ประวัติ
วันลอยกระทง
ห้องสมุดประชาชนอำเภอบางพลี
กศน. อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ
ประวัติวันลอยกระทง
วันลอยกระทง ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งวันสำคัญของไทย ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน
12 ตามปฏิทินจันทรคติไทย ส่วนปฏิทินจันทรคติล้านนา วันลอยกระทงมักจะตกอยู่ในราวเดือน
พฤศจิกายน ส่วนปฏิทินสุริยคติในบางปี เทศกาลลอยกระทงก็มักจะตรงกับเดือนตุลาคม อย่างเช่น
เมื่อปี พ.ศ. 2544 ที่มีวันลอยกระทงตรงกับวันที่ 31 ตุลาคมและจะวนกลับมาตรงในวันเดียวกันนี้
อีกครั้งเมื่อถึงปี พ.ศ. 2563
เทศกาลลอยกระทง เป็นประเพณีที่จัดขึ้นเพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์และขอขมาต่อพระแม่คงคา โดยจาก
การค้นพบในบางหลักฐานพบว่า การลอยกระทงเป็นการบูชารอยพระพุทธบาทที่ริมฝั่งแม่น้ำนัมทาม
หานที แต่อีกหลักฐานหนึ่งก็กล่าวว่าการลอยกระทงเป็นการบูชาพระอุปคุตอรหันต์ หรือพระมหาสาวก
สำหรับในประเทศไทย ได้จัดให้มีประเพณีลอยกระทงในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณที่อยู่ติดกับแม่น้ำ
ลำคลอง หรือแหล่งน้ำต่างๆ ล้วนแล้วแต่มีเอกลักษณ์และความน่าสนใจที่เฉพาะตัวแตกต่างกันไป
นอกจากนี้ ในบางประเทศก็มีการจัดเทศกาลลอยกระทงเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น
ประเทศลาว มักจะลอยกระทงกันในวันออกษา (วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11)
ในงานไหลเรือไฟของลาว
ประวัติวันลอยกระทง
ลอยกระทงประเทศลาว
“งานไหลเฮือไฟ” เป็นชื่อเรียกงานวันลอยกระทงของประเทศลาว โดยธรรมเนียม
แล้ววันลอยกระทงประเทศลาวจะมีการแข่งเรือที่ริมแม่น้ำโขง และการไหลเรือไฟของชาว
หลวงพระบางที่เชื่อว่าเป็นการบูชาคุณแม่น้ำโขงที่ดูแลพวกเขามา รวมถึงบูชา
พระพุทธเจ้าที่เสด็จกลับมาจากการเทศนาโปรดพุทธมารดาบนสวรรค์
ประวัติวันลอยกระทง
ลอยกระทงประเทศพม่า
ลอยกระทงประเทศพม่า หรือ "การจุดไฟตามประทีป" เป็นการลอยเพื่อบูชา
พระอุปคุตที่อยู่กลางสะดือทะเลประเทศเมียนมาร์ มีตำนานว่าพระเจ้าอโศกมหาราชจะ
ทรงสร้างพระเจดีย์ให้ครบ 84,000 แต่ถูกพระยามารขัดขวางคุกคามทำลายพระ
เจดีย์เหล่านั้น พระเจ้าธรรมาโศกราชจึงทรงขอร้องพระอุปคุต พระอุปคุตจึงไปขอร้อง
พระยานาค ให้ช่วยจับพระยามารด้วย พระอุปคุตจึงจัดการปราบปราบพระยามารจน
สำเร็จ ตั้งแต่นั้นมาเมื่อถึงวันเพ็ญเดือน 12 ราษฎรจึงทำพิธีลอยกระทงเพื่อ
ขอบคุณพระยานาคสืบมาทุก ๆ ปี
ประวัติวันลอยกระทง
ลอยกระทงประเทศอินเดีย
ประเทศอินเดียจะเรียกเทศกาลนี้ว่า “เทศกาลทีปาวลี” มีประเพณีการจุดประทีป
ในช่วงปลายฝนต้นฤดูหนาว คือช่วงเดือนตุลาคม – พฤศจิกายนตามปฎิทินสากล
โดยเรียกเทศกาลนี้ไม่ได้จุดประทีปเพื่อเซ่นสังเวย อุทิศส่วนกุศล ตามความเชื่อผีฟ้า
ผีบรรพบุรุษหรือตามความเชื่อทางพุทธศาสนาแต่อย่างใด แต่เพื่อเฉลิมฉลองการนิ
วัติกลับนครอโยธยาของพระรามและนางสีดา
บรรยากาศของประเทศอินเดียในวันลอยกระทงจะมีความคึกคักเป็นพิเศษ โดยจะนิม
ยมใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ หรือใบบัว หรือวัสดุอะไรก็ได้ที่สามารถมาทำตัวกระทง
เป็นรูปชาม เพื่อที่จะใส่ ‘น้ำมัน’ ลงไปภายในได้ นอกจากนี้ยังนิยมวางเชือกฝ้ายไว้ใน
น้ำมัน เพิ่มสีสัความสวยงามด้วยการประดับกลีบดอกไม้ลงไป เพียงเท่านี้ก็ถือว่า
เป็นอันเสร็จสำหรับการทำกระทงไปลอยแล้วค่ะสำหรับชาวอินเดีย
ประวัติวันลอยกระทง
ลอยกระทงประเทศกัมพูชา
“เทศกาลน้ำ” เป็นเทศกาลที่คล้ายกับลอยกระทงในประเทศไทยเรา จัดขึ้นทุกปี
ตั้งแต่วันขึ้น 14 ค่ำ 15 ค่ำ จนถึงแรม 1 ค่ำ เดือนพฤศจิกายน จัดขึ้นเพื่อ
เป็นการระลึกถึงบุญคุณและแสดงความขอบคุณต่อแม่น้ำโขง และ ทะเลสาบโตนเล
สาบ ชาวกัมพูชาจะร่วมกันลอยทุ่นที่ประดับด้วยดวงไฟ ไปตามแม่น้ำโขง แต่ประเภณี
ของประเทศกัมพูชาจะต่างจากไทยตรงที่บ้านเขามีการลอยกระทง 2 ครั้ง คือครั้งที่
เป็นของราษฎร และครั้งที่เป็นของหลวง
ในส่วนของราษฎรจะลอยกระทงกลางเดือน 11 นิยมทำกระทงเล็กๆ และบรรจุ
อาหารลงไปในกระทงด้วย
ในส่วนของหลวงจะจัดกลางเดือน 12 จะเป็นกระทงของหลวง ซึ่งเป็นกระทง
ใหญ่ (ราษฎรจะไม่ได้ทำ) ในกระทงจะมีอาหารบรรจุลงไปเช่นกัน
ประวัติวันลอยกระทง
ลอยกระทงประเทศจีน
下元节"เทศกาลเซี่ยหยวนเจี๋ย” เป็นชื่อเรียกวันลอยกระทงในภาษาจีนเป็น
วันสำคัญของชาวจีน ตามคติความเชื่อในลัทธิเต๋า เพื่อขอขมาเทพเจ้าแห่งสายน้ำ
และขอพรเพื่อเริ่มต้นใหม่โดยมีนัยยะลอยสิ่งไม่ดีไปกับสายน้ำโดยตรงกับวันลอย
กระทงของไทยที่มีคติความเชื่อในการขอขมาพระแม่คงคา เทพแห่งสายน้ำเช่น
เดียวกัน"
ประวัติวันลอยกระทง
ประวัติวันลอยกระทง
ประเพณีลอยกระทง เป็นประเพณีโบราณของอินเดียที่ประเทศไทยรับเข้ามา
ปฏิบัติ แต่ไม่มีปรากฏหลักฐานแน่ชัดเจนว่าเริ่มปฏิบัติกันมาตั้งแต่เมื่อไหร่ โดย
จากข้อมูลบางส่วนที่ปรากฏได้ระบุไว้ว่ามีมาตั้งแต่เมื่อครั้ง สุโขทัย เป็นราชธานี
โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงสันนิษฐานว่า เดิมที
ประเพณีนี้จะเป็นพิธีของพราหมณ์ที่กระทำเพื่อบูชาพระผู้เป็นเจ้าทั้งสาม คือ
พระอิศวร พระนารายณ์ และพระพรหม ต่อมาได้ยึดถือตามแนวทางพระพุทธ
ศาสนา โดยมีการชักโคมเพื่อบูชาพระบรมสารีริกธาตุพระจุฬามณีในชั้น
ดาวดึงส์ และมีการลอยโคมเพื่อบูชารอยพระพุทธบาทที่ประดิษฐาน ณ หาด
ทรายแม่น้ำนัมทา (แม่น้ำนัมทา เป็นแม่น้ำที่อยู่คู่ขนานกับทิวเขาวินธัยที่ไหลลง
สู่ภาคตะวันตกของอินเดีย แม่น้ำแห่งนี้เป็นตัวแบ่งเขตอินเดียออกเป็นภาค
เหนือและภาคใต้)
ประวัติวันลอยกระทง
ประวัติวันลอยกระทง
จากตำนานที่หาหลักฐานยืนยันมิได้ได้กล่าวเอาไว้ว่า ในรัชสมัย
ของพ่อขุนรามคำแหง มีนางนพมาศ หรือท้าวศรีจุฬาลักษณ์
เป็นผู้ประดิษฐ์กระทงขึ้นเป็นครั้งแรก แต่เดิมเรียกพิธีจองเปรียง
มีการลอยประทีป จากนั้นนางนพมาศนำดอกโคทมซึ่งเป็น
ดอกบัวบานเฉพาะวันเพ็ญเดือนสิบสองมาใช้ใส่เทียนประทีป ดัง
ปรากฏให้เห็นในตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ที่กล่าวถึงพระดำรัส
ของพระร่วงว่า “แต่นี้สืบไปเบื้องหน้า โดยลำดับกษัตริย์ใน
สยามประเทศ ถึงกาลกำหนดนักขัตฤกษ์ วันเพ็ญเดือน 12
ให้ทำโคมลอยเป็นรูปอดกบัว อุทิศสักการบูชาพระพุทธบา
ทนัมมทานทีตราบเท่ากัลปาวสาน”
ประวัติวันลอยกระทง
ประวัติวันลอยกระทง
ในปัจจุบันมีหลักฐานว่า ประเพณีลอยกระทง ไม่น่าจะมีความเก่า
แก่กว่าสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น โดยอ้างอิงหลักฐานจากภาพ
จิตกรรมการสร้างกระทงแบบต่างๆ ในสมัยรัชการที่ 1 ต่อมาใน
สมัยรัชกาลที่ 2 ได้มีการเปลี่ยนแปลงการทำกระทงจากดอกบัว
มาเป็นต้นกล้วย เนื่องจากว่าดอกบัวเป็นวัตถุดิบที่หายากและมี
น้อยเลยใช้ต้นกล้วยมาทำเป็นกระทงทดแทน แต่เมื่อดูๆ แล้วยัง
ขาดความสวยงาม จึงนำใบตองมาพับเป็นกลีบคล้ายดอกบัว
เพื่อตกจนเกิดความสวยงามสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน
ประวัติวันลอยกระทง
ประวัติวันลอยกระทง
งานลอยกระทงตามประเพณีของท้องถิ่น
ภาคเหนือตอนบน มักนิยมทำโคมลอยที่เรียกว่า ลอยโคม หรือ ว่าว
ฮม หรือ ว่าวควัน ทำจากผ้าบางๆ แล้วสุมควันข้างใต้ให้ลอยขึ้นไปใน
อากาศคล้ายกับบอลลูน ซึ่งชาวเหนือมักเรียกประเพณีนี้ว่า ยี่เป็ง
หมายถึง การทำบุญในวันเพ็ญเดือนยี่ (เป็นการนับวันตามแบบล้านนา
ตรงกับวันเพ็ญเดือนสิบสองในแบบไทย)
ประวัติวันลอยกระทง
ประวัติวันลอยกระทง
จังหวัดเชียงใหม่ จะมีประเพณียี่เป็ง เชียงใหม่ ทุกๆ ปีจะมีการจัดงานขึ้น
อย่างยิ่งใหญ่ตระการคา และมีการปล่อยโคมลอยขึ้นเต็มท้องฟ้า
ประวัติวันลอยกระทง
ประวัติวันลอยกระทง
จังหวัดตาก จะมีการลอยกระทงขนาดเลก็ เรียงรายกันไปเป็นสาย
เรียกว่า กระทงสาย
ประวัติวันลอยกระทง
ประวัติวันลอยกระทง
จังหวัดสุโขทัย จะมีขบวนแห่โคมชัก โคมแขวน การเล่นพลุตะไล
และไฟพะเนียง
ประวัติวันลอยกระทง
ประวัติวันลอยกระทง
ภาคอีสาน ในอดีตจะมีการเรียกประเพณีลอยกระทงว่า สิบสองเพ็ง หมายถึง วันเพ็ญ
เดือนสิบสอง ซึ่งจะมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันไปตามแต่ละพื้นฐิ่น
จังหวัดร้อยเอ็ด เป็นตัวแทนจัดงานลอยกระทงที่ใหญ่ที่สุดของภาคอีสาน มีชื่องานว่า สม
มาน้ำคืนเพ็งเส็งประทีป มีความหมายตามภาษาถิ่นว่า การขอขมาพระแม่คงคาในคืนวันเพ็ญ
เดือนสิบสอง ความพิเศษของงานจะมีการแสดง แสง สี เสียง ตำนานเมืองร้อยเอ็ด มีการ
ตกแต่งบริเวณเกาะบึงพลาญชัยให้เป็นเกาะสวรรค์ มีขบวนกระทงอาเซียน มีการประกวด
กระทงประทีปใหญ่ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มี
การประกวดกระทงอนุรักษ์ธรรมชาติ การประกวดขบวนแห่กระทงประทีป 12 หัวเมืองตาม
ตำนานเมืองร้อยเอ็ด การประกวดรำวงสมมาน้ำคืนเพ็งเส็งประทีป การประกวดธิดาสาเกตน
ครและกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ จังหวัดร้อยเอ็ดยังได้รับโปรดเกล้าฯ จาก
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ที่ทรงพระราชทานพระประทีป
ส่วนพระองค์ร่วมลงลอยในบึงพลาญชัยทุกปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542
ประวัติวันลอยกระทง
ประวัติวันลอยกระทง
จังหวัดสกลนคร ในอดีต จะมีการลอยกระทงจากกาบกล้วยที่มี
ลักษณะคล้ายกับการทำปราสาทผึ้งโบราณ โดยเรียกชื่องานว่า
เทศกาลลอยพระประทีปพระราชทาน สิบสองเพ็งไทสกล
ประวัติวันลอยกระทง
ภาคกลาง จะมีการจัดประเพณีลอยกระทงขึ้นทั่วทุกจังหวัด
กรุงเทพมหานคร จะมีงานภูเขาทอง จัดขึ้นที่วัดสระเกตุ มี
ลักษณะเป็นงานวัด มักจะเฉลิมฉลองราว 7 – 10 วันก่อน
งานลอยกระทง และงานจะสิ้นสุดลงในช่วงหลังวันลอยกระทง
ประวัติวันลอยกระทง
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จะมีการจัดงานประเพณีลอยกระทง
กรุงเก่าขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ณ บริเวณอุทยานประวัติศาสตร์
พระนครศรีอยุธยา ภายในงานจะมีการแสดงแสง สี เสียงอย่าง
งดงามตระการตา
ประวัติวันลอยกระทง
ภาคใต้ อย่างที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา จะมีการจัดงาน
อย่างยิ่งใหญ่ นอกจากนั้นในจังหวัดอื่นๆ ก็จะมีการจัดงานลอย
กระทงด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ ในแต่ละท้องถิ่นก็ยังอาจจะมีประเพณีลอยกระทงที่
แตกต่างกัน และสืบทอดต่อกันเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
อ้างอิง : http://event.sanoo
k.com/day/loikrathong/
https://www.komchadluek
.net/kom-lifestyle/491123
จัดทำโดย
ห้องสมุดประชาชนอำเภอบางพลี
กศน. อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ