เอกสารประกอบการจัดการเรยี นรู้
หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 6 เร่ือง การนาเสนอข้อมูล
โดย
นายวชั ระ ลานเจริญ
ตาแหน่ง ครู คศ.1
รายวชิ าทักษะภาษาไทยเชิงวชิ าชพี (30000-1101)
แผนกวิชาสามัญสัมพันธ์ วิทยาลยั เทคนคิ สกลนคร
สานักงานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษา กระทรวงศึกษา
หนว่ ยที่ 6
การนาเสนอขอ้ มลู
ความหมายการนาเสนอขอ้ มูล
การนาเสนอหมายถึงการถ่ายทอดเน้ือหาเร่ืองราวต่าง ๆ ไปยังผู้ฟังหรือ
กลุ่มเป้าหมายโดยใช้เทคนิควิธีการตลอดจนส่ือต่าง ๆ เพื่อสร้างความน่าเช่ือถือไปยังผู้ฟัง
โดยเฉพาะเรอ่ื งของแนวคิดการเปล่ียนแปลงทัศนคติเพื่อให้ผู้ฟงั คล้อยตามประเด็นเนื้อหาหรอื ส่ิงที่
นาเสนอ
ความสาคญั ของการนาเสนอ
1. การนาเสนอข้อมูลเป็นการบอกกล่าว การอธิบายหรือการถ่ายทอดแนวคิด
ประเด็นเน้ือหาสาระความร้ตู ่าง ๆ ไปยงั กลุ่มเป้าหมายเพอ่ื ใหเ้ กิดความรคู้ วามเข้าใจ
2. การนาเสนอข้อมูลทาให้เกิดกระบวนการการอภิปราย การแลกเปลี่ยนความ
คดิ เหน็ การโตแ้ ย้งการจดุ ประเด็นการพิสจู นแ์ สวงหาความรแู้ นวคิดตา่ ง ๆ
3. การนาเสนอข้อมูลทาให้เกิดการจูงใจ การโน้มน้าวใจการสร้างผลกระทบ
โดยเฉพาะในด้านแนวคิดรวมถงึ การสรา้ งความประทับใจ
4. การนาเสนอข้อมูลทาให้เกิดการเปล่ียนแปลงทัศนคติ เกิดการร่วมแรงร่วมใจ
นาไปสู่การประยกุ ต์หรือการนาไปใชจ้ ากแนวคดิ
5. การนาเสนอขอ้ มลู มคี วามสาคัญตอ่ ผู้นาเสนออย่างยง่ิ นบั ตง้ั แตก่ ารบอกกล่าว
ไปจนถึงการประยุกต์หรือการปฎิบัติตัวมีความสาคัญและสัมพันธ์สืบเน่ืองกันตามลาดับ
เปรยี บเสมือนขน้ั บันได
ประเภทของการนาเสนอข้อมลู มี 3 ประเภท
1. การนาเสนอตามรูปแบบการนาเสนอท่ัวไป
1.1 การนาเสนอแบบทางการ เป็นการนาเสนอข้อมูลท่ีต้องใช้ความ
ละเอียดถถ่ี ้วนตอ้ งมกี ารเตรียมตวั ท้ังในดา้ นเนอื้ หาและการใชส้ ือ่
1.2 การนาเสนอแบบไม่เป็นทางการ เป็นการนาเสนอผลงานอย่างง่ายง่าย
ไม่ตอ้ งมกี ารเตรียมตวั และการใชส้ อื มากนักเป็นการสรุปรายงานหรือการพูดคุยในกลมุ่ ขนาดเล็ก
2. การนาเสนอตามวตั ถุประสงค์ของงาน
2.1 การนาเสนอโดยวิธีการให้ข้อมูล เป็นการนาเสนอข้อมูลเน้ือหาสาระ
ใหมจ่ ากแหลง่ ต่าง ๆ ที่จะเปน็ ความรู้และประโยชนแ์ ก่กลุ่มเป้าหมาย
2.2 การนาเสนอโดยวิธีการสอนเป็นการถ่ายทอดเนื้อหา หรือความรู้
ตลอดจนเทคนิควิธีการขัน้ ตอนให้กลมุ่ เปา้ หมายเห็นวธิ ีปฏิบตั ิ
2.3 การนาเสนอโดยวิธีการจูงใจ เป็นการชักจูงให้กลุ่มเป้าหมายคล้อย
ตามกับเน้ือหาองค์ความรู้ท่ีมุ่งหวังเป็นพิเศษในเรื่องใดเร่ืองหนึ่งโดยใช้หลักจิตวิทยาในการส่ือสาร
ช่วยในการจูงใจ
3. การนาเสนอตามวธิ กี ารสอื่ สารและการเผยแพร่
3.1 การนาเสนอโดยวิธีการเขียน เป็นการเรียบเรียงข้อมูลที่ได้จาก
การศกึ ษาค้นควา้ นาเสนอในรปู แบบกระดาษหรือสงิ่ พมิ พ์
3.2 การนาเสนอโดยวิธีการพูด เป็นวิธีการท่ีง่ายและได้รับความนิยมมาก
ท่ีสดุ เป็นการนาเสนอขอ้ มลู โดยวิธกี ารอธบิ ายบอกเล่าซกั ถามรายงานสนทนาอภปิ รายกลมุ่
3.3 การนาเสนอโดยวิธีการใช้ส่ือ เป็นการใช้วัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ร่วมกับ
การนาเสนอโดยวธิ ีการพดู เช่นแผ่นพรกิ แผนภูมิ เพาเวอรพ์ อยต์ แผ่นโปรง่ แสง สไลด์
ประเภทและขนาดของกลมุ่ เป้าหมาย
1. ประเภทของกลมุ่ เป้าหมาย มี 2 ประเภท คือ
1.1 กลมุ่ เปา้ หมายท่ีมีความสมัครใจ
1.2 กลุ่มเป้าหมายท่ีถูกชกั ชวนหรือถูกเกณฑใ์ ห้มารว่ ม
2. ขนาดของกล่มุ เปา้ หมายจาแนกออกเปน็ 3 ขนาด
2.1 กลมุ่ เป้าหมายรายบคุ คล เป็นการนาเสนอขอ้ มลู แบบตัวต่อตวั
2.2 กลุ่มเป้าหมายขนาดเลก็ จะมตี งั้ แต่ 3 คนขึน้ ไป แตไ่ ม่เกนิ 8 คน
2.3 กล่มุ เป้าหมายขนาดใหญ่ มคี นจานวนทม่ี ากและมคี วามหลากหลาย
การวเิ คราะหก์ ล่มุ เปา้ หมาย
การวเิ คราะห์กลมุ่ เป้าหมาย จะวิเคราะห์กล่มุ เป้าหมายตามกระบวนการนาเสนอดังนี้
1. การวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายก่อนการนาเสนอ ผู้นาเสนอต้องวิเคราะห์ข้อมูล
พ้ืนฐานส่วนบคุ คลเพศอายรุ ะดับการศึกษาของกลุ่มเป้าหมาย
2. การวเิ คราะห์กลมุ่ เปา้ หมายระหวา่ งการนาเสนอ ตอ้ งวเิ คราะห์ 2 ลักษณะ คือ
2.1 ความต้ังใจและความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย สามารถวิเคราะห์ได้
จากสีหน้าแววตาการสบตาหรือจริยาทา่ ทางตา่ งๆทมี่ ีตอ่ ผูน้ าเสนอ
2.2 ความเข้าใจในประเด็นสาร เนื้อหาหรือเรื่องราวท่ีนาเสนอ ประเมิน
กลุม่ เปา้ หมายถึงความเข้าใจในเรือ่ งที่นาเสนอมากน้อยเพียงใด
3. การวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายหลังการนาเสนอ สามารถวิเคราะห์ได้โดยการใช้
แบบสอบถามใชว้ ิธกี ารพดู คุยหรือมที มี งานชว่ ยวเิ คราะห์
การเตรียมความพรอ้ มกอ่ นการนาเสนอข้อมลู
ประกอบด้วยความพรอ้ ม 4 ด้าน
1. ความพรอ้ มดา้ นร่างกาย
1.1 การฝึกหายใจ การฝึกกาหนดลมหายใจเข้าออกช้า ๆ ติดต่อกันนาน
นานจะช่วยให้ควบคุมระบบการหายใจและส่งผลต่อการควบคุมระบบการเต้นของหัวใจรวมไป
จนถงึ การเวน้ วรรคตอนดว้ ย
1.2 การออกกาลงั กาย การออกกาลงั กายบ่อยบอ่ ยจะทาให้การเคลื่อนไหว
อวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายมคี วามคล่องตัวมากข้นึ และทาใหร้ ้สู ึกผอ่ นคลาย
1.3 การแต่งกาย ผู้นาเสนอควรเลือกเสริมเส้ือผ้าที่ใส่แล้วรู้สึกสบาย
และมั่นใจไม่อดึ อดั เคลอื่ นไหวสะดวกและมีความเหมาะสมตามกาลเทศะ
1.4 การฝึกกริยาท่าทาง เป็นการสร้างความเช่ือม่ันและความน่าเช่ือถือ
ใหก้ ับกลมุ่ เป้าหมาย และเป็นการสรา้ งความประทับใจให้แกผ่ ู้ฟัง
2. ความพร้อมด้านการใช้เสยี งในภาษา
2.1 การใช้เสียงน้าเสียงที่ดี ควรมีความนุ่มนวลสุภาพหนักแน่นชัดเจนมี
ทว่ งทานองหนกั เบาสลับกนั ไปตามเนือ้ หา
2.2 การใช้ภาษา เป็นส่วนสาคัญในการสื่อสาร ส่ือความหมายผู้นาเสนอ
ต้องใชภ้ าษาใหเ้ หมาะสมกับกลุม่ เปา้ หมายดงั น้ี
1) การใช้ภาษาพูด ในการนาเสนอแต่ละคร้ังต้องคานึงถึงความ
เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายซ่ึงภาษาที่ใช้ในการพูดนาเสนอมี 5 ระดบั ดังนี้
(1) ภาษาท่ีใช้ในการส่ือสารท่ัวไปในชีวิตประจาวันหรือ
ภาษากนั เอง
(2) ภาษาสนทนาใช้กับบุคคลกลุ่มเล็ก ๆ ใช้ในการ
ปรกึ ษาหารือเขียนจดหมาย
(3) ภาษาครึ่งทางการใช้ในการประชุมการอภิปรายกลุ่มมี
เนอื้ หาเป็นวชิ าการต่อคนกล่มุ เล็ก
(4) ภาษาทางการใช้ในการประชุมบรรยายอภิปราย
นาเสนอฝึกอบรมเสนอข่าวแถลงขา่ ว
(5) ภาษาพิธีการใช้ในการประชุมท่ีจัดเป็นพิธีการมีผู้ฟัง
จานวนมากหรือเป็นผูม้ ีการศึกษาในระดับสงู
2) การใช้ภาษาทา่ ทาง
(1) การเคล่ือนไหวร่างกาย การใช้ภาษาท่าทางร่างกาย
ต้องมีการฝึกและใช้ให้ถูกวิธี ซึ่งการใช้ร่างกายสามารถทาได้ทั้งในขณะที่น่ังหรือยืนทาให้ลดความ
ประหมา่ และกร่ิงได้
(2) การใช้ใบหน้าและสายตาผู้นาเสนอข้อมูลต้องมีใบหน้า
ท่ียิ้มแยม้ แจม่ ใสแสดงความเป็นมิตร
(3) การใช้ระยะห่างเป็นวิธีการสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้
พดู และผูฟ้ งั ซึง่ มคี วามหมายหลายอย่างเชน่ เป็นทางการเปน็ มติ รหรอื ความใกล้ชิดกัน
3. ความพรอ้ มด้านเนื้อหา ผู้นาเสนอขอ้ มูลต้องเตรียมประเด็นเนื้อหาตามหัวข้อท่ี
จะนาเสนอโดยศึกษาและทาความเขา้ ใจกลั่นกรองประเด็นต่าง ๆ ใหม้ คี วามชดั เจนดงั น้ี
3.1 ศึกษาวัตถุประสงค์ของการนาเสนอ เนอื้ หาตอ้ งการให้กลุ่มเป้าหมาย
ได้ทราบขอ้ มูลหรือทราบเนอ้ื หาประเด็นใดต้องการเน้นเนอื้ หาใดเป็นพิเศษ
3.2 ศึกษาค้นคว้าประเด็นที่เก่ียวข้องกับเน้ือหา ศึกษาข้อมูลหรือเน้ือหา
ให้ได้มากที่สุดสามารถนามาอธิบายขยายความตลอดถึงการยกตัวอย่างเปรียบเทียบหรือโต้แย้งได้
อย่างเต็มท่เี พอื่ ให้การ นาเสนอมคี วามชัดเจนย่งิ ขน้ึ
3.3 การวิเคราะห์เนื้อหาหรือประเด็นที่จะเป็นไปได้ ผู้นาเสนออาจใช้
วธิ กี ารจัดกลุ่มจาแนกหมวดหมขู่ องเนือ้ หาประเด็นเนอื้ หาทเี่ กีย่ วข้องเพอ่ื ให้เกิดความชดั เจน
3.4 การเลือกประเด็นเลือกประเด็น ให้ตรงกับวัตถุประสงค์มากที่สุด
ซ่งึ การเลือกจะจัดเรียงตามลาดับความสาคัญโดยการจัดผังแนวคิดโดยใช้ประเด็นหลกั เพยี งสองถึง
สามประเด็นในการนาเสนอแต่ละครง้ั
3.5 การกาหนดโครงสร้างการนาเสนอ โครงสร้างการนาเสนอ
ประกอบด้วย 3 ส่วนสาคญั ดงั น้ี
3.5.1 ส่วนนา เป็นส่วนสาคัญที่กระตุ้นความสนใจแก่กลุ่มเป้าหมาย
โดยทั่วไปมักจะใช้วิธีการกล่าวให้เห็นภาพรวมของการนาเสนอเพ่ือสร้างความอยากรู้อยากคิดตาม
ต้ังแตแ่ รก
3.5.2 ส่วนเน้ือหา เป็นการกาหนดประเด็นเน้ือหาต่าง ๆ ท่ีต้องการ
นาเสนอหรอื ถ่ายทอดไปยังกลุ่มเป้าหมาย
3.5.3 ส่วนสรุป มีความส้ันและกระชับผู้นาเสนอจะสร้างรูปแบบ
ในการสรปุ ตามเนื้อหาเพือ่ ให้กลมุ่ เปา้ หมายจาไดง้ ่ายนาไปใชแ้ ละสรา้ งความประทับจยั
4. การเตรียมส่ือ การนาเสนอท่ีง่ายและถือว่าเป็นพื้นฐานมากท่ีสุดคือการพูดแต่
การพูดหรือการบรรยายเพียงอย่างเดียวไม่สามารถส่ือความเข้าใจได้ดีได้ดังน้ันการที่ได้ส่ือมา
ประกอบนาเสนอข้อมูลจะช่วยให้การสรุปเป้าหมายมีความเข้าใจมากข้ึนในกา รเลือกสื่อควรให้
เหมาะสมกับวตั ถปุ ระสงค์เนอื้ หากลุม่ เป้าหมายหรือสภาพแวดลอ้ ม