The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เล่ม 6 บทเรียนสำเร็จรูปเรื่อง การอ่านวรรณคดี

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by บุญกว้าง ศรีสุทโธ, 2020-10-19 01:21:05

เล่ม 6 บทเรียนสำเร็จรูปเรื่อง การอ่านวรรณคดี

เล่ม 6 บทเรียนสำเร็จรูปเรื่อง การอ่านวรรณคดี



บทเรียนสำเรจ็ รปู วชิ าภาษาไทย ๓ รหสั วิชา ท๓๒๑๐๑ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๕ โดย : อ.บญุ กว้าง ศรีสุทโธ
เร่อื ง การอา่ นวรรณคดี Email : [email protected]



บทเรียนสำเรจ็ รปู เรอื่ ง การอ่านวรรณคดี
วิชาภาษาไทย ๓ รหสั วชิ า ท๓๒๑๐๑ ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี ๕

สาระสำคญั

การอา่ นวรรณคดี เพ่ือใหไ้ ดร้ บั ความร้แู ละความเพลิดเพลินนนั้ ผู้อา่ นจะต้องอ่านอยา่ ง
พิจารณาไตร่ตรองให้ถ่องแท้ เพ่อื ให้เข้าใจเร่ืองราวและได้อรรถรสของบทประพันธน์ ัน้ โดยพจิ ารณาว่า
วรรณคดเี ร่ืองนัน้ ๆ มคี วามไพเราะงดงามเพียงใด การอ่านในลักษณะน้คี ือการวิจกั ษ์วรรณคดี
นอกจากวจิ ักษ์แล้ว ผอู้ า่ นวรรณคดคี วรนำความรูจ้ ากการวิจักษ์ไปต่อยอด ให้สามารถวิเคราะห์
วจิ ารณ์วรรณคดอี ย่างมคี ุณคา่ ได้

มาตรฐาน/ตัวชีว้ ัด

ท๕.๑ ม.๔ – ๖/๑ วเิ คราะห์และวิจารณว์ รรณคดีและวรรณกรรมตามหลกั การวิจารณ์
เบอ้ื งต้น

ท๕.๑ ม.๔ – ๖/๒ วิเคราะหล์ ักษณะเดน่ ของวรรณคดีเชอ่ื มโยงกับการเรยี นรู้ทาง
ประวตั ศิ าสตรแ์ ละวถิ ีชีวติ ของสงั คมในอดีต

ท๕.๑ ม.๔ – ๖/๓ วเิ คราะห์และประเมนิ คุณคา่ ดา้ นวรรณศิลปข์ องวรรณคดแี ละวรรณกรรม
ในฐานะทเี่ ปน็ มรดกทางวฒั นธรรมของชาติ

ท๕.๑ ม.๔ – ๖/๔ สงั เคราะห์ขอ้ คิดจากวรรณคดีและวรรณกรรมเพ่อื นำไปประยกุ ต์ใช้
ในชีวติ จรงิ

ท๕.๑ ม.๔ – ๖/๖ ท่องจำและบอกคุณคา่ บทอาขยานตามทีก่ ำหนดและบทร้อยกรองที่มี
คณุ คา่ ตามความสนใจและนำไปใชอ้ า้ งองิ

สาระการเรียนรู้แกนกลาง

๑. หลกั การวเิ คราะหแ์ ละวิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมเบื้องต้น
- จดุ ม่งุ หมายการแต่งวรรณคดีและวรรณกรรม
- การพจิ ารณารูปแบบของวรรณคดแี ละวรรณกรรม
- การพจิ ารณาเนื้อหาและกลวิธใี นวรรณคดีและวรรณกรรม
- การวิเคราะห์และการวจิ ารณ์วรรณคดแี ละวรรณกรรม

๒. การวเิ คราะห์ลักษณะเดน่ ของวรรณคดแี ละวรรณกรรมเกย่ี วกับเหตุการณป์ ระวตั ิศาสตร์
และวถิ ีชวี ิตของสังคมในอดตี

บทเรยี นสำเรจ็ รูป วชิ าภาษาไทย ๓ รหสั วชิ า ท๓๒๑๐๑ ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ ๕ โดย : อ.บญุ กวา้ ง ศรีสทุ โธ
เร่อื ง การอ่านวรรณคดี Email : [email protected]



๓. การวิเคราะหแ์ ละประเมนิ คณุ คา่ วรรณคดแี ละวรรณกรรม
- ด้านวรรณศลิ ป์
- ดา้ นสังคมและวฒั นธรรม

๔. การสงั เคราะหว์ รรณคดแี ละวรรณกรรม
๕. บทอาขยานและบทร้อยกรองที่มีคุณค่า

- บทอาขยานตามท่ีกำหนด
- บทร้อยกรองตามความสนใจ

กรอบท่ี ๑

ความสำคัญของวรรณคดี

วรรณคดีเปน็ มรดกที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ สามารถสะทอ้ นภาพชวี ิตความเปน็ อยู่ของคน
สมยั นัน้ ๆ ในเนอื้ เรื่องกวมี ักสอดแทรกแนวคิด คติสอนใจและปรัชญาชีวิตไว้ ทำให้ผู้อ่านเกิดความรู้
ความประทับใจมีความร้สู ึกร่วมไปกับกวี ดงั น้ันวรรณคดีจึงมีคณุ คา่ ทง้ั ในด้านประวัติศาสตร์ สังคม
อารมณ์และคติสอนใจ รวมทั้งมคี ณุ ค่าในด้านวรรณศลิ ป์ดว้ ย

นอกจากวรรณคดีจะเป็นมรดกทางภมู ปิ ญั ญาของคนในชาติแลว้ วรรณคดยี ังเป็นเคร่ืองเชดิ ชู
อารยธรรมของชาติและยังมีคุณค่าเป็นหลกั ฐานทางโบราณคดีได้อีกดว้ ย ทำให้คนในชาตสิ ามารถรับรู้
เรื่องราวในอดีต การอ่านวรรณคดีจึงเปน็ การส่งเสรมิ ใหผ้ ู้อ่านมอี ารมณ์สุนทรยี ์และเข้าใจความจริง
ของโลกมากย่งิ ขน้ึ

วรรณคดเี ปน็ ดงั กระจกเงาสะทอ้ นภาพสังคมและวฒั นธรรม ผอู้ า่ นจึงควรอ่านวรรณคดี
และวรรณกรรมเพื่อศกึ ษาเรยี นรเู้ ร่ืองราว ความเป็นมา ความคดิ และคา่ นิยมของสงั คมแต่ละสมัย
การวจิ กั ษ์และวจิ ารณ์วรรณคดที ำให้นกั เรยี นไดฝ้ ึกคดิ วเิ คราะห์ รู้จกั สงั เกต ได้ความรู้และประสบการณ์
จากวรรณคดี วรรณคดจี งึ มคี วามสำคัญทง้ั ในด้านเนื้อหาท่ใี หข้ อ้ คิดคติเตือนใจและดา้ นสังคมท่ีให้ความรู้
เกย่ี วกบั ขนบธรรมเนียมประเพณแี ละวฒั นธรรม รวมทั้งเป็นบนั ทึกทางประวัตศิ าสตร์ที่สำคญั อีก
ประการหนง่ึ ด้วย

บทเรยี นสำเรจ็ รปู วิชาภาษาไทย ๓ รหัสวชิ า ท๓๒๑๐๑ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๕ โดย : อ.บุญกวา้ ง ศรสี ุทโธ
เร่อื ง การอ่านวรรณคดี Email : [email protected]



คำถามกรอบท่ี ๑

คำแนะนำ : ใหเ้ ลอื กข้อถูกทส่ี ดุ

๑. ข้อใดไมใ่ ช่ประโยชน์ของวรรณคดี ๒. ข้อใดนา่ จะเป็นผลพลอยไดจ้ ากการอา่ น

ก. สะทอ้ นภาพความเปน็ อยขู่ องคนสมัยนัน้ ๆ วรรณคดี

ข. สะท้อนภาพสงั คมและวฒั นธรรมของคน ก. สามารถใช้เปน็ หลักฐานทางโบราณคดี

สมยั นั้นๆ ข. ผู้อา่ นเกิดอารมณส์ นุ ทรีย์
ค. สะทอ้ นคา่ นยิ มของสังคมแตล่ ะสมยั ค. ผูอ้ ่านเข้าใจความจริงของโลกไดม้ ากข้ึน
ง. สะท้อนความเพลดิ เพลินของคนสมยั นัน้ ๆ ง. ผู้อา่ นเกิดความสนุกสนานเพลดิ เพลิน

บทเรยี นสำเรจ็ รปู วิชาภาษาไทย ๓ รหสั วชิ า ท๓๒๑๐๑ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๕ โดย : อ.บุญกว้าง ศรสี ุทโธ
เรอ่ื ง การอ่านวรรณคดี Email : [email protected]



เฉลยคำถามกรอบที่ ๑

ข้อ ๑ ง ขอ้ ๒ ก

เก่งครบั

กรอบท่ี ๒

จุดประสงค์ในการอ่านวรรณคดี

การอ่านวรรณคดีนน้ั มจี ุดประสงคเ์ พ่ือความรูแ้ ละความบันเทิง โดยการอา่ นเพอ่ื ให้ได้ซาบซ้ึง
ถงึ ความไพเราะของภาษาหรือทราบแนวคิดของกวี การอ่านวรรณคดีเพ่ือให้ได้รบั ประโยชนส์ งู สดุ
มแี นวในการอา่ นดงั น้ี

๑. ไม่อา่ นวรรณคดเี พอ่ื ความเพลดิ เพลินเพียงอยา่ งเดยี ว ผู้อ่านจะต้องอ่านอย่างพนิ จิ
พิเคราะห์เพ่ือให้ทราบแนวคิดของผู้แต่งและเหตุการณ์ต่างๆ ในเร่ืองได้

๒. ควรวิจักษ์เร่อื งท่อี า่ นดว้ ย เมือ่ อ่านวรรณคดีจบ ผูอ้ ่านจะต้องสามารถแสดงความคิดเห็น
วิจารณ์หรือประเมนิ คา่ วรรณคดเี ร่อื งน้นั ได้

๓. เลอื กอ่านวรรณคดีทม่ี ีคุณคา่ โดยเลอื กวรรณคดีที่ได้รบั การยกย่อง เพราะวรรณคดเี ร่อื ง
นัน้ ไดร้ บั การคดั เลือกและกลั่นกรองมาแล้ว วรรณคดเี รอ่ื งนัน้ จะมคี วามเป็นอมตะ เน้ือเรอื่ งมีข้อคิด
ท่ีสามารถนำไปปรบั ใชใ้ นชีวิตประจำวันได้และมคี วามไพเราะงดงามทางภาษา ถงึ แมจ้ ะผ่านกาลเวลามา
นานแล้วก็ตาม

คำถามกรอบท่ี ๒

คำแนะนำ : ให้เลือกข้อถูกที่สดุ

๑. เพราะไม่ใช่เหตุทคี่ วรเลอื กอ่านวรรณคดีที่ไดร้ บั ๒. การวิจกั ษ์วรรณคดี ตรงกับขอ้ ใดมากทส่ี ุด

การยกย่องและคัดเลือกมาแล้ว ก. วิจารณ์ หรือประเมินคา่ วรรณคดีได้

ก. วรรณคดีนั้นได้รบั การคัดเลือกมาแลว้ ข. แสดงความคดิ เหน็ วิจารณ์
ข. วรรณคดีนั้นเปน็ อมตะแล้ว หรอื ประเมนิ คา่ วรรณคดไี ด้
ค. วรรณคดนี ั้นทันสมยั เสมอ
ค. วิจารณ์วรรณคดีได้

ง. วรรณคดนี น้ั เป็นมรดกทางวัฒนธรรม ง. ประเมนิ ค่าวรรณคดีได้

บทเรยี นสำเร็จรปู วิชาภาษาไทย ๓ รหสั วชิ า ท๓๒๑๐๑ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๕ โดย : อ.บญุ กวา้ ง ศรีสทุ โธ
เรื่อง การอ่านวรรณคดี Email : [email protected]



เฉลยคำถามกรอบท่ี ๒ ถูกตอ้ ง เก่งมาก

ข้อ ๑ ค ข้อ ๒ ข

เนอ้ื หากรอบที่ ๓

การวจิ ักษว์ รรณคดี

คำว่า “วรรณคด”ี หมายถึง หนังสอื ท่ไี ด้รบั การยกย่องว่าแต่งดี มีคุณค่า ซง่ึ คำวา่
“วรรณคดี” ไดป้ รากฏในพระราชกฤษฎีกาการตง้ั วรรณคดสี โมสร พ.ศ. ๒๔๕๗ ซ่งึ ตรงกับรชั สมัย
พระบาสมเด็จพระมงกฎุ เกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลท่ี ๖ )

ทั้งนห้ี นงั สือท่ีจัดวา่ เป็นวรรณคดี ได้แก่ กวนี พิ นธ์ ละครไทย นิทาน บทละครพดู
และพงศาวดาร

การวิจักษณ์ หมายถึง ท่ีรแู้ จ้ง ที่เหน็ แจ้ง ฉลาด มสี ติปัญญา เชี่ยวชาญ เข้าใจแจม่ แจง้
และประจักษใ์ นคณุ คา่

การวิจกั ษ์วรรณคดี หมายถงึ การพิจารณาคณุ คา่ ของหนังสือนนั้ ๆ ว่าแต่งดีอย่างไร
ใชถ้ ้อยคำไพเราะลึกซ้ึงกินใจหรอื มคี วามงดงามทางภาษาอย่างไร

คำถามกรอบท่ี ๓

คำแนะนำ : ใหเ้ ลอื กขอ้ ถูกท่ีสุด

๑. ข้อใดเปน็ ความหมายของวรรณคดี ๒. ขอ้ ใดเป็นความหมายของการวิจกั ษณ์วรรณคดี

ก. หนังสือท่ไี ด้รับการยกย่องวา่ แต่งดี ก. การพจิ ารณาวรรณคดีวา่ แต่งดมี ี

มคี ณุ คา่ ความงามทางภาษาอยา่ งไร

ข. หนงั สอื ทไี่ ดร้ ับการยกยอ่ งวา่ มีคุณคา่ ข. การพจิ ารณาวรรณคดีว่าแต่งดี

ค. หนังสือที่ผ่านกาลเวลามานานแล้ว มีการใชถ้ ้อยคำไพเราะลึกซ้ึงกินใจ

ง. หนังสือทไ่ี ดร้ ับการยกยอ่ งว่ามีคนอ่านมาก หรือมคี วามงามทางภาษาอยา่ งไร

ค. การพิจารณาวรรณคดีว่ามีการใชถ้ ้อยคำ

ไพเราะลึกซ้ึงกนิ ใจอย่างไร

ง. การพิจารณาวรรณคดีวา่ มีความงาม

ทางภาษาอย่างไร

บทเรยี นสำเรจ็ รปู วิชาภาษาไทย ๓ รหสั วชิ า ท๓๒๑๐๑ ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ ๕ โดย : อ.บญุ กวา้ ง ศรีสุทโธ
เรอื่ ง การอ่านวรรณคดี Email : [email protected]



เฉลยคำถามกรอบที่ ๓

ข้อ ๑ ก ข้อ ๒ ข

ถกู ตอ้ ง เกง่ มาก

เนือ้ หากรอบท่ี ๔

หลกั การวจิ ักษว์ รรณคดี

๑. อา่ นอย่างพนิ จิ พจิ ารณา คือ การอา่ นโดยใชก้ ารวเิ คราะห์ อ่านตั้งแต่ชอื่ เร่ือง ผูแ้ ต่ง
คำนำ คำนิยม สารบญั ไปจนถึงเนอ้ื หาและบรรณานุกรม รวมถึงประวตั ิของผเู้ ขียนซึ่งจะทำให้เข้าใจ
เน้อื หา มูลเหตขุ องการแต่ง แรงบนั ดาลในฝนการแต่งและสิ่งทีแ่ ฝงเน้นภายในหนังสอื

๒. ค้นหาความหมายพ้นื ฐาน ความหมายพน้ื ฐานคือความหมายตามตวั อักษร ผู้อ่าน
สามารถคน้ หาได้จากข้อความทผี่ แู้ ตง่ ได้แฝงเร้นเอาไว้โดยแลกเปลีย่ นกบั ผูร้ ู้หรอื ผทู้ ี่อ่านวรรณคดี
เร่อื งเดียวกนั แล้วจัดลำดับใจความสำคญั ของเรื่องวา่ ใคร ทำอะไร ทีไ่ หน ผลเปน็ อย่างไร

๓. รบั รอู้ ารมณข์ องบทประพันธ์ คอื การพยายามรบั รู้อารมณ์ความรูส้ กึ ของผเู้ ขียนที่
สอดแทรกลงไปในบทประพันธน์ ั้น ถา้ ผอู้ ่านรับรอู้ ารมณ์ความรู้สึกตามเจตนาของผ้สู ่งสาร เมอ่ื อ่าน
ออกเสยี งหรืออ่านทำนองเสนาะจะทำให้บทประพนั ธ์น้ันมคี วามไพเราะมากข้นึ

คำถามกรอบท่ี ๔

คำแนะนำ : ให้เลือกขอ้ ถกู ท่ีสุด
กำหนดให้
ก. อา่ นอย่างพนิ ิจพิจารณา
ข. คน้ หาความหมายพน้ื ฐาน
ค. รบั รูอ้ ารมณ์ของบทประพันธ์

ขอ้ ต่อไปนีเ้ ป็นหลักการวจิ กั ษ์วรรณคดีตามข้อใด
ข้อ ๑ ความรูส้ ึกและเจตนาของผสู้ ่งสาร
ข้อ ๒ ลำดบั ใจความสำคัญของเร่ือง
ขอ้ ๓ การศึกษาประวตั ผิ ้เู ขยี น
ขอ้ ๔ ศึกษาทมี่ าของเรอื่ ง

บทเรยี นสำเรจ็ รปู วิชาภาษาไทย ๓ รหสั วชิ า ท๓๒๑๐๑ ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๕ โดย : อ.บุญกว้าง ศรีสทุ โธ
เรือ่ ง การอา่ นวรรณคดี Email : [email protected]



เฉลยคำถามกรอบที่ ๔ ข้อ ๓ ก ข้อ ๔ ก

ขอ้ ๑ ค ข้อ ๒ ข

ถกู ตอ้ ง เก่งมาก

เน้อื หากรอบท่ี ๕

หลกั การวิจักษ์วรรณคดี (ตอ่ )

๔. การค้นหาความหมายของบทประพนั ธ์ มีหลักการดงั นี้
๔.๑ คน้ หาความหมายตามตัวหนงั สือ คือ คำใดท่ไี มเ่ ข้าใจความหมายให้ค้นหา

ในคำอธิบายศัพท์ พจนานุกรมหรอื อภธิ านศัพท์ เชน่

ผจญคนมักโกรธดว้ ย ไมตรี
ผจญหมู่ทรชนดี ตอ่ ต้งั
ผจญคนจิตโลภมี ทรัพย์เผ่ือ แผ่นา
ผจญอสตั ย์ให้ยง้ั หยุดด้วยสัตยา
(ทีม่ า : โคลงโลกนติ )ิ

คำศัพท์ที่นักเรียนอาจตอ้ งค้นหาคอื ผจญ = พยายามต่อสู้ พยายามเอาชนะ,
มัก = ชอบ, ทรชน = คนชัว่

บทประพันธน์ ้ี ถอดความได้ว่า พยายามเอาชนะผทู้ ่ีมีอารมณ์โกรธดว้ ยการผกู ไมตรี เอาชนะ
ความชวั่ ดว้ ยการทำความดีตอบ เอาชนะคนท่ีมีจิตเหน็ แก่ตัวดว้ ยการเผื่อแผ่ทรัพย์ให้และเอาชนะ
ความไม่ซอ่ื สตั ยด์ ว้ ยความซอ่ื สตั ยเ์ สมอ

คำถามกรอบท่ี ๕ ข้อต่อไปน้ีมคี วามหมายตามตัวหนงั สือว่าอย่างไร
ข้อ ๑ ทรชน
คำแนะนำ : ใหเ้ ลอื กข้อถูกที่สดุ ขอ้ ๒ ผจญ
กำหนดให้ ขอ้ ๓ มัก
ก. พยายามเอาชนะ ขอ้ ๔ สัตยา
ข. ชอบ
ค. คนชวั่
ง. ความซื่อสตั ย์

บทเรียนสำเรจ็ รปู วิชาภาษาไทย ๓ รหัสวชิ า ท๓๒๑๐๑ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๕ โดย : อ.บญุ กว้าง ศรสี ุทโธ
เร่อื ง การอา่ นวรรณคดี Email : [email protected]



เฉลยคำถามกรอบท่ี ๕ ขอ้ ๓ ข ขอ้ ๔ ง ถกู ตอ้ ง เกง่ มาก

ขอ้ ๑ ค ข้อ ๒ ก

เน้อื หากรอบที่ ๖

หลักการวจิ กั ษว์ รรณคดี (ต่อ)

๔.๒ คน้ หาความหมายแฝง ความหมายแฝงคือ ความหมายทตี่ อ้ งตีความซ่ึงผูแ้ ต่งใช้
สญั ลกั ษณเ์ พือ่ เสนอสารอันเป็นความหลักของผู้แตง่ เช่น

ภพน้มี ใิ ชห่ ลา้ หงส์ทอง เดยี วเอย
กาก็เจา้ ของครอง รว่ มด้วย
เมาสมมุตจิ องหอง หีนชาติ
แลว้ นำ้ มติ รโลกม้วย หมดสน้ิ สขุ ศานต์
(องั คาร กลั ยาณพงศ์)

ความหมายแฝงของโคลงบทนี้ต้องการเสนอว่าโลกนี้มิใช่แต่เป็นเพยี งที่อยขู่ องคนชั้นสงู เท่านัน้
โดยใช่ “หงส”์ เปน็ สัญลกั ษณ์แทนชนชั้นสงู ส่วน “กา” แทนคนชนั้ ลา่ งซง่ึ ก็ร่วมอาศัยอยู่บนโลกด้วย
เชน่ กนั ดังนัน้ ถา้ ยึดตดิ แบ่งชนช้นั โดยไมม่ นี ้ำใจเอื้ออาทรต่อกันแล้วโลกก็จะขาดสันติสุข

๔.๓ ค้นหาข้อคดิ ทเี่ ปน็ ประโยชน์ในตัวบทวรรณคดี กล่าวคอื การค้นหาความรู้สึกของผแู้ ตง่
ซงึ่ ไม่จำเปน็ ต้องตรงกับความรู้สกึ ของผู้อา่ น แตผ่ ู้อ่านรู้สึกอย่างนัน้ เพราะมีเหตุผลอย่างไรและมคี ำใดที่
บง่ ชี้ให้ผู้อ่านคดิ อยา่ งนนั้ เช่น เรอ่ื งขุนช้างขนุ แผน เปน็ เรื่องความรักความหลงของชายสองหญิงหนึ่ง
และชีวิตที่วุ่นวายเพราะความเหน็ แกต่ ัว ชวี ติ ที่มากชู้หลายคคู่ รองยอ่ มไม่มคี วามสงบสุข เปน็ ตน้

คำถามกรอบท่ี ๖

คำแนะนำ : ให้เติมคำลงในช่องวา่ งให้ได้ใจความ

ขอ้ ๑ ความหมายแฝง คอื .........................................................................................................
.............................................................................

บทเรียนสำเร็จรูป วชิ าภาษาไทย ๓ รหสั วิชา ท๓๒๑๐๑ ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ ๕ โดย : อ.บญุ กว้าง ศรีสทุ โธ
เร่อื ง การอ่านวรรณคดี Email : [email protected]

๑๐

เฉลยถามกรอบที่ ๖

คำแนะนำ : ให้เติมคำลงในชอ่ งวา่ งให้ได้ใจความ
ข้อ ๑ ความหมายแฝง คอื ...ค..ว..า..ม..ห...ม...า..ย..ท...ีต่ ..้อ..ง..ต...ีค..ว..า..ม...ซ..ึง่..ผ..ู้แ...ต..่ง..ใ.ช...้ส..ญั...ล...กั ..ษ...ณ...์..............................

......เ.พ...ื่อ..เ.ส...น..อ...ส..า..ร..อ...ัน..เ.ป...น็...ค..ว..า..ม...ห..ล...ัก..ข..อ...ง..ผ..้แู..ต...ง่ ........

ถูกต้อง เกง่ มาก

เนื้อหากรอบท่ี ๗

หลกั การวิจักษว์ รรณคดี (ต่อ)

๕. พจิ ารณาว่าผแู้ ต่งใช้กลวิธใี ดในการแต่งคำประพนั ธ์ สามารถค้นหาจากการสร้างสรรค์
ของกวดี งั น้ี

๕.๑ การใชบ้ รรยายโวหาร คอื การใชค้ ำอธบิ ายเรอื่ งราวรายละเอียดใหเ้ ขา้ ใจตามลำดับ
เหตกุ ารณ์ เช่น

ดว้ ยข้าพระพุทธเจ้ากลบั มาเวลาค่ำทั้งน้ีเพราะเปน็ กลีข้ึนในไพรวนั พฤกษาทุกส่งิ สารพัน
กแ็ ปรปรวนทุกประการ ทั้งพนื้ ป่าหมิ พานตก์ ผ็ ักผันหวั่นไหวอยูว่ ิเวยี งเปล่ยี นเปน็ พยบั มืดไมเ่ หน็ คน
ข้าพระบาทนี่ร้อนรนไมห่ ยุดหย่อนแตส่ ักอย่าง แตเ่ ดนิ มาก็เกดิ ประหลาดลางข้ึนในกลางพนาลี
พบพระยาราชสหี ส์ องเสือทั้งสามตัวสกดั หนา้ ไม่มาได้ ตอ่ สิ้นแสดงอโณทัยจึงได้คลาเคลื่อน
ใชจ่ ะเป็นเหมือนพระองค์ดำรินั้นก็หามิได้ พระพทุ ธเจา้ ขา้

ท่ีมา : มหาเวสสนั ดรชาดก

๕.๒ การใชพ้ รรณนาโวหาร คือ การอธบิ ายความหมายโดยสอดแทรกอารมณค์ วามรูส้ ึก
หรอื ให้รายละเอียดอยา่ งลึกซ้ึงของผู้แต่งลงไปในเรอ่ื งนน้ั ๆ ทำให้เกดิ อารมณส์ ะเทือนใจคลอ้ ยตามไปกับ
บทประพันธ์ เช่น

บัดมงคลพ่าห์ไท้ ทวารตั ิ
แวง้ เหว่ียงเบยี่ งเศยี รสะบัด ตกใต้
อกุ คลุกพลุกเงยงัด คอคช เศิกแฮ
เบนบา่ ยหงายแหงนให้ ท่วงท้อที่ถอย
ทีม่ า : ลลิ ติ ตะเลงพ่าย

บทเรยี นสำเร็จรูป วิชาภาษาไทย ๓ รหัสวิชา ท๓๒๑๐๑ ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๕ โดย : อ.บุญกว้าง ศรสี ุทโธ
เรอ่ื ง การอ่านวรรณคดี Email : [email protected]

๑๑

๕.๓ การใชเ้ ทศนาโวหาร คอื การกลา่ วสง่ั สอนอยา่ งมีเหตผุ ลประกอบ เชน่

ถ้าทำก็จะดเี ป็นศรีศักด์ิ ถ้าทำชว่ั ชัว่ จกั ตามสนอง
ความชั่วเล่าลล้ี ับอยา่ กลับตรอง นอนแลว้ มองดูผดิ ในกิจการ

ทมี่ า : สภุ าษิตพระรว่ ง

๕.๔ การใชส้ าธกโวหาร คือ การยกตวั อยา่ งหรอื เรื่องราวมาประกอบเพ่ือเพ่ิม
รายละเอียดหรือสง่ ทน่ี ่ารู้น่าสนใจลงไปในข้อความทำให้เขา้ ใจชัดเจนย่งิ ขนึ้ เชน่

พระตรีโลกนาถแผว้ เผดจ็ มาร
เฉกพระราชสมภาร พีน่ อ้ ง
เสด็จไร้พริ ิยะราญ อรินาศ ลงนา
เสนอพระยศยินกอ้ ง เกยี รตทิ า้ วทุกพาย
ท่มี า : ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย

๕.๕ การใชอ้ ุปมาโวหาร คือ โวหารทีก่ ล่าวเปรียบเทยี บ มกั ใชค้ ู่กับอุปไมย อุปมาเปน็
ส่ิงทีย่ กข้อความมาเปรยี บ ส่วน อุปไมย คือ ข้อความท่เี ปรียบกับสง่ิ อื่นให้เข้าใจแจ่มแจง้ เช่น

หนังสอื เหมอื นเพ่ือนชีวติ เขม็ ทศิ โลก ให้สุขโศกใหป้ ญั ญาใหห้ น้าท่ี

จำ คิด รู้ ประทปี ส่องตรองช่ัวดี สมศกั ดิ์ศรีคุณค่า พัฒนาคน

ที่มา : หนังสือจนั ทร์แสง พ.ศ.๒๕๓๑

หนงั สือเปน็ อุปไมย เพ่ือนเป็นอปุ มา
๖. พิจารณาความงามและความไพเราะของภาษา คือ พิจารณาการเลือกใชค้ ำ การสรรคำ
และการจดั วางคำทเ่ี ลือกสรรแล้วใหต้ อ่ เนือ่ งไพเราะเหมาะสมไดจ้ งั หวะถูกต้องตามโครงสร้างภาษา
กอ่ ใหเ้ กิดความรูส้ ึก อารมณ์และเหน็ ภาพพจน์

บทเรยี นสำเรจ็ รปู วิชาภาษาไทย ๓ รหัสวชิ า ท๓๒๑๐๑ ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๕ โดย : อ.บุญกวา้ ง ศรีสุทโธ
เรือ่ ง การอ่านวรรณคดี Email : [email protected]

๑๒

คำถามกรอบท่ี ๗

คำแนะนำ : ให้เลือกขอ้ ถูกที่สดุ

กำหนดให้
ก. บรรยายโวหาร ข. พรรณนาโวหาร ค. เทศนาโวหาร ง. สาธกโวหาร จ. อปุ มาโวหาร

ข้อต่อไปนเี้ ปน็ การให้ความหมายของโวหารแบบใด
ข้อ ๑ การยกตวั อย่างหรือเร่ืองราวมาประกอบเพ่ือเพิ่มรายละเอยี ดหรือสิ่งท่นี ่ารู้น่าสนใจ

ลงไปในข้อความทำใหเ้ ขา้ ใจชัดเจนยิง่ ขึ้น
ข้อ ๒ การกลา่ วสง่ั สอนอยา่ งมเี หตผุ ลประกอบ
ข้อ ๓ โวหารทีก่ ลา่ วเปรยี บเทยี บมักใช้ค่กู บั อปุ ไมย อุปมาเปน็ สิ่งทยี่ กข้อความมาเปรียบ

สว่ น อุปไมย คอื ขอ้ ความท่เี ปรียบกับสิ่งอ่นื ให้เขา้ ใจแจ่มแจ้ง
ขอ้ ๔ การอธิบายความหมายโดยสอดแทรกอารมณค์ วามรสู้ ึกหรือให้รายละเอียดอย่างลึกซึ้ง

ของผูแ้ ต่งลงไปในเร่ืองนั้นๆ ทำใหเ้ กดิ อารมณ์สะเทอื นใจคลอ้ ยตามไปกบั บทประพันธ์
ข้อ ๕ คือการใช้คำอธิบายเร่ืองราวรายละเอียดใหเ้ ข้าใจตามลำดบั เหตกุ ารณ์

บทเรยี นสำเรจ็ รูป วชิ าภาษาไทย ๓ รหสั วชิ า ท๓๒๑๐๑ ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ ๕ โดย : อ.บญุ กวา้ ง ศรีสทุ โธ
เรือ่ ง การอ่านวรรณคดี Email : [email protected]

๑๓

เฉลยคำถามกรอบที่ ๗ ข้อ ๓ จ ข้อ ๔ ข ขอ้ ๕ ก

ขอ้ ๑ ง ขอ้ ๒ ค ถูกอกี ...เก่งมาก

เน้อื หากรอบท่ี ๘

การพจิ ารณาคุณค่าบทประพนั ธ์

การพิจารณาคุณค่าบทประพันธ์ โดยทวั่ ไปแบ่งการพิจารณาเป็น ๓ ด้านดังน้ี
๑. คุณค่าดา้ นเนื้อหา

การพิจารณาคุณคา่ ด้านเนื้อหา มีแนวทางในการพจิ ารณาดังต่อไปน้ี
๑.๑ รูปแบบ พจิ ารณาว่างานประพนั ธน์ ้นั ใชค้ ำประพนั ธ์ชนิดใด ลกั ษณะการแตง่ ถูกต้อง
ตามลกั ษณะฉนั ทลกั ษณ์บงั คับของคำประพนั ธ์นัน้ ๆ หรอื ไม่ ผูแ้ ต่งเลอื กใช้คำประพันธไ์ ด้เหมาะสมกับ
เนื้อหาหรือไม่
๑.๒ องค์ประกอบของเรื่อง มีแนวในการพิจารณาดงั น้ี

๑.๒.๑ สาระ พจิ ารณาสาระท่ผี ู้แต่งต้องการสื่อมายังผู้อ่านวา่ เปน็ เรื่องอะไร เชน่
ต้องการใหค้ วามรู้ให้ข้อเทจ็ จริงหรอื แสดงความรูส้ ึกนกึ คดิ ออกมา ควรจบั สาระสำคัญหรือแก่นของเรื่อง
ให้ได้ว่าผู้แต่งต้องการส่ืออะไร สาระสำคญั หรอื แก่นของเรื่องมีลกั ษณะแปลกใหม่และน่าสนใจอย่างไร

๑.๒.๒ โครงเรอ่ื ง พิจารณาว่าผแู้ ตง่ มวี ธิ ีการวางโครงเรื่องอยา่ งไร
เหมาะสมหรือไม่ การลำดับความเป็นไปตามลำดบั ขั้นตอนหรอื มวี ธิ ีการวางลำดบั เรอ่ื งน่าสนใจอย่างไร

๑.๒.๓ ตวั ละคร พจิ ารณาวา่ ตัวละครในเรื่องมลี กั ษณะนิสัย บุคลิกภาพ
และบทบาทในเร่ืองอย่างไร พฤติกรรมทีแ่ สดงออกดีหรือไม่ดี เหมอื นกับชีวติ จรงิ มากน้อยเพยี งไร

๑.๒.๔ ฉากและบรรยากาศ พจิ ารณาวา่ ผแู้ ต่งพรรณนาหรือบรรยายฉาก
และบรรยากาศได้เหมาะสม ถูกต้อง ชดั เจน เห็นภาพพจน์และสอดคล้องกบั เร่อื งไดด้ เี พียงใด

๑.๒.๕ กลวิธีในการแตง่ พจิ ารณาวิธีในการเลือกใชถ้ ้อยคำและการนำเสนอวา่
ผูแ้ ตง่ นำเสนออยา่ งไร เชน่ เสนออยา่ งตรงไปตรงมา เสนอโดยตีความจากสญั ลักษณห์ รือความเปรียบ
นำเสนอโดยการสรา้ งภาพพจน์ให้เหนอื ความเป็นจรงิ เพื่อดึงดดู ความสนใจ เปน็ ตน้ ควรพิจารณาว่า
วิธกี ารต่างๆ เหล่านน้ั ชวนให้น่าสนใจน่าตดิ ตามหรือน่าประทับใจอย่างไร

บทเรยี นสำเร็จรูป วิชาภาษาไทย ๓ รหัสวิชา ท๓๒๑๐๑ ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๕ โดย : อ.บุญกวา้ ง ศรีสุทโธ
เรอ่ื ง การอา่ นวรรณคดี Email : [email protected]

๑๔

คำถามกรอบท่ี ๘

คำแนะนำ : ใหเ้ ลือกข้อถกู ที่สุด
ข้อ ๑ ข้อใดเปน็ การการพจิ ารณาคณุ คา่ ด้านเน้ือหาเกยี่ วกับรูปแบบคำประพนั ธ์
ก.พจิ ารณาสาระท่ีผู้แตง่ ต้องการสอื่ มายงั ผอู้ ่าน
ข.พจิ ารณาว่าผ้แู ตง่ พรรณนาหรือบรรยายฉากและบรรยากาศไดเ้ หมาะสม
ค.พจิ ารณาวา่ งานประพันธ์นั้นใช้คำประพันธช์ นดิ ใด
ง. พจิ ารณาวธิ ีในการเลือกใชถ้ ้อยคำและการนำเสนอ
กำหนดให้
ก.โครงเร่อื ง
ข.ตวั ละคร
ค. ฉากและบรรยากาศ
ง. กลวิธีในการแตง่
จ. สาระสำคัญ
ข้อต่อไปนี้เป็นการพจิ ารณาองคป์ ระกอบของเร่ืองด้านใด
ขอ้ ๒ พจิ ารณาที่ความคดิ ผูแ้ ต่งตอ้ งการส่อื มายงั ผู้อ่านว่าเป็นเร่ืองอะไร
ข้อ ๓ พิจารณาวธิ ีในการเลอื กใชถ้ อ้ ยคำและการนำเสนอ
ขอ้ ๔ พิจารณาบคุ ลกิ ภาพและบทบาทในเร่ืองอยา่ งไร
ข้อ ๕ พจิ ารณาว่าผูแ้ ต่งมี การลำดบั ความเปน็ ไปตามลำดับขัน้ ตอนอย่างไร

บทเรยี นสำเรจ็ รปู วชิ าภาษาไทย ๓ รหัสวิชา ท๓๒๑๐๑ ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ ๕ โดย : อ.บุญกว้าง ศรสี ทุ โธ
เรอ่ื ง การอา่ นวรรณคดี Email : [email protected]

๑๕

เฉลยคำถามกรอบที่ ๘

ขอ้ ๑ ค ข้อ ๒ จ ข้อ ๓ ง ข้อ ๔ ข ขอ้ ๕ ก

ถูกอกี ...เกง่ มาก

เนือ้ หากรอบท่ี ๙

การพิจารณาคุณคา่ บทประพนั ธ์ (ตอ่ )

๒. คณุ ค่าดา้ นวรรณศลิ ป์ โดยทว่ั ไปแบง่ การพจิ ารณาเป็น ๒ ดา้ น ดงั นี้
๒.๑ การสรรคำ คอื การเลือกใช้คำใหส้ ่ือความคิดความเข้าใจ ความรสู้ ึกหรืออารมณ์ได้

อยา่ งงดงาม
๒.๑.๑ การเลอื กใชค้ ำใหเ้ หมาะสมกับประเภทของคำประพนั ธ์ การพจิ ารณาคณุ ค่า

ด้านวรรณศลิ ปต์ ้องพจิ ารณาตั้งแตก่ ารเลือกใช้ชนดิ ของคำประพนั ธว์ ่า ผูแ้ ต่งเลือกชนิดคำประพันธ์ได้
เหมาะสมกบั ประเภทของงานเขยี นหรอื ไม่ โดยเฉพาะในบทร้อยกรองผูแ้ ต่งจะต้องเลอื กรปู แบบคำ
ประพันธ์ให้เหมาะสมและต้องรู้จักเลอื กใช้คำ เรยี บเรียงถ้อยคำให้ไพเราะสละสลวยเหมาะสมกับ
ประเภทของคำประพันธ์ดังน้ี

๑) โคลง นิยมใช้คำทม่ี ีนำ้ หนัก คำโบราณ ใช้พรรณนาเร่อื งราวท่ศี ักด์ิสทิ ธิ์ สงู สง่
เช่น บทไหว้ครู บทเทดิ พระเกียรติ เปน็ ตน้ ดังตัวอยา่ ง

ไพรนิ ทรนาศเพยี ง พลมาร
พระด่งั องค์อวตาร แต่ก้ี
แสนเศิกห่อนหาญราญ ขอฤทธ์ิ พระฤา
ดาลตระดกเดชลี้ ประลาตหล้าแหลง่ สถาน

(ท่มี า : ลิลติ ตะเลงพา่ ย)

บทประพนั ธน์ ้ีไดเ้ ลอื กสรรคำทม่ี ศี ักดิ์สงู เปน็ บทเทิดพระเกียรติ

บทเรยี นสำเรจ็ รูป วชิ าภาษาไทย ๓ รหสั วชิ า ท๓๒๑๐๑ ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ ๕ โดย : อ.บุญกว้าง ศรีสุทโธ
เรอ่ื ง การอ่านวรรณคดี Email : [email protected]

๑๖

๒) ฉนั ท์ นยิ มใช้คำภาษาบาลีหรือภาษาสนั สกฤต เป็นคำประพันธท์ ี่มแี บบแผน
เช่น บทละครพคู ำฉันทเ์ ร่ือง มทั นะพาธา บางตอนตอ้ งการเน้นอารมณ์ท่ีมีความอ่อนหวานจะใช้
วสันตดิลกฉันท์ ๑๔ หรอื บางตอนต้องการความสบั สน ความคกึ คะนอง ความเกรี้ยวกราด น่ากลัว
จะใช้ จติ รปทาฉันท์ ๘ ดงั ตัวอย่าง

ฟงั ถ้อยคำดำรัสมะธรุ ะวอน ดนุนี้ผิเอออวย
จักเปน็ มสุ าวะจะนะด้วย บมติ รกะความจริง
วันชายประกาศวะระประทาน ประดิพัทธะแด่หญิง
หญิงควรจะเปรมกะละมะยง่ิ ผิวะจติ ตะตอบรัก

(ที่มา : มทั นะพาธา)

บทประพันธน์ ้ีต้องการเน้นอารมณ์ที่ออ่ นหวาน ผู้แตง่ ใช้วสันตดิลกฉัน ๑๔ ในการถา่ ยทอด
ความรูส้ ึก

๓) กาพย์ นยิ มใช้คำธรรมดา คำท่เี รยี บง่าย ใช้พรรณนาเหตกุ ารณห์ รืออารมณ์
สะเทอื นใจ ดงั ตวั อยา่ ง

จำปาหนาแน่นเนือ่ ง คลก่ี ลบี เหลอื งเรืองอร่าม
คดิ คะนงึ ถึงนงราม ผวิ เหลอื งกว่าจำปาทอง

(ทม่ี า : กาพยเ์ หเ่ รือ)

บทประพันธ์นผ้ี ู้แต่งเลอื กใช้คำท่เี ขา้ ใจง่าย ส่อื ความหมายไดช้ ัดเจน

๔) กลอน นยิ มใชค้ ำธรรมดา คำที่เรยี บงา่ ย เป็นคำประพนั ธ์ทน่ี ยิ มนำไปขับร้อง
ในการละเลน่ ตา่ งๆ เช่น บทสกั วา บทละคร บทเสภา เปน็ ตน้ ดังตัวอย่าง

โอ้เจา้ แกว้ แววตาของพ่ีเอ๋ย เจา้ หลบั ใหลกระไรเลยเปน็ หนกั หนา
ดง่ั นิม่ น้องหมองใจไมน่ ำพา ฤาขัดเคอื งคิดว่าพ่ีทอดทงิ้

(ท่ีมา : เสภาเรอื่ งขุนชา้ งขนุ แผน)

บทเรียนสำเรจ็ รปู วชิ าภาษาไทย ๓ รหัสวิชา ท๓๒๑๐๑ ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี ๕ โดย : อ.บญุ กวา้ ง ศรีสุทโธ
เรอ่ื ง การอา่ นวรรณคดี Email : [email protected]

๑๗

๕) ร่าย นิยมใช้คำโบราณและนยิ มแต่งรวมกับโคลง ไมน่ ิยมแตง่ เป็นรา่ ยท้ังเรื่อง
นอกจากเรื่อง รา่ ยยาวมหาเวสสันดรกลอนเทศน์เทา่ น้ันท่ีแตง่ ดว้ ยรา่ ยทงั้ เรอื่ ง

สองขัตตยิ ายรุ ยาตร ยังเกยราชหอทพั ขนุ คชขบั ช้างเทียบ ทวยหาญ
เพยี บแผน่ ภู ดมู หมิ าดาดาษ สระพราศพรอ้ มโดยขบวน องค์อดศิ วรสองกษัตริย์
คอยนฤขัตรพชิ ัย บดั เดยี๋ วไททฤษฎี พระศรีสารรี ิกบรมธาตุ ไขโอภาสโศภิต
ชว่ งชวลติ พา่ งผล สม้ เกลี้ยงกลกกุ ่อง ฟ่องฟา้ ฝา่ ยทกั ษิณ ผินแวดวงตรงทพั
นับคำรบสามครา เปน็ ทักษิณาวรรตเวียน วา่ ยฉวัดเฉวียนอมั พร ผา่ นไปอุดร
โดยด้าว พลางบพิตรโทท้าว ท่านตงั้ สดดุ ี อย่นู า

ฯลฯ
(ทีม่ า : ลิลติ ตะเลงพ่าย)

บทประพันธ์นี้ผู้แตง่ เลอื กใช้คำโบราณท่ีเหมาะสมและถูกหลกั การประพันธ์ มักแตง่ ร่วมกับ
โคลง

คำถามกรอบท่ี ๙

คำแนะนำ : ใหเ้ ลอื กขอ้ ถูกที่สุด

กำหนดให้ ข. ฉันท์ ค. กาพย์ ง. กลอน จ. รา่ ย
ก. โคลง

ขอ้ ต่อไปนีเ้ ปน็ การเลือกใช้คำให้เหมาะสมกบั คำประพนั ธ์ชนิดใด
ข้อ ๑ นยิ มใชค้ ำโบราณ และนิยมแตง่ รวมกับโคลง
ข้อ ๒ นิยมใช้คำธรรมดา คำทเ่ี รยี บง่าย ใชพ้ รรณนาเหตุการณห์ รืออารมณส์ ะเทือนใจ
ข้อ ๓ นยิ มใช้คำธรรมดา คำทีเ่ รียบง่าย เปน็ คำประพันธท์ ่ีนยิ มนำไปขับรอ้ งใน

การละเล่น
ขอ้ ๔ นยิ มใช้คำท่ีมีน้ำหนกั คำโบราณ ใชพ้ รรณนาเรื่องราวที่ศกั ด์ิสทิ ธ์ิ สูงส่ง
ขอ้ ๕ นิยมใชค้ ำภาษาบาลี หรอื ภาษาสนั สกฤต เป็นคำประพนั ธท์ ่ีมีแบบแผน

บทเรียนสำเรจ็ รปู วชิ าภาษาไทย ๓ รหสั วชิ า ท๓๒๑๐๑ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๕ โดย : อ.บญุ กวา้ ง ศรสี ุทโธ
เร่อื ง การอา่ นวรรณคดี Email : [email protected]

๑๘

เฉลยคำถามกรอบที่ ๙

ขอ้ ๑ จ ข้อ ๒ ค ขอ้ ๓ ง ข้อ ๔ ก ขอ้ ๕ ข

ถูกหมด..เกง่ มาก

เนือ้ หากรอบท่ี ๑๐

คณุ คา่ ด้านวรรณศิลป์ (ตอ่ )

๒.๑.๒ การเลือกใช้คำโดยคำนงึ ถงึ เสยี ง เกดิ จากการเลือกใช้คำเลียนเสยี งธรรมชาติ
ใช้คำเล่นเสียงวรรณยกุ ต์ การเล่นคำ การใชค้ ำเสียงหนกั เบา การหลากคำ การใชค้ ำพ้องเสียง
และการซ้ำ การใช้ลีลาจงั หวะของคำซงึ่ ทำให้เกดิ ความไพเราะได้ ดงั ตวั อยา่ งต่อไปน้ี

๑) การใชค้ ำเลยี นเสยี งธรรมชาติ ทำใหเ้ กิดความไพเราะและเกิดจินตภาพชดั เจน
ดังตวั อยา่ ง

เกอื บรุ่งฝงู ช้างแซ่ แปรน๋ แปร๋น
กรวดป่าแกร๋นแกรน๋ เกร่ินหยา้ น
ฮมู ฮมู อุ่มอึงแสน สนั่นรอบ ขอบแฮ
คึกคึกทึกสะเทือนสะทา้ น ถนิ่ ไม้ไพรพนม
(ทม่ี า : นริ าศสุพรรณ)

บทประพันธน์ ้บี รรยายลกั ษณะธรรมชาติของชา้ ง โดยใช้คำเลยี นเสยี งธรรมชาติ
ของช้างได้แก่ แปร๋นแปร๋น แกร๋นแกร๋น ฮมู ฮูมอุ่ม คกึ คึกทึก เมื่อผ้อู า่ นอ่านแล้วทำใหเ้ กิดอารมณ์
ความรสู้ กึ ราวกับไดเ้ หน็ ช้างโขลงใหญอ่ ยใู่ กลๆ้ เกดิ จินตนาการถงึ โขลงชา้ งกำลงั ส่งเสียงตามธรรมชาติ

บทเรยี นสำเรจ็ รูป วิชาภาษาไทย ๓ รหสั วิชา ท๓๒๑๐๑ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๕ โดย : อ.บญุ กว้าง ศรีสทุ โธ
เรอื่ ง การอ่านวรรณคดี Email : [email protected]

๑๙

๒) การเล่นเสยี งวรรณยกุ ต์ คือ การเล่นเสยี งสงู ๆ ต่ำๆ คล้ายการผันเสียงวรรณยกุ ต์
เพอ่ื สร้างความหลากหลายของระดับเสยี ง ซ่งึ จะทำให้เกิดความไพเราะของเสียง ดงั ตัวอย่าง

จะจบั จองจ่องจ้องสิง่ ใดน้นั ดสู ำคัญคนั่ คน้ั อย่างนั ฉงน
อย่าลามลวงลว่ งล้วงดเู ลศกล คอ่ ยแคะคนข้นค้นให้ควรการ
อย่าเคลมิ้ คลำคล่ำคล้ำแตล่ ะโลภ เท่ยี วหวงห่วงหว้ งละโมบละเมอหาญ
ส่ิงใดปองป่องป้องเป็นประธาน อยา่ ดว่ นดานด่านดา้ นแต่โดยใจ
จบั ปลาชอนชอ่ นชอ้ นสองกรถือ ขา้ งละมือมื่อม้ือจะมัน่ ไฉน
เพื่อระแวงแว่งแว้งพลกิ แพลงไป ครั้นจะวางวา่ งวา้ งไวด้ ูแลเลว

(ท่ีมา : กลบทสภุ าษิต)

บทประพนั ธน์ แ้ี สดงให้เห็นถึงความสามารถของผ้แู ตง่ ท่ีเลือกใช้คำที่มพี ยัญชนะตน้
และตัวสะกดตัวเดียวกันแต่ตา่ งกันท่ีเสียงวรรณยุกต์

๓) การเลน่ คำ คือ การใชค้ ำคำเดยี วซำ้ กันอยูห่ ลายแห่งในบทประพนั ธ์หน่ึงบท
แตค่ ำทซี่ ้ำกันนนั้ มีความหมายต่างกนั ดังตวั อยา่ ง

นวลจนั ทร์เป็นนวลจริง เจ้างามพร้ิงยิ่งนวลปลา
คางเบอื นเบอื นหนา้ มา ไม่งามเทา่ เจ้าเบือนชาย
ไม่เหมือนน้องหม่ ตาดพราย
เพยี รทองงามดัง่ ทอง ดง่ั สายสวาทคลาดจากสม
กระแหแหห่างชาย อนั แก้มน้องชำ้ เพราะชม
เหมือนทุกข์พี่ทจ่ี ากนาม
แก้มชำ้ ช้ำใครต้อง
ปลาทกุ ทุกข์อกตรม (ทม่ี า : กาพยเ์ ห่เรอื )

บทกวบี ทนี้กวเี ล่นคำด้วยการนำคำท่มี เี สยี งพ้องกัน แต่ความหมายตา่ งกนั มาร้อยเรียงเข้า
ดว้ ยกันเพื่อส่ือความวา่ สิง่ น้นั ทำใหจ้ ติ ประหวดั คดิ ไปถงึ นางอนั เปน็ ทีร่ ัก

บทเรยี นสำเรจ็ รูป วิชาภาษาไทย ๓ รหัสวชิ า ท๓๒๑๐๑ ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ ๕ โดย : อ.บุญกว้าง ศรสี ุทโธ
เรอ่ื ง การอา่ นวรรณคดี Email : [email protected]

๒๐

๔) การซ้ำคำ คือ การใชเ้ ดียวกนั ในความหมายเดียวกันหลายแห่งในบทประพนั ธ์
หนึง่ บทเพื่อย้ำความใหห้ นักแน่นยิ่งข้ึน ดังตัวอยา่ ง

จำใจจำจากเจา้ จำจร
จำนิราศแรมสมร แม่ร้าง
เพราะเพ่ือจักไปรอน อริราช แลแม่
จำทกุ ข์จำเทวษวา้ ง สวาทวา้ หวัน่ ถวิล
(ทีม่ า : ลลิ ติ ตะเลงพ่าย)

บทประพันธ์ได้พรรณนาถึงอารมณ์ความรสู้ ึกของพระมหาอุปราชา ท่ตี ้องยกทัพมาตี
กรงุ ศรีอยุธยา ขณะเดนิ ทางนนั้ มีความรู้สกึ รักและคดิ ถงึ นางอันเป็นทรี่ ัก กวีเลือกใชถ้ ้อยคำท่ีมีลกั ษณะ
ซ้ำคำมาแตง่ เป็นบทกวเี พ่ือให้เกดิ ความไพเราะลึกซ้ึง เกิดอารมณ์ความรู้สึกคลอ้ ยตามไปกับบทกวี
และตัวละครในเร่ือง จำใจ จำจาก จำจร จำนิราศ จำทกุ ข์ จำเทวษ อนั แสดงความถงึ ความรู้
ความสามารถของกวีผแู้ ตง่ วา่ สามารถเลอื กถ้อยคำมาใช้ได้อย่างวจิ ติ งดงาม

๕) การเล่นคำสัมผัส คือ การใช้ถ้อยคำให้มีเสยี งสัมผสั คล้องจองโดยการสมั ผสั มี ๒
ชนดิ คือ สมั ผัสนอกและสมั ผัสใน สัมผสั นอกเปน็ สมั ผสั บังคับตามฉนั ทลกั ษณข์ องคำประพนั ธ์
ส่วนสมั ผัสในเป็นสมั ผัสท่ไี ม่บังคบั แต่สมั ผัสในเป็นสัมผสั ที่เพิม่ ความไพเราะยิ่งขน้ึ มี ๒ ลกั ษณะคือ
สัมผัสพยญั ชนะ (สัมผัสอักษร) และสมั ผัสสระ เช่น

ถงึ เขาขวางวา่ งเวง้ิ ชะวากวุ้ง เขาเรยี กทุ่งสาขลาพนาสณั ฑ์
เป็นปา่ รอบขอบเขนิ เนินอรัญ นกเขาขนั ค่เู รียกอยเู่ พรยี กไพร

(ทีม่ า : นริ าศเมืองแกรง)

สมั ผสั พยญั ชนะ (สมั ผัสอักษร) เชน่ เขา – ขวาง วาก – เวงิ้ – วุ้ง ขอบ – เขนิ
เขา – ขนั เพรยี ก – ไพร

สัมผัสสระ เชน่ สาขลา – พนา รอบ – ขอบ เขนิ – เนิน เรยี ก – เพรียก
สว่ นคำฉันทม์ ีเสียงหนักเบาเรียกวา่ ครุ ลหุ ทำใหเ้ กิดจังหวะในการอา่ น บางจงั หวะ
ทำใหเ้ กดิ อารมณ์เศรา้ บางจังหวะเกิดอารมณ์สนุกสนาน คกึ คัก โดยเฉพาะการอา่ นทเี่ นน้ อารมณ์
ตามเนอื้ หาจะทำให้บทประพันธม์ คี วามไพเราะย่ิงขน้ึ เช่น

อา้ เพศก็เพศนุชอนงค์ อรองคก์ บ็ อบบาง

ควรแต่ผดุงสริ ิสะอาง ศภุ ลกั ษณเ์ จรญิ ใจ

(ท่ีมา : ฉันทย์ อเกยี รติชาวนครราชสมี า)

บทเรยี นสำเรจ็ รปู วชิ าภาษาไทย ๓ รหัสวชิ า ท๓๒๑๐๑ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๕ โดย : อ.บญุ กวา้ ง ศรีสทุ โธ
เรือ่ ง การอา่ นวรรณคดี Email : [email protected]

๒๑

คำถามกรอบที่ ๑๐

คำแนะนำ : ให้เลอื กขอ้ ถกู ที่สุด ข. การเล่นเสียงวรรณยกุ ต์
กำหนดให้
ก. การใชค้ ำเลยี นเสียงธรรมชาติ

ค. การเลน่ คำ ง. การซำ้ คำ
จ. การเลน่ เสยี งสมั ผัส
ต่อไปน้ีเป็นความหมายของข้อใด

ข้อ ๑ การใช้คำเดียวกนั ในความหมายเดียวกนั หลายแหง่ ในบทประพนั ธห์ นงึ่ บท เพื่อย้ำ

ความให้หนกั แนน่ ยิ่งขึน้
ข้อ ๒ การใช้คำคำเดียวซ้ำกันอยู่หลายแหง่ ในบทประพนั ธห์ น่ึงบทแต่คำท่ีซำ้ กันนนั้

มคี วามหมายต่างกนั

ข้อ ๓ การใช้ถ้อยคำให้มีเสยี งสมั ผสั คล้องจองท้ังสัมผัสนอกและสมั ผสั ใน
ขอ้ ๔ การเลน่ เสยี งสงู ๆ ต่ำๆ เพอื่ สรา้ งความหลากหลายของระดับเสยี ง
ข้อ ๕ การใชค้ ำแทนเสยี งทีเ่ กิดตามธรรมชาติเพ่ือทำให้เกดิ ความไพเราะ

บทเรยี นสำเรจ็ รูป วิชาภาษาไทย ๓ รหสั วิชา ท๓๒๑๐๑ ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ ๕ โดย : อ.บญุ กวา้ ง ศรสี ทุ โธ
เรอ่ื ง การอา่ นวรรณคดี Email : [email protected]

๒๒

เฉลยคำถามกรอบท่ี ๑๐

ขอ้ ๑ ง ขอ้ ๒ ค ขอ้ ๓ จ
ข้อ ๔ ข ข้อ ๕ ก
ถูกหมด..เกง่ มาก

เนอื้ หากรอบที่ ๑๑

คุณคา่ ด้านวรรณศิลป์ (ตอ่ )

๒.๒ การใช้โวหารภาพพจน์ คอื การพลกิ แพลงภาษาท่ใี ช้พูดหรือเขยี นเพ่ือทำให้ผอู้ ่าน
เห็นภาพพจนไ์ ด้อารมณ์ความรู้สกึ หรือได้ข้อคิดลึกซึ้งชดั เจนเปน็ พเิ ศษ มอี ยู่ ๙ ลักษณะดงั นี้

๒.๒.๑ โวหารภาพพจนแ์ บบอุปมาโวหาร เปน็ การเปรยี บเทียบของสองสิ่งทม่ี ีลักษณะ
คล้ายกันโดยใช้คำวา่ เหมอื น ดัง เฉก เช่น ราว ประหนึ่ง กล เป็นคำเชอ่ื มเพื่อแสดง
การเปรยี บเทียบอย่เู สมอ ดังตวั อย่าง

พหี่ มายปองนอ้ งดุจปองปาริกชาติ มณฑาไทเ้ ทวราชในสวนสวรรค์
(ทม่ี า : เพลงยาว เจา้ ฟา้ ธรรมาธเิ บศร)

สน้ิ แผ่นดนิ สน้ิ รสสคุ นธา วาสนาเราก็ส้ินเหมอื นกลิน่ สุคนธ์
(ที่มา : นริ าศภเู ขาทอง)

๒.๒.๒ โวหารภาพพจนแ์ บบอปุ ลกั ษณ์โวหาร เป็นการเปรยี บเทยี บเชอ่ื มโยงความคดิ
หน่งึ กบั ความคิดหนึ่งมักมคี ำวา่ เปน็ คอื เปน็ คำเชื่อม ดังตวั อย่าง

ลกู คือดวงใจของพ่อแม่
ชีวติ คือการต่อสู้ ศตั รคู อื ยาชกู ำลงั

๒.๒.๓ โวหารภาพพจน์แบบปฏิพากย์โวหาร เป็นการเปรียบเทยี บโดยการใช้คำตัดกัน
หรอื คำตรงกนั ขา้ มกนั ดังตวั อย่าง

ตัวเปน็ ไทยใจเป็นทาส, เธอหัวเราะทั้งนำ้ ตา, ถงึ ตัวไกลใจยังอยู่กับน้อง

๒.๒.๔ บคุ คลวตั หรอื บคุ ลาธษิ ฐาน เปน็ การเปรียบเทยี บโดยการสมมุตสิ ่งิ ต่างๆ ให้มี
กิรยิ าอาการเหมือนมนุษย์ มีอารมณ์ความรู้สกึ ดงั ตวั อย่าง

ฟ้าร้องไห,้ ทะเลครวญ, ดวงตะวนั ยิ้มแยม้

บทเรียนสำเรจ็ รูป วชิ าภาษาไทย ๓ รหสั วิชา ท๓๒๑๐๑ ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ ๕ โดย : อ.บุญกว้าง ศรีสุทโธ
เรอ่ื ง การอา่ นวรรณคดี Email : [email protected]

๒๓

๒.๒.๕ อวพจน์หรอื อติพจนโ์ วหาร เป็นการกล่าวเปรยี บเทยี บโดยการกล่าวให้ผิดจาก
ความเปน็ จรงิ ถา้ กล่าวเกนิ จรงิ เรยี กวา่ อติพจน์ ถา้ กล่าวนอ้ ยกว่าความเปน็ จริงเรยี กวา่ อวพจน์
ดังตวั อยา่ ง

อตพิ จน์ = เหนือ่ ยสายตวั แทบขาด
อวพจน์ = มีทองเทา่ หนวดกุ้ง นอนสดุ งุ้ จนเรอื นไหว

๒.๒.๖ การใช้คำภาษากวี ภาษากวเี ป็นกลุ่มคำพิเศษทีก่ วีไดเ้ ลือกสรรหรอื ดัดแปลง
มาสำหรับคำประพันธโ์ ดยเฉพาะ ไม่ใช้ในภาษาสามญั ปกติท่ัวไป การใชพ้ ิเศษน้ีมสี ว่ นสำคัญทีท่ ำให้คำ
ประพนั ธ์น้ันสงู ส่งสง่างามมีพลัง มีความหมายลกึ ซึ้งตามที่กวีรสู้ กึ ทำใหค้ ำประพันธบ์ ทนั้นมคี วามงดงาม
ดว้ ยรสคำ ดงั ตัวอย่าง

พระฝนื ทุกขเ์ ทวษกลำ้ แกล่ครวญ
ขับคชบทจรจวน จกั เพล้
บรรลพุ นมทวน เถื่อนที่ น้นั นา
เหตุอนาถหนักเอ้ อาจใหช้ นเห็น

(ท่มี า : ลิลติ ตะเลงพ่าย

กวีเลอื กใชค้ ำเฉพาะในบทร้อยกรอง เชน่ เทวษ บทจร พนม คช ซ่งึ เป็นภาษาท่ีไม่ใช้
เป็นคำสามญั ในการสอื่ สารในชวี ิตประจำวัน

๒.๒.๗ สทั พจน์โวหาร เป็นโวหารท่ีสรา้ งภาพพจน์ โดยการใช้คำเลียนเสยี งธรรมชาติ
ดังตวั อย่าง

เกือบรุ่งฝูงช้างแซ่ แปร๋นแปร๋น
กรวดป่ามาแกรน๋ แกร๋น เกริน่ หยา้ น
ฮมู ฮูมอุ่มอึงแสน สนนั่ รอบขอบแฮ
คึกคึกทึกสะเทือนสะทา้ น ถิ่นไม้ไพรพนม

๒.๒.๘ โวหารภาพพจนแ์ บบนามนัย เป็นการใช้คำหรือวลซี งึ่ บง่ ลักษณะหรือคุณสมบัติ

ของสงิ่ ใด สงิ่ หนงึ่ แทนอีกส่งิ หนงึ่ คลา้ ยๆ สัญลักษณ์ แต่ต่างกันตรงท่ี นามนยั นนั้ จะดึงเอาลกั ษณะ

บางส่วนของส่งิ หนึ่งมากล่าว ให้หมายถงึ สว่ นท้งั หมด ดงั ตวั อย่าง

เมอื งโอ่ง = จังหวัดราชบุรี เมอื งยา่ โม = จังหวดั นครราชสมี า

ฉัตร = กษัตรยิ ์

บทเรยี นสำเรจ็ รูป วชิ าภาษาไทย ๓ รหัสวชิ า ท๓๒๑๐๑ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๕ โดย : อ.บุญกวา้ ง ศรีสุทโธ
เรอ่ื ง การอา่ นวรรณคดี Email : [email protected]

๒๔

๒.๒.๙ โวหารภาพพจนแ์ บบสญั ลักษณ์ เปน็ การเรียกช่อื ส่ิงๆ หนึง่ โดยใช้คำอน่ื มาแทน

ไมเ่ รยี กตรงๆ สว่ นใหญค่ ำทน่ี ำมาแทนจะเป็นคำทเี่ กดิ จากการเปรียบเทยี บและตีความซง่ึ ใช้กนั มานาน

จนเปน็ ทเ่ี ขา้ ใจและรจู้ ักกนั โดยทั่วไป ดงั ตัวอย่าง

เมฆ หมอก = อปุ สรรค สีดำ = ความตาย, ความชัว่

ดอกไม้ = ผูห้ ญงิ เพชร = ความแขง็ แกร่ง

คำถามกรอบท่ี ๑๑

คำแนะนำ : ใหเ้ ลือกขอ้ ถูกที่สดุ

กำหนดให้

ก. โวหารภาพพจน์แบบอปุ มาโวหาร ข. โวหารภาพพจน์แบบอปุ ลักษณโ์ วหาร
ค. โวหารภาพพจนแ์ บบปฏพิ ากย์โวหาร ง. โวหารภาพพจนแ์ บบสัญลักษณ์

จ. โวหารภาพพจน์แบบนามนัย ฉ. โวหารภาพพจนแ์ บบอตพิ จน์โวหาร

ช. โวหารภาพพจน์แบบสัทพจน์
ต่อไปน้เี ป็นความหมายของข้อใด
ขอ้ ๑ เปน็ การเรยี กชื่อสิง่ ๆ หนึ่งโดยใชค้ ำอื่นมาแทน ไม่เรียกตรงๆ ส่วนใหญ่คำที่นำมาแทน

จะเป็นคำทเ่ี กิดจากการเปรยี บเทยี บและตีความซึง่ ใช้กนั มานานจนเปน็ ทีเ่ ข้าใจและรู้จกั กันโดยทวั่ ไป
ขอ้ ๒ เป็นโวหารทส่ี รา้ งภาพพจน์โดยการใช้คำเลยี นเสียงธรรมชาติ
ขอ้ ๓ เป็นการใช้คำหรือวลีซึ่งบ่งลักษณะหรือคณุ สมบตั ขิ องส่ิงใดสิ่งหนง่ึ แทนอกี ส่ิงหนึ่ง

โดยดงึ เอาลักษณะบางส่วนของสง่ิ หนึง่ มากลา่ ว ใหห้ มายถึงส่วนทั้งหมด
ข้อ ๔ เป็นการกลา่ วเปรยี บเทียบโดยการกลา่ วให้ผดิ จากความเป็นจริง
ขอ้ ๕ เป็นการเปรยี บเทยี บโดยการใช้คำตัดกันหรือคำตรงกันข้ามกนั

ข้อ ๖ เปน็ การเปรยี บเทยี บของสองสง่ิ ทีม่ ีลักษณะคลา้ ยกัน

ขอ้ ๗ เปน็ การเปรยี บเทยี บเชือ่ มโยงความคิดหนึง่ กบั ความคิดหนึง่

บทเรียนสำเรจ็ รูป วิชาภาษาไทย ๓ รหสั วิชา ท๓๒๑๐๑ ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๕ โดย : อ.บุญกว้าง ศรสี ทุ โธ
เรื่อง การอ่านวรรณคดี Email : [email protected]

๒๕

เฉลยคำถามกรอบท่ี ๑๑

ขอ้ ๑ ง ข้อ ๒ ช ขอ้ ๓ จ ขอ้ ๔ ฉ ขอ้ ๕ ค
ขอ้ ๖ ก ขอ้ ๗ ข
ถกู หมด..เกง่ มาก

เน้ือหากรอบที่ ๑๒

คณุ คา่ ดา้ นสงั คม

การพิจารณาคุณคา่ ดา้ นสงั คม เปน็ การพิจารณาคณุ คา่ บทประพันธ์วา่ ผู้แตง่ มจี ดุ ประสงค์
อยา่ งไรในการจรรโลงสงั คม ซง่ึ พจิ ารณาจากทรรศนะ แนวคิด การใหค้ ติเตือนใจ การแสดงใหเ้ ห็น
ถึงชีวิต ความเชอื่ คา่ นยิ ม วฒั นธรรม ขนบธรรมเนยี มประเพณี โดยการสอดแทรกไว้ในบทประพนั ธ์
อย่างแนบเนียน ดังตวั อย่าง

สิ่งใดในโลกลว้ น อนิจจงั
คงแต่บาปบุญยัง เที่ยงแท้
คือเงาตดิ ตัวตรงั ตรึงแน่น อยนู่ า
ตามแต่บาปบุญแล้ กอ่ เกอื้ รักษา
(ทีม่ า : ลิลิตพระลอ)

ผ้แู ต่งแสดงแนวคดิ เรื่องบาปบุญว่าติดตามตวั เราเหมือนเงาตามตัว ใครทำกรรมใดไว้ ยอ่ ม
ได้รับผลกรรมนนั้ ซึ่งเป็นความเชอ่ื ในทางพระพทุ ธศาสนา ที่มอี ิทธิพลตอ่ การดำเนนิ ชวี ติ ของคนใน
สงั คมไทย

คำถามกรอบท่ี ๑๒

คำแนะนำ : ให้ตอบคำถามใหไ้ ด้ใจความ
ขอ้ ๑ การพิจารณาคุณค่าทางสังคมของบทประพันธค์ ืออะไร

………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

บทเรยี นสำเรจ็ รปู วิชาภาษาไทย ๓ รหสั วิชา ท๓๒๑๐๑ ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ ๕ โดย : อ.บญุ กวา้ ง ศรสี ุทโธ
เรอื่ ง การอา่ นวรรณคดี Email : [email protected]

๒๖

เฉลยคำถามกรอบท่ี ๑๒

คำแนะนำ : ให้ตอบคำถามใหไ้ ดใ้ จความ
ข้อ ๑ การพิจารณาคุณคา่ ทางสงั คมของบทประพันธค์ ืออะไร

……………ก…า…รพ…จิ…า…รณ……าค…ุณ…ค…า่ …ท…าง…ส…ังค…ม…ข…อ…งบ…ท…ป…ระ…พ…ัน…ธ…์ค…ือ…ก…าร…พ…จิ …าร…ณ…า…ค…ณุ …ค…า่ บ…ท…ป…ร…ะพ…นั …ธ…์ว…่า …ผ…ู้แ…ต่ง…..
…มจี…ุด…ป…ร…ะส…ง…ค…์อย…า่ …งไ…ร…ใน…ก…าร…จ…ร…รโ…ล…งส…ัง…คม……ซ…่ึง…พจิ…า…ร…ณ…าจ…า…ก…ทร…ร…ศ…น…ะ …แ…น…ว…คดิ……ก…า…รใ…ห…้คต…เิ …ตือ…น…ใ…จ………..
…กา…ร…แ…สด…ง…ให…เ้ …ห็น…ถ…ึง…ช…ีวติ ……ค…วา…ม…เช…อื่ ……ค…า่ น…ยิ …ม……วัฒ……นธ…ร…รม……ข…น…บ…ธร…ร…ม…เน…ยี …ม…ปร…ะ…เพ…ณ…ี…………………………..
…โด…ย…ก…าร…ส…อด…แ…ท…ร…กไ…ว…ใ้ น…บ…ท…ป…ระ…พ…นั …ธ…อ์ ย…่า…งแ…น…บ…เน…ยี…น………………………………………………………………………..

ถกู หมด..เกง่ มาก

เนือ้ หากรอบท่ี ๑๓
สรปุ

การวิจักษ์วรรณคดี ทำให้ผู้อ่านมองเหน็ คุณคา่ ทผี่ ้แู ต่งต้ังใจสอดแทรกเอาไวใ้ หเ้ ห็นความงาม
ความไพเราะของวรรณคดี ทำให้อา่ นงานประพนั ธ์น้นั ๆ ไดอ้ ย่างสนกุ สนานเพลิดเพลินและได้รับรส
ไพเราะอย่างอ่ิมเอมใจ ซาบซึ้งและเกิดความตระหนกั ในคุณคา่ ของงานประพันธ์ เกิดความภาคภูมิใจ
ในฐานะทเี่ ป็นมรดกของชาติที่ควรค่าแก่การอนรุ ักษ์และสืบทอดต่อไป

บทเรยี นสำเรจ็ รูป วิชาภาษาไทย ๓ รหัสวชิ า ท๓๒๑๐๑ ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๕ โดย : อ.บุญกว้าง ศรสี ุทโธ
เรื่อง การอ่านวรรณคดี Email : [email protected]

๒๗

บทเรยี นสำเรจ็ รูป วิชาภาษาไทย ๓ รหสั วิชา ท๓๒๑๐๑ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๕ โดย : อ.บญุ กว้าง ศรีสุทโธ
เรือ่ ง การอา่ นวรรณคดี Email : [email protected]


Click to View FlipBook Version