The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หน่วยที่ 4 เครื่องกลึงและงานลับมีดกลึง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kerkchai lamuntree, 2020-08-19 22:01:54

หน่วยที่ 4 เครื่องกลึงและงานลับมีดกลึง

หน่วยที่ 4 เครื่องกลึงและงานลับมีดกลึง

เอกสารประกอบการสอน

รหัสวชิ า 2102-2105

ลับคมเคร่ืองมือตัด

หลักสูตรประกาศนยี บัตรวิชาชีพ พทุ ธศกั ราช 2556
ส านกั งานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศกึ ษาธกิ าร

จดั ท าโดย นายสรุ ชยั บุญโสภณ
ต าแหน่ง ครูช านาญการ

65

หน่วยที่ 4

เครอื่ งกลงึ และงานลับมดี กลึง

สาระส าคัญ

เครอ่ื งกลงึ (Lathe Machine) เป็นเคร่อื งมอื กลที่ใชใ้ นการแปรรปู ชิ้นงาน เพื่อผลติ ช้นิ สว่ นต่างๆ ที่ ส
าคญั มากชนิดหน่ึง มหี ลกั การท างานคือให้ช้ินงานหมุนรอบแกนด้วยความเรว็ คงท่ี และใช้เคร่อื งมือตัดเลอื่ น เขา้
ตัดเฉือนชิ้นงาน สามารถท างานไดห้ ลากหลาย เชน่ การกลึงปาดหน้า การกลึงปอกลดขนาดเส้นผา่ น
ศนู ย์กลางผวิ นอก การกลึงคว้านขยายรูชั้นใน การกลงึ เกลยี ว โดยใชเ้ คร่ืองมือตัดประเภทมดี กลงึ และยัง
สามารถขึน้ รูปช้นิ งานท่หี ลากหลายไดด้ ้วยเครื่องมอื ตัดประเภทอื่น เชน่ การใชด้ อกสว่านเพอ่ื เจาะรูช้ินงาน การ
ใช้ลอ้ พิมพ์ลายเพื่อพิมพ์ลายชน้ิ งาน การใช้รมี เมอร์เพื่อควา้ นผวิ รเู รียบ เป็นตน้ ในปัจจุบนั เทคโนโลยกี ารผลิต
ชนิ้ ส่วนเรม่ิ เปลี่ยนแปลงไปใชเ้ ครอ่ื งจักรท่ีอัตโนมัตมิ ากขนึ้ เชน่ เครอ่ื งกลงึ CNC ทีส่ ามารถเลอื กใช้เคร่ืองมือตัด
ประเภทที่ถอดเปล่ียนได้ (insert) แต่งานกลึงทใี่ ชเ้ ครอ่ื งกลึงแบบธรรมดาก็ยงั มีความส าคัญในแงข่ องค่าใชจ้ ่ายท่ี
ประหยัด และยังสามารถดดั แปลงใชใ้ นงานแบบพิเศษบางอยา่ งไดด้ อี กี ด้วย นักเรียนนักศึกษาจึงต้องเรียนรแู้ ละ
ปฏบิ ัติงานลับคมตัดมีดกลึง ท่ีมีลกั ษณะงานทีแ่ ตกต่างกันในหลายๆ รปู แบบ

เนือ้ หาการเรียนรู้

4.1 ชนดิ ของเคร่อื งกลึง
4.2 สว่ นประกอบของเครือ่ งกลงึ ยันศนู ย์
4.3 เคร่อื งมือและอปุ กรณ์ทีใ่ ช้กบั เครือ่ งกลึงยนั ศนู ย์
4.4 เคร่อื งมือตดั ทใ่ี ช้กับเครื่องกลงึ ยนั ศนู ย์
4.5 ความเร็วรอบ ความเร็วตดั อัตราปอ้ น ความลกึ การป้อนตัดในงานกลึง
4.6 งานลบั คมตดั มีดกลึง

4.6.1 งานลบั มีดกลึงปาดหน้า
4.6.2 งานลบั มีดกลึงปอกขวา
4.6.3 งานลบั มีดกลึงปอกซ้าย
4.6.4 งานลบั มดี กลงึ เซาะรอ่ ง
4.6.5 งานลบั มดี กลงึ เกลียว
4.6.6 งานลับมีดกลึงคว้านรใู น

จุดประสงค์การเรียนรู้

1. จ าแนกชนิดของเครือ่ งกลงึ ได้
2. บอกชอื่ ของสว่ นประกอบของเครอื่ งกลึงยันศนู ยไ์ ด้
3. บอกชอื่ ของเครื่องมอื และอุปกรณ์ทีใ่ ชก้ ับเครื่องกลึงยันศนู ย์ได้
4. บอกชอ่ื และหน้าทีเ คร่อื งมอื ตดั ทใ่ี ช้กบั เคร่ืองกลึงยันศนู ย์ได้
5. ค านวณความเรว็ รอบ ความเร็วตัด อัตราปอ้ นในงานกลงึ ได้
6. ปฏิบตั งิ านลับมดี กลึงได้

68

4.1 ชนดิ ของเครอ่ื งกลงึ

เคร่อื งกลงึ ที่ใชใ้ นโรงงานอุตสาหกรรมท่ัวไปจ าแนกออกเปน็ หลายชนิด ซ่ึงแต่ละชนิดจะมีลักษณะ และ
ความสามารถในการใช้งานท่แี ต่ตา่ งกนั ไปตามวัตถปุ ระสงค์ของการท างาน เครือ่ งกลึงท่ีนิยมใช้จะแบง่ ไดด้ ังน

4.1.1 เครือ่ งกลึงยันศนู ย์ (Center Lathe Machine)

เคร่ืองกลงึ ยันศูนย์ เป็นเครอื่ งกลึงที่ได้รบั ความนยิ มมาก ในโรงงานผลิตชิน้ ส่วนทัว่ ไป โรงงาน
ซอ่ มบ ารงุ และโรงฝกึ งานในสถานศึกษาด้านช่างอตุ สาหกรรม เนื่องจากประสิทธิภาพสงู และราคาไมแ่ พงมากนกั
โครงสรา้ งสว่ นใหญ่ท าด้วยเหลก็ หล่อหรอื เหลก็ เหนยี ว วางบนแท่นรองรบั ที่สามารถรบั น้ าหนักเครือ่ งไดอ้ ยา่ งดี
ไม่เกิดการสั่นสะเทือนขณะปฏบิ ตั งิ าน มีโดยมีชดุ ท้ายแท่นใช้ส าหรบั ยนั ศนู ย์ชนิ้ งานเพือ่ ช่วยประคองงาน

รปู ท่ี 4.1 แสดงลกั ษณะของเคร่อื งกลงึ ยนั ศูนย์
(ทม่ี า : https://www.alibaba.com/,วันเข้าถงึ 9 มิถนุ ายน 2559)

4.1.2 เคร่อื งกลึงหนา้ จาน (Facing Lathe Machine)

เครอื่ งกลงึ หน้าจาน เป็นเคร่ืองกลงึ ทม่ี หี ัวจับขนาดใหญก่ ว่าเคร่ืองกลึงยนั ศูนย์ เหมาะส าหรบั ใช้
ในงานกลงึ ปาดหน้าชิ้นงานที่มเี ส้นผา่ นศูนย์ขนาดใหญ

รปู ที่ 4.2 แสดงลกั ษณะของเครือ่ งกลึงหน้าจาน
(ทมี่ า : http://blog.sterlingmachinery.com/, วันเขา้ ถงึ 9 มิถนุ ายน 2559)

69

4.1.3 เคร่ืองกลึงแนวตัง้ (Vertical Turning Lathe Machine)

เคร่อื งกลึงแนวตง้ั เปน็ เครอื่ งกลงึ ท่ีมีปอ้ มมดี วางอยู่ในแนวตง้ั เหมาะส าหรับการกลึงปาดหนา้
กลึงปอก กลึงคว้าน กับช้ินงานทมี่ ีขนาดใหญ่มากๆ

รูปที่ 4.3 แสดงลกั ษณะของเครอื่ งกลึงแนวต้งั
(ท่ีมา : https://www.surplex.com/, วันเข้าถงึ 9 มถิ ุนายน 2559)

4.1.4 เคร่อื งกลึงป้อมมีด(Turret Lathe Machine)

เครอื่ งกลึงปอ้ มมีด เป็นเครื่องกลงึ ท่ีมหี วั จับยดึ เคร่อื งมือตัดไดห้ ลายชนดิ อยู่ในปอ้ มมดี เดียวกนั
สามารถจบั เครอ่ื งมอื ตัดไดห้ ลายชนิดพร้อมกัน เหมาะส าหรบั การผลิตชิน้ งานเหมือนๆ กนั เปน็ จ านวนมาก ซงึ่ มี
หลายข้นั ตอนรวมกัน เช่น กลงึ ปาดหนา้ กลงึ ปอก เจาะรู คว้าน ควา้ นเรียบ และต๊าปเกลยี ว เป็นตน้

รปู ท่ี 4.4 แสดงลักษณะของเครือ่ งกลึงป้อมมดี
(ทีม่ า : http://www.dokterbisnis.net/, วนั เขา้ ถงึ 9 มถิ ุนายน 2559)

70

4.1.5 เครือ่ งกลงึ ควบคุมดว้ ยคอมพิวเตอร์ (CNC Lathe Machine) เคร่อื งกลึงควบคมุ ดว้ ย

คอมพวิ เตอร์ หรือเรียกอกี อย่างว่าเครื่องกลงึ ซีเอน็ ซี เปน็ เครื่องกลึงทีใ่ ช้
คอมพวิ เตอร์เข้ามาควบคุมการท างานเป็นอัตโนมัติทัง้ หมดตั้งแตต่ น้ จนจบการท างาน ซึ่งอาศัยชดุ ค าสง่ั เรยี กวา่
“โปรแกรมเอน็ ซี (NC Program)” เพื่อควบคมุ การท างานของเครื่องกลงึ และควบคุมต าแหนง่ หรอื พิกัดของ
เคร่ืองมอื ตดั ใหเ้ คลื่อนที่ไปยงั ต าแหน่งที่ก าหนด มีความแม่นย าสงู ท างานรวดเร็ว และยงั ผลติ ชิ้นงานทม่ี ี
รูปแบบเดยี วกันในประมาณมากไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ

รปู ท่ี 4.5 แสดงลักษณะของเคร่อื งกลึงควบคมุ ดว้ ยคอมพวิ เตอร
(ท่มี า : http://www.americanmachinetools.com/cnc_lathe.htm, วันเข้าถึง 9 มิถนุ ายน 2559)

4.2 ส่วนประกอบของเครอ่ื งกลงึ ยันศนู ย์

เครอื่ งกลงึ ยนั ศูนย์เปน็ เครอื่ งมือกลพน้ื ฐานทใ่ี ช้กนั ท่วั ไป ทงั้ ในโรงงานและโรงฝกึ ในสถานศึกษา จงึ ขอ

กลา่ วถงึ ส่วนประกอบของเครอื่ งกลงึ ยันศนู ย์เพ่อื เป็นพน้ื ฐานส าหรับการใชง้ านเคร่อื งมือตดั ประเภทต่างๆ ท่ใี ช้
กบั เครื่องกลงึ ยันศูนย์
ชุดทา้ ยแท่น

ชดุ หวั เครอื่ ง

สะพานแท่นเคร่อื ง

ชดุ แท่นเล่ือน

ฐานเครือ่ ง

รูปที่ 4.6 แสดงสว่ นประกอบหลักของเคร่ืองกลงึ ยันศนู ย์
(ท่มี า : สุรชัย บุญโสภณ, 2559)

71

4.2.1 ฐานเคร่อื งกลึง (Base)

ท าหน้าทีเ่ ปน็ ฐานรองรับอุปกรณ์สว่ นอ่นื ๆ ทีจ่ ะใชป้ ระกอบส่วนตา่ งเข้าด้วยกัน จึงต้องรับ น้
าหนักท้งั หมดของเครื่อง สว่ นมากจะท าจากเหล็กหล่อท่ีรองรบั แรงสั่นสะเทื่อนได้ดี แต่ถา้ เปน็ เครื่องขนาดเล็ก
อาจท าด้วยเหลก็ เหนียว

ฐานเคร่ือง

รูปที่ 4.7 แสดงลกั ษณะของฐานของเครือ่ งกลงึ ยนั ศูนย์
(ท่ีมา : สรุ ชยั บุญโสภณ, 2559)

4.2.2 สะพานแทน่ เคร่อื ง (Bed Ways)

เป็นสว่ นท่ยี ึดอย่บู นฐานเคร่ือง ท าด้วยเหลก็ หล่อ ท าหน้าทเ่ี ป็นฐานรองรบั ชดุ หวั เครอื่ ง ชดุ แท่น
เล่ือน และชุดท้ายแทน่ ท่ีผวิ สว่ นบนจะมีลักษณะเปน็ รูปตวั วีคว่ า เพ่อื ใชเ้ ปน็ รางเลือ่ นส าหรับให้ ชุดแท่นเลอ่ื น
และชุดท้ายแทน่ เลื่อนไป-มา ผวิ ของสะพานจะตอ้ งราบเรียบ ผ่านการเจียระไนและผ่านกรรมวธิ ีขูดปรับผิว
เพ่อื ให้มที ่ีขังฟมิ ลน์ ้ ามันบางๆ

สะพานแทน่ เคร่ือง

รูปที่ 4.8 แสดงลกั ษณะของสะพานแทน่ เคร่อื งกลึงยันศูนย์
(ทมี่ า : สรุ ชยั บญุ โสภณ, 2559)

72

4.2.3 ชดุ หวั เครื่อง (Head stock)

เป็นชดุ ระบบกลไกท่ีท าให้เกิดการขับเคล่ือน สง่ ก าลังไปท าใหเ้ กิดการหมุนของเพลาหวั เคร่ือง
ท่ี มลี กั ษณเ์ ป็นเพลากลวง ใชป้ ระกอบเขา้ กบั หวั จับงานและสามารถสอดช้นิ งานทีม่ ีความยาวให้ทะลุผ่านไป
ได้ ภายในชดุ หวั เครอ่ื งประกอบไปดว้ ยชดุ เฟืองทด ส าหรบั เปลยี่ นความเรว็ รอบ เปล่ียนอัตราป้อนกลึง และ
สมั พนั ธ์ กับชดุ ขบั เคล่อื นต่างๆ ในการท างานแบบอตั โนมัติ เพ่ือกลึงอตั โนมัติ หรือการกลึงเกลียว

รปู ท่ี 4.9 แสดงลักษณะของชุดเฟืองทดในชุดหัวเครอ่ื งกลงึ ยันศนู ย์
(ทมี่ า : สุรชยั บญุ โสภณ, 2559)

4.2.3 ชุดแท่นเลื่อน (Carriage)

เป็นส่วนประกอบทย่ี ึดอย่บู นสะพานแทน่ เครอ่ื ง สามารถเคลื่อนที่ซ้าย-ขวา ไปตามความยาว
ของสะพานแท่นเครอ่ื ง โดยการหมนุ มอื หมนุ ของชุดแท่นเลอ่ื นหรือการท างานอตั โนมตั ิ มีส่วนประกอบท่ีส าคัญ
6 ส่วน คอื

รูปท่ี 4.10 แสดงลกั ษณะของชดุ แทน่ เลอื่ นเครอ่ื งกลงึ ยันศูนย์
(ที่มา : สรุ ชัย บญุ โสภณ, 2559)

73
1. แครค่ ร่อม (Saddle) เปน็ ส่วนที่วางอยู่บนสนั ตัววี ครอบบนสะพานแท่นเครื่อง รปู รา่ ง
คล้ายอกั ษร H ดา้ นบนใช้ประกอบแทน่ เล่ือนตามขวาง ส่วนดา้ นลา่ งจะใชป้ ระกอบชุดกล่องเฟือง

แคร่ครอ่ ม

รปู ที่ 4.11 แสดงลักษณะของแคร่ครอ่ มในชดุ แทน่ เลื่อน
(ที่มา : สรุ ชัย บุญโสภณ, 2559)

2. กล่องเฟือง (Apron Box) เป็นส่วนท่ีอยู่ดา้ นหน้าของแทน่ เล่ือน ซ่งึ ยดึ ตดิ อย่ทู ี่ดา้ นลา่ งของ
ชุดแครค่ รอ่ ม ภายในประกอบไปด้วยชุดเฟืองทดหลายชุด ส าหรบั ควบคุมการเคลอื่ นท่ีของชุดแท่นเลอื่ นตาม
ความยาวของสะพานแท่นเครอื่ งในการกลงึ และชดุ เฟอื งส าหรับใช้คนั โยกในการกลึงปอกอตั โนมตั แิ ละกลึงปาด
หน้าอัตโนมตั ิ

กลอ่ งเฟือง

รปู ท่ี 4.12 แสดงลักษณะของกล่องเฟืองในชุดแท่นเล่ือน
(ที่มา : สุรชัย บญุ โสภณ, 2559)

3. แท่นเลื่อนขวาง (Cross Slide) เปน็ สว่ นที่ประกอบอย่บู นแคร่ครอ่ ม ใชเ้ คลื่อนทใี่ นแนว
ขวางกบั สะพานแท่นเลอ่ื นในการกลึงปาดหน้า

74

แทน่ เลื่อนขวาง

รูปท่ี 4.13 แสดงลกั ษณะของแทน่ เลื่อนขวางในชุดแท่นเลื่อน
(ทมี่ า : สรุ ชัย บุญโสภณ, 2559)

4. แท่นปรบั เอยี งปอ้ มมดี (Compound Rest) เป็นส่วนที่ประกอบอยู่บนแท่นเลื่อนขวาง ใช้
ปรับต้งั องศาเพื่อกลงึ มุมเรยี วได้

แทน่ ปรบั เอยี งปอ้ มมดี
รูปที่ 4.14 แสดงลักษณะของแท่นปรบั เอียงป้อมมดี ในชุดแทน่ เลอ่ื น

(ที่มา : สรุ ชยั บญุ โสภณ, 2559)
5. แทน่ เลื่อนบน (Top Slide) เปน็ ส่วนทป่ี ระกอบอยู่บนแท่นปรับเอียงป้อมมีด ใชเ้ ปน็ ฐาน
ส าหรบั ชุดปอ้ มมีด แท่นเลอ่ื นสามารถเลอื่ นไดใ้ นระยะสน้ั ๆ ใชใ้ นการกลึงงานได้

แทน่ เลอื่ นบน

รูปที่ 4.15 แสดงลกั ษณะของแท่นเล่ือนบนในชุดแท่นเลื่อน
(ที่มา : สุรชัย บุญโสภณ, 2559)

75
6. ปอ้ มมีด (Tool Post) ยึดอยู่สว่ นบนของแทน่ เล่อื นบน ใช้ส าหรบั จบั ยึดมีดกลงึ ดา้ มมดี กลงึ
หรือเครื่องมอื ตดั อ่นื ๆ เช่นล้อพิมพ์ลาย เปน็ ต้น สามารถหมนุ เพือ่ ปรับต้งั มุมของมดี กลงึ ได้

ปอ้ มมีด

รปู ท่ี 4.16 แสดงลกั ษณะของป้อมมดี ในชุดแทน่ เล่อื น
(ที่มา : สุรชัย บญุ โสภณ, 2559)

4.2.3 ชดุ ท้ายแท่น (Tail Stock)

เป็นส่วนประกอบทตี่ ดิ ต้งั อย่บู นสะพานแทน่ เคร่อื ง สามารถเคลื่อนทไี่ ป-มา ตามความยาวของ
สะพานแท่นเครือ่ งได้ตลอดแนว และยึดติดแนน่ กับสะพานได้ทุกต าแหนง่ ชุดทา้ ยแทน่ ใชป้ ระกอบกับยนั ศูนย์
เพ่ือประคองชิ้นงานในขณะกลึงงาน นอกจากนย้ี งั สามารถใช้ประกอบกบั เคร่ืองมอื ตัดเพื่อใชต้ ัดเฉอื นอ่ืนได้ เชน่
ดอกสวา่ น รีมเมอร์ เป็นต้น ชดุ ท้ายแท่นประกอบดว้ ยสองสว่ น เพ่ือใช้ส าหรับปรบั เยอ้ื งศนู ย์เพ่อื กลงึ เรยี ว
ยาวๆ ท่มี ีองศานอ้ ยๆ ได้

1. ท้ายแท่นส่วนบน จะประกอบด้วยแกนเพลาทม่ี ีขดี บอกระยะภายในเปน็ รูเรียวมาตรฐาน
มอส ส าหรบั ประกอบอุปกรณอ์ ื่นๆ เชน่ ยนั ศูนย์ สามารถเคลื่อนที่เขา้ -ออก ด้วยแขนหมนุ

2. ทา้ ยแทน่ สว่ นลา่ ง วางอยบู่ นสะพานแทน่ เคร่ือง มีตัวจบั ยึดให้ติดแน่นอย่กู บั ที่ขณะใช้งาน
เพื่อป้องกนั ไม่ให้ชดุ ทา้ ยแทน่ เคลอ่ื นท่ี ด้านหลงั มขี ดี สเกลเพ่อื ดเู ม่อื ปรับเยือ้ งศนู ย์แต่ไมล่ ะเอียดนัก

แขนหมุนเล่อื น
แกนเพลา

แกนเพลา ทา้ ยแทน่ สว่ นบน
(รใู นเรยี วมอส)

(ก) ดา้ นข้าง

76

แขนลอ็ คแกนเพลา
แขนลอ็ คชุดท้านแทน่

ท้ายแท่นสว่ นล่าง ขีดสเกลปรบั เยื้องศูนย์
ชุดลอ็ คท้ายแท่น

(ข) ดา้ นหลงั

รปู ที่ 4.17 แสดงลักษณะของชุดท้ายแทน่ เครอื่ งกลึงยันศนู ย์
(ทมี่ า : สรุ ชัย บุญโสภณ, 2559)

4.3 เคร่อื งมอื และอปุ กรณ์ท่ีใช้กับเครือ่ งกลงึ ยนั ศูนย์

4.3.1 หวั จบั (Chuck)

1. หัวจับแบบสามฟนั พร้อม (Three Jaw Chuck) ใช้ส าหรบั จับงานกลมหรือหกเหลี่ยม ฟัน
ของหัวจับเล่ือนเข้า-ออกพรอ้ มๆ กัน แตล่ ะฟนั ท ามมุ 120 องศา ฟันจับมอี ยู่ 2 ชดุ คือ ชดุ ฟนั จบั นอกและชุด ฟัน
จับใน การถอดและใส่ฟันแต่ละชดุ ต้องใสเ่ รียงตามล าดับคอื 1, 2 และ 3 มฉิ ะนั้นชดุ ฟนั จบั จะเขา้ ไมเ่ สมอ กนั

รูปที่ 4.18 แสดงลกั ษณะของหัวจับแบบสามฟันพร้อม (ท่มี า :
https://sites.google.com, วันเข้าถึง 9 มถิ นุ ายน 2559)

2. หวั จบั แบบสี่ฟนั จบั อิสระ (Four Jaw Independent Chuck) ใชส้ าหรับจบั ช้ินงาน
รูปทรงต่างๆ ฟันจับจะเปน็ อสิ ระมเี กลียวบังคบั แยกจากกนั มฟี ันชดุ เดียวสามารถกลบั เพ่อื จับนอกจับในได้ และ ยัง
สามารถถอดฟันออกแลว้ ใช้อุปกรณช์ ่วยจบั ยึดเขา้ กับร่องท่ีหวั จับได้

77

รูปที่ 4.19 แสดงลกั ษณะของหวั จับแบบส่ฟี ันอิสระ
(ที่มา : http://jannarongkhambunlue.blogspot.com, วนั เข้าถึง 9 มถิ นุ ายน 2559)

4.3.2 ประแจขันหัวจับ (T- Chuck)

เป็นเครือ่ งมอื ส าหรบั การขนั หัวจับใหฟ้ ันจับเคล่ือนท่เี ข้าจับชิ้นงานหรือคลายเพื่อถอด
ชน้ิ งาน

รูปที่ 4.20 แสดงลักษณะของประแจขนั หวั จับ
(ทีม่ า : สรุ ชัย บญุ โสภณ, 2559)

4.3.3 ประแจขนั สลกั เกลยี วป้อมมดี (Tool Post Key)

เป็นเครอ่ื งมอื ส าหรบั ขันสลักเกลยี วท่ีป้อมมดี เพอ่ื ยึดหรือคลายมดี กลงึ หรอื เคร่อื งมอื ตัด
อ่ืนๆ

รูปที่ 4.21 แสดงลกั ษณะของประแจขันสลักเกลยี วป้อมมดี
(ท่มี า : สรุ ชัย บุญโสภณ, 2559)

78

4.3.4 จานพา (Face Plate)

เป็นอปุ กรณ์ที่ใช้จับช้นิ งานทไ่ี มส่ ามารถใชห้ วั จบั แบบฟนั จบั ยดึ ได้ ผวิ หนา้ จะเรียบและเจาะเป็น
ร่อง ใช้ส าหรับร้อยเกลียวเพ่ือจบั ยึดชนิ้ งาน หรือมีสลักยื่นออกมาจากหน้าจานเพือ่ ใชร้ ่วมกบั ห่วงพาและยนั ศูนย์
ตาย

(ก) จานพาแบบร่อง (ข) จานพาแบบสลกั

รูปที่ 4.22 แสดงลกั ษณะของจานพา
(ทีม่ า : สรุ ชัย บุญโสภณ, 2559)

4.3.5 หว่ งพา (Lathe Dog)

เปน็ อปุ กรณท์ ่ใี ช้ในการกลึงยนั ศนู ยร์ ว่ มกบั จานพาแบบสลกั โดยการจับยดึ ช้นิ งานและใช้ขาพาด
กบั แกนสลกั ของจานพาเพอ่ื ให้ชน้ิ งานหมนุ ไปกับจานพา หว่ งพามี 2 แบบ คอื แบบขาตรงและแบบขางอ

(ก) หว่ งพาแบบขางอ (ข) ห่วงพาแบบขาตรง

รปู ท่ี 4.23 แสดงลักษณะของห่วงพา
(ท่ีมา : สุรชัย บุญโสภณ, 2559)

4.3.6 ยันศนู ย์ (Center)

เป็นอปุ กรณทใี่ ีช้กบั รเู รียวท่ีแกนเพลาหวั เคร่อื งและแกนเพลาชดุ ทา้ ยแท่นเพ่ือยันใหช้ ้ินงานอยู่
ระหวา่ งศูนยห์ ัวเครือ่ งและศนู ยท์ า้ ยของเครื่อง แบง่ ออกเป็น 2 ชนิดดงั น

1. ยนั ศูนย์ตาย (Dead Center) ใชป้ ระกอบกับแกนเพลาหัวเครื่องเพื่อยนั ศูนยช์ น้ิ งานส
าหรบั
งานกลึงยนั ศูนยห์ ัวเครื่องและทา้ ยเครอื่ ง หรอื งานกลึงเรียวยาวๆ เปน็ ตน้

รปู ที่ 4.24 แสดงลกั ษณะของยันศนู ย์ตาย
(ท่มี า : สรุ ชัย บุญโสภณ, 2559)

79
2. ยันศูนยเ์ ป็นหรือยันศูนยห์ มนุ (Live Center) ใชป้ ระกอบกบั แกนเพลาชุดทา้ ยแทน่ เพ่ือยัน
ศนู ยช์ น้ิ งานและใช้ประคองด้านทา้ ยของช้นิ งานป้องกันการแกวง่ ของชิ้นงาน ยนั ศนู ย์ชนิดนท้ี ่ีปลายของศนู ยจ์ ะ
หมนุ ไปพร้อมกบั ช้ินงานด้วย

รูปท่ี 4.25 แสดงลักษณะของยนั ศนู ยเ์ ปน็ หรอื ยันศนู ย์หมนุ
(ที่มา : สรุ ชยั บุญโสภณ, 2559)

4.3.6 กันสทา้ น (Steady Rest)

เปน็ อุปกรณ์ทใ่ี ช้เพื่อประคองช้ินงานทม่ี ีความยาวมากๆ ป้องกนั ไม่ใหช้ น้ิ งานโก่งงอขณะกลึง
สามารถแบง่ ออกเปน็ 2 ชนดิ คอื

1. กันสะท้านนิ่ง (Steady Rest) ประกอบดว้ ยแกนส าหรบั ประคองชนิ้ งาน 3 แกน ขณะใช้
งานจะยึดตดิ แน่นอย่กู ับสะพานแท่นเครื่องกลงึ ไมเ่ คล่อื นที่ตามมดี กลงึ

รูปที่ 4.26 แสดงลกั ษณะของกนั สะทา้ นน่งิ
(ทมี่ า : สรุ ชัย บญุ โสภณ, 2559)

2. กนั สะท้านตาม (Follow Rest) ประกอบดว้ ยแกนส าหรบั ประคองชิ้นงาน 2 แกน ในการใช้
งานจะติดตั้งกบั ชดุ แทน่ เล่ือน ใช้ประคองชิน้ งานตรงขา้ มกับมีดกลงึ จะเคล่นื ท่ีไปพร้อมกับชุดแท่นเลอ่ื นในแนว
กลึงปอก

รปู ท่ี 4.27 แสดงลักษณะของกันสะทา้ นตาม
(ทมี่ า : สรุ ชัย บุญโสภณ, 2559)

80

4.4 เครอื่ งมือตัดทใี่ ช้กับเคร่อื งกลงึ ยนั ศนู ย

การกลงึ งานให้ได้รปู รา่ งตามทก่ี าหนดจะตอ้ งอาศัยเครอื่ งมอื ตัด ท าหน้าท่ีตัดเฉอื นวสั ดุขณะทีห่ มุน ซงึ่
แบ่งได้หลายชนิดดังต่อไปน้ี

4.4.1 มดี กลงึ (Cutting Tool)

เปน็ เครอ่ื งมือตัดที่ใช้ตัดเฉอื นเนื้อวสั ดุของชิ้นงานใหเ้ ปน็ รูปร่างตา่ งๆ ตามลกั ษณะของการตดั
เฉอื น เช่น การกลึงปาดหน้า การกลงึ ปอก การกลึงตกบ่า การคว้านรู การกลงึ เกลียวนอก-เกลียวใน เปน็ ตน้
มีดกลงึ แบง่ เป็น 2 ลักษณะใหญ่ๆ ดงั น

1. ลกั ษณะแบบเป็นแทง่ มีดกลึงแบบแท่งนี้สว่ นใหญ่ท าจากวสั ดุเหลก็ กลา้ รอบสูง (High
Speed Steel) มหี ลายเกรดความแขง็ หลายขนาด และหลายแบบตามพื้นทหี่ นา้ ตัด เช่น หน้าตดั สี่เหลีย่ ม
จตรุ สั หน้าต้ดส่ีเหลี่ยมผืนผา้ และหน้าตดั กลม เป็นตน้ การน าไปกลงึ งานตอ้ งเลอื กหนา้ ตัดมดี กลงึ และต้องลับ
คมใหม้ รี ูปร่างและมุมตัดต่างๆ ให้เหมาะสมกบั ลักษณะงานกลึงเช่น งานกลงึ ปอก งานกลึงตกบ่า เป็นต้น มีด
กลึงแบบแท่งนี้ถา้ มีขนาดเลก็ กวา่ 3/8 น้ิว หรือแบบแทง่ แบน มักจะใช้ด้ามจบั ช่วยในการจับยึดเพื่อความ
แข็งแรงมากขนึ้

รูปท่ี 4.28 แสดงลักษณะของมีดกลึงลกั ษระแบบเปน็ แท่ง
(ท่มี า : สุรชยั บญุ โสภณ, 2559)

รปู ท่ี 4.29 แสดงลักษณะของด้ามมีดกลึงแบบแท่ง (ท่ีมา
: http://lewtool.com, วนั เข้าถึง 11 มิถนุ ายน 2559)
2. ลักษณะแบบเปน็ เม็ดมดี มีดกลึงแบบเม็ดมีดนส้ี ว่ นใหญท่ าจากวสั ดคุ าร์ไบด์ มีความแขง็ และ
สมารถทนความรอ้ นจากงานกลึงไดส้ งู กว่ามีดกลงึ แบบแท่งทท่ี าจากวสั ดุเหลก็ ลา้ รอบสูง แต่กม็ ีความเปราะและ
แตกหกั ได้งา่ ยกวา่ ส่วนใหญจ่ ะมรี ปู รา่ งเป็นทรงเรขาคณิตแตกต่างกนั ตามวัตถุประสงค์การใชง้ าน การน าไปใช้
งานต้องจบั ยดึ เม็ดมีดตว้ ยดา้ มจบั เสยี ก่อน มดี กลงึ แบบเมด็ มดี นย้ี ังแบ่งการจบั ยึดเปน็ 2 แบบไดด้ ังน

81
1) เมด็ มีดแบบบดั กรีติดดา้ มมีด จะเป็นคาร์ไบดช์ ิ้นแลก็ ๆ บางๆ รปู รา่ งตามลักษณะงานทจี่ ะ
ใชใ้ นงานกลึง เชน่ กลงึ ปอก กลงึ เซาะรอ่ ง กลึงเกลียว จะยึดติดกับด้ามเหล็กด้วยการบดั กรีทองเหลอื ง สามารถ
ลบั คมตัดไดเ้ มอ่ื คมตัดสกึ หรอ แต่ตอ้ งลบั กับหินเจยี ระไนประเภทซลิ ิคอนคารไ์ บด์ (สีเขยี ว) ไมส่ ามารถลับคมตัด
กับหนิ เจยี ระไนประเภทอลมู ิเนยี มออกไซด์ (สีฟ้า) ท่ใี ช้ในงานทว่ั ไปได้

รปู ที่ 4.30 แสดงลกั ษณะของเมด็ มดี แบบบัดกรตี ิดด้ามมดี
(ทม่ี า : http://www.suppaisarn.com, วันเข้าถงึ 12 มิถุนายน 2559)

รูปที่ 4.31 แสดงลกั ษณะของเมด็ มดี กลงึ คารไ์ บดท์ ่ีเชือ่ มตดิ กบั ด้ามแล้ว
(ทมี่ า : https://machinemechanics.wordpress.com, วันเข้าถึง 10 พฤษภาคม 2559)

2) เม็ดมีดแบบถอดเปลีย่ นกับดา้ มได้ (Carbide Insert) จะเป็นคาร์ไบดท์ ี่มรี ูปร่างเป็นทรง
เรขาคณิต ใหเ้ หมาะกบั ลักษณะงานทีจ่ ะใชใ้ นงานกลงึ เชน่ กลงึ ปอก กลงึ เซาะรอ่ ง กลึงเกลียว การใช้งาน
สามารถน าไปจบั ยึดกับดา้ มทม่ี รี ปู ร่างเฉพาะส าหรับเม็ดมีดรูปร่างนั้นๆ เม่ือเม็ดมีดสกึ หรอสามารถถอดเปลี่ยน
ใหมไ่ ดอ้ ยา่ งสะดวกดว้ ยชุดขนั ล็อกจับยึด ไมน่ ิยมน ามาลบั คมตัดใหม่

รูปท่ี 4.32 แสดงลกั ษณะของเมด็ มดี แบบถอดเปลย่ี นกบั ด้ามได้ (ท่มี า
: http://www.micronsupply.com, วันเขา้ ถึง 12 มิถนุ ายน 2559)

82

รปู ท่ี 4.33 แสดงลักษณะของด้ามจบั เมด็ มีดแบบถอดเปล่ียนได้
(ท่มี า : http://www.pcamcnc.com, วันเขา้ ถึง 11 มิถุนายน
2559)

4.4.2 ดอกสวา่ น (Drill)

เปน็ เครอื่ งมอื ตดั ท่ใี ช้ส าหรับเจาะรชู ้ินงาน โดยจะจับยดึ ไวท้ ี่ชุดศูนย์ท้ายแทน่ แล้วเลอ่ื นเข้าหา
ชนิ้ งานในขณะทชี่ น้ิ งานหมนุ สว่ นมากเปน็ ดอกสว่านคมตดั คู่ แบ่งเป็น 2 ชนดิ ดังน

1. ดอกสวา่ นกา้ นตรง (Straight Shank Drill) โดยทั่วไปใช้กบั ดอกสว่านทม่ี ีขนาดเล็ก มี
ขนาดเส้นผา่ นศูนย์กลางไมเ่ กนิ 1/2 น้วิ หรอื ประมาณ 13 มิลลเิ มตร ตอ้ งใช้ร่วมจบั ใช้กบั หวั จับดอกสวา่ นที่ยึด
อยกู่ ับชุดศนู ยท์ ้ายแทน่ โดยหวั จับดอกสว่านสวมเขา้ กับรูของแกนเพลาทีม่ ีเรยี วมาตรฐานมอสอยู่

รปู ท่ี 4.34 แสดงลกั ษณะของดอกสว่านก้านตรง
(ทม่ี า : http://www.vpowertools.com, วันเข้าถึง 9 มิถนุ ายน 2559)

รปู ที่ 4.35 แสดงลักษณะของหัวจบั ดอกสว่าน
(ท่มี า : สรุ ชยั บุญโสภณ, 2559)

2. ดอกสว่านกา้ นเรยี ว (Taper Shank Drill) โดยท่วั ไปใช้กับดอกสวา่ นที่มขี นาดใหญ
โดยท่วั ไปจะมีขนาดมากกว่า 1/2 นิ้ว หรอื ประมาณ 13 มลิ ลิเมตร ข้ึนไป ก้านเรียวของดอกสว่านเปน็ เรียว
มาตรฐานมอส เวลาใช้งานจะสวมเขา้ กับรูเรียวมาตรฐานมอสของแกนเพลาชุดศนู ยท์ ้ายแทน่ แต่ตอ้ งเป็นเรียว
มอสเบอร์เดยี วกนั ถ้าไมใ่ ชเ่ บอร์เดยี วกันตอ้ งใช้ปลอกเรียว (Taper Sleeve) เพือ่ สวมใหเ้ ปน็ เบอรเ์ ดียวกันกับ
แกนเพลา

83

รปู ท่ี 4.36 แสดงลกั ษณะของดอกสว่านกา้ นเรยี ว
(ท่ีมา : http://www.vpowertools.com, วนั เขา้ ถึง 9 มิถุนายน 2559)

รูปท่ี 4.37 แสดงลกั ษณะของปลอกเรยี ว
(ทมี่ า : http://www.bernardo.at/shop/en/reduzierhuelse-mk-3-2.html, วนั เขา้ ถึง 9 มถิ ุนายน 2559)

4.4.3 ดอกเจาะน าศนู ย์ (Center Drill)

เปน็ เครอื่ งมือตัดท่ีใชเ้ จาะรูน าท าใหก้ ารเจาะรูในช่วงเร่ิมต้นไดต้ รงต าแหนง่ แม่นย ามากข้นึ และ
ใช้ส าหรบั เจาะรเู พอื่ ใชย้ นั ศูนยช์ ้นิ งาน ดอกเจาะน าศนู ยท์ ่นี ยิ มใชท้ ่วั ไปเปน็ แบบ A มีช่วงเรยี วส าหรับน
าศนู ย์ เป็นมุม 60 องศา

รปู ท่ี 4.38 แสดงลกั ษณะของดอกเจาะน าศนู ย์
(ท่ีมา : http://www.maford.com, วันเข้าถงึ วันเข้าถงึ 20 มิถุนายน 2559)

4.4.4 ลอ้ พมิ พล์ าย (Knurl Tool)

เปน็ เครอื่ งมือตัดที่ใชข้ ึ้นรูปให้เป็นลวดลายบนชิน้ งาน สว่ นใหญ่ใชพ้ มิ พล์ ายทดี่ ้ามเคร่อื งมือตา่ งๆ
เพ่อื ปอ้ งกนั การการลนื่ ขณะใช้งานและเพื่อความสวยงาม มที ้งั ลายตรงและลายเฉียง ใชต้ วั เลขเป็นตัวระบุความ
หยาบ-ละเอยี ดของลาย ยงิ่ ตัวเลขมากลายจะละเอยี ดมาก

รปู ท่ี 4.39 แสดงลกั ษณะของล้อพมิ พ์ลาย
(ทีม่ า : https://th.aliexpress.com, วันเขา้ ถงึ 15 มิถุนายน 2559)

84

4.4.5 รีมเมอร์ หรอื ดอกคว้านรูเรียบ (Reamer)

เป็นเครอื่ งมือตัดที่ใช้ท าผวิ เรียบหรอื ปรบั ขนาดของรูเจาะใหเ้ ท่ยี งตรงสงู กวา่ การเจาะรูธรรมดา
โดยต้องเจาะรนู าดว้ ยดอกสว่านตามขนาดท่ีก าหนดเปน็ มาตรฐานก่อน ดอกรีมเมอร์มีหลากหลายรูปแบบให้
เลือกใช้งานตามความเหมะสม เช่น แบบทผี่ ลิตมามขี นาดตายตัว แบบที่สามารถปรบั ขนาดได้ แบบที่คมตดั เป็น
ทรงกระบอก แบบท่เี คมตดั เปน็ เรยี ว แบบคมตรง แบบคมเอียง แบบทส่ี ามารถใช้ท างานด้วยมือและใช้เครื่อง
ในการท างาน เป็นตน้

(ก) คมตัดทรงกระบอกแบบคมตรง

(ข) คมตดั ทรงกระบอกแบบคมเอยี ง

(ค) คมตัดเรยี วแบบคมเอียง
รูปที่ 4.40 แสดงลักษณะของรมี เมอร์แบบตายตัว
(ทีม่ า : https://www.kittstools.com, วันเข้าถงึ 9 มีนาคม 2561)

รูปท่ี 4.41 แสดงลกั ษณะของของรมี เมอรแ์ บบปรับได้
(ที่มา : http://www.minhchauco.vn, วันเข้าถงึ 9 มีนาคม 2561)

4.4.6 ต๊าปและดาย (Tap & Die)

เป็นเคร่อื งมือตัดที่ใช้ท าเกลยี ว ดอกต๊าปใชท้ าเกลียวในของรู 1 ชุด มี 3 ดอก ใช้ตามล าดบั ส่วน
ดาย ใชท้ าเกลียวนอก 1 ชุดมีเพียง ชน้ิ เดียว นอกจากน้ีส าหรับเคร่อื งกลึงอตั โนมัติ จะใชต้ า๊ ปร่องบิดส าหรบั ท า
เกลียวโดยใชเ้ พียงดอกเดยี ว

85

รูปท่ี 4.42 แสดงลักษณะของดอกตา๊ ปเกลียว
(ทีม่ า : สรุ ชยั บุญโสภณ, 2559)

รปู ท่ี 4.43 แสดงลักษณะของดาย
(ทีม่ า : https://www.hardwareonline.com.sg, 20 มถิ นุ ายน 2559)

รปู ที่ 4.44 แสดงลกั ษณะของดอกตา๊ ปเกลยี วรอ่ งบดิ
(ทม่ี า : http://www.thaiphatanasin.com, 20 มถิ นุ ายน 2559)

4.5 ความเรว็ รอบ ความเร็วตดั อตั ราปอ้ น ความลึกการปอ้ นตดั ในงานกลงึ

ในการใชง้ านเคร่อื งมือตัดแปรรปู ชิน้ งานด้วยเครื่องกลึงนัน้ เพ่อื ให้ช้ินงานออกมามคี ุณภาพ และ
เคร่อื งมือตัดมีอายุการใช้งานท่ีเหมาะสม จ าเปน็ ตอ้ งก าหนดคา่ ความเร็วรอบ ความเร็วตดั และอตั ราป้อนให้
เหมาะสมกับวสั ดชุ น้ิ งานและวสั ดุเครื่องมอื ตัด โดยมสี ตู รส าหรบั ค านวณหาคา่ ตา่ งๆ ดงั น

4.5.1 ความเรว็ รอบ (Speed or Revolution per Minute: RPM, N)

ความเร็วรอบคือ ความเร็วทห่ี ัวจับชิน้ งานของเคร่ืองกลึงหมุนไปในเวลา 1 นาที โดยมีสตู ร

คานวณดงั น N = V x 1,000

โดยที่ = ควาπมเxร็วDรอบ (รอบตอ่ นาที)
N

π = 3.1416
V = ความเรว็ ตัด (เมตรตอ่ นาที)

D = ขนาดเส้นผา่ นศนู ยก์ ลางของช้นิ งาน (มลิ ลเิ มตร)

1,000 = ค่าคงที่ (ใชส้ าหรบั เปลย่ี นหนว่ ยของมลิ ลิเมตรให้เป็น

เมตร)

86

ตวั อยา่ งที่ 4.1 ต้องการกลงึ ชน้ิ งานเหลก็ กล้าคาร์บอนต่ า ขนาดเส้นผ่านศูนยก์ ลาง 40 มลิ ลเิ มตร โดยใชม้ ีดกลึง

เหล็กกลา้ รอบสูง (High Speed Steel : H.S.S.) เลอื กใช้ความความเร็วตดั เทา่ กบั 25 เมตรต่อนาที จงค านวน

หาความเรว็ รอบที่ใช้ในการกลงึ งานชิน้ น

วธิ ที า N = V x 1,000
π xD

N = 25 x 1,000

3.1416 x 40

N = 198.94 รอบต่อนาที ตอบ

4.5.2 ความเร็วตัด (Cutting Speed: V)

ความเร็วตดั คือ ความเรว็ ทีม่ ดี กลงึ ตดั เฉือนเนอื้ ช้นิ งานออกไปในแนวเส้นรอบวงเป็นระยะทาง
ในหนึ่งหนว่ ยเวลา ซึ่งในงานกลึงจะใชห้ น่วยเวลาเปน็ นาที โดยมีสูตรค านวณดังน

V = πxDxN
โดยท่ี
V = คว1า,ม0เ0ร0็วตดั (เมตรตอ่ นาท)ี

π = 3.1416
N = ความเร็วรอบ (รอบตอ่ นาท)ี

D = ขนาดเสน้ ผ่านศูนย์กลางของช้ินงาน (มิลลเิ มตร)

1,000 = คา่ คงท่ี (ใชส้ าหรบั เปลีย่ นหนว่ ยของมิลลเิ มตรให้เป็นเมตร)

ตัวอย่างที่ 4.2 ในการกลึงชน้ิ งานเหล็กกล้าคาร์บอนต่ าขนาดเส้นผา่ นศนู ย์กลาง 40 มลิ ลเิ มตร โดยใชค้ วามเร็ว
รอบ 380 รอบต่อนาที จงค านวณหาความเร็วตดั ท่ีใชใ้ นการกลงึ ชิ้นงานน

วธิ ที า V= πxDxN
1,000

V = 3.1416 x 40 x 380
1,000

V = 47.75 เมตรตอ่ นาที ตอบ

หมายเหต:ุ ในการปฏิบตั งิ านกลงึ โดยท่วั ไป ผู้ปฏิบัตงิ านสามารถเลอื กใชค้ า่ ความเรว็ ตัดไดจ้ ากตาราง
ตาม

ลกั ษณะของงานกลึงที่ใช้กบั วัสดงุ านชนิดตา่ งๆ ให้เหมาะสมกับวสั ดขุ องมีดกลึงที่น ามาใชต้ ัดเฉือนชิ้นงาน เพอื่
น าไปค านวณหาความเรว็ รอบทจ่ี ะเลอื กใช้กับเครือ่ งกลงึ ในลกั ษณะงานตา่ งๆ โดยหลกั แลว้ มีดกลึง ทท่ี าจากวสั ดุ
ทมี่ ีคุณสมบตั ิสงู กวา่ จะสามารถใชค้ า่ ความเรว็ ตัดได้สูงกวา่ ในลกั ษณะงานกลงึ เดียวกนั

87

ตารางที่ 4.1 แสดงคา่ ความเร็วตัดส าหรับวสั ดชุ นิดตา่ งๆ (เมตรตอ่ นาท)ี
มดี กลึงเหลก็ ลา้ รอบสูง (H.S.S.) มดี กลงึ คารไ์ บด์ (Carbide)
วัสดุชน้ิ งาน กลึงหยาบ กลงึ ละเอียด กลึงหยาบ กลงึ ละเอยี ด

เหล็กกล้าคารบ์ อนต่ า 25 35 140 160
100 125
เหลก็ กล้าคาร์บอนปานกลาง 17 22 80 105
90 125
เหลก็ กล้าคาร์บอนสูง 12 17 275 380
800 1,200
เหลก็ หล่อ 23 30 - 1,600

ทองเหลอื ง 65 90

อะลูมเิ นียม 300 600

พลาสตกิ - 1,200

(ทม่ี า: ชะลอ การทว,ี 2549, หน้า 146)

4.5.3 อตั ราป้อน (Feed Rate: F)

อัตตราป้อนในงานกลงึ คอื ระยะทางทีม่ ีดกลงึ เคล่ือนตดั เฉอื นเมอื่ ชน้ิ งานหมนุ ไป 1 รอบ มหี น่วย
เปน็ ระยะทางต่อรอบ เชน่ อตั ราป้อน 0.5 มลิ ลิเมตรต่อรอบ หมายถึง มดี กลึงเคล่ือนที่ตัดเฉือนช้ินงานเป็น
ระยะทาง 0.5 มิลลิเมตร เมอ่ื ชิ้นงานหมนุ ครบ 1 รอบ เป็นต้น

ระยะอัตราป้อน (มิลลเิ มตรตอ่ รอบ)

ทศิ ทางการกลึง

รปู ที่ 4.45 แสดงลักษณะของระยะอัตราปอ้ น
(ทม่ี า : สรุ ชยั บุญโสภณ, 2560)

ส าหรับงานกลึงละเอียดการเลอื กใชม้ ดี กลงึ ปลายมนหรอื ลบั มดี กลึงโดยการมนปลายมีดจะช่วย
ให้ผิวงานกลงึ ของช้ินงานดยี งิ่ ขึน้ ในงานท่ีต้องการผิวเรียบมากๆ ควรใชร้ ะยะของอัตราปอ้ นนอ้ ยกวา่ รัศมขี อง
ปลายมีด

88O 36
O 40
4.5.4 ความลกึ การป้อนตัด (Depth of Cut: D)

ความลึกการป้อนตัด คอื ระยะของความลึกท่ีป้อนคมตดั ของมดี กลึงกนิ ลกึ เขา้ ไปในเน้อื วสั ดขุ อง
ชิ้นงานในการกลงึ แต่ละคร้งั การปอ้ นลึกของงานกลงึ ปอกจะมีผลให้ขนาดความโตของชนิ้ งานลดลงเปน็ 2 เท่า
จากระยะทป่ี ้อนลึก เนื่องจากชิน้ งานหมุนรอบตัวเองท าใหข้ นาดลดลง ทง้ั 2 ดา้ น

ระยะการป้อนลกึ 2 2

ขนาดช้ินงานลดลง
2 เทา่ ของระยะ
การปอ้ นลึก

รูปท่ี 4.46 แสดงลกั ษณะความลกึ การปอ้ นตัดในงานกลงึ
(ทม่ี า : สรุ ชัย บญุ โสภณ, 2559)

4.6 การลบั คมตัดมดี กลงึ

มดี กลึงเปน็ เครอ่ื งมอื ตัดชนิดคมตัดเด่ียว (Single Point) ทีใ่ ชใ้ นงานกลึงตัดเฉือนชิน้ งาน มีรปู ร่างหรือ
รปู ทรงท่แี ตกตา่ งไปตามลักษณะการใชง้ าน เชน่ งานกลงึ ปาดหนา้ งานกลึงปอก งานกลึงเกลียว และงานกลึง
ขน้ึ รูปตา่ งๆ มีดกลึงจึงจ าเป็นตอ้ งมีรปู ทรงทีแ่ ตกต่างเพอื่ ให้เหมาะสมกบั ลักษณะงานประเภทนนั้ ๆ วิธกี ารลบั จึง
ตอ้ งลับตามรูปแบบทต่ี อ้ งการด้วย ซึง่ ในสถานศึกษาส่วนใหญจ่ ะนิยมใช้วัสดปุ ระเภท เหล็กกล้ารอบสูง
(High-
Speed Steel) เน่ืองจากมรี าคาถูก หางา่ ย และสามารถลับคมไดง้ ่ายดว้ ย

ชนดิ ของมีดกลึงทน่ี ามาใช้งานน้ัน มหี ลายลกั ษณะ มีรูปร่างแตกต่างกนั ไปตามการปฏิบตั งิ าน มักเรยี กกนั
ตามลักษณะงานท่ีท า เชน่ มีดกลึงท่ใี ช้กับงานกลึงปาดหน้าก็เรยี กว่า มีดกลึงปาดหนา้ มีดกลึงท่ีใช้กบั งานกลึง
ปอกก็เรียกว่า มีดกลึงปอก เปน็ ตน้ นอกจากน้ี ยงั แบง่ ตามทศิ ทางการปอ้ นกินงานอีกด้วย โดยเราจะเรยี กชอื่ มดี
กลึงตามทศิ ทางของป้อนเข้ากินเนื้องาน คือ

- มีดกลงึ ซา้ ย จะมีทิศทางการเดนิ กนิ เน้ืองานจากทางซ้ายไปทางขวา
- ทิศมทีดากงกลาึงรขเวดาินกจินะมงาที นศิ ซทา้ ายงไกปาขรวเดาินกินเนื้องานจากทางขทวิศาทไปางทกาางรซเ้าดยนิ กนิ งานขวาไปซ้าย

มีดปาดหนา้ ซ้าย มดี ปอกซ้าย มดี ปอกขวา มดี ปาดหน้าขวา

รูปที่ 4.47 แสดงลกั ษณะของมดี กลึงซา้ ยและมดี กลึงขวา
(ท่มี า : สรุ ชัย บญุ โสภณ, 2559)

14 89

o4.6.1 การลับคมตัดมดี กลึงปาดหน้า

การกลึงปาดหนา้ เป็นกระบวนการปรับผิวหน้าของชิน้ งานใหเ้ รยี บเสมอกันและเปน็ การลดขนาด
ความยาวของชน้ิ งาน ลกั ษณะการป้อนกินงานของมดี กลึงเพ่ือใหผ้ ิวหนา้ งานเรยี บจะใช้แทน่ เลือ่ นขวางปอ้ นมีด
กลงึ จะเลอ่ื นไปขา้ งหนา้ -หลงั และการป้อนเพ่ือลดขนาดความยาวจะใชแ้ ทน่ เลอ่ื นบนหรอื ชดุ แทน่ เลือ่ นปอ้ นไป
ทางซ้าย

รปู ที่ 4.48 แสดงลักษณะการกลึงปาดหน้า
(ท่มี า : สุรชยั บญุ โสภณ, 2559)

รูปท่ี 4.49 แสดงลักษณะของมดี กลึงปาดหน้า
(ทีม่ า : สุรชยั บญุ โสภณ, 2559)

จากลักษณะของมดี กลึงปาดหน้า มมี มุ ที่ส าคัญทีจ่ ะตอ้ งลับคมตดั ดงั น
1) มุมหลบหน้ามีด ขนาด 27 องศา
2) มมุ เอียงคมตัด ขนาด 12 องศา
3) มุมรวมปลายมดี ขนาด 55 องศา
4) มมุ คายข้าง ขนาด 14 องศา
5) มมุ หลบด้านขา้ ง ขนาด 8 องศา

27 o 8 o

รูปที่ 4.50 แสดงมมุ ของมีดปาดหน้า
(ท่มี า : สุรชยั บญุ โสภณ, 2559)

90

ขัน้ ตอนการปฏิบตั ิงานลบั คมตดั มดี กลึงปาดหนา้
1. เตรยี มเครื่องมือและอปุ กรณ์ในการลบั คมตดั และการวดั มมุ
2. ตรวจสอบสภาพความพรอ้ มของเครื่องเจียระไนลับคมตดั ก่อนปฏบิ ัติงาน ถ้าหนา้ หนิ

เจียระไน ไม่เรยี บหรอื หมดคม ตอ้ งแต่งหนา้ หนิ ใหม่ และปรับระยะแทน่ รองรับช้นิ งานใหห้ า่ งประมาณ 2-3
มม.

รูปที่ 4.51 แสดงลกั ษณะการแตง่ หนา้ ล้อหนิ เจยี ระไน
(ท่มี า : สรุ ชัย บญุ โสภณ, 2559)

3. ขีดแนวเส้นเอียง 12 องศา บนท่ีรองรับชิ้นงาน เพื่อเป็นแนวเล็งองศาในขณะลับมุมเอยี งคม
ตดั โดยสมมุตใิ หแ้ นวขนานกบั หนา้ หนิ เป็นมุม 0 องศา

0o เส้นสมมตุ ิ

ขีดเส้นเลง็ แนว 12 องศา ขนานกบั หนา้ หิน
รปู ท่ี 4.52 แสดงเส้นส าหรบั เล็งแนวมมุ เอียงคมตดั เปน็ 0 องศา
(ที่มา : สุรชัย บญุ โสภณ, 2559)

3. ลบั คมตดั ด้านที่ 1 ให้ลบั 2 มมุ พรอ้ มๆ กันในการเจยี ระไน

คือ 1) ลบั มุมเอยี งคมตดั 12 องศา เขา้ หนิ โดยวางมีดท่ีหน้าหนิ ประมาณ 3 ใน 4 ของหนา้ หิน
เอียงดา้ มมีดจากหนา้ หินประมาณ 12 องศา

91

วางมดี ระยะ 3 ใน 4
ของหนา้ หิน
รูปที่ 4.53 แสดงการลับมุมเอยี งคมตดั
(ที่มา : สรุ ชยั บญุ โสภณ, 2559)
2) ลับมุมหลบด้านขา้ ง 8 องศาโดยพลกิ ด้านล่างของมดี เข้าหินเพิม่
เลก็ น้อย

รูปท่ี 4.54 แสดงการลับมมุ หลบด้านขา้ ง
(ท่มี า : สุรชยั บญุ โสภณ, 2559)

4. วดั ตรวจสอบมมุ ด้วยใบวดั มุมครงึ่ วงกลม ทั้ง 2 มมุ ดังน
1) วดั ตรวจสอบมุมเอยี งคมตดั 12 องศา โดยใชม้ อื ขวาจบั ใหด้ า้ มมีดแนบขนานไปกับกา้ น

บรรทดั และใช้มอื ซ้ายทาบให้ใบครึ่งวงกลมแนบขนานไปกับดา้ นทล่ี บั มมุ จงึ อา่ นคา่ องศาทใ่ี บวัด

รูปที่ 4.55 แสดงการวดั ตรวจสอบมมุ เอียงคมตัด
(ทม่ี า : สุรชยั บญุ โสภณ, 2559)

92

2) วัดตรวจสอบมุมหลบด้านขา้ ง 8 องศา โดยก าหนดใหม้ มุ ท่ใี บวดั มมุ 90 องศาเปน็ มุม
เรม่ิ ต้นท่ี 0 องศา จากนั้นใช้มือซา้ ยจับมีดหันปลายมีดเขา้ หาตัวแล้ววางด้านล่างของมดี กับใบคร่งึ วงกลม ใชม้ ือ
ขวาจับใบวัดมุมนิ้วหัวแมม่ ือกดกา้ นวัดเบาๆ แล้วใช้นิ้วชี้ดนั ก้านบรรทัดแนบกบั ด้านท่ลี ับมุมเมอื่ เหน็ วา่ แนบแลว้ ให้
กดนวิ้ หวั แมม่ ือเพอื่ ไม่ให้ก้านวัดมุมขยบั จงึ อ่านค่าองศาที่ใบวดั

รูปที่ 4.56 แสดงการวัดตรวจสอบมมุ หลบด้านข้าง
(ทมี่ า : สรุ ชัย บญุ โสภณ, 2559)

เมื่อตรวจสอบมมุ ของมุมเอยี งคมตัดและมุมหลบดา้ นข้างแลว้ หากพบวา่ มมุ ท่ีลับคมนัน้ ไม่ได้ตามที่
ตอ้ งการ เชน่ มีมมุ มากเกนิ ไป หรือมีมมุ น้อยเกนิ ไป ให้แกไ้ ขดงั น

1) การแก้ไขมุมเอยี งคมตัด
- ให้สมมุติวา่ แนวขนานกบั หนา้ หินป็นแนว 0 องศา และแนวตัง้ ฉากกบั หนา้ หนิ ให้
เปน็

แนว 90 องศา
- มุมเอียงคมตดั มากกวา่ 12 องศา ใหป้ รับลดมุมมีดโดยการขยับมือซา้ ยให้ปลายดา้ ม

ของมดี กลึงเอียงเขา้ หาแนว 0 องศา มากข้ึน ตามองศาท่เี กนิ ไปจากการวดั ตรวจสอบมมุ
- มุมเอยี งคมตัดนอ้ ยกวา่ 12 องศา ให้ปรับเพม่ิ มุมมดี โดยการขยับมอื ซ้ายใหป้ ลายด้าม

ของมดี กลึงเอยี ง เขา้ หาแนว 90 องศา มากขนึ้ ตามองศาทีเ่ กนิ ไปจากการวดั ตรวจสอบมมุ

0o
ลดมุมเอยี งคมตดั

90 o
เพมิ่ มุมเอยี งคมตดั
รูปที่ 4.57 แสดงแนวสมมตุ ิ 0 องศาและ 90 องศา เพือ่ แก้ไขมมุ เอยี งคมตดั

(ทมี่ า : สุรชยั บญุ โสภณ, 2559)
2) การแกไ้ ขมมุ หลบด้านขา้ ง

- มมุ หลบดา้ นขา้ งมากกว่า 8 องศา ให้ปรบั ลดมุมโดยการ ปรับมอื ให้เอยี งดา้ นบนของ
มดี เข้าหาล้อหินเจยี ระไนเพม่ิ ขึ้นเล็กน้อย

93

- มมุ หลบดา้ นขา้ งนอ้ ยกว่า 8 องศา ให้ปรบั เพิ่มมมุ โดยการ ปรบั มือใหเ้ อียงดา้ นลา่ ง
ของมีดเขา้ หาล้อหินเจียระไนเพ่ิมข้นึ เล็กน้อย

ลดมมุ หลบ

เพิ่มมุมหลบ

รูปท่ี 4.58 แสดงแนวในการแก้ไขมุมหลบดา้ นข้าง
(ที่มา : สรุ ชัย บญุ โสภณ, 2559)

5. ลบั คมตัด ดา้ นท่ี 2 ใหล้ บั 2 มุม พร้อมๆ กนั ในการเจยี ระไน คือ
1) ลบั มมุ รวมปลายมดี 55 องศา เขา้ หินโดยให้สลับด้านปลายมดี และสลบั มือที่จบั ดา้ มมีด

ให้มือซ้ายน าและมอื ขวาจบั ดา้ มมดี วางน้วิ บนแทน่ รองรบั ชน้ิ งาน เลอ่ื นมีดเข้าหินโดยเอยี งจากหน้าหนิ ประมาณ
55 องศา โดยสามารถขีดเสน้ เลง็ แนว 55 องศา ทแ่ี ทน่ รองรับชิน้ งาน

0o เส้นสมมตุ ิ
ขนานกบั หนา้ หิน
ขีดเส้นเล็งแนว 55 องศา เป็น 0 องศา
รปู ที่ 4.59 แสดงเส้นส าหรับเล็งแนวมุมรวมปลายมีด
(ท่ีมา : สุรชยั บญุ โสภณ, 2559)

รปู ท่ี 4.60 แสดงการลบั มมุ รวมปลายมดี
(ท่มี า : สุรชยั บญุ โสภณ, 2559)

94
2) ลับมมุ หลบหน้ามดี 27 องศาโดยยกปลายมดี เชิดขึน้ เล็กนอ้ ย เพื่อให้เกิดมุมหลบหน้า
มดี

รปู ท่ี 4.61 แสดงการลับมุมหลบหนา้ มดี
(ทีม่ า : สรุ ชัย บุญโสภณ, 2559)

6. วดั ตรวจสอบมมุ ด้วยใบวัดมมุ ครง่ึ วงกลม ทั้ง 2 มมุ ดงั น
1) วดั ตรวจสอบมุมรวมปลายมดี 55 องศา โดยใช้มือขวาจับประคองใหด้ า้ นทีล่ ับคมด้านที่ 1

แนบกับกา้ นบรรทัด มือซ้ายจบั ใบวัดมุม ประคองใบคร่ึงวงกลม น้วิ หวั แมม่ อื กดกา้ นบรรทดั เบาๆ ใหด้ า้ นท่ีลับ
ใหม่ด้านท่ี 2 แนบกบั ใบครึ่งวงกลม จงึ อ่านคา่ องศาทใี่ บวัด

รูปท่ี 4.62 แสดงการวดั ตรวจสอบมุมรวมปลายมีด
(ทีม่ า : สรุ ชัย บุญโสภณ, 2559)

2) วัดตรวจสอบมุมท่ี 2 มมุ หลบหน้ามดี 27 องศา โดยก าหนดใหม้ ุมที่ใบวดั มุม 90 องศา
เป็นมมุ เร่ิมตน้ ท่ี 0 องศา จากน้นั วางดา้ นล่างของมีดแนบกับก้านบรรทัดตามแนวยาวและให้สันปลายมีดแนบ
กบั ใบคร่งึ วงกลม จึงอ่านค่าองศาที่ใบวัด

รูปท่ี 4.63 แสดงการวดั ตรวจสอบมมุ หลบหน้ามดี
(ทีม่ า : สรุ ชยั บุญโสภณ, 2559)

95

เมื่อตรวจสอบมมุ ของมมุ รวมปลายมดี และมุมหลบหนา้ มีดแล้ว หากพบวา่ มมุ ท่ลี บั คมนั้นไม่ได้ตามที่
ตอ้ งการ เชน่ มมี ุมมากเกินไป หรือมีมมุ นอ้ ยเกินไป ให้แก้ไขดงั น

1) การแก้ไขมุมรวมปลายมีด
- ให้สมมตุ วิ า่ แนวขนานกบั หน้าหินป็นแนว 0 องศา และแนวตงั้ ฉากกับหน้าหนิ ให้
เปน็

แนว 90 องศา
- มุมรวมปลายมดี มากกว่า 55 องศา ใหป้ รบั ลดมมุ มดี โดยการขยับมอื ขวาให้ปลายด้าม

ของมีดกลึงเอียงเขา้ หาแนว 0 องศา มากขน้ึ ตามองศาทเ่ี กนิ ไปจากการวดั ตรวจสอบมมุ
- มุมรวมปลายมดี น้อยกวา่ 55 องศา ให้ปรับเพิม่ มุมมีดโดยการขยบั มือขวาให้
ปลาย

ด้ามของมีดกลงึ เอียงเข้าหาแนว 90 องศา มากข้ึน ตามองศาท่ขี าดไปจากการวดั ตรวจสอบมุม

0o
ลดมมุ รวมปลายมดี

90 o
เพ่ิมมมุ รวมปลายมีด
รูปที่ 4.64 แสดงแนวในการแก้ไขมุมรวมปลายมดี
(ที่มา : สุรชยั บญุ โสภณ, 2559)
2) การแกไ้ ขมุมหลบหน้ามดี
- มมุ หลบหนา้ มีดมากกวา่ 27 องศา ใหป้ รบั ลดมมุ โดยการ ปรับมอื ให้ปลายมดี ทเ่ี ชดิ อยู่
ลดระดบั องศาตามทีว่ ัดไดใีห้ เชิดน้อยลงในขณะเจียระไน
- มมุ หลบหนา้ มีดน้อยกว่า 27 องศา ใหป้ รบั เพิม่ มมุ โดยการ ปรับมือใหป้ ลายมีดเชิด
มากขึ้นตามระดบั องศาท่ีวดั ไดใน้ ขณะเจยี ระไน
เพม่ิ มุมหลบหนา้ มดี

ลดมมุ หลบหน้ามดี

รปู ที่ 4.65 แสดงแนวในการแก้ไขมมุ หลบหนา้ มีด
(ท่มี า : สุรชัย บญุ โสภณ, 2559)

96

7. ลบั คมตัด ดา้ นท่ี 3 ใหล้ บั 1 มมุ คอื ลับมุมคายข้าง 14 องศา เขา้ หินโดยพลกิ มดี ให้ด้านทีล่ ับ
ดา้ นที่ ที่ 1 อยู่ดา้ นบนและใหแ้ นวขนานกับพืน้ ปลายดา้ มจะชีล้ งเลก็ นอ้ ย (รูปที่ 4.66 (ก)) แนวของดา้ มมดี ให้
ขนานไปกับแนวหน้าหนิ เจยี ร (รูปที่ 4.66 (ข)) และพลิกดา้ นลา่ งเข้าหนิ เจยี ระไนเล็กน้อยประมาณไม่ถงึ 14
องศา เนอ่ื งจาก ล้อหนิ เจียระไนจะกลมท าใหจ้ ะกินเนอื้ มีดดา้ นลา่ งกอ่ นอยูแ่ ล้ว (รูปที่ 4.66

(ค))

ให้ดา้ นที่ 1 อยดู่ า้ นบน
และมีแนวขนาดกับพืน้

ปลายดา้ มมีดเอยี งลง แนวดา้ มมีดให้ขนานกับหน้าหนิ
(ก) (ข)

เอยี งด้านล่างของมดี เข้าหาหินเล็กนอ้ ย
(ค)

รูปท่ี 4.66 แสดงการแนวในการลับมมุ คายขา้ ง
(ทม่ี า : สุรชัย บุญโสภณ, 2559)

รูปที่ 4.67 แสดงการลับคมมดี ปาดหน้าดา้ นที่ 3
(ทีม่ า : สุรชยั บญุ โสภณ, 2559)

8. วัดตรวจสอบมมุ ด้วยใบวดั มุมครึง่ วงกลม มมุ คายข้าง 14 องศา
1) วดั ตรวจสอบมมุ คายข้าง 14 องศา โดยก าหนดให้มุมทีใ่ บวัดมุม 90 องศาเปน็ มมุ เริ่มต้นที่

0 องศา จากนน้ั จับมีดด้วยมอื ซ้ายหนั ปลายมีดเขา้ หาตัว มอื ขวาจับใบวดั มุม ให้กา้ นบรรทัดแนบกบั ด้านขา้ งท่ี
ไม่ไดล้ ับและใบครึ่งวงกลมแนบเอยี งไปกับด้านท่ี 3 ทเี่ ปน็ มมุ คายขา้ ง จงึ อา่ นค่าองศาทใี่ บวดั

97

รปู ท่ี 4.68 แสดงการวดั ตรวจสอบมมุ คายขา้ ง
(ท่ีมา : สุรชยั บญุ โสภณ, 2559)

เมือ่ ตรวจสอบขนาดมมุ ของมุมคายข้างแล้ว หากพบว่ามมุ ทลี่ ับคมน้ันไม่ไดต้ ามทตี่ ้องการ เชน่ มมี มุ มาก

เกนิ ไป หรอื มีมุมนอ้ ยเกินไป ใหแ้ ก้ไขดงั น
1) การแกไ้ ขมุมคายขา้ ง

- มมุ คายข้างมากกว่า 14 องศา ให้ปรบั ลดมมุ มดี โดยการปรบั มือให้เอยี งด้านล่างของ

มีดเขา้ หาล้อหินเจยี ระไนลดลงเลก็ น้อย แล้วเลื่อนเข้าล้อหนิ เจยี ระไน
- มุมคายข้างนอ้ ยกว่า 14 องศา ใหป้ รับเพิม่ มมุ มดี โดยการปรับมอื ให้เอยี งดา้ นล่าง
ของ

มดี เขา้ หาล้อหนิ เจยี ระไนเพิม่ ขึ้นเลก็ น้อย แล้วเลื่อนเขา้ ลอ้ หินเจยี ระไน

เพมิ่ มุมคายขา้ ง

ลดมุมคายขา้ ง

รูปท่ี 4.69 แสดงแนวในการแกไ้ ขมมุ คายข้าง
(ท่มี า : สุรชัย บุญโสภณ, 2559)


Click to View FlipBook Version