คนไทย
มาจากไหน
ทกุ คนสงสยั กันบา้ งไหมวา่ คนไทย
เรามาจากไหนต้นกําเนดิ คืออะไร
เเล้วเรามาเปนคนไทยไดอ้ ยา่ งไง
คํานํา
รายงานเลม่ นีจดั ทาํ ขึนเพอื เปนส่วนหนงึ ของวชาประวตั ิศาสตร์ชันมัธยมศึกษาปท4ี เพอื
ให้ได้ศกึ ษาหาความรู้ในเรองคนไทยมาจากไหนและได้ศกึ ษาอย่างเข้าใจเพอื เปนประโยชน์
กบั การเรยน
ผู้จัดทาํ หวงั วา่ รายงานเล่มนจี ะเปนประโยชนก์ ับผอู้ า่ น หรอนกั เรยน นกั ศกึ ษา ทีกําลงั หา
ข้อมลู เรองนีอยู่ หากมขี อ้ แนะนําหรอข้อผิดพลาดประการใด ผู้จัดทําขอนอ้ มรับไวแ้ ละ
ขออภยั มา ณ ทีนดี ว้ ย
นางสาว สุชาวลี เเซ่วอ่ ง
ผู้จัดทํา
คนไทยมาจากไหน
สารบัญ
คนไทยมาจากไหน หนา้
เเนวคิดถนิ กําHเAนVดิ E ขYOอUงSคEEนNไTทHยIS DOG?
สรุป 1
2
8
1
คนไทยมาจากไหน
จากทีไดศ้ ึกษาจากหนงั สอื ทฤษฎีต่าง ๆ เกียวกับถินกําเนดิ ของคนไทยแล้วนนั สามารถสรปุ เปนแนวคิดกวา้ ง
ๆได้ 5 กล่มุ ดงั นคี ือ
๑. เชอื วา่ ถินกําเนดิ ของคนไทยอยูใ่ นบรเิ วณมณฑลเสฉวน ถกู จนี รกุ ราน แล้วอพยพลงสยู่ ูนานและแหลมอิน
โดจนี นกั วชิ าการทีเปนผคู้ ิดทฤษฎีนคี ือ เตเรยี น เดอร์ ลาคเู ปอรี
๒. เชอื วา่ ถินกําเนดิ ของคนไทยอยูใ่ นบรเิ วณเทือกเขาอัลไต สรปุ ไดว้ า่ ไทยเปนเชอื สายมองโกล เรยี กวา่ ลาว
หรอื ต้ามุง เนอื งจากถกู ขนเผา่ อืนรกุ รานจงึ อพยพมาจากตอนกลางมาสตู่ อนใต้ของจนี และเขา้ สอู่ ินโดจนี นกั
วชิ าการทีเปนผคู้ ิดทฤษฎีนคี ือ วลิ เลียม คลิฟตันดอ๊ ด
๓. เชอื วา่ ถินกําเนดิ ของคนไทยกระจดั กระจายทัวไปในบรเิ วณตอนใต้ของจนี และทางตอนเหนอื ของภาคพนื
เอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ ตลอดจนบรเิ วณ รฐั อัสสมั ของอินเดยี นกั วชิ าการทีเปนผคู้ ิดทฤษฎีนคี ือ วูลแฟรม อี
เบอรฮ์ าด , เฟรเดอรกิ โมต , วลิ เลียม เก๊ดนยี ์
๔. เชอื วา่ ถินกําเนดิ ของคนไทยอยูใ่ นบรเิ วณเนอื ทีประเทศไทยปจจุบนั เนอื งจากมกี ารตรวจวเิ คราะหโ์ ครง
กระดกู ในยุคหนิ ใหม่ ทีขุดค้นพบในประเทศไทย นกั วชิ าการทีเปนผคู้ ิดทฤษฎีนคี ือ นายแพทยส์ ดุ แสงวเิ ชยี ร ,
ศาสตราจารย์ ชนิ อยูด่ ี
๕. เชอื วา่ ถินกําเนดิ ของคนไทยอาจอยูใ่ นบรเิ วณคาบสมุทรมลายู หรอื บรเิ วณทิศตะวนั ออกเฉียงใต้ของ
ประเทศไทย และค่อย ๆ แพรก่ ระจายไปทัวภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ และตอนใต้ของจนี เนอื งจากมกี าร
เปรยี บเทียบหมูเ่ ลือด และความถีของยนี นกั วชิ าการทีเปนผคู้ ิดทฤษฎีนคี ือ นายแพทยส์ มศักดิ พนั ธุส์ มบูรณ์ ,
นายแพทยป์ ระเวศ วะสี
จากทฤษฎีต่าง ๆ ทีกล่าวมานี สามารถสรปุ รวมกันไดค้ ือ คนไทยมตี ้นกําเนดิ มาจากพนื ทีทีเปนทวปี เอเชยี ตะวนั
ออก และเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ ในปจจุบนั คือจากประเทศจนี ประเทศไทย และประเทศแถบอินโดนเี ซยี
2
แนวคิดเกยี วกับถินกําเนดิ คนไทย
การศึกษาคน้ ควา้ ความเปนมาของผูค้ นในดนิ แดนตา่ ง ๆ ของเอเชยี
ตะวนั ออกเฉยี งใต้ รวมทงั ประเทศไทย เรมขนึ โดยชาวตะวนั ตกซงึ ใช้
วธกี ารคน้ ควา้ คอื เดนิ ทางไปสาํ รวจด้วย ตนเอง สอบสวนคน้ ควา้
ทางภาษา การแต่งกาย ความเปนอยู่ สภาพบา้ นเมือง
ขนบธรรมเนียมประเพณี ศิลปะและอนื ๆ แล้วนาํ ขอ้ มลู ทไี ดจ้ าก
ประจักษพ์ ยานไปประมวลเปนงานเขียนหรอรายงานการสาํ รวจ และ
อีกวธคี อื สืบค้นนาํ ข้อมูลทีไดจ้ ากประจักษ์พยานไปประมวลเปนงาน
ค้นควา้ ของชาวตา่ งประเทศทีเรยบเรยงไว้
ดังนนั วธกี ารดงั กลา่ วรวมทังการศกึ ษาค้นควา้ ของคนไทยไดก้ อ่ ให้
เกิดความหลากหลายในทศั นะเกยี วกับถนิ กําเนดิ ของคนไทย ดังนี
๑. กลุม่ ทีเชอื วา่ ถินกําเนดิ คนไทยอยใู่ นบรเวณมณฑลเสฉวน ประเทศ
จีน
เตเรยน เดอ ลาคเู ปอร (Terrien de la couperie)
ศาสตราจารยช์ าวองั กฤษ ประจํามหาวทยาลยั ลอนดอน ผเู้ ชยี วชาญ
ทางภาษาศาสตร์ของอนิ โดจีน เปนเจ้าของความคดิ นี ผลงานของ
ท่านชอื The Cradle of the Shan Race ตีพิมพ์ พ.ศ.2428
อาศัยหลักฐานจีนโดยพิจารณาความคลา้ ยคลึงกันทางภาษาของผ้คู น
ในจีนและเอเชยี ตะ วนั ออกเฉียงใต้ แลว้ สรุปวา่ คนเชอื ชาตไิ ทยตงั
ถินฐานในดนิ แดนจนี ก่อนจนี คือเมือ 2208 ปกอ่ นครสตกาล ดัง
ปรากฏในรายงานการสํารวจภมู ปิ ระเทศจีน ถินทอี ย่ขู องคนไทยที
ปรากฏในจดหมายเหตจุ ีนนอี ย่ใู นเขตมณฑลเสฉวนในปจบุ นั
งานของลาคเู ปอร ไดร้ ับการสบื ทอดตอ่ มาในงานเขยี นของนัก
วชาการไทย เช่น สมเด็จกรมพระยาดาํ รงราชานภุ าพ ประภาศิร
เสฐยี รโกเศศ พระยาอนุมานราชธน หลวงวจิตรวาทการ และ
ศาสตราจารยร์ อง ศยามานนท์
3
๒. กลุม่ ทเี ชือวา่ ถินกาํ เนดิ คนไทยอยูแ่ ถบเทอื กเขาอลั ไต ทางตอน
เหนอื ของประเทศจนี
เจา้ ของความคิด คอื หมอสอนศาสนาชาวอเมรกนั ชอื วลเลยี ม
คลิฟตัน ดอดด์ (William Clifton Dodd) ไดเ้ ดนิ ทางไปสาํ รวจ
ความเปนอยู่ของชาติตา่ ง ๆ ในดินแดนใกล้เคียงพร้อมทังเผยแพร่
ศาสนาด้วย โดยเรมจากเชียงราย เชียงตุง สิบสองปนนา ยูนนาน
จนถงึ ฝงทะเลกวางตุง้ ผลจากการสาํ รวจปรากฏในงานเขยี นเรอง
ซึงเขียนขนึ ในป พ.ศ.2452 งานเขยี นนีสรุปวา่ ไทยสบื เชอื สายจาก
มองโกลและเปนชาติเกา่ แก่กวา่ จนี และฮบิ รู
งานเขยี นของหมอดอดด์ ไดร้ ับความสนใจทงั ชาวไทยและต่าง
ประเทศ นักวชาการไทยคนสาํ คญั ทสี บื ทอดความคดิ ของหมอดอดด์
คือ ขุนวจติ รมาตรา (สงา่ กาญจนาคพนั ธ)์ ได้เขยี นงานเขียนชอื
“หลกั ไทย” เปนหนังสือแตง่ ทางประวตั ศิ าสตร์ ได้รับพระราชทาน
รางวลั ของพระบาทสมเดก็ พระปกเกล้าฯ กับประกาศนียบัตร
วรรณคดขี องราชบัณฑติ ยสภา ใน พ.ศ.2471 ในหนงั สอื หลกั ไทย
สรุปวา่ แหล่งกําเนดิ ของคนไทยอยบู่ รเวณเทอื กเขาอลั ไต (แหล่ง
กําเนดิ ของมองโกลดว้ ย) หลักสูตรไทยได้ใช้เปนตําราเรยน
ประวตั ิศาสตร์ของกระทรวงศกึ ษาธิการเปนเวลานาน แตป่ จจุบัน
แนวคดิ นีไดร้ ับการยอมรับนอ้ ยมาก
4
๓.กลุม่ ทีเชือวา่ ไทยมีถินกําเนิดกระจดั กระจายทัวไปในบรเวณตอนใต้
ของจีนและทางเหนือของภาคพืนเอเชยี ตะวนั ออกเฉียง ใต้ ตลอดจน
แควน้ อสั สมั ของอินเดีย
นกั สาํ รวจชาวองั กฤษ ชือ โคลกฮู ุน (Archibal R. Colguhon)
เปนผู้รเรมความเชอื นี เขาไดเ้ ดินทางจากกวางต้งุ ตลอดถงึ มณั ฑเลย์
ในพมา่ และได้เขียนหนังสอื ชอื Chrysi เลา่ เรองการเดินทางสํารวจดนิ
แดนดงั กล่าว และเขียนรายงานไวว้ า่ พบคนไทยเชือชาตไิ ทยในแถบนี
งานเขยี นนีตีพมิ พ์ในองั กฤษเมือ พ.ศ.2428 ผเู้ ขียนได้รับรางวลั
เหรยญทองจากสมาคมภูมิศาสตร์ของอังกฤษ ต่อมาหนังสือเล่มนไี ด้
แปลเปนภาษาฝรังเศสและเยอรมนั ทาํ ใหแ้ นวคิดนแี พร่หลายออกไป
นอกจากนมี งี านคน้ ควา้ ประเภทอาศยั การตีความหลักฐานจนี อีก เชน่
งานของ E.H. Parker ปาร์คเกอร์ กงสลุ องั กฤษประจาํ เกาะไหหลํา
เขยี นบทความเรองน่านเจ้า พมิ พเ์ ผยแพร่เมอื พ.ศ.2437 โดยอาศัย
ตํานานจีน บทความนีพูดถงึ อาณาจกั รนา่ นเจ้าเปนอาณาจักรของคน
ไทยเฉพาะราชวงศส์ นิ ุโลและ คนไทยเหล่านถี ูกคนจนี กดดนั ถงึ อพยพ
ลงมาทางใต้ งานของเขียนปาร์คเกอร์ได้รับการสนับสนุนจากทังนัก
วชาการตะวนั ตกและจีน (ศาสตราจารย์ตงิ ศาสตราจารย์ โชนิน
ศาสตราจารย์ชนุ แชง) และญีปนุ (โยชโิ ร ชริ าโทร)
งานคน้ ควา้ ทีเดนิ อกี คอื งานของ วลเลียม เคร์ดเนอร์ (Willian
Credner) ซงึ คน้ ควา้ เกยี วกบั ยนู นาน โดยสาํ รวจภูมปิ ระเทศและเผ่า
พนั ธทุ์ ีตกคา้ งในยนู นาน สรุปวา่ ถนิ เดมิ ของชนเผา่ ไทยควรอาศัยในที
ตาํ ใกล้ทะเล เช่น มณฑลกวางสี กวางตุ้ง สว่ นแถบอัลไตคนไทยไม่นา่
จะอยู่เพราะคนไทยชอบปลูกข้าว ชอบดินแดนแถบร้อนไม่ชอบเนินเขา
นอกจากนี วลู แกรม อีเบอร์ฮาด (Wolgram E berhard) ชาวเยอรมัน 5
ผเู้ ชยี วชาญดา้ นสงั คมวทยา มานษุ ยวทยา และโบราณคดีจีน ได้ใหค้ วาม
เห็นเกียวกับถินกาํ เนดิ ของไทยในงานเขียนชือ A History of China
(พมิ พเ์ ปนภาษาเยอรมัน ตอ่ มาแปลเปนภาษาองั กฤษ) สรุปวา่ เผ่าไทยอยู่
บรเวณมณฑลกวางตงุ้ ต่อมาอพยพมาอยแู่ ถบยนู นานและดนิ แดนในอ่าว
ตงั เกยี (สมยั ราชวงศฮ์ ัน) ไดส้ ร้างอาณาจักรเทียนหรอแถน และถงึ สมัย
ราชวงศถ์ ัง เผ่าไทยไดส้ ถาปนาอาณาจกั รนา่ นเจ้าขนึ ทยี นู นาน
งานเขยี นของบุคคลเหล่านีไดใ้ ห้แนวคิดแก่นักวชาการไทยและต่างประเทศ
ในระยะต่อมา เชน่ ยอร์ช เซเดส์ ชาวฝรังเศส ได้สรุปวา่ ชนชาติไทยอาศยั
อยู่ทางตอนใตข้ องจีน แถบตงั เกยี ลาว สยาม ถงึ พมา่ และอัสสมั
ส่วนนกั วชาการไทยทสี นใจศกึ ษาค้นควา้ ความเปนมาของคนไทยทงั จาก
เอกสารไทยและต่างประเทศคอื พระยาประชากจิ กรจักร (แชม่ บุนนาค)
งานเขยี นของทา่ น คือ พงศารโยนก ตพี มิ พร์ ะหวา่ งป พ.ศ.2441-2442
งานชินนสี รุปวา่ คนไทยมาจากตอนใต้ของจีนและ นักวชาการไทยอีกทา่ น
หนงึ คือ จติ ร ภมู ิศกั ดิ ไดใ้ ชว้ ธีการทางนิรุกติศาสตร์ วเคราะห์ตาํ นาน
พงศาวดารทอ้ งถนิ ทางเหนอื ของไทยและตรวจสอบกบั จารกของประเทศ
ขา้ งเคยี ง เขียนหนงั สือ ชอื “ความเปนมาของคําสยาม ไทย ลาว และจาม
และลกั ษณะสงั คมของชือชนชาติ” พมิ พ์เผยแพร่ พ.ศ. 2519 จติ รสรุป
วา่ ทีอยู่ของคนเผ่าไทย อาศยั อยู่กระจัดกระจายในบรเวณทางตอนใต้ของ
จีนและบรเวณภาคเหนอื ของไทย ลาว เขมร พมา่ และรัฐอสั สัมในอนิ เดยี
และให้ความเหน็ เกยี วกบั นา่ นเจา้ วา่ น่านเจา้ เปนรัฐทางใตส้ ุด เดิมจีนเรยก
อาณาจกั รไต - หลอหลอ (นา่ นเจ้า แปลวา่ เจ้าทางทศิ ใต้)
จะเห็นไดว้ า่ ในบรรดานกั วชาการทีเชอื วา่ อดีตของเผ่าไทยอยู่
กระจดั กระจายใน บรเวณตอนใตข้ องจีนและบรเวณทางเหนอื ของไทย ลาว
พมา่ เวยดนาม กัมพชู า และรัฐอสั สัม และอนิ เดยี ต่างก็มที ศั นะทตี า่ งกนั
ในรายละเอียด โดยเฉพาะปญหาเกยี วกบั อาณาจักรน่านเจา้ และนักวชาการ
กลุ่มนเี รมศกึ ษาค้น ควา้ เรองราวของคนไทยโดยอาศยั หลักฐานหลายด้าน
ทงั ดา้ นนิรุกตศิ าสตร์ มานษุ ยวทยา หลักฐานทางประวตั ิศาสตร์และ
โบราณคดี
6
๔. กลุ่มทีเชือวา่ ถนิ เดิมของไทยอยูบ่ รเวณประเทศไทย
ปจจบุ ัน
พอล เบเนดคิ ท์ (Paul Benedict) นกั ภาษาศาสตร์
และมนษุ ยวทยาชาวอเมรกัน ค้นควา้ เรองเผ่าไทย โดย
อาศยั หลักฐานทางภาษาศาสตร์และสรุปวา่ ถินเดมิ
ของไทยนา่ จะอยใู่ นดินแดนประเทศไทย ตังแตเ่ มอื
ประมาณ 4000-3500 ปมาแล้ว พวกตระกลู มอญ
เขมร อพยพมาจากอนิ เดยี เขา้ สแู่ หลมอนิ โดจีนไดผ้ ลกั
ดนั คนไทยใหก้ ระจัดกระจายไปหลายทางขึนไปถงึ ทาง
ใตข้ องจีนปจจุบนั ตอ่ มาถกู จีนผลักดนั จนอพยพลงใต้
ไปอยใู่ นเขตอัสสัม ฉาน ลาว ไทย และตงั เกีย จงึ มกี ลุ่ม
ชนทีพดู ภาษาไทยกระจัดกระจายไปทวั
นักวชาการไทย นายแพทย์สดุ แสงวเชยี ร และ
ศาสตราจารย์ชนิ อยดู่ ี ให้ความเห็นวา่ ดนิ แดนไทย
ปจจบุ นั เปนทีอาศยั ของหมชู่ นทเี ปนบรรพบุรุษของไทย
ปจจุบัน มาตงั แต่สมยั ก่อนประวตั ิศาสตร์และสรุปวา่
บรรพบุรุษไทยอย่ใู นดนิ แดนประเทศไทยมาตลอด
เนอื งจากหลักฐานทางโบราณคดไี ดแ้ สดงถึงความตอ่
เนืองทางวฒั นธรรมรวมทงั การศึกษาเปรยบเทียบ
ลักษณะโครงกระดกู ทขี ดุ พบ
7
๕. กลมุ่ ทีเชือวา่ ถนิ เดิมของไทยอาจอยูท่ างบรเวณ
ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือของประเทศไทย หรออินโด
จนี หรอบรเวณคาบสมุทรมลายู และคอ่ ย ๆ กระจาย
ไปทางตะวนั ตก และทางใตข้ องอินโดจีนและทางใต้
ของจีน
กลุ่มนีศกึ ษาประวตั คิ วามเปนมาของชนชาตไิ ทยดว้ ย
วธีทางวทยาศาสตร์บนรากฐาน ของวชาพันธศุ าสตร์
คือการศกึ ษาความถีของยนี และหมเู่ ลอื ดและการ
ศกึ ษาเรองฮโี มโกลบนิ อี เชน่ นายแพทยส์ มศกั ดิ พันธุ์
สมบญุ ไดศ้ กึ ษาความถขี องยนี และหมูเ่ ลือด พบวา่ หมู่
เลือดของคนไทยคล้ายกบั ชาวชวาทางใต้มากกวา่ จนี
ทางเหนือ จากการศกึ ษาวธนี สี รุปไดว้ า่ คนไทยมิได้สบื
เชอื สายจากคนจีน
ส่วนการศึกษาวจยั เกยี วกับฮโี มโกลบินอีนัน นาย
แพทย์ประเวศ วะสี และกลมุ่ นักวจัยมหาวทยาลยั
ขอนแก่น สรุปวา่ ฮีโมโกลบินอี พบมากในผูค้ นใน
แถบเอเชยี อาคเนย์ คอื ไทย ลาว พมา่ มอญ และอืนๆ
สําหรับประเทศไทยผู้คนทางภาคอสี านมฮี โี มโกลบินอี
มากทีสดุ (คนจนี เกอื บไมม่ ีเลย)
8
สรุป ปจจุบันความกา้ วหน้าทางวงการศึกษามมี ากขนึ และมกี ารแตก
แขนงวชาออกไปมากมาย เพอื หาคําตอบเรองของมนษุ ยแ์ ละสังคมที
มนุษยอ์ ยู่ ทําให้ความรู้และความเชอื เดิมของมนุษย์ถูกตรวจสอบอยา่ ง
จรงจัง ด้วยเหตุนคี วามเชอื ในเรองถินกําเนดิ ของคนไทยซงึ อยทู่ ีมณฑล
เสฉวนและทาง ภูเขาอลั ไตจงึ ถูกวพากษถ์ ึงความสมเหตสุ มผล และเมอื มี
การประสานกนั ค้นควา้ จากสหวชาการจึงได้คําตอบในแนวใหมว่ า่ คนเผา่
ไท เปนเผ่าทอี ยกู่ ระจัดกระจายในแนวกวา้ งในบรเวณตอนใต้ของยูนนาน
ทางตอนเหนือของภูมภิ าคเอเชียตะวนั ออกเฉยี งใต้ และรัฐอสั สัมของ
อินเดยี พืนฐานความเชือใหมน่ ี อาศัยหลักฐานทางประวตั ิศาสตร์และ
หลกั ฐานทางโบราณคดี ทําใหท้ ราบไดว้ า่ คนเผา่ นรี ู้จักกนั ในชอื ตา่ ง ๆ
ในแตล่ ะทอ้ งถนิ เช่น ไทใหญ่ ไทอาหม ผูไ้ ท ไทดาํ ไทขาว ไทลือ ไทลาว
ไทยวน เปนต้น การค้นควา้ ทางประวตั ศิ าสตร์และโบราณคดียงั
สอดคล้องกับการคน้ ควา้ ทางดา้ นนริ ุกตศิ าสตร์และภาษาศาสตร์ทพี บวา่
คนในบรเวณตะวนั ออกเฉยี งใต้ส่วนใหญเ่ รยกชนชาตไิ ทยวา่ ชาม ชาน
เซม เซียม ซยี าม เสียมบา้ ง และในภาษาจีนเรยกวา่ สา่ น สา้ น (สําหรับ
คนไทโดยทวั ไป) และเซียม (สาํ หรับไทสยาม) และความหมายของคาํ ที
เรยกคนไทก็มคี วามหมายสอดคล้องกบั ลกั ษณะชวี ตทางดา้ นสังคมและ
การทาํ มาหากนิ ของคนไทยเช่นคาํ วา่ “สา่ น” ซงึ เปนคําภาษาจีนเรยก
คนไท แปลวา่ “ล่มุ แมน่ าํ ”
9
ความหมายนมี ีลักษณะสอดคลอ้ งกับชวี ตความเปนอยขู่ อง
ชนชาติไททีกอ่ ตงั ชมุ ชนขึนในบรเวณทรี าบลุ่มแมน่ ําและทํา
อาชพี กสกิ รรม รู้จกั ทําทํานบหยาบ ๆ พร้อมทงั คันครู ะบาย
นําคือ เหมือง ฝาย รู้จักใชแ้ รงงานสัตวแ์ ละใชเ้ ครองมือใน
การทาํ นา เชน่ จอบ คราด ไถ
**ปจจุบนั การศกึ ษาค้นควา้ เรองถนิ เดิมของชนชาติไทย
และคนไทยในประเทศไทยปจจุบัน คือการหนั มาใหค้ วาม
สนใจทางดา้ นวฒั นธรรมมากกวา่ เรองเชอื ชาติ เพราะไม่มี
เชือชาตใิ ดในโลกนที ีเปนเชือชาตบิ รสทุ ธิและยงิ ใหญเ่ หนือ
ชน เชอื ชาตอิ ืน ดินแดนประเทศไทยเปนทางผา่ นทีคน
หลายเผ่าพันธุ์ หลายตระกลู เคลือนยา้ ยเขา้ มาตังรกราก
ประเทศไทยเปนแหล่งสะสมของคนหลายหมูเ่ หลา่ ก่อนทีจะ
พฒั นาขึนมาเปนรัฐประชา ชาตทิ ีเรยกวา่ ประเทศไทย ดัง
นนั การเปนคนไทจึงควรมองทีวฒั นธรรมไทยมากกวา่ เรอง
เชือชาติ