การวจิ ารณ์วรรณกรรมเพลง
“รักควรมสี องคน”
โดยทฤษฎี Practical Criticism ของ I.A.Richards
โดยวัชระ ลานเจริญ 645080022-6 นักศกึ ษาศิลปศาสตรมหาบณั ฑิต
สาขาภาษาไทย มหาวิทยาลัยขอนแก่น
การวิจารณ์ เนอื้ เร่อื งสาคัญ
วรรณกรรม
(เนอื้ เพลงรกั ควรมสี องคน)
รปู แบบการประพนั ธห์ รอื ฉนั ทลกั ษณ์
แงง่ ามรอ้ ยกรอง ศลิ ปะการประพนั ธ์
ประเมินคณุ คา่
ความเปน็ มา
เพลงลูกทุ่งเป็นวรรณกรรมที่บรรจุเนื้อหาของสังคมและชีวิตจริงของคน
ไทยในแตล่ ะท้องถิ่นไว้ ภายใต้ความเรียบง่ายของท่วงทานองดนตรี ผู้ศึกษาจึง
พจิ ารณาเลอื กบทเพลง “รกั ควรมสี องคน” มาใชเ้ ป็นกรณีศึกษาในการวเิ คราะห์
วิจารณ์ โดยมีรายละเอียดดงั นี้
๑
เนอ้ื เร่ืองสาคญั
(เน้ือเพลงรักควรมสี องคน)
เนือ้ เรอ่ื งสาคญั (เน้อื เพลงรักควรมสี องคน)
(ทอ่ น A1) (1) เธอหรือเธอบ่ฮจู้ ัก ว่าเขาคือคนฮักของเฮามาแต่ดน
เธอคอื จ่ังหนา้ ดา้ นหน้าทน แอบแชทแอบคอลขอเบิ่งอหี ยังกนั
(ท่อน Pre) (2) ตบมือข้างเดยี วสิดงั ต้ิถา้ แฟนเธอบ่มใี จ ถา้ ฉันเล่นเขาปฏิเสธไปกะจบสา่ นั้น
แต่นี่เขาบอกว่าเขาโสด อยู่ในโหมดแฟนตายไปหลายวัน แล้วเธอสิให้ฉันเฮ็ดจั่งได๋ (1) แต่ถ้าเธอฮู้แล้ว
เธอสิเลิกยเุ บาะ (2) บเ่ ฮาเลิกบไ่ ดก้ ะคนมักฮักหมดใจไปแล้ว
ท่อน Hook (1) ความฮักมันควรสิมสี องคนทอ่ น่ัน เธอกับเขาสฮิ ักกนั ฉนั ยอมบไ่ ด้
(2) แลว้ สิให้เฮด็ จังใด กะหัวใจมนั ฮัก (1) ศลี ขอ้ สามเคยทอ่ งยเุ บาะ ละอายใจบท่ ่เี ฮ็ดให้เขาแตกหกั
(2) กะอยา่ ขอแค่ฉันไดฮ้ ัก บ่แครอ์ ีหยังทัง้ นนั่
(ซา้ ท่อน Pre และทอ่ น Hook 2 รอบ)
(1) แต่ฉันบใ่ หฮ้ กั (2) แต่ฉนั สฮิ ัก โฮ โฮ โฮ....
สรปุ เนือ้ หา
ผลงานเพลง “รักควรมีสองคน” ประพันธ์โดย นิค สะเลอปี้ โดยมี
พร จันทพร เป็นผู้ขับร้องถ่ายทอดความรู้สึกของผู้หญิงที่เป็นแฟนหรือภรรยา
และเนย ภัสวรรณเป็นผู้ขับร้องถ่ายทอดความรู้สึกของผู้หญิงที่มาเป็นชู้ โดย
เน้ือหาของเพลงน้ีเป็นการสนทนากันของผู้หญิงสองคน คือ ผู้หญิงท่ีเป็นแฟน
หรือภรรยากับผู้หญิงท่ีเป็นกิ๊กหรือชู้ที่แอบมาคบซ้อนว่า “ทาไมมายุ่งกับคนท่ี
เจ้าของอยูแ่ ล้ว เธอไม่รู้หรือ?” และคนที่มาเป็นชู้กลับตอบว่า “ก็แฟนเธอว่าเขา
โสด แฟนตายแล้ว” หญิงท่ีเป็นเมียจึงถามต่อว่า “ถ้ารู้แล้วเธอจะเลิกไหม?”
หญิงชู้จึงตอว่า “ฉันเลิกไม่ได้ เพราะเขาไปหมดใจแล้ว” จึงทาให้ท้ังสองคนเกิด
การถกเถยี งกนั แบบไมม่ ใี ครยอมใคร
๒
รูปแบบการประพนั ธห์ รอื ฉนั ทลกั ษณ์
รปู แบบการประพนั ธ์หรือฉนั ทลกั ษณ์
ผลงานเพลง “รักควรมีสองคน” ประพนั ธ์ด้วยรูปแบบกลอนเพลง (ประเภทแนวเพลงทุ่งสมัยใหม่
หรือลูกทุ่งอินดี้) มีการผสมผสานระหว่างการใช้ภาษาไทยมาตรฐานกับภาษาไทยถิ่นอีสานในการประพันธ์
สาหรับโครงสร้างเนื้อหาของเพลงน้ีจะมีความแต่ต่างจากโครงสร้างของเพลงลูกทุ่งท่ัวไปหรือลูกทุ่งตามขนบ
นิยม นั่นคือ เพลงลูกทุ่งแบบขนบนิยมจะมีโครงสร้างเนื้อหาของเพลงทั้งสิ้น 5 ท่อน ประกอบด้วย ท่อน A1,
ท่อน Pre Hook, ท่อน Hook, ท่อน A2 และท่อน Bridge แต่เนื้อหาเพลง “รักควรมีสองคน” มีโครงสร้าง
ของเนื้อหาเพลงจานวน 3 ท่อน ได้แก่ ท่อน A1, ท่อน Pre Hook และท่อน Hook และกลับมาร้องซ้าท่อน
A1 และท่อน Pre Hook แทนท่อน A2 และท่อน Bridge ลักษณะทางฉันทลักษณ์มีความเลื่อนไหลในการส่ง
สัมผัสคล้องจอง ไม่ได้กาหนดตาแหน่งท่ีตายตัว แต่ยังคงให้มีสัมผัสกันไปในแต่ละวรรคอยู่ จานวนคาในการ
ประพนั ธ์กม็ ีความเล่ือนไหล แตล่ ะวรรคมจี านวนคามากนอ้ ยแตกตา่ งกนั ออกไป
รปู แบบการประพันธห์ รอื ฉนั ทลักษณ์ (โครงสร้าง)
ทอ่ น A1 ท่อน A1
ท่อน Pre Hook ท่อน Pre Hook
ท่อน Hook ทอ่ น Hook
ท่อน A2
ท่อน Bridge เพลง
กรณีศึกษา
เพลงแม่บท
ลักษณะทางฉันทลักษณม์ ีความเล่ือนไหลในการส่งสัมผัสคล้องจอง ไม่ได้กาหนดตาแหน่งท่ี
ตายตัว แต่ยังคงให้มีสัมผัสกันไปในแต่ละวรรคอยู่ จานวนคาในการประพันธ์ก็มีความเลื่อนไหล แต่ละ
วรรคมีจานวนคามากนอ้ ยแตกตา่ งกันออกไป
“เธอหรอื เธอบ่ฮจู้ ัก วา่ เขาคือคนฮักของเฮามาแตด่ น
เธอคือจัง่ หนา้ ด้านหน้าทน แอบแชทแอบคอลขอเบิ่งอหี ยงั กนั
ตบมือขา้ งเดยี วสิดงั ติถ้ า้ แฟนเธอบ่มใี จ ถ้าฉนั เล่นเขาปฏเิ สธไปกะจบสา่ นนั้
แตน่ ่ีเขาบอกว่าเขาโสด อยใู่ นโหมดแฟนตายไปหลายวัน
แลว้ เธอสใิ หฉ้ นั เฮ็ดจงั่ ได๋...”
จากข้อความข้างต้น ผู้ประพันธ์มีการส่งสัมผัสจากวรรคที่ 1 ไปยังวรรคที่ 2 โดยใช้คาว่า
“จัก” ไปสัมผัสกับคาว่า “ฮัก” มีการส่งสัมผัสคาว่า “ดน” ในวรรคท่ี 2 ไปยังคาว่า “ทน” ในวรรคท่ี
3 นอกจากน้ียังมีการส่งสัมผัสกันระหว่างบทโดยใช้คาว่า “กัน” ในวรรคสุดท้ายของบทที่ 1 ส่งสัมผัส
กับคาสดุ ท้ายของวรรคท่ี 2 ในบทถัดไปคือคาวา่ “นั้น” และในบทที่ 2 ของเน้ือเพลงนี้กม็ ีการส่งสัมผัส
ระหวา่ งวรรคเหมอื นอยา่ งในบทท่ี 1 ด้วย เช่น “ใจ-ไป, น้นั -วนั -ฉัน” เปน็ ต้น
๓
แง่งามรอ้ ยกรอง ศลิ ปะการประพนั ธ์
แงง่ ามของรอ้ ยกรองหรอื ศลิ ปะการประพนั ธ์
แง่งามของร้อยกรองหรือศิลปะการประพันธ์ เป็นศิลปะการใช้ภาษา
ในการถ่ายทอดอารมณ์ ความร้สู กึ ของกวีออกมาเป็นวรรณกรรมหรือบทกวี โดย
ใช้ภาษาในการเล่นเสยี ง ลีลา จงั หวะ กวีโวหาร เพื่อให้เกิดความงดงาม โดดเด่น
ไพเราะ สละสลวยในการใช้ภาษา ซ่ึงจะทาให้บทกวีมีคุณค่าทางวรรณศิลป์ อีก
ทั้งยังมีการใช้ภาพพจน์ และจินตภาพในการใช้ถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึกตาม
เจตนาท่ีกวีต้องการถ่ายทอด สาหรับเนื้อหาของเพลง “รักควรมีสองคน”
กม็ กี ารใช้ศิลปะในการประพนั ธด์ ังนี้
3.1 เสยี งและลลี าจงั หวะ
เนื้อหาเพลง “รักควรมีสองคน” ผลงานการประพันธ์ของ
นิค สะเลอปี้ เป็นการใช้ภาษาอีสานผสมผสานกับภาษาไทยมาตรฐานได้อย่าง
แนบเนียนตามลักษณะสมัยนิยมของวัยรุ่นอีสานในปัจจุบัน มีการเล่นเสียง
พยัญชนะ เสียงสระ การใช้คาซ้า คาซ้อน และการใช้ศัพท์ภาษาต่างประเทศใน
การประพนั ธ์
3.2 กวีโวหารด้านภาพพจน์ และจนิ ตภาพ
3.2.1 กวโี วหารด้านภาพพจน์
อติพจน์ คือ การกล่าวเกินความเป็นจริง เกินธรรมชาติ ใน
เนื้อหาของเพลง “รักควรมีสองคน” ปรากฏการใช้อติพจน์หน่ึงแห่ง ซ่ึงปรากฏ
ในทอ่ น Pre Hook ดังข้อความท่วี า่ “กะคนมันฮกั หมดใจไปแลว้ ”
การอ้างถึง ในเนื้อหาของเพลง “รักควรมีสองคน” มีการ
อ้างถึงหลักธรรมเบญจศีล ข้อท่ี 3 งดเว้นจากการกระทาผิดด้านกามารมณ์
ซึ่งปรากฏในทอ่ น Hook
3.2 กวโี วหารดา้ นภาพพจน์ และจนิ ตภาพ
3.2.2 การใช้จนิ ตภาพ
การใช้จินตภาพ คือ วิธีการสร้างภาพขึ้นในใจด้วยถ้อยคาท่ี
เลือกสรรมาเป็นพิเศษ เพื่อแทนความคิด อารมณ์ และประสบการณ์ด้าน
ความรู้สึก และก่อให้เกิดภาพข้ึนในจิตหรือความคิด (ราชบัณฑิตยสถาน,
2545 : 218) จินตภาพแบ่งออกได้เป็น 5 ชนิด คือ จินตภาพทางการเห็น
จินตภาพทางการได้ยิน จินตภาพทางการได้กล่ิน จินตภาพทางการลิ้มรส
และจนิ ตภาพทางการสัมผัส
3.2.2 การใชจ้ ินตภาพ
1) จนิ ตภาพด้านการเห็น ซ่ึงในเพลง “รักควรมีแค่สองคน”
สะท้อนให้เห็นภาพของผู้หญิงสองคนท่ีกาลังสนทนากัน ในลักษณะของ
การทะเลาะถกเถียงกัน ให้ภาพสะท้อนในมุมท่ีไม่เป็นมิตร โดยส่ือผ่าน
เนื้อหาของเพลงโดยองค์รวม และมีการใช้จินตภาพด้านการเห็นใน
รายละเอยี ดปลกี ยอ่ ยของเนื้อหาของเพลงอีกด้วย เช่น
“เธอหรอื เธอบ่ฮู้จกั ว่าเขาคอื คนฮักของเฮามาแตด่ น
เธอคอื จง่ั หนา้ ด้านหนา้ ทน แอบแชทแอบคอลขอเบง่ิ อีหยังกนั ”
3.2.2 การใชจ้ ินตภาพ
2) จินตภาพด้านการได้ยิน เกิดข้ึน ในเนื้อหาเพลง “รักควรมี
สองคน” เป็นการใช้จินตภาพด้านการได้ยินตลอดท้ังเพลง เน่ืองจากเน้ือหา
ของเพลงนี้ เป็นถ้อยคาของผู้หญิงสองคนสนทนาโต้เถียงกันเกี่ยวกับประพฤติ
กรรมที่ผิดศีลธรรมระหว่างตัวผู้หญิงชู้กับชายหนุ่มท่ีเป็นแฟนของผู้หญิงอีกคน
น่นั เอง
3.2.2 การใชจ้ นิ ตภาพ
3) จนิ ตภาพดา้ นการสัมผสั ไมป่ รากฏการในเนอ้ื หาของเพลงนี้
4) จนิ ตภาพด้านการไดก้ ล่นิ ไม่ปรากฏการในเนอื้ หาของเพลงนี้
5) จนิ ตภาพด้านการลมิ้ รส ไมป่ รากฏการในเน้ือหาของเพลงน้ี
๔
องค์ประกอบของจดหมายกจิ ธรุ ะ
(หนังสอื ภายใน)
ประเมนิ คณุ คา่
บทเพลง “รักควรมีสองคน” ผลงานการประพันธ์ของ นิค สะเลอปี้ ใช้
รูปแบบในการประพันธ์แบบกลอนเพลงสมัยใหม่ ซึ่งเปน็ แนวเพลงลูกทุ่งอินด้ตี าม
สมัยนิยม ไม่เคร่งครัดในการใช้ฉันทลักษณ์แบบเพลงลูกทุ่งขนบ จึงทาให้มีความ
เล่ือนไหลในการประพันธ์ โครงสร้างของเพลงนี้ มีองค์ประกอบ 3 ท่อนเพลง คือ
ท่อน A1, ท่อน Pre Hook และทอ่ น Hook ซึ่งจะไม่มีท่อน A2 และท่อน Bridge
แตใ่ ชว้ ิธรี อ้ งซา้ ท่อน A1 ทอ่ น Pre Hook แทน
ประเมนิ คณุ คา่ (ตอ่ )
เน้ือหาของเพลงน้ีเน้นการสื่ออารมณ์เพลงอย่างตรงไปตรงมา ไม่เน้น
ความสละสลวยทางด้านการใช้ภาษา ผลงานเพลงน้ีจึงมีความโดดเด่นเร่ืองการ
ถ่ายทอดอารมณ์ของบทเป็นสาคัญ ประพันธ์โดยการใชภ้ าษาอีสานผสมภาษาไทย
มาตรฐาน เนื้อร้องทานองเป็นแนวบทสนทนาพูดคุยแบบถามตอบ แต่ยังคงมีการ
ส่งสัมผัสเอาไว้อยู่ ซึ่งเป็นความโดดเด่นของผลงานเพลงน้ี ที่ผู้ประพันธ์เลือกใช้
แนวทางประพันธ์ที่นอกกรอบอย่างสร้างสรรค์ จึงทาให้เพลงน้ีเป็นที่สนใจของ
สงั คมอย่างรวดเร็ว
ประเมนิ คณุ คา่ (ตอ่ )
อีกท้ังผลงานเพลงน้ีเป็นเรื่องราวเก่ียวกับการโต้เถียงกันของผู้หญิงสอง
คนที่ประสบปัญหารักสามเส้า “สองหญิงหน่ึงชาย” ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึง
สถานการณ์ในปัจจุบันของสังคมไทยในปัจจุบันที่ผู้คนในสังคมมีพฤติกรรมที่ผิด
ศลี ธรรมดา้ มกามารมณ์มากขึน้ ซง่ึ เกือบมองว่าเปน็ เรอ่ื งปกติไปแล้วอีกด้วย
จบการนาเสนอ
สวัสดคี รับ