The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หน่วยที่ 5 เครื่องเจาะและงานลับคมตัด ดอกสว่าน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kerkchai lamuntree, 2020-08-19 22:02:52

หน่วยที่ 5 เครื่องเจาะและงานลับคมตัด ดอกสว่าน

หน่วยที่ 5 เครื่องเจาะและงานลับคมตัด ดอกสว่าน

เอกสารประกอบการสอน

รหัสวชิ า 2102-2105

ลับคมเคร่ืองมือตัด

หลักสูตรประกาศนยี บัตรวิชาชีพ พทุ ธศกั ราช 2556
ส านกั งานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศกึ ษาธกิ าร

จดั ท าโดย นายสรุ ชยั บุญโสภณ
ต าแหน่ง ครูช านาญการ

189

หนว่ ยที่ 5

เครอื่ งเจาะและงานลับคมตัด
ดอกสวา่ น

สาระส าคญั

เครื่องเจาะ (Drilling Machine) เป็นเครอื่ งมือกลทใ่ี ชใ้ นการเจาะรชู ิ้นงาน โดยมหี ลงั การท างาน คอื
การจบั ยงึ เครือ่ งมอื ตัดเขา้ กับแกนเพลาของเครื่องเจาะ เมือ่ เพลาของเครื่องเจาะหมุนก็จะท าการปอ้ นเครื่องมือ
ตดั ลงปตัดเฉอื นชิน้ งาน เพือ่ ให้เกดิ รูบนชิ้นงาน เพือ่ ใชง้ านในลักษณะต่างๆ เชน่ ต้องการใหเ้ กิดรใู นชนิ้ งาน รู ส
าหรับร้อยสลักเกลียว รสู าหรบั การตา๊ ปเกลียว การผายปากรูเจาะ การเจาะรูควา้ นผิวเรยี บ เป็นตน้ ส าหรบั
เคร่อื งมือตัดที่ใช้กบั เคร่ืองเจาะ มีหลายประเภทตามลกั ษณะงานที่ตอ้ งการท าการเจาะ เชน่ ดอกสว่าน ดอก
เจาะน าศูนย์ ดอกตา๊ ป ดอกผายปากรู และดอกคว้านเรยี บ เปน็ ตน้ ซง่ึ ในงานเจาะพื้นฐานท่ัวไปจะใชด้ อกสว่าน
เจาะเพอ่ื ให้เกดิ รู มกี ารใช้งานกบั เครอ่ื งจักรได้หลายชนดิ

เนอื้ หาการเรยี นรู้

5.1 ชนิดของเคร่ืองเจาะ
5.2 สว่ นประกอบและหนา้ ท่ีการท างานของเครือ่ งเจาะ
5.3 เคร่อื งมือตัดทีใ่ ช้กบั เครื่องเจาะ
5.4 ความเรว็ รอบ ความเรว็ ตัด อตั ราปอ้ นในงานเจาะ
5.5 ความปลอดภยั ในงานเจาะ
5.6 การบ ารุงรักษาเครอื่ งเจาะ
5.7 การลับคมตดั ดอกสวา่ น

จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้

1. จ าแนกชนดิ ของเครอ่ื งเจาะได้
2. บอกช่อื และหน้าทีก่ ารท างานของส่วนประกอบเครอื่ งเจาะได้
3. บอกชอื่ และหน้าท่ีของเครอ่ื งมือตดั ท่ใี ชก้ ับเครื่องเจาะได้
4. ค านวณความเร็วรอบ ความเร็วตดั อตั ราป้อนในงานเจาะได้
5. บอกความปลอดภยั ในการใช้เครอ่ื งเจาะได้
6. อธิบายวธิ ีการบ ารงุ รักษาเคร่ืองเจาะได้
7. ปฏบิ ัตงิ านลับคมตดั ดอกสว่านได้

192

5.1 ชนิดของเคร่อื งเจาะ

เครือ่ งเจาะท่ีใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมทวั่ ไป และในโรงฝึกของสถานศึกษาจะจ าแนกออกเปน็ หลาย
ชนดิ
ดังน

5.1.1 เครื่องเจาะต้ังโต๊ะ (Bench Drilling Machine)

เครอื่ งเจาะตั้งโต๊ะเป็นเคร่ืองเจาะขนาดเล็กทใ่ี ช้ในงานเจาะรูท่ีมีขนาดของรูเจาะไมเ่ กนิ 12.7
มิลลิเมตร หรือไม่เกนิ 1/2 น้ิว ใช้สายพานในการเปลี่ยนความเร็วรอบ โดยฐานของเครื่องเจาะจะติดต้ังอยูบ่ น
โต๊ะงานเพือ่ ใหเ้ คร่ืองเจาะมีความสูงเหมาะสมส าหรบั การใช้งาน

รูปท่ี 5.1 แสดงลกั ษณะของเครื่องเจาะตงั้ โต๊ะ
(ทีม่ า : https://www. kaidee.com, วนั เขา้ ถึง 30 มิถุนายน 2559)

5.1.2 เคร่ืองเจาะตั้งพนื้ (Floor Drilling Machine) เครื่องเจาะตงั้ พ้ืนเป็นเครอื่ งเจาะที่มี

รปู ร่างเหมือ่ นเครอ่ื งเจาะต้งั โตะ๊ เพยี งแตม่ ีขนาดใหญ่กวา่
โดยฐานของเคร่ืองเจาะจะถูกติดต้งั อยบู่ นพื้นโรงงาน เครือ่ งเจาะชนิดนี้จะใชร้ ะบบส่งก าลังด้วยชดุ เฟอื งทดหรือ
ใช้สายพานในการเปล่ียนความเร็วรอบ

รูปท่ี 5.2 แสดงลกั ษณะของเคร่อื งเจาะตงั้ พ้นื
(ท่มี า : http:// fnengineering.com/, วันเข้าถึง 30 มถิ นุ ายน 2559)

193

5.1.3 เคร่ืองเจาะรศั มี (Radial Drilling Machine)

เคร่อื งกลงึ เจาะรศั มเี ป็นเครอ่ื งเจาะท่มี ีขนาดใหญ่กว่าเครอ่ื งเจาะต้งั พ้นื เครื่องเจาะชนดิ น้จี ะมี
ชดุ หัวเคร่ืองที่ประกอบดว้ ยมอเตอร์ ชดุ เฟืองทดเพลาเจาะ (Spindle) และชุดเฟอื งทดป้อนเจาะอตั โนมัติ
สามารถเล่อื นไป-มาบนแขนรศั มี (Arm) เพอ่ื เลื่อนหาต าแหนง่ ในการเจาะรขู องช้นิ งานที่ถูกจับยึดบนโต๊ะงาน
หรอื ปากกาจับงานได้สะดวกและรวดเร็ว นอกจากน้ีแขนรศั มีของเครื่องเจาะยังสามารถ หมนุ รอบเสาเครื่อง
(Column) ได้ ใช้เสาเป็นจุดหมนุ และสามารถเลื่อนขึน้ -ลงในแนวดิง่ โดยใช้มอเตอรข์ บั เกลียวใหเ้ คลือ่ นที่ เคร่อื ง
เจาะรัศมเี หมาะส าหรบั การเจาะรูจ านวนมากและชน้ิ งานขนาดใหญ่ทม่ี ีน้ าหนกั มาก เคล่อื นย้ายเพอื่ หาต าแหน่ง
การเจาะล าบาก จึงใช้การเลือ่ นหาต่ าแหน่งรเู จาะดว้ ยการเลอื่ นชุดหัวเคร่ืองของเคร่อื งเจาะรศั มี ใชร้ ะบบส่ง
ก าลังด้วยชดุ เฟอื งทด มแี ขนโยกบังคับเฟืองเพ่อื เปลย่ี นความเรว็ รอบไดห้ ลายข้นั

รปู ที่ 5.3 แสดงลักษณะของเครอื่ งเจาะรศั มี
(ทมี่ า : https://www.surplex.com/, วนั เขา้ ถงึ 30 มิถุนายน 2559)

5.2 ส่วนประกอบของและหน้าทกี่ ารท างานของเคร่อื งเจาะ

5.2.1 ส่วนประกอบและหนา้ ท่ีการท างานของเครอื่ งเจาะต้ังโตะ๊ และต้งั พนื้

เนือ่ งจากเครือ่ งเจาะท้ัง 2 ชนดื นีม้ ลี กั ษณะทีค่ ล้ายกัน จึงมีสว่ นประกอบหลกั ๆ เหมือนกนั
ดงั น

ชดุ หวั เครอ่ื งเจาะ

เสาเครื่องเจาะ

โตะ๊ งาน

ฐานเคร่ืองเจาะ

รปู ที่ 5.4 แสดงลกั ษณะสว่ นประกอบของเครื่องเจาะตั้งโตะ๊
(ทม่ี า : สุรชยั บญุ โสภณ, 2559)

194

1. ชดุ หัวเครือ่ งเจาะ (Drilling Head) เป็นสว่ นประกอบทีต่ ิดตง้ั อย่บู นสดุ ของเสาเคร่ืองเจาะ
มสี ว่ นประกอบและหน้าที่การท างาสนายพาน
ดังน ฝาครอบล้อสายพาน

ลอ้ สายพานตาม ลอ้ สายพานขบั

สวติ ช์เปิด-ปดิ มอเตอร มือหมุน
ปอ้ นเจาะ
แกนเพลาเครือ่ งเจาะ
หวั จับดอกสวา่ น

รูปที่ 5.5 แสดงส่วนประกอบของชุดหวั เคร่อื งเจาะตงั้ โตะ๊
(ท่ีมา : สุรชยั บญุ โสภณ, 2559)

1) มอเตอร์ (Motor) ท าหน้าทเี่ ป็นต้นก าลงั ขับเพลาของเครอ่ื งเจาะ โดยส่งก าลังผา่ นล้อ
สายพานขบั ไปยงั ลอ้ สายพานตามดว้ ยสายพาน เพือ่ ใหแ้ กนเพลาเจาะที่ติอยกู ับลอ้ ตามหมุน

2) สายพาน (Belt) ท าหนา้ ที่สง่ กาลังจากลอ้ ขับไปยังลอ้ ตามเพอ่ื ขบั แกนเพลาเจาะ

3) ล้อสายพาน (Pulley) มี 2 ชดุ คอื ลอ้ สายพานตัวขบั และล้อสายพานตัวตาม ทง้ั 2 ชุดจะ มี
รอ่ งส าหรับใส่สายพานหลายรอ่ งเพอื่ เปลีย่ นความเรว็ รอบของเพลาเจาะ

4) แกนเพลาเครือ่ งเจาะ (Spindle) ภายในของแกนเพลาจะเป็นรูเรยี วมอส ใช้ส าหรับ
ประกอบเขา้ กับกา้ นเรียวขอ้งหวั จับดอกสว่าน

5) มือหมนุ ปอ้ นเจาะ (Hand Feed Level) ใชห้ มุนเพ่อื ปอ้ นเครอ่ื งมอื ตดั ทตี่ ดิ อยู่
กบั
แกนเพลาเคร่ืองเจาะเคลอ่ื นทลี่ งมาตดั ชนิ้ งาน
6) สวติ ช์เปดิ -ปดิ (Switch ON-OFF) ใชเ้ ปิด-ปดิ การท างานของเครือ่ งเจาะ

7) ฝาครอบลอ้ สายพาน (Pulley Guard) ใชป้ ดิ ครอบปอ้ งกนั ลอ้ สายพานและสายพานสง่ ก
าลัง ไมใ่ ห้เกดิ อันตรายเม่ือเคร่ืองเจาะก าลังท างาน

2. โตะ๊ งาน (Table) ท าจากเหล็กหลอ่ ที่ใชจ้ ับยึดชน้ิ งานหรืออุปกรณ์ส าหรับจบั ยึดชนิ้ งาน

อ่ืนๆ เช่นปากกาจบั งาน เปน็ ต้น โตะ๊ งานสามารถปรับเคลื่อนทข่ี ้นึ -ลงได้ ตามความยาวของเสาเครอื่ งเจาะโดย

หมนุ ทีม่ ือหมนุ ซึง่ ภายในจะมเี ฟืองตรงขับกบั เฟืองสะพาน

โตะ๊ งาน เสาเคร่ือง

แขนโยกลอ็ กโต๊ะงาน

มือหมนุ โตะ๊ งาน เฟืองสะพาน

รปู ที่ 5.6 แสดงสว่ นประกอบของโตะ๊ งานเครื่องเจาะตั้งโตะ๊
(ทีม่ า : สรุ ชัย บญุ โสภณ, 2559)

195

3. เสาเคร่อื งเจาะ (Column) ท าจากเหลก็ หล่อท่ีมีลักษณะเป็นทรงกระบอกกลวงและยึดติด
กบั ฐานเคร่อื งเจาะ ใชเ้ ป็นแกนส าหรบั ประกอบสว่ นอนื่ ๆ จบั ยึดเขา้ กับเสา เชน่ ชุดหัวเครื่อง โต๊ะงาน เฟือง
สะพาน และฐานเครื่องเจาะ เป็นตน้

4. ฐานเครื่องเจาะ (Base) ท าจากเหล็กหลอ่ ใชร้ องรับน้ าหนักของเครื่องเจาะท้ังหมด
นอกจากน้ียังใช้ส าหรับจบั ยดึ หรือประกอบเข้ากับโต๊ะงาน เพือ่ เพ่ิมความสงู ใหเ้ หมาะสมขณะใชง้ าน

5.2.1 ส่วนประกอบและหนา้ ทก่ี ารท างานของเครอื่ งเจาะรศั ม

เครอื่ งเจาะรศั มเี ป้นเคร่ืองเจาะขนาดใหญ่ มชี ดุ หวั เครื่องที่สามารถเลื่อนไปมาได้บนแขนรัศมีและแขน
รศั มขี องเคร่ืองเจาะยังสามารถหมุนโดยมเี สาเป็นจดุ หมนุ เล่อื นขึ้น-ลงตามเสาของเครื่องเจาะได้อีกดว้ ย เครอ่ื ง
เจาะรัศมมี สี ว่ นประกอบและหน้าท่กี ารท างานดงั น

ชดุ หวั เคร่ือง
แขนรัศมี

เสาเครอ่ื ง

โตะ๊ งาน

ฐานเคร่ือง

รปู ที่ 5.7 แสดงส่วนประกอบของเคร่ืองเจาะรศั มี
(ทม่ี า : สุรชยั บุญโสภณ, 2559)

1. ชดุ หวั เครอื่ ง เป็นสว่ นทต่ี ิดตั้งอยู่บนแขนรัศมี สามารถเลอ่ื นไปมาตามความยาวของแขน
รศั มี เพือ่ หาต าแหนง่ ของรูที่จะเจาะบนชน้ิ งาน โดยมสี ่วนประกอบและหนา้ ทด่ี ังน

1) มือหมุนชดุ หัวเคร่ือง ใชห้ มุนเพ่ือให้ชดุ หัวเคร่ืองเจาะเคล่ือนท่ีไป-กลับตามความยาวของ
แขนรศั มี

2) แกนเพลาเครือ่ ง ภายในเปน็ รเู รยี วใช้จบั ยดึ กา้ นเรยี วของหวั จบั ดอกสวา่ น หรือจบั กา้ น
เรยี วของดอกสวา่ น

3) มอเตอรท์ าหนา้ ทีเ่ ป็นตน้ ก าลังขบั โดยส่งก าลงั ผ่านชุดเฟอื นทดทีอ่ ยู่ภายในชุดหวั เครื่องไป
ยงั แกนเพลาเครื่องเจาะ

4) แขนโยกปรับความเรว็ รอบ ใช้โยกเพ่อื ปรับความเรว็ รอบของแกนเพลาเคร่อื ง
5) สวิตช์เปิด-ปดิ (Switch ON-OFF) ใช้ควบคมุ การหมนุ ของแกนเพลา
6) มอื หมุนปอ้ นเจาะ ใชห้ มุนเพื่อป้อนแกนเพลาท่ีประกอบกบั หัวจับดอกสวา่ นหรือดอก
สวา่ นเคล่ือนท่เี ข้าหาช้ินงาน
7) แขนลอ็ คแกนเพลา ใชด้ งึ เพอื่ ล็อคไม่ใหเ้ คลื่อนทีไ่ ปด้านบนหรือถอยหลังกลับ
8) แขนลอ็ คชดุ หัวเคร่ือง ใชล้ ็อคชุดหัวเครอื่ งไม่ใหเ้ ลือ่ นไปมาตามแขนรศั มี

196

มอเตอร

แขนโยกปรบั ความเร็วรอบ

สวิตช์เปดิ -ปิด แขนลอ็ คชดุ หวั เคร่อื ง

แขนลอ็ คแกนเพลา มอื หมุนชุดหวั เครอ่ื ง
แกนเพลาเครื่อง มอื หมุนปอ้ นเจาะ

รปู ท่ี 5.8 แสดงส่วนประกอบของชุดหัวเครอื่ งเจาะรศั มี
(ทม่ี า : สุรชยั บุญโสภณ, 2559)

2. เสาเคร่ือง ท าจากเหล็กหลอ่ มรี ปู ร่างลักษณะเป็นทรงกระบอกกลวง ยึดตดิ กบั ฐานเคร่อื ง
เจาะ เป็นส่วนประกอบท่ีใชต้ ดิ ตัง้ แขนรศั มี

3. แขนรัศมี ท าหน้าทร่ี องรับชุดหัวเครื่องเจาะ สามารถเลอ่ื นขน้ึ -ลงได้ และหมนุ รอบเสาเครื่อง
เพ่อื หาต าแหนง่ เจาะรบู นชนิ้ งานได้

4. โตะ๊ งาน ยึดติดอยูบ่ นฐานเคร่อื งเจาะ และมีรอ่ งตัวที เพื่อใชส้ าหรบั จบั ยดึ ชนิ้ งานดดยตรง
หรือใชส้ าหรบั จบั ยดึ ปากกาจบั งานหรอื อปุ กรณ์ชว่ ยจบั ยึดอยา่ งอ่นื

5. ฐานเครือ่ ง ท าจากเหล็กหลอ่ เป็นส่วนประกอบท่ีใชต้ ิดตงั้ หรือจับยึดอยกู่ ับพื้นโรงงาน ใช้
รองรบั น้ าหนักของเครอ่ื งเจาะท้งั หมด และจบั ยึดโต๊ะงาน นอกจากน้ีภายในฐานเครื่องเจาะยังใช้เปน็ ที่เก็บน้
า หลอ่ เยน็ อกี ดว้ ย

5.3 เคร่อื งมอื ตัดที่ใชก้ บั เครือ่ งเจาะ

เคร่ืองมือตดั พื้นฐานทใี่ ชก้ ับเคร่ืองเจาะ ท าหน้าที่ตดั เฉอื นวัสดุขณะที่หมนุ ซง่ึ แบง่ ไดห้ ลายชนดิ
ดังต่อไปน้ี

5.3.1 ดอกสว่าน (Drill)

เปน็ เคร่ืองมือตดั ท่ใี ชส้ าหรับเจาะรชู ้นิ งาน ท่ีใชก้ ับเครอ่ื งเจาะมากท่สี ดุ ดอกสว่านที่นยิ มใชค้ ือ
ดอกสว่านแบบร่องบดิ (Twist Drill) ซ่ึงทีล่ าตัวของดอกสวา่ นจะมรี ่องเกลยี ว 2 ร่อง รอบแกนของดอกสวา่ น
ส่วนมากเป็นดอกสวา่ นคมตัดคู่ 2 คมตัด ที่มใี ช้งานอยา่ งแพรห่ ลายจะแบง่ เป็น 2 ชนดิ ดังน

1. ดอกสว่านก้านตรง (Straight Shank Drill) โดยทว่ั ไปใช้กับดอกสว่านที่มขี นาดเล็ก มี
ขนาดเส้นผา่ นศูนย์กลางไมเ่ กนิ 1/2 น้วิ หรอื ประมาณ 13 มลิ ลเิ มตร ตอ้ งใช้รว่ มกับหวั จบั ดอกสว่านที่ยึดอยู่
กับ
แกนเพลาเจาะ โดยหวั จับดอกสว่านสวมเขา้ กบั รูของแกนเพลาที่มเี รยี วมาตรฐานมอสอยู่

รปู ท่ี 5.9 แสดงลักษณะของดอกสว่านกา้ นตรง
(ที่มา : http://www.vpowertools.com, วันเขา้ ถึง 9 มถิ นุ ายน 2559)

197

รูปท่ี 5.10 แสดงลกั ษณะของหวั จบั ดอกสวา่ น
(ท่มี า : สรุ ชัย บุญโสภณ, 2559)

2. ดอกสว่านก้านเรยี ว (Taper Shank Drill) มกั จะใช้กบั ดอกสว่านทม่ี ีขนาดใหญ่ โดยทว่ั ไป
จะมีขนาดมากกวา่ 1/2 น้ิว หรือประมาณ 13 มิลลิเมตร ขึน้ ไป กา้ นเรียวของดอกสวา่ นเป็นเรยี วมาตรฐานมอส
เวลาใชง้ านจะสวมเข้ากับรเู รียวมาตรฐานมอสของแกนเพลาเคร่ืองเจาะ แต่ตอ้ งเป็นเรยี วมอสเบอรเ์ ดยี วกัน ถา้
ไม่ใช่เบอร์เดียวกันต้องใช้ปลอกเรียว (Taper Sleeve) เพ่ือสวมให้เป็นเบอร์เดยี วกนั กับแกนเพลา

รปู ท่ี 5.11 แสดงลักษณะของดอกสว่านก้านเรยี ว
(ทีม่ า : http://www.vpowertools.com, วนั เข้าถึง 9 มิถนุ ายน 2559)

รูปที่ 5.12 แสดงลกั ษณะของปลอกเรยี ว
(ทม่ี า : http://www.bernardo.at/shop/en/reduzierhuelse-mk-3-2.html, วนั เขา้ ถงึ 9 มิถนุ ายน 2559)

5.3.2 ดอกเจาะน าศนู ย์ (Center Drill)

เป็นเครอื่ งมือตัดทใ่ี ชเ้ จาะรนู าท าใหก้ ารเจาะรใู นช่วงเริ่มต้นไดต้ รงต าแหนง่ แม่นย ามากขน้ึ และ
ใช้เปน็ ดอกน ากอ่ นเจาะรูด้วยดอกสว่าน ดอกเจาะน าศูนยท์ ี่นยิ มใช้ท่ัวไปเปน็ แบบ A มชี ว่ งเรยี วส าหรับน
าศนู ย์ เป็นมุม 60 องศา

รปู ที่ 5.13 แสดงลักษณะของดอกเจาะน าศูนย์
(ทมี่ า : http://www.maford.com, วนั เข้าถึงวันเข้าถงึ 20 มิถนุ ายน 2559)

5.3.3 รีมเมอร์ หรือดอกคว้านรเู รียบ (Reamer)

เปน็ เครอ่ื งมือตัดทีใ่ ช้ท าผวิ เรียบหรือปรบั ขนาดของรเู จาะให้เทยี่ งตรงสงู กวา่ การเจาะรูธรรมดา
โดยตอ้ งเจาะรูน าดว้ ยดอกสว่านตามขนาดทก่ี าหนดเปน็ มาตรฐานก่อน ดอกรีมเมอร์มีหลากหลายรปู แบบให้

198

เลือกใช้งานตามความเหมะสม เช่น แบบท่ีผลติ มามีขนาดตายตัว แบบที่สามารถปรบั ขนาดได้ แบบทีค่ มตัดเป็น
ทรงกระบอก แบบที่เคมตัดเป็นเรียว แบบคมตรง แบบคมเอยี ง แบบท่สี ามารถใช้ท างานดว้ ยมอื และใชเ้ ครือ่ ง
ในการท างาน เปน็ ต้น

รปู ที่ 5.14 แสดงลกั ษณะของรีมเมอร์
(ท่มี า : https://www.kittstools.com, วันเข้าถงึ 20 มถิ ุนายน 2561)

5.3.4 ดอกผายปากรู (Counter Sink)

เป็นเคร่อื งมือตัดทใี่ ช้ส าหรบั ผายปากรูเจาะภายหลังจากเจาะรดู ว้ ยดอกสว่านซงึ่ จะท าให้
ปาก รเู จาะเปน็ รปู ทรงกรวย ดอกเจาะท่ีใชส้ าหรบั ผายปากรูและฝังหัวสกรูจะมีมมุ จิกรวม 90 องศา

รปู ท่ี 5.15 แสดงลักษณะของดอกผายปากร
(ที่มา : https://www. toolstop.co.uk, วนั เขา้ ถึง 20 มถิ ุนายน 2561)

5.3.5 ดอกเจาะฝังหัวสกรู (Counter Bore)

เป็นเครอ่ื งมือตดั ทีใ่ ช้ส าหรับเจาะและคว้านรูใหโ้ ตขน้ึ เพือ่ ฝังหัวสกรูทรงกระบอก

รูปที่ 5.16 แสดงลักษณะของดอกฝงั หวั สกร
(ท่มี า : https://www.kittstools.com, วนั เขา้ ถงึ 20 มถิ ุนายน 2561

5.3.6 ดอกต๊าป (Tap)

เป็นเคร่ืองมอื ตดั ทใี่ ช้ท าเกลยี ว ภายในรูเจาะ จึงต้องท าการเจาะตามขนาดมาตรฐานกอ่ นจึงใช้
ดอกตา๊ ปเพอื่ ท าเกลยี ว ดอกต๊าป 1 ชุด มี 3 ดอก ใช้ตามล าดบั

199

รปู ท่ี 5.17 แสดงลักษณะของดอกต๊าปเกลยี ว
(ที่มา : สุรชัย บญุ โสภณ, 2559)

5.4 ความเรว็ รอบ ความเร็วตดั อตั ราป้อนในงานเจาะ

ในการใชง้ านเจาะรชู ้ินงานด้วยเคร่ืองเจาะนั้น เพ่ือใหช้ ้ินงานออกมามีคุณภาพ และเครอ่ื งมือตัดมอี ายุ
การใช้งานท่ีเหมาะสม จ าเปน็ ต้องก าหนดคา่ ความเรว็ รอบ ความเรว็ ตัดและอัตราป้อนให้เหมาะสมกบั วัสดุ
ชน้ิ งานและวัสดเุ ครื่องมอื ตดั โดยมสี ูตรส าหรบั ค านวณหาค่าต่างๆ ดงั น

5.4.1 ความเร็วรอบ (Revolution per Minute: RPM, N)

ความเร็วรอบคือ ความเร็วท่ใี ช้วดั จ านวนรอบของดอกสว่านหรือเคร่ืองมือตัด หมนุ ไปใน 1
หน่วยเวลา (นาท)ี โดยมีสูตรในการค านวณดังน

N = V x 1,000 รอบ/นาที
โดยที่ี = ควาπมเxรD็วรอบของดอกสว่าน (รอบตอ่ นาที)

N

π = 3.1416
V = ความเร็วตดั (เมตรต่อนาที)

D = ขนาดเส้นผ่านศูนยก์ ลางของดอกสวา่ น (มิลลิเมตร)

1,000 = คา่ คงท่ี (ใช้ส าหรับเปลย่ี นหนว่ ยของมิลลเิ มตรใหเ้ ป็น
เมตร)

ตวั อยา่ งที่ 5.1 จงค านวณหาความเรว็ รอบในการเจาะช้ินงานด้วยดอกสว่านขนาดเส้นผา่ นศูนยก์ ลาง 10

มลิ ลเิ มตร ถา้ ใชค้ วามเรว็ ตดั 30 เมตรตอ่ นาที

วธิ ที า N = V x 1,000
π xD

N = 30 x 1,000
3.1416 x 10

N = 954.90 รอบตอ่ นาที ตอบ

5.4.2 ความเร็วตัด (Cutting Speed: V)

ความเรว็ ตดั คอื ความเรว็ ทีว่ ดั ตามแนวเส้นรอบวงของดอกสวา่ นหรือเครอ่ื งมอื ตดั เม่ือหมนุ ตัด
เฉือนวัสดุออกไดเ้ ป็นระยะทางภายในหน่ึงหนว่ ยเวลา โดยมสี ูตรค านวณดงั น

200

V= π x DxN
โดยที่ี
คว1า,ม0เ0ร0ว็ ตัด (เมตรตอ่ นาท)ี
V= 3.1416
ความเร็วรอบ (รอบตอ่ นาท)ี
π= ขนาดเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางของดอกสว่าน (มิลลิเมตร)
N= คา่ คงที่ (ใชส้ าหรับเปลย่ี นหน่วยของมลิ ลิเมตรให้เป็นเมตร)
D=

1,000 =

ตัวอยา่ งที่ 5.2 ในการจะรชู ้ินงานด้วยดอกสว่านทีม่ ีขนาดเสน้ ผ่านศนู ย์กลาง 12 มิลลิเมตร หากใช้ความเร็วรอบ
550 รอบต่อนาที จงค านวณหาความเร็วตดั ที่ใช้ในการเจาะ

วิธที า V= πxDxN
1,000

V = 3.1416 x 12 x 550
1,000

V = 20.73 เมตรต่อนาที ตอบ

หมายเหต:ุ ในการปฏิบัติงานโดยทว่ั ไป ผปู้ ฏบิ ัติงานสามารถเลอื กใช้คา่ ความเรว็ รอบและความเรว็ ตัด ได้
จากตารางตามมาตรฐานตามขนาดของดอกสวา่ นทีใ่ ชก้ ับวสั ดุงานชนิดตา่ งๆ ดงั ตารางที่ 5.1

ตารางท่ี 5.1 แสดงคา่ ความเรว็ รอบและความเรว็ ตดั ส าหรับดอกสวา่ นทท่ี าจากเหลก็ กล้าความเร็วสูง (H.S.S.)

ความเร็วตัด (เมตรต่อนาที)

ขนาดดอกสว่าน เหลก็ กลา้ หลอ่ เหล็กกล้า เหลก็ หล่อ เหล็กล้าใช้ ทองเหลือง
เครอื่ งมือ งานทวั่ ไป และอลูมิเนียม

มลิ ลิเมตร นิ้ว 12 18 24 30 60
ความเรว็ รอบ (รอบตอ่ นาที)

3 1/8 1,275 1,901 2,545 3,185 6,365

4 3/16 955 1,430 1,910 2,385 4,775

5¼ 765 1,145 1,530 1,910 3,820

6 5/16 635 955 1,275 1,590 3,180

9 3/8 545 820 1,090 1,365 2,730

10 7/16 475 715 955 1,195 2,390

12 1/2 425 635 850 1,060 2,120

15 5/8 350 520 695 870 1,735

18 3/4 255 380 510 635 1,275

22 7/8 190 285 380 475 955

25 1 150 230 305 380 765

(ท่ีมา: อ านาจ ทองแสน, 2559, หนา้ 127)

201

5.4.3 อตั ราปอ้ น (Feed Rate: F)

อัตตราปอ้ นในงานเจาะ คอื ค่าความลกึ ทดี่ อกสว่านเคลอื่ นท่ีลงตัดเฉือนเน้อื วสั ดุช้ินงานเมือ่ ดอก
สว่านหมุนครบ 1 รอบ โดยที่คา่ อัตราปอ้ นนี้ข้ึนอยูก่ ับขนาดของดอกสวา่ น ดังตารางท่ี 5.2

ตารางที่ 5.2 แสดงคา่ อตั ราปอ้ นในการเจาะของดอกสว่านขนาดตา่ งๆ

ขนาดของดอกสวา่ น อัตตราป้อนต่อรอบ

มิลลิเมตร น้วิ มิลลิเมตร นิว้

เล็กกวา่ หรอื เท่ากบั 3 เลก็ กวา่ หรือเท่ากับ 1/8 0.02 - 0.05 0.001 - 0.002

3-6 1/8 - 1/4 0.05 - 0.10 0.002 - 0.004

6 - 13 1/4 - 1/2 0.10 - 0.18 0.004 - 0.007

13 - 25 1/2 - 1 0.18 - 0.38 0.007 - 0.015

25 - 38 1 - 1 1/2 0.35 - 0.63 0.015 - 0.025

(ท่ีมา: อ านาจ ทองแสน, 2559, หนา้ 128)

5.5 ความปลอดภยั ในงานเจาะ

1. ตรวจสภาพความพร้อมของเคร่ืองเจาะทกุ ครงั้ กอ่ นใช้งาน

2. แตง่ กายให้รัดกุมขณะเขา้ ปฏิบตั ิงาน โดยเฉพาะอย่างย่งิ ผู้ที่สวมใส่เส้อื แขนยาวจะต้องไม่ปลอ่ ยชายเสอื้
ร่มุ รา่ ม หรอื หากผมยาวจะตอ้ งรดั ผมให้เรียบรอ้ ย เพราะอาจท าให้ถูกแกนเพลาเคร่อื งเจาะหรอื หวั จับดอกสวา่ น
พนั ขณะหมนุ เป็นอันตรายถงึ ข้นั เสยี ชีวิตได้

3. ห้ามผูกเน็คไทขณะใชเ้ ครือ่ งเจาะโดยเดด็ ขาด เพราะอาจท าใหถ้ ูกแกนเพลาเครอื่ งเจาะหรอื หัวจบั ดอก
สว่านพันขณะหมนุ เปน็ อนั ตรายถงึ ข้นั เสียชีวติ ได้

4. สวมแวน่ นริ ภัยทุกครง้ั ท่ปี ฏิบัติงานเพื่อปอ้ งกันเศษโลหะกระเดน็ เข้าตา
5. จบั ยดึ ชนิ้ งานใหแ้ นน่ และมนั่ คง แข็งแรงเพือ่ ไมใ่ หช้ น้ิ งานหลดุ หรือหมนุ ตามดอกสว่าน

6. จบั ยึดดอกสว่านเขา้ กับหัวจบั ดอกสวา่ นใหแ้ นน่ เพื่อป้องกันไม่ให้ดอกสว่านหลุดหรือหักขณะเจาะ
ชน้ิ งาน

7. หา้ มใช้มอื ปัดเศษโลหะที่เจาะออกจากโต๊ะงาน แต่ใหใ้ ชแ้ รงปัดแทนเพ่อื ปอ้ งกันเศษโลหะบาดมือ
8. ปิดสวติ ช์เครอื่ งเจาะทุกคร้ัง ก่อนท าการวัดขนาดหรอื ปดั เศษโลหะ
9. ห้ามหยอกล้อกนั ขณะปฏิบตั งิ าน

10. พน้ื ท่ีปฏิบัติงานต้องมแี สงสว่างเพยี งพอสามารถเห็นได้ชัดเจนขณะปฏบิ ตั ิ

5.6 การบารงุ รกั ษาเคร่ืองเจาะ

1. หยอดน้ ามนั หลอ่ ล่นื ตามจุดตา่ งๆ ของชนิ้ ส่วนท่มี กี ารเคล่ือนที่กอ่ นใช้งาน

2. เลอื กใชค้ วามเร็วรอบ ความเร็วตดั และอตั ราปอ้ นให้เหมาะสมกบั ชนิดของชิน้ งานและชนิดของดอก
สวา่ น เพื่อยืดอายุการใชง้ านของเคร่ืองเจาะ

3. ก่อนปรับเปลี่ยนความเรว็ รอบตอ้ งปิดสวิตชเ์ ครื่องเจาะและรอใหห้ ยุดหมนุ ใหส้ นทิ กอ่ น

4. ก่อนสวมปลอกเรียวหรือหวั จบั ดอกสว่านเข้ากับแกนเพลาเคร่อื งเจาะจะตอ้ งท าความสะอาดไมใ่ ห้มีเศษ
โลหะ เพราะจะท าใหก้ ารจบั ยดึ ดว้ ยเรียวไมแ่ นน่ และอาจท าใหป้ ลอกเรียวหรอื หวั จับดอกสว่านหลดุ ได้ในขณะ
แกนเพลาเครื่องก าลงั หมุน

5. หลงั จากเลิกใช้งานเคร่ืองเจาะแล้วให้ท าความสะอาด และชโลมดว้ ยน้ ามนั เพื่อป้องกันสนิม

202

5.7 การลับคมตดั ดอกสวา่ น

ดอกสว่านถือเปน็ เคร่อื งมือตดั พื้นฐานทีท่ ใี่ ช้กับงานเจาะมากทสี่ ุด จึงถอื วา่ มีความจ าเปน็ อย่างมากในงาน
ชา่ ง แตก่ ารใชง้ านดอกสว่านกจ็ ะท าให้คมตัดของดอกสว่านนัน้ ทื่อลงไปหรืออาจเกิดการช ารดุ เสยี หายใน
ระหวา่ งการท างานจนท าให้ไมส่ ามารถน ามาใชง้ านได้อีก การลับดอกสวา่ นเพ่อื ให้สามารถใช้งานได้ตอ่ ไป กจ็ ะ
ชว่ ยยดื อายุการใช้งานของดอกสว่านนน้ั ออกไปไดแ้ ละยงั สามารถช่วยใหป้ ระหยดั ต้นทนุ ในการผลติ ลงไดอ้ ีกด้วย
การลับดอกสว่านเป็นทักษะท่นี ักเรยี นนักศกึ ษาสามารถฝกึ ใหล้ ับดว้ ยมอื ได้ไม่ยากนัก การลบั ดอกสว่านมีมมุ ส
าคัญหลายมุมท่ีต้องลบั อยา่ งถูกต้องจึงจะท าใหด้ อกสว่านสามารรถใชง้ านไดด้ ี มอี ายกุ ารใชง้ านท่ียาวนาน แต่
หากท าการลับมุมไมถ่ ูกต้อง โดยเฉพาะมุมหลบท่ตี อ่ เน่อื งมาจากคมตดั ของดอกสว่าน ก็อาจจะท าใหด้ อกสว่าน
นั้นไม่สามารถใชง้ านไดเ้ ลยก็เป็นได้

5.7.1 สว่ นประกอบของดอกสวา่ น มมุ เอียงคมตดั ดอกสวา่ น มุมจกิ

กน่ั กา้ นจบั เรียว คอสวา่ น ร่องคายเศษ

ความยาวก้านเรียว ความยาวรอ่ งดอกสวา่ น
ความยาวล าตวั ดอก
สวา่ น สันคม
ความ(กย)าดวอดกอสกวสา่ วนา่ กน้านเรียว ขอบคมตัด

ความยาวล าตวั ดอกสวา่ น ผิวหลบหลังคมตดั

ความยาวกา้ นตรง ความยาวรอ่ งดอกสวา่ น

ความยาวดอกสวา่ น

(ข) ดอกสวา่ นก้านตรง

รปู ท่ี 5.18 แสดงส่วนประกอบต่างๆ ของดอกสวา่ น
(ทีม่ า : สุรชัย บญุ โสภณ, 2559)

1. ก่นั (Tang) จะมีเฉพาะสว่านกา้ นเรียวเทา่ น้ัน จะอยตู่ รงปลายสดุ ของกา้ นเรียว มีไว้ส าหรับใชเ้ หล็ก
ถอดตอกออกจากแกนเพลา (Spindle) ของเคร่อื งเจาะหรอื ถอดออกจากปลอกเรยี ว

2. กา้ น (Shank) กา้ นของดอกสวา่ นมีอยู่ 2 แบบ คือ

1) สว่านก้านตรง (Straight shank drill) โดยทว่ั ไปใช้กบั สว่านทมี่ ีขนาดเลก็ ที่มีเสน้ ผ่าน
ศูนยก์ ลางไมเ่ กิน 1/2 นิว้ หรอื ประมาณ 13 มิลลเิ มตร ใชห้ ัวจบั ดอกสว่านเป็นตัวจับยึด

203

2) สว่านก้านเรยี ว (Taper shank drill) ใชก้ บั ดอกสวา่ นทม่ี ีขนาดใหญ่ โดยทัว่ ไปจะมีขนาด
มากกวา่ 1/2 นิว้ หรอื ประมาณ 13 มิลลิเมตร ขึ้นไป ก้านเรียวเป็นเรียวมาตรฐานมอส เวลาใช้งานจะสวมเขา้
กับรเู รียวของแกนเพลาเครอื่ งเจาะ

3. ขอบคมตดั (Margin) เปน็ คมตัดที่อยดู่ ้านขา้ งรอบๆ ล าตวั มีลักษณะเปน็ สนั นนู ออกมาจากผวิ ของ
ดอกสว่าน ท าให้ลดการเสียดสีระหวา่ งผิวดอกสวา่ นกับช้นิ งาน มหี น้าทีใ่ นการตัดหรอื ขดู ผวิ รูใหเ้ รยี บและได้
ขนาด

4. สันคม (Land) ผิวสว่ นนจ้ี ะต่ ากว่าขอบคม เพ่ือลดการเสยี ดสกี บั ชนิ้ งาน
5. ร่องคายเศษ (Flutes) ร่องคายเศษของดอกสวา่ นทว่ั ๆไป จะมี 2 ร่อง การกัดรอ่ งของดอกสวา่ นท า
ให้เกิดคมตัด และเปน็ ทส่ี าหรับให้เศษโลหะท่ดี อกสวา่ นตัดเจาะไหลออกมา ถา้ เศษโลหะไหลออกมาไมไ่ ด้เกดิ
การอุดตันของเศษโลหะ อาจทาใหด้ อกสว่านหักได้
6. มุมเอียงของคมตดั ดอกสว่าน (Helix or rake angle) คือมุมทรี่ อ่ งของสวา่ นบิดท ามมุ กบั เสน้ แนว
แกน (Axis) ของดอกสวา่ น
7. มุมจกิ (Point angle) คือสนั คมทปี่ ลายดอกสวา่ นในสว่ นของคมตดั ทั้งสองดา้ นท ามมุ กัน ขนาด
ของ
มุมจิกน้ี จะต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมกบั ชนดิ ของวสั ดงุ าน ซ่ึงแตกต่างกันจงึ จะให้ผลดีในการเจาะงาน
8. ผวิ หลบหลังคมตัด (Flank) เกิดจากมุมหลบ ดดยท่ผี วิ หลงั ขอบคมตัดจะตอ้ งเอยี งหลบเข้าในเพอื่
ไม่ให้ถูกหรอื เสยี ดสกี ับผิวงาน
9. คมตดั (Cutting lip) ท าหน้าท่ีตดั ชิ้นงานหลกั เพือ่ ให้เกดิ รูกับช้ินงาน คมตดั จะมีเท่ากับจ านวนข
อง
รอ่ งคายเศษ
10. คมแหวกหรือสันคม (Dead center) จะอยูท่ ี่ปลายสุดของดอกสว่าน เกิดจากความหนาของ
แกนกลางดอกสว่าน (Web) ในการเจาะแนวของคมแหวกต้องท ามุมประมาณ 120-135 กับแนวคมตัด ท าหน้าท่ี
จิกช้นิ งานและตดั ชิน้ งานเปน็ จดุ แรก ถ้าสนั คมตัดลบั ไมถ่ ูกทศิ ทางจะท าใหร้ เู จาะไมเ่ ขา้ เนื่องจากคมขวาง น้จี ะไป
ถูกับเน้ือวัสดทุ าให้เกิดแรงต้าน สามารถลดแรงต้านไดโ้ ดยการลบั ใหข้ นาดของคมแหวกเล็กลง หรือการ เจาะ
ไล่ล าดบั ดอกสวา่ น
11. ความกวา้ งคมแหวก (Wed) เป็นความหนาของแกนดอกสว่าน ซงึ่ จะเรยี วจากปลายไปถึงโคน
สวา่ น ถา้ เปน็ ดอกสว่านเลก็ ความกวา้ งคมแหวกจะเล็กกวา่ ดอกสว่านขนาดใหญ
ขอบคมตัด

มมุ ของแนวคมแหวกและแนวคมตัด 135 องศา

ความกวา้ ง คมแหวกหรอื สันคม
คมแหวก
คมตดั

ความกวา้ งสันคม
รูปที่ 5.19 แสดงส่วนประกอบของปลายดอกสวา่ น
(ท่มี า : สรุ ชัย บุญโสภณ, 2559)

204

5.7.2 มุมของคมตัดดอกสว่าน

ดอกสว่านเปน็ เครื่องมอื ตดั แบบหนึ่ง จงึ ต้องมีมมุ ต่างๆที่เกีย่ วข้อง เพ่อื ใหง้ านตัดเจาะเปน็ ไป
อยา่ งมีประสิทธิภาพ มีมุมท่ีปลายดอกสว่านดงั น

(3) มุมคายเศษ

(1) มมุ คมตัด (2) มุมหลบ (1) มมุ คมตัด
(2) มุมหลบ

(4) มมุ จิก

(3) มมุ คายเศษ (4) มุมจกิ

รูปท่ี 5.20 แสดงมมุ ตดั ทปี่ ลายดอกสว่าน
(ทมี่ า : สุรชยั บุญโสภณ, 2559)

1. มุมคมตดั (Cutting angle) หรอื มมุ ลิม่ จะมีลักษณะเหมือนกบั ล่มิ ท าหน้าทีต่ ัดเฉือนเนื้อโลหะ
ขนาดของมุมจะแสดงถงึ ความแขง็ แรงของคมตัดดอกสวา่ น ถา้ มุมมีขนาดเล็กจะท าให้ความแข็งแรงลดลง ใน
การเลือกใชข้ ึ้นอย่กู ับวัสดทุ ีจ่ ะต้องตัดเฉอื น โดยหลกั แล้ว ถา้ วสั ดงุ านแขง็ จะใช้มมุ คมตัดขนาดใหญ่จะให้ผลดีต่อ
การท างาน ดังนน้ั การลับมมุ ดอกสวา่ นจึงต้องให้มุมหลบได้ตามท่กี าหนดเพราะถา้ มุมหลบใหญเ่ กินไป มุมคมตัด
จะลดลง

2. มุมหลบ (Lip clearance angle) หรือมุมฟรี ท าหนา้ ท่ีลดการเสยี ดสี และลดแรงต้านบริเวณ
ผิวหนา้ ของมุมจกิ ของดอกสว่าน ถ้าไม่มีมมุ หลบนดี้ อกสว่านจะไม่สามารถตัดเฉอื นผวิ งานได้ และขนาดของมุม
ยังสง่ ผลกับอัตราการป้อนเจาะของดอกสวา่ นด้วย ถ้ามมุ น้อยจะใช้อตั ราปอ้ นเจาะนอ้ ย ถา้ ขนาดมุ มโตจะใช้
อตั ราป้อนเจาะมากขึน้ ได้ แตค่ วามแขง็ แรงจะลดลงเพราะมุมคมตดั เล็กลง จงึ นิยมใช้กบั วัสดุอ่อน ในการเจาะ
โลหะท่วั ไปนยิ มใช้มุมหลบ 8-12 องศา

3. มุมคายเศษ (Rake angle) จะอยู่ทรี่ ่องเลื้อย ท าหนา้ ที่ใหเ้ ศษตดั เฉือนเคลอ่ื นท่ีคายออกจากผิวงาน
ท่ีถูกตัด ปกติแล้วมุมนี้สร้างมาพรอ้ มกบั ดอกสว่าน ตามมุมเอียงคมตัดดอกสวา่ น (Helix) ทีเ่ ป็นร่องคายเศษ
ร่องคายเศษที่เอียงนอ้ ย จะคายเศษได้ง่ายกว่ารอ่ งคายเศษท่ีเอยี งมาก มมุ คายน้จี ะมผี ลกับมุมคมตัดด้วยถ้ามุม คาย
เล็ก จะท าให้มมุ คมตดั โต แตถ่ า้ มุมคายโตจะท าให้มุมคมตัดเล็ก แต่เราสามารถลบั คมใหม้ มี มุ คายทีค่ มตัดได้ ทั้ง

แบบคา่ มมุ บวก ค่ามุมลบ และ 0 องศา ข้นึ อยกู่ ับลกั ษณะของงาน
4. มุมจกิ (Point angle) การตดั โลหะทั่วไปจะใชม้ ุมจิกขนาด 118 องศา ข้างละ 59 องศา ส าหรบั ตัด

เฉอื นชนิ้ งาน มมุ จกิ จะมีผลต่อแรงกดเจาะ ถ้ามมุ จกิ โตมากแรงต้านเจาะก็มากขึน้ ตามล าดบั แต่มุมจกิ ก็ชว่ ยใน กา
รน าศนู ย์ในการเจาะงานในขณะเริ่มเจาะ ขนาดของมมุ จกิ จะข้นึ กบั วสั ดุงานท่ีน ามาเจาะ การใช้มุมจกิ ขนาด 90
องศา จะเหมาะส าหรบั เหล็กแผน่ บางและวสั ดุเน้ือออ่ น โลหะทไ่ี ม่ใช่เหล็ก เชน่ อลูมิเนียม, ทองแดง,
พลาสติก, ไฟเบอร์, ไม้ และเหล็กหลอ่ ทีน่ ่ิมเพราะมุมทีแ่ หลมกว่า จงึ เจาะไดเ้ รว็ และคายเศษไดด้ ี ระยะคมตัดจะ
ยาวกว่า สว่ นการใช้มมุ จกิ 135 องศา จะเหมาะส าหรบั วัสดแุ ขง็ และเจาะยาก เนื่องจากมมุ เจาะใหญ่ จงึ มี
ระยะ

205
คมตัดท่ีสนั้ ลงท าให้ความฝืดและความรอ้ นท่เี กดิ จากแรงตดั เฉอื นน้อยลง ขณะเดียวกันก็มคี วามม่นั คงกวา่ จงึ
เหมาะกับงานเหลก็ แข็ง เชน่ สเตนเลส

รูปท่ี 5.21 แสดงมมุ ดอกสวา่ นขนาดต่างๆ ทีเ่ หมาะกับวสั ดุงานต่างกัน
(ทม่ี า : สุรชยั บญุ โสภณ, 2559)

206

5.7.3 งานลับคมตดั ดอกสว่าน

งานเจาะ เปน็ การท ารูในชนิ้ งาน ด้วยเครื่องมือตดั ประเภทดอกสวา่ น ท างานโดยการหมุนของดอก
สว่านและการป้อนเจาะ จะท าให้ดอกสว่านตัดเฉือนเน้อื วสั ดดุ ้วยคมตดั ท่ีปลายดอกสวา่ นไดเ้ ศษเจาะออกมา
เป็นเกลียวเล้อื ย

รปู ที่ 5.23 แสดงลกั ษณะการเจาะงานด้วยดอกสวา่ น
(ท่ีมา : สุรชัย บุญโสภณ, 2559)

รปู ที่ 5.24 แสดงลกั ษณะของดอกสว่านก้านตรง
(ท่มี า : สรุ ชัย บุญโสภณ, 2559)

จากลกั ษณะของดอกสว่านก้านตรง มีมุมท่ีส าคัญท่จี ะต้องลับคมตัด ดังน

1) มมุ มุมจกิ ด้านท่ี ขนาด 59 องศา

1 ขนาด 12 องศา

2) มมุ หลบด้านที่ 1 ขนาด 59 องศา

3) มมุ มมุ จิกดา้ นที่ ขนาด 12 องศา

2

4) มมุ หลบด้านท่ี 2

12

o

รูปท่ี 5.25 แสดงมุมของดอกสว่าน
(ที่มา : สุรชัย บุญโสภณ,
2559)

207
ขน้ั ตอนการปฏิบัตงิ านลับคมตดั ดอกสวา่ น

1. เตรยี มเครอื่ งมอื และอปุ กรณใ์ นการลบั คมตัดและการวัดมุม
2. ตรวจสอบสภาพความพร้อมของเคร่ืองเจียระไนลับคมตัดก่อนปฏบิ ัตงิ าน ถ้าหน้าหนิ
เจยี ระไน ไม่เรียบหรือหมดคม ตอ้ งแตง่ หน้าหินใหม่ และปรบั ระยะแท่นรองรบั ชนิ้ งานให้ห่างประมาณ 2-3
มม.

รปู ที่ 5.26 แสดงลักษณะการแต่งหน้าล้อหินเจียระไน
(ทม่ี า : สรุ ชยั บญุ โสภณ, 2559)

รูปท่ี 5.27 แสดงการปรับระยะของแทน่ รองรับช้ินงานกับลอ้ หินเจียระไน
(ที่มา : สุรชัย บญุ โสภณ, 2559)

3. ให้นักเรยี นเจยี ระไนปลายดอกสวา่ นเดิมทีม่ ีอยู่ออกก่อนเพอ่ื ใช้ส าหรบั การฝกึ ลบั คมตดั
ใหม่

รปู ท่ี 5.28 แสดงการลับปลายดอกสวา่ นเดิมออก
(ทม่ี า : สุรชัย บญุ โสภณ, 2559)

208

รูปที่ 5.29 แสดงลักษณะของปลายดอกสวา่ นท่ลี บั ออกแล้ว
(ทม่ี า : สุรชยั บุญโสภณ, 2559)

4. ลับคมตดั ดา้ นที่ 1 ให้มมี ุม 59 องศา โดยเอียงจากแนวของหน้าหนิ เจียระไนประมาณ 59
องศา และให้ก้านดอกสว่านขนานกบั พ้นื จากน้นั คอ่ ยๆ หมนุ ตามแนวสนั เกลยี ว ยกปลายดอกสว่านเชิดขึ้น
เลก็ น้อยให้เกดิ มุมหลบขนาดมมุ 12 องศา โดยตอ้ งมีระนาบเอียงไปทางเดียวกนั ไม่เป็นสนั นนู หรอื ไมน่ ูนตรง
กลาง (นักเรยี นสามารถเริม่ จากปลายขอบล่างของมมุ หลบกอ่ นได้ โดยเร่ิมจากการเชดิ ปลายดอกสว่านแลว้ กด
ลงตามแนวสนั เกลียวจนก้านดอกสว่านอยู่ในแนวระดับ)

รูปท่ี 5.30 แสดงลักษณะการหมุนดอกสว่านตามแนวสันเกลียว
(ท่ีมา : สุรชยั บุญโสภณ, 2559)

รปู ที่ 5.31 แสดงลักษณะการลับมมุ จิก 59 องศา ดา้ นท่ี 1
(ทม่ี า : สุรชัย บญุ โสภณ, 2559)

209

5. วัดตรวจสอบมมุ ด้วยใบวดั มมุ ครึ่งวงกลม ทง้ั 2 มมุ ดงั น
1) วัดตรวจสอบมมุ จกิ ดา้ นท่ี 1 มมุ 59 องศา โดยตง้ั ที่ใบวัดมุมครึ่งวงกลม 59 องศา จับดอก

สว่านดว้ ยมอื ขวาแล้วหนั ให้แนวคมตดั ตรงกับสายตาไม่เอียง จับให้ตัวดอกสว่านแนบขนานไปกบั กา้ นบรรทดั และ
ใชม้ ือซ้ายทาบให้ใบครึ่งวงกลมแนบขนานไปกับแนวคมตัดท่ีหนั เขา้ หาตัว จึงอ่านคา่ องศาทใี่ บวัด

รปู ที่ 5.32 แสดงลักษณะการวัดมุมจิก 59 องศา ดา้ นท่ี 1
(ท่ีมา : สุรชยั บุญโสภณ, 2559)

2) วดั ตรวจสอบมุมหลบดา้ นท่ี 1 มุม 12 องศา โดยตัง้ ที่ใบวดั มมุ ครึง่ วงกลม 12 องศา
สมมุตใิ ห้ มมุ 90 องศา เปน็ 0 จากน้ันใชม้ ือขวาจบั ตัวดอกสว่าน ให้หันขอบดา้ นสนั เกลยี วเข้าหาสายตา และ มือ
ซ้ายจบั ก้านบรรทัดทาบทบั บนขอบของตัวดอกสวา่ นเลก็ น้อยแลว้ วางใบครงึ่ วงกลม ให้ใบครง่ึ วงกลมทาบท่ี ชาย
ขอบทง้ั สองดา้ นของมุมท่ลี าดเอยี งลงมา จึงอ่านค่าองศาทใ่ี บวดั

รปู ที่ 5.33 แสดงลักษณะการวดั มมุ หลบ 12 องศา ด้านท่ี 1
(ทีม่ า : สุรชยั บุญโสภณ, 2559)

6. ลับคมตดั ด้านท่ี 2 ใหม้ มี ุม 59 องศา และมุมหลบขนาดมุม 12 องศา โดยสลบั ดา้ นสันเกลยี ว
ของดอกสวา่ นแล้วลบั คมตัดแบบเดมิ เหมือนกบั ดา้ นที่ 1 โดยใหม้ ีมุมจิก มุมหลบ และความยาวของคมตดั
เทา่ กับดา้ นท่ี 1

210

7. วดั ตรวจสอบมมุ ด้วยใบวัดมมุ ครึ่งวงกลม ทง้ั 2 มุม ดังน
1) วดั ตรวจสอบมุมจกิ ดา้ นที่ 2 มุม 59 องศา โดยต้งั ทใี่ บวัดมุมครง่ึ วงกลม 59 องศา จับดอก

สว่านด้วยมอื ขวาแลว้ หนั ใหแ้ นวคมตัดตรงกับสายตาไม่เอยี ง จบั ใหต้ วั ดอกสว่านแนบขนานไปกับกา้ นบรรทัด และ
ใชม้ ือซ้ายทาบใหใ้ บคร่งึ วงกลมแนบขนานไปกับแนวคมตัดทีห่ นั เข้าหาตัว จึงอ่านคา่ องศาท่ใี บวดั

รปู ท่ี 5.34 แสดงลกั ษณะการวัดมุมจิก 59 องศา ดา้ นท่ี 2
(ทม่ี า : สรุ ชยั บุญโสภณ, 2559)

2) วัดตรวจสอบมมุ หลบดา้ นท่ี 2 มุม 12 องศา โดยท าการวัดเช่นเดยี วกันกับดา้ นท่ี 1
3) วัดความยาวของคมตดั ทง้ั 2 ดา้ น ดว้ ยก้านบรรทดั ของใบวดั มุมครึง่ วงกลม ซึง่ ความยาว
ของคมตดั ทงั้ 2 ด้านตอ้ งเทา่ กนั โดยทาบขอบคมตัดของแตล่ ะด้านทสี่ เกลของบรรทดั วดั มุม

รปู ท่ี 5.35 แสดงลกั ษณะการความยาวของคมตดั
(ที่มา : สุรชยั บญุ โสภณ, 2559)

ขอ้ ควรระวงั ในการลับคมตัดดอกสว่าน
1) ถ้าลับมมุ จิกของดอกสวา่ นสองข้างไม่เท่ากัน คมตัดจะตัดงานเพยี งดา้ นเดียวมีผลให้คมตัดนั้น
รับภาระงานมากกวา่ ปกตทิ ีม่ คี มตดั กินงานสองคมตดั และตอ้ งใช้แรงในการปอ้ นงานมากขึน้
2) ถา้ ลับใหค้ วามกวา้ งของคมตัดไม่เท่ากนั มุมจิกจะไมไ่ ดศ้ นู ย์ มผี ลให้รทู ่ีเจาะมีขนาดใหญก่ ว่าขนาด
ของดอกสวา่ น

211

(ก) มุมจกิ ของดอกสวา่ น 2 ขา้ งไม่เทา่ กัน (ข) ความกว้างของคมตดั ไมเ่ ทา่ กนั
รปู ที่ 5.36 แสดงการลับปลายคมตัดดอกสว่านท่ไี มด่ ี
(ที่มา : สุรชยั บุญโสภณ, 2559)


Click to View FlipBook Version