วิชาวิทยาศาสตร์
กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เลม่ ท่ี 2
ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 1
ผสู้ อน
เม่อื นกั เรียนศึกษาเรือ่ ง อุณหภมู อิ ากาศ นักเรยี นสามารถ
วิเคราะหแ์ ละอธบิ ายปจั จยั ที่มผี ลตอ่ การเปล่ยี นแปลง
อุณหภมู ิอากาศในรอบวัน
อุณหภูมอิ ากาศ
อุณหภูมขิ องอากาศในแตล่ ะบริเวณแตกตา่ งกัน และในแต่ละ
ช่วงเวลาอุณหภูมิของอากาศก็จะแตกต่างกนั ด้วย ซึง่ ส่วนใหญช่ ว่ งเวลาเชา้
อากาศจะเย็นกวา่ ช่วงเวลาสาย และช่วงเวลาบา่ ย การบอกระดบั ความรอ้ น
เยน็ ของอากาศทราบไดจ้ ากการรายงานอุณหภูมิของอากาศทใี่ ช้เครอ่ื งมอื
วดั คือ เทอรม์ อมเิ ตอรร์ ปู ตวั ยู (U-tube maximum minimum
thermometer)
วิธีใชเ้ ทอรม์ อมเิ ตอรร์ ปู ตวั ยู
1. กอ่ นใช้งานเทอรม์ อมเิ ตอร์ใหส้ ังเกตวา่ เขม็ ชท้ี ้ังสองด้านอย่ตู ดิ กบั ลา
ปรอทหรอื ไม่ ถา้ ไม่ตดิ ให้กดปมุ่ รเี ซต (reset) ค้างไวเ้ พ่ือใหเ้ ขม็ เลือ่ น
ลงมาติดกับลาปรอท
2. เมอ่ื อุณหภมู ิสูงข้นึ ปรอทจะขยายตวั ดนั เข็มชข้ี น้ึ ไปค้างไว้ใหอ้ า่ น
อุณหภูมิสูงสุด และเม่ืออณุ หภมู ขิ องอากาศลดตา่ ลง ปรอทจะหดตวั ลงมา
ดนั ปรอททางด้านอณุ หภมู ิต่าสุดใหเ้ คลือ่ นทีข่ ้ึนไป ซง่ึ จะดันเขม็ ชขี้ นึ้ ไป
ดว้ ย เม่อื เข็มชีไ้ ปค้างอยู่ทต่ี าแหน่งใดกจ็ ะอา่ นอุณหภมู ิต่าสดุ ได้ โดยวธิ ี
อา่ นอณุ หภูมใิ หอ้ า่ นทปี่ ลายด้านล่างของเขม็ ชสี้ ว่ นทตี่ ิดอยกู่ บั ลาปรอท
3. นอกจากจะใชอ้ า่ นคา่ อณุ หภูมิสงู สดุ และต่าสดุ ของแต่ละวนั ไดแ้ ล้ว ยงั
ใชอ้ ่านคา่ อณุ หภมู ิอากาศในสภาพปจั จุบนั (currenttemperature)
ไดอ้ กี ดว้ ย
รปู ท่ี 1 เทอรม์ อมิเตอร์รูปตวั ยู
ท่มี า : https://www.google.com/search
อุณหภูมิของอากาศมกี ารเปลย่ี นแปลง เนอ่ื งจากโลกไดร้ บั พลังงานแสง และ
พลังงานความร้อนจากดวงอาทติ ย์ พ้นื ผิวโลกดูดกลนื รังสจี ากดวงอาทิตยแ์ ละถา่ ยโอน
พลังงานความรอ้ นให้กบั อากาศท่ีอย่เู หนอื บริเวณนนั้ ทาให้อุณหภูมขิ องอากาศ
เปลี่ยนแปลงไป โดยช่วงเช้าดวงอาทิตยเ์ รมิ่ ส่องแสงและแผ่รังสมี ายงั โลก อุณหภมู ขิ อง
อากาศจะคอ่ ยๆ เพมิ่ ขน้ึ พนื้ ทีผ่ วิ โลกไดร้ ับรงั สแี ละถ่ายโอนพลังงานความร้อนให้กับ
อากาศเหนอื บรเิ วณน้นั มากข้ึน จนกระทั่งถึงเวลาเทย่ี งหรือประมาณ
12.00 น. โลกได้รับรงั สีจากดวงอาทิตย์มากท่ีสุด จากนัน้ การไดร้ ับรงั สีจะค่อยๆ ลดลง
แตจ่ ะมีการสะสมพลังงานความร้อนมากขึน้ เรื่อยๆ จนมอี ณุ หภูมขิ องอากาศสูงที่สดุ
(maximum airtemperature) ในช่วงบา่ ยเวลาประมาณ 14.00 น. – 16.00 น.
แล้วอณุ หภมู ขิ องอากาศจะคอ่ ยๆลดต่าลงไปเร่ือย ๆ จนถงึ เวลากลางคนื โลกไม่ได้รับ
รงั สจี ากดวงอาทติ ยแ์ ต่พลังงานความรอ้ นทส่ี ะสมอยู่ท่ีพนื้ ผิวโลกได้ถ่ายโอนออกมาสู่
อากาศเหนือบริเวณนนั้ ๆ จนมอี ุณหภมู ขิ องอากาศตา่ ทีส่ ุด
(minimum air temperature) ในช่วงเวลากอ่ นดวงอาทิตย์จะขน้ึ ประมาณ 05.00 น.
- 06.00 น. หลงั จากดวงอาทติ ยข์ นึ้ การเปลยี่ นแปลงอณุ หภมู ขิ องอากาศก็เป็นไปตาม
ดงั ท่กี ลา่ วมาข้างต้นระดบั อุณหภมู ขิ องอากาศสมั พันธ์กับการแปลความหมายของสภาวะ
อากาศ ดังนี้
ความหมายของสภาวะของอากาศ ระดับอณุ หภมู ขิ องอากาศ
อากาศหนาวจัด ตา่ กวา่ 8 0C
อากาศหนาว
อากาศเย็น อยู่ระหวา่ ง 8.0 0C – 15.9 0C
อากาศร้อน อยู่ระหว่าง 16.0 0C – 22.9 0C
อากาศร้อนจัด อยรู่ ะหวา่ ง 35.0 0C – 39.9 0C
ตั้งแต่ 40 0C ขึน้ ไป
ปัจจัยท่ีทาใหอ้ ุณหภมู ขิ องอากาศ ณ บริเวณหน่ึงสูงหรอื ต่า
1) รังสีจากดวงอาทติ ย์ โลกได้รับรงั สอี ัลตราไวโอเลตหรอื รังสียูวีจากดวง
อาทติ ยซ์ ึ่งพนื้ ผวิ โลกจะดดู กลืนรังสียูวีไว้ แล้วคายพลงั งานทีไ่ ด้รับออกมาในรปู
พลังงานความร้อนหรอื รงั สีอินฟราเรด (Infrared) ถา้ พน้ื ผิวโลกได้รับรงั สยี ูวี
มาก ความรอ้ นทคี่ ายออกมาจะมากดว้ ย ทาใหอ้ ากาศท่ีอยู่เหนอื พนื้ ผิวโลก
บริเวณนน้ั มีอุณหภูมสิ ูงตา่ ถา้ พ้ืนผวิ โลกได้รับรังสยี ูวีจากดวงอาทิตย์น้อย
พลงั งานท่ีคายออกมาจะน้อย อากาศบริเวณน้ันอุณหภมู ิจะต่า
2) ระดับความสงู ของพนื้ ท่ี โดยท่ัวไปพบว่าอุณหภูมิของอากาศจะลดลง
6.5 0C เมือ่ สงู จากพนื้ ดนิ 1 กิโลเมตร ดงั นั้นยอดเขาที่สูงจากระดบั น้าทะเล 2
กโิ ลเมตร หรือ 2,000 เมตร อุณหภูมิของอากาศจะต่ากวา่ อณุ หภูมทิ ี่
ระดบั น้าทะเลเท่ากับ 13 0C
3) ตาแหนง่ บนโลก พ้ืนทบี่ รเิ วณใกล้เส้นศูนยส์ ูตรได้รับแสงอาทิตย์
มากกวา่ บรเิ วณอ่นื ๆ ดงั นนั้ อณุ หภูมิของพนื้ ท่บี ริเวณศูนย์สูตรจงึ สูงกว่าบรเิ วณ
อนื่ โดยเฉพาะบรเิ วณขวั้ โลก อณุ หภมู ขิ องอากาศจะตา่
4) ลักษณะภมู ปิ ระเทศ บรเิ วณหุบเขาอากาศถา่ ยเทไดน้ ้อย อณุ หภมู จิ ึงสูง
บริเวณที่มีปา่ ไม้ ทะเล อากาศถา่ ยเทได้ดี ซ่งึ อากาศจะเป็นตวั พาความร้อนไป
ตามการเคล่อื นทข่ี องอากาศ บริเวณทะเลทรายในเวลากลางวันอากาศจะรอ้ น
จดั เน่อื งจากได้รบั รังสีและพลังงานจากดวงอาทิตย์มาก
และบริเวณทเ่ี ปน็ ป่าไม้ พืชจะดดู พลงั งานจากแสงอาทติ ย์
ไปใช้ในกระบวนการสังเคราะหด์ ้วยแสง ทาใหอ้ ณุ หภูมิ
บริเวณน้ันต่ากว่าบริเวณที่ไมม่ ตี ้นไม้
5) ปริมาณเมฆบนทอ้ งฟา้ ทอ้ งฟา้ ทีม่ ีเมฆมาก
เมฆจะดดู กลืนและสะท้อนรังสจี ากดวงอาทิตยอ์ อกสู่
บรรยากาศ ทาให้อุณหภูมขิ องอากาศไมส่ งู มาก
รปู ท่ี 2 : การดดู กลืนและคายพลงั งานของพน้ื ผวิ โลกในเวลากลางวนั และกลางคนื
ท่มี า : http://nuttanunsrirut.blogspot.com
การรายงานอณุ หภมู ขิ องอากาศ
๏ อุณหภมู ิสงู สุด – ต่าสุดในแตล่ ะวนั (Naximum – Minimum
Temperature)
๏ อุณหภูมเิ ฉลยี่ แตล่ ะวัน (Daily Mean Temperature)
= อุณหภูมสิ ูงสุด + อณุ หภูมิต่าสดุ
2
๏ อุณหภมู เิ ฉลีย่ ของเดือน (Monthly Mean Temperature)
= คา่ อณุ หภูมเิ ฉลย่ี แต่ละวันรวมกัน
จานวนวนั ในเดอื นน้นั
๏ อณุ หภูมิเฉลี่ยของปี (Yearly Mean Temperature)
= ค่าอุณหภมู ิเฉลี่ยแตล่ ะเดอื นรวมกัน
12
การวดั อณุ หภมู ขิ องอากาศ
อณุ หภมู ิของอากาศเปลย่ี นแปลงตลอดเวลา ดงั นนั้ การวัดอุณหภมู ิของอากาศ
จึงต้องทาการวดั ค่าอณุ หภมู สิ งู สุดของแต่ละวนั แล้วหาคา่ เฉลย่ี โดยใช้เครอ่ื งมือที่
ใช้เฉพาะการวัดอณุ หภมู ขิ องอากาศเทา่ นัน้
1. เครอื่ งมือวัดอณุ หภมู ขิ องอากาศ รา่ งกายมนุษยใ์ ช้เคร่ืองมือวดั อณุ หภมู ิ คือ
เทอรม์ อมเิ ตอร์ แตอ่ ณุ หภมู ิของอากาศมีการเปลีย่ นแปลงตลอดเวลาจาเปน็ ตอ้ ง
อาศัยเทอร์มอมเิ ตอร์ที่ทาขนึ้ เฉพาะ เพอื่ ใช้วัดอุณหภูมขิ องอากาศทคี่ ่าอณุ หภูมิ
สูงสดุ และอณุ หภมู ิต่าสดุ ที่เรยี กว่า เทอรม์ อมิเตอร์
2. การตดิ ตง้ั เทอร์มอมิเตอร์ ตอ้ งตดิ ตั้งเทอรม์ อมเิ ตอร์ในต้สู กรนี ท่ี
ประกอบด้วยบานเกล็ดทงั้ 4 ด้าน เพ่อื ให้อากาศผ่านไดส้ ะดวก และป้องกนั ไม่ให้
เทอรม์ อมิเตอรถ์ กู แสงแดดโดยตรง ตสู้ กรนี จะทาด้วยสีขาว เพอ่ื ป้องกนั การดดู รังสี
ความรอ้ นและตอ้ งต้งั ใหส้ ูงจากพน้ื ดนิ เพือ่ ปอ้ งกนั การแผ่รังสคี วามรอ้ นจากพน้ื ดิน
การอ่านค่าอณุ หภูมิตอ้ งใช้ผทู้ ่มี ีความเชยี่ วชาญและตรวจวัดถูกตอ้ งตามหลัก
วชิ าการจึงจะไดค้ ่าท่ถี กู ตอ้ งแนน่ อน
กิจกรรมท่ี 1
เร่อื ง การวดั อณุ หภมู ขิ องอากาศ
คาชแ้ี จง
ให้นกั เรยี นทากจิ กรรมการทดลอง เรอ่ื ง การวัดอณุ หภมู ิของอากาศ แล้ว
บนั ทกึ ผลการทดลอง
วัสดอุ ปุ กรณ์
เทอร์มอมเิ ตอร์ 2 อนั
วิธที ากจิ กรรม
แตล่ ะกลมุ่ ใช้เทอร์มอมเิ ตอร์วัดอณุ หภมู ขิ องอากาศในหอ้ งเรียนและกลางสนาม
ในเวลา 12.00 น. สังเกตอุณหภมู ิในแต่ละบริเวณ บนั ทึกผล และสรุปผลการสงั เกต
บันทึกผลการทากิจกรรม อุณหภูมขิ องอากาศกลางสนาม
(องศาเซลเซียส)
อุณหภูมขิ องอากาศในห้องเรียน
(องศาเซลเซยี ส)
ช่ือ – สกุล ....................................................................ช้นั ................เลขที่............
สรุปผล
................................................................................................................................
................................................................................................................................
................................................................................................................................
................................................................................................................................
................................................................................................................................
................................................................................................................................
................................................................................................................................
........................................................................................................................
คาถามหลงั จากทากจิ กรรม
1. อุณหภมู ขิ องอากาศบรเิ วณใดสูงกว่า เพราะอะไร
.............................................................................................................................
.............................................................................................................................
.............................................................................................................................
2. นกั เรียนคดิ วา่ ในกิจกรรมนม้ี ีปจั จยั ใดบา้ งทีม่ ีอทิ ธิพลต่ออณุ หภูมิ
.............................................................................................................................
.............................................................................................................................
.............................................................................................................................
กิจกรรมท่ี 2
เร่ืองอณุ หภมู ขิ องอากาศมกี ารเปลยี่ นแปลงอยา่ งไร
ชอ่ื – สกุล ....................................................................ช้นั ................เลขที่............
คาชแ้ี จง
ให้นกั เรียนทดลองใช้เทอร์มอมิเตอรว์ ดั อณุ หภมู ิตามบริเวณต่างๆ ทีก่ าหนดให้
ในโรงเรียนแล้วบันทกึ อุณหภูมแิ ละชว่ งเวลาท่ีวัดอณุ หภมู ิลงในตาราง
วัสดอุ ปุ กรณ์
เทอรม์ อมเิ ตอร์
บนั ทกึ ผลการทากจิ กรรม
สถานทบี่ รเิ วณ อณุ หภมู ิ ชว่ งเวลาทว่ี ดั อณุ หภมู ิ
โรงเรยี น (องศาเซลเซยี ส)
ห้องเรียนคอมพวิ เตอร์
หอ้ งเรียนดนตรี
หอประชุม
ห้องสมุด
หอ้ งประจาช้ัน
สหกรณ์
โรงอาหาร
สนามฟุตบอล
หน้าเสาธง
สนามเด็กเล่น
ห้องพกั ครู
บริเวณใต้ต้นไม้
คาถามหลังจากทากจิ กรรม
1. อณุ หภมู ขิ องอากาศในสนามฟตุ บอลในเวลากลางวนั และกลางคนื แตกตา่ งกัน
อยา่ งไร เพราะเหตุใด
.............................................................................................................................
.............................................................................................................................
.............................................................................................................................
2. อณุ หภูมขิ องอากาศในสนามฟุตบอลกบั ใต้ต้นไมใ้ นเวลาเทยี่ งวนั แตกต่างกนั
อย่างไร เพราะเหตใุ ด
.............................................................................................................................
.............................................................................................................................
.............................................................................................................................
3. อะไรมผี ลต่อการเปลยี่ นแปลงอุณหภูมิของอากาศ
.............................................................................................................................
.............................................................................................................................
.............................................................................................................................
4. เคร่อื งมอื วดั อณุ หภมู มิ ีหลกั การทางานอย่างไร
.............................................................................................................................
.............................................................................................................................
.............................................................................................................................
5. วธิ ีการใดจะชว่ ยใหอ้ ากาศในโรงเรียนร่มรน่ื เยน็ สบาย เพราะเหตุใด
.............................................................................................................................
.............................................................................................................................
.............................................................................................................................
กจิ กรรมที่ 3
เรอื่ ง อณุ หภมู ขิ องอากาศ
ชอ่ื – สกุล ....................................................................ชนั้ ................เลขท่ี............
คาชแี้ จง ให้นักเรยี นศึกษาตารางอณุ หภูมแิ ตล่ ะภาคแล้วตอบคาถาม
จงั หวัด ภาคเหนือ อณุ หภมู ิต่าสดุ (0C)
เชยี งราย อุณหภมู สิ ูงสดุ (0C) 12.8
เชยี งใหม่ 16.5
พิษณุโลก 32.0 18.4
33.5
จังหวดั 34.3 อณุ หภมู ติ า่ สุด (0C)
เลย ภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื 16.1
อุณหภูมิสงู สดุ (0C) 19.9
ขอนแก่น 35.1 22.0
นครราชสีมา 35.5
35.3 อณุ หภมู ติ ่าสุด (0C)
จังหวดั ภาคกลาง 25.4
กรุงเทพมหานคร อุณหภมู ิสูงสุด (0C) 19.4
35.8 24.2
นครสวรรค์ 34.5
กาญจนบรุ ี 36.3 อณุ หภูมิต่าสุด (0C)
ภาคตะวนั ออก 26.5
จงั หวดั อุณหภมู สิ งู สุด (0C) 23.9
ระยอง 31.5 24.0
จันทบรุ ี 32.7
ปราจนี บรุ ี 35.5 อณุ หภมู ิตา่ สุด (0C)
ภาคใต้ 23.3
จงั หวัด อณุ หภูมสิ งู สดุ (0C) 24.8
ชุมพร 35.4 24.5
สงขลา 32.8
ภเู กต็ 31.8
คาถามหลังจากทากิจกรรม
1. อณุ หภูมแิ ต่ละพน้ื ที่มีความแตกต่างกันเน่อื งจากสาเหตุใด
.............................................................................................................................
.............................................................................................................................
.............................................................................................................................
2. จงบอกปจั จยั ท่ีมผี ลตอ่ อณุ หภูมิของอากาศ
.............................................................................................................................
.............................................................................................................................
.............................................................................................................................
3. เพราะเหตุใดเมอื งใหญ่ๆ ทม่ี สี ิง่ กอ่ สร้างอาคารคอนกรีตมาก จงึ มีความร้อนมาก
.............................................................................................................................
.............................................................................................................................
.............................................................................................................................
4. เคร่อื งมือทีใ่ ชว้ ดั อุณหภมู ขิ องอากาศมลี ักษณะใด
.............................................................................................................................
.............................................................................................................................
.............................................................................................................................
5. ใหบ้ อกวิธอี า่ นคา่ อุณหภมู ิจากเทอรม์ อมเิ ตอร์แบบเกณฑ์สงู -เกณฑ์ตา่ ท่ีถูกตอ้ ง
.............................................................................................................................
.............................................................................................................................
.............................................................................................................................
กิจกรรมท่ี 4
เร่อื ง ทบทวนความรเู้ กยี่ วกบั อณุ หภมู อิ ากาศ
คาชแี้ จง ใหน้ ักเรยี นทาเคร่อื งหมาย √ หนา้ ขอ้ ความท่เี ห็นว่าถูก และ
ทาเครอ่ื งหมาย X หน้าข้อความท่เี หน็ วา่ ไม่ถูกต้อง
(…..) 1. กลางสนามฟตุ บอลจะมอี ากาศเยน็ สบายกว่าใต้ตน้ ไม้
(…..) 2. ใชเ้ ทอรม์ อมเิ ตอร์วดั อณุ หภมู ิของอากาศได้ 40 0C แสดงว่าขณะนน้ั เปน็ อากาศร้อน
(…..) 3. อณุ หภมู ิท่ีสงู หรอื ตา่ สามารถวดั ได้โดยใชไ้ ฮโกรมิเตอรเ์ ปน็ เครือ่ งมอื ในการวัด
(…..) 4. อุณหภมู ขิ องอากาศ คือ ค่าท่ใี ชบ้ อกถงึ ระดบั ความรอ้ นหรอื เยน็ ของอากาศ
(…..) 5. หนว่ ยของอุณหภมู ิทน่ี ิยมใช้ คอื หนว่ ยองศาเซลเซยี ส (0C) และหนว่ ยองศาฟาเรน
ไฮด์ (0F)
(…..) 6. ชว่ งท่ดี วงอาทิตย์สอ่ งแสงสวา่ งมากที่สุด คือ ตอนเช้าและตอนเย็น
(…..) 7. ถา้ ท้องฟา้ มเี มฆปกคลุมมากจะทาให้อากาศร้อนอบอา้ ว
(…..) 8. เทอร์มอมเิ ตอร์ที่อา่ นค่าไดส้ ูง หมายความว่า อากาศหนาว
(…..) 9. ถ้าช่วยกนั ปลกู ตน้ ไม้มากๆ จะช่วยทาใหโ้ ลกเราไมร่ ้อนข้นึ เปน็ การประหยัด
คา่ ใชจ้ ่าย
(…..) 10. เม่ือใช้เทอร์มอมิเตอรเ์ สร็จแลว้ ควรล้างทาความสะอาด เชด็ ให้แห้ง แลว้ เก็บ
ให้เรียบรอ้ ย
ชอื่ – สกลุ ....................................................................ชั้น................เลขที่............
แนวคาตอบ กิจกรรมที่ 1
เรอื่ ง การวดั อณุ หภมู ขิ องอากาศ
คาชแ้ี จง
ใหน้ กั เรียนทากจิ กรรมการทดลอง เร่อื ง การวัดอุณหภูมขิ องอากาศ แล้ว
บันทกึ ผลการทดลอง
วัสดอุ ปุ กรณ์
เทอร์มอมิเตอร์ 2 อนั
วิธที ากจิ กรรม
แตล่ ะกล่มุ ใช้เทอรม์ อมิเตอรว์ ัดอณุ หภูมขิ องอากาศในหอ้ งเรยี นและกลางสนาม
ในเวลา 12.00 น. สังเกตอุณหภมู ิในแต่ละบรเิ วณ บนั ทึกผล และสรปุ ผลการสงั เกต
บันทึกผลการทากิจกรรม อุณหภมู ิของอากาศกลางสนาม
(องศาเซลเซียส)
อุณหภูมิของอากาศในห้องเรียน
(องศาเซลเซยี ส) 35
30
ชอื่ – สกุล ....................................................................ชน้ั ................เลขท่ี............
แนวคาตอบ
สรุปผล
................................................................................................................................
................เ.ร..า..ส...า..ม..า..ร...ถ..ว..ดั...อ..ณุ....ห..ภ...มู ..ิข...อ..ง..อ...า..ก..า..ศ...โ.ด...ย..ใ..ช...้เ.ท...อ...ร..์ม..อ...ม..ิเ.ต...อ...ร..์ .ซ...่ึง..พ...บ...ว..่า......
.....อ..ณุ....ห..ภ...มู ..ขิ...อ..ง..อ...า..ก..า..ศ...ใ..น..ท....รี่ ..ม่ ..จ...ะ.ต...่า..ก...ว..่า..อ..ุณ....ห...ภ..มู...กิ ..ล..า..ง...ส..น..า..ม..................................
................................................................................................................................
................................................................................................................................
................................................................................................................................
................................................................................................................................
........................................................................................................................
คาถามหลงั จากทากจิ กรรม
1. อณุ หภมู ขิ องอากาศบริเวณใดสูงกว่า เพราะอะไร
.............................................................................................................................
......อ..ณุ....ห..ภ..มู...ิข..อ..ง..อ..า..ก..า..ศ..ก..ล..า..ง..ส..น..า..ม..ส..ูง..ก..ว..่า...เ..พ...ร..า.ะ..ไ..ด..้ร..บั ..แ...ส..ง..แ..ด..ด..ต...ล..อ..ด...เ.ว..ล..า.................
.............................................................................................................................
2. นักเรยี นคดิ วา่ ในกจิ กรรมนมี้ ปี จั จยั ใดบา้ งท่มี อี ิทธิพลต่ออุณหภมู ิ
.............................................................................................................................
.......แ...ส..ง..อ..า..ท...ติ ..ย..์....................................................................................................
.............................................................................................................................
กิจกรรมท่ี 2
เรอื่ งอณุ หภมู ขิ องอากาศมกี ารเปลยี่ นแปลงอยา่ งไร
ชื่อ – สกลุ ....................................................................ชน้ั ................เลขที่............
คาชแี้ จง
ให้นกั เรยี นทดลองใช้เทอรม์ อมิเตอรว์ ดั อุณหภูมิตามบริเวณตา่ งๆ ท่ีกาหนดให้
ในโรงเรยี นแล้วบันทกึ อุณหภมู แิ ละชว่ งเวลาทีว่ ัดอณุ หภมู ลิ งในตาราง
วัสดอุ ปุ กรณ์ แนวคาตอบ
เทอร์มอมเิ ตอร์
บันทึกผลการทากจิ กรรม
สถานทบี่ ริเวณ อุณหภมู ิ ช่วงเวลาทวี่ ดั อณุ หภมู ิ
โรงเรยี น (องศาเซลเซยี ส)
ห้องเรียนคอมพิวเตอร์
หอ้ งเรยี นดนตรี
หอประชมุ
ห้องสมุด
หอ้ งประจาชัน้
สหกรณ์
โรงอาหาร
สนามฟตุ บอล
หน้าเสาธง
สนามเดก็ เล่น
หอ้ งพกั ครู
บรเิ วณใตต้ น้ ไม้
แนวคาตอบ
คาถามหลังจากทากจิ กรรม
1. อณุ หภูมขิ องอากาศในสนามฟุตบอลในเวลากลางวันและกลางคืนแตกตา่ งกัน
อยา่ งไร เพราะเหตใุ ด
.............อ...า..ก..า.ศ...ใ..น..เ.ว..ล..า..ก..ล...า.ง..ว..ัน...ส..งู ..ก..ว..า่ ..ใ.น...เ.ว..ล..า..ก..ล..า..ง..ค..ืน....เ.พ...ร..า..ะ..ใ.น...เ.ว..ล..า..ก..ล..า..ง..ว..ัน...........
...อ...า..ก..า.ศ...ไ.ด...ร้ ..บั ..ค..ว..า..ม..ร..้อ...น..จ..า..ก..ด..ว..ง..อ..า..ท...ิต...ย..์ ................................................................
.............................................................................................................................
2. อณุ หภูมขิ องอากาศในสนามฟุตบอลกบั ใต้ต้นไมใ้ นเวลาเทีย่ งวนั แตกต่างกัน
อยา่ งไร เพราะเหตใุ ด
.............อ...ณุ ...ห..ภ...ูม..ิข..อ..ง..อ..า..ก..า..ศ..ใ..น..ส..น...า..ม..ฟ...ตุ ..บ..อ..ล...ส..งู ..ก..ว..า่ ..ใ.ต...ต้ ..น้...ไ.ม..้เ..พ..ร...า.ะ..ใ..น..ส..น...า.ม................
...ฟ...ตุ...บ..อ..ล..ไ..ด..ร้..ับ...แ..ส..ง..อ..า..ท...ิต...ย..ม์ ..า..ก..ก..ว..่า.........................................................................
.............................................................................................................................
3. อะไรมผี ลต่อการเปล่ยี นแปลงอุณหภูมิของอากาศ
.............................................................................................................................
..............แ...ส..ง..อ..า..ท...ิต..ย..์.ค...ว..า..ม..ช..ืน้ ..ข..อ..ง..อ...า.ก...า.ศ.................................................................
.............................................................................................................................
4. เครอ่ื งมือวัดอุณหภมู มิ ีหลกั การทางานอย่างไร
.............................................................................................................................
...............อ..า..ศ..ยั..ก..า..ร..ท...า..ง..า..น..ข..อ..ง..ข..อ..ง..เ.ห...ล..ว..ท...ี่ม..สี..ม..บ...ัต..ิข..ย..า..ย..ต...ัว..แ..ล..ะ..ห..ด..ต...วั ..ค..ง..ท...่เี .ม..่ือ.............
.....อ..ุณ...ห...ภ..ูม..ิส..ูง..ข..ึ้น..ข..อ...ง.เ..ห..ล..ว..จ..ะ..ข..ย..า..ย..ต..วั..แ...ล..ะ..ห..ด..ต...วั ..เ.ม..่อื ..อ..ุณ....ห..ภ..ูม..ิล...ด..ล..ง..............................
5. วิธีการใดจะชว่ ยให้อากาศในโรงเรยี นรม่ ร่ืนเยน็ สบาย เพราะเหตใุ ด
.............................................................................................................................
...............ป..ล...ูก..ต..้น..ไ..ม..้.เ..พ..ร...า.ะ..ต..้น...ไ.ม..ท้...า..ใ..ห..เ้..ก..ิด..ร..ม่ ..เ.ง..า..แ...ล..ะ.ใ..ห...ค้ ..ว..า..ม..ช..ุม่..ช...ื้น..ก..ับ..อ...า.ก...า.ศ............
.............................................................................................................................
แนวคาตอบ กจิ กรรมที่ 3
เร่ือง อณุ หภมู ขิ องอากาศ
ช่อื – สกุล ....................................................................ชน้ั ................เลขท่ี............
คาชแ้ี จง ให้นักเรียนศกึ ษาตารางอณุ หภมู แิ ตล่ ะภาคแลว้ ตอบคาถาม
จังหวัด ภาคเหนือ อุณหภูมติ ่าสดุ (0C)
เชียงราย อุณหภมู สิ งู สดุ (0C) 12.8
เชียงใหม่ 16.5
พษิ ณุโลก 32.0 18.4
33.5
จังหวดั 34.3 อุณหภูมิตา่ สดุ (0C)
เลย ภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ 16.1
อุณหภูมสิ งู สุด (0C) 19.9
ขอนแก่น 35.1 22.0
นครราชสมี า 35.5
35.3 อุณหภมู ิต่าสดุ (0C)
จังหวัด ภาคกลาง 25.4
กรงุ เทพมหานคร อณุ หภูมิสูงสุด (0C) 19.4
35.8 24.2
นครสวรรค์ 34.5
กาญจนบุรี 36.3 อณุ หภูมติ ่าสุด (0C)
ภาคตะวนั ออก 26.5
จังหวัด อุณหภูมิสงู สดุ (0C) 23.9
ระยอง 31.5 24.0
จนั ทบรุ ี 32.7
ปราจนี บุรี 35.5 อณุ หภมู ิตา่ สุด (0C)
ภาคใต้ 23.3
จังหวัด อณุ หภมู ิสูงสดุ (0C) 24.8
ชมุ พร 35.4 24.5
สงขลา 32.8
ภูเกต็ 31.8
คาถามหลังจากทากิจกรรม แนวคาตอบ
1. อุณหภมู แิ ตล่ ะพนื้ ที่มีความแตกตา่ งกนั เนอ่ื งจากสาเหตุใด
...............1....ไ.ด...้ร..ับ..แ...ส..ง.จ...า.ก...ด..ว..ง..อ..า..ท...ิต..ย..แ์...ต..ก..ต...่า.ง..ก...นั ...เ.พ...ร..า..ะ..โ.ล..ก..ม...ที ..ศิ...ท...า.ง..ก..า..ร..ห...นั ...........
.....เ.ข..้า..ห..า..ด..ว..ง..อ..า..ท...ติ...ย..ต์ ..่า..ง..ก..นั .....................................................................................
...............2....ล...า..แ..ส..ง..ด..ว..ง..อ..า..ท...ติ ..ย...ม์ ..แี ..น...ว..ต..ร..ง..แ...ล..ะ.เ.ฉ...ีย..ง..ต..่า..ง..ก..ัน........................................
...............3....ป...ร..มิ ..า..ณ...ฝ..่นุ...ล..ะ..อ..อ..ง..แ..ล...ะ.ไ..อ..น..า้..จ..ะ..ด..ดู ..ก..ล...นื ..แ..ส..ง..............................................
2. จงบอกปัจจัยที่มผี ลตอ่ อณุ หภูมิของอากาศ
...............1....ช..ว่ ..ง..เ.ว..ล..า..ใ..น...ร..อ..บ..ว..นั ................................................................................
...............2....ค...ว..า..ม..ส..งู ..จ..า..ก..ร..ะ.ด...ับ..น..้า..ท...ะ..เ.ล.....................................................................
...............3....เ..ม..ฆ..ป...ก..ค..ล..มุ...ท..อ้...ง..ฟ..้า...............................................................................
...............4.....ล..ัก..ษ...ณ...ะ.ข..อ..ง..พ...ื้น...ท...ี่ ...............................................................................
3. เพราะเหตุใดเมืองใหญ่ๆ ที่มีส่งิ กอ่ สร้างอาคารคอนกรตี มาก จึงมคี วามร้อนมาก
...............ส..งิ่ ..ก..อ่ ..ส..ร..า้..ง..อ..า..ค..า..ร..ค..อ...น..ก..ร..ีต...จ..ะ.ด..ูด...ก..ล..นื ..ค...ว..า.ม...ร..อ้ ..น..แ...ล..ะ..เ.ม..ือ..ง..ใ..ห..ญ...ๆ่....เ.ห...ล..่า..น..มี้..ี....
.....ต..น้...ไ.ม..น้...้อ..ย..จ..งึ..ไ..ด..ร้ ..ับ..ค...ว..า..ม..ร..อ้ ..น..ม...า.ก....อ..า..ก..า..ศ..ใ..น..เ.ม...อื ..ง..จ..ึง..ร..อ้ ..น..ข..ึ้น...โ.ด..ย..เ..ฉ..พ...า..ะ.เ.ว..ล...า.ก...ล..า..ง..ว..ัน
.............................................................................................................................
4. เครื่องมอื ท่ใี ชว้ ดั อณุ หภูมขิ องอากาศมลี กั ษณะใด
...............เ.น..อื่...ง..จ..า..ก..อ..ุณ...ห..ภ...ูม..ิข..อ..ง..อ..า..ก..า..ศ..ม..ีก...า.ร..เ..ป..ล..ยี่..น...แ..ป...ล..ง..ต..ล...อ..ด..เ.ว..ล..า..จ..ึง..ต...้อ..ง..ใ..ช..เ้ .ท...อ..ร..์.
.....ม..อ..ม..เิ..ต..อ..ร..์ท...่ีส..า..ม..า..ร..ถ..ว..ดั...อ..ุณ...ห..ภ...ูม..ิต..า่..ส..ดุ ...แ...ล..ะ..ส..งู ..ส..ดุ ..ไ.ด...ใ้ .น...แ..ต...่ล..ะ.ว..นั....แ...ล..้ว..น..า..ม..า..ห..า...........
.....ค..่า..เ.ฉ...ล..่ยี ...เ.ร..ีย..ก...ว.่า....เ.ท...อ..ร..์ม..อ..ม..เิ.ต...อ..ร..แ์...บ..บ..เ.ก...ณ...ฑ...์ส..งู ...แ..ล..ะ..เ.ท...อ..ร..ม์..อ...ม..ิเ.ต..อ...ร..์แ..บ..บ...เ.ก..ณ...ฑ...์ต..่า...
5. ให้บอกวธิ ีอ่านค่าอุณหภมู จิ ากเทอร์มอมเิ ตอรแ์ บบเกณฑ์สูง-เกณฑ์ต่าท่ีถูกตอ้ ง
...............อ..า่..น..ค...า่ .อ...ณุ ...ห..ภ...ูม..ิต..่า..ส..ดุ ..แ...ล..ะ.ส..ูง..ส..ุด...ใ.น...แ..ต...่ล..ะ.ว..ัน....โ..ด..ย..ม..เี .ค..ร..่อื...ง..ห..ม..า..ย..ท...ีเ่.ร..ยี..ก...ว.่า........
.....ด..ร..ร..ช..น...ีแ..ส..ด..ง..ค...า่ .อ...ุณ...ห..ภ..มู...ติ ..า่ ..ส..ุด..แ...ล..ะ.ส..ูง..ส..ดุ..ใ..น...ว..ัน..ห...น..ึง่ ..ๆ...เ..ม..อ่ื ..ต..้อ...ง.ก...า.ร..ท...ร..า..บ...ค..่า..ก..อ็ ..า่ ..น.....
.....จ..า..ก..ส..ว่ ..น..ล...า่ .ง..ส..ดุ...ข..อ..ง..ด..ร..ร..ช..น...ีแ..ล..้ว..น...า..ม..า..ห..า..ค..่า..เ.ฉ..ล...ี่ย...ก..า..ร..ต..ดิ...ต..ั้ง..ต..อ้...ง..ต..ิด..ต...้ัง.ใ..น...ต..ู้ส..ก..ร..ีน...ท..่ี
.....ท...า..ส..ีข..า.ว....แ..ล..ะ..ม..ีบ..า..น...เ.ก..ล..็ด...4....ด..า้..น...เ.พ...ือ่ ..ใ..ห..อ้..า..ก..า..ศ..ผ...า่ ..น..ไ..ด..้ส..ะ.ด..ว..ก..................................
กจิ กรรมที่ 4
เรอ่ื ง ทบทวนความรเู้ กยี่ วกบั อณุ หภมู อิ ากาศ
คาชแ้ี จง ใหน้ ักเรียนทาเคร่ืองหมาย √ หน้าขอ้ ความท่เี ห็นวา่ ถูก และ
ทาเครื่องหมาย X หนา้ ขอ้ ความที่เห็นว่าไมถ่ ูกตอ้ ง
(..×..) 1. กลางสนามฟุตบอลจะมอี ากาศเย็นสบายกว่าใต้ต้นไม้
(..√..) 2. ใช้เทอร์มอมเิ ตอรว์ ัดอณุ หภมู ขิ องอากาศได้ 40 0C แสดงวา่ ขณะน้ันเป็นอากาศ
ร้อน
(..×..) 3. อุณหภูมทิ ส่ี ูงหรอื ต่า สามารถวดั ได้โดยใชไ้ ฮโกรมเิ ตอร์เปน็ เครอื่ งมือในการวัด
(..√..) 4. อณุ หภมู ิของอากาศ คือ คา่ ที่ใช้บอกถึงระดบั ความรอ้ นหรอื เย็นของอากาศ
(..√..) 5. หนว่ ยของอุณหภมู ทิ ี่นิยมใช้ คอื หนว่ ยองศาเซลเซียส (0C) และหน่วยองศาฟาเรน
ไฮด์ (0F)
(..×..) 6. ชว่ งทดี่ วงอาทติ ย์ส่องแสงสว่างมากทสี่ ุด คือ ตอนเชา้ และตอนเยน็
(..√..) 7. ถา้ ท้องฟา้ มีเมฆปกคลุมมากจะทาใหอ้ ากาศรอ้ นอบอา้ ว
(..×..) 8. เทอรม์ อมิเตอรท์ อ่ี า่ นคา่ ได้สูง หมายความว่า อากาศหนาว
(..√..) 9. ถ้าช่วยกนั ปลกู ตน้ ไม้มากๆ จะชว่ ยทาให้โลกเราไมร่ ้อนขนึ้ เปน็ การประหยัด
คา่ ใชจ้ ่าย
(..√..) 10. เมื่อใชเ้ ทอร์มอมิเตอร์เสร็จแล้ว ควรล้างทาความสะอาด เชด็ ใหแ้ หง้ แลว้ เก็บ
ใหเ้ รยี บร้อย
ช่อื – สกลุ ....................................................................ชนั้ ................เลขที่............