The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

โครงงานระบบ สุริยะ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ratchadapornpanno26, 2024-02-21 06:03:17

โครงงานระบบ สุริยะ

โครงงานระบบ สุริยะ

โครงงานคอมพิวเตอร์ เรื่อง ระบบสุริยะในวงจรจักวาล จัดทำโดย 1.นางสาวสิริยากร วงศ์ละคร ม.5/2 เลขที่ 2 2.นางสาวจินดาหรา สุระมณี ม.5/2 เลขที่ 8 3.นางสาวรัชดาพร พันโน ม.5/2 เลขที่ 12 4.นางสาวนวรัตน์ สุขเสมอ ม.5/2 เลขที่ 22 5.นางสาวสุภาดา พิกุลทอง ม.5/2 เลขที่ 24 ครูที่ปรึกษา นายฉัตรชัย ประเสริฐสังข์ โรงเรียนศรีอรุณวิทย์เสลภูมิ อำเภอ เสลภูมิ จังหวัด ร้อยเอ็ด


โครงงาน เรื่อง ระบบสุริยะ ประเภทของโครงงาน โครงงานสื่อพัฒนาเพื่อสังคม ผู้จัดทำโครงงาน 1.นางสาวสิริยากร วงศ์ละคร ม.5/2 เลขที่ 2 2.นางสาวจินดาหรา สุระมณี ม.5/2 เลขที่ 8 3.นางสาวรัชดาพร พันโน ม.5/2 เลขที่ 12 4.นางสาวนวรัตน์ สุขเสมอ ม.5/2 เลขที่ 22 5.นางสาวสุภาดา พิกุลทอง ม.5/2 เลขที่ 24 ปีการศึกษา 2566 ครูที่ปรึกษา นายฉัตรชัย ประเสริฐสังข์ บทคัดย่อ โครงงานเว็บไซต์นี้มีจุดประสงค์เพื่อนำเสนอสื่อการเรียนการสอนวิชาวิทยศาสตร์เรื่องระบบสุริยะ จักรวาลมาในรูปแบบเว็บไซต์และเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับระบบสุริยะจักรวาลดาวเคราะห์ต่างๆเพื่อเป็น ประโยชน์และแนวทางให้กับผู้ที่สนใจเกี่ยวกับระบบสุริยะจักวาลดาวเคราะห์ต่างๆ ได้ศึกษาข้อมูลเหล่านี้จาก เว็บไซต์ ผู้จัดทำได้ศึกษาเรื่องที่จะทำและได้นำไปจัดทำเป็นเว็บไซต์มีการค้นขว้าหาข้อมูลจากเว็บไซต์ต่างๆ และได้เริ่มทำเป็นเว็บไซต์ขึ้นเพื่อง่ายต่อการหาข้อมูล กิตติกรรมประกาศ ก


โครงงานฉบับนี้สำเร็จได้ด้วยความกรุณาของคณะผู้จัดทำและคุณครูประจำรายวิชาคอมพิวเตอร์ โรงเรียนศรีอรุณวิทย์เสลภูมิ ซึ่งได้ให้คำปรึกษา ข้อชี้แนะ และความช่วยเหลือจนกระทั่งโครงงานสำเร็จลุล่วงไป ได้ด้วยดี คณะผู้จัดทำขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงมา ณ ที่นี้ ขอกราบขอบพระคุณ อาจารย์ที่ปรึกษาฉัตรชัย ประเสริฐสังข์ ที่ให้ความกรุณาในการแก้ไข ข้อบกพร่องต่างๆของโครงงาน และให้ความรู้ ให้คำแนะนำทั้งให้กำลังใจ สุดท้ายนี้คณะผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่ง โครงงานนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาและเป็นที่น่าสนใจ สำหรับผู้ที่สนใจต่อๆไป ผู้จัดทำโครงงาน 1.นางสาวสิริยากร วงศ์ละคร ม.5/2 2.นางสาวจินดาหรา สุระมณี ม.5/2 3.นางสาวรัชดาพร พันโน ม.5/2 4.นางสาวนวรัตน์ สุขเสมอ ม.5/2 5.นางสาวสุภาดา พิกุลทอง ม.5/2 สารบัญ


เรื่อง หน้า บทคัดย่อ ก กิตติกรรมประกาศ ข สารบัญ ค สารบัญรูป ง สารบัญตาราง จ บทที่1ที่มาและความสำคัญ 1 1.1ที่มาและความสำคัญ 1 1.2 วัตถุประสงค์ 2 1.3 ขอบเขตการศึกษา 1.4 ระยะเวลาดำเนินการ 1.5 ผลที่คาดว่าจะได้รับ 2 บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง 3 2.1การค้นสำรวจระบบสุริยะและจักวาล 2.2ค้นพบดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ บทที่ 3 แผนการดำเนินงาน 15 3.1ระยะเวลาดำเนินงาน 15 3.2วัสดุอุปกรณ์ดำเนินงาน 16 บทที่ 4 ผลการศึกษา 17 4.1 ผลการพัฒนาโครงงาน 4.2 ตัวอย่างผลงาน บทที่ 5 สรุปผลการดำเนินการศึกษา และข้อเสนอแนะ 19 5.1การดำเนินการศึกษา 19 5.2 สรุปการดำเนินการศึกษา 19 5.3ข้อเสนอแนะ 20 อ้างอิง 21 ภาคผนวก 22


สารบัญรูป รูปที่ หน้า รูปที่ 1 ภาพแสดงดาวเคราะห์และดาวเคราะห์แคระในระบบสุริยะ 3 รูปที่ 2 ภาพถ่ายดวงอาทิตย์ในรังสีเอกซ์ 4 รูปที่ 3 ภาพเปรียบเทียบขนาดของดาวเคราะห์ใกล้โลก 5 รูปที่ 4 ดาวพุธ 6 รูปที่ 5 ดาวศุกร์ 6 รูปที่ 6 โลก 7 รูปที่ 7 ดาวอังคาร 8 รูปที่ 8 แผนภาพแถบดาวเคราะห์น้อยหลักกับดาวเคราะห์น้อยตระกูลทรอย 9 รูปที่ 9ดาวเคราะห์ชั้นนอก 11 รูปที่ 10 ดาวพฤหัสบดี 12 รูปที่ 11ดาวเสาร์ 13 รูปที่ 12 ดาวยูเรนัส 13 รูปที่13 ดาวเนปจูน 14


สารบัญตาราง ตารางที่ หน้า ตารางที่ 1ระยะเลาดำเนินงาน 18


บทที่ 1 บทนำ ที่มาและความสำคัญ กำเนิดระบบสุริยะ คำว่าระบบสุริยะควรใช้เฉพาะกับระบบดาวเคราะห์ที่มีโลกเป็นสมาชิกและไม่ควร เรียกว่า ระบบสุริยะจักรวาลอย่างที่เรียกกันติดปาก เนื่องจากไม่เกี่ยวข้องกับคำว่าจักรวาล ตามนัยที่ใช้ใน ปัจจุบัน ระบบสุริยะ ประกอบด้วยดวงอาทิตย์และวัตถุอื่นๆ ที่โคจรรอบดวงอาทิตย์ เช่น ดาวเคราะห์ ดาว เคราะห์น้อย ดาวหาง และดาวบริวาร โลกเป็นดาวเคราะห์ที่อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์เป็นลำดับที่ 3 โดยทั่วไป ถ้าให้ถูกต้องที่สุดควรเรียกว่า ระบบดาวเคราะห์ เมื่อกล่าวถึงระบบที่มีวัตถุต่างๆ โคจรรอบดาวฤกษ์ระบบ สุริยะ คือระบบดาวที่มีดาวฤกษ์เป็นศูนย์กลาง และมีดาวเคราะห์ (Planet) เป็นบริวารโคจรอยู่โดยรอบ เมื่อ สภาพแวดล้อมเอื้ออำนวย ต่อการดำรงชีวิต สิ่งมีชีวิตก็จะเกิดขึ้นบนดาวเคราะห์เหล่านั้น หรือ บริวารของดาว เคราะห์เองที่เรียกว่าดวงจันทร์ (Satellite) นักดาราศาสตร์เชื่อว่า ในบรรดาดาวฤกษ์ทั้งหมดกว่าแสนล้านดวง ในกาแลกซี่ทางช้างเผือก ต้องมีระบบสุริยะที่เอื้ออำนวยชีวิตอย่าง ระบบสุริยะที่โลกของเราเป็นบริวารอยู่อย่าง แน่นอน เพียงแต่ว่าระยะทางไกลมากเกินกว่าความสามารถในการติดต่อจะทำได้ถึงที่โลกของ เราอยู่เป็นระบบ ที่ประกอบด้วย ดวงอาทิตย์ (The sun) เป็นศูนย์กลาง มีดาวเคราะห์ (Planets) 9 ดวง ที่เราเรียกกันว่า ดาว นพเคราะห์ ( นพ แปลว่า เก้า) เรียงตามลำดับ จากในสุดคือ ดาวพุธ ดาวศุกร์ โลก ดาวอังคาร ดาวพฤหัส ดาว เสาร์ ดาวยูเรนัส ดาวเนปจูน ดาวพลูโต ( ตอนนี้ไม่มีพลูโตแร้ว เหลือแค่ 8 ดวง และยังมีดวงจันทร์บริวารของ ดวงเคราะห์แต่ละดวง (Moon of sattelites) ยกเว้นเพียง สองดวงคือ ดาวพุธ และ ดาวศุกร์ ที่ไม่มีบริวาร ดาวเคราะห์น้อย (Minor planets) ดาวหาง (Comets) อุกกาบาต (Meteorites) ตลอดจนกลุ่มฝุ่นและก๊าซ ซึ่งเคลื่อนที่อยู่ในวงโคจร ภายใต้อิทธิพลแรงดึงดูด จากดวงอาทิตย์ ขนาดของระบบสุริยะ กว้างใหญ่ไพศาลมาก เมื่อเทียบระยะทาง ระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ ซึ่งมีระยะทาง ประมาณ 150 ล้านกิโลเมตร หรือ 1au.(astronomy unit) หน่วยดาราศาสตร์ กล่าวคือ ระบบสุริยะมีระยะ ทางไกลไปจนถึงวงโคจร ของดาวพลูโต ดาว เคราะห์ที่มีขนาดเล็กที่สุด ในระบบสุริยะ ซึ่งอยู่ไกล เป็นระยะทาง 40 เท่าของ 1 หน่วยดาราศาสตร์ และยังไกลห่างออก ไปอีกจนถึงดงดาวหางอ๊อต (Oort’s Cloud) ซึ่งอาจอยู่ ไกลถึง 500,000 เท่า ของระยะทางจากโลกถึงดวงอาทิตย์ด้วย ดวงอาทิตย์มีมวล มากกว่าร้อยละ 99 ของ มวลทั้งหมดในระบบสุริยะ ที่เหลือนอกนั้นจะเป็นมวลของ เทหวัตถุต่างๆ ซึ่ง ประกอบด้วยดาวเคราะห์ ดาว เคราะห์น้อย ดาวหาง และอุกกาบาต รวมไปถึงฝุ่นและก๊าซ ที่ล่องลอยระหว่าง ดาวเคราะห์ แต่ละดวง โดยมี


แรงดึงดูด (Gravity) เป็นแรงควบคุมระบบสุริยะ ให้เทหวัตถุบนฟ้าทั้งหมด เคลื่อนที่เป็นไปตามกฏแรง แรง โน้มถ่วงของนิวตัน ดวงอาทิตย์แพร่พลังงาน ออกมา ด้วยอัตราประมาณ 90,000,000,000,000,000,000,000,000 แคลอรีต่อวินาที เป็นพลังงานที่เกิดจากปฏิกริยาเทอร์โมนิวเคลียร์ โดยการเปลี่ยนไฮโดรเจนเป็นฮีเลียม ซึ่งเป็นแหล่งความร้อนให้กับดาว ดาวเคราะห์ต่างๆ ถึงแม้ว่าดวงอาทิตย์ จะเสียไฮโดรเจนไปถึง 4,000,000 ตันต่อวินาทีก็ตาม แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ยังมีความเชื่อว่าดวงอาทิตย์ จะ ยังคงแพร่พลังงานออก ระบบสุริยะ คือระบบดาวที่มีดาวฤกษ์เป็นศูนย์กลาง และมีดาวเคราะห์ (Planet) เป็นบริวารโคจรอยู่ โดยรอบ เมื่อสภาพแวดล้อมเอื้ออำนวย ต่อการดำรงชีวิต ดาวเคราะห์ หมายถึง ดาวที่ไม่มีแสงสว่างในตัวเอง ดาวฤกษ์ (อังกฤษ: star) คือวัตถุท้องฟ้าที่เป็นก้อนพลาสมาสว่างขนาดใหญ่ที่คงอยู่ได้ด้วยแรงโน้มถ่วง ดาว ฤกษ์ที่อยู่ใกล้โลกมากที่สุด คือ ดวงอาทิตย์ ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานหลักของโลก 1.2วัตถุประสงค์ 1.เพื่อให้ผู้ใช้งานได้ศึกษาระบบจักวาลของระบบสุริยะ 2.เพื่อให้ข้อมูลในเรื่องระบบสุริยะเป็นที่รู้จักมากขึ้น 3.เพื่อให้เพื่อให้ผู้ที่ค้นหาข้อมูลสามารถนำความรู้มาขยายต่อได้ 1.4 ขอบเขตการศึกษา 1. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/2 จำนวน 26 คน และคุณครูที่ปรึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/2 2. กลุ่มตัวอย่าง 2.1 นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/2 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 26 คน ผู้ชาย 8 คน ผู้หญิง 18 คน 2.2 คุณครูที่ปรึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/2 จำนวน 1 ท่าน 2


ขอบเขตด้านระยะเวลา เริ่มตั้งแต่เดือนธันวาคม พ.ศ. 2566 ถึง เดือนมีนาคม พ.ศ. 2567 โดยจัดทำที่โรงเรียนศรีอรุณวิทย์เสล ภูมิ อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ กิจกรรม 16 -19 ม.ค. 2567 22-31 ม.ค. 2567 1-5 ก.พ. 2567 7-13 ก.พ. 2567 15-28 ก.พ. 2567 1. วิเคราะห์ สภาพแวดล้อม และ กำหนดประเด็น ปัญหา 2.รวบรวมข้อมูลและ ศึกษาเอกสาร ที่ เกี่ยวข้อง 3. กำหนด สมมติฐาน การศึกษา และ จัดทำร่าง โครงงาน 4.ออกแบบและ สร้างชิ้นงาน 5. ทดสอบ ปรับปรุง ชิ้นงาน และสรุปผล การทำโครงงาน 6.จัดทำรูปเล่ม โครงงาน


ผลที่คาดว่าจะได้รับ 1.ผู้ใช้งานได้รับข้อมูลเกี่ยวกับระบบสุริยะได้อย่างเต็มที่ 2.ข้อมูลเกี่ยวกับระบบจักรวาลเป็นที่เข้าใจได้มากขึ้น 3.บุคคลที่ค้นหาสามารถนำความรู้ไปขยายต่อได้


บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง ในการจัดการจัดทำโครงงานคอมพิวเตอร์ พัฒนาสื่อการศึกษาการเรียนการสอนให้มีความรู้ในระบบ สุริยะและจักวาลคณะผู้จัดทำได้ศึกษาข้อมูลเอกสารที่เกี่ยวดังนี้ 2.1การค้นสำรวจระบบสุริยะและจักวาล 2.2ค้นพบดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ 2.1การค้นสำรวจระบบสุริยะและจักวาล ระบบสุริยะ (อังกฤษ: Solar System) ประกอบด้วยดวงอาทิตย์และวัตถุอื่นๆ ที่โคจรรอบดวงอาทิตย์ เนื่องจากแรงโน้มถ่วง ได้แก่ ดาวเคราะห์ 8 ดวงกับดวงจันทร์บริวารที่ค้นพบแล้ว 166 ดวง ดาวเคราะห์แคระ 5 ดวงกับดวงจันทร์ บริวารที่ค้นพบแล้ว 4 ดวง กับวัตถุขนาดเล็กอื่นๆ อีกนับล้านชิ้น ซึ่งรวมถึงดาวเคราะห์ น้อย วัตถุในแถบไคเปอร์ ดาวหาง สะเก็ดดาว และฝุ่นระหว่างดาวเคราะห์ โดยทั่วไปแล้วจะแบ่งย่านต่างๆ ของระบบสุริยะ นับจากดวงอาทิตย์ออกมาดังนี้คือ ดาวเคราะห์ชั้นใน จำนวน 4 ดวง แถบดาว เคราะห์น้อย ดาวเคราะห์ขนาดใหญ่รอบนอกจำนวน 4 ดวง และแถบไคเปอร์ซึ่ง ประกอบด้วยวัตถุที่เย็นจัดเป็นน้ำแข็ง พ้นจากแถบไคเปอร์ ออกไปเป็นเขตแถบจานกระจาย ขอบเขตเฮลิโอ พอส (เขตแดนตามทฤษฎีที่ซึ่งลมสุริยะสิ้นกำลังลงเนื่องจากมวลสารระหว่างดวงดาว) และพ้นไปจากนั้นคือ ย่านของเมฆออร์ต กระแสพลาสมาที่ไหลออกจากดวงอาทิตย์ (หรือลมสุริยะ) จะแผ่ตัวไปทั่วระบบสุริยะ สร้างโพรงขนาด ใหญ่ขึ้นในสสารระหว่าง ดาวเรียกกันว่า เฮลิโอสเฟียร์ ซึ่งขยายออกไปจากใจกลางของแถบจานกระจาย ดาวเคราะห์ชั้นเอกทั้ง 8 ดวงในระบบสุริยะ เรียงลำดับจากใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดออกไป มีดังนี้คือ ดาว พุธ ดาวศุกร์ โลก ดาวอังคาร ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส และดาวเนปจูน นับถึงกลางปี ค.ศ. 2008 วัตถุขนาดย่อมกว่าดาวเคราะห์จำนวน 5 ดวง ได้รับการจัดระดับให้เป็นดาว เคราะห์แคระ ได้แก่ ซีรีส ในแถบ ดาวเคราะห์น้อย กับวัตถุอีก 4 ดวงที่โคจรรอบดวงอาทิตย์อยู่ในย่านพ้นดาว เนปจูน คือ ดาวพลูโต (ซึ่งเดิมเคยถูกจัดระดับ ไว้เป็นดาว เคราะห์) เฮาเมอา มาคีมาคี และ อีรีส มีดาวเคราะห์ 6 ดวงและดาวเคราะห์แคระ 3 ดวงที่มีดาวบริวารโคจรอยู่รอบๆ เราเรียกดาวบริวาร เหล่านี้ว่า "ดวงจันทร์" ตามอย่างดวง จันทร์ของโลก นอกจากนี้ดาวเคราะห์ชั้นนอกยังมีวงแหวนดาวเคราะห์อยู่ รอบ ตัวอันประกอบด้วยเศษฝุ่นและอนุภาคขนาดเล็ก สำหรับคำว่า ระบบดาวเคราะห์ ใช้เมื่อกล่าวถึงระบบดาวโดยทั่วไปที่มีวัตถุต่างๆ โคจรรอบดาวฤกษ์ คำว่า "ระบบสุริยะ" ควรใช้ เฉพาะกับระบบดาวเคราะห์ที่มีโลกเป็นสมาชิก และไม่ควรเรียกว่า "ระบบสุริย จักรวาล" อย่างที่เรียกกันติดปาก เนื่องจาก ไม่เกี่ยวข้องกับ คำว่า "จักรวาล" ตามนัยที่ใช้ในปัจจุบัน


2.2ค้นพบดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ รูปที่ 1 ภาพแสดงดาวเคราะห์และดาวเคราะห์แคระในระบบสุริยะ ประวัติการค้นพบและการสำรวจ นับเป็นเวลาหลายพันปีในอดีตกาลที่มนุษยชาติไม่เคยรับรู้มาก่อนว่ามีสิ่งที่เรียกว่า ระบบสุริยะ แต่เดิม มนุษย์เชื่อว่า โลกเป็นศูนย์ กลางจักรวาลที่อยู่นิ่ง มีดวงดาวต่างๆ โคจรไปรอบๆ ผ่านไปบนท้องฟ้า แม้ว่านัก ดาราศาสตร์และ นักคณิตศาสตร์ชาวอินเดียชื่อ Aryabhata และนักปรัชญาชาวกรีก Aristarchus เคยมี แนวคิดเกี่ยวกับการที่ดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางจักรวาล และจัดลำดับจักรวาลเสียใหม่ แต่ผู้ที่สามารถคิดค้น แบบจำลองทางคณิตศาสตร์เพื่อพิสูจน์แนวคิดนี้ได้สำเร็จเป็นคนแรกคือ นิโคเลาส์ โคเปอร์นิคัส ในคริสต์ ศตวรรษที่ 17 มีผู้สืบทอดแนวทางการศึกษาของเขาต่อมา คือกาลิเลโอ กาลิเลอีโยฮันเนส เคปเลอร์และ ไอ แซค นิวตัน พวกเขาพยายามทำความเข้าใจ ระบบทางฟิสิกส์และเสาะหาหลักฐานการพิสูจน์ยืนยันว่า โลก เคลื่อนไปรอบๆ ดวงอาทิตย์ และดาวเคราะห์ทั้งหลายต่างก็ดำเนิน ไปภายใต้กฎทางฟิสิกส์แบบเดียวกันนี้ ใน ยุคหลังต่อมาจึงเริ่มมีการสืบสวน ค้นหาปรากฏการณ์ทางภูมิธรณีต่างๆ เช่น เทือกเขา แอ่งหิน ปรากฏการณ์ สภาพอากาศที่แปรเปลี่ยนตามฤดูกาล การศึกษาเกี่ยวกับ เมฆ พายุทราย และยอดเขาน้ำแข็งบนดาวเคราะห์ ดวงอื่น


รูปที่ 2 ภาพถ่ายดวงอาทิตย์ในรังสีเอกซ์ ดวงอาทิตย์คือดาวฤกษ์ดวงแม่ที่เป็นหัวใจของระบบสุริยะ มีขนาดประมาณ 332,830 เท่าของมวล ของโลก ด้วยปริมาณมวล ที่มีอยู่มหาศาลทำให้ดวงอาทิตย์มีความหนาแน่นภายในที่สูงมากพอจะ ทำให้ เกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชันอย่างต่อเนื่อง และปลดปล่อย พลังงานมหาศาลออกมา โดยมากเป็นพลังงานที่แผ่ ออกไป ในลักษณะของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เช่น แสง ดวงอาทิตย์จัดว่าเป็นดาวแคระเหลืองขนาดใหญ่ปานกลาง ทว่าเมื่อเปรียบเทียบกับดาวฤกษ์อื่นๆ ที่อยู่ ในดาราจักรของเรา ถือได้ว่า ดวงอาทิตย์มีขนาดใหญ่และสว่างมาก การจัดประเภทของดาวฤกษ์นี้เป็นไปตาม ไดอะแกรมของเฮิร์ตสปรัง-รัสเซลล์ซึ่งเป็นแผนภูมิของ กราฟระหว่างความสว่าง ของดาวฤกษ์เทียบกับ อุณหภูมิพื้นผิวโดยทั่วไปดาวฤกษ์ที่มีอุณหภูมิสูงกว่ามักจะสว่างกว่า ซึ่งดาวฤกษ์ใดๆ ที่มีคุณสมบัติเป็นไปดังที่ว่า มานี้ก็จะเรียกว่าเป็นดาวฤกษ์ที่อยู่ในแถบลำดับหลัก ดวงอาทิตย์ของเราก็อยู่บนแถบลำดับหลักโดยอยู่ในช่วง กึ่ง กลางทางด้านขวา แต่มีดาวฤกษ์จำนวนไม่มากนักที่จะสว่างกว่าและมีอุณหภูมิสูงกว่าดวงอาทิตย์ของเรา ส่วนมากจะอ่อนแสงกว่าและ มีอุณหภูมิต่ำกว่าทั้งนั้น เชื่อว่าตำแหน่งของดวงอาทิตย์บนแถบลำดับหลักนั้นจัดได้ว่าอยู่ใน "ช่วงรุ่งโรจน์ของยุค" ของอายุดาว ฤกษ์ มันยังมีไฮโดรเจนมาก เพียงพอที่จะสร้างปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชันไปอีกนาน ดวงอาทิตย์กำลังเพิ่มพูน ความสว่างมากขึ้น ในอดีตดวงอาทิตย์เคยมีความสว่าง เพียงแค่ 70% ของความสว่างอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ดวงอาทิตย์จัดเป็นดาวฤกษ์ชนิดดารากร 1 ถือกำเนิดขึ้นในช่วงปลายๆ ของวิวัฒนาการของเอกภพ มี องค์ประกอบธาตุหนัก ที่หนักกว่าไฮโดรเจนและฮีเลียม (ในภาษาดาราศาสตร์จะเรียกว่า "โลหะ") มากกว่าดาว ฤกษ์ชนิดดารากร 2 ซึ่งมีอายุมากกว่าธาตุหนัก เหล่านี้ก่อกำเนิดขึ้นจากแก่นกลางของดาวฤกษ์โบราณที่ระเบิด


ออก ดังนั้นดาวฤกษ์ในยุคแรกเริ่มจึงต้องแตกดับไปเสียก่อนจึงจะทำให้เอก ภพเต็มไปด้วยอะตอมธาตุเหล่านี้ได้ ดาวฤกษ์ที่มีอายุเก่าแก่มากๆ จะไม่ค่อยมีองค์ประกอบโลหะมากนัก ขณะที่ดาวฤกษ์ที่เกิดในยุคหลัง จะมีโลหะ มากกว่า สันนิษฐานว่า การมีองค์ประกอบโลหะจำนวนมากนี้น่าจะ เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ดวงอาทิตย์ สามารถสร้างระบบดาว เคราะห์ของตัวเองขึ้นมาได้ เพราะดาวเคราะห์ก่อตัวขึ้นมาจากการรวมตัวกันของธาตุ หนักเหล่านั้น ระบบสุริยะชั้นใน ระบบสุริยะชั้นใน เป็นชื่อดั้งเดิมของย่านอวกาศที่ประกอบด้วยกลุ่มดาวเคราะห์ใกล้โลกและแถบดาว เคราะห์น้อย มีส่วนประกอบ หลักเป็นซิลิเกตกับโลหะ เทหวัตถุในระบบสุริยะชั้นในจะเกาะกลุ่มอยู่ด้วยกันและ ใกล้กับดวงอาทิตย์มาก รัศมีของย่านระบบสุริยะชั้น ในนี้ยังสั้นกว่าระยะห่างจากดาวพฤหัสบดีไปดาวเสาร์เสีย อีกดาวเคราะห์ชั้นใน รูปที่ 3 ภาพเปรียบเทียบขนาดของดาวเคราะห์ใกล้โลกสัดส่วนเปรียบเทียบเป็นไปตามขนาดจริง ดาวเคราะห์ชั้นในหรือดาวเคราะห์ใกล้โลก มี 4 ดวง โดยมากประกอบด้วยส่วนประกอบหิน มีความ หนาแน่นสูง มีดวงจันทร์น้อย หรืออาจ ไม่มีเลย และไม่มีระบบวงแหวนรอบตัวเอง สสารที่เป็นองค์ประกอบมัก เป็นแร่ธาตุที่มีจุดหลอมเหลวสูง เช่นซิลิเกตที่ชั้นเปลือก และผิว หรือโลหะ เหล็ก นิเกิล ที่เป็นแกนกลางของดาว สามในสี่ของดาวเคราะห์กลุ่มนี้ (ดาวศุกร์ โลก และดาวอังคาร) มีชั้นบรรยากาศ ที่เห็นได้ชัด พื้นผิวมีร่องรอย ของหลุมบ่อที่เกิดจากการปะทะโดยชิ้นส่วนจากอวกาศ และมีความเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยาที่พื้นผิว ด้วย เช่น การแยกตัวของร่องหุบเขาและภูเขาไฟ


รูปที่ 4 ดาวพุธ ดาวพุธ (0.4 AU) คือดาวเคราะห์ที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุด และเป็นดาวเคราะห์ที่มีขนาดเล็กที่สุด (0.055 เท่าของมวลโลก) ดาวพุธไม่มีดาวบริวารของตัวเอง สภาพพื้นผิวที่มีนอกเหนือจากหลุมบ่อจากการ ปะทะ ก็จะเป็นสันเขาสูงชัน ซึ่งอาจจะเกิดขึ้น ในช่วงยุคการก่อตัวในช่วงเริ่มแรกของประวัติศาสตร์ ชั้น บรรยากาศของดาวพุธเบาบางมากจนแทบจะเรียกได้ว่า ไม่มีบรรยากาศ ประกอบด้วยอะตอมที่ถูกลมสุริยะพัด พาขับไล่ไปจนเกือบหมด แกนกลางของดาวเป็นเหล็กที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่มาก ต่อมาเป็น ชั้นเปลือกบางๆ ที่ ยังไม่สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจน ทฤษฎีเกี่ยวกับชั้นเปลือกของดาวจำนวน หนึ่งอธิบายถึงชั้นผิวรอบนอก ที่ ถูกฉีกออกด้วยการปะทะครั้งใหญ่ บ้างก็ว่ามันถูกกีดกันจากการพอกรวมของชั้นผิวเนื่องจากพลัง งานมหาศาล ของดวงอาทิตย์ อันเยาว์ รูปที่ 5 ดาวศุกร์ ดาวศุกร์ (0.7 AU) มีขนาดใกล้เคียงกับโลก (0.815 เท่าของมวลโลก) และมีลักษณะคล้ายโลกมาก มีชั้น เปลือกซิลิเกตอย่างหนา ปกคลุมรอบแกนกลางของดาวซึ่งเป็นเหล็ก มีชั้นบรรยากาศ และมีหลักฐานแสดงถึง


ความ เปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยาภายในของ ดาว ทว่าดาวศุกร์แห้งแล้งกว่าโลกมาก ชั้นบรรยากาศของมันก็ หนาแน่นกว่า โลกถึงกว่า 90 เท่า ดาวศุกร์ไม่มีดาวบริวารของตัวเอง กล่าวได้ว่า ดาวศุกร์เป็นดาวเคราะห์ที่ร้อน ที่สุด ด้วยอุณหภูมิพื้นผิวสูงถึงกว่า 400 °C ซึ่งเป็นผลจากปริมาณแก๊สเรือนกระจกที่มีอยู่ เป็นจำนวน มากในชั้น บรรยากาศ ในปัจจุบันไม่มีการตรวจพบการเปลี่ยนแปลง ทางธรณีวิทยาใหม่ๆ บนดาวศุกร์อีกแล้ว แต่ดาวศุกร์ ไม่มีสนามแม่เหล็กของตัวเองที่จะช่วยป้องกันการสูญเสียชั้นบรรยากาศ ดังนั้นการที่ดาวศุกร์ยังรักษาชั้น บรรยากาศของ ตัวเองไว้ได้จึงคาดว่าน่าจะเกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟ รูปที่6 โลก โลก (1 AU) เป็นดาวเคราะห์ที่ค่อนข้างใหญ่และมีความหนาแน่นมากที่สุดในกลุ่มดาวเคราะห์ชั้นใน เป็นดาวเคราะห์เพียง ดวงเดียวที่พบว่ายังมีปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยาอยู่ และเป็นดาวเคราะห์เพียงดวงเดียว เท่าที่ทราบว่ามีสิ่งมีชีวิต โลกเป็นดาวเคราะห์ ที่มีน้ำมาก เป็นเอกลักษณ์ที่แตกต่างจากกลุ่มดาวเคราะห์ใกล้ โลกทั้งหมด และยังเป็นดาวเคราะห์เพียงดวงเดียวที่ยังมีการเปลี่ยน แปลงของเปลือกโลกอยู่ ชั้นบรรยากาศ ของโลกค่อนข้างจะแตกต่างกับดาวเคราะห์ดวงอื่น เนื่องจากการที่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ ในบรรยา กาศจึงมี ออกซิเจนอิสระอยู่ถึง 21% โลกมีดาวเคราะห์บริวารหนึ่งดวง คือ ดวงจันทร์ซึ่งเป็นดาวเคราะห์บริวารขนาด ใหญ่เพียงดวงเดียวในเขตระบบสุริยะชั้นใน


รูปที่ 7 ดาวอังคาร ดาวอังคาร (1.5 AU) มีขนาดเล็กกว่าโลกและดาวศุกร์ (0.107 เท่าของมวลโลก) มีชั้นบรรยากาศเจือ จางที่เต็มไปด้วยคาร์บอน ไดออกไซด์ พื้นผิวของดาวอังคารระเกะระกะด้วยภูเขาไฟจำนวนมาก เช่น Olympus Mons และหุบเขาลึกชันมากมายเช่น Valles Marineris แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงทาง ธรณีวิทยาที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ สีของดาวอังคารที่เราเห็นเป็นสีแดง เป็นเพราะ สนิม ที่มีอยู่ในพื้นดินอันเต็ม ไปด้วยเหล็ก ดาวอังคารมีดวงจันทร์บริวารขนาดเล็กสองดวง (คือ ไดมอส กับ โฟบอส) ซึ่งคาดว่าน่าจะ เป็น ดาวเคราะห์น้อยที่บังเอิญถูกแรงดึงดูดของดาวอังคารจับตัวเอาไว้แถบดาวเคราะห์น้อย รูปที่ 8แผนภาพแถบดาวเคราะห์น้อยหลักกับดาวเคราะห์น้อยตระกูลทรอย


ดาวเคราะห์น้อย คือวัตถุขนาดเล็กในระบบสุริยะที่ประกอบด้วยหินและธาตุโลหะที่ไม่ระเหย แถบดาวเคราะห์ น้อยหลักกินพื้นที่วงโคจรที่อยู่ระหว่างดาวอังคารกับดาวพฤหัสบดี ประมาณ 2.3 ถึง 3.3 หน่วยดาราศาสตร์ จากดวงอาทิตย์ เชื่อกันว่าน่าจะเป็นเศษชิ้นส่วนจากการก่อตัวของระบบสุริยะในช่วงแรกที่ก่อตัว ไม่สำเร็จ เนื่องจากแรงโน้มถ่วงรบกวน จากดาวพฤหัสบดี ดาวเคราะห์น้อยมีขนาดต่างๆ กันตั้งแต่หลายร้อยกิโลเมตรไปจนถึงเศษหินเล็กๆ เหมือนฝุ่น ดาว เคราะห์น้อยทั้ง หมดนอกเหนือจาก ดาว เคราะห์น้อยขนาดใหญ่ที่สุด คือซีรีส จัดว่าเป็นวัตถุขนาดเล็กในระบบ สุริยะ แต่ดาวเคราะห์น้อยบางดวงเช่น เวสต้า และ ไฮเจีย อาจจัด ว่าเป็นดาวเคราะห์แคระได้ ถ้ามีหลักฐานว่า มันมีความสมดุลของ ความกดของน้ำมากเพียงพอ แถบดาวเคราะห์น้อยมีเทหวัตถุขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางใหญ่กว่า 1 กิโลเมตรเป็นจำนวนหลายหมื่น ดวง หรืออาจจะถึงล้านดวง ถึงกระนั้นมวลรวมทั้งหมดของแถบหลักก็ยังมีเพียงประมาณหนึ่งในพันของมวล โลกเท่านั้น แถบหลักมีประชากรอยู่อย่างค่อนข้างเบาบาง ยานอวกาศหลายลำได้เดินทางผ่านแถบนี้ไปได้โดย ไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นเลย ดาวเคราะห์น้อยที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง ระหว่าง 10 ถึง 10-4 เมตร จะ เรียกว่า สะเก็ดดาวซีรีส ซีรีส (2.77 AU) เป็นวัตถุขนาดใหญ่ที่สุดในแถบดาวเคราะห์น้อย และได้รับการจัดประเภทให้เป็นดาว เคราะห์แคระ มีขนาด เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณเกือบๆ 1,000 กิโลเมตร ซึ่งใหญ่พอจะสร้างแรงโน้มถ่วงของ ตัวเอง เพื่อสร้างรูปทรงให้เป็นทรงกลมได้ ในตอนที่ค้นพบครั้งแรกในคริสต์ศตวรรษที่ 19 ซีรีสถูกคิดว่าเป็นดาว เคราะห์ แต่ต่อมาถูกจัดประเภทใหม่ให้เป็นดาวเคราะห์ น้อยในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1850 เมื่อการสังเกตการณ์ เพิ่มเติมพบดาวเคราะห์น้อยดวงอื่นๆ อีก ครั้นถึงปีค.ศ. 2006 จึงได้รับการจัด ประเภทใหม่ให้เป็นดาว เคราะห์แคระ ตระกูลดาวเคราะห์น้อย ดาวเคราะห์น้อยในแถบหลักจะแบ่งออกเป็นกลุ่มและตระกูลต่างๆ โดยพิจารณาจากคุณลักษณะการ โคจรของพวกมัน ดวง จันทร์ดาวเคราะห์น้อย คือดาวเคราะห์น้อยที่โคจรรอบดาวเคราะห์น้อยดวงอื่นที่ใหญ่ กว่า มันไม่ได้ถูกจัดประเภทให้เป็นดวงจันทร์ บริวารของดาวเคราะห์ เพราะบางครั้งมันมีขนาดใหญ่เกือบเท่า ดาวเคราะห์น้อยดวงแม่ของมันด้วยซ้ำ ในบริเวณแถบดาวเคราะห์ น้อยยังมีดาวหางในแถบหลักซึ่งอาจเป็นต้น กำเนิดของน้ำมหาศาลบนโลกก็ได้ 11


ดาวเคราะห์น้อยโทรจันตั้งอยู่ใกล้เคียงกับตำแหน่งลากรองจ์L4 หรือ L5 ของดาวพฤหัสบดี (คือย่านที่แรง โน้มถ่วงค่อนข้าง เสถียร ทำให้ดาวเคราะห์น้อยในบริเวณนี้สามารถอยู่ในวงโคจรได้) คำว่า "โทรจัน" หรือ "แห่ง ทรอย" นี้ยังใช้กับวัตถุขนาดเล็ก ในระบบดาวเคราะห์หรือระบบบริวารอื่นที่อยู่ในตำแหน่งลาก รองจ์ด้วย ดาว เคราะห์น้อยตระกูลฮิลดาอยู่ที่ระยะการสั่นพ้อง 2:3 กับดาวพฤหัสบดี นั่นหมายถึง มันจะโคจรรอบดวงอาทิตย์ 3 รอบ ต่อการโคจรของดาวพฤหัสบดี 2 รอบ ระบบสุริยะชั้นในนี้ยังหมายรวมถึงวัตถุอื่นๆเช่น ดาวเคราะห์น้อยใกล้โลก ซึ่งดาวเคราะห์น้อยในกลุ่มนี้ จำนวนมากมีวงโคจร ที่ตัดกับวงโคจรของดาวเคราะห์ชั้นในด้วย ระบบสุริยะชั้นนอก บริเวณรอบนอกของระบบสุริยะเป็นถิ่นที่อยู่ของดาวแก๊สยักษ์และบรรดาดาวบริวารของมันที่มีขนาด ใหญ่พอจะเป็นดาวเคราะห์ได้ นอกจากนี้ยังมีดาวหางคาบสั้น และเซนทอร์ที่โคจรอยู่ในย่านนี้เช่นกัน วัตถุตัน ที่อยู่ในย่านนี้จะมีองค์ประกอบของสสารที่ระเหยง่าย (เช่น น้ำ แอมโมเนีย มีเทน ในทางวิทยาศาสตร์ดาว เคราะห์จะเรียกว่าเป็น น้ำแข็ง) ไม่ค่อยมีส่วนประกอบของสสารประเภทหิน เหมือน อย่างเทหวัตถุในระบบ สุริยะชั้นใน รูปที่ 9ดาวเคราะห์ชั้นนอก


ภาพดาวเคราะห์ชั้นนอกทั้ง 4 ดวง จากบนลงล่าง ดาวเนปจูน ดาวยูเรนัส ดาวเสาร์ และดาวพฤหัสบดี (ไม่ใสัด ส่วนจริง) ดาวเคราะห์ชั้นนอก 4 ดวง หรือดาวแก๊สยักษ์ (บางครั้งเรียกว่า ดาวเคราะห์โจเวียน) มีมวลรวมกันถึง กว่า 99% ของมวลสารทั้งหมดที่ โคจรรอบดวงอาทิตย์ ดาวพฤหัสบดีกับดาวเสาร์มีองค์ประกอบเต็มไปด้วย ไฮโดรเจนและฮีเลียม ดาวยูเรนัสกับดาวเนปจูนมีองค์ประกอบ ส่วนใหญ่เป็นน้ำแข็ง นักดาราศาสตร์จำนวน หนึ่งเห็นว่าดาวสองดวงหลังนี้ควรจัดเป็นประเภทเฉพาะของมันเอง คือ"ดาวน้ำแข็งยักษ์" ดาวแก๊สยักษ์ทั้งสี่มี วงแหวนอยู่รอบตัว แม้เมื่อมองจากโลกจะเห็นได้ชัดแต่เพียงวงแหวนของดาวเสาร์เท่านั้น รูปที่ 10 ดาวพฤหัสบดี ดาวพฤหัสบดี(5.2 AU) มีมวลประมาณ 318 เท่าของมวลโลก นับเป็นมวลมหาศาลถึง 2.5 เท่าของ มวลรวมทั้งหมดของดาว เคราะห์ที่เหลือรวมกัน ประกอบด้วยก๊าซไฮโดรเจนและฮีเลียมจำนวนมาก ความร้อน ที่สูงมากภายในของดาวทำให้เกิดคุณลักษณะ แบบกึ่งถาวรหลายประการในสภาพบรรยากาศของดาว เช่น แถบเมฆ และจุดแดงใหญ่ดาวพฤหัสบดีมีดวง จันทร์บริวารที่รู้จัก แล้วทั้งสิ้น 63 ดวง ดวงที่ใหญ่ที่สุด 4 ดวง คือ แกนิมีด คัลลิสโต ไอโอ และยูโรปา มีลักษณะคล้ายคลึงกับลักษณะของดาวเคราะห์ ใกล้โลก เช่นมีภูเขาไฟ และมีกระบวนการความร้อนภายในของดาว ดวงจันทร์แกนิมีดเป็นดาวบริวารที่ใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะ มี ขนาด ใหญ่กว่าดาวพุธเสียอีก


รูปที่ 11ดาวเสาร์ ดาวเสาร์(9.5 AU) เป็นดาวเคราะห์ที่โดดเด่นเนื่องจากระบบวงแหวนขนาดใหญ่ที่เห็นได้ชัด ลักษณะ ของดาวรวมถึงสภาพ บรรยากาศ คล้ายคลึงกับดาวพฤหัสบดี แต่มีมวลน้อยกว่ามาก โดยมีมวลโดยประมาณ 95 เท่าของมวลโลก ดาวเสาร์มีดวงจันทร์ บริวารที่รู้จักแล้ว 60 ดวง (มีอีก 3 ดวงยังไม่ได้รับการรับรอง) ใน จำนวนดวงจันทร์ทั้งหมดมีอยู่ 2 ดวงคือ ไททันและเอนเซลาดัส แสดงให้เห็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลง ทางธรณีวิทยา แม้ว่าองค์ประกอบส่วนใหญ่จะเป็นน้ำแข็งก็ตาม ดวงจันทร์ไททัน มีขนาดใหญ่กว่าดาวพุธ และ เป็นดวงจันทร์บริวาร เพียงดวงเดียวในระบบสุริยะที่มีชั้นบรรยากาศ รูปที่ 12ดาวยูเรนัส


ดาวยูเรนัส (19.6 AU) มีขนาดประมาณ 14 เท่าของมวลโลก เป็นดาวเคราะห์มวลน้อยที่สุด ในระบบสุริยะ ชั้นนอก ลักษณะ การโคจรของดาวยูเรนัสไม่เหมือนดาวเคราะห์ดวงอื่น มันจะโคจรรอบดวงอาทิตย์แบบ ตะแคงข้าง โดยมีความเอียงของแกนมากกว่า 90 องศาเมื่อเทียบกับระนาบสุริยวิถีแกนกลางของดาวค่อนข้าง เย็นกว่าดาวแก๊สยักษ์ดวงอื่นๆ และแผ่ความร้อนออกมาสู่อวกาศ ภายนอกเพียงน้อยนิด ดาวยูเรนัสมีดวงจันทร์ บริวารที่รู้จักแล้ว 27 ดวง กลุ่มของดวงจันทร์ขนาดใหญ่ ได้แก่ ไททาเนีย โอบิรอน อัมเบรียล เอเรียล และมิ รันดา รูปที่13 ดาวเนปจูน ดาวเนปจูน (30 AU) แม้จะมีขนาดเล็กกว่าดาวยูเรนัส แต่มีมวลมากกว่า คือประมาณ 17 เท่าของมวล โลก ดังนั้นมันจึงเป็น ดาวที่มีความหนาแน่นมาก ดาวเนปจูนแผ่รังสีความร้อนจากแกนกลางออกมามาก แต่ก็ ยังน้อยกว่าดาวพฤหัสบดีหรือดาวเสาร์ เนปจูนมีดวงจันทร์บริวารที่รู้จักแล้ว 13 ดวง ดวงที่ใหญ่ที่สุดคือ ไทร ทัน มีสภาพการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยาอยู่ เช่นมีน้ำพุร้อน ไนโตรเจนเหลว และเป็นดาวบริวาร ขนาดใหญ่ เพียงดวงเดียวที่มีวงโคจรย้อนถอยหลัง ดาวเนปจูนยังส่งดาวเคราะห์เล็กๆ จำนวน หนึ่งหรือเนปจูนโทร จัน เข้าไปในวงโคจรของดวงจันทร์ไทรทันด้วย โดยมีการสั่นพ้องของวงโคจรแบบ 1:1 กับดวงจันทร์


บทที่ 3 แผนการดำเนินงาน ในการจัดการจัดทำโครงงานคอมพิวเตอร์ พัฒนาสื่อการศึกษาการเรียนวิธีการดำเนินงานดังนี้ผู้จัดทำได้ศึกษา ข้อมูลเอกสารที่เกี่ยวข้องตามขั้นตอนดังนี้ 3.1ระยะเวลาดำเนินงาน 3.2 วัสดุอุปกรณ์ดำเนินงาน 3.1ระยะเวลาดำเนินงาน การดำเนินงานโครงงานเรื่อง ระบบสุริยะระยะเวลา 1 เดือน 30วัน จากวันที่ 16 ม.ค.- 5กุมภาพันธ์ 2567 ตารางที่ 1 ระยะเวลาการดำเนินงาน กิจกรรม 16 -19 ม.ค. 2567 22-31 ม.ค. 2567 1-5 ก.พ. 2567 7-13 ก.พ. 2567 15-28 ก.พ. 2567 1. วิเคราะห์ สภาพแวดล้อม และ กำหนดประเด็น ปัญหา 2.รวบรวมข้อมูลและ ศึกษาเอกสาร ที่ เกี่ยวข้อง 3. กำหนด สมมติฐาน การศึกษา และ จัดทำร่าง โครงงาน 4.ออกแบบและ สร้างชิ้นงาน 5. ทดสอบ ปรับปรุง ชิ้นงาน และสรุปผล การทำโครงงาน 6.จัดทำรูปเล่ม โครงงาน


3.2 วัสดุอุปกรณ์ดำเนินงาน 1.Ipad 2.คอมพิวเตอร์ 3.ร้านอินเตอร์เน็ต 4.โปรแกรม microsoft word


บทที่ 4 ผลการศึกษา การจัดทาโครงงานคอมพิวเตอร์พัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา เรื่อง ระบบสุริยะและจักรวาล เนื้อหา เกี่ยวกับดาวเคราะห์ต่างๆ มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับประชาคมอาเซียน มีผลการดาเนินงาน โครงงาน ดังนี้ 4.1 ผลการพัฒนาโครงงาน การพัฒนาโครงงาน สื่อเพื่อการศึกษาระบบสุริยะ เพื่อเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับดาวเคราะห์และการ สำรวจดาวต่างๆ คณะผู้จัดทาได้ดาเนินงานตามขั้นตอนการดาเนินงานที่ได้วางแผนไว้และได้นาเสนอเผยแพร่ ผลงานผ่านทางเครือข่ายระบบอินเทอร์เน็ต www.youtube.com ที่สามารถเข้าถึงได้ทุกเวลาและทุกสถานที่ เป็นแหล่งเรียนรู้ในโลกออนไลน์และรวดเร็วในการรับข้อมูล 4.2 ตัวอย่างผลงาน


บทที่ 5 สรุปผลการดำเนินการศึกษา และข้อเสนอแนะ การจัดทำโครงงานคอมพิวเตอร์ สื่อเพื่อการศึกษาเกี่ยวกับระบบจักรวาล สามารถสรุปผลการ ดำเนินงานโครงงานและข้อเสนอแนะ ดังนี้ 5.1การดำเนินการศึกษา 5.1.1 วัตถุประสงค์ 1.เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับผู้ที่สนใจเกี่ยวกับระบบสุริยะและสามารถนำข้อมูลไปขยายให้กับผู้ที่ สนใจต่อๆไปได้ 5.1.2 วัสดุอุปกรณ์และเครื่องมือหรือโปรแกรมที่ใช้ในการพัฒนาโครงงาน 1. สมุดบันทึก 2. คอมพิวเตอร์เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต 3. เว็บไซต์ที่ใช้ในการติดต่อสื่อสาร เช่น www.facebook.com 4. โปรแกรมสำหรับจัดพิมพ์รายงาน เช่น Microsoft Word 5.2 สรุปการดำเนินการศึกษา การศึกษาเรื่องระบบสุริยะ ผู้จัดทำได้เริ่มดำเนินงานตามขั้นตอนการดำเนินงานที่เสนอในบทที่ 3 แล้ว ทั้งนี้การศึกษา เรื่อง ภาระบบสุริยะ ดังกล่าว สามารถเป็นแหล่งเรียนที่สามารถเรียนรู้ได้ในจำกัดเวลาและ สถานที่ เพราะสามารถศึกษาได้ทุกที่ที่มีคอมพิวเตอร์ได้เป็นอย่างดี โดยทั้งครูที่ปรึกษา เพื่อนๆ ในห้องเรียนได้ เข้าไปมีส่วนร่วมในการจัดการเรียนรู้ ซึ่งทำให้เกิดการเรียนรู้และเป็นแหล่งเรียนรู้แบบออฟไลน์และในโลก ออนไลน์อย่างหลาก หลายและรวดเร็ว


5.3 ข้อเสนอแนะ 1.ควรจัดทำรูปแบบโครงงานที่มีความหลากหลายและหลายประเภทมากขึ้น 2.ข้อมูลที่นำมาใช้ควรที่จะสามารถทำให้เข้าใจได้มากขึ้น


บรรณานุกรม ระบบสุริยะ.สืบค้นเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2567. จากเว็บไซต์: th.wikipedia.org/wiki/ ประวัติการค้นพบและการสำรวจสุริยจักรวาล.สืบค้นเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2567. จากเว็บไซต์: https://www.trueplookpanya.com/blogdiary/26680 ดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ.สืบค้นเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2567. จากเว็บไซต์: https://www.scimath.org/lesson-physics/item/7314-the-planets สุดารัตน์ บุตรดี. (2557). ระบบสุริยะ. 2558 สิงหาคม 31. URL/:/ http://solar-system-sl.blogspot.com/ จุฑามาศ ศิริเขตต์.(2557).โครงงานระบบสุริยะ. 2558 สิงหาคม 31. URL/:/ http://www.slideshare.net/meanzmean/ss-45280135 "Solar System Objects". NASA/JPL Solar System Dynamics. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 7 July 2021. สืบค้นเมื่อ 2 April 2022. "Latest Published Data". The International Astronomical Union Minor Planet Center. เก็บจากแหล่ง เดิมเมื่อ 5 March 2019. สืบค้นเมื่อ 2 April 2022.


ภาคผนวก


Click to View FlipBook Version