The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หน่วย 7 ทัศนศิลป์ของไทยในแต่ละยุคสมัย

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

หน่วย 7 ทัศนศิลป์ของไทยในแต่ละยุคสมัย

หน่วย 7 ทัศนศิลป์ของไทยในแต่ละยุคสมัย

Keywords: ทัศนศิลป์ของไทยในแต่ละยุคสมัย

ทัศนศิ ลป์ของไทย
ในแต่ละยุคสมัย

ทัศนศิ ลป์ของไทยในแต่ละยุคสมัย

ผลงานทัศนศิลป์ในแต่ละยุคสมัย เป็นงานศิลปะที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นในช่วง
ระยะเวลาที่แตกต่างกัน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการทางด้านความคิด ความคิด
คติทางศาสนา สังคม การเมือง การปกครอง และอื่นๆ ทั้งนี้ผลงานส่วยใหญ่จะมี
ความเจริญแถบบริเวณทางภาคเหนือ ภาคกลาง และภากตะวันออกเฉียงเหนือ
เป็ นผลงานศิลปะที่เกิดจากอิทธิผลของพระพุทธศาสนาและสาสนาพราหมณ์-ฮินดู
เป็นหลัก ผลงานทัศนศิลป์ที่สร้างสรรค์ขึ้นจำแนกได้เป็นจิตรกรรม ประติมากรรม
และสถาปัตยกรรม โดยผลงานแต่ละสมัยอาจมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบให้แตก
ต่างไปจากเดิมจนกลายเป็นรูปแบบเฉพาะของสมัยนั้นๆ ขึ้้นมา

ทัศนศิ ลป์ของไทยในแต่ละยุคสมัย

1.ผลงานทัศน 3.ผลงานทัศน 5.ผลงานทัศน
ศิลป์ สมัยก่อน ศิลป์ สมัย ศิลป์ สมัย
ประวัติศาสตร์ สุโขทัย
รัตนโกสินทร์

2.ผลงานทัศน 4.ผลงานทัศน
ศิลป์ สมัย ศิลป์ สมัย
อยุธยา
ประวัติศาสตร์
ก่อนสุโขทัย

1.ผลงานทัสนศิ ลป์สมัย
ก่อนประวัติศาสตร์

ผลงานทัสนศิลป์สมัยก่อนประวัติศาสตร์

สมัยก่อนประวัติศาสตร์เป็นช่วงเวลาที่มนุษย์ยังไม่ได้ใช้ตัวอักษร การ
ดำรงชีวิตแบบง่ายๆ อาศัยอยู่ตามถ้ำ เพิงผา ล่าสัต์ และเก็บพืชผัก ผลไม้เป็น
อาหาร เครื่องมือที่มนุษย์สมัยนี้สร้างสรรค์ขึ้นมา ก็คือ เครื่องมือต่างๆ ที่ทำด้วย
หิน กระดูกสัตว์ ผลงานทัศนศิลป์ที่จัดทำขึ้น มุ่งประโยชน์ใช้ส้อยในชีวิตเป็น
หลัก แต่ก็มีบางส่วนที่ทำขึ้นเพื่อใช้ประดับตกแต่งร่างกายให้สวยงามด้วย ผล
งานทัศนศิลป์สมัยก่อนประวัติศาสตร์แบ่งออกเป็น 2 ยุค ได้แก่

ยุคหิน ยุค
โลหะ

ยุคหิน

อยูในช่วงระหว่าง 2.5 ล้านปี - 4,000 ปีล่วงมาแล้ว มนุษย์ในยุคหินจะ
อาศัยเครื่องมือหินในการล่าสัตว์เพื่อดำรงชีพ เคริ่องมือหินในช่วงเริ่มแรกจะเป็น
ขวานหินแบบกำปั้นซึ้งทำขึ้นอย่างง่ายๆ ต่อมาก็มีการขัดเกลาด้านเดียวก่อน หลัง
จากนั้นก็ขัดเกลาทั้ง 2 ด้าน จนกระทั้งพัฒนานำไม้มาทำเป็นด้าม เพื่อให้ใช้งาน
สะดวกขึ้น นอกจากขวานหินแล้ว ยังมีการนำกระดูกสัตว์มาทำเป็นอุปกรณ์เครื่อง
ใช้อีกด้วย

ภาชนะเครื่องปั้นดินเผาลายเขียนสี ผลงานที่มีความสำคัญอีกอย่างหนึ่งในยุคหิน ก็คือ
สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ขุดพบเป็น ผลงานทางด้านประติมากรรม การทำเครื่องปั้นดินเผา
จำนวนมากที่บ้านเชียง จังหวัดอุดรธาณี ประเภทหมอ ไห จาน ชาม ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน
ลวดลายมีความงดงาม เป็นเอกลักษณะ เครื่องปั้นดินเผาเริ่มแรกจะเป็นแบบง่ายๆ ไม่มีลวดลาย มี
ทั้งลายเชือกทาบ ลายขูดขีด ลายเส้นโค้ง บางเห็นก็ทำเป็น
ขาต่อจากก้นหม้อลงมา นอกจากนี้ก็มีการทำเครื่องประดับ
ตกแต่งหิน กระดูก และเปลือกหอย เป็นกำไล ลูกปัด จี้
ฯลฯ ในช่วงยุคหินตอนปลาย มนุษย์รู้จักตั้งบ้านเรือนเป็น
หลักแหล่ง มีการเลี้ยงสัตว์ เพาะปลูก ผู้คนในยุคนั้นได้รู้จัก
สร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์ขึ้นมาอีกหลายชนิด ไม่ว่าจะ
เป็นการทำเครื่องจัดสาน การทอผ้า การสร้างอุปกรณ์
เครื่องใช้ที่มีความประณีตและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ยุคโลหะ

อยูในช่วงระหว่าง 4,000 ปี - 1,500 ปีล่วงมาแล้ว ได้มีการเปลี่ยแปลงวัสดุ
จากที่เคยใช้หินก็พัฒนามาเป็นโลหะ ซึ่งโลหะที่นำมาใช้ เริ่มแรกจะใช้สำริด
(ทองแดงผสมดีบุก) ก่อน หลังจากนั้นก็พัฒนามาใช้เหล็ก การที่มนุษย์รู้จักนำ
โลหะมาใช้ ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในการสร้างชุมชน การสร้าง
บ้านแปลงเมือง การพัฒนาเครื่องมือเครื่องใช้ รวมทั้งการสร้างสรรค์ผลงานทัศน
ศิลป์ อีกด้วย

พัฒนาการที่สำคัญใยุคโลหะอย่างหนึ่ง ก็คือ การรู้จักทำแม่พิมพ์ หรือเบ้า
จากหินสำหรับใช้ลับโลหะ คือ สำริด เหล็กที่หลอมละลาย เพื่อขึ้นเป็นรูปเป็นเครื่อง
มือเครื่องใช้ เครื่องประดับตกแต่งต่างๆ ซึ่งหลักการนี้ก็ยังคงสืบทอดใช้มาอยู่จนถึง
ปัจจุบัน จากหลักฐานที่พบ มีทั้งขวาน มีด ใบหอก เครื่องมือสับตัด กลอง
มโหระทึก สำริด กำไล แหวน ต่างหู และอื่นๆ นอกจากนี้ ยังมีลูกปัดทำจากแก้ว
หินคาร์เนเลียน (Carnelian) นำมาร้อยเป็นสายสร้อย นับเป็นงานประดิษฐ์ทาง
ทัศนศิลป์อีกอย่างที่มีความงดงามมาก นอกจากนี้ ยังทำเครื่องประดับด้วยโลหะ
เช่น กำไลสำริดที่มีลวดลายสวยงาม ขุดพบจากแหล่งโบราณคดีบ้านยางทองใต้
จังหวัดเชียงใหม่ เป็นต้น

ลูกปัดแก้วโมเสครูปใบหน้ าสุริยเทพ ถูก ทางด้านประติมาเครื่องปั้นดินเผา มีการใช้
ค้นพบที่อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ ความรู้ทางด้านทัศนศิลป์ มาสร้างสรรค์
เครื่องปั้นดินเผาให้มีความประณีตและมีความ
เป็ นผลงานในยุคโลหะ สวยงามขึ้นกว่าเดิมโดยนำเอาดินสีแดงมาเขียน
ลวดลายลงบนเครื่องปั้นดินเผาที่มีรูปทรงต่างๆ
ลวดลายที่ออกแบบก็มีอย่างหลากหลายทั้งลายเชือก
ทาบ ลายเรขาคณิต ลายสี่เหลี่ยม ลายวงกลม ลาย
ก้านขด ลายก้นหอย เครื่องปั้นดินเผา ยุคสำริดที่ีอายุ
เก่าแก่และมีความงดงาม ถูกขุดค้นพบที่บ้านเชียง
อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธาณี

ผลงานทัศนศิลป์ในยุคโลหะอีกประเภทหนึ่งที่สำรวจพบ ก็คือ ผลงานด้าน
จิตรกรรม เป็นภาพเขียนสีสมัยก่อนประวัติศาสตร์ โดยผู้คนสมัยนั้นนำสีแดงมา
เขียนเป็นรูปต่างๆ เช่น คน ฝ่ามือ สัตว์ เครื่องใช้ เรขาคณิต เป็นต้น โดยเขียนไว้
ตามหน้ าผา ผนังถ้ำ ภาพเขียนสีที่สำคัญถูกค้นพบที่ผาแต้ม ผาหมอนน้ อย อำเภอ
โขงเจียม จังหวัดอุบลราชธาณี ถ้ำผีหัวโต อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่

2.ผลงานทัศนศิ ลป์สมัย
ประวัติศาสตร์ก่อนสุโขทัย

ผลงานทัศนศิลป์สมัยประวัติศาสตร์
ก่อนสุโขทัย

ดินแดนประเทศไทยเข้าสู่สมัยประวัติศาสตร์เมื่อ พ.ศ. 1180 โดยหลัก
ฐานจากอายุของตัวอักษรบนจารึก ซึ่งพบที่ปราสาทเขาน้ อย จังหวัดสระแก้ว
เป็นหลัก ผลงานทัศนศิลป์สมัยประวัติศาสตร์ในช่วงก่อนสมัยสุโขทัยนี้ มีการ
เปลี่ยนแปลงของผลงานทั้งในด้านแนวคิดและเนื้ อหาของงานไปจากที่เคยเป็ นมา
อันเนื่องมาจากการได้รับอิทธิพลจากอารยธรรมภายนอก คือ อารยธรรมอินเดีย
ผ่านทางศาสนาพราหมณ์ - ฮินดู และพระพุทธศาสนา ทำให้เกิดการสร้างสรรค์
ผลงานเพื่อแสดงออกถึงความศรัทธาในศาสนาขึ้นมาอย่างมากมาย รวมทั้งได้รับ
เอารูปแบบศิลปะอินเกีย ศิลปะขอม เข้ามาประยุกต์ใช้ในการสร้างสรรค์ผลงาน
อีกด้วย

สมัยประวัติศาสตร์ก่อนสุโขทัยจะแบ่งเรื่องราวการสร้างสรรค์
ผลงานทัศนศิลป์ไปตามแต่ละอาณาจักรได้ ดังนี้

สมัยทวารรดี สมัยเชียงแสน
และ

สมัยล้านา

สมัยลพบุรี สมัยศรีวิชัย

สมัยทวารวดี (พุทธศตวรรษที่ 11-16)

สันนิฐานว่ามีศูนย์กลางของวัฒนธรรมอยู่แทบเมืองนครชัยศรี จังหวัด
นครปฐม แต่ผลานทัศนศิลป์แบบทวารวดีจะปรากฏหลักฐานกระจายอยู่ทั่ว
ประเทศ ซึ่งจากการสำรวจทางด้านโบราณคดี ได้พบซากเมืองที่เป็นศูนย์กลาง
ศาสนาของชุมชนในสมัยททวารวดีกระจายอยู่หลายแห่งในพื้นที่ตอนกลางของ
ประเทศ เช่น ที่ตำบลบัว จังหวัดราชบุรี ตำบลพงตึก จังหวัดกาญจนบุรี เมืองพระ
รถ จังหวัดชลบุรี เมืองอู่ตะเภา จังหวัดชัยนาท เป็นต้น

รูปแบบของผลงานทัศนศิลป์สมัยทวารวดีในด้านแนวคิดและเนื้อหา ส่วน
ใหญ่จะเกี่ยวเนื่องกับพระพุทธศาสนานิกายเถรวาท รูปแบบลักษณะสะท้อนถึง
การได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะอินเดีย แต่ก็เปลี่ยนแปลงรูปแบบไปบ้างจนมี
เอกลักษณ์เป็นของตนเอง ผลงานที่พบส่วนใหญ่จะเป็นด้านประติมากรรม เช่น
ธรรมจักรศิลากวางหมอบ เสาหินแปดเหลี่ยม ใบเสมาพระพุทธรูปที่ทำจากสำริด
ศิลา ลักษณะเด่นของพระพุทธรูปสมัยทวารวดีจะมีพระเกตุมาลาเป็นต่อมสั้น
ไม่มีไรพระศก พระโอษฐ์แบะ จีวรบางแนบติดกับพระองค์ ในส่วนของ
สถาปัตยกรรมสมัยทวารวดี มักใช้การก่ออิฐถือปูนไม่นิยมก่อด้วยศิลาแลง รูป
สัณฐานของเจดีย์จะทำเป็นรูปเหลี่ยม องค์สถูปทำเป็นรูประฆังคว่ำ มียอดเตี้ย
เช่น พระฐมเจดีย์ (องค์เดิม) เจดีย์จุลประโทน จังหวัดนครปฐม เป็นต้น

ใบเสมาหินสลักเล่าเรื่อง "พมพาพิสาป" พระพุทธรูปปางนาคปรกสมัยทวารวดี ถูกค้นพบ
สมัยทวารวดี ปัจจุบันแสดงอยู่ภายใน ที่วัดประดู่ทรงธรรม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จังหวัดขอนแก่น พุทธลักษณะได้รับแบบอย่างมาจากศิลปะอินเดีย

สมัยลพบุรี (พุทธศตวรรษทีี่ 12-18)

ลพบุรี หรือละโว้เป็นอาณาจักรที่มีความเจริญต่อเนื่องมาอย่างยาวนาน มี
พื้นที่ครอบคลุมหลายจังหวัดในประเทศ ลพบุรีเป็นอาณาจักรที่ได้รับวัฒนธรรม
หลายชาติผสมกัน ทั้งจากอินเดีย ขอม และทวารวดี่วงแรกลพบุรีนับถือพระพุทธ
ศาสนานิกายเถรวาทตามอย่างอาณาจักรทวารวดี ผลงานทัศนศิลป์ที่สร่างสรรค์ขึ้น
ที่สำรวจพบเป็นพระพุทธรูปทำจากสำริด ศิลา รวมทั้งธรรมจักรศิลา ซึ่งมีอยู่เป็น
จำนวนมาก

แต่ภายหลังเมื่อลพบุรีตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของขอม ก็ส่งผลให้พระพุทธ
ศาสนานิกายมหายานและศาสนาพราหมฮิน - ดูเข้ามามีบทบาทแทนที่ ผลงาน
ทัศนศิลป์ที่สร้างขึ้นในช่วงหลัง ไม่ว่าจะเป็นด้านประติมากรรม หรือ
สถาปัตยกรรมก็เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม สะท้อนให้เห็นการได้รับอิทธิพลของ
ศิลปะขอมมาอย่างเด่นชัด ผลงานที่สำคัญ เช่น พระพุทธรูปทรงเครื่องปาง
นาคปรก พระปรางค์สามยอด ปรางค์แขก จังหวัดลพบุรี ปราสาทหินพิมาย
จังหวัดนครราชสีมา ปราสาทหินพนมรุ้ง จังหวัดบุรีรัมย์ ประติมากรรมรูปพระ
โพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ประติมากรรมรูปพระนารายณ์ รูปแกะสลักพระะรหมแผ่น
ศิลา เป็นต้น

ปราสาทหินพนมรุ้ง อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์ เป็น
ปราสาทหินที่มีความงดงามามกที่สุดแห่งหนึ่ งในดินแดนสยาม
ประเทศ

สมัเชียงแสนและล้านา (พุทธศตวรรษที่ 12-25)

แต่เดิเป็นศูนย์กลางอยู่ในเขตอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย มีเขตอิทธฺ
พลอยู่บริเวณทางภาคเหนือตอนบน จนกระทั่งถึงช่วงพุทธศตวรรษที่ 19 สมัย
พระยามังรายมหาราช จึงได้ทรงย้ายราชธานีมาสร้างขึ้นใหม่ที่เมืองนพบุรีศรีนคร
พิงค์เชียงใหม่ และก่อตั้งเป็นอาณาจักรล้านนา

ลักษณะศิลปะสมัยเชียงแสน เป็นผลงานที่แสดงถึงศิลปะไทยค่อนข้าง
ชัดเจน มีการออกแบบสร้างสรรค์ผลงานด้วยคงามงดงามที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ
ตัว ซึ่งมีอิทธิพลของศิลปะสมัยเชียงแสนได้สืบทอดส่งต่อมายังสมัยล้านาด้วย

ผลงานทางด้านทัศนศิลป์ สมัยเชียงแสนสะท้อนถึงการได้รับอิทธิพลการ
นับถือพระพุทธศาสนานิกายเถรวาท ลักษณะผลงานทางด้านประติมากรรม
สมัยเชียงแสนรุ่น 1 พระพุทธรูปจะมีพระวรกายอวบอ้วน พระพักตร์กลมคล้าย
ผลมะตูม พระขนงโก่ง พระนาสิกโค้งงุ้ม พระโอษฐ์แคบเล็กเสมือนยิ้มเล็กน้ อย
พระหนุเป็นปม พระรัศมีเหนือเกตุมาลาเป็นดอกบัวตูมเส้นพระศกขมวดพระ
เกศาใหญ่ พระอุระนูน ชายสังฆาฏิสั้นทำเป็นชายธง หรือเขี้ยวตะขาบ ส่วน
ใหญ่สร้างเป็นปางมารวิชัยขัดสมาธิเพชร ฐานที่รององค์พระมีทั้งทำเป็นกลีบบัว
ประดับและมีลักษณะแบบฐานเป็ นเขียงที่ไม่มีดอกบัวรองรับ

ส่วนพระพุทธรูปสมัยเชียงแสนรุ่น 2 หรือสมัยล้านา หรือสมัย
เชียงใหม่ ซึ่งได้รับอิทธิพลของศิลปะสุโขทัยเข้ามาผสมผสาน พระพักตร์
เป็ นรูปไข่
พระวรกายอวบอ้วน พระอุระนูน พระรัศมีทำเป็นแปลวเพลิง ขมวดพระ
เกศาเล็ก ชายสังฆาฏิยาวจรดพระนาภี มักทำเป็นแบบขัดสามธิราบ

ทงด้านสถาปัตยกรร เป็นศิลปะเชียงแสนที่สร้างขึ้นในช่วงหลังสมัย
อาณาจักรล้านา ผลงานเด่นๆ เช่น เจดีย์วัดป่าสัก จังหวัดเชียงราย เจดีย์
เจ็ดยอด (วัดโพธาราม) จังหวัดเชียงใหม่ พระธาตุลำปางหลวง จังหวัด
เชียงราย พระบรมธาตุดอยสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่ เป็นต้น

พระบรมธาตุดอยสุเทพ เป็นสถูปเจดีย์แบบเชียงแสนที่ผสมแบบลังกา
ตั้งอยู่บนดอยสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่

สมัยศรีวิชัย (พุทธศตวรรษที่ 13-19)

สันนิษฐานว่ามีศุนย์กลางอยู่ตั้งแต่ปลายคาบสมุทรมลายูจนถึงเกาะชวาและ
สุมาตรา รวมไปถึงบริเวณภาคใต้ของประเทศไทย โดยเฉพาะมี่เมืองไชยา จังหวัด
สุราษฎร์ธานี เนื่องจากมีการค้นพบสถาปัตยกรรมที่สร้างด้วยอิฐเก่าแก่และค้นพบ
ประติมกรรมที่ได้รับอิทะฺพลมาจากอินเดีย ผลงานทัศนศิลป์ของอาณาจักรศรีวิชัย
เท่าที่มีอยู่ จะเป็นผลงานทางด้านพระพุทธศาสนา ทั้งนิกายมหายยามและนิกาย
เถรวาท ผลงานที่เด่นๆ เช่น พระบรมไชยา พระพุทธรูปปางนาคปรกสำริด ปาง
มารวิชัย ประติมากรรมรูปพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร เทวรูปพระนารายณ์ พระ
พิทพ์ดินดิบ เป็นต้น

พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ศิลปะสมัยศรีวิชัย ถูกค้นพบที่อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี

3.ผลงานทัศนศิ ลป์สมัย
สุโขทัย

ผลงานทัศนศิลป์สมัยสุโขทัย

ศิลปกรรมสมัยสุโขทัยเริ่มต้นตั้งแต่เมื่อพ่อขุนศรีอินทราทิตย์สถาปนากรุง
สุโขทัยเป็นอิศระไม่ขึ้นแก่ขอม เมื่อราว พ.ศ.1800 หลังจากนั้นก็มีการสร้างสรรค์
ผลงานทัศนศิลป์ขึ้นมาอย่างมากมาย แต่เดิมนั้นสุโขทัยได้รับอิทธิพลการนับถือ
ศาสนาและแบบอย่างศิลปกรรมจากพวกขอม ต่อมาจึงได้สร้างผลงานทัศนศิลป์ใน
พระพุทธศาสนานิกายเถรวาทลัทธิลังกาวงศ์ มีการออกแบบสร้างงานทัศนศิลป์ที่มี
เอกลักษณ์เฉพาะเป็นของตนเอง ที่ถือว่ามีความงดงามมากที่สุดสมัยหนึ่งของไทย
โดยเฉพาะพระพุทธรูปและสถูปเจดีต่างๆ

4.ผลงานทัศนศิ ลป์
สมัยอยุธยา

ผลงานทัศนศิ ลป์สมัยอยุธยา

แบบอย่างงานทัศนศิลปสมัยอยุธยาเจริญขึ้นทางภาคกลางของ
ประเทศไทย มีช่วงเวลาวิวัฒนาการรนานถึง 417 ปี แนวคิดและเนื้อหาของผล
งานทัศนศิลป์ ส่วนใหญ่จะยังคงสะท้อนถึงความศรัทธาในพระพุทธศาสนานิกาย
เถรวาท มีการสร้างผลงานทัศศิลป์เป็นจำนวนมากเพื่อถวายแด่พระศาสนา ผลงาน
สำหรับพระมหากษัตริย์อีกด้วย โดยเฉพาะการก่อสร้างปราสาทราชวัง เพื่อใช้เป็นที่
ประทับในกรุงศรีอยุธยา ซึ่งมีความวิจิตงดงาม โดยนำเอาช่างแขนงต่างๆ มาร่วม
กันสร้างสรรค์ขึ้น

ผลงานทัศนศิลป์สมัยอยุธยา สามารถเป็นภาพรวมในแต่ละด้านได้
ดังนี้

จิตรกรรม สถาปั ตยกรรม

ประติมากรรม

ด้านจิตรกรรม

จิตรกรรมในอยุธยาจะเกี่ยวเนื่องกับพระพุทธศาสนา โดยช่วงแรกจะได้
รับอิทธิพลของศิลปะแบบลพบุรี สุโขทัย และลังกาผสมผสานกัน บางภาพจะมี
ลักษณะแข็งและหนัก ใช้สีดำ สีขาว และสีแดง มีการปิดทองบนภาพบ้างเล็กน้ อย
เช่น ภาพเขียนบนฝาผนังในกรุงพระปรางค์ วัดราชบูรณะ จังหวัด
พระนครศรีอยุธยา ซึ่งสร้างขึ้นสมัยสมเด็จพระบรมราชาธิารชที่ 2
(เจ้าสามพระยา) ภาพเขียนบนฝาผนังในตำหนักสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์
วัดพุทไธศวรรย์ เป็นต้น แต่ช่วงหลังจิตรกรรมสมัยอยุธยามักวาดภาพที่เกี่ยวกับ
ไตรภูมิ

และมีภาพพุทธประวัติประกอบอยู่ด้วย ซึ่งวิธีการเขียนภาพจะเป็นเช่นเดียวกับ
จิตรกรรมฝาผนังสมัยสุโขทัยที่นิยมใช้สีแดงเข้มเป็นพื้น แต่สมัยอยุธยาจะมีการใช้
สีที่เพิ่มมากขึ้น เช่น ภาพจิตรกรรมฝาผนังในพระอุโบสถวัดใหญ่สุวรรณาราม
จังหวัดเพชรบุรี วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรวิหาร จังหวัดราชบุรี วัดใหม่ประชุมพล
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นต้น

นับตั้งแต่สมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง (สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 5
พ.ศ. 2172 - 2199) จนสิ้นสุดสมัยอยุธยา จิตรกรรมของสมัยอยุธยาแสดงให้เห็น
ถึงลักษณะของจิตรกรรมของไทยแท้อย่างสมบูรณ์ มีการปิดทองบนรูปและ
ลวดลาย เนื้อเรื่องที่เขียนจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับเทพชุมนุม พุทธประวัติ ไตรภูมิ
วิธีการเขียนยังคงใช้สีน้ อย ภาพมีลักษณะแบนและตัดเส้นด้วยสีขาวและสีดำ

ภาพจิตรกรรมในสมุดข่อย สมัยอยุธยา เกี่ยวกับพระพุทธ
ประวัติและไตรภูมิ สีส่วนใหญ่ที่ใช้จะเป็นสีแดง สีดำ สีขสว

ด้านประติมากรรม

ผลงานที่มีลักษณะเด่นทางด้านทัศนศิลป์ ประเภทประติมากรรมในสมัย
อยุธยาที่สำคัญ ได้แก่ การสร้างพระพุทธรูป ซึ่งจำแนกเป็นกลุ่มได้ ดังนี้

1) พระพุทธรูปแบบศิลปะทวารวดีผสมเขมร สร้างขึ้นระหว่างพุทธ
ศตวรรษที่ 17 - 18 มีพุทธลักษณะที่สำคัญ คือ รัศมีเป็นรูปดอกบัวตูม จีวรคล้าย
แบบทวารวดี มีพระพักตร์เป็นลักษณะสี่เหลี่ยมตามแบบเขมร องค์พระพุทธรูปทำ
ด้วยศิลา หรือโลหะ

2) พระพุทธรูปแบบศิลปะอู่ทอง ศิลปะอู่ทองเป็นศิลปะที่แพร่หลายอยู่
แถบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่างก่อนการสถาปนาอาณาจักรอยุธยา
ซึ่งมีลักษณะบางอย่างผสมผสานกันระหว่างศิลปะทวารวดีกับศิลปะลพบุรี

ซึ่งต่อมาศิลปะอู่ทองก็ค่อยผสมกลมกลืนเปลี่ยนไปเป็ นศิลปะแบบอยุธยา
ตัวอย่างพระพุทธรูปศิลปะอู่ทอง เช่น หลวงพ่อโต หรือพระพุทธไตรรัตนนายก
วัดพนัญเชิง เศียรพระพุทธรูปสำริด วัดธรรมิกราช จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
พระพุทธรูปหลายองค์ที่พบในเขตอำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท และจังหวัด
สุพรรณบุรี เป็นต้น ลักษณะเด่นของพระพุทธรูปแบบอู่ทอง จะมีไรพระศก ชายจีวร
หรือสังฆาฏิยาว ปลายตัดเป็นเส้นตรง ปางมารวิชัย ประทับนั่งขัดสมาธิราบ

3) พระพุทธรูปปบบอยุธยา มีการปรากฏแพร่หลายขึ้นตั้งแต่รัชสมัย
สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 ลงมาจนสิ้นสุดสมัยอยุธยา พ.ศ. 2310 โดยมีพุทธ
ลักษณะที่ได้รับอิทธิพลจากศิลปะสุโขทัย ลักษณะวงพระพักตร์และพระรัศมีของ
พระพุทธรูปเป็นแบบสุโขทัย ต่างกันคือมีเพียงไรพระศกและชายสังฆาฏิที่ใหญ่
หากเป็นพระพุทธรูปทรงเครื่อง พระรัศมีก็ทำเป็นอย่างก้นหอยบ้าง เป็นอย่างมงกุฎ
เทวรูปแบบลพบุรีบ้าง โดยทำเป็นปางต่างๆ ได้แก่ ปางไสยาสน์ ปางมารวิชัย ปาง
สมาธิ ปางลีลา ปางประทานอภัย และปางป่าเลไลยก์

4) พระพุทธรูปทรงเครื่อง เป็นศิลปะที่นิยมสร้างในช่วงปลายสมัย
อยุธยา นับตั้งแต่สมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง (สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 5 พ.ศ.
2172 - 2199) เป็นต้นมา พระพุทธรูปมักจะมีการแต่งองค์ทรงเครื่องสวยงาม
เหมือนอย่างกษัตริย์ มีทั้งแบบทรงเครื่องใหญ่และแบบทรงเครื่องน้ อย แบบทรง
เครื่งอน้ อยนั้นมักมีกรรเจียกผืนเป็นครีบออกมาเหนือใบพระกรรณ ซึ่งถือเป็น
เอกลักษณ์เฉพาะของพระพุทธรูปสมัยอยุธยา เช่น พระประธานวัดหน้ าพระเมรุ
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พระพุทธรูปประทับยืนปางห้ามสมุทร วัดใหญ่
สุวรรณาราม จังหวัดเพชรบุรี เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีผลงานประติมากรรมที่มี
ความโด่ดเด่นอีกหลายอย่าง เช่น บานประตูไม้แกะสลัก ตู้ใส่คัมภีร์พระไตรปิฎก
เครื่องราชูปโภคสำหรับกษัตริย์ เป็นต้น

หลวงพ่อโต (พระพุทธไตรรัตนนายก) วัดพนัญเชิง จังหวัดพระนรศรีอยุธยา เป็นพระพุทธรูปขนาด
ใหญ่ศิลปะสมัยอู่ทอง มีอายุเก่าแก่กว่ากรุงศรีอยุธยสถึง 26 ปี

เศียรพระประธานสำริดจากวัดธรรมมิกราชศิลปะอู่ทอง ภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ
เจ้าสามพระยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

พระประธานวัดหน้ าพระเมรุ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องสมัยอยุธยา
ตอนปลายที่มีลักษณะงดงามมากองค์หนึ่ ง

ด้านสถาปั ตยกรรม

สถาปัตยกรรมสมัยอยุธยานอกจากจะสร้างขึ้นเพื่อศาสนาแล้ว ยังมีการ
สร้างเป็นตำหนักสำหรับพำนัก อาศัยของเชื้อพระวงศ์และเป็นอาคารเพื่อว่าราชการ
อีกด้วย ซึ่งสามารถจำแนกลักษณะสถาปัตยกรรมเด่นๆ สมัยอยุธยาได้ ด้งนี้

1) เจดีย์
2) อาคาร
3) โบสถ์ วิหาร มณฑป

1) เจดีย์ หมายรวมถึงสถูปด้วย เจดีย์ในสมัยอยุธยาสามารถจำแนกได้
หลายรูปแบบไปตามแนวความคิด คติความเชื่อทางศาสนาในแต่ละช่วงเวลา โดย
ในช่วงระยะแรก อยุธยานิยมสร้างเจดีย์แบบทรงปรางค์ตามธรรมเนียมนิยมที่เคย
มีมาก่อน แต่มีการปรับเปลี่ยนรูปทรงองค์ปรางค์ให้มีความเพรียวได้สัดส่วนมาก
กว่าศิิลปะแบบขอม เช่น ปรางค์วัดพระราม ปรางค์วัดพุทไธศวรรย์ จังหวัด
พระนครศรีอยุธยา เป็นต้น ปรางค์ที่สร้างขึ้นจะมีฐานะเป็นศูนย์กลางของวัด จึง
สร้างให้มีขนาดใหญ่ มองเห็นเด่นชัดแต่ไกล และมีการสร้างระเบียงคดเป็น
สี่เหลี่ยมจัตุรัสล้อมรอบด้วย

2) อาคาร นอกจากอาคารที่เป็นแบบไทย ซึ่งเคยสร้างกันขึ้นมาแล้ว
ยังเป็ นสมัยแรกที่มีการนำเอาแบบอย่างการก่อสร้างสถาปั ตยกรรมตะวันตกเข้ามา
ผสมผสานกับสถาปัตยกรรมไทยด้วยโดยสร้างอาคารแบบก่ออิฐถือปูน มีการวางผัง
ก่อสร้างอย่างเป็นระเบียบ จัดบริเวณให้ร่มรื่น มีลานกว้าง มีการสร้างอ่างเก็บน้ำ
หรือประปาไว้ใช้ ที่เห็นได้เด่นชัด คือ สถาปัตยกรรมภายในเขตพระนารายณ์ราช
นิเวศน์ จังหวัดลพบุรี

3) โบสถ์ วิหาร มณฑป นิยมสร้างให้มีขนาดใหญ่โต ยกฐานสูง ผนัง
ด้านข้างทำเป็นช่องแบบลูกมะหวด และแบบมีหน้ าต่าง เสาจะมีการก่อด้วยอิฐเป็น
ส่วนใหญ่ ทำเป็นเสากลม ปลายเสาตกแต่งด้วยบัวหัวเสา หรือบัวกลุ่ม ในช่วงสมัย
อยุธยาตอนปลาย จะทำฐานให้เห็นเป็นแนวแอ่นโค้งรับกับส่วนหลังคาที่ซ้อนกันขึ้น
ไปเป็นชั้นและโค้ง มักใช้เสากลมก่ออิฐถือปูน ตรงหัวเสาจะเป็นบัวตูม มีการ
ตกแต่งด้วยลายปูนปั้น ในส่วนของซู้มประตู้หน้ าบานหน้ าต่าง นิยมแกะสลักไม้ปิด
ทองประดับกระจก

สำหรับงานทัศนศิลป์สมัยธนบุรีนั้น เนื่องจากมีระยะเวลาสั้นเพียง 15 ปี
การสร้างงานทัศนศิลป์มีจำนวนไม่มากชิ้น และรูปแบบส่วนใหญ่ก็ยังคงเหมือนเมื่อ
ครั้งสมัยอยุธยา จึงขอจัดรวมไปไว้ในงานทัศนศิลป์สมัยอยุธยา

พระเจดีย์ศรีสุริโยทัย เป็นเจดีย์แบบย่อมุมไม้สิบสอง ตั้งอยู่ที่วัดสวนหลวงสบสรววค์ จังหวัด
พระนครศรีอยุธยา

ประติมากรรมเกี่ยวกับไม้สมัยอยุธยาที่มีการจัดทำขึ้นอย่างประณีต
(ซ้าย) บานประตูจำหลักไม้ ที่วัดหน้ าเมรุ (ขวา) ทวารบาลแกะสลักด้วยไม้บนบานประตูไม้จำหลัก
เป็นประตูซุ้มคูหาพระสถูป วัดพระศรีสรรเพชญ์ ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ภายในพิพิธภัณฑสถานแห่ง

ชาติ เจ้าสามพระยา จังหวัดพระนรศรีอยุธยา


Click to View FlipBook Version