The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

ผลงานทัศนศิลป์แต่ละยุคสมัย

รายงานศิลปะ

รายงาน เรื่อง ผลงานทัศนศิลป์ ในสมัยรัตนโกสินทร์ จัดทำโดย เด็กชายปภาวิน ขุนแก้ว เลขที่ ๘ เด็กหญิงณัฐริณีย์ กอวัฒนากุล เลขที่ ๑๔ เด็กหญิงณัยฟีน หะยีเจ๊ะโวะ เลขที่ ๑๖ เด็กหญิงภัทรธิการ แซ่ก๊ก เลขที่ ๒๘ เด็กหญิงลลิตภัทร ศรีเทพ เลขที่ ๒๙ เด็กหญิงศิริอร ไชยพันธุ์ เลขที่ ๓๓ เด็กหญิงสาริศา เชื้อทอง เลขที่ ๓๔ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒/๗ เสนอ คุณครูโสพิศ ชาติพันธุ์ รายงานฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาทัศนศิลป์ ส๒๒๑๐๓ ภาคเรียนที่ ๒ ปี การศึกษา ๒๕๖๕ โรงเรียนคณะราษฎรบำรุง จังหวัดยะลา


รายงานเรื่อง ผลงานทัศนศิลป์ ในสมัยรัตนโกสินทร์ ผู้จัดทำ เด็กชายปภาวิน ขุนแก้ว เลขที่ ๘ เด็กหญิงณัฐริณีย์ กอวัฒนากุล เลขที่ ๑๔ เด็กหญิงณัยฟีน หะยีเจ๊ะโวะ เลขที่ ๑๖ เด็กหญิงภัทรธิการ แซ่ก๊ก เลขที่ ๒๘ เด็กหญิงลลิตภัทร ศรีเทพ เลขที่ ๒๙ เด็กหญิงศิริอร ไชยพันธุ์ เลขที่ ๓๓ เด็กหญิงสาริศา เชื้อทอง เลขที่ ๓๔ เสนอ คุณครูโสพิศ ชาติพันธุ์ โรงเรียนคณะราษฎรบํารุง จังหวัดยะลา


คำนำ รายงานฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรายวิชาทัศนศิลป์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/7 โดย มีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาความรู้เรื่องผลงานทัศนศิลป์สมัยรัตนโกสินทร์ ภายในรายงานฉบับนี้ประกอบด้วย เนื้อหา 3 ส่วน ได้แก่ 1.ผลงานประติมากรรม 2.ผลงานสถาปัตยกรรม 3.ผลงานจิตรกรรม ผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารายงานฉบับนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจที่จะศึกษาหาความรู้เรื่องผลงาน ทัศนศิลป์สมัยรัตนโกสินทร์ สุดท้ายนี้ผู้จัดทำขอขอบคุณบุคคลและคณะบุคคล ที่ผู้จัดทำใช้เป็นแหล่งอ้างอิงมา ณ ที่นี้เป็นอย่างสูง คณะผู้จัดทำ


ผลงานทัศนศิลป์ในสมัยรัตนโกสินทร์ ด้านสถาปัตยกรรม ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นจะเป็นการสืบทอดรูปแบบศิลปะสมัยอยุธยา ต่อมาเมื่อได้รับอิทธิพลจาก ศิลปะตะวันตก ลักษณะของสถาปัตยกรรมก็มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งพอจะสรุปพัฒนาการของ ผลงานทัศนศิลป์ด้านสถาปัตยกรรมสมัยรัตนโกสินทร์ได้ดังนี้ 1) สถาปัตยกรรมแบบอยุธยา ในช่วงรัตนโกสินทร์ตอนต้น การก่อสร้างอาคารมักจะเลียนแบบ สถาปัตยกรรมอยุธยาเป็นหลัก โดยเฉพาะอาคารประเภทเครื่องก่อ เช่นโบสถ์ วิหาร ปราสาทราช มณเฑียร จะสร้างให้ฐานแอ่นโค้งรับกับหลังคาที่เรียกว่า ฐานแอ่นโค้งแบบตกท้องช้างหรือโค้ง สำเภา เช่น สถาปัตยกรรมหมู่พระมหามณเฑียรสถาน 3 หลัง คือ พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน พระที่นั่ง ไพศาลทักษิณ และพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยฯ เป็นต้น และยังนิยมสร้างเจดีย์ทรงกลมแบบลังกา และ แบบทรงกรวยเหลี่ยมย่อมุม เช่น เจดีย์ทอง 2 องค์ บริเวณมุมปราสาทพระเทพบิตร ภายในวัดพระศรี รัตนศาสดาราม ส่วนการสร้างเจดีย์ทรงปรางค์มีการปรับเปลี่ยนจากรูปแบบของขอมให้มี ลักษณะเฉพาะเป็นแบบไทยที่มีรูปทรงเพรียวและอ่อนช้อยมากกว่าของขอม เช่น พระปรางค์ วัดอรุณ ราชวราราม เป็นต้น สถาปัตยกรรมแบบสมัยรัชกาลที่ 3 ซึ่งจะเป็นสถาปัตยกรรมที่เลียนแบบศิลปะจีน เสาอาคารไม่มีบัวหัวเสา ไม่ติดคันทวย ก่อเป็นสี่เหลี่ยมทึบ โบสถ์ วิหาร ก็เอาช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ ออก มีการนำเอาลวดลายบนเครื่องปั้นดินเอามาประดับ วัดที่มีตัวอย่างศิลปะจีนผสมผสานอยู่มาก เช่น วัดราชโอรสาราม วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม วัดสุทัศนเทพวราราม เป็นต้น นอกจากนี้ในสมัยรัชกาลที่ 3 ยังมีการประดิษฐ์ยอดซุ้มและยอดปราสาทเป็นรูปมงกุฎ ดังจะเห็น ตัวอย่างได้จากสถาปัตยกรรมภายในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม วัดพระศรีรัตนศาสดาราม วัดอรุณราชวราราม โลหะ ปราสาทวัดราชนัดดารามวรวิหาร เป็นต้น


วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม วัดอรุณราชวราราม 2) สถาปัตยกรรมยุคปรับตัวตามกระแสตะวันตก มีรูปลักษณะผสมผสานและรับแบบอย่าง สถาปัตยกรรมตะวันตกเข้ามาใช้ในสถาปัตยกรรมไทย ดังจะสังเกตได้อย่างชัดเจนในสมัยรัชกาลที่ 5 เช่น การก่อสร้างพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ซึ่งเป็นอาคารแบบยุโรปแต่เปลี่ยนเครื่องบนเป็นยอด ปราสาทแบบไทย 3 ยอดเรียงกัน การสร้างพระราชวังบางปะอินที่สร้างเลียนแบบพระราชวังแวร์ชาย ของฝรั่งเศส แต่พระที่นั่งกลางสระ คือ พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์ นั้นสร้างเป็นแบบไทยอย่างวิจิตร งดงาม พระที่นั่งอนันตสมาคมที่ออกแบบโดยนายช่างชาวอิตาลี บนพระที่นั่งมีโดมใหญ่แบบยุโรปอยู่ ตรงกลาง นอกจากนี้ก็มีผลงานสถาปัตยกรรมอีกจำนวนมากที่สร้างตามแบบตะวันตก เช่น พระที่นั่ง บรมพิมานในพระบรมมหาราชวัง กระทรวงกลาโหม ศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อาคารบริเวณถนนราชดำเนินกลาง สถานีรถไฟหัวลำโพง เป็นต้น


พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์ อาคารบริเวณถนนราชดำเนินกลาง 3) สถาปัตยกรรมสมัยใหม่ หลังจาก พ.ศ.2475 เป็นต้นมาผลงานทางด้านสถาปัตยกรรมมีการขยายตัว อย่างรวดเร็วตามการเจริญเติบโตของบ้านเมืองและสังคม มีการสร้างผลงานทัศนศิลป์ด้าน สถาปัตยกรรมขึ้นเป็นจำนวนมาก โดยอิทธิพลศิลปะของตะวันตกได้เข้ามามีบทบาทอย่างสำคัญทั้งด้าน รูปแบบ เทคโนโลยี และวัสดุอุปกรณ์ที่นำมาใช้ในการสร้าง แนวคิดในการสร้าง นอกจากเพื่อประโยชน์ ทางศาสนา และใช้ในราชการแล้วก็ยังใช้เพื่อสาธารณะ ซึ่งรูปแบบที่สร้างสรรค์ออกมาจะมีความ หลากหลายมาก มีทั้งที่เป็นแบบสมัยใหม่ แบบไทยประยุกต์ และแบบไทยสมัยก่อนขณะเดียวกัน สถาปัตยกรรมสมัยใหม่นอกจากจะเน้นเรื่องความสวยงามความคงทนแล้ว ยังได้รับการออกแบบให้ สอดคล้องกลมกลืนกับสภาพภูมิทัศน์ และคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมด้วย


อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ประติมากรรม สมัยรัตนโกสินทร์ด้านประติมากรรมในช่วงระยะแรกมีหลักฐานการสร้างน้อย ส่วนใหญ่มักอัญเชิญ พระพุทธรูปโบราณซึ่งทิ้งทรุดโทรมอยู่ที่เมืองเหนือมาบูรณปฏิสังขรณ์ใหม่ถึง 1,200 องค์เศษ และบางองค์ก็ยัง อัญเชิญมาเป็นพระประธานอยู่ในวัดสำคัญๆ ในกรุงเทพมหานคร เช่น พระประธานในพระวิหารหลวงวัดสุทัศน เทพวราราม เป็นต้นสำหรับประติมากรรมแบบรัตนโกสินทร์ประมวลได้ ดังนี้ 1) พระพุทธรูปทำตามแบบอย่างของเดิม เป็นรูปแบบที่สร้างขึ้นคล้ายกับพระพุทธรูปสมัยอยุธยาปน อู่ทอง แต่ลักษณะความมีชีวิตจิตใจมีน้อยลง ในสมัยรัชกาลที่ 3 โปรดเกล้า ให้มีการสร้างพระพุทธรูป เพิ่มเติมขึ้น นับรวมกับแบบเดิมเป็น 40 ปาง แล้วอัญเชิญไปประดิษฐานภายในหอพระราชกรมานุสร และหอรพงศานุสร หลังพระอุโบสถด้านทิศตะวันตกภายในวัดพระศรีรัตนศาสดารา เพื่ออุทิศถวายแต่ สมเด็จพระบูรพมหากษัตราธิราชเจ้า ซึ่งนับเป็นต้นแบบของพระพุทธรูปสมัยรัตนโกสินทร์ พระพุทธรูปจีวรดอก


2) พระพุทธรูปผสมผสานกับตะวันตกในสมัยรัชกาลที่ 4 มีการแก้ไขพุทธลักษณะให้คล้ายมนุษย์สามัญ ยิ่งขึ้น คือ ไม่มีพระเกตุมาลา หรือขมวดพระเมาลี มีจีวรเป็นริ้ว อาทิ พระนิรันตราย ในหอพระสุราลัย พิมาน ภายในพระบรมมหาราชวัง พอถึงสมัยรัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 6 มีการสร้างพระพุทธรูปปาง ขอฝนในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร พระพุทธไสยาสน์ ที่วัดราชาธิวาส กรุงเทพมหานคร พระสยามเทวาธิราช พระพุทธรูปปางขอฝนในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ


3) ประติมากรรมสมัยใหม่ หลัง พ.ศ.2475 เป็นช่วงแห่งการเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ศิลปะของ เมืองไทย โดยมีการจัดตั้งโรงเรียนประณีตศิลปกรรมขึ้น (ต่อมาได้ยกฐานะเป็นมหาวิทยาลัยศิลปากร) ภายใต้การอำนวยการโดยศาสตราจารย์คอร์ราโด เฟโรจี (ศิลป์ พีระศรี) เปิดการเรียนการสอน เกี่ยวกับวิชาจิตรกรรมแลประติมากรรมให้กับนักศึกษาไทย ซึ่งท่านได้สร้างสรรค์ผลงานสำคัญๆ ที่ คุณค่าทางด้านประติมากรรมไว้มากมาย เช่น พระพุทธรูปปางลีลา ซึ่งประดิษฐานเป็นพระประธานที่ พุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช จังหวัดสุพรรณบุรี พระบรมราชาสุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ที่วงเวียนใหญ่ พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ที่เชิงสะพานปฐมบรมราชานุสรณ์ อนุสาวรีย์ ท้าวสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา รูปปั้นหล่อประกอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ รูปปั้นประดับอนุสาวรีย์ ประชาธิปไตย เป็นต้น พระพุทธรูปปางลีลา ในสมัยปัจจุบันผลงานประติมากรรมขยายตัวอย่างกว้างขวาง มีการสร้างสรรค์ผลงานทางด้าน ประติมากรรมหลายรูปแบบทั้งเพื่อเคารพบูชา เป็นอนุสรณ์ ประดับตกแต่งอาคารสถานที่เพื่อความสวยงาม แสดงถึงเอกลักษณ์หรือสื่อความหมายที่เน้นการแสดงออกทางด้านศิลปะ มีศิลปินด้านประติมากรรมอยู่ทั่วไป ผลงานที่สร้างสรรค์ออกมาก็มีแนวคิด เนื้อหาที่ต้องการสื่ออย่างหลากหลาย ไม่จำกัดเฉพาะทางด้านศาสนา และส่วนใหญ่ก็จะมีลักษณะร่วมสมัยเพื่อตอบสนองกับความต้องการของสังคม


ด้านจิตรกรรม สมัยรัตนโกสินทร์เป็นจิตรกรรมที่เขียนขึ้นตั้งแต่ พ.ศ.2325 ลงมาจนถึงปัจจุบัน มีรูปแบบการเขียน ตามแบบไทยแนวประเพณี และแบบร่วมสมัย โดยเฉพาะจิตรกรรมฝาผนังที่เขียนขึ้นตั้งแต่รัชสมัย พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชจนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว จัดเป็น จิตรกรรมไทยที่มีคุณค่าทางความงามมาก มักใช้สีตัดเส้น และปิดทองลงบนภาพ ภาพเขียนสำคัญในสมัย รัชกาลที่ 1 มีอยู่ที่พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ ภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร วัดระฆังโฆสิตาราม วัดดุสิ ตาราม กรุงเทพมหานคร สมัยรัชกาลที่ 2 ทรงอุปถัมภ์ช่างศิลป์ ส่งผลให้มีการสร้างสรรค์งานจิตรกรรมขึ้นอย่าง แพร่หลาย ผลงานอันโดดเด่น ได้แก่ จิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถวัดสุวรรณาราม (วัดทอง) ริมคลอง บางกอกน้อย ซึ่งได้เป็นแม่แบบให้ศิลปินรุ่นหลังใช้เป็นแนวทางในการศึกษาและสร้างสรรค์งานมาจนถึงทุกวันนี้ จิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถวัดสุวรรณาราม (วัดทอง) จิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถวัดสุวรรณาราม (วัดทอง)


จิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถวัดสุวรรณาราม (วัดทอง) จิตรกรรมฝาผนังที่สวยงามในสมัยรัชกาลที่ 3 ได้แก่ จิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถวัดสุทัศน เทพวราราม และที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เป็นต้น แต่หลังจากสมัยรัชกาลที่ 4 เป็นต้นมาอิทธิพล ตะวันตกได้ทำให้รูปแบบจิตรกรรมไทยมีความร่วมสมัยกับนานาชาติอย่างชัดเจน กล่าวคือ มีการนำเทคนิคการ เขียนภาพให้มีมิติตามแบบอย่างตะวันตก เช่น จิตรกรรมของขรัวอินโข่ง จิตรกรเอกสมัยรัชกาลที่ 4 ภายในพระ อุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร ขรัว อินโข่งเป็นศิลปินไทยคนแรกที่ได้นำแนวทางการวาดภาพแบบตะวันตกที่แสดง ทัศนียภาพในระยะใกล้-ไกล และแสดงให้เห็นแสงเงา มาประยุกต์ใช้กับผลงานของตน ในปัจจุบันจิตรกรรมฝา ผนังแม้จะเป็นภาพวาดที่มีลักษณะของความเป็นไทยแต่ก็มีการผสมผสานคตินิยม เทคนิค รูปแบบสมัยใหม่จาก ตะวันตก เช่น ผลงานของปรีชา เถาทอง,เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ และ จักรพันธุ์ โปษยกฤต เป็นต้น จิตรกรรมของขรัวอินโข่ง


จิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถวัดสุทัศนเทพวราราม ผลงานของปรีชา เถาทอง


ผลงานของจักรพันธุ์ โปษยกฤต ปัจจุบัน ภาพจิตรกรรมมิได้จำกัดจะมีอยู่แค่ในเฉพาะวัดกับวังเหมือนเมื่อครั้งอดีต แต่มีการนำไป ประดับตกแต่งอาคารสถานที่ ใช้ในการสื่อสาร โฆษณาประชาสัมพันธ์กันอย่างแพร่หลายผ่านทางสื่อต่างๆ และ ภาพที่วาดเนื้อหา และแนวคิดก็ขยายวงกว้าง นอกจากภาพเกี่ยวกับศาสนาและเอกลักษณ์ไทยแล้ว ก็ยังมีการ เสนอภาพที่มีแนวคิดสะท้อนสังคม หรือมีเรื่องราวที่ศิลปินมีความประทับใจ เช่น ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม บุคคล สถานที่ จินตนาการภาพนามธรรม (Abstract) และอื่นๆ อีกด้วย ตลอดจนเทคนิคในการสร้างสรรค์งาน จิตรกรรมก็มีความหลากหลายกว่าเดิม และนำเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในการนำเสนอผลงานด้วย


บรรณนานุกรม Pasucha ardnarong. ๒๕๕๙. ผลงานทัศนศิลป์สมัยรัตนโกสินทร์. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: https://medi um.com/. (วันที่ค้นข้อมูล: ๒๖ มกราคม ๒๕๖๖). _____. ม.ป.ป. บทที่ 5 ศิลปกรรมสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: https://fineart.ms u.ac.th/. (วันที่ค้นข้อมูล: ๒๖ มกราคม ๒๕๖๖).


Click to View FlipBook Version