ่ี ะใหผ้ ลดีต่อการตัดเฉือน ดังรูปที่ 2-15 ซึ่งแตล่ ะมุมกจ็ ะมีหน้าทีใ่ นการตัดเฉือน
ต่างกนั
37
(3) มมุ คายเศษ
(1) มุมคมตัด
(2) มุมหลบ
(4) มุมจกิ
รปู ที่ 2.15 มมุ คมตดั ทส่ี าคัญของดอกสว่าน
(ท่มี า : สุรชัย บญุ โสภณ, 2559)
1) มุมคมตดั (Cutting angle) จะมีลักษณะเหมือนกบั ล่ิม ท าหนา้ ท่ตี ดั เฉือนเนื้อโลหะ ขนาด
ของมมุ ถูกก าหนดโดย มุมเฮลลิค ทร่ี ่องเลื้อย และมมุ หลบท่ีลับขึน้ มา ขนาดของมมุ คมตดั ท่จี ะลับให้เกดิ ขึน้ นน้ั
ข้ึนอยูก่ ับวสั ดุท่ีจะต้องตดั เฉือน โดยหลกั แลว้ ถา้ ตอ้ งการตดั วสั ดุงานแข็ง จะให้ขนาดของมมุ โตน้ขี ึ้น โดยลดแนว
มมุ หลบลง แนวของมุมเฮลลิค
มมุ คมตดั
แนวของมุมหลบ
รปู ที่ 2.16 แสดงตาแหน่งมุมคมตัดของดอกสวา่ น
(ท่มี า : สรุ ชยั บุญโสภณ, 2559)
2) มุมหลบ (Lip clearance angle) เกดิ จากผิวหน้าทเ่ี อียงลาดลงจากแนวคมตดั ท าหนา้ ท่ลี ด
การเสียดสี และลดแรงต้านบริเวณผิวหน้าของมมุ จิกของดอกสวา่ น ถา้ ไม่มมี ุมหลบน้ีดอกสว่านจะไมส่ ามารถตัด
เฉือนผิวงานได้ และขนาดของมุมยังส่งผลกับอัตราการป้อนเจาะของดอกสว่านด้วย ถ้ามมุ หลบองศานอ้ ยจะใช้
อัตราป้อนเจาะน้อย เหมาะกบั วัสดงุ านแขง็ ถา้ มุมหลบองศามากจะใช้อัตราป้อนเจาะมากขึ้น ความแข็งแรงของ
คมตัดจะลดลง อาจแตกบน่ิ ได้งา่ ยจึงเหมาะกับวัสดุอ่อน ในการเจาะโลหะทั่วไปนิยมใชม้ ุมหลบ 8-12 องศา
คมตัด
มมุ หลบ
รูปท่ี 2.17 แสดงต าแหน่งมุมหลบของดอกสว่าน
(ท่ีมา : สุรชัย บญุ โสภณ, 2559)
38
3) มุมคายเศษ (Rake angle) จะอยู่ทมี่ ุมของร่องเล้ือย (Helix) ท่ีท ามมุ กับแนวแกนของดอก
สว่าน (Axis) ท าหนา้ ทใี่ หเ้ ศษตัดเฉือนเคล่ือนท่ีออกจากผิวงานที่ถูกตดั มที ้ังแบบค่ามมุ บวก คา่ มุมลบ และ 0
องศา ขึ้นอยกู่ ับลกั ษณะของงานซ่ึงจะมีผลกับเศษโลหะที่ออกมา ดอกสว่านโดยทว่ั ไปจะมมี ุมของร่องเลื้อยท่ี
25-30 องศา
มุมคายเศษ
แนวแกนของดอกสวา่ น
(Axis)
แนวมุมร่องเล้อื ย
(Helix)
รปู ท่ี 2.18 แสดงต าแหน่งมุมคายของดอกสว่าน
(ท่ีมา : สรุ ชยั บุญโสภณ, 2559)
4) มมุ จกิ (Point angle) ส าหรบั ตดั เฉือนชนิ้ งาน มุมจิกจะมีผลต่อแรงกดเจาะ ถา้ มมุ จิกโตมาก
แรงตา้ นเจาะก็มากขนึ้ ตามล าดับ แตม่ มุ จิกกช็ ่วยในการน าศนู ยใ์ นการเจาะงานในขณะเร่ิมเจาะ ขนาดของมุมจิก
จะข้ึนกับวัสดุงานท่ีน ามาเจาะ การตัดโลหะท่ัวไปจะใช้มุมจิกขนาด 118º ส่วนการใช้มุมจิกขนาด 90º จะ
เหมาะส าหรับเหลก็ แผ่นบางและวัสดุเน้ืออ่อน โลหะท่ีไม่ใชเ่ หลก็ เช่น อลูมเิ นียม, ทองแดง, พลาสติก, ไฟเบอร์,
ไม้ เพราะมมุ ท่ีแหลมกวา่ จึงเจาะได้เร็วและคายเศษไดด้ ี มีระยะคมตดั ท่ียาวกวา่ ส่วนการใช้มุมจกิ 135º จะ
เหมาะส าหรบั วสั ดุแข็งและเจาะยาก เนือ่ งจากมุมเจาะใหญ่ จงึ มรี ะยะคมตัดท่สี ั้นลงท าให้ความฝืด และความ
ร้อนท่ีเกิดจากแรงตัดเฉือนน้อยลง ขณะเดยี วกันกม็ ีความแขง็ แรงม่ันคงกวา่ จึงเหมาะกับงานเหล็กแข็ง เช่น
สเตนเลส
135o
118o 90o
(ก) มุมจกิ ขนาด 118 องศา (ข) มุมจกิ ขนาด 90 องศา (3) มุมจิกขนาด 135 องศา
ส าหรบั งานเจาะวสั ดุทว่ั ไป ส าหรับเหลก็ แผน่ บางและวสั ดุอ่อน ส าหรบั วสั ดแุ ขง็ และเจาะ
ยาก
รูปท่ี 2.19 แสดงคา่ มมุ จกิ ของดอกสว่าน
(ทม่ี า : สุรชัย บุญโสภณ, 2559)
39
2.2.2 ดอกเอ็นมลิ (End mill)
เอนมิล (End mill) เปน็ เครอ่ื งมือตดั ประเภทหนง่ึ ส าหรับงานกัดทวั่ ไป ใชก้ บั เคร่ืองกัดแนวตั้ง
รปู ร่างของดอกเอนมิลมีลกั ษณะเป็นแท่งกลม มีคมตัดอยู่ตรงปลายด้านหน้าและคมตดั ที่ดา้ นข้าง การท างาน
ของ เอนมิล จะสวมอย่กู ับแกนเพลาของเคร่ืองกัด และหมนุ รอบตวั เองอย่กู ับ โดยยึดชน้ิ งานไว้กับแท่นเล่ือน
ตดั วสั ดงุ านต่างๆ ใหเ้ ปน็ รปู แบบท่ตี ้องการโดยเล่ือนแท่นเล่ือนให้ช้ินงานเข้าหาดอกเอนมลิ
รปู ที่ 2.20 แสดงลักษณะของดอกเอนมลิ
(ท่มี า : http://www.nachithailand.com, 9 มิถุนายน
2559)
แกนเพลา
ส าหรบั สวมเอนมลิ
แท่นเล่ือน
สาหรับยึดชน้ิ งาน
รปู ท่ี 2.21 แสดงลกั ษณะของเครื่องกัดแนวตั้ง
(ที่มา : http://www.arceurotrade.co.uk/, 9 มถิ นุ ายน 2559)
คมตดั ด้านหน้า คมตัดด้านข้าง คอเอนมิล กา้ น
(Front Cutting) (Side Cutting) (Neck) (Shank)
เส้นผ่านศูนย์กลาง ความยาวคมตัด
ความยาวท้งั หมด
รูปท่ี 2.22 แสดงโครงสรา้ งของดอกเอนมลิ
(ทมี่ า : สรุ ชัย บุญโสภณ, 2559)
40
ดอกเอนมลิ มคี มตดั ส าหรบั การตดั เฉือนได้ 2 แนว คือ
1) คมตดั ด้านหน้า เป็นการกัดดา้ นบนของชนิ้ งานลงดา้ นล่างในแนวตั้งดว้ ยฟันท่ีอยู่ปลายดอกเอ็นมลิ
2) คมตัดด้านข้าง เป็นการกดั ดา้ นขา้ งของชน้ิ งานขนานไปในแนวนอน ด้วยฟนั เลอื้ ยรอบแกนหมุนของ
ดอกเอน็ มลิ
(ก) การกดั แนวต้ัง (ข) การกดั แนวนอน (ค) การกดั แนวทะแยง
ด้วยคมตดั ด้านหน้า ด้วยคมตัดด้านข้าง ดว้ ยคมตัดด้านหนา้ และดา้ นขา้ ง
รูปที่ 2.23 แสดงลักษณะทิศทางของการตัดงานของเอนมลิ
(ท่มี า : http://www.arceurotrade.co.uk/, 9 มถิ นุ ายน
2559)
มุมของดอกเอนมิล ทใี่ ช้ในงานกัดทั่วไป สามารถอ้างอิงหนา้ ทก่ี ารท างานของแตล่ ะมมุ ไดจ้ าก
ดอกสว่าน เชน่ มุมฟันเล้ือยหรือมุมเฮลลคิ มุมคมตัดหรอื มุมลมิ่ มมุ คาย และมุมหลบ แต่เพ่ือเพ่ิมความแข็งแรง
ของคมตดั ของดอกเอนมลิ จงึ มมี ุมหลบอยู่ 2 ระดับ ท่เี อยี งจากขอบคมตัด คือ
1) มมุ หลบหลกั (Primary) จะมอี งศาของมมุ นอ้ ย เพอ่ื ความแข็งแรงของคมตัด มพี นื้ ที่มมุ
น้อย
2) มุมหลบรอง (Secondary) จะเอียงต่อจากมมุ หลบหลักใหม้ ีองศาของมุมทีเ่ พม่ิ มากข้ึนอกี เพ่ือ
ป้องกันการเสยี ดสใี นขณะตัดเฉือ้ น มุมหลบหลกั ของคมตัดดา้ นข้าง มมุ เอียงฟันเลอ้ื ยหรอื มุมเฮลลิค
มุมหลบรองของ มมุ หลบหลกั ของคมตัดดา้ นหนา้
คมตัดด้านข้าง
มมุ หลบรองของคมตัดด้านหน้า
รปู ที่ 2.24 แสดงลักษณะของมุมหลบหลักและมุมหลบรองของดอกเอนมิล
(ท่มี า : สรุ ชัย บญุ โสภณ, 2559)
41
ส่วนมมุ ของคมตดั ดา้ นข้างของดอกเอน็ มิลทีบ่ ิดพนั รอบแนวแกนเรยี กวา่ มมุ เอยี งฟนั เลื้อยหรือ
มุมเฮลลิค (Helix angles) คมตัดของเอ็นมลิ จะเป็นเกลียวบดิ ท ามุมกับแนวแกน มีมุมเอียงฟนั เลื้อยให้เลอื กใช้
ไดหลายมุม้ เช่น 0, 30, 45, 60 องศา ซ่ึงจะเลือกมาใช้งานตามลักษณะการตดั เฉอื นวสั ดุงาน เพื่อใหผ้ ลการ
ตดั เฉอื นที่ดตามต้องี การ
(ก) มุมเฮลลิค 0° (ข) มุมเฮลลคิ 30° (ค) มมุ เฮลลิค 45° (ง) มุมเฮลลิค 60°
รูปท่ี 2.25 แสดงลักษณะของมุมเฮลลิคของเอ็นมลิ ขนาดตา่ งๆ
(ทมี่ า : http://cadem.com/cncetc/cnc-milling-end-mill-helix/, 10 มถิ นุ ายน 2559)
มมุ เฮลลคิ 0 องศา คมตดั จะเปน็ แบบตง้ั ตรงไมพ่ นั รอบแนวแกน เมื่อดอกเอนมลิ เคลื่อนที่เขา้ ตัด
เฉือนชิ้นงาน จะเกดิ การกระแทกตรงๆ เต็มหน้าของคมตัดด้านข้าง จงึ ตอ้ งใชแ้ รงในการตัดมากเพราะเกิดแรง
ต้านข้นึ ทนั ทีทนั ใดและเปน็ ชว่ งๆ ไม่ตอ่ เน่อื ง คมตัดจะสกึ หรอหรือหักง่าย จึงเหมาะกับงาตัดเฉือนโลหะแผ่นบาง
มมุ เฮลลิค 30 องศา เปน็ มมุ มาตรฐานทีน่ ิยมใชม้ ากที่สดุ เหมาะกับงานท่ัวไป ที่ใชแ้ รงในการตัด
เฉอื นไม่หนักมากนัก หรอื กัดหยาบโดยเลอื กใช้ฟนั กัดหยาบท่เี ปน็ ลกู คลนื่ มมุ
เฮลลคิ 45 องศา ใชก้ บั งานวสั ดุงานแข็งๆ เช่น สแตนเลส
มุมเฮลลิค 60 องศา เหมาะกบั งานทต่ี ้องการเก็บผวิ ละเอียด หรือกดั งานท่เี ป็นผนังบางๆ และ
สงู ชิ้นงานมคี วามแขง็ สงู มากๆ เพราะมุมเฮลลิกท่มี าก จะเกิดความร้อนนอ้ ยลง การคายเศษดีขึน้ และลดการ
สะทา้ นของคมตัดในการตัดเฉือน
42
2.2.3 มดี กดั (Cutter)
มีดกดั (Cutter) เป็นเครื่องมือตัดหลายคมท่ีใชก้ ับเคร่ืองกัดแนวนอน มีหลากหลายรูปแบบ ส
าหรับใชง้ าน แตก่ ม็ มี ุมส าคญั ในการพจิ ารณาคลา้ ยกับ ดอกเอนมิล (End mill) โดยลักษณะของมีดกัดจะเป็น
ทรงกระบอกทีถ่ กู เจาะเป็นรตู ามแนวแกนและมีฟนั กดั อยดู่ า้ นข้างรอบทรงกระบอก มีทั้งแบบมีมมุ เอียงฟนั เล้ือย
คือ มีมุมเฮลลคิ และแบบฟนั ตรงทีไ่ มม่ ีมมุ เอยี งฟันเล้ือย หรอื มุมเฮลลิคเปน็ 0 องศา
(ก) มดี กดั หนา้ กวา้ งมมี ุมเอียงฟันเลื้อย (ข) มดี กัดแบบบางฟนั ตรงไมม่ มี มุ เอียง
รปู ที่ 2.26 แสดงลกั ษณะของมีดกดั (Cutter)
(ท่ีมา : http://webstaff.kmutt.ac.th/, 9 มถิ นุ ายน 2559)
แกนเพลา
ส าหรบั สวมมีดกดั
แทน่ เลื่อน
สาหรบั ยดึ ชนิ้ งาน
รูปท่ี 2.27 แสดงลักษณะของเคร่ืองกัดแนวนอน
(ท่ีมา : http://www.arceurotrade.co.uk/, 9 มถิ ุนายน 2559)
รปู ท่ี 2.28 แสดงลักษณะการกดั งานของมีดกัด
(ที่มา : สุรชยั บุญโสภณ, 2559)
43
มุมของมีดกดั ที่ใช้ในงานกัดทัว่ ไป สามารถอา้ งอิงหนา้ ท่ีการท างานของแต่ละมุมส าคญั ไดจ้ าก
เครือ่ งมือตดั คมเดยี่ ว ได้เชน่ กนั คอื
1) มุมคาย (Rake angle) มีหน้าที่เก็บเศษโลหะขณะท่ีฟันกัดชิ้นงานและคายเศษโลหะน้ัน
ออกมา เม่อื ฟันกดั น้นั พ้นจากชน้ิ งาน ในมีดกดั ทั่วไปมีมุมเอยี งลาดจากขอบคมตดั จากแนวศนู ย์กลางประมาณ
10-15 องศา
2) มมุ หลบ (Relief angle) เปน็ มมุ ทอ่ี ยหู่ ลังคมตัดเพอ่ื ไมใ่ หส้ ว่ นหลังของฟันเสียดสกี ับช้นิ งาน
มุมหลบจะมี 2 มมุ คอื มุมหลบหลัก (Primary) จะมีองศาของมุมน้อย และมมุ หลบรอง (Secondary) ท่มี ีองศา
ของมมุ ท่ีมากกวา่ โดยมุมหลบรองจะลาดต่อจากมมุ หลบหลัก และชว่ ยใหเ้ กดิ ชอ่ งวา่ งหนา้ คมตดั ชว่ งมมุ คาย
เศษ
เพ่อื ให้เกบ็ เศษโลหะท่ีถูกคมตดั เฉือนออกมาได้มากขนึ้ ก่อนจะหลุดจากชิน้ งานและคมตัด
3) มมุ ล่มิ (Lip angle) เป็นมมุ ท่กี าหนดความแข็งแรงของฟันมีดกัดเพราะเป็นเนื้อวัสดุ
ของ
เครอื่ งมอื ตดั ที่เหลอื อย่จู ากมมุ คายเศษและมุมหลบ เพราะเม่อื รวมมุมลม่ิ มุมคายเศษ และมมุ หลบ ท้งั 3 มมุ จะมี
มุมรวมกัน 90 องศา
4) มุมเอยี งฟันเลือ้ ย (Helix angle) เป็นมุมทฟี่ นั กัดจะเอยี งโค้งพันรอบตวั มดี กัด มมี มุ เอียง
ประมาณ 35 -60 เพ่ือลดการกระแทกของฟนั กดั เช่น มีดกัดราบ (Plain milling cutter)
ขอบคมตดั มีดกัด
มมุ เอียงฟันเลื้อย
มุมคายเศษ
มุมลมิ่
มมุ หลบหลกั
มุมหลบรอง
รูปท่ี 2.29 แสดงลกั ษณะของมุมของมีดกัด
(ทม่ี า : สรุ ชยั บญุ โสภณ, 2559)
49
แบบประเมนิ ดว้ ยตนเอง
ช่ือ..........................................นามสกุล............................................ระดับชั้น................ปที ี่...........เลขท่ี.............
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ดา้ นทกั ษะการเรียนรู้ (ทักษะพสิ ยั ) จากการท าแบบประเมนิ ผลการเรียนรู้ เกณฑ์ผา่ น 60 % ขนึ้ ไป
เฉลยแบบฝกึ หัดก่อนและหลังเรยี น
ขอ้ ท่ี เฉลย ขอ้ ที่ เฉลย ข้อที่ เฉลย ขอ้ ท่ี เฉลย
1 ก 6 ข 11 จ 16 ก
2 ข 7 ก 12 ง 17 จ
3 ง 8 ค 13 ง 18 ข
4 จ 9 ข 14 จ 19 ค
5 ค 10 ค 15 ค 20 จ
คะแนนแบบทดสอบกอ่ นเรยี น ได้..............................คะแนน คิดเป็น................. % ไดเ้ กณฑ์
.......................
คะแนนแบบทดสอบหลังเรียน ได้...............................คะแนน คิดเป็น................. % ได้เกณฑ.์ .....................
ด้านคุณธรรม จรยิ ธรรมและคุณลกั ษณะทพี่ ึงประสงค์ (จติ พสิ ัย) เกณฑ์ผ่าน 15 คะแนน
ใหน้ ักเรยี นประเมินตนเอง โดยมเี กณฑก์ ารใหค้ ะแนนดงั น
2 คะแนน หมายถงึ ดีมาก
1 คะแนน หมายถึง ปานกลาง
0 คะแนน หมายถงึ ต้อหงวัปขร้อบั ปปรระุงเมิน คะแนน นร. ครู
ความคิดรเิ ร่ิมสร้างสรรค์ เชน่ ใชค้ วามคิดหลากหลายเพือ่ แกป้ ัญหา, คดิ สิง่ ใหม่ ๆ 2
ทเ่ี ปน็ ประโยชน์
ความมวี นิ ยั เชน่ แตง่ กายถกู ต้องตามระเบียบ–ขอ้ ตกลง, ตรงตอ่ เวลา 2
ความรับผดิ ชอบ เชน่ มกี ารเตรยี มความพร้อมในการเรยี น และการปฏิบตั ิงาน 2
ความซือ่ สัตยส์ ุจริต เชน่ ตัง้ ใจท าแบบทดสอบดว้ ยตนเอง ไมท่ จุ รติ 2
ความรกั สามคั คี เชน่ ร่วมมือกันท ากิจกรรมกลุม่ , ยอมรับความคิดเพ่อื นด้วยเหตุผล 2
ความสนใจใฝร่ ู้ เชน่ ศกึ ษาค้นคว้าด้วยตนเอง, ซักถามปญั หาขอ้ สงสัย 2
การพงึ่ ตนเอง เชน่ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้, ท างานไดภ้ ายใตข้ ้อก าหนด 2
มนษุ ยสมั พนั ธ์ทด่ี ี เช่น กริ ยิ าทา่ ทาง พดู จาสภุ าพ, ช่วยเหลอื ผู้อ่ืน 2
ความเชอื่ มน่ั ในตนเอง เชน่ แสดงความคดิ เห็นอย่างมีเหตุผล, เสนอตวั แขง่ ขนั หรือ 2
ท างานท้าทาย
การประหยดั เช่น ใชท้ รพั ยากร ทั้งของตนเองสว่ นรวมอย่างค้มุ คา่ 2
รวม 20
คะแนนดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรมและคณุ ลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์ ได้........................คะแนน คิดเป็น................. %
ได้เกณฑ.์ .....................