The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การจัดกิจกรรมสร้างสรรค์งานสวยด้วยเอกลักษณ์ไทย โดยใช้โครงงานเป็นฐาน
ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา พุทธมณฑล

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by A Aa, 2020-03-12 03:53:17

วิจัยในชั้นเรียน

การจัดกิจกรรมสร้างสรรค์งานสวยด้วยเอกลักษณ์ไทย โดยใช้โครงงานเป็นฐาน
ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา พุทธมณฑล

Keywords: วิจัยในชั้นเรียน

46

อยูใ่ นตัวผู้เรียนออกมาใช้ประโยชนไ์ ด้และมีบริบททเ่ี ช่ือมโยงกับสภาพจรงิ ที่สามารถนำไปประยุกตใ์ ชใ้ น
ชีวิตประจำวัน จึงเป็นการเรียนรู้ท่ีเป็นประโยชน์ต่อผู้เรียน จากเหตุดังกล่าวอาจเป็นสาเหตุที่ส่งผลให้
นักเรียนที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน มีพัฒนาในการเรียนรู้ท่ีดี ประสบผลสำเร็จใน
การเรียนรู้จึงทำให้นักเรียนมีความก้าวหน้าทางการเรียนรู้และมีผลสมฤทธิ์สูงขึ้น ซ่ึงสอดคล้องกับ
งานวจิ ัยของทิฆัมพร ศรีวัฒนาพงศ์ (2559 : 86-89) ซ่ึงพบว่า ดัชนีประสิทธผิ ลจากการพัฒนาการจัด
กิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน เท่ากับ 0.6283 สอดคล้องกับกรรวี ผิวเผือก (2550 : 69-70)
พบว่าดัชนีประสิทธิผลจากการพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน เท่ากับ 0.6255
สอดคล้องกับบุญสม นุชลาย (2551 : 88-92) พบว่า ค่าดัชนีประสิทธิผลแผนการจัดกิจกรรมการ
เรียนรู้แบบโครงงาน เท่ากับ 0.6143 จากการศึกษาแสดงว่า การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแผนการ
จัดกิกรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน กลุ่มสาระการงานอาชีพและเทคโนโลยี เรื่องการจัดกิจกรรม
สร้างสรรค์งานสวยด้วยเอกลักษณ์ไทยโดยใช้โครงงานเป็นฐาน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ช่วยให้ผู้เรียนมี
ผลสัมฤทธ์ิสูงข้ึน มีพัฒนาการในการเรียนรู้ท่ีดี มีความเหมาะสมท่ีจะนำไปพัฒนาการเรียนการสอน ใน
กลมุ่ สาระการงานอาชีพและเทคโนโลยแี ละกลมุ่ สาระการเรียนรอู้ นื่ ต่อไป

4.3 นักเรียนมีความพึงพอใจกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน ซึ่งพบว่านักเรียนมี
ความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก ทั้งน้ีอาจเนื่องมาจาก การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน เป็น
กิจกรรมท่ีเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ใช้ศักยภาพของตนเองตัดสินใจเลือกลงมือปฏิบัติจริง ผู้เรียนได้พัฒนา
ทักษะการแก้ปัญหาและดึงศักยภาพที่มีในตัวผู้เรียนมาใช้ประโยชน์ โดยมีครูคอยกระตุ้น แนะนำ
ชว่ ยเหลือ ส่งเสริมความคิดริเร่ิมสร้างสรรค์ นักเรียนมีความเชื่อมั่นในตนเอง และสามารถนำองค์ความรู้
ท่ีได้ไปใช้ในชีวิตประจำวัน ผ้เู รยี นมีโอกาสได้เรียนรใู้ นสถานท่ีจริงนอกหอ้ งเรียน เพ่อื แสวงหาคำตอบจาก
ผรู้ ู้และแหล่งเรียนร้รู อบตัว ซ่ึงสอดคล้องกับงานวิจัยของทิฑัมพร ศรวี ฒนพงศ์ (2550 : 86-89) เกียว
ติศักดิ์ ช่ืนเมือง (2550 :75-78) กรรวี ผิวเผือก (2550 : 69-70) และสอดคล้องกับ บุญสม นุชลาย
(2551 : 88-92) ซ่ึงพบว่าผ้เู รียนมคี วามพอใจในการจดั กิจกรรมการเรียนรแู้ บบโครงงานโดยรวมอยใู่ น
ระดับมาก
5. ขอ้ เสนอแนะ

5.1 ข้อเสนอแนะในการนำไปใช้
5.1.1 การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้แบบโครงงาน ครูมีบทบาทสำคัญอย่างย่งิ ต่อ
ความสำเรจ็ ในการทำโครงงานของนักเรียน ทั้งนี้เพราะครูต้องทำความเข้าใจ แนะนำ ชว่ ยเหลือนักเรียน
ในสิ่งตา่ ง ๆ ต่อไปน้ี

5.1.1.1 ทำความเขา้ ใจ วตั ถุประสงคแ์ ละความคาดหวงั ตอ่ การทำโครงงาน
5.1.1.2 ลำดับขั้นตอนการทำโครงงาน
5.1.1.3 บทบาทผู้เรียนและผู้สอน
5.1.1.4 ให้ความรู้พน้ื ฐานที่จำเปน็ ในการทำโครงงาน
5.1.1.5 ระหวา่ งดำเนนิ การครูต้องเอาใจใสด่ แู ล แนะนำ กระตนุ้ ให้ผเู้ รยี นคิด
และตัดสนิ ใจ โดยใชค้ ำถาม ถามนำ กรณตี ัวอยา่ งหรอื สถานการณ์
5.1.1.6 เปดิ โอกาสให้ผเู้ รยี นได้แลกเปล่ียนเรียนรแู้ ละช่วยเหลือซ่ึงกนั และ
กนั ในกลุ่มทที่ ำโครงงานเหมือนหรือคลา้ ยกัน หรือพบปัญหาในลกั ษณะเดียวกนั
5.1.1.7 ครูต้องใชค้ วามพยายามเพื่อขยายขดี ความสามารถทางการเรียน
หรอื ความถนัดของผเู้ รยี นใหเ้ ปดิ กว้างออกไปให้มากท่ีสดุ เพอ่ื เปดิ โอกาสให้ผู้เรียนไดค้ ้นพบพฒั นา
ศกั ยภาพของตน

47

5.1.1.8 เปิดโอกาสให้ผู้เรยี นมสี ว่ นร่วมในกระบวนการวัดและประเมินผล
เช่น กำหนดกรอบการประเมิน วิธกี ารวัดและประเมนิ ผล และเกณฑใ์ นการประเมินผล รวมท้งั กำหนด
บุคคลท่รี ่วมในการวัดผลประเมนิ ผล

5.1.2 ครผู ู้สอนควรมีการปรับปรงุ แผนการจัดการเรยี นร้แู บบโครงงาน ให้สอดคล้อง
กบั สภาพแวดล้อมของโรงเรียน สอ่ื และแหลง่ เรียนรู้ รวมทง้ั ความสนใจของผเู้ รยี น ข้อจำกัดในด้านต่าง ๆ
ของโรงเรยี น นกั เรยี นและชมุ ชน

5.2 ข้อเสนอแนะในการศึกษาตอ่ ไป
5.2.1 ปฏิสัมพันธ์ที่ดีระหว่างครูกับนักเรียน มีความสำคัญอย่างยิ่งในการจัดกิจกรรม

การเรียนรู้แบบโครงงาน ซึ่งครูผู้สอนจะต้องพัฒนาความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองฝ่าย ให้เวลาและให้
คำแนะนำด้วยวาจาท่ีเหมาะสม แสดงความจริงใจและยินดีท่ีจะรับฟัง แนะนำช่วยเหลือ ความพึงพอใจ
และความศรัทธาต่อผสู้ อนจะชว่ ยกระต้นุ ใหผ้ ้เู รียนมีความสนใจร่วมกิจกรรม

5.2.2 การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน ทักษะพื้นฐานที่สำคัญ คือ การคิด
และการค้นหาคำตอบ ดังนั้น ครูผู้สอนจะต้องทดสอบก่อนเรียน เพื่อให้รู้ถึงความรู้และทักษะพื้นฐานที่
จำเปน็ ในการทำโครงงานของนกั เรยี น และพัฒนาความรูแ้ ละทักษะพ้นื ฐานของนกั เรียนให้พร้อมสำหรับ
การเรยี น

5.3 ข้อเสนอแนะด้านตวั นกั เรียน
5.3.1 นักเรียนบางคนไม่มีพื้นฐานการทำงานเรื่องเอกลักษณ์ลายไทย เช่น งาน

แกะสลัก งานสานดว้ ยตอกไม้ไผ่ สง่ ผลให้นกั เรียนมีอุปสรรคในการทำงานเพราะนกั เรียนเป็นเดก็ ในเมือง
จึงทำให้พื้นฐานในการทำงานยังไม่มีหรือถ้ามีก็มีน้อย และส่งผลให้ผลงานของนักเรียนทำได้ไม่ดี
เท่าท่ีควร

48

บรรณานกุ รม

กรรวี ผิวเผอื ก. ผลการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้แบบโครงงาน เรือ่ งงานประดิษฐ์ดว้ ยการถกั โครเชท์
กลุ่มสาระการงานอาชีพและเทคโนโลยี ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 1. การศกึ ษาคน้ คว้าอสิ ระ กศ.ม.

มหาสารคาม : มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม, 2550.
ทศิ นา แขมมณ.ี ศาสตร์การสอนองค์ความรูเ้ พื่อการจดั กระบวนการเรียนรทู้ ่ีมปี ระสทิ ธิภาพ. พมิ พ์

คร้งั ท่ี 5. กรุงเทพฯ : สำนกั พิมพ์จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั , 2552.
ทฆิ มั พร ศรีวฒั นพงศ์. การพัฒนาแผนการจัดการเรยี นรู้โดยโครงงาน เรอ่ื ง การประดิษฐ์ของ

ชำรว่ ย กลุ่มสาระการงานอาชพี และเทคโนโลยี ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1. การศึกษาค้นคว้า
อสิ ระ กศ.ม. มหาสารคาม : มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม, 2550.
นพพร ธนะชยั ขนั ธ.์ สถิติเพ่ือการวิจยั ฉบบั เสรมิ การวิเคราะหข์ ้อมูลด้วย Microsoft Excel.
เชียงราย : คณะวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี สถาบนั ราชภัฏเชยี งราย, 2552.
นติ ยา ศรที ุมมา. การพัฒนาแผนการเรยี นรแู้ บบโครงงาน กลุ่มสาระการงานอาชพี และเทคโนโลยี
เรือ่ ง การแปรรูปถัว่ ลสิ ง ช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี 6. การศกึ ษาค้นควา้ อิสระ กศ.ม.
มหาสารคาม : มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม, 2547
บญุ ชม ศรีสะอาด. การวจิ ัยเบอื้ ต้น. พมิ พค์ ร้ังท่ี 7. กรุงเทพฯ : สรุ ิยาสาสน์ , 2545.
เผชิญ กจิ ระการ. “การวเิ คราะห์ประสิทธภิ าพสื่อและเทคโนโลยเี พ่ือการศึกษา (E1/E2)” การวดั
การศกึ ษามหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม, 2544
มานิตย์ กลา้ ไพรี. การพัฒนาแผนการเรยี นรโู้ ดยโครงงาน เรือ่ ง การขยายพันธุ์พืชโดยวิธีไม่ใช้เพศ
กลุ่มสาระการงานอาชีพและเทคโนโลยี ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 5. การศึกษาค้นคว้าอสิ ระ. กศ.ม.
มหาสารคาม : มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, 2547.
เยาวดี วิบูลย์ศรี. การวัดผลและสร้างแบบทดสอบผลสัมฤทธิ์. กรุงเทพฯ : สำนกั พิมพแ์ หง่
จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั , 2539.
สาโรช บวั ศรี. รากแกว้ การศึกษา. กรงุ เทพฯ : มหาวิทยาลยั ศรนี ครินทรวิโรฒ, 2552.
สุวดี ผลงาม. การพฒั นาพฤติกรรมการเรยี นรแู้ ละเจตคตใิ นการทำโครงงานของ นักเรยี นช้ัน
มธั ยมศกึ ษาปีที่ 3 โรงเรยี นทบั ปุดวิทยา โดยใชก้ ิจกรรมค่ายเรยี นรู้โครงงานผ่านภมู ิ
ปัญญาทอ้ งถนิ่ . การศึกษาค้นควา้ อิสระ, 2551

https://sites.google.com/site/nganpraditfan601115/

49

ภาคผนวก

ภาคผนวก ก
ตวั อย่างแผนการจดั การเรยี นรู้

50

แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ 1

แผน ปฐมนิเทศ/แบบทดสอบก่อนเรียน วชิ าการงานอาชพี รหสั วิชา ง30101

เรอ่ื ง ข้อตกลงในการจัดการเรียนการสอน จำนวน 2 ชั่วโมง

ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2562 ชั่วโมงท่ี 1-2 ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 4

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้ีวัด/ผลการเรียนรู้

เข้าใจรูปแบบการจัดการเรียนการสอน โครงสรา้ งคะแนน การวดั การประเมนิ ผลและข้อตกลงใน

การเข้าร่วมกจิ กรรมการเรียนการสอนในรายวิชาการงานอาชีพ

2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
2.1 อธิบายความสำคัญลักษณะวิชา ผลการเรียนรู้ วธิ กี ารร่วมกจิ กรรมการเรยี นร้รู ายวชิ าการ

งานอาชีพ ง30101
2.2 ร่วมสร้างข้อตกลงร่วมกันเก่ียวกบั การวดั ผลประเมินผลการเรยี นรายวิชาการงานอาชพี

ง30101
2.3 สรุปบทบาทของนกั เรยี นและครูในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน

3. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด
การเรียนรู้วิชาการงานอาชพี ง30101 เป็นกิจกรรมท่ีให้นักเรียนได้ใช้ทักษะการใช้ชีวิตประจำวัน

เพือ่ ใหน้ ักเรียนบรรลุจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ และสามารถนำความร้ไู ปใชไ้ ดอ้ ย่างต่อเน่ืองในชวี ิตประจำวัน

4. สาระการเรยี น
การปฐมนิเทศเป็นการสรา้ งความเขา้ ใจอันดีต่อกนั ระหวา่ งครูและนกั เรยี น เป็นการตกลงในเบอ้ื งต้น

ก่อนที่จะเร่ิมการเรียนการสอน ทำให้ครูได้รู้จักนักเรียนดียิ่งข้ึน ทราบความต้องการ ความรู้สึก และ
ทัศนคติที่มีต่อวิชาที่เรียน ในขณะเดียวกันครูต้องแจ้งให้นักเรียนเข้าใจคำอธิบายรายวิชา ผลการเรียนรู้
วิธีการร่วมกิจกรรมการเรียนรู้แหล่งการเรียนรู้ และรู้เกณฑ์การวัดและประเมินผล การประเมิน
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ การประเมินสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน เพ่ือให้นักเรียนได้เตรียมพร้อมและ
เข้าใจถึงกระบวนการจัดการเรียนรู้ ตระหนักถึงความสำคัญท่ีต้องเรียนรู้วิชาการงานอาชีพและเทคโนโลยี
ง30101 และความจำเปน็ ทจ่ี ะตอ้ งเรยี นรู้วชิ าการงานอาชีพ

5. สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น ความสามารถในการคิด
ความสามารถในการส่ือสาร ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ
ความสามารถในการแก้ปัญหา
ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

6. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ มีวินยั ใฝ่เรยี นรู้
 รกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์  ซอื่ สตั ย์สุจริต
 อยู่อย่างพอเพยี ง มงุ่ ม่ันในการทำงาน  รกั ความเปน็ ไทย  มจี ิต

สาธารณะ

51

7. ช้ินงาน/ภาระงาน
สรปุ ความรเู้ ป็น Mind Map ความร้ทู ไี่ ด้จากการปฐมนิเทศ

8.การวัดและการประเมนิ ผล
8.1 ประเมินจากการจดบนั ทึกผลการเรยี นรู้/ Mind Map
8.2 ประเมินจากการสังเกตการณม์ สี ว่ นรว่ มในการตอบข้อซักถามเกี่ยวกับการปฐมนิเทศ

9. กิจกรรมการเรียนรู้
คาบท่ี 1 ปฐมนิเทศ
9.1 ข้ันนำเข้าสบู่ ทเรยี น
9.1.1 นักเรียนและครูสนทนาเกีย่ วกับลกั ษณะของเน้ือหาวิชาวิชาการงานอาชีพ ง30101 เน้ือหา

ท่เี รียน การรว่ มกิจกรรม การประเมนิ ผล บทบาทของนักเรียนและครู
9.1.2 ใหน้ ักเรียนศึกษาเกยี่ วกับผลการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ คำอธบิ ายรายวิชาเกณฑ์การวัดผล

ประเมนิ ผล และเอกสารประกอบการเรยี น รายวิชาการงานอาชีพ ง30101
9.1.3 นักเรียนศึกษาเกณฑ์การวัดและประเมินผลจากเอกสารแนะนำรายวิชา และอภิปราย

ร่วมกัน พร้อมเสนอวิธีการวัดผลประเมินผล
9.1.4 นักเรียนและครหู าขอ้ ตกลงรว่ มกนั เกี่ยวกบั การวัดและประเมินผลโดยกำหนดแนวปฏิบตั ิ

หลักเกณฑ์ วิธีการ โดยเนน้ การประเมนิ ตามสภาพจริง

9.2 ขน้ั จดั กิจกรรมการเรียนรู้

1)ครูช้ีแจง

9.2.1 ภาระงานและเกณฑ์การใหค้ ะแนนมดี งั น้ี

อัตราส่วนคะแนนระหวา่ งภาคเรียน : คะแนนสอบปลายภาคเรียน เท่ากบั 80 : 20

อตั ราสว่ นคะแนนตามตัวช้วี ัด : คณุ ลักษณะกล่มุ สาระฯ = 95 : 5

คะแนนเก็บ 80 คะแนน แบ่งเป็น

คะแนนแบบทดสอบระหว่างเรียน 24 คะแนน แบ่งเปน็

1. แบบทดสอบหนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 1 (เป็นข้อสอบปรนัย) 2 คะแนน

2. แบบทดสอบหนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 (เป็นข้อสอบปรนัย) 2 คะแนน

3. แบบทดสอบหนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 3 (เปน็ ข้อสอบปรนยั ) 2 คะแนน

4. แบบทดสอบหน่วยการเรยี นรู้ที่ 4 (เป็นข้อสอบปรนัย) 2 คะแนน

5. แบบทดสอบหนว่ ยการเรียนรู้ที่ 5 (เปน็ ข้อสอบปรนยั ) 2 คะแนน

6. แบบทดสอบหน่วยการเรียนรทู้ ่ี 6 (เปน็ ข้อสอบปรนัย) 2 คะแนน

7. แบบทดสอบหนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 7 (เป็นข้อสอบปรนยั ) 2 คะแนน

8. แบบทดสอบหน่วยการเรียนรทู้ ่ี 8 (เปน็ ข้อสอบปรนัย) 2 คะแนน

9. แบบทดสอบหน่วยการเรียนรทู้ ี่ 9 (เป็นข้อสอบปรนัย) 2 คะแนน

10. แบบทดสอบหน่วยการเรียนรู้ที่ 10 (เปน็ ข้อสอบปรนยั ) 3 คะแนน

11. แบบทดสอบหนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 11 (เป็นข้อสอบปรนยั ) 3 คะแนน

คะแนนกิจกรรมระหวา่ งภาคเรยี น (ใบงาน) 36 คะแนน

- ใบงานท่ี 1-18 ใบงานละ 2 คะแนน รวม 36 คะแนน

- โครงงาน 15 คะแนน

- จติ พสิ ยั 5 คะแนน

52

รวม 80 คะแนน
คะแนนสอบปลายภาคเรยี น 20 คะแนน เปน็ ข้อสอบปรนยั 15 คะแนน

ข้อสอบอัตนัย 5 คะแนน
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนเอกสารประกอบการจดั การเรียนรู้

เกณฑ์การประเมิน ระดับคะแนน
21

ความถูกต้องของการ การทำแบบทดสอบชดั เจน การทำแบบทดสอบยังไมช่ ดั เจนดีนักแต่อยใู่ น

ทำแบบทดสอบ สมบรู ณ์คำตอบถูกต้องครบถ้วน แนวทางทถ่ี ูกต้องคำตอบไม่ถูกตอ้ งหรือไม่แสดง

คำตอบท่ไี ด้ไม่ถกู ต้องแต่อย่ใู นแนวทางทีถ่ ูกต้อง

ทักษะกระบวนการ ใช้ยทุ ธวิธีการดำเนนิ การ มีร่องรอยการดำเนินการแกป้ ัญหาบ้างสว่ นเรมิ่

แก้ปัญหาสำเรจ็ อยา่ งมี คิดว่าต้องปรับปรุงตอ้ งใชว้ ิธีการนน้ั แล้วหยดุ

ประสทิ ธิภาพ อธบิ ายถงึ เหตุผลใน อธิบายตอ่ ไม่ไดแ้ กป้ ัญหาไม่สำเร็จ

การใชว้ ธิ ดี ังกล่าวไดเ้ ข้าใจชดั เจน

ความคดิ สรา้ งสรรค์ มแี นวคิด/วธิ กี ารท่แี ปลกใหม่ มแี นวคดิ /วิธกี ารไม่แปลกใหม่

ทีส่ ามารถนำไปปฏิบตั ไิ ด้ถูกต้อง แต่นำไปปฏบิ ตั ิได้ถูกตอ้ งสมบูรณ์

สมบรู ณ์

ทกั ษะการให้เหตผุ ล มกี ารอ้างอิง เสนอแนวคดิ มคี วามพยายามเสนอแนวคดิ ประกอบการ

ประกอบการตัดสินใจอย่าง ตัดสนิ ใจและปรบั ปรง

สมเหตสุ มผล

ตรงตอ่ เวลา สง่ งานตามกำหนดเวลา สง่ งานช้ากวา่ ท่ีกำหนด

เกณฑก์ ารให้คะแนนจติ พิสัย

เกณฑก์ าร 5 4 ระดบั คะแนน 1
ประเมิน
ขาดเรียน 32 ขาดเรยี น
จิตพสิ ัย มาเรียนครบ ไม่เกิน 1 ครั้ง เกนิ 4 ครั้ง ขั้นไป
ทุกครั้ง ขาดเรยี น ขาดเรยี น
ไมเ่ กนิ 2 ครัง้ ไมเ่ กนิ 3 ครั้ง

53

2. การตัดสินผลการเรยี น

ผลการประเมนิ (เกรด) เกณฑก์ ารประเมิน

4 80-100

3.5 75-79

3 70-74

2.5 65-69

2 60-64

1.5 55-59

1 50-54

0 0-49



9.2.2 ครูให้นกั เรียนลงชอ่ื รับทราบการแจกโครงการสอน เกณฑ์การประเมิน การวัดและการ

ประเมินผลโดยใช้นักเรยี นจำนวน 5 คน เป็นตวั แทนหอ้ งลงช่อื

9.2.3 ครชู ีแ้ จงเพ่มิ เติมเกย่ี วกับผลการเรยี นดังนี้

มส หมายถึง นักเรยี นยังไม่ไดร้ บั การประเมนิ ผลเนื่องจากมีเวลาไมถ่ งึ 80% ของเวลาเรียน

ทัง้ หมด (ไมเ่ กนิ 32 คาบ)

ร หมายถึง นกั เรยี นยังไม่ได้รับการประเมินผล เนอ่ื งจากไม่ส่งงานท่ีได้รับมอบหมายและไม่

ผ่านตัวชีว้ ัดจำนวน 70% ของตวั ชว้ี ัดทัง้ หมด

9.3 ขน้ั สรุปและนำไปใช้
9.3.1 ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้ เร่ือง ปฐมนิเทศและข้อตกลงในการเรียนวิชาการงาน

อาชพี และเทคโนโลยี ง 30101โดยใหน้ กั เรยี นบนั ทกึ ข้อสรุปลงในสมุดจดบนั ทึก
9.3.2 ครูให้นักเรียนนำความรู้จากการเรียนรู้เรื่องปฐมนิเทศและข้อตกลงในการเรียนไปปฏิบัติ

ตนให้ถูกตอ้ งตามแนวทางท่รี ่วมกันกล่าวไว้

คาบที่ 2 แบบทดสอบก่อนเรียน
9.1 ขน้ั นำเขา้ สูบ่ ทเรียน
9.1.1 ชีแ้ จงนกั เรียนในการทำแบบทดสอบกอ่ นเรยี นหนว่ ยท่ี 5 เรื่องสร้างสรรคง์ านสวยด้วย

เอกลักษณ์ไทย
9.2 ขน้ั จัดกิจกรรมการเรียนรู้
9.2.1 นกั เรียนทำแบบทดสอบกอ่ นเรียนหนว่ ยท่ี 5 เรื่องสร้างสรรค์งานสวยดว้ ยเอกลกั ษณไ์ ทย

(Pre-test) จำนวน 30 ข้อ เวลา 50 นาที
9.3 ขัน้ สรุปและนำไปใช้
9.3.1 นกั เรียนสามารถทำแบบทดสอบได้

10. สื่อการเรียนรู้
PowerPoint ปฐมนิเทศ

54

แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 2 วชิ าการงานอาชพี
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 5 สร้างสรรค์งานสวยด้วยเอกลักษณไ์ ทย จำนวน 2 ช่วั โมง
รหสั วิชา ง30101 เรอ่ื ง รู้จกั งานเอกลักษณไ์ ทย
ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2562 ช่ัวโมงท่ี 3-4 ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4

1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชี้วดั

ตัวชว้ี ัด

ง 1.1 ม. 4–6/1 อธิบายวธิ กี ารทำงานเพื่อการดำรงชีวิต

ง 1.1 ม. 4–6/2 สรา้ งผลงานอย่างมีความคิดสรา้ งสรรค์ และมที ักษะการทำงานร่วมกัน

ง 1.1 ม. 4–6/3 มที ักษะการจัดการในการทำงาน

ง 1.1 ม. 4–6/4 มีทกั ษะกระบวนการแก้ปญั หาในการทำงาน

ง 1.1 ม. 4–6/5 มที ักษะในการแสวงหาความร้เู พ่อื ดำรงชวี ิต

ง 1.1 ม. 4–6/6 มคี ุณธรรมและลักษณะนิสยั ในการทำงาน

ง 1.1 ม. 4–6/7 ใช้พลังงาน ทรัพยากรในการทำงานอย่างค้มุ คา่ และยั่งยืน เพื่อการอนุรกั ษ์

สง่ิ แวดลอ้ ม

2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

2.1 อธิบายคุณค่าและหลกั การออกแบบงานประดิษฐ์ท่ีเป็นเอกลกั ษณ์ไทยได้ (K)

2.2. เห็นคณุ ค่าของงานเอกลกั ษณ์ไทย (A)

2.3 ออกแบบงานประดษิ ฐ์ที่เป็นเอกลักษณ์ไทยได้ (P)

3. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด

งานประดษิ ฐ์ทแี่ สดงถึงเอกลักษณ์ไทยเปน็ งานประดษิ ฐท์ บี่ ่งบอกถึงความเป็นชาติไทยได้อยา่ ง

ชดั เจน โดยสะทอ้ นใหเ้ ห็นถึงขนบธรรมเนียม ประเพณี วฒั นธรรม และความเป็นอย่ขู องคนไทยต้ังแต่

โบราณจนถึงปัจจบุ นั

4. สาระการเรยี น

ร้จู กั งานเอกลักษณไ์ ทย

– คุณคา่ ของงานประดษิ ฐ์ที่เป็นเอกลักษณ์ไทย

– ประเภทของงานประดิษฐ์ทเี่ ปน็ เอกลักษณ์ไทย

– หลักการออกแบบงานประดษิ ฐท์ ี่เปน็ เอกลักษณ์ไทย

5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น

 ความสามารถในการส่ือสาร  ความสามารถในการคดิ
 ความสามารถในการแก้ปญั หา  ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ

 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

6. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
 รักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์  ซอ่ื สตั ย์สจุ รติ  มีวนิ ยั  ใฝ่เรยี นรู้

 อยอู่ ย่างพอเพียง  มุง่ มนั่ ในการทำงาน  รักความเปน็ ไทย  มีจิตสาธารณะ

55

7. ช้ินงาน/ภาระงาน

7.1 แบบทดสอบก่อนเรียน (Pre-test)

7.2 แบบทดสอบหลังเรยี น (Post-test)

8. การวดั และการประเมินผล

ดา้ นความรู้ (K) ดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรม ด้านทักษะ/กระบวนการ (P)
และคา่ นยิ ม (A)
1. สังเกตพฤติกรรมในการทำงาน
1. สังเกตการตอบคำถามและการ 1. สังเกตความสนใจเรียน ร่วมกับผู้อน่ื
2. สังเกตทักษะการคน้ ควา้ ขอ้ มูล
แสดงความคิดเห็น 2. สงั เกตมารยาทและความ เกย่ี วกับงานเอกลักษณ์ไทย

2. ตรวจการทำแบบทดสอบ รับผดิ ชอบในการทำงาน

ก่อนเรยี น (Pre-test)

3. ตรวจการทำแบบทดสอบ

หลังเรยี น (Post-test)

9. กจิ กรรมการเรยี นรู้
คาบที่ 3-4 เรื่อง รจู้ ักงานเอกลกั ษณไ์ ทย
9.1 ข้นั นำเขา้ สบู่ ทเรยี น
9.1.1 นักเรยี นอาสาสมัคร 3–4 คน เลา่ ประสบการณเ์ ก่ยี วกับงานเอกลักษณ์ไทยที่นกั เรยี นเคย

พบเหน็
9.2 ขน้ั จัดกจิ กรรมการเรียนรู้
9.2.1 นกั เรียนทำแบบทดสอบกอ่ นเรียน (Pre-test) จำนวน 10 ข้อ เวลา 20 นาที
9.2.2 ครูนำตัวอยา่ งช้ินงานประดษิ ฐ์ที่เปน็ เอกลักษณไ์ ทยมาใหน้ กั เรยี นสังเกต ศกึ ษาและ
รว่ มกันแสดงความคิดเห็นเกีย่ วกับคุณค่าของงานประดษิ ฐ์ที่เปน็ เอกลักษณ์ไทย แลว้ ชว่ ยกันสรุป
9.2.3 นกั เรียนศกึ ษาเรอื่ ง ประเภทงานประดษิ ฐท์ เี่ ป็นเอกลกั ษณ์ไทยและหลกั การออกแบบงาน
ประดษิ ฐ์ทเ่ี ป็นเอกลกั ษณ์ไทย จากสอ่ื การเรียนรู้ การดำรงชีวิตและครอบครวั สมบรู ณ์แบบ ม. 4–6
หรอื หนงั สอื เรียน รายวิชาพืน้ ฐาน การดำรงชีวิตและครอบครัว ม. 4–6
9.2.4 นักเรยี นกลมุ่ เดมิ อภปิ รายเกีย่ วกับประเภทงานประดิษฐท์ เ่ี ปน็ เอกลักษณ์ไทยและ
หลกั การออกแบบงานประดษิ ฐ์ท่ีเป็นเอกลักษณ์ไทย แล้วสง่ ตัวแทนกลมุ่ นำเสนอผลงานหนา้ ชั้นเรยี น
9.2.5 นักเรียนแตล่ ะกล่มุ ระดมสมองกันศึกษาค้นควา้ ข้อมูลเพ่มิ เติมเก่ียวกบั ขอ้ ควรคำนึงในการ

ทำงานประดษิ ฐ์ท่ีเนน้ เอกลักษณไ์ ทยจากแหลง่ การเรียนรู้ต่าง ๆ
9.2.6 ครพู านกั เรยี นค้นหาข้อมลู ในอนิ เทอร์เน็ต ที่มกี ารประดิษฐง์ านที่เป็นเอกลกั ษณไ์ ทย เชน่

ศูนย์ศลิ ปาชีพ แหลง่ ผลติ เคร่ืองเบญจรงค์ ผ้าไหมไทย ร้านจำหนา่ ยมาลัยดอกไม้สด โดยใหน้ ักเรยี น
บนั ทึกความรู้

9.2.7 ครเู สรมิ ความรอู้ าเซียนเก่ยี วกบั งานประดิษฐ์ทเี่ ป็นเอกลกั ษณ์ในประเทสมาชิก
อาเซยี น เชน่ ลาบูซายองเป็นเคร่ืองปั้นดินเผาของรฐั เประ เกลุก เบลังกา ทแี่ สดงถึงเอกลกั ษณ์ของ
ประเทศมาเลเซีย

9.2.8 ครูแจ้งนักเรยี นจะสอนงานประดษิ ฐ์ทเ่ี ปน็ เอกลกั ษณ์ไทย 3 เรื่อง ไดแ้ ก่ งานสานงาน
แกะสลกั และงานใบตอง

9.2.9 นกั เรียนทำแบบทดสอบหลงั เรียน (Post-test) จำนวน 10 ข้อ เวลา 20 นาที

56

9.3 ขั้นสรปุ และนำไปใช้
9.3.1 นักเรียนร่วมกันอภิปรายสรุปเกย่ี วกับงานประดษิ ฐท์ ่ีเป็นเอกลักษณ์ไทย
9.3.2 นักเรียนมีความรู้ความเขา้ ใจเกี่ยวกับงานประดษิ ฐ์ท่ีเปน็ เอกลักษณ์ไทย

10. สอ่ื /แหลง่ การเรยี นรู้

10.1 ส่ือสิ่งพิมพ์ เช่น หนังสือเกยี่ วกบั งานประดิษฐท์ ี่เป็นเอกลักษณ์ไทย เชน่ มาลัย ช่างสิบหมู่ ปญั ญาสยาม
เรื่องเล่า...จากภมู ิปัญญาไทย

10.2 ตวั อยา่ งงานประดิษฐ์ที่เป็นเอกลกั ษณ์ไทยในอนิ เทอร์เน็ต
10.3 สถานที่ เช่น บา้ น ห้องฝกึ งานของโรงเรยี น รา้ นตัดเส้ือ

57

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 3 วชิ าการงานอาชีพ
หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 5 สร้างสรรคง์ านสวยด้วยเอกลกั ษณ์ไทย จำนวน 2 ชั่วโมง
รหสั วิชา ง30101 เรื่อง งานสาน ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 4
ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศกึ ษา 2562 ช่ัวโมงที่ 5-6

1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวช้ีวดั

ตวั ชี้วดั

ง 1.1 ม. 4–6/1 อธบิ ายวธิ กี ารทำงานเพ่ือการดำรงชีวิต

ง 1.1 ม. 4–6/2 สรา้ งผลงานอย่างมีความคดิ สรา้ งสรรค์ และมีทักษะการทำงานร่วมกัน

ง 1.1 ม. 4–6/3 มที ักษะการจดั การในการทำงาน

ง 1.1 ม. 4–6/4 มีทักษะกระบวนการแกป้ ญั หาในการทำงาน

ง 1.1 ม. 4–6/5 มีทักษะในการแสวงหาความรเู้ พ่อื ดำรงชวี ิต

ง 1.1 ม. 4–6/6 มคี ณุ ธรรมและลกั ษณะนิสยั ในการทำงาน

ง 1.1 ม. 4–6/7 ใช้พลังงาน ทรัพยากรในการทำงานอย่างคมุ้ ค่า และย่ังยืน เพื่อการอนุรักษ์

สิ่งแวดล้อม

2. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้

2.1 อธบิ ายคุณค่าและหลกั การออกแบบงานประดิษฐท์ ี่เปน็ เอกลกั ษณ์ไทยได้ (K)

2.2. เหน็ คณุ คา่ ของงานเอกลักษณ์ไทย (A)

2.3 ออกแบบงานประดษิ ฐ์ที่เป็นเอกลกั ษณ์ไทยได้ (P)

3. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด

งานประดิษฐ์ท่แี สดงถึงเอกลกั ษณ์ไทยเปน็ งานประดิษฐ์ที่บ่งบอกถงึ ความเปน็ ชาติไทยได้อยา่ ง

ชดั เจน โดยสะท้อนให้เห็นถึงขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม และความเป็นอยขู่ องคนไทยต้ังแต่

โบราณจนถึงปจั จบุ ัน

4. สาระการเรยี น

รู้จักงานเอกลักษณ์ไทย

– คุณคา่ ของงานประดิษฐท์ ่ีเปน็ เอกลักษณ์ไทย

– ประเภทของงานประดิษฐ์ทเ่ี ปน็ เอกลักษณ์ไทย

– หลกั การออกแบบงานประดษิ ฐท์ เี่ ปน็ เอกลักษณไ์ ทย

5. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รยี น
 ความสามารถในการส่ือสาร  ความสามารถในการคดิ

 ความสามารถในการแก้ปัญหา  ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต
 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

6. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์

 รกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์  ซ่อื สตั ยส์ ุจรติ  มีวินยั  ใฝเ่ รยี นรู้
 อยู่อย่างพอเพยี ง  มุ่งมน่ั ในการทำงาน  รักความเป็นไทย  มีจิตสาธารณะ

58

7. ช้นิ งาน/ภาระงาน

7.1 แบบทดสอบก่อนเรียน (Pre-test)

7.2 แบบทดสอบหลงั เรียน (Post-test)

7.3 ช้ินงาน

8. การวดั และการประเมนิ ผล

ดา้ นความรู้ (K) ดา้ นคุณธรรม จริยธรรม ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P)
และค่านิยม (A)

1. สงั เกตการตอบคำถามและการ 1. สงั เกตความสนใจเรียน 1. สงั เกตพฤติกรรมในการทำงาน

แสดงความคิดเห็น 2. สงั เกตมารยาทและความ ร่วมกับผอู้ น่ื 2.

2. ตรวจการทำแบบทดสอบ รับผดิ ชอบในการทำงาน สงั เกตทักษะการคน้ ควา้ ข้อมูล

ก่อนเรียน (Pre-test) เกยี่ วกับงานเอกลักษณ์ไทย

3. ตรวจการทำแบบทดสอบ

หลงั เรียน (Post-test)

4. ตรวจช้นิ งาน

9. กิจกรรมการเรียนรู้
คาบท่ี 5-6 เรื่อง งานสาน
9.1 ข้ันนำเข้าสู่บทเรียน
9.1.1 ครูทบทวนเนอื้ หาและกิจกรรมในช่ัวโมงเรยี นท่ผี า่ นมาและภาระงานท่ีมอบหมาย

เร่อื ง รจู้ ักงานเอกลักษณ์ไทย เพอื่ เช่ือมโยงในส่วนเน้อื หา
9.1.2 ครสู อบถามนักเรยี นว่าเคยทำเกี่ยวกบั งานสานหรอื ไม่
9.1.3 ครใู หย้ กตวั อย่างงานสานท่ีนกั เรียนเคยพบเห็น

9.2 ข้ันจัดกจิ กรรมการเรียนรู้
9.2.1 นักเรยี นทำแบบทดสอบก่อนเรียน (Pre-test) จำนวน 10 ขอ้ เวลา 20 นาที
9.2.2 ผสู้ อนแนะนำวสั ดอุ ปุ กรณ์ที่ใช้ในการสานลายพืน้ ฐาน พรอ้ มท้ังบอกช่ือและอธบิ าย

วธิ ีการใช้งานของวัสดุอุปกรณ์ และได้เนน้ เรื่องความปลอดภัยในการใชง้ านต่อตนเองและผอู้ ่ืน
9.2.3 ครูสาธิตขัน้ ตอนการสานพัดจากตอก การสานลายขัด ลายสอง ลายไทย ให้ผู้เรียนดู

อยา่ งละเอยี ด และเปิดโอกาสให้ซักถามข้อสงสยั ในและขัน้ ตอน หลักจากนั้นแบง่ กลมุ่ กลุ่มละ 6 คน
9.2.4 สอดแทรกหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง เพ่ือปลูกฝงั คณุ ธรรมจริยธรรม และ

คุณลกั ษณะ อนั พึงประสงค์ ท่ีต้องการให้เกดิ กับผเู้ รียน
9.2.5 ครูให้นักเรยี นปฏิบตั งิ านแบบรว่ มมือ ปฏิบตั ิ กจิ กรรม รว่ มมือกันวเิ คราะห์ วางแผน การ

ใช้ใบตอกจากไม้ไผ่ที่ไดเ้ ตรยี มมาจากบ้าน
9.2.6 ครใู หน้ ักเรยี นปฏบิ ตั งิ านแบบรว่ มมอื ใหน้ ักเรียนแต่ละกลมุ่ ศกึ ษาและปฏิบัติงาน ใหเ้ กิด

ความชำนาญ เน้นท่าทางในการสาน ความถูกต้อง ประณีตสวยงาม และความปลอดภัย ในการปฏิบัติ
9.2.7 ครูคอยสงั เกตพฤติกรรมนกั เรยี น ให้คำแนะนำชี้แนะ ในขณะปฏบิ ตั กิ ิจกรรม
9.2.8 ผู้สอนให้ผ้เู รียนชว่ ยกนั เกบ็ วสั ดุ อปุ กรณ์ เคร่ืองมอื เครอ่ื งใช้และทำความสะอาด

สถานท่ี หลงั ปฏิบัติกิจกรรม ให้เรยี บร้อย
9.2.9 ผสู้ อนให้ผเู้ รียนแตล่ ะกลมุ่ จัดแสดงผลงานการปฏบิ ัติงานสาน ของแต่ละกลุ่ม

59

9.2.10 ผตู้ รวจผลงานของผู้เรียนแตล่ ะกลุ่ม และบนั ทึกลงในแบบประเมนิ ผลงานการปฏิบัตงิ าน
9.2.11 นกั เรยี นทำแบบทดสอบหลังเรียน (Post-test) จำนวน 10 ขอ้ เวลา 20 นาที
9.3 ขั้นสรปุ และนำไปใช้
9.3.1 ผู้สอนให้ผู้เรียนนำผลงานมาจัดโชว์ให้เพ่ือน ๆ ได้ชมและส่งตัวแทนผู้เรียนแต่ละกลุ่ม
นำเสนอ รายงานและอธิบายสรุปผลการทำงาน เปิดโอกาสให้เพ่ือซักถาม ติชม โดยมีผู้สอนคอยให้
คำแนะนำและเพิ่มเติมในส่วนเนอื้ หาท่ยี งั ไมส่ มบรู ณ์
9.3.2 ผสู้ อนบันทึกลงในแบบประเมินผลการปฏิบตั ิงานพรอ้ มท้ังสังเกตพฤตกิ รรมผู้เรียนในขณะ
ปฏบิ ัตกิ ิจกรรมลงในแบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงาน
10. สอ่ื /แหล่งการเรยี นรู้

10.1 สอื่ สิง่ พิมพ์ เชน่ หนงั สือเกยี่ วกบั งานประดิษฐ์ทีเ่ ปน็ เอกลกั ษณ์ไทย เช่น มาลัย ช่างสิบหมู่
ปัญญาสยาม เรือ่ งเล่า...จากภมู ิปญั ญาไทย

10.2 ตัวอย่างงานประดิษฐ์ที่เป็นเอกลักษณไ์ ทยในอินเทอรเ์ นต็
10.3 สถานท่ี เช่น บา้ น ห้องฝึกงานของโรงเรยี น รา้ นตัดเส้ือ

60

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 4 วชิ าการงานอาชพี
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 5 สรา้ งสรรค์งานสวยด้วยเอกลกั ษณไ์ ทย จำนวน 2 ชวั่ โมง
รหัสวชิ า ง30101 เรอ่ื ง แกะสลัก ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 4
ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศึกษา 2562 ชั่วโมงที่ 7-8

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชี้วดั
ตัวช้วี ัด
ง 1.1 ม. 4–6/1 อธบิ ายวธิ กี ารทำงานเพ่ือการดำรงชวี ติ
ง 1.1 ม. 4–6/2 สร้างผลงานอย่างมีความคดิ สร้างสรรค์ และมที ักษะการทำงานร่วมกนั
ง 1.1 ม. 4–6/3 มที ักษะการจัดการในการทำงาน
ง 1.1 ม. 4–6/4 มที ักษะกระบวนการแก้ปัญหาในการทำงาน
ง 1.1 ม. 4–6/5 มที กั ษะในการแสวงหาความรู้เพือ่ ดำรงชีวติ
ง 1.1 ม. 4–6/6 มคี ุณธรรมและลักษณะนิสยั ในการทำงาน
ง 1.1 ม. 4–6/7 ใช้พลงั งาน ทรัพยากรในการทำงานอย่างคุม้ ค่า และยั่งยนื เพื่อการอนุรักษ์

สง่ิ แวดลอ้ ม
2. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

2.1 มคี วามร้คู วามเขา้ ใจเก่ียวกบั งานแกะสลกั ผักและผลไม้
2.2. สามารถเลือกวสั ดอุ ุปกรณ์ทใี่ ชใ้ นการแกะสลกั ผกั และผลไม้
2.3 สามารถแกะสลกั ผกั ผลไม้เพ่ือใชใ้ นโอกาสต่าง ๆ
2.4 มีกจิ นิสยั ท่ดี ใี นการปฏบิ ตั ิงาน
3. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด
ศึกษาและปฏบิ ัตเิ กี่ยวกับการแกะสลักผักและผลไม้การเลือก การจดั เตรยี มวัตถดุ ิบ วสั ดุ
อุปกรณ์ ในการแกะสลักผกั ผลไมใ้ นโอกาสต่าง ๆ การเกบ็ รักษา และฝึกปฏิบตั ิการแกะสลกั ผักและ
ผลไม้
4. สาระการเรยี น
หลักการแกะสลักผกั และผลไม้
1.1 ความเป็นมาของการแกะสลักผกั และผลไม้

1.1.1 วตั ถปุ ระสงค์ของการแกะสลักผกั และผลไม้
1.1.2 ประเภทของการแกะสลักผกั และผลไม้
1.2 หลักการเลือกซอ้ื ผักและผลไมท้ ใี่ ชใ้ นงานแกะสลกั
1.2.1 การเลอื กซ้ือผักและผลไม้
1.2.2 การเก็บรักษาผกั และผลไม้
1.3 วัสดุอปุ กรณ์ที่ใชใ้ นการแกะสลกั ผักและผลไม้
1.3.1 มดี และอุปกรณ์ต่าง ๆท่ีใช้แกะสลัก

61

1.3.2 การเก็บรกั ษาอปุ กรณ์

1.3.3 วิธกี ารจบั มดี แกะสลกั

1.4 ความหมายของคำศัพท์ที่ใชใ้ นการแกะสลักผักและผลไม้

1.4.1 คำศพั ท์ที่ใช้ในการแกะสลกั ผักและผลไม้

5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น

 ความสามารถในการสื่อสาร  ความสามารถในการคดิ
 ความสามารถในการแก้ปญั หา  ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ

 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

6. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์  มีวนิ ยั
 รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์  ซื่อสตั ย์สจุ ริต  ใฝ่เรยี นรู้

 อยู่อย่างพอเพียง  ม่งุ มั่นในการทำงาน  รกั ความเป็นไทย  มีจติ สาธารณะ

7. ชนิ้ งาน/ภาระงาน

7.1 แบบทดสอบก่อนเรียน (Pre-test)

7.2 แบบทดสอบหลังเรียน (Post-test)

7.3 ชิ้นงาน

8. การวดั และการประเมนิ ผล

ด้านความรู้ (K) ดา้ นคุณธรรม จริยธรรม ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P)
และคา่ นยิ ม (A)

1. สงั เกตการตอบคำถามและการ 1. สงั เกตความสนใจเรียน 1. สังเกตพฤติกรรมในการทำงาน

แสดงความคิดเห็น 2. สงั เกตมารยาทและความ รว่ มกับผอู้ นื่ 2.

2. ตรวจการทำแบบทดสอบ รบั ผิดชอบในการทำงาน สังเกตทักษะการค้นคว้าข้อมูล

ก่อนเรยี น (Pre-test) เก่ยี วกบั งานเอกลักษณ์ไทย

3. ตรวจการทำแบบทดสอบ

หลังเรียน (Post-test)

4. ตรวจช้ินงาน

9. กจิ กรรมการเรียนรู้
คาบท่ี 7-8 เรอ่ื ง แกะสลักผักและผลไม้
9.1 ขนั้ นำเขา้ สู่บทเรยี น
9.1.1 ผูส้ อนแจ้งจุดประสงค์รายวชิ าแกะสลกั ผักและผลไม้ และอธบิ ายถงึ เกณฑ์การวัดและ

ประเมินผลการเรยี นในรายวิชา เพอื่ ให้ผู้เรยี นทราบ
9.1.2 ผ้สู อนอธิบายความหมายและวัตถปุ ระสงคข์ องการแกะสลักในบทที่1 และนาเข้าสู่

บทเรียน
9.1.3 นักเรยี นทำแบบทดสอบก่อนเรยี น (Pre-test) จำนวน 10 ข้อ เวลา 20 นาที

9.2 ข้นั จดั กจิ กรรมการเรียนรู้
9.2.1 ครูซกั ถามความรเู้ ดิมของนักเรียน เก่ยี วกับการแกะสลกั ผักและผลไม้
9.2.2 ครูอธิบายเนือ้ หาสาระสำคัญของวิชาการแกะสลักผักและผลไม้
9.2.3 ครูอธบิ ายเนอื้ หาสาระสำคัญของวชิ าการแกะสลกั ผักและผลไมใ้ นเรื่องการเลือกซื้อผัก

และผลไม้

62

9.2.4 ผู้สอนสุม่ สอบถามผู้เรียนเปน็ รายบคุ คล เรือ่ งการเลือกซือ้ ผักและผลไม้
9.2.5 ผ้สู อนอธิบายเนอ้ื หาสาระสำคัญในเร่ืองวัสดุอปุ กรณ์ทใี่ ชใ้ นการแกะสลักผักและผลไม้
9.2.6 ครูคอยสงั เกตพฤติกรรมนักเรยี น ใหค้ ำแนะนำชีแ้ นะ ในขณะปฏบิ ัตกิ จิ กรรม
9.2.7 ผูส้ อนให้ผ้เู รียนชว่ ยกันเกบ็ วสั ดุ อปุ กรณ์ เคร่ืองมือ เครอ่ื งใชแ้ ละทำความสะอาดสถานที่
หลงั ปฏบิ ัตกิ จิ กรรม ใหเ้ รยี บรอ้ ย
9.2.8 ผสู้ อนให้ผ้เู รียนเตรยี มอปุ กรณ์ทใ่ี ชแ้ กะสลัก เพอ่ื ฝกึ ปฏิบตั ิในช่ัวโมงเรียน(ระมดั ระวัง)
9.2.9 ผู้สอนอธิบายพร้อมทงั้ สาธติ ขัน้ ตอนเน้อื หาสาระสำคญั ของวธิ กี ารจับมีดใหถ้ ูกวธิ ี
9.2.10 ผู้สอนสุ่มผู้เรียนเป็นรายบุคคล ให้สาธิตวิธีการจับมีดแกะสลักและอุปกรณ์อื่นๆที่ใช้ใน
การแกะสลกั ผกั และผลไม้ (ระมดั ระวัง)
9.2.11 ผู้สอนอธิบายเนื้อหาสาระสำคัญของวิชาการแกะสลักผักและผลไม้ ในเร่ือผู้สอนอธิบาย
วธิ กี ารปอก ผกั และผลไม้พร้อมทง้ั สาธิตข้นั ตอนของวธิ ีการแกะสลักผักและผลไม้
9.2.12 ผเู้ รยี นซกั ถามข้อสงสยั และแก้ไขงานแกะสลกั (มสี ติปญั ญา)
9.2.13 นกั เรียนทำแบบทดสอบหลงั เรียน (Post-test) จำนวน 10 ข้อ เวลา 20 นาที
9.3 ขั้นสรปุ และนำไปใช้
9.3.1 ผูส้ อนใหผ้ ้เู รยี นนำผลงานมาจดั โชว์ใหเ้ พ่ือน ๆ ไดช้ มและส่งตัวแทนผูเ้ รยี นแตล่ ะกลุ่ม
นำเสนอ รายงานและอธิบายสรปุ ผลการทำงาน เปดิ โอกาสใหเ้ พ่อื ซักถาม ติชม โดยมีผ้สู อนคอยให้
คำแนะนำและเพม่ิ เติมในสว่ นเนอื้ หาทย่ี งั ไม่สมบูรณ์
9.3.2 ผ้สู อนบนั ทึกลงในแบบประเมนิ ผลการปฏบิ ัติงานพร้อมท้ังสงั เกตพฤติกรรมผู้เรยี นในขณะ
ปฏิบัติกจิ กรรมลงในแบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงาน

10. สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้

10.1 สื่อรูปภาพประกอบการเรียนการสอน

10.2 หนังสือการแกะสลกั ผักและผลไม้

63

แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 5 วิชาการงานอาชีพ
หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 5 สร้างสรรคง์ านสวยดว้ ยเอกลักษณ์ไทย จำนวน 2 ชั่วโมง
รหัสวชิ า ง30101 เรื่อง จานรองใบตอง
ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศึกษา 2562 ช่ัวโมงท่ี 9-10 ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 4

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วดั

ตวั ชี้วดั

ง 1.1 ม. 4–6/1 อธบิ ายวธิ ีการทำงานเพื่อการดำรงชวี ติ

ง 1.1 ม. 4–6/2 สรา้ งผลงานอย่างมีความคดิ สรา้ งสรรค์ และมที ักษะการทำงานร่วมกัน

ง 1.1 ม. 4–6/3 มีทักษะการจัดการในการทำงาน

ง 1.1 ม. 4–6/4 มที กั ษะกระบวนการแกป้ ญั หาในการทำงาน

ง 1.1 ม. 4–6/5 มที ักษะในการแสวงหาความรเู้ พอื่ ดำรงชีวิต

ง 1.1 ม. 4–6/6 มีคุณธรรมและลักษณะนสิ ยั ในการทำงาน

ง 1.1 ม. 4–6/7 ใชพ้ ลงั งาน ทรัพยากรในการทำงานอย่างคุ้มค่า และยง่ั ยืน เพ่ือการอนุรกั ษ์

ส่ิงแวดล้อม

2. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

2.1 มคี วามรู้เร่ืองใบตอง

2.2. ดน้ ถอยหลังได้ถูกวธิ ี

2.3 พับกลีบใบตองในการเย็นจานรองได้สวยงาม

3. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด

งานใบตอง เป็นศิลปะวฒั นาธรรมไทยแขนงหนง่ึ ท่ีมีความสวยงามประณีตในตวั เอง จะสังเกตได้

ว่าผูท้ ่ีเกยี่ วข้องกับงานใบตอง จะมีความอดทนสูง เยือกเยน็ ดงั นนั้ การฝกึ ให้นักเรียนไดเ้ ย็บงานใบตอง

จะชว่ ยใหน้ ักเรยี นเกิดสมาธแิ ละลดความกระดา้ งของอารมณ์ลงได้

จานรองใบตอง เปน็ อีกงานหนง่ึ ทฝ่ี ึกให้นักเรียนเป็นผ้สู บื สานวัฒนธรรมไทย โดยให้นกั เรียนลอง

พับกลบี ใบตองเปน็ แบบต่าง ๆ ตามทนี่ ักเรียนตอ้ งการ โดยใช้วิธกี ารด้นถอยหลัง

4. สาระการเรียน

4.1 เรอ่ื งนา่ รู้เกย่ี วกับใบตอง

4.2 การเยบ็ ใบตองดว้ ยมือ

4.3 ขัน้ ตอนการเย็บจานรองใบตอง

5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น

 ความสามารถในการส่ือสาร  ความสามารถในการคิด
 ความสามารถในการแก้ปญั หา  ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต
 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

6. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์  มวี นิ ัย  ใฝเ่ รียนรู้
 รกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์  ซือ่ สัตย์สจุ รติ

 อยอู่ ยา่ งพอเพียง  มงุ่ มน่ั ในการทำงาน  รักความเปน็ ไทย  มีจิตสาธารณะ

64

7. ชิน้ งาน/ภาระงาน

7.1 แบบทดสอบก่อนเรียน (Pre-test)

7.2 แบบทดสอบหลังเรยี น (Post-test)

7.3 ชนิ้ งาน

8. การวดั และการประเมินผล

ด้านความรู้ (K) ดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ด้านทักษะ/กระบวนการ (P)
และคา่ นิยม (A)

1. สงั เกตการตอบคำถามและการ 1. สงั เกตความสนใจเรียน 1. สงั เกตพฤติกรรมในการทำงาน

แสดงความคดิ เหน็ 2. สังเกตมารยาทและความ รว่ มกบั ผอู้ น่ื 2.

2. ตรวจการทำแบบทดสอบ รบั ผิดชอบในการทำงาน สงั เกตทักษะการค้นควา้ ข้อมูล

ก่อนเรียน (Pre-test) เกีย่ วกบั งานเอกลักษณ์ไทย

3. ตรวจการทำแบบทดสอบ

หลังเรยี น (Post-test)

4. ตรวจช้ินงาน

9. กิจกรรมการเรียนรู้
คาบท่ี 9-10 เรื่อง จานรองใบตอง
9.1 ขน้ั นำเข้าสบู่ ทเรยี น
9.1.1 นกั เรยี นชมภาพข้อคดิ ดี ๆ และชมภาพงานใบตองในลักษณะตา่ ง ๆ
9.1.2 เปิดโอกาสให้นกั เรียนไดแ้ สดงความคิดเหน็ งานใบตอง ชนิดของการเย็บด้วยมือ
9.1.3 นักเรียนทำแบบทดสอบกอ่ นเรียน (Pre-test) จำนวน 10 ข้อ เวลา 20 นาที
9.2 ขั้นจดั กจิ กรรมการเรียนรู้
9.2.1 ครูถา่ ยทอดความรู้และการสาธติ การด้นถอยหลัง
9.2.2 นักเรียนปฏบิ ัติงาน โดยผสู้ อนใชส้ ่อื
- ฉายภาพขั้นตอนการดน้ ถอยหลงั
- หนังสือเรียน งานใบตองอย่างง่าย
9.2.3 ครูใหน้ กั เรียนฝกึ การเย็บดว้ ยมือแบบต่าง ๆ เพ่ือให้เกดิ ความชำนาญขึ้นได้แก่ การสอย

การด้นแบบดำน้ำ เปน็ ตน้
9.2.4 ครูใหน้ กั เรยี นชมภาพ การพบั กลีบใบตอบในลกั ษณะต่าง ๆ การปฏบิ ัติงานของนักเรยี น

ในปที ผ่ี า่ นมา
9.2.5 ครเู ปิดโอกาสให้นักเรียนพับกลีบใบตองและออกแบบลักษณะของจานรอง
9.2.6 นกั เรียนไดร้ บั การถา่ ยทอดความรู้ การสาธิตการฉีกใบตองและด้นถอยหลัง
9.2.7 นกั เรยี นปฏบิ ัติงานโดย ครเู ปดิ ฉายภาพข้นั ตอนการเย็บจานรอง
9.2.8 ครูให้นักเรียนฝกึ การพับกลบี ใบตองในลกั ษณะตา่ ง ๆ แล้วเยบ็ เป็นภาชนะรองของ
9.2.9 ผู้สอนให้ผู้เรียนช่วยกันเก็บ วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ เคร่ืองใช้และทำความสะอาด

สถานท่ี หลังปฏบิ ัติกิจกรรม ให้เรียบร้อย
9.2.10 ผูเ้ รยี นซกั ถามขอ้ สงสยั และแก้ไขงานทำใบตอง
9.2.11 นกั เรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน (Post-test) จำนวน 10 ขอ้ เวลา 20 นาที

65

9.3 ขน้ั สรุปและนำไปใช้
9.3.1 ผู้สอนให้ผู้เรียนนำผลงานมาจัดโชว์ให้เพื่อน ๆ ได้ชมและส่งตัวแทนผู้เรียนแต่ละกลุ่ม

นำเสนอ รายงานและอธิบายสรุปผลการทำงาน เปิดโอกาสให้เพ่ือซักถาม ติชม โดยมีผู้สอนคอยให้
คำแนะนำและเพ่มิ เตมิ ในส่วนเน้ือหาท่ยี งั ไมส่ มบูรณ์

9.3.2 ผูส้ อนบันทึกลงในแบบประเมินผลการปฏิบตั งิ านพรอ้ มทง้ั สังเกตพฤตกิ รรมผู้เรียนในขณะ
ปฏิบัตกิ ิจกรรมลงในแบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงาน
10. สอ่ื /แหลง่ การเรียนรู้

10.1 ดา้ ยเยบ็ ผา้ เข็ม กรรไกร
10.2 เน้ือหางานใบตองและการเยบ็ ด้วยมอื จาก www.kruarare.com

66

ภาคผนวก ข
แบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียน

67

ขอ้ สอบวิชาการงานอาชพี ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 4

เร่อื งเอกลักษณไ์ ทย แบบทดสอบก่อนเรยี น – หลังเรียน จำนวน 30 ข้อ 30 คะแนน

คำชแ้ี จง ใหน้ ักเรยี นเลือกคำตอบที่ถกู ต้องท่สี ุด

1.“การประดิษฐจ์ านจากวัสดุทอ้ งถ่ิน” ข้อความนส้ี ะท้อนคุณคา่ และความสำคัญในด้านใด

1. สะท้อนคณุ ค่าดา้ นศิลปะและความสวยงาม

2. สะทอ้ นคุณคา่ การแสดงอารมณ์และจิตใจ

3. สะท้อนคุณคา่ ของการใชเ้ งนิ

4. สะทอ้ นคุณคา่ ของสภาพภูมิศาสตรท์ อ้ งถิน่

2. ความหมายของงานประดิษฐเ์ อกลักษณ์ไทย

1. งานท่เี กิดจากความพงึ พอใจในการทำงาน

2. งานทเี่ กิดจากความคดิ สรา้ งสรรค์ของหลายๆตน

3. งานที่เกดิ จากการจินตนาการและอยากจะทำ

4. งานทีเ่ กิดจากการใชค้ วามคิดสรา้ งสรรคข์ องมนุษย์

3. งานประดษิ ฐ์ทเ่ี ป็นเอกลักษณ์นำมาใช่ในงานใด

1. สงกรานต์ 2. งานหมั้น

3. งานเกษียณ 4. รับตำแหน่งใหม่

4. ข้อใดเป็นผลงานจากหัตถกรรมพนื้ บ้านไทย

1. แจกัน 2. กระทง

3. สบู่ 4.ตะกรา้

5. คำวา่ “บายศรี” มีความหมายตรงกบั ขอ้ ใด

1. พธิ ีอนั มคี ุณคา่ 2. พิธที ่เี ปน็ งานศิลป์อนั เก่าแก่

3. พิธีทีเ่ ป็นสริ มิ งคล 4. พธิ ีที่สะท้อนให้เห็นถงึ ความเชอ่ื ประเพณี

6. ข้อใดมิใชค่ ณุ ค่าของใบตอง

1. นำมาใชใ้ นพธิ ีทางศาสนา 2. ชว่ ยให้จิตใจสงบรม่ เย็น

3. สรา้ งสรรคศ์ ิลปะมรดกของชาติ 4. ชว่ ยใหข้ นมและอาหารสีสวยและมีกลิ่นหอมชวน

รับประทาน

7. ข้อใดไมใ่ ช่ประเภทงานเอกลกั ษณ์ไทย

1. งานดอกไมส้ ด 2. งานใบตอง

3. งานแกะสลกั 4. ออกแบบเสือ้ ผ้าแฟชนั่

8. การออกแบบงานประดิษฐ์ของใชท้ ี่เป็นเอกลักษณไ์ ทย เพื่อจำหนา่ ยควรยดึ หลักการใดเป็นอันดบั แรก

1. คุณภาพของสิ่งประดิษฐ์ 2. ความตอ้ งการของผู้บรโิ ภค

3. หนา้ ท่ีใช้สอยของสิ่งประดษิ ฐ์ 4. คุณคา่ ทางความงามของสงิ่ ประดษิ ฐ์

9. ขอ้ ใดต่อไปนี้ไม่ไชง่ านประเภทสาน

1. กระติบข้าว 2. กระบุง

3. กระจาด 4. กระทง

10.ข้อใดไม่ใชว่ สั ดุตามธรรมชาติ

1. หวาย ไมไ้ ผ่ 2. ใบเตย ดา้ ย

3. ผกั ตบชวา 4. ก้านและใบของมะพรา้ วอ่อน

68

11. วัสดใุ ดไม่นิยมใช้ในงานสาน

1.ผกั ตบชวา 2.กก

3.กระจดู 4.ใบตอง

12. ”ชงโลง”เป็นงานสานทใี่ ช้ทำสิง่ ใดและของภาคใด

1. เป็นเคร่อื งใชว้ ิดน้ำของภาคใต้ 2. เปน็ ทใ่ี สเ่ ครอื่ งประดับของภาคเหนือ

3.เปน็ ภาชนะบรรจุข้าวเหนยี วของภาคอีสาน 4. เป็นกระเป๋าสานของภาคเหนือ

13. ขอ้ ใดเลือกใชว้ ัสดุในการจักรสานไม่ถกู ตอ้ ง

1. กก นำมาทอเส่ือ 2. หวาย นำมาทำ ตะกรา้ หิ้ว

3. ใบลาน ใช้สานหมวกและงอบ 4. แหย่ง ถาดผลไม้

14. เส่ือปูพ้นื ทำมาจากวสั ดุใด

1. จาก 2. หวาย

3. ผักตบชวา 4. ไผ่

15. งานจักสานเป็นงานท่ีใชว้ ัสดแุ บบใด

1. วัสดุหายากจากต่างประเทศ

2. วัสดจุ ากหนงั สตั ว์

3. วัสดุประเภทโฟม พลาสติก

4. วสั ดุจากธรรมชาติ

16. ข้อใดกล่าวถงึ งานจักสานได้ถูกตอ้ งที่สดุ

1. เป็นงานที่ใช้วัสดจุ ากธรรมชาติราคาแพงและต้องมีรูปรา่ งสวยงาม

2. เปน็ งานใชค้ วามละเอยี ดสูงโดยวัสดุตอ้ งเกิดจากของหายาก

3. เป็นงานทเ่ี กดิ จากวัสดุธรรมชาติโดยไม่จำเปน็ ต้องคำนงึ ถึงความสวยงาม

4. เป็นงานทเี่ กดิ จากวสั ดุที่มีตามธรรมชาตโิ ดยสามารถใชว้ ธิ ี ถัก ทอ สอดหรอื สานใหเ้ กดิ เป็น

ลวดลายสวยงามและนำมาใช้ประโยชน์

17. ข้อใดไมใ่ ชล่ กั ษณะของงานแกะสลัก

1. สลกั รูปลอยตัว 2. สลกั รูปนูน

3. สลกั รูปเงา้ 4. สลักรูปร่อง

18.ความหมายของการเกลาคือ

1. ตกแตง่ วัตถทุ ีข่ รุขระให้เรยี บเกลย้ี ง

2. การทำวัสดุให้เปน็ แผ่นหรอื ช้ินบาง ๆ

3. การทำใหด้ ้านหนงึ่ ของวตั ถุเปน็ สันนูนหรือยื่นขน้ึ มาใหเ้ รยี บสม่ำเสมอ

4. การทำให้วสั ดเุ ป็นร่อง โดยการตะแคงมีด 45 องศา ตัดให้หลุดออกจากนั

19. บุคคลในข้อใดปฏบิ ตั ิตนไมถ่ ูกต้อง

1. จนู แกะสลักด้วยความประณีตและมสี มาธิ

2. จอยรบี แกะสลกั โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภยั

3. จา๋ ต้งั ใจแกะสลกั เพ่ือท่ีจะให้ออกมางดงาม

4. เจแกะสลักไม่เปน็ แต่ตัง้ ใจฟงั ทค่ี รสู อนพร้อมตั้งใจปฏบิ ัติ

20. เราจะใชม้ ีดแกะสลกั โดยใชว้ ิธกี ารดังนย้ี กเว้นข้อใด

1. เกลา และแกะ 2. ควา้ น

3. ปาด 4. หัน่

69

21. งานแกะสลักไม้เนื้ออ่อนต้องใชเ้ ครื่องมือชนิดใด

1. มีดแกะสลัก 2. คัดเตอร์

3. ส่ิวและค้อน 4. สว่าน

22. การแกะสลกั คืออะไร

1. การนำใบตองมาทำเปน็ ภาชนะใสอาหารหรือห่อขนม

2. การทำให้เป็นรูปทรงตา่ งๆลงบนพ้ืนผิววสั ดุ

3. การนำดินเหนยี วมาทำเป็นรูปแบบทีต่ อ้ งการ

4. การใช้วัสดธุ รรมชาตมิ าทอหรอื ถัก ให้เกิดรวดลายทส่ี วยงาม

23.การแกะสลกั เริ่มมมี าต้ังแต่สมยั ใด

1. สมัยสโุ ขทยั 2. สมัยอยุธยา

3. สมัยธนบรุ ี 4. สมยั รตั นโกสนิ ทร์

24.การตดั ใบตองในการทำจานรอง ตอ้ งมคี วามยาวเท่าไร

1. 14 เซนตเิ มตร 2. 15 เซนติเมตร

3. 13 เซนตเิ มตร 3. 10 เซนติเมตร

25. ใบตองกลว้ ยตานีมักนิยมนำมาทำอะไร

1. ทำภาชนะ 2. ห่อขนม

2. พดั สาน 4. เชด็ โตะ๊

26. ใครเลือกใบตองได้ถกู ต้องท่ีสดุ

1. ยายมะดันทำขนมใส่ไสโ้ ดยใช้ใบตองกล้วยตานเี พราะยาวห่อได้เยอะ

2. สมส้มเลือกใบตองท่ีมีลักษณะดา่ ง ไม่มรี อยฉีกมาห่อขนมกลว้ ย

3. ทศวรรษใชใ้ บตองกล้วยนำ้ ว้าหอ่ ข้าวเหนยี วสังขยา

4. กำนันเลือกใช้ใบตองออ่ นทำภาชนะ

27. จานรองใบตองเปน็ ใบตองประเภทใด

1. ประเภทกระทงลอย 2. ประเภทใช้หอ่

3. ประเภทบายศรี 4. ประเภทกระทงดอกไม้

28. ข้อใดเปน็ ไม่ใชค่ ุณค่าของงานใบตอง

1. คุณคา่ ทางวัฒนธรรมและสงั คม 2. คณุ ค่าดา้ นวรรณศลิ ป์

3. คุณคา่ ทางจิตใจ 4. คุณคา่ ทางเศรษฐกิจ

29. ใครเลือกใช้ใบตองเหมาะสมทส่ี ุด

1. นาย ก เมอื่ ตดั ใบตองที่กรอบแล้วนำมาใช้เลย

2. นาย ข นำใบตองออ่ นมาทำจานใบตอง

3. นาย ค เลือกใบตองท่ีไม่รอยฉกี ขาด สเี ขยี วเข้ม มาทำภาชนะ

4. นาย ง นำใบตองท่ีไม่มีรอยฉีก ใบน่ิมเหี่ยวมาจัดบายศรี

30. การเยบ็ กลีบกหุ ลาบควรเย็บแบบใด

1. เย็บตอ่ กันเปน็ วงกลม

2. เย็บต่อกนั เปน็ เส้นตรง

3. เยบ็ ตอ่ กนั โดยจดั เรยี งเสน้ โค้งทะแยง

4. เย็บต่อกันโดยจัดเรยี งเสน้ ทะแยงฟนั ปลา

70

ภาคผนวก ค
แบบวัดความพงึ พอใจ

71

แผนภูมิแสดงความพึงพอใจของนกเรยี นที่มตี อ่ การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้เรอ่ื ง การจดั
กจิ กรรมสรา้ งสรรค์งานสวยดว้ ยเอกลักษณ์ไทยโดยใช้โครงงานเปน็ ฐาน ของนกั เรยี นช้ัน

มธั ยมศึกษาปีท่ี ๔
โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรวี ิทยา พทุ ธมณฑล

72
ด้านกิจกรรมสรา้ งสรรคง์ านสวยดว้ ยเอกลกั ษณ์ไทย

73

74

ภาคผนวก ง
ตวั อยา่ งรูปภาพประกอบการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้

75

การจดั กจิ กรรมสร้างสรรคง์ านสวยด้วยเอกลกั ษณ์ไทย โดยใชโ้ ครงงานเปน็ ฐาน
ของนักเรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๔

76

การจดั กจิ กรรมสร้างสรรคง์ านสวยด้วยเอกลกั ษณ์ไทย โดยใชโ้ ครงงานเปน็ ฐาน
ของนักเรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๔

77

การจดั กจิ กรรมสร้างสรรคง์ านสวยด้วยเอกลกั ษณ์ไทย โดยใชโ้ ครงงานเปน็ ฐาน
ของนักเรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๔

78

การจดั กจิ กรรมสร้างสรรคง์ านสวยด้วยเอกลกั ษณ์ไทย โดยใชโ้ ครงงานเปน็ ฐาน
ของนักเรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๔

79

การจดั กจิ กรรมสร้างสรรคง์ านสวยด้วยเอกลกั ษณ์ไทย โดยใชโ้ ครงงานเปน็ ฐาน
ของนักเรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๔

80

การจดั กจิ กรรมสร้างสรรคง์ านสวยด้วยเอกลกั ษณ์ไทย โดยใชโ้ ครงงานเปน็ ฐาน
ของนักเรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๔

81

การจดั กจิ กรรมสร้างสรรคง์ านสวยด้วยเอกลกั ษณ์ไทย โดยใชโ้ ครงงานเปน็ ฐาน
ของนักเรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๔

82

การจดั กจิ กรรมสร้างสรรคง์ านสวยด้วยเอกลกั ษณ์ไทย โดยใชโ้ ครงงานเปน็ ฐาน
ของนักเรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๔

83

การจดั กจิ กรรมสร้างสรรคง์ านสวยด้วยเอกลกั ษณ์ไทย โดยใชโ้ ครงงานเปน็ ฐาน
ของนักเรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๔

84

การจดั กจิ กรรมสร้างสรรคง์ านสวยด้วยเอกลกั ษณ์ไทย โดยใชโ้ ครงงานเปน็ ฐาน
ของนักเรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๔

85

การจดั กจิ กรรมสร้างสรรคง์ านสวยด้วยเอกลกั ษณไ์ ทย โดยใชโ้ ครงงานเปน็ ฐาน
ของนักเรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๔

86

การจดั กจิ กรรมสร้างสรรคง์ านสวยด้วยเอกลกั ษณ์ไทย โดยใชโ้ ครงงานเปน็ ฐาน
ของนักเรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๔

87


Click to View FlipBook Version