ผลงานทัศนศลิ ป์ ของไทย
สมัยสุโขทัยจนถงึ ปัจจุบนั
คานา สารบญั
หนังสือ E-book เร่ือง “ผลงานทัศนศิลป์ ของไทย เรื่อง หน้า
สมัยสุโขทัยจนถึงปั จจุบัน” เล่มนี้ จัดทาขึ้นเพื่อใช้
ประกอบการจัดการเรียนออนไลน์ โดยนาเนื้อหาจาก ผลงานทศั นศิลป์ ของไทยสมัยสุโขทยั 1
หนังสือเรียน รายวิชาพนื้ ฐาน “ทัศนศิลป์ ” ชั้นมัธยมศึกษา จนถงึ ปัจจุบัน 3
ปี ท่ี 6 มาดัดแปลงให้เหมาะสมกับยุค Digital หาก 9
เนือ้ หามีข้อผิดพลาด ตอ้ งขออภัยไว้ ณ โอกาสนี้ 1. สมัยสุโขทยั (พ.ศ.1792-2006)
นางสาวโสพศิ ชาติพนั ธุ์ 2. สมัยอยธุ ยา (พ.ศ.1893-2310)
ผู้จัดทา
3. สมัยรัตนโกสินทร์ (พ.ศ.2325-ปัจจบุ นั ) 13
1 2
ผลงานทัศนศลิ ป์ ของไทย
สมัยสุโขทัยจนถงึ ปัจจุบัน
ผลงานทัศนศิลป์ ของไทยในช่วงนี้ จะมี ภาพพระพทุ ธรูปสมัยสุโขทยั
พัฒนาการมาอย่างต่อเน่ือง ซึ่งนอกจากอิทธิพล
ของวัฒนธรรมอินเดียที่รับเข้ามาและเป็ น สง่ิ ทคี่ วรรู้ พระพทุ ธรูปสมัยสุโขทัย สามารถ
รากฐานของวัฒนธรรมไทยอย่างหนึ่งแล้ว ก็จะมี
วัฒนธรรมจากจีนและตะวันตก ซึ่งจะมีบทบาท
มากขนึ้ ในสมัยรัตนโกสินทร์
จัดแบ่งออกเป็ น 4 หมวด
1. หมวดใหญ่ 2. หมวดกาแพงเพชร
3. หมวดพระพทุ ธชินราช 4. หมวดเบ็ดเตล็ด
3 4
สมัยสุโขทัย (พ.ศ.1792-2006) ผลงานจติ รกรรมในสมัยสุโขทัยไม่โดดเด่น
มากนัก ภาพจิตรกรรมท่ีเป็ นภาพลายเส้นที่
แต่เดิมนั้นสุโขทัยอยู่ภายใต้อานาจของขอม สาคัญ คือ ภาพลายเส้นสลักบนแผ่นหินชนวน
จึงได้รับอิทธิพลรูปแบบศิลปกรรมของขอมตามคติ ประดับมณฑปวัดศรีชุม จังหวัดสุโขทัย ซ่ึงได้รับ
ความเชื่อของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู มีการสร้าง อิทธิพลมาจากศิลปะลังกา สาหรับภาพเขียนสีจะ
เทวรูป ศาสนสถานตามรูปแบบของขอม ต่อมาเม่ือ เป็ นจติ รกรรมฝาผนังทใ่ี ช้สเี อกรงค์
ได้รับอิทธิพลจากพระพุทธศาสนานิกายเถรวาท จึง (Monochrome) เช่น สีดา สีแดง เป็ นต้น
สร้างพระพุทธรูปและศาสนสถานตามคติความเชื่อ ได้แก่ ภาพจิตรกรรมฝาผนังพระพุทธรูปปางมาร
ของพระพุทธศาสนาทเ่ี ป็ นงานจิตรกรรม วัด โบสถ์ วิชัยในเจดียว์ ัดเจดียเ์ จ็ดแถว อาเภอศรีสัชนาลัย
วหิ าร เจดยี ์ ฯลฯ จังหวัดสุโขทยั ซงึ่ ช่างสุโขทยั ได้นาเอารูปแบบของ
ศิลปะอินเดีย ลังกา และเขมรมาปรับปรุงจนมี
ความอ่อนช้อยแบบไทย
5 6
ผลงานประติมากรรมด้านการสร้างพระพุทธรูป พระพุทธชินราช วัดพระศรมี หาธาตุวรวหิ าร
ถอื เป็ นลักษณะเด่นอย่างหนึ่งของสุโขทัย โดยนิยมสร้าง จงั หวัดพิษณุโลก พระพุทธรูปปางมารวิชัย
พระพุทธรูป 4 อิริยาบถ คือ น่ัง นอน ยืน และเดิน เป็ น
พระพุทธรูปท่ีครองจีวรเฉียง ชายจีวรจรดพระนาภี ศลิ ปะสมัยสุโขทัย
ปลายจวี รแยกคล้ายเขยี้ วตะขาบ พระวรกายเพรียว พระ
พักตรร์ ูปไข่ และมีพระรัศมีเป็ นรูปเปลวเพลิง ปรากฏ
ห ลั ก ฐ า น ท้ั ง ท่ี เ ป็ น พ ร ะ พุ ท ธ รู ป แ บ บ ปู น ป้ั น แ ล ะ
พระพุทธรูปท่ีหล่อสาริด แสดงถึงความเจริญทางเชิง
ช่างของชาวสุโขทัยทส่ี ามารถปั้นหล่อพระพุทธรูปขนาด
ใหญ่ สาหรับพระพุทธรูปที่เป็ นเอกลักษณโ์ ดดเด่นของ
ศิลปะสุโขทัย คือ พระพุทธรูปปางลีลา นอกจากนี้ ยังมี
การสร้างเทวรูปขึน้ อกี ดว้ ย
7 8
ผลงานประติมากรรมอีกอย่างหน่ึงของสุโขทัย ได้แก่ พระศรีศากยมุนี พระพุทธรูป
ก า ร ท า เ ค รื่ อ ง สั ง ค โ ล ก ที่ ไ ด้ รั บ วิ ท ย า ก า ร ม า จ า ก จี น สารดิ สมยั สโุ ขทยั ที่มีขนาดใหญ่
นอกเหนือจากการทาเครื่องป้ันดินเผาที่มีอยู่เดิม เครื่อง ท่ีสุดในประเทศไทย ปัจจุบัน
สังคโลก ท่ีจั ดทา ขึ้นมีท้ังเพ่ือเป็ นเคร่ืองใช้ สอยใน ประดษิ ฐานอยภู่ ายในพระวิหาร
ชีวิตประจาวันและส่งเป็ นสินค้าออกไปจาหน่ายยังดนิ แดน หลวง วดั สทุ ศั นเทพวรารามราช
ใกล้เคียง วรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร
ผลงานสถาปั ตยกรรมมีการสร้างศาสนสถานตาม พระวิหารหลวง วัดมหาธาตุ
คติความเช่ือของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู โดยสร้างตาม จังหวัดสโุ ขทัย ตงั้ อยู่ด้านหน้า
อิทธิพลของศิลปกรรมขอม ต่อมาจึงนิยมสร้างเจดีย์ทาง พระเจดียท์ รงขา้ วพุ่มบิณฑ์ ซ่ึง
พระพุทธศาสนา ซ่ึงรูปแบบของศิลปกรรมจะแสดงถึงการ เป็ นสถา ปั ตย กรรมอันเป็ น
ไดร้ ับอิทธิพลมาจากอนิ เดยี และลังกา ขณะเดยี วกันก็มีการ เ อ ก ลัก ษ ณ์ข อ ง ศิ ลปะ สมัย
พัฒนาลักษณะของเจดียจ์ นได้แบบที่เป็ นของสุโขทัยแท้ สุโขทยั แต่เดิมพระวิหารหลวง
คอื เจดยี ท์ รงดอกบัวตูมหรือทรงพมุ่ ข้าวบิณฑ์ แห่งนีเ้ ป็นสถานท่ีประดิษฐาน
พระศรศี ากยมนุ ี
9 10
สมัยอยธุ ยา (พ.ศ.1893-2310) ผลงานประติมากรรมช่วงแรกได้รับอิทธิพลจาก
ศิลปะแบบอู่ทอง ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับศิลปะละโว้ ดัง
สมัยอยุธยารูปแบบทางทัศนศิลป์ จะมีพัฒนาการใน ปรากฏตัวอย่างพระพุทธรูปที่มีลักษณะพระรัศมีเป็ นรูป
แต่ละช่วงเวลาแตกต่างกันออกไป โดยนาเอารูปแบบ ดอกบัวตมู จวี รพาดทพ่ี ระอังสาซ้ายเป็ นแผ่นใหญ่ชายตัด
ศิลปกรรมท้ังจากอินเดีย ลังกา จีน ขอม สุโขทัย ล้านนา เช่น พระพุทธนิมิตวิชิตมารโมลีศรีสรรเพชญ์บรมไตร
และจากอาณาจักรอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียงเข้ามาประยุกตใ์ ช้ โลกนาถ พระประธานวัดหน้าพระเมรุราชิการาม จังหวัด
และเป็ นสมัยแรกท่ีไทยได้เริ่มรับเอาอิทธิพลจากศิลปกรรม พระนครศรอี ยุธยา เป็ นต้น
ตะวันตกเข้ามาใช้
พ ร ะ เ จ ดี ย์ท่ี วั ด พ ร ะ ศ รี
ผลงานจิตรกรรมยังคงนิยมใช้สีแบบเอกรงค์ เป็ น ส ร ร เ พ ช ญ์ จั ง ห วั ด
จิตรกรรมฝาผนังในโบลถ์ วิหารทถ่ี ่ายทอดเร่ืองราวเกี่ยวกับ พระนครศรีอยุธยา มี
พุทธประวัติ ชาดก วรรณคดี หรือวาดเป็ นรูปลายไทย เพ่ือ ลกั ษณะเจดียท์ รงระฆัง
ใช้ในการตกแต่งสถานที่ให้มีความสวยงามมากยิ่งขึ้น และ แบบลังกา ตัวอย่าง
บางแห่งก็มกี ารปิ ดทองส่วนทสี่ าคัญของภาพ สถาปั ตยกรรมไทยที่
ก่ อ ส ร้า ง ขึ้น ใ น ส มั ย
อยธุ ยา
11 12
ผลงานสถาปัตยกรรม นอกการสร้างพระบรมมหาราชวัง ผลงานทัศนศิลป์ ที่สาคัญอีกประเภทหนึ่งของอยุธยา
ที่มีความงดงามแล้ว ก็จะมีการสร้างศาสนสถานในรูปแบบ คือ งานประณีตศิลป์ ซึ่งมีท้ังงานเครื่องทอง งานลงรักปิ ด
เจดยี ์ โบสถ์ วิหาร ฯลฯ ทั้งนี้ อุโบสถและพระวิหารที่สร้างใน ทอง งานประดับมุก งานไม้จาหลัก และการทาเคร่ือง
สมัยอยุธยาจะมีลักษณะพิเศษ คือ ที่ตรงส่วนกลางของหน้า เบญจรงค์
บันจะประดับลวดลายทาเป็ นรูปหน้าต่างเรือนไทย แวดล้อม
ด้วยลวดลายใบไม้ หรือดอกไม้ ส่วนสถูป เจดีย์ ช่วงแรก ภาพงานประดบั มุก
ได้รับอิทธิพลจากศิลปะละโว้แล้วค่อยๆ พัฒนาเป็ น
แบบอย่างของอยุธยาในภายหลัง เช่น พระปรางค์วัดราช
บูรณะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็ นพระปรางคท์ ่ีก่อด้วย
ศิลาแลงบนฐานสี่เหล่ียมขนาดสูงใหญ่ นอกจากนีย้ ังมีเจดีย์
ทรงระฆังแบบลังกา เช่น พระเจดียส์ ามองค์ วัดพระศรีสรร
เพชญ์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ส่วนเจดียท์ ี่ช่างอยุธยาได้
พัฒนาจนกลายมาเป็ นแบบอยุธยาแท้จะเป็ นเจดียย์ ่อมุมไม้
สิบสอง เช่น เจดียภ์ ูเขาทอง เจดียศ์ รีสุริโยทัย จังหวัดพระ
นครศรอี ยธุยา เป็ นต้น
13 14
สมัยรัตนโกสนิ ทร์ (พ.ศ.2325-ปัจจุบัน) จนถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาล
ที่ 3) จัดเป็ นจิตรกรรมไทยท่ีมีคุณค่าทางความงามเป็ น
เริ่มต้นสมัยตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬา อย่างมาก ภาพจิตรกรรมท่ีสาคัญ เช่น จิตรกรรมฝาผนัง
โลกมหาราช (รัชกาลท่ี 1) ทรงสถาปนากรุงเทพมหานครขึน้ ในพระที่น่ังพุทไธสวรรย์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระ
เป็ นราชธานี ผลงานศิลปกรรมในช่วงแรกเป็ นการฟื้ นฟู นคร ในวัดสุวรรณดาราราม (วัดทอง) เป็ นต้น แต่เมื่อ
บูรณะศิลปกรรมสมัยอยุธยาที่ได้รับความเสียหายเม่ือคร้ัง สังคมไทยได้รับอิทธิพลจากตะวันตกมากขึ้น นับต้ังแต่
เกิดสงคราม ซึ่งแบบอย่างยังคงยึดถือตามแบบอยุธยาเป็ น สมัยพระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลท่ี 3)
ส่วนใหญ่ ลักษณะการเขยี นภาพแบบตะวันตกกม็ อี ิทธิพลตอ่ รูปแบบ
จิตรกรรมไทยด้วยเช่นกัน ท่ีเห็นได้เด่นชัด คือ จิตรกรรม
ผลงานจิตรกรรมส่วนใหญ่ในสมัยรัตนโกสินทรต์ อนต้น ของขรัวอินโข่ง ทน่ี าวิธีเขียนภาพแบบอุดมคตขิ องไทยมา
ยังยึดถือรูปแบบแนวไทยประเพณี มีการใช้สีตัดเส้นให้เห็น ผ ส ม ผ ส า น กั บ ค ว า ม เ ห มื อ น จ ริ ง ต า ม ธ ร ร ม ช า ติ อ ย่ า ง
ภาพเด่นชัดและปิ ดทองลงบนภาพ โดยเฉพาะจิตรกรรมฝา ตะวันตก โดยใช้หลักทัศนียวิทยา แสดงระยะใกล้-ไกล
ผนั งที่เขียนขึ้นตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้ า ความลึก แบบ 3 มิติ มีการจัดองค์ประกอบภาพให้
จุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1) บรรยากาศและสีสันประสานสัมพันธ์กับรูปแบบตัวภาพ
ดังจิตรกรรมฝาผนังในพระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหารราช
วรวหิ าร วัดบรมนิวาสราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร
15 16
ขรัวอินโข่ง ได้รับการยกย่องว่าเป็ นจิตรกรเอก ตอ่ มาแนวการเขยี นภาพแบบไทยประเพณีได้รับความ
ประจารัชกาลท่ี 4 แห่งสมัยรัตนโกสินทร์ เป็ นจิตรกรไทย นิยมน้อยลง แต่จะเป็ นการเขียนภาพแบบไทยโดยใช้
คนแรกทเ่ี ขียนภาพคนเหมอื นแบบตะวันตก รูปแบบตะวันตก และเร่ืองราวของภาพก็มิได้จากัดอยู่แต่
เฉพาะทางด้านศาสนา แต่ขยายขอบเขตไปอย่าง
ภาพจติ รกรรมของขรวั อนิ โขง่ กว้างขวาง ท้ังเป็ นเร่ืองราวเกี่ยวกับตัวบุคคล การเมือง
สังคม มีการใช้เทคโนโลยีเพ่ือทาให้ผลงานจิตรกรรมมี
ความน่าสนใจมากยงิ่ ขนึ้
ผลงานประติมากรรมในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น
ผลงานยงั คงนารูปแบบประตมิ ากรรมสมัยอยุธยามาใช้ แต่
เม่ือได้รับอิทธิพลจากตะวันตก ก็มีการปรับแก้ไขพุทธ
ลักษณะให้คล้ายมนุษยต์ ามอย่างที่เป็ นจริงตามธรรมชาติ
มากยิ่งขึ้น เช่น พระนิรันตราย พระพุทธรูปปางขอฝน ท่ี
พพิ ธิ ภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
17 18
ผลงานสถาปัตยกรรมในสมัยรัตนโกสินทรต์ อนต้นยังคง รวมทั้งนาตุ๊กตาจีนสิงโตมาประดับสถานที่ เช่น วัดราช
สืบทอดรูปแบบศิลปกรรมสมัยอยุธยา โดยเฉพาะโบสถ์ โอรสารามราชวรวิหาร วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราช
วิหาร และปราสาท นิยมทาฐานแอ่นโค้งรับหลังคาท่เี รียกว่า วรมหาวิหาร เป็ นต้น นอกจากนี้ ยังมีการประดษิ ฐย์ อดซุ้ม
“ฐานแอ่นโค้งแบบตกท้องช้าง” ส่วนเจดียจ์ ะสร้างเป็ นเจดีย์ แ ล ะ ย อ ด ป ร า ส า ท เ ป็ น รู ป ม ง กุ ฎ ด้ ว ย ห ลั ง ส มั ย
ทรงกรวยกลมแบบลังกา เจดียท์ รงกรวยเหล่ียมย่อมุม และ พระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) การ
เจดยี ท์ รงปรางค์ ก่อสร้างผลงานสถาปั ตยกรรมของไทยแสดงถึงการได้รับ
อิทธิพลของศิลปกรรมตะวันตกอย่างชัดเจน แต่ก็ยัง
ในสมัยพระบาทสมเดจ็ พระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลท่ี ผสมผสานกับศลิ ปกรรมไทย ดังจะเห็นได้จากการสร้างพระ
3) เป็ นช่วงที่ประเทศไทยติดต่อค้าขายกับประเทศจีน จึงได้ ที่น่ังและอาคารในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า
นาแบบอยา่ งสถาปัตยกรรมจีนมาใช้สร้างและประดับตกแต่ง เจ้าอยหู่ ัว (รัชกาลท่ี 5)
อาคารสถานที่อย่างกว้างขวาง กล่าวคือ หลังคาโบสถ์ วิหาร
จะทาเป็ นหลังคาอย่างจีน โดยตัดช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ ภาพวดั นิเวศธรรม
ตามแบบไทยเดิมออก มีการใช้กระเบือ้ งเคลือบสีต่างๆ มา ประวัตริ าชวรวิหาร
ประดับหน้าบัน ลวดลายท่ีเป็ นลายไทยก็เปล่ียนเป็ นแบบ
ลายมังกรและลายดอกไม้อย่างของจีน
19 20
ในปั จจุบันรู ปแบบสถาปั ตยกรรมสมัยใหม่ตามอย่าง ภาพวดั นิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร จงั หวดั พระนครศรีอยุธยา
ตะวันตกได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง การก่อสร้าง ภายในประดบั ตกแต่งดว้ ยกระจกสีตามแบบศิลปะกอทิก
ผลงานสถาปั ตยกรรมจึงมีการนาเทคโนโลยีทางด้าน
วิศวกรรมเข้ามาช่วย ทาให้สามารถสร้างสรรค์ผลงาน ศิลปะกอทิก เป็ นศิลปะที่เกิดในยุโรปช่วง
ขนาดใหญ่ท่ีมีความแข็งแรงทนทาน ใช้ประโยชน์ได้ ร ะ ห ว่ า ง ค ริ ส ต์ศ ต ว ร ร ษ ที่ 1 2 - 1 5 มี
หลากหลายและสร้างขึ้นที่สูงเพ่ือลดข้อจากัดในด้าน ศูนยก์ ลางอยู่ท่ีฝร่ังเศสและแพร่หลายไป
พนื้ ที่ ยงั ประเทศอ่ืนๆ ลกั ษณะสาคัญ คือ มีผนัง
ท่ีเปิ ดกว้าง มีส่วนสูงเด่นเป็ นพิเศษ
ภาพพระที่น่ังไอศวรรยท์ พิ ยอาสน์ โครงสรา้ งหลังคาเป็ นโคง้ แหลม
21
ภาพซุม้ ประตูทางเขา้ เขตพุทธาวาส วัดราช
โอรสารามราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร