Part of
speech
Part of speech
Part of speech เป็นประโยคในภาษาองั กฤษที่เราส่ือออกไปน้นั จะประกอบไปดว้ ยชนิดของคา หรือประเภท
ของคาต่างๆนน่ั เอง
♥ เน้ือหา Part of Speech
Part of speech คืออะไร
Part of speech หน้าทคี่ ืออะไร
Part of speech มกี ชี นิดหรือกปี่ ระเภท
Part of speech ทตี่ ้องเรียนรู้พลาดไม่ได้
♦ Part of Speech คืออะไร
Part อา่ นวา่ พา๊ ท แปลวา่ ส่วน, ชิ้นส่วน
of ออฟ แปลวา่ ของ
Speech คือ คาพดู
ตามหลกั แกรมมา่ แลว้ Part of Speech ภาษาองั กฤษ แปลวา่ “ส่วนของคาพดู ” แต่ความหมายจริงๆของมนั
คือ ประเภทของคาหรือชนิดของคานะครับ ก่อนจะสรุปวา่ Part of speech คืออะไร ลองมาอ่านประโยค
part of speech ง่ายๆเหล่าน้ีก่อนนะครับ
→ My name is Tom. ชื่อของผมคือทอม (นาม)
→ I am American. ผมคือคนอเมริกนั (สรรพนาม)
→ I’m tall and slim. ผมตวั สูงและเพรียว(คุณศพั ท)์
→ I can play tennis. ผมเล่นเทนนิสเป็ น (กริยา)
→ And I can run fast. และผมสามารถวงิ่ ไดเ้ ร็ว (กริยาวเิ ศษณ์)
→ I love Thailand and Thai people. ผมรักประเทศไทยและคนไทย(สนั ธาน)
→ It’s hot in April. มนั ร้อนในเดือนเมษายน (บุรพบท)
→ Well!! I must go now. Bye. ออ้ ผมตอ้ งไปเดี๋ยวน้ี (อุทาน)
เห็นตวั แดงๆหนาๆไหมครับ นนั่ คือคาชนิดต่างๆครับผม ดงั น้นั สรุปไดว้ า่ part of speech คือ คาประเภท
ต่างๆ ซ่ึงมีดว้ ยกนั 8 ชนิด
◊ Part of Speech เขียนอยา่ งไรใหถ้ ูก
เนื่องจากการเรียนหลกั แกรมม่า ทุกคนจะตอ้ งรู้จกั คาวา่ part of speech เป็นด่านแรก แตห่ ลายคนยงั เขียนไม่
คอ่ ยถูกกนั บา้ งก็เขียนวา่ path of speech แปลวา่ “หนทางของคาพดู ” บา้ งก็เขียนวา่ past of speech แปลวา่
“อดีตของคาพดู ” บา้ งกเ็ ขียน part of speed แปลวา่ “ส่วนของความเร็ว” บางคนหนกั กวา่ เขียนวา่ past of
speed แปลวา่ “อดีตของความเร็ว”
ส่วนคาวา่ parts of speech เม่ือเราจะส่ือความหมายวา่ มนั มีถึง 8 อนั นะ นน่ั คือ The eight parts of
speech คือ คาพดู ท้งั 8 ชนิด
♦ Part of speech หนา้ ที่คืออะไร
เน่ืองจากเรารู้ความหมายแลว้ วา่ part of speech คือคาท้งั 8 ชนิด ดงั น้นั หนา้ ท่ีของมนั หลกั ๆกค็ ือการรวมตวั
กนั เป็นวลี หรือประโยคเพื่อใชใ้ นการส่ือสารดงั ตวั อยา่ งเน้ือหาดา้ นบน ซ่ึงคาแต่ะละประเภทก็มีหนา้ ที่
Functions แตกตา่ งกนั กนั ออกไปเช่น noun ทาหนา้ ที่เป็ นประธานและกรรมของประโยค verb ทาหนา้ ท่ีบง่
บอกการกระทาของประธาน preposition ทาหนา้ ท่ีเช่ือมคา เป็นตน้
การจะเรียนรู้เรื่อง part of speech อยา่ งละเอียด ไมใ่ ช่เร่ืองที่จะเรียนวนั เดียวใหเ้ ขา้ ใจไดท้ ้งั หมด เพราะมีท้งั
เร่ืองหลกั ๆ และรายละเอียดหยมุ หยมิ มากมาย ดงั น้นั ค่อยๆเรียนรู้ทาความเขา้ ใจไปทีละอยา่ งนะครับ
♦ Part of speech มกี ชี นิดหรือกป่ี ระเภท
อยา่ งท่ีเกร่ินนาไปแลว้ วา่ part of speech มีอยดู่ ว้ ยกนั ท้งั หมด 8 ชนิด ไดแ้ ก่
1. Noun (คานาม) คือคาที่ใชแ้ ทนคน สตั ว์ สิ่งของ สถานท่ี (รวมถึง ชื่อของคน สัตว์ สิ่งของ สถานที่)
คน เช่น boy girl man student doctor king father/ John Sam Ted Tom
สตั ว์ เช่น dog cat bird tiger / Simba Kitty
ส่ิงของ เช่น TV radio fan car soap / Sony Samsung Lux
สถานที่ เช่น market bank city country / London Thailand England
ขอ้ ควรจา
นามทว่ั ไป กบั นามเฉพาะ (เรียนผา่ นแลว้ ผา่ นเลย ไมส่ าคญั เท่าไหร่)
นามเอกพจน์ พหูพจน์ (เรียนใหเ้ ขา้ ใจ จาใหไ้ ด)้ เพราะ
– การเปล่ียนเอกพจน์ให้เป็ นพหูพจน์มีหลายแบบ ข้ึนอยกู่ บั วา่ คาน้นั มีพยญั ชนะตวั ใดลงทา้ ย เช่น s,
sh, ch, x, o, y, f เป็นตน้
– นามพหูพจนบ์ างตวั ไม่เปล่ียนรูปเลย ไมว่ า่ เป็นเอกพจน์หรือพหูพจน์ เช่น deer sheep fish
– นามบางตวั ลงทา้ ยดว้ ย s ซ่ึงน่าจะเป็นพหูพจน์ แต่กลบั เป็นเอกพจนเ์ ฉยเลย เช่น news, physics
– นามบางตวั เปล่ียนสระภายในเพือ่ แสดงความเป็นพหูพจน์ เช่น men children
– และอื่นๆ อีก
2. Pronoun (สรรพนาม) คือ คาท่ีใชแ้ ทนคานามดา้ นบน เช่น I me/ you/ he him/ she her/it/ this /that
Personal Pronouns คืออะไร ใชย้ งั ไง เพราะเขาบอกวา่ มนั ใชแ้ ยกกนั ระหวา่ งประธานและกรรม ครับ…คา
สรรพนามภาษาองั กฤษ ในเร่ือง Personal Pronouns คอ่ นขา้ งจะสร้างความปวดเศียรเวยี นเกลา้ อยไู่ มน่ อ้ ย
เพราะมีมีสองหนา้ ตา ท้งั ที่ความหมายเดียวกนั เช่นคาวา่ ฉนั ภาษาองั กฤษจะมีท้งั I และ me เป็นตน้ ซ่ึงเรา
ตอ้ งจาใหเ้ ลยเชียว
Personal Pronoun คือ บุรุษสรรพนาม สาเหตุที่นกั เรียนสบั สนเพราะวา่ สรรพนามที่วา่ น้ี ภาษาองั กฤษจะ
แยกชดั เจนวา่ สรรพนามตวั ไหนใชเ้ ป็นประธาน ตวั ไหนใชเ้ ป็นกรรม
ในขณะที่ภาษาไทยและอีกหลายภาษาในประเทศท่ีอยภู่ มู ิภาคเอเชีย สรรพนามที่เป็นประธานกบั กรรมใชต้ วั
เดียวกนั เช่น
ผมรักหล่อน และหล่อนรักผม
เห็นไหมครับวา่ คาวา่ หล่อน กบั ผม ไมว่ า่ จะเป็นประธานของประโยคหรือกรรมของประโยคกเ็ ป็นตวั
เดียวกนั เลย
ทีน้ีมาดูตวั อยา่ งของภาษาองั กฤษบา้ ง
I love her and she loves me.
ผม รัก หล่อน และ หล่อน รัก ผม
เห็นไหมวา่ คาวา่ ผมมีท้งั I และ me และคาวา่ หล่อน ก็มีท้งั her และ she ตรงน้ีแหละที่สร้างความปวดหวั
ใหก้ บั ผเู้ รียน เพราะตอ้ งจดจาใหด้ ีวา่ คาไหนเป็นประธานและคาไหนเป็นกรรมของประโยค
สรรพนามตวั ไหนเป็ นประธานและตัวไหนเป็ นกรรม
แลว้ จะสงั เกตตรงไหนละวา่ ตวั ไหนเป็นประธาน ตวั ไหนเป็นกรรม ก็สงั เกตท่ีคากริยานะครับ ตวั ไหนอยู่
ก่อนกริยาตวั น้นั เป็นประธาน ตวั ไหนอยหู่ ลงั กริยาตวั น้นั เป็นกรรมครับ เช่น
I love her and she loves me.
คากริยากค็ ือ love
คาทอ่ี ย่หู น้า love คือ I และ she สองตวั นีเ้ ป็ นประธาน
คาทอ่ี ย่หู ลัง love คอื me และ her สองตวั นีเ้ ป็ นกรรม
มาดูตารางดา้ นล่างกนั เลยวา่ สรรพนามที่เป็ นประธาน และกรรมมีอะไรบา้ ง (ท่องให้จาข้ึนใจกไ็ ดน้ ะครับ)
ประธาน กรรม คาแปล
I อาย me มี ฉนั
You ยู you ยู คุณ
He ฮี him ฮิม เขา
She ชี her เฮอ หล่อน
It อิท it อิท มนั
We วี us อสั พวกเรา
They เด them เดม็ พวกเขา
ตวั อย่างประโยค
I love you. ฉนั รักคุณ
You love him. คุณรักเขา
He loves her. เขารักหล่อน
She loves it. หล่อนรักมนั
It loves us. มนั รักพวกเรา
We love them. พวกเรารักพวกเขา
They love me. พวกเขารักฉนั
My name is John. I am a student. ฉนั ชือจอน ฉนั เป็นนกั เรียน
This is Mr. Tom. He is my friend. น่ีคือคุณทอม เขาเป็ นเพอื นฉนั
Those are my brothers. They are good at math. นี่คือบรรดาพีช่ ายของฉนั พวกเขาเก่งคณิต
คาว่า They/them หมายถึง สัตว์ สิ่งของ ดว้ ยนะครับ ไม่ใช่เฉพาะคนเทา่ น้นั
Those are my cats. They are my friends and I like them.
เหล่าโนน้ คือแมวของฉนั พวกมนั เป็นเพ่ือนของฉนั และฉนั รักพวกมนั
These are cheap cars. They are imported from Japan.
เหล่าน้ี คือ รถยนต์ ราคาถูก พวกมนั ถูกนาเขา้ จาก ประเทศญ่ีป่ ุน
ขอ้ ควรจา
บุรุษสรรพนาม (Personal pronoun) สรรพนามที่คนไทยสับสนเพราะมี 2 ประเภท แยกชดั เจนวา่ ตวั ไหนเป็น
ประธาน ตวั ไหนเป็นกรรม
3. Adjective (คุณศัพท์) คือคาท่ีใชบ้ อกลกั ษณะของคานาม เช่น tall short small big
ขอ้ ควรจา
แปลงร่างได้ สามแบบ คือ ข้นั ปกติ ข้นั กวา่ ข้นั สูงสุด และมีหลกั เกณฑแ์ ยกยอ่ ยไปอีกวา่ ทายงั ไงใหถ้ ูกตอ้ ง
ตามหลกั ภาษา
♦ การเปรียบเทียบ comparative and superlative
การเปรียบเทียบ (comparison) ภาษาองั กฤษจะยากกวา่ ภาษาไทยตรงท่ีมีหลกั การเติม er กบั est ที่ทา้ ยคา ซ่ึง
ภาษาไทยจะใชค้ าวา่ กวา่ กบั ที่สุดทุกคาไมว่ า่ จะเป็นคาคุณศพั ทต์ วั ไหนกต็ าม วนั น้ีเราจะมาดูการเปรียบเทียบ
ข้นั กวา่ (comparative) และข้นั ที่สุด (superlative) ในหลกั ภาษาองั กฤษกนั
◊ Comparative หรือ comparison คอื อะไร มีกรี่ ะดบั
1. คุณศัพท์ข้ันเท่ากนั (Positive adjective)
2. คุณศัพท์ข้นั กว่า (Comparative Adjective)
3. คาคุณศัพท์ข้ันทสี่ ุด (Superlative adjective)
Comparative หรือ comparison คือ การเปรียบเทียบ การเปรียบเทียบกม็ ี 3 ระดบั นะครับ ในระดบั
Positive ถือวา่ ง่ายสุดแลว้ เพราะไมต่ อ้ งเปลี่ยนแปลงคาคุณศพั ทเ์ ลย แค่เอา as…as มาประกอบแคน่ ้นั เอง แต่
ก็ถือวา่ เป็นฐานสาคญั สาหรับเรียนรู้เรื่องการเปรียบเทียบข้นั กวา่ และข้นั ท่ีสุด (comparative and superlative)
◊ คุณศัพท์ข้ันเท่ากนั (Positive adjective) คอื อะไร
โดยปกติการใชค้ าคุณศพั ทบ์ รรยายส่ิงใดสิ่งหน่ึงโดยไม่เปรียบเทียบกบั ใครท่ีไหนจะเป็ นการพดู ถึงส่ิงๆเดียว
เช่น
→ A cat is big. แมวตวั หน่ึง ใหญ่
→ A man is tall. ชายคนหน่ึง ตวั สูง
→ This car is expensive. รถยนตค์ นั น้ี ราคาแพง
→ The water in this pot is hot. น้าในหมอ้ ใบน้ี ร้อน
แต่ในข้นั Positive การเปรียบเทยี บในข้นั เท่ากนั บ้างกเ็ รียกข้นั ปกติ จะเปรียบเทียบสองสิ่งท่ีมีอะไรๆ
เหมือนกนั ทุกประการ โดยการเอา as…as มาคน่ั เช่น
→ A cat is as big as a dog. แมว ใหญ่ เท่ากบั หมา
→ A man is as tall as a woman. ผชู้ าย ตวั สูงเท่ากบั ผหู้ ญิง
→ This car is as expensive as that car. รถยนตค์ นั น้ี ราคาแพงเท่ากบั รถคนั น้นั
เป็นไงครับ ง่ายเลยใช่ไหมครับ แคเ่ อา as…as มาคร่อมคาคุณศพั ทแ์ คน่ ้นั เอง
◊ คุณศัพท์ข้ันกว่า (Comparative Adjective) คืออะไร
ข้นั กวา่ คือ การเปรียบเทยี บสิ่งสองสิ่ง วา่ สิ่งไหน สูง ต่า ส้นั ยาว เลก็ ใหญ่…..กวา่ กนั เช่น
→ A cat is bigger than a mouse. แมว ใหญ่กว่า หนู
→ A man is taller than a woman. ผชู้ าย สูงกว่า ผหู้ ญิง
→ This car is more expensive than that car. รถยนตค์ นั น้ี แพงกว่า คนั น้นั
→ The water in this pot is hotter than water in that pot. น้าในหมอ้ ใบน้ี ร้อนกว่า น้าในหมอ้ ใบน้นั
สังเกตไดว้ า่ คาวา่ กว่า ในภาษาองั กฤษคือการเติม -er than หรือบางที ใช้ more – than เอะ๊ ยงั ไงกนั เดี๋ยว
อธิบายใหฟ้ ังดา้ นล่างนะครับ
◊ คาคุณศัพท์ข้ันทสี่ ุด (Superlative adjective) คืออะไร
ข้นั ที่สุด หรือสูงสุด คือ การเปรียบเทยี บต้งั แต่สามขนึ้ ไป แลว้ ปรากฏวา่ มีสิ่งหน่ึงที่ สูง ต่า ส้ัน ยาว เล็ก
ใหญ่….กวา่ เพอื่ นเลย เช่น
→ A cat is the biggest animal in this room. แมวเป็ นสตั วท์ ่ีใหญ่ทส่ี ุดในหอ้ งน้ี (ออกจากหอ้ งน้ีแลว้ คง
ไมใ่ ช่)
→ Somchai is the tallest man in class. สมชายตัวสูงทสี่ ุดใหห้ อ้ ง (เฉพาะห้องน้ีนะครับ)
→ This is the most expensive car in Thailand. นี่คือรถยนต์ ทแ่ี พงทส่ี ุดในไทย
สังเกตไดว้ า่ คาวา่ ที่สุด เป็ นการเติม -est หรือ the most – ทาไมเป็นเช่นน้นั มนั มีกฎเกณฑก์ ารใชอ้ ยคู่ รับ
◊ การทาคาคุณศัพท์ให้เป็ นข้ันกว่า และข้ันทสี่ ุด
ใหจ้ าง่ายๆขอ้ แรกก่อนเลยคือ เติม -er ในข้นั กวา่ และ the – est สาหรับข้นั ท่ีสุด เช่น
ข้นั ปกติ ข้นั กว่า ข้ันทสี่ ุด
tall สูง taller สูงกวา่ the tallest สูงท่ีสุด
small เล็ก smaller เล็กกวา่ the smallest เล็กที่สุด
short ส้ัน shorter ส้นั กวา่ the shortest ส้ันที่สุด
long ยาว longer ยาวกวา่ the longest ยาวที่สุด
old แก่ older แก่กวา่ the oldest แก่ที่สุด
cheap ถูก cheaper ถูกกวา่ the cheapest ถูกท่ีสุด
ง่ายจัง เติมเอาอย่างนี้ทุกตัวหรือเปล่า ….ไม่ได้ต้องมกี ฎกติกานิดหนึง
♥ กฎการเติม -er และ -est
คาที่มีสระเสียงส้ันตวั เดียว และตัวสะกดตวั เดยี ว ถา้ คุณสมบตั ิครบสองขอ้ น้ี ให้เติมตวั สะกดอีก
ตวั เขา้ ไป แลว้ เติม -er -est เช่น
ข้นั ปกติ ข้นั กว่า ข้นั ทสี่ ุด
the biggest
big ใหญ่ bigger the hottest
hot ร้อน hotter the thinnest
thin ผอม thinner the fattest
fat อว้ น fatter the saddest
sad เศร้า sadder
คาลงท้ายด้วย y ใหต้ ดั y ออก แลว้ เติม -ier -iest เช่น
ข้นั ปกติ ข้นั กว่า ข้นั ทส่ี ุด
dirty สกปรก dirtier
dry แหง้ drier the dirtiest
funny ตลก funnier the driest
lucky โชคดี luckier the funniest
noisy เสียดงั noisier the luckiest
the noisiest
คาสองพยางค์ทล่ี งท้ายด้วย -ed, -ful, -ing, -less, -ous ใหใ้ ช้ more..than และ the most
ขา้ งหนา้ เช่น
ข้นั ปกติ ข้นั กว่า ข้ันทส่ี ุด
worried เป็นกงั วล more worried the most worried
helpful ชอบช่วยเหลือ more helpful the most helpful
boring น่าเบื่อ more boring the most boring
useless ไร้ประโยชน์ more useless the most useless
famous มีชื่อเสียง more famous the most famous
คาทม่ี สี ามพยางค์ขนึ้ ไป ใหใ้ ช้ more..than และ the most ขา้ งหนา้ เช่น
ข้นั ปกติ ข้นั กว่า ข้นั ทส่ี ุด
important สาคญั more important the most important
expensive แพง more expensive the most expensive
dangerous อนั ตราย more dangerous the most dangerous
difficult ยาก more difficult the most difficult
คาเหล่านีเ้ ป็ นข้อยกเว้นพเิ ศษ ไมอ่ ยใู่ นกฎเกณฑ์
ข้นั ปกติ ข้นั กว่า ข้นั ทส่ี ุด
good ดี better the best
bad เลว worse the worst
far ไกล farther the farthest
little เลก็ less the least
many มาก more the most
คาคุณศพั ทบ์ างตวั จะไม่มีการเปรียบเทียบ เช่น สีตา่ งๆ จะไม่มีการพดู สีดากวา่ หรือดาท่ีสุด และคาอ่ืนๆ บาง
ตวั คอยสังเกตเอาแลว้ กนั
◊ คาคุณศพั ทท์ ่ีใชบ้ ่อยมีอะไรบา้ ง ดงั น้ี
absent แอบ๊ เซินท ขาด (เรียน, งาน)
afraid อะเฟรด กลวั
bad แบด เลว
beautiful บ๊ิวทิฟุล สวย
better เบท็ เทอะ ดีกวา่
big บิก ใหญ่
black แบล็ค ดา
boring บอ๊ ริง น่าเบ่ือ
bright ไบร๊ท สวา่ ง, ฉลาด
broad บรอด กวา้ ง
broken โบร๊เคิน แตก
cloudy คล๊าวดิ มีเมฆมาก
cold โคลด หนาว
cool คูล เยน็
crazy เคร๊สิ บา้ คลงั่
curly เคอ๊ ลิ หยกิ
daily เดล๊ ิ รายวนั
deep ดีพ ลึก
difficult ด๊ิฟฟิ เคิลท ยาก
dirty เด๊อทิ สกปรก
dry ดราย แหง้
dull ดลั โง่
easy อี๊สิ ง่าย
empty เอม็ ทิ วา่ งเปล่า
excellent เอก็ ซะเลินท ยอดเยยี่ ม
excited อิกไซ๊เทด็ ต่ืนเตน้
expensive อิกซเป็ นซิฝ แพง
fast ฟาสท เร็ว
fat แฟ็ ท อว้ น
fault ฟ๊ อลท เทจ็
friendly เฟร็นลิ เป็ นมิตร
funny ฟั๊นนิ ตลก
gentle เจน็ เทิล อ่อนโยน
good กดุ ดี
great เกรท เยย่ี ม
greedy กร๊ีดิ ตะกละ
green กรีน เขียว
half ฮาฟ คร่ึง
handsome แฮน๊ เซิม หล่อ
happy แฮพ๊ พิ มีความสุข
healthy เฮล็ ธิ มีสุขภาพดี
high ไฮ สูง
hot ฮอ็ ท ร้อน
hungry ฮง๊ั กริ หิว
kind ไคด ใจดี
large ลาจ กวา้ ง
late เลท สาย
lazy เล๊สิ ข้ีเกียจ
left เล็ฟท ซา้ ย
light ไลท สวา่ ง
little ลิ๊ทเทิล เล็ก
long ลอง ยาว
loose ลูส หลวม
loud ลาด เสียงดงั
low โล ต่า
lucky ลคั คิ โชคดี
many เมน็ นิ มาก
narrow แน๊โร แคบ
new นิว ใหม่
nice ไนซ ดี
noisy น๊อยสิ มีเสียงดงั
old โอลด แก่
perfect เพอ๊ เฟ็คท สมบูรณ์แบบ
pretty พริททิ สวย
quick ควกิ เร็ว
quiet ไควเ๊ ยทิ เงียบ
rainy เร๊นนิ มีฝนตกชุก
red เรด แดง
right ไรท ถูก,ขวา
round ราวด กลม
sad แซด เศร้า
short ชอท ส้นั
slow สโล ชา้
small สมอล เลก็
snowy สโน๊วิ มีหิมะตก
sunny ซน๊ั นิ มีแดดออก
tall ทอล สูง
tight ไทท แน่น
tiny ไทน๊ ิ เล็ก
tough ทฟั เหนียว
true ทรู จริง
ugly อก๊ั ลิ น่าเกลียด
warm วอม อุน่
weak วคี อ่อนแอ
well เวล็ ดี
wet เวท็ เปี ยก
white ไวท ขาว
wide ไวด กวา้ ง
windy วน๊ิ ดิ มีลมพดั
wise ไวส ฉลาด
wrong รอง ผดิ
yellow เยล็ โล เหลือง
young ยงั เป็ นเด็ก
your ยวั ของคุณ
4. Verb (กริยา) คือคาท่ีใชแ้ สดงการกระทา เช่น go come run walk
ขอ้ ควรจา
สุดยอดของหวั ใจวายากรณ์ สุดยอดแห่งความยาก (สาหรับนกั เรียนส่วนใหญ่ เพราะข้ีเกียจอา่ น
ข้ีเก่ียจจา ข้ีเกียจทบทวน)
กริยาหน่ึงตวั แปลงร่างไดห้ ลากหลายเช่น go goes going went gone ท้งั หมดท่ีเห็นน้ีแปลวา่ ไป
แต่ไปคนละแบบ ข้ึนอยกู่ บั วา่ เอาไปใช้ Tense อะไร
กริยาแต่ละ Tense มีหนา้ ตาไมเ่ หมือนกนั เลย หรือมีเหมือนกนั บา้ ง
กริยา 3 ช่องท่ีใชบ้ ่อยภาษาองั กฤษ (Verb 3 ช่อง) เรียง A-Z มีอะไรบา้ งตอ้ งรู้ พร้อมคาอ่าน คาแปล
กริยา 3 ช่อง คือ คือคาเรียกที่ใหง้ ่ายแก่การเขา้ ใจ เพราะมนั มีสามช่องนนั่ เอง กริยาสามช่องน้ีจะนาไปใชเ้ มื่อ
เราเรียนรู้ไวยากรณ์ภาษาองั กฤษเรื่อง 12 Tense ครับ เพราะโครงสร้างของแตล่ ะ Tense ไม่เหมือนกนั บางที
กใ็ ชช้ ่องท่ีหน่ึงบา้ ง สองบา้ ง หรือสามบา้ ง ข้ึนอยกู่ บั วา่ เป็ น Tense อะไร หลงั จากที่เรียนเร่ือง Tense เขา้ ใจ
แลว้ รับรองวา่ จะหายงงเลยครับวา่ ท่ีเรียกวา่ สามช่องเพราะเหตุใด
กริยา 3 ช่องท่ีใชบ้ ่อย A-Z
กริยาสามช่อง ท่ีใชบ้ อ่ ยๆ ก็มีตามท่ีคดั มาใหด้ า้ นล่าง คาท่ีพมิ พห์ นาหมายถึง คาที่ใชบ้ อ่ ยสุดๆ ตอ้ งจาใหไ้ ด้
เลย ถา้ จะเทียบกบั วชิ าคณิตศาสตร์ การท่องจากริยา3ช่องตวั ที่สาคญั ๆ กค็ ลา้ ยกบั การทอ่ งสูตรคูณนน่ั เอง
กริยาท้งั 3 ช่องใชย้ งั ไง
กริยาช่อง1 ใชเ้ ล่าเหตุกาณ์ทว่ั ไป กริยาช่อง2 ใชเ้ ล่าเรื่องในอดีต และกริยาช่อง3 บอกเหตุการณ์ที่เสร็จสิ้นแลว้
คาวา่ read ช่อง 2 แมจ้ ะเขียนคลา้ ยกบั ช่อง 1 แต่เขียนไมเ่ หมือนกนั นะครับ สงั เกตดีๆ
คาวา่ buy ช่อง 2 คาเขียนคือ bought แตก่ อ็ า่ นคลา้ ย taught ท่ีแปลวา่ สอน ครับ ออกเสียง ออ
คาวา่ have คืออีกคาหน่ึงท่ีตอ้ งจดจาใหแ้ ม่น เพราะตวั น้ีใชไ้ ดใ้ นหลาย Tense
ตารางกริยา 3 ช่อง แบบอปกติ
กริยาแบบอปกติ หรือกริยาผดิ ปกติก็เรียก หมายถึง คากริยาที่เปล่ียนแปลงรูปร่างต่างกนั ท้งั 3 ช่องบา้ ง หรือ
ตา่ งกนั แค่ 2 ช่องบา้ ง หรือไม่ตา่ งกนั เลยกม็ ี
REGULAR VERB กริยาอปกติ
No ช่อง 1 ช่อง 2 ช่อง 3 แปล
1 be = is, am, are was, were been เป็น อยู่ คือ
2 become (บิคมั๊ ) became (บิเคม๊ ) become กลายเป็ น
3 begin (บิกิ๊น) began (บิแกน๊ ) begun (บิกน๊ั ) เร่ิมตน้
4 bet เบท็ bet เบท็ bet พนนั
5 bite ไบท bit บิท bitten (or bit) บิทเทิน กดั
6 bleed บลีด bled เบลด็ bled เลือดออก
7 blow บโล blew บลู blown บโลน พดั เป่ า ตี
8 break เบรก broke บโรค broken บโรคเคิน แตก
9 bring บริง brought บรอท brought นามา เอามา
10 build บิลด built บิลท built สร้าง
11 burst เบิสท burst burst ระเบิด
12 buy บาย bought บอท bought ซ้ือ
13 catch แคท็ ช caught คอท caught จบั , ข้ึนรถ
14 choose ชูส chose โชส chosen โชเซิน เลือก
15 come คมั came เคม come มา
16 cost คอสท cost cost มีราคา
17 cut cut cut ตดั
dug ขดุ
18 dig ดิก dug ดกั dived ไดฝด ดาน้า
done ดนั ทา
19 dive ไดฝ dived (or doveโดฝ) drawn ดรอน ลาก วาด เขียน
drunk ดรังค ดื่ม
20 do ดู did ดิด driven ดริฝเฝิ น ขบั (รถ)
eaten อีทเทิน กิน
21 draw ดรอ drew ดรู fallen ฟอลเลิน ตก หล่น
felt รู้สึก
22 drink ดริงค drank ดแรงค fought ต่อสู้
found พบ
23 drive ไดรฝ drove ดโรฝ flown ฟโลน บิน
forbidden ฟอบิดเดิน หา้ ม
24 eat อีท ate เอท forgotten ฟอก็อทเทิน ลืม
frozen โฟรสเซิน แขง็ ตวั หนาว
25 fall ฟอล fell เฟ็ล got เอา ไดร้ ับ
given กิฝเฝิน ให้
26 feel ฟี ล felt เฟ็ลท gone กอน ไป
ground บด ลบั
27 fight ไฟท fought ฟอท grown กโรน เติบโต, ปลูก
hung แขวน หอ้ ย
28 find ไฟนด found เฟานดึ hanged แขวนคอ
had มี
29 fly ฟลาย flew ฟลู heard ไดย้ นิ
hidden ฮิดเดิน ซ่อน
30 forbid ฟอบิด forbade ฟอเบด hurt เจบ็ , ทาใหบ้ าดเจบ็
31 forget ฟอเกท็ forgot ฟอกอ็ ท
32 freeze ฟรีส froze โฟรส
33 get เก็ท got กอ็ ท
34 give กิฝ gave เกฝ
35 go โก went เวน็ ท
36 grind กรายด ground กราวด
37 grow กโร grew กรู
38 hang (pictures) แฮง hung ฮงั
39 hang (people) แฮง hanged แฮงด
40 have แฮฝ had แฮด
41 hear เฮีย heard เฮิด
42 hide ฮายด hid ฮิท
43 hurt เฮิท hurt
44 know โน knew นู known โนน รู้
45 lay เล laid เลด laid วาง ออกไข่
46 lead ลีด led เหลด็ led นา
47 learn เลิน learnt เลินท learnt เรียนรู้
48 leave ลีฝ left เล็ฟท left ละทิ้ง, จากไป
49 lend เลน็ ด lent เล็นท lent ใหย้ มื
50 lie ลาย lay เล lain เลน นอน
51 light ไลท lit ลิท lit จุดไฟ
52 lose ลูส lost ลอสท lost แพ้ ทาหาย
53 make เมค made เมด made ทา
54 meet มีท met เมท็ met พบ
55 mistake มิสเตค mistook มิสตุค mistaken มิสเตคเคิน ทาผดิ
56 pay เพ paid เพด paid จา่ ย
57 put พทุ put put วาง
58 quit ควทิ quitted ควทิ เทด็ (or quit) quit ควทิ เลิก
59 read หรีด read เหร็ด read เหร็ด อ่าน
60 ride รายด rode โรด ridden ริดเดิน ขี่
61 ring ริง rang แรง rung รัง ส่ัน (กระด่ิง)
62 rise ไรซ rose โรส risen ริสเซิน ข้ึน ลุกข้ึน
63 run รัน ran แรน run วงิ่
64 say เซ said เซด said พดู
65 see ซี saw ซอ seen ซีน เห็น
66 seek ซีค sought ซอท sought คน้ หา
67 sell เซ็ล sold โซลด sold ขาย
68 set เซ็ท set set จดั
69 shake เชค shook ชุค shaken เขยา่ สั่น
70 shine ชายน shone โชน shone ส่องแสง
71 shrink ชริงค shrank ชแรงค shrunk ชรัง หดลง ส้ันลง
72 sing ซิง sang แซง sung ซงั ร้องเพลง
73 sink ซิงค sank แซงค sunk ซงั ค จม ถอยลง
74 sit ซิท sat แซ็ท sat แซ็ท น้งั
75 slide สไลด slid สลิด slid สื่นไถล, เล่ือนไป
76 sleep สลีพ slept สเลพ็ ท slept นอนหลบั
77 speak สปี ค spoke สโปค spoken สโปเคิน พดู
78 spin สปิ น spun สปัน spun มว้ น กรอ ปั่นฝ้ าย
79 split สปลิท split split แตก, แยก
80 spring สปริง sprang สแปรง sprung สปรัง โดดอยา่ งเร็ว, เดง้
81 sting สติง stung สตงั stung สตงั ต่อย, แทง
82 stink สติงค stank สแตงค stunk สตงั ค ส่งกล่ินเหมน็
83 strike สไตรค struck สตรัค struck ตี, ต่อย? กระทบ
84 string สตริง strung สตรัง strung ผกู เชือก ขึงสาย
85 swear สแว swore สวอ sworn สวอน สาบาน ปฏิญาณ
86 swell สเวล็ swelled สเวล็ ด swollen สวอลเลิน โตข้ึน หนาข้ึน
87 swim สวมิ swam สแวม swum วา่ ยน้า
88 swing สวงิ swung สวงั swung แกวง่ , เหวยี่ ง
89 take เทค took ทุค taken เทคเคิน เอา พาไป
90 teach ทีช taught ทอท taught สอน
91 tear แท tore ทอ torn ทอน ฉีก ขาด
92 tell เทล็ told โทลด told บอก
93 think ธิง thought ธอท thought คิด
94 throw ธโร threw ธรู thrown ธโรน เหวยี่ ง ขวา้ ง
95 wake เวค woke โวค waken เวคเคิน ตื่น, ปลุก
96 wear แว wore วอ worn วอน สวม, ใส่
97 weave วฝี wove โวฝ woven โวฝเฝิ น ทอผา้ , สาน
98 weep วพี wept เวพ็ ท wept ร้องไห้
99 win วนิ won วอ็ น won ชนะ
100 write ไรท wrote โรท written ริทเทิน เขียน
ตารางกริยา 3 ช่อง แบบปกติ
กริยาแบบปกติ หมายถึง คากริยาท่ีไมไ่ ดเ้ ปล่ียนแปลงรูปร่างแต่อยา่ งใด คงสภาพไวเ้ หมือนเดิมทุกประการ
เพยี งแคเ่ ติม ed ต่อทา้ ยคาแค่น้นั เอง
REGULAR VERB กริยาปกติ
No ช่อง 1 ช่อง 2 ช่อง 3 แปล
1 answer อา๊ นเซอะ answered อา๊ นเซิด answered ตอบ (คาถาม) รับ
(โทรศพั ท)
2 arrive อะไรฝ arrivedอะไรฝดึ arrived มาถึง ไปถึง
3 attend อะเทน็ ด attended อะเทน็ เด็ด attended (เขา้ ร่วม) ประชุม
4 beg เบก begged เบกดึ begged ขอ
5 call คอล called คอลดึ called เรียก โทรหา
6 change เชนจึ changed เชนจดึ changed เปลี่ยน
7 clean คลีน cleaned คลีนดึ cleaned ทาความสะอาด
8 cook คุค cooked คุคทึ cooked ทาอาหาร
9 cry คราย cried ครายดึ cried ร้องไห้
10 dance แดนซ danced แดนซทึ danced เตน้ รา
11 die ดาย died ดายดึ died ตาย
12 end เอนด ended เอนดิด ended จบ
13 enjoy อินจอ๊ ย enjoyed อินจอ๊ นดึ enjoyed สนุก, ชอบ
14 fix ฟิ กซ fixed ฟิ กซทึ fixed ซ่อม
15 hate เฮท hated เฮททิด hated เกลียด
16 help เฮล็ พ helped เฮล็ พทึ helped ช่วย
17 kiss คิส kissed คิสทึ kissed จบู
18 lift ลิฟท lifted ลิฟเทด็ lifted ยก
19 like ไลค liked ไลคทึ liked ชอบ
20 listen ลิซเซิน listened ลิซเซินด listened ลิซเซินด ฟัง
21 live ลิฝ lived ลิฝดึ lived อาศยั อยู่
22 look ลุค looked ลุคทึ looked มอง
23 love เลิฝ loved เลิฝดึ loved รัก
24 move มฝู moved มูฝดึ moved มฝู ด ยา้ ย ขยบั
25 need นีด needed นีดเดด็ needed นีดเด็ด ตอ้ งการ
26 paint เพน๊ ท painted เพน๊ ทิด painted วาดภาพ ระบายสี
27 plan แพลน planned แพลนดึ planned วางแผน
28 play เพล played พเลด played เล่น
29 rain เรน rained เรนดึ raind ฝนตก
30 return ริเทิน returned ริเทินดึ returned กลบั คืน
31 serve เสิฝ served เสิฝดึ served เสิร์ฟ
32 shop ช็อพ shopped ช็อพทึ shopped จ่ายตลาด
33 smoke สโมค smoked สโมคทึ smoked สโมคท สูบบุหรี่
34 sneeze สนีส sneezed สนีสดึ sneezed จาม
35 snow สโน snowed สโนด snowed หิมะตก
36 stay สเต stayed สเตด stayed พกั อาศยั
37 stop สตอ็ พ stopped สตอ็ พทึ stopped หยดุ
38 study สตดั ดิ studied สตดั ดิด studied เรียน
39 talk ทอค talked ทอคทึ talked สนทนา
40 travel แทรเวลิ traveled แทรเวลิ ดึ traveled ทอ่ งเท่ียว
41 visit วสิ ิท visited วสิ ิทเทด็ visited วสิ ิทเทด็ เยย่ี ม เท่ียว
42 wait เวท waited เวททิด waited รอ
43 walk วอค walked วอคทึ walked เดิน
44 want วอ็ นท wanted วอ็ นทิด wanted วอ็ นทิด ตอ้ งการ
45 wash วอช washed วอชทึ washed ลา้ ง
46 watch วอ็ ทช watched วอ็ ทชทึ watched วอ็ ทชท ดู
47 work เวคิ worked เวคิ ทึ worked ทางาน
5.Adverb (กริยาวเิ ศษณ์) คือคาท่ีใชอ้ ธิบายการกระทาวา่ ทาอยา่ งไร ที่ไหน เมื่อไหร่ เช่น fast
slowly here there today yesterday
Adverb คือคากริยาวเิ ศษณ์ มีหนา้ ที่
1.ขยายคากริยา
บอกใหร้ ู้วา่ ทาทไ่ี หน ทาเมอื่ ไหร่ ทาอย่างไร ทาบ่อยแค่ไหน เช่น
He came here yesterday. เขา มา ท่ีน่ี เมื่อวานน้ี
here เป็น adverb บอกใหร้ ู้วา่ มา ทไ่ี หน
yesterday เป็น adverb บอกใหร้ ู้วา่ มา เมอื่ ไหร่
He walks slowly. เขา เดิน อยา่ งชา้ ๆ
slowly เป็น adverb บอกใหร้ ู้วา่ เดิน อย่างไร
He always walk to school. เขา เดิน ไปโรงเรียน เสมอ
always เป็น adverb บอกใหร้ ู้วา่ เดิน บ่อยแค่ไหน
2.ขยายคาคุณศัพท์ และขยายกริยาวเิ ศษณ์เอง
บอกใหร้ ู้วา่ อยใู่ น ระดับไหน หรือเน้นยา้ ว่าแค่ไหน เช่น
The fire is very hot. ไฟ ร้อน มาก
hot เแปลว่า ร้อน เป็นคาคุณศพั ทข์ ยาย fire ส่วน very เป็น Adverb ขยายคาวา่ hot บอกใหร้ ู้วา่
ร้อนแคไ่ หน
I like it very much. ผม ชอบ มนั มาก มาก
much เแปลว่า มาก เป็นคากริยาวเิ ศษณ์ ส่วน very ก็เป็น Adverb ขยายคาวา่ much บอกใหร้ ู้วา่
มากแคไ่ หน
Adverb มีก่ีประเภท อะไรบา้ ง
Adverb สามารถแบ่งออกได้ 5 ประเภท ดงั น้ี
1. Time Adverb
กริยาวเิ ศษณ์บอกเวลา ใชบ้ อกการกระทาวา่ “เกดิ ขนึ้ เมือ่ ไหร หรือ เกดิ ขนึ้ หรือยงั ” คากริยาวเิ ศษณ์อยใู่ น
กลุุ่ มน้ีไดแ้ ก่ yesterday(เมื่อวาน), today (วนั น้ี), tomorrow (พรุ่งน้ี), already (แลว้ ), lately (ไม่นานมาน้ี),
finally (ทา้ ยทีสุด), still (ยงั คง), early (แต่เชา้ ), late (สาย), now (ตอนน้ี), then (ตอนน้นั ), soon (ในเร็วๆน้ี),
recently (ไม่นานมาน้ี), yet (ยงั ), before (ก่อน), after (หลงั ) so far (จนบดั น้ี) ,during (ในช่วง) ,lately (ไม่
นานมาน้ี), just (เพิ่งจะ), etc..
I saw him yesterday. ฉนั เห็นเขาเมือ่ วาน
เกิดข้ึนเมื่อไหร่ ตอบ เมื่อวาน
I will go shopping tomorrow. ฉนั จะ ไป ชอปปิ้ ง พรุ่งนี้
เกิดข้ึนเม่ือไหร่ ตอบ พรุ่งน้ี
I’ve already done my home work. ฉนั ทา การบา้ น ของฉนั แล้ว
เกิดข้ึนหรือยงั ตอบ เกิดแลว้
I haven’t done my homework yet. ฉนั ยงั ไมไ่ ดท้ า การบา้ น ของฉนั
เกิดข้ึนหรือยงั ตอบ ยงั
2. Place Adverb
กริยาวเิ ศษณ์บอกสถานที่ ใชบ้ อกการกระทาวา่ “เกดิ ขึน้ ทีไ่ หน” คากริยาวเิ ศษณ์อยใู่ นกลุุ่ มน้ีไดแ้ ก่ here
(ที่นี่), there (ที่นน่ั ), nere (ใกล)้ , far (ไกล), away (ห่าง), back (กลบั ), behind (ขา้ งหลงั ), nowhere (ไมม่ ีท่ี
ใด), everywhere (ทุกท่ี), above (เหนือ), below(ใต)้ , into (ไปใน), in (ใน), out (นอก), inside (ขา้ งใน),
outside (ขา้ งนอก), etc..
Please come here. กรุณา มา ทน่ี ี่
ที่ไหน ตอบ ท่ีน่ี
Please go there. กรุณา ไป ทน่ี ่ัน
ท่ีไหน ตอบ ที่น่ี
Please come inside. กรุณา มา ข้างใน
ท่ีไหน ตอบ ขา้ งไน
Please go outside. กรุณา ไป ข้างนอก
ที่ไหน ตอบ ขา้ งนอก
Mr. Thomas is out.
คุณ โทมสั ไปขา้ งนอก
Don’t leave children behind.
อยา่ ทิ้ง เดก็ ๆ ไวข้ า้ งหลงั
3. Manner Adverb
กริยาวเิ ศษณ์บอกอาการ ใชบ้ อกการกระทาวา่ “เกดิ ขนึ้ อย่างไร” คากริยาวเิ ศษณ์อยใู่ นกลุุ่ มน้ีไดแ้ ก่ fast
(อยา่ งเร็ว), quickly (อยา่ งเร็ว), beautifully (อยา่ งสวยงาม, อยา่ งไพเราะ), carefully (อยา่ งระมดั ระวงั ), well
(อยา่ งดี), neatly (อยา่ งประณีต), slowly (อยา่ งชา้ ), sadly (อยา่ งเศร้า), calmly (อยา่ งสุขมุ ), politely (อยา่ ง
สุภาพ), kindly (อยา่ งมีเมตตา), lazily (อยา่ งข้ีเกียจ), badly (อยา่ งแย)่ , loudly (อยา่ งดงั ), quietly (อยา่ ง
เงียบๆ) etc..
He runs very fast. เขา วงิ่ อย่างเร็ว มาก
อยา่ งไร ตอบ อยา่ งเร็ว
She sings beautifully. หล่อน ร้องเพลง อย่างไพเราะ
อยา่ งไร ตอบ อยา่ งไพเราะ
We speak louldly. พวกเรา พดู อย่างดัง
อยา่ งไร ตอบ อยา่ งดงั
They cry quietly. พวกเขา ร้องให้ อย่างเงียบๆ
อยา่ งไร ตอบ อยา่ งเงียบ
4. Frequency Adverb
กริยาวเิ ศษณ์บอกความถ่ีห่าง ใชบ้ อกการกระทาวา่ “เกดิ ขึน้ บ่อยแค่ไหน” คากริยาวเิ ศษณ์อยใู่ นกลุุ่ มน้ี
ไดแ้ ก่ always (เสมอ), usually (โดยปกติ), often (บอ่ ยๆ), normally (เป็นปกติ), occasionally (เป็นบาง
โอกาส), sometimes บางคร้ัง), seldom (ไม่คอ่ ยจะ), rarely (มกั จะไม)่ , never (ไมเ่ คย), daily (ทุกวนั ), weekly
(ทุกเดือน), monthly (ทุกเดือน), yearly (ทุกปี ), etc..
He always runs in the morning. เขา วง่ิ ตอนเชา้ เสมอ
บ่อยแค่ไหน ตอบ เสมอ
She never sings at home. หล่อน ไม่เคย ร้องเพลง ท่ีบา้ นเลย
บ่อยแคไ่ หน ตอบ ไม่เคย
The bill is paid monthly. บิล ถูกจา่ ย ทกุ เดือน
บอ่ ยแค่ไหน ตอบ ทุกเดือน
I sometimes read grammar books. บางคร้ัง ผม อา่ น หนงั สือ ไวยากรณ์
บ่อยแคไ่ หน ตอบ บางคร้ัง
5. Degree Adverb and Focusing Adverb
กริยาวเิ ศษณ์บอกระดบั และบอกการเนน้ ย้า ใชบ้ อกการกระทาวา่ “แค่ไหน หรือ ระดับไหน ” คากริยา
วเิ ศษณ์อยใู่ นกลุุ่ มน้ี จะขยายคาคุณศพั ท์ และขยายตวั มนั เอง ไดแ้ ก่ pretty (คอ่ นขา้ งมาก), a bit (ค่อนขา้ ง),
a lot (มาก), extremely (อยา่ งมาก), quite (คอ่ นขา้ ง), too (มากไป), terribly (จริงๆ), slightly (คอ่ นขา้ ง), very
(มาก) etc..
almost, quite, nearly, too, enough, just, hardly, simply, so
It’s pretty hot today. อากาศ ค่อนข้าง ร้อน วนั น้ี
แคไ่ หน ตอบ คอ่ นขา้ ง
She speaks a lot at school. หล่อน พดู มาก ท่ี โรงเรียน
แค่ไหน ตอบ มาก
It’s extremely dangerous to live with snakes. มนั อนั ตราย อย่างมาก ท่ีจะ อาศยั อยู่ กบั งู
แค่ไหน ตอบ อยา่ งมาก
English is very easy. ภาษาองั กฤษ ง่าย มาก
แคไ่ หน ตอบ มาก
6. Conjunction (คาสันธาน) คือคาท่ีใชเ้ ช่ือมคา วลี หรือประโยค เช่น and but or so
◊ conjunction คืออะไร นามาใชย้ งั ไง
ลองดูประโยคท่ีไม่มีคาเชื่อนะครับ วา่ หนา้ ตาจะออกมาเป็ นอยา่ งไรถา้ ไมม่ ีคาเชื่อมประโยคเขา้ ดว้ ยกนั
ผมชอบแมว
ผมชอบหมา
ผมไม่ชอบลงิ
ผมชอบแมวและหมา แต่ผมไม่ชอบลงิ
เป็นอยา่ งไรบา้ งครับ จะเห็นวา่ คาเชื่อมจะช่วยใหป้ ระโยคเดี่ยว รวมตวั กนั ไดเ้ ป็ นประโยคยาวๆ และดูดึข้ึนมา
ทนั ที
◊ คาเช่ือมประโยคมีอะไรบา้ ง
conjunction สามารถแบ่งได้ 3 ประเภทดว้ ยกนั คือ
1. Coordinating conjunctions
2. Subordinating Conjunctions
3. Correlative Conjunctions
♦ หลกั การใช้ Coordinating conjunctions
คาเช่ือมชนิดน้ี จะเป็ นการเช่ือมประโยคทมี่ นี า้ หนักเท่ากนั เขา้ ดว้ ยกนั คาเชื่อมมีอยดู่ ว้ ยกนั ดงั น้ีคือ FAN
BOYS = for, and, nor, but, or, yet, so
ตวั อยา่ งประโยค
For – แปลวา่ เพราะวา่
They chat on Facebook or Line, for it’s easy. พวกเขาแชททางเฟสบุค๊ หรือไมก่ ็ไลน์ เพราะวา่ มนั ง่าย
And – แปลวา่ และ เชื่อมประโยคไปในแนวเดียวกนั
They chat on Facebook, and they chat on Line. พวกเขาแชททางเฟสบุค๊ และพวกเขาแชททางไลน์
Nor – แปลวา่ ไมท่ ้งั สอง
They chat on Facebook, nor they chat on Line. พวกเขาไมแ่ ชทท้งั ทางเฟสบุค๊ ไม่แชทท้งั ทางไลน์
But – แปลวา่ แต่
They chat on Facebook, but they don’t chat on Line. พวกเขาแชททางเฟสบุค๊ แต่พวกเขาไมแ่ ชททางไลน์
Or – แปลวา่ หรือ
They chat on Facebook, or they chat on Line. พวกเขาแชททางเฟสบุค๊ หรือไมก่ พ็ วกเขาแชททางไลน์
Yet – แปลวา่ แต่
They chat on Facebook, yet they don’t chat on Line. พวกเขาแชททางเฟสบุค๊ แต่พวกเขาไม่แชททางไลน์
So – แปลวา่ ดงั น้นั
They chat on Facebook, so they don’t chat on Line. พวกเขาแชททางเฟสบุค๊ ดงั น้นั พวกเขาไม่แชททางไลน์
♦ หลกั การใช้ Subordinating Conjunctions
คาเชื่อมชนิดน้ี จะเป็ นการเชื่อมประโยครองกบั ประโยคหลกั เขา้ ดว้ ยกนั ประโยครองคือประโยคที่ส่ือ
ความหมายไม่สมบูรณ์ คาเชื่อมท่ีอยใู่ นกลุ่มน้ีไดแ้ ก่
after (หลงั จาก), although (แมว้ า่ ), as (เพราะวา่ ), as far as (เทา่ ท่ี), as if (ราวกบั วา่ ), as long as (ตราบใดท่ี),
as soon as (ทนั ทีท่ี), as though (ราวกบั วา่ ), because (เพราะวา่ ), before (ก่อน) , even if, even though
(แมว้ า่ ), if (ถา้ ), in order that (เพอื่ วา่ ), since (เพราะวา่ ), so that (เพอื่ วา่ ), than (กวา่ ), though (แมว้ า่ ), unless
(เวน้ เสียแต่วา่ ), until (จนกระทง่ั ), when (เม่ือ), whenever(เม่ือใดก็ตาม), where (ที่ซ่ึง), whereas
(ขณะท่ี), wherever (ที่ใดกต็ าม) which (ท่ี) who (ผทู้ ี่) และ while (ในขณะที่).
อยา่ งท่ีบอกไปแลว้ วา่ ตวั เชื่อมน้ีจะเป็นการเช่ือมประโยครองกบั ประโยคหลกั เขา้ ดว้ ยกนั ดงั น้นั ใหส้ ังเกตุดีๆ
ถา้ เป็นประโยครองจะตามหลงั ดว้ ยคาเช่ือมดงั กล่าว ในขณะที่ประโยคหลกั ไมต่ อ้ งใชค้ าเหล่าน้ี
ตวั อยา่ งประโยค
I can do everything for you because I love you.
ฉนั ทาใหเ้ ธอไดท้ ุกอยา่ ง เพราะวา่ ฉนั รักเธอ
He will go homes after he finishes his work.
เขาจะกลบั บา้ น หลงั จากเขาทางานเสร็จ
We take a bath before we eat breakfast.
พวกเราอาบน้าก่อนพวกเรากินขา้ วเชา้
We will eat dinner as soon as dad gets home.
พวกเราจะกินขา้ ว ทนั ทีที่พอ่ มาถึง
I will love you as long as you love me.
ฉนั จะรักคุณ ตราบใดที่คุณรักฉนั
He is running as if a lion is chasing him.
เขาวง่ิ ราวกบั วา่ มีสิงโตกาลงั ไล่ล่าเขาอยู่
She drinks water when she is thirsty only.
หล่อนกินน้าเม่ือหล่อนกระหายเทา่ น้นั
This is the house where we were born.
น่ีคือบา้ น ท่ีซ่ึงเราถือกาเนิด
♦ หลกั การใช้ Correlative Conjunctions
คาเชื่อมชนิดน้ีคลา้ ยๆกบั Coordinating conjunctions ซ่ึงเป็นการเช่ือมประโยคที่มีน้าหนกั เทา่ ๆกนั แต่
คาเชื่อมน้ีจะมาเป็นแพค็ คู่ คาเช่ือมชนิดน้ีไดแ้ ก่
as…as แปลวา่ ….เท่ากบั …..
both…and แปลวา่ ท้งั …..และ…..
either…or แปล่า ไม…่ .ก…็
neither…nor แปลวา่ ไม่ท้งั …….ไมท่ ้งั …….
just as…so แปลวา่ …..เหมือนกบั ท่ี…..
not only…but (also) แปลวา่ ไม่เพียงแค…่ ..แต่ยงั ….(อีกดว้ ย)
no sooner…than ยงั ไมท่ นั ที่……ก็…..
rather…than …….ดีกวา่ ….
whether…or แปลวา่ วา่ …..หรือ….
the…the แปลวา่ ยง่ิ …..ยง่ิ ….
ตวั อยา่ งประโยค
She is as tall as me.
หล่อนสูงเทา่ กบั ฉนั
She is both beautiful and nice.
หล่อนท้งั สวยและนิสยั ดี
Either John or Jane must go home now.
ไมจ่ อห์กเ็ จนตอ้ งกลบั บา้ นเด๋ียวน้ี
He is not only kind but also clever.
เขาไมเ่ พยี งแคใ่ จดี แตย่ งั ฉลาดอีกดว้ ย
The more you give, the more you get.
ยงิ่ คุณให้ คุณยงิ่ ได้
7. Preposition (คาบุรพบท) คือคาท่ีใชแ้ สดงความสัมพนั ธ์ของคา เช่น in on at by from
◊ Preposition คืออะไร
คาวา่ preposition คือคาผสมระหวา่ ง
pre แปลว่า ก่อน
position แปลว่า ตาแหน่ง
สองคาน้ีรวมกนั แปลวา่ ตาแหน่งก่อนหนา้ ซ่ึงจริงๆแลว้ มนั ก็เป็นดงั ช่ือนี่แหละ เพราะการใช้ preposition
มนั จะ “นาหน้า” คานาม สรรพนาม หรือ กริยา เพ่ือบ่งบอกความสมั พนั ธ์ระหวา่ งคา ซ่ึงในหลกั ภาษาไทยครู
มกั จะยกตวั อยา่ งวา่ คาบุรพบทไดแ้ ก่ แก่ เพื่อ ต่อ เป็นตน้
หลกั การใช้ Preposition
มาดูตวั อยา่ งเสริมความเขา้ ใจนะครับ ใหจ้ าไวว้ า่ คาบุรพบทคือ คาคาที่นาหนา้ คานาม สรรพนาม และกริยา
เพ่ือบ่งบอก เวลา สถานท่ี ทศิ ทาง วธิ ีการ และเหตุผล เหล่าน้ีคือหลกั ๆนะครับ มนั มีปลีกยอ่ ยอีกเยอะ
1. Preposition บ่งบอกเวลา
I eat dinner at 6 oclock.
ฉนั กินอาหารเยน็ เวลา 6 โมง
I eat pizza on Monday.
ฉนั กินพซิ ซ่า ใน วนั จนั ทร์
I was born in 1998
ฉนั เกิด ใน ปี 1998
2. Preposition บ่งบอกสถานท่ี
I eat pizza at home.
ฉนั กินพซิ ซ่า ที่ บา้ น
I put my pen on the desk.
ฉนั วางปากกาของฉนั บน โต๊ะ
I live in Bangkok.
ฉนั อาศยั อยู่ ใน กรุงเทพ
3. Preposition บ่งบอกทิศทาง
I walk to school.
ฉนั เดิน ไปสู่ โรงเรียน (เดินไปโรงเรียน)
They run towards the pond.
พวกเขาวงิ่ ไปยงั สระน้า
4. Preposition บง่ บอกวธิ ีการ
I go to school by car.
ฉนั ไปโรงเรียน โดย รถยนต์
I eat pizza with hands.
ฉนั กินพซิ ซ่า ด้วย มือ
5. Preposition บ่งบอกเหตุผล
I eat to live.
ฉนั กิน เพอ่ื อยู่
I live to eat.
ฉนั อยู่ เพอ่ื กิน
♠ หลกั การใช้ in on at
คาวา่ in on at เป็นคาบุรพบทครับ แปลวา่ ใน บน ที่ ตามลาดบั สามคาน้ีอาจจะไมส่ ร้างความสบสนมากนกั
ถา้ นาไปใชก้ บั สถานที่ แต่จะสร้างความสบสนนึดนึงกบั การนาไปไชก้ บั เวลาครับ เพราะตอนท่ีแปลออก
มาแลว้ มนั แยง้ กนั ระหวา่ งภาษาไทยและภาษาองั กฤษ ในบทเรียนน้ีจะนาเสนอหลกั การใช้ in on at ท้งั กบั
เวลาและสถานที่นะครับ
♥ หลกั การใช้ in on at กบั เวลา (วนั เดือนปี )
อยา่ งที่ไดบ้ อกไปแลว้ วา่ in on at แปลวา่ ใน บน ท่ี แต่นน่ั คือความหมายที่ปรากฎในพจนานุกรม แต่วา่ เวลา
แปลจริงๆ จะตอ้ งแปลตามภาษาที่ใชก้ นั นะฮะ
♦ การใช้ in กบั เวลา
in ใชก้ บั วนั เวลาต่อไปน้ี
ช่วงเวลาของวนั [ in แปลว่า ใน]
in the morning (ในตอนเชา้ )
in the afternoon (ในตอนบ่าย)
in the evening (ในตอนเยน็ )
เดือนท้งั 12 [ in แปลว่า ใน]
in January (มกราคม)
in February (กมุ ภาพนั ธ์)
in March (มีนาคม)
in April (เมษายน) etc….
ฤดูกาลในเมืองหนาว [ in แปลว่า ใน] in summer หรือ in fall (ฤดูร้อน)
in winter (ฤดุหนาว)
in spring (ฤดูใบไมผ้ ลิ)
ฤดูกาลของไทย [ in แปลว่า ใน] in rainy seaon (ฤดูฝน)
in cold season (ฤดูหนาว)
in hot season (ฤดูร้อน)
ปี [ in แปลว่า ใน] in2000 ในปี 2000
in 1999 ในปี 1999 etc….
♦ การใช้ on กบั เวลา
on ใชก้ บั วนั เวลาต่อไปน้ี
วนั ท้งั 7 [ on แปลว่า ใน] on Monday (วนั จนั ทร์)
on Tuesday (วนั องั คาร)
on Wednesday (วนั พธุ ) etc…
วนั ทีท่ ้งั 31 [ on แปลว่า ใน] on 1st (วนั ที่ 1)
on 5th (วนั ท่ี 5)
on 22nd (วนั ท่ี 22) etc….
วนั ต่างๆ [ on แปลว่า ใน] on Songkran (วนั สงกรานต)์
on Loy Kratong (วนั ลอยกระทง
on Cristmas (วนั คริสตม์ าส)
on Halloween (วนั ฮาโลวนี )
on weekday (วนั ทาการ)
on weekend (วนั หยดุ สุดสปั ดาห์)
on holiday (วนั อยดุ พกั ผอ่ น)
♦ การใช้ at กบั เวลา
at แปลวา่ ที่ แตถ่ า้ ใชน้ าหนา้ เวลา ชวั่ โมง นาที แปลวา่ “เวลา”
เวลาช่ัวโมง นาที [at แปลว่า เวลา] at six oclock(หกนาฬิกา)
at 9.00 (เกา้ นาฬิกา)
at twelve ten (สิบสองนาฬิกาสิบนาที)
สานวนทว่ั ไปเกีย่ วกบั เวลา
at noon (ตอนเท่ียง)
at night (ตอนกลางคืน)
at midday (ตอนเที่ยงวนั )
at midnight (ตอนเท่ียงคืน
at the moment (ตอนน้ี) etc…
♦ สรุปหลกั การจา in on at ใชก้ บั เวลาคือ
at ใชก้ บั เวลาเลก็ ๆ เช่น ชวั่ โมง นาที
on ใชก้ บั เวลาที่ใหญข่ ้ึนมา เช่น วนั วนั ท่ี
in ใชก้ บั เวลาที่หญ่ที่สุด เช่น เดือน ปี
♥ หลกั การใช้ in on at กบั สถานท่ี ท่ีอยู่
♦ การใช้ in กบั สถานที่
in ใชก้ บั สถานที่ดงั น้ี แปลวา่ ใน
ข้างในของตกึ อาคาร ห้อง บรรจุภัณฑ์… เช่น
in the building (ในตึก)
in the house (ในบา้ น)
in the room (ในหอ้ ง)
in the box (ในกล่อง)
บริเวณสถานที่
in the school(ในบริเวณโรงเรียน)
in the park (ในสวน)
in the hospital (ในบริเวณโรงพยาบาล)
หมู่บ้าน ตาบล อาเภอ จังหวัด เมือง รัฐ ประเทศ ทวปี
in Ban Na (ในบา้ นนา)
In Tambon Rai (ในตาบลไร่)
In amphoe muang (ในอาเภอเมือง)
in Bangkok (ในกรุงเทพ)
in Thailand (ในประเทศไทย)
in Asia (ในเอเชีย)
♦ การใช้ on กบั สถานท่ี ที่อยู่
on ใชก้ บั สถานท่ี ที่อยู่ โดยปกติทวั่ ไปแปลวา่ บน
บน สิ่งของต่างๆ
on the chair (บนเกา้ อ้ี)
on the bus (บนรถบสั )
on the wall (บนกาแพง)
บน ใช้กบั ถนน ทอี่ ยู่
on the road (บนถนน)
on the street (บนถนนในเมือง)
on Oxford Road (บนถนนออ็ กฟอร์ด)
On Sukhumvit Road บนถนนสุขมุ วทิ
at ใชก้ บั สถานที่แปลวา่ ท่ี ใชก้ บั จุดใดจุดหน่ึง สถานท่ีแห่งใดแห่งหน่ึงในตวั หม่บู า้ น เมือง จงั หวดั ประเทศ
นาหน้าจุดใดจุดหนึ่ง
at the top of the tree (จุดสูงสุดของตน้ ไม)้
at the door (ที่ประตู )
at his table (ที่โตะ๊ ของเขา)
นาหน้าสถานที่ หรือบ้านเลขท่ี
at home (ท่ีบา้ น)
at school(ท่ีโรงเรียน)
at the bus stop (ที่ป้ ายรถเมล)์
at the office (ท่ีสานกั งาน)
at the air poart (ท่ีสนามบิน)
at the railway station (ที่สถานีรถไฟ)
at 54 Moo 2 (บา้ นเลขท่ี 54 หมู่ 2)
♦ สรุปหลกั การจา in on at ใชก้ บั สถานที่คือ
at ใชก้ บั สถานที่เล็กๆ ท่ีใดที่หน่ึง เช่น at home, at school
on คอ่ นขา้ งจะตรงตวั
in ใชก้ บั สถานที่หญๆ่ ระดบั หมูบ่ า้ นข้ึนไป เช่น Bangkok, Thailand
คาบุพบทตอ่ ไปน้ีเป็นคาที่ใชก้ นั บ่อยๆ จะวา่ เป็นคาพ้นื ฐานที่ตอ้ งเรียนรู้และจดจาใหไ้ ดก้ ไ้ มผ่ ดิ นะ
About—อา่ นวา่ เออะเบา๊ แปลวา่ เกี่ยวกบั , รอบๆ หรือ ทว่ั
This book is about love. หนงั สือเล่มน้ีเก่ียวกบั ความรัก
The dog is running about the room. หมากาลงั วงิ่ ทวั่ หอ้ ง
Above—อ่านวา่ เออะเบ๊ิฝ แปลวา่ เหนือ, เกิน
There’s a spider above the bed. มีแมงมุมตวั หน่ึงอยเู่ หนือเตียง
This toy is for children above 10. ของเล่นชิ้นน้ีสาหรับเด็กอายเุ กิน 10 ปี
Across—ขา้ ม, ตรงกนั ขา้ ม
The boy is walking across the street. เดก็ ชายคนหน่ึงกาลงั เดินขา้ มถนน
My house is across the road. บา้ นของฉนั อยฝู่ ั่งตรงกนั ขา้ มถนน
After—หลงั , หลงั จาก
Do you believe in life after death? คุณชื่อในเร่ืองของชีวติ หลงั ความตายหรือเปล่า
She eats breakfast after she takes a bath. หล่อนกินอาหารเชา้ หลงั จากหล่อนอาบน้า
Against—ต่อตา้ น, คดั คา้ น, ตา้ น, พงิ
Most people voted against the new dam. คนส่วนมากโหวตคดั คา้ นเขื่อนแห่งใหม่
We’re cycling against the wind. พวกเรากาลงั ป่ันจกั รยานตา้ นลม
He’s leaning agianst the wall. เขากาลงั ลงั เอนพงิ กาแพง
Along—ไปตาม
They’re walking along the beach. พวกเขากาลงั เดินไปตามชายหาด
Amid(st)—ในท่ามกลาง
We are camping in the forest amd the tall trees. พวกเราต้งั แคมป์ ในป่ าทา่ มกลางตน้ ไมส้ ูง
Among— ในทา่ มกลาง
The little kids are standing among the crowd. เด็กตวั เล็กกาลงั ยนื อยใู่ นท่ามกลางฝงู ชน
Around—รอบๆ
The earth goes around the sun. โลกไป(หมุน)รอบดวงอาทิตย์
The kids are sitting around the teacher. เด็กนงั่ ลอ้ มรอบครู
At— ท่ี, เวลา, มาท่ี, ไปที่, ในเร่ือง
She’s at home. หล่อนอยทู่ ี่บา้ น
I get up at six o’clock. ฉนั ต่ืนนอนเวลา 6 นาฬิกา
She’s looking at me. หล่อนกาลงั มองมาท่ีฉนั
Sam is pointing at the lion. แซมกาลงั ช้ีไปที่สิงโต
We’re not good at sports. พวกเราไมเ่ ก่งในเรื่องกีฬา
Before— ก่อน
Please come back before noon. กรุณากลบั มาก่อนเที่ยง
Behind— ขา้ งหลงั
The little boy is standing behind his dad. เด็กชายตวั นอ้ ยกาลงั ยนื อยหู่ ลงั พอ่ ของเขา
Below—ขา้ งใต,้ ต่ากวา่
Your name is below mine. ช่ือของคุณอยใู่ ตช้ ื่อของฉนั
Your score is below average. คะแนนของคุณต่ากวา่ คา่ เฉล่ีย
Beneath—ใต้
The cat is sleeping beneath the chair. แมวกาลงั นอนหลบั อยใู่ ตเ้ กา้ อ้ี
Beside— ขา้ งๆ
Come and stand beside me! มายนื ขา้ งๆฉนั
Besides— นอกเหนือ, นอกจาก
Can you sing other songs besides Chang Chang Chang? คุณร้องเพลงอื่นเป็นไหมนอกจาก
ชา้ งๆๆ
Between— ระหวา่ ง
Sam sits between Jand and me. แซมนง่ั ระหวา่ เจนและฉนั
Beyond— เกิน, เหนือ, เลย
Not every dog lives beyond 20 years. ไม่ใช่หมาทุกตวั มีชีวติ อยไู่ ดเ้ กิน 20 ปี
My house is beyond the bridge. บา้ นของฉนั อยเู่ ลยสะพานไป
During— ในช่วง
Some students play in the playground during the recess. นกั เรียนบางคนเล่นในสนามเดก็ เล่น
ในช่วงเวลาพกั
Except— ยกเวน้
Dad works everyday exept Sundays. พอ่ ทางานทุกวนั ยกเวน้ วนั อาทิตย์
For— สาหรับ, เพือ่
My love is for you only. รักฉนั เพ่ือคุณเทา่ น้นั
In— ใน
Mom is in the kitchen. แมอ่ ยใู่ นหอ้ งครัว
Into— ไปใน
The cat ran into the room. แมววงิ่ เขา้ ไปในห้อง
Of— ของ, แห่ง
It’s on the back of the book. มนั อยดู่ า้ นหลงั ของหนงั สือ
Thailand is the land of smile. ประเทศไทยคือดินแดนแห่งรอยยมิ้
On— บน
Your book is on the table. หนงั สือของคุณอยบู่ นโตะ๊
Over— เหนือ
The birds are flying over the house. นกกาลงั บินอยเู่ หนือบา้ น
Past— ผา่ น
They are waking past the shop. พวกเขากาลงั เดินผา่ นร้านไป
Through— ผา่ น, ตลอด,
The sun is shining through the window. ดวงอาทิตยก์ าลงั ส่องแสงผา่ นมาทางหนา้ ต่าง
To— ไปสู่
She walks to school every day. หล่อนเดินโรงเรียนทุกวนั
Under— ใต้
The cat is under the chair. แมวอยใู่ ตเ้ กา้ อ้ี
Underneath— ใต้
They found a snake underneath the bed. พวกเขาพบงูตวั หน่ึงใตเ้ ตียง
Until— จนถึง, จนกระทง่ั
I will wait for you until noo. ฉนั จะคอยคุณจนถึงเท่ียง
With— กบั
I live with my parents. ฉนั อาศยั อยกู่ บั พอ่ แม่
Without— ไมม่ ี, ปราศจาก
I never go out wihout my an umbrella. ฉนั ไมเ่ คยออกไปขอ้ งนอกโดยไมม่ ีร่ม
8. Interjection (คาอทุ าน) คือคาที่ใชแ้ สดงอารมณ์ต่ืนเตน้ ดีใจ เสียใจ เช่น wow eh um
สรุปหลกั การใช้ interjections
อยา่ งท่ีเกริ่นสรุปการใช้ interjections ไปแลว้ นะครับวา่ เป็ นคาท่ีไวใ้ ชแ้ สดงความรู้สึกและอารมณ์ตา่ งๆ ให้
ชดั เจนย่งึ ข้ึน เดี๋ยวเรามาดูกนั นะครับวา่ มีคาวา่ อะไรกนั บา้ งที่เราน่าจะพบเห็นไดบ้ ่อยๆ
Ah อา, โอ้ (แปลกใจ โล่งใจ)
Ahem อะเฮิม อะแฮ่ม (โปรดฟังทางน้ี)
Alas อะแลซ๊ – โถ, โอ้ (สงสาร เวทนา)
Aha อะฮา้ (เขา้ ใจ, ปิ้ งไอเดีย)
Bingo บ๊ิงโก เย้ ไชโย (ดีใจ)
Boo บู – แฮ่ แบร่ (ขใู่ หต้ กใจ)
Duh เดอ – ปัดโถ่ (โง่เง่าสิ้นดี)
Eh เอ – วา่ ม้ยั วา่ ไงนะ (ถามความเห็น ใหพ้ ูดซ้า)
Eww อิว – ย้ี (รังเกียจ)
Gee จี – โห (แปลกใจ)
Gosh กอช – พระช่วย (แปลกใจ ตกใจ)
Ha ฮา – ฮา้ (แสดงความพอใจ)
Help เฮล็ พ – ช่วยดว้ ย (ขอความช่วยเหลือ)
Hmm เฮิม – อืม (คิดก่อน)
Hurray! ฮะเร๊ – ไชโย (ดีใจ)
Oh โอ – โอ้ (โกรธ ยนิ ดี ผดิ หวงั ปิ๊ งไอเดีย)
Ouch เอา๊ ช โอย๊ (เจบ็ ปวด)
Oops อุพส – อุ๊ ุ ย (ทาบางอยา่ งพลาด)
Uh-huh อะฮะ – อ่าฮะ (เขา้ ใจ เห็นดว้ ย)
Ugh เออ – หย๋ยึ (รังเกียจ)
Um เอิม – อืม (คิดก่อน)
Whoa โว – โวว่ ๆ (บอกใหห้ ยดุ )
Wow วาว – วา้ ว (แปลกใจ ยนิ ดี)
Yay เย – เฮ (ดีใจ)
Yuck -แหวะ (รังเกียจ)
Hello, Hi, Hey ท่ีเป็นคาทกั ทายกถ็ ือวา่ เป็นคาอุทานเหมือนกนั นะครับ
♦ Part of speech ท่ีตอ้ งเรียนรู้พลาดไม่ได้
หวั ขอ้ รองคือ 5 6 7 8 เพราะไม่มีอะไรซบั ซอ้ น คลา้ ยภาษาไทยเลย
4 ขอ้ แรกตอ้ งศึกษาใหล้ ะเอียดแจม่ แจง้ หน่อย เพราะกฎเกณฑต์ ่างจากภาษาไทยค่อนขา้ งมาก
ทีเดียว
อ้างองิ
English online by English teacher. (2011). Part of speech. Retrieved February 15, 2020, from
https://www.xn--12cl9ca5a0ai1ad0bea0clb11a0e.com/parts-of-speech
thanks for reading