อุทกภัย

หน้า1 หายนะ!! ภัยพิบัติอุทกภัย สรา้งความเสียหายต่อโลกอย่างมาก น.4

อุทกภัย คือ ภัยที่เกิดขึ้นเนื่องจากมีน้ำเป็น อุทกภัย
สาเหตุ อาจจะเป็น น้ำท่วม น้ำป่า หรืออื่น ๆ
โดยปกติ อุทกภัยเกิดจากฝนตกหนัก ต่อ อุกทกภัยคืออะไร?
เนื่องกันเป็นเวลานาน บางครั้งทำให้เกิด
แผ่นดินถล่ม อาจมี สาเหตุจากพายุหมุนเขต ภัยพิบัติธรรมชาติที่สร้างความเสียหายอย่างมาก
ร้อน ลมรสุมมีกำลังแรง ร่องความ กด
อากาศต่ำมีกำลังแรง อากาศแปรปรวน น้ำ อุกทกภัยมีกี่ชนิด?
ทะเลหนุน แผ่นดินไหว เขื่อนพัง ทำให้เกิด
อุทกภัยได้เสมอ แบ่งตามต้นตอของการเกิดอุทกภัย
ชนิดของอุทกภัย (อ่านต่อหน้า 2)
1. น้ำป่าไหลหลาก เกิดจากฝนตกหนักบน
ภูเขา หรือต้นน้ำลำธารแล้วไหลบ่าลงที่ราบ
อย่างรวดเร็วเพราะไม่มีต้นไม้ ช่วยดูดซับ
ชะลอกระแสน้ำ ความเร็วของน้ำ ของท่อน
ซุง และต้นไม้ ซึ่งพัดมาตามกระแสน้ำจะ
ทำลายต้นไม้อาคาร ถนน สะพาน และชีวิต
มนุษย์ และสัตว์จนได้รับความเสียหาย

ท่วงทันเหตุการณ์ ลงสถานการณ์จริง ผลกระทบของอุทกภัย

ORDINARY NEWS สามารถแบ่งอันตราและ
ความเสียหายที่เกิดจาก
ปีที่ 3 ฉบับที่ 1 วันศุกร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ.2564 ราคา 20.00 บาท อุทกภัยดังนี้
- ความเสียหายโดยตรง...
อุทกภัยเกิดได้อย่างไร? อะไรที่เป็นสาเหตุ
(อ่านต่อหน้า 3)

ของอุทกภัย (อ่านต่อหน้า 4)

"ปัญหาอุทกภัยใน
ประเทศไทย"

ป้องกัน แก้ไข ปัญหาอุทกภัย "วิเคราะห์
พื้นที่เสี่ยงเกิด

อุทกภัย"

Tingsanchali (1996)

กล่าวว่าพื้นที่เสี่ยง

อุทกภัย เป็นพื้นที่ที่มี

โอกาส เกิดภัยพิบัติที่

เกิดจากอุทกภัย และมี (อ่านต่อหน้า 6)

ความเป็ นไปได้ที่จะก่อให้

วิธีปฏิบัติในการป้ องกันตัวเองจากอุทกภัย เกิดความสูญเสีย..

กระทรวงมหาดไทย... (อ่านต่อหน้า 2) (อ่านต่อหน้า 5)

หน้า2 วันศุกร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ.2564 ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 10 ORDINARY NEWS

อุกทกภัยมีกี่ชนิด? 4. ในการช่วยเหลือคนตกน้ำ ให้ใช้ห่วงยาง ลูกมะพร้าว หรือ
เชือก โยนให้คนตกน้ำยึดตัวเองไว้ จะปลอดภัยมากกว่าลงไป

ช่วยด้วยตนเอง

2. น้ำท่วมขัง น้ำเอ่อนอง เกิดจากน้ำ 5. หากสถานการณ์น้ำท่วมมีความรุนแรงจนถึงขั้นต้องอพยพ
ล้นตลิ่ง มีระดับสูง จากปกติท่วมแช่ขัง ออกนอกสถานที่ ให้ควบคุมสติ อย่าตื่นตกใจ และควรให้ ความ
ทำให้การคมนาคมหยุดชะงัก เกิดโรค ช่วยเหลือคนชราหรือเด็กก่อน โดยปฏิบัติตามแผนการอพยพ
หนีภัยไปยังสถานที่ปลอดภัยอย่างเคร่งครัด เช่น อยู่บนที่สูง
ระบาดได้ ทำลายพืชผลเกษตรกร
3. คลื่นซัดฝั่ง เกิดจากพายุลมแรงซัด อย่ามัวแต่ห่วงทรัพย์สิน
ฝั่ง ทำให้น้ำท่วม บริเวณชายฝั่งทะเล 6. ห้ามใช้ยานพาหนะสัญจรบนถนนที่น้ำท่วมและไหลเชี่ยว
บางครั้งมีคลื่นสูงถึง 10 เมตรซัดเข้าฝั่ง กราก เพราะความแรงเชี่ยวของกระแสน้ำอาจพัดพาหนะจมน้ำ
ซึ่งสามารถทำลายทรัพย์สินและ ชีวิตได้ ก่อให้เกิดอันตรายได้
7. ในการหนีน้ำท่วมควรหลีกเลี่ยงการอพยพหนีด้วยการข้าม

ลำน้ำที่มีระดับน้ำสูง เหนือเข่า เพราะอาจเกิดอันตรายได้ กรณี

เกิดเหตุการณ์หรือดินโคลนถล่ม ให้ระมัดระวังก้อนหินหรือ

ต้นไม้ที่หักโค่น

8. นอกจากนี้ ผู้ประสบภัย ควรรับประทานอาหารที่ปรุงสุก

สะอาด เพื่อป้ องกันโรคท้องร่วง ท้องเสีย

9. เก็บขยะไว้ในถุงขยะ เมื่อน้ำลดแล้วให้นำมาเผา ฝัง หรือทิ้ง

ในที่เหมาะสมปลอดภัย เพื่อป้ องกันเชื้อโรคที่ทำให้เกิดโรค

ระบาดได้ เช่น ฉี่หนู อหิวาตกโรค

ป้องกัน แก้ไข ปัญหา 10. หมั่นติดตามข่าวสารเกี่ยวกับน้ำท่วมอย่างใกล้ชิด หากเกิด
อุทกภัย สถานการณ์ฉุกเฉินจะได้เตรียมรับมือได้อย่างทันท่วงที

11 สุดท้ายนี้ หากประชาชนประสบเหตุอุทกภัย วาตภัย หรือ

หลีก เลี่ยงการเดินลุยน้ำ ออกหาสัตว์ โคลนถล่ม สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางโทรศัพท์

น้ำในกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก อีกทั้ง สายด่วน 1784 (รับแจ้งเหตุสาธารณภัยและอุบัติเหตุทาง

ดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด ไม่ปล่อย ถนนทุกประเภท)

ให้เด็ก ลงเล่นน้ำที่ท่วมอย่างเด็ดขาด

อาจได้รับอันตรายจากการจมน้ำได้

เพื่อความปลอดภัยในการดำเนินชีวิต

ช่วงน้ำท่วม กรมป้ องกันและบรรเทา

สาธารณภัยขอแนะ ผู้ประสบภัยให้

ระมัดระวังอันตรายในช่วงน้ำท่วม

โดยปฏิบัติตน ดังนี้

1. หลีกเลี่ยงการเดินลุยน้ำหรือเข้า

ใกล้เสาไฟฟ้ าทั้งนอกและในบ้าน

เพราะอาจโดนไฟฟ้ าดูด

2. ไม่เข้าใกล้ทางน้ำไหลหรือร่องน้ำ

เพราะอาจเกิดผืนดินถล่ม

3. หลีกเลี่ยงการลงเล่นน้ำหรือจับปลา

เพราะอาจโดนน้ำพัดพาจมน้ำได้ หาก

ระดับน้ำเพิ่มระดับสูงขึ้นให้รีบตัด

ไฟฟ้ าภายในบ้าน เพื่อป้ องกันไฟฟ้ า

ลัดวงจรก่อให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิต

ได้

หน้า3 วันศุกร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ.2564 ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 10 ORDINARY NEWS

ผลกระทบของอุทกภัย

อันตรายหรือผลเสียหายที่เกิด

ขึ้นส่วนใหญ่ ที่เห็นชัดเจนคือ

กระแสน้ำเชี่ยวกรากที่พัดถาโถม

เข้าใส่บ้านเรือนพังเสียหาย มีระดับ

ในการทำลายล้างสูงมาก ตามมา

ด้วยระดับน้ำที่ค่อยๆเพิ่มขึ้นสูง ถึง

แม้จะสร้างความเสียหายได้ไม่มาก

เท่ากระแสน้ำเชี่ยวกรากแต่ก็

สามารถสร้างความเสียหายและ

ความวุ่นวายตามมาได้

อันตรายที่เกิดขึ้นจากอุทกภัย

นั้นจะมีความรุนแรงมากน้ อยเพียง อันตรายที่เกิดขึ้นตามมาหลัง ในขณะเดียวกันผลเสียหายที่

ใดขึ้นอยู่กับเจ็ดประเด็นหลัก จากอุทกภัยมีทั้งระดับเล็กน้ อย ตามมาก็มีอีกมาก

หนึ่ งคือความเร็วและความ ไปจนถึงระดับใหญ่หลวงดังต่อ ผลเสียหายเกี่ยวกับบ้านเรือนที่

รุนแรงของน้ำ ยิ่งมีความเร็วและ ไปนี้ อยู่อาศัย โรงเรียน โรงเก็บของ

ความรุนแรงมากเท่าใด ผลเสียหาย อันตรายต่อมนุษย์เช่นอาจจะ และสินค้าต่างๆ ถ้าหากโรง

ที่เกิดตามมาก็จะมีมากตาม ยิ่งเกิด จมน้ำตาย บริเวณที่มีกระแสน้ำ เรือนไม่แข็งแรงพอของที่อยู่

ร่วมกับวาตภัยด้วยแล้วยิ่งรุนแรง ไหลเชี่ยวกรากมักจะพัดพาเอา ข้างในก็อาจเกิดความเสียหาย

สองคืออัตราการขึ้น-ลงของ ชีวิตของผู้ตนบริเวณนั้นไปไม่ ได้

ระดับน้ำ ระดับน้ำที่ขึ้นสูงอย่าง ว่าจะเด็ก ผู้ใหญ่ หรือกระทั่งคน ผลเสียหายทางเกษตกรรม ยิ่ง

รวดเร็วจะเป็นอันตรายต่อคนและ ชรา เป็ นช่วงเก็บเกี่ยวยิ่งส่งผลให้

สัตว์เลี้ยงเป็นอย่างมากหากอพยพ มีการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ เรา เสียมูลค่าของพืชผล ปศุสัตว์

ไม่ทันอาจเสียชีวิตได้ ไม่สามารถรับรู้ได้ว่าวัตถุที่ไหล เองก็อาจจะถูกกระแสน้ำพัดพา

สามคือความลึกของน้ำที่ท่วม มากับน้ำจะเป็นอันตรายหรือไม่ จนสูญหายหรือถึงแก่ความตาย

น้ำที่สูงขึ้นเรื่อยๆส่งผลกระทบต่อที่ ดังนั้นการที่เราไม่สามารถ ได้

อยู่อาศัยและสัตว์เลี้ยงได้ ปกป้ องตนเองจากกระแสน้ำได้ เมื่อน้ำท่วมผ่านพ้นไป

สี่คืออาณาเขตที่เกิดน้ำท่วม ยิ่ง จึงมักนำพาให้เกิดอุบัติเหตุอยู่ ประชาชนก็ต้องจ่ายค่า

มีอาณาเขตกว้าง ความเสียหายที่ เสมอ ซ่อมแซมบำรุงรักษาสิ่งที่เสีย

เกิดขึ้นก็จะยิ่งกว้างตาม การเจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆโดย หายไป นับเป็นผลกระทบใน

ห้าคือระยะเวลาที่เกิดน้ำท่วม เฉพาะประชาชนที่อยู่ในบริเวณ ระยะยาวที่ไม่อาจเลี่ยงได้

หากน้ำท่วมนาน พืชผลทางการ ที่เกิดอุทกภัยเป็นเวลานาน

เกษตรได้รับความเสียหาย ขาด เนื่องจากขาดสารอาหารที่เพียง

แหล่งอาหาร พอ และรอบๆยังมีเชื้อโรคที่

หกคือฤดูกาลที่เกิดน้ำท่วม กระแสน้ำพัดพามาอีกด้วย

หากน้ำท่วมในฤดูกาลเก็บเกี่ยวพืช ทำให้ร่างกายอ่อนแอ ป่วยง่าย

ผลทางการเกษตรก็จะทำให้เกษ ส่วนใหญ่มักเกี่ยวกับระบบทาง

ตกรได้รับความเสียหายอย่างมาก เดินหายใจหรือทางเดินอาหาร

เจ็ดคือความถี่ของการเกิดน้ำ รวมไปถึงโรคเกี่ยวกับผิวหนัง

ท่วม ถ้าเกิดน้ำท่วมบ่อยๆก็ก่อให้ อีกด้วย จิตใจอ่อนแอลงตาม

เกิดความเสียหายได้มากขึ้น สิ่งที่ สุขภาพจิตเสื่อมจากภาวะ

น้ำพัดพามาอาจก่อให้เกิดความเสีย เครียด ขาดสิ่งอุปโภคบริโภค

หายต่อทรัพย์สินและร่างกายได้ ไร้ที่อยู่อาศัย

หน้า4 วันศุกร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ.2564 ขึ้น 9 ค่ำ เดือน
10 ORDINARY NEWS

อุทกภัยเกิดได้อย่างไร? อะไรที่เป็นสาเหตุ ผลจากแผ่นดินไหวหรือภูเขาไฟระเบิด
เมื่อเกิดแผ่นดินไหว หรือภูเขาไฟบนบก
ของอุทกภัย และภูเขาไฟใต้น้ำระเบิด เปลือกของผิว

โลกบางส่วนจะได้รับความกระทบ

กระเทือนต่อเนื่องกัน บางส่วนของผิวโลก

จะสูงขึ้นบางส่วนจะยุบลง ทำให้เกิดคลื่น

ใหญ่ในมหาสมุทรซัดขึ้นฝั่ง เกิดน้ำท่วม

ตามหมู่เกาะและเมืองตามชายฝั่งทะเลได้

เกิดขึ้นบ่อยครั้งในมหาสมุทรแปซิฟิ ก

และการกระทำของมนุษย์มีดังนี้

การตัดไม้ทำลายป่า ในพื้นที่เสี่ยงภัยเมื่อ

เกิดฝนตกหนักจะทำให้อัตราการไหล

สูงสุดเพิ่มมากขึ้นและไหลมาเร็วขึ้น

เป็ นการเพิ่มความรุนแรงของน้ำในการ

อุทกภัยมีสาเหตุและการเกิดจากหลากหลายปัจจัย แต่จะ ทำลายและยังเป็นสาเหตุของดินถล่มด้วย
รวมเป็นปัจจัยหลักๆคือเกิดจากธรรมชาติและมนุษย์กระทำ นอกจากนี้ยังทำให้ดินและรากไม้ขนาด
ใหญ่ถูกชะล้างให้ไหลลงมาในท้องน้ำ
ปั จจัยจากธรรมชาติมีดังนี้
ทำให้ท้องน้ำตื้นเขินไม่สามารถระบายน้ำ

ฝนตกหนัก เป็นพายุที่เกิดขึ้นติดต่อกันเป็นเวลาหลาย ได้ทันที รวมทั้งก่อให้เกิดความสูญเสีย
ชั่วโมง มีปริมาณฝนตกหนักมากจนไม่อาจไหลลงสู่ต้นน้ำ ชีวิตและบาดเจ็บของประชาชนทางด้าน
ลำธารได้ทันจึงท่วมพื้นที่ที่อยู่ในที่ต่ำ มักเกิดในช่วงฤดูฝน ท้ายน้ำ

หรือฤดูร้อน การขยายเขตเมืองลุกล้ำเข้าไปใน

ผลจากน้ำทะเลหนุน ในระยะที่ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ พื้นที่ลุ่มต่ำ (Flood plain) ซึ่งเป็นแหล่ง
อยู่ในแนวที่ทำให้ระดับน้ำทะเลขึ้นสูงสุด น้ำทะเลจะหนุนให้ เก็บน้ำธรรมชาติทำให้ไม่มีที่รับน้ำ ดังนั้น
ระดับน้ำในแม่น้ำสูงขึ้นอีกมาก เมื่อประจวบกับระยะเวลาที่ เมื่อน้ำล้นตลิ่งก็จะเข้าไปท่วมบริเวณที่
น้ำป่าและจากภูเขาไหลลงสู่แม่น้ำ ทำให้น้ำในแม่น้ำไม่อาจ เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำซึ่งเป็นเขตเมืองที่ขยาย
ใหม่ก่อน
ไหลลงสู่ทะเลได้ ทำให้เกิดน้ำเอ่อล้นตลิ่งและท่วมเป็น

บริเวณกว้าง การก่อสร้างโครงสร้างขวางทางน้ำ

ผลจากลมมรสุมมีกำลังแรง ประกอบกับมีฝนตกหนักทำให้ ธรรมชาติทำให้มีผลกระทบต่อการระบาย
น้ำและก่อให้เกิดปั ญหาน้ำท่วม
เกิดน้ำท่วมได้ ยิ่งถ้ามีพายุเกิดขึ้นในทะเลจีนใต้ก็จะยิ่ง

เสริมให้มรสุมดังกล่าวมีกำลังแรงขึ้นอีก การออกแบบทางระบายน้ำของถนน

ผลจากน้ำทะเลหนุน ในระยะที่ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ไม่เพียงพอ ทำให้น้ำล้นเอ่อในเขตเมือง
อยู่ในแนวที่ทำให้ระดับน้ำทะเลขึ้นสูงสุด น้ำทะเลจะหนุนให้ ทำความเสียหายให้แก่ชุมชนเมืองใหญ่
ระดับน้ำในแม่น้ำสูงขึ้นอีกมาก เมื่อประจวบกับระยะเวลาที่ เนื่องจากการระบายได้ช้ามาก

น้ำป่าและจากภูเขาไหลลงสู่แม่น้ำ ทำให้น้ำในแม่น้ำไม่อาจ การบริหารจัดการน้ำที่ไม่ดีเป็ น
ไหลลงสู่ทะเลได้ ทำให้เกิดน้ำเอ่อล้นตลิ่งและท่วมเป็น สาเหตุหนึ่ งที่ทำให้เกิดน้ำท่วมโดยเฉพาะ
บริเวณกว้างยิ่งถ้ามีฝนตกหนักหรือมีพายุเกิดขึ้นในช่วงนี้ บริเวณด้านท้ายเขื่อนหรืออ่างเก็บน้ำ
ความเสียหายจากน้ำท่วมชนิดนี้จะมีมาก

หน้า5 วันศุกร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ.2564 ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 10 ORDINARY NEWS

"วิเคราะห์พื้นที่เสี่ยงเกิดอุทกภัย"

...และความเสียหาย ต่อชีวิต บ้าน 3.อุทกภัยรุนแรงปานกลางกำหนดให้เป็ นสภาพน้ำท่วม
เรือน และทรัพย์สิน
โดยทั่วไปมี 2 ปัจจัยที่แสดงถึง มากกว่าสภาพปกติโดยมี ปริมาณน้ำมากประมาณ 1.5
ระดับความเสี่ยง คือ
1) ขนาดของ เหตุการณ์ที่มีโอกาส ถึง 2.0 เท่าของสภาพปกติ
เกิด 2)ผลกระทบที่ตามมาเมื่อเกิด
เหตุการณ์ 4.อุทกภัยรุนแรงมาก กำหนดให้เป็น สภาพน้ำท่วม

Hunt (1984) ได้เสนอหลักเกณฑ์ใน มากกว่าสภาพปกติโดยมีปริมาณน้ำมากกว่า 2.0 เท่า
การกำหนดพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยซึ่ง
ประกอบด้วยระดับความรุนแรงของ ของสภาพปกติ
อุทกภัย (Flood Hazard Degree)
และระดับความเสี่ยงภัยจากบริเวณ 3) ระดับความ เสี่ยงภัย
พื้นที่ต่างๆ ได้แก่
1)ระดับความรุนแรงของอุทกภัย 4)ระดับความเสี่ยงของอุทกภัยที่มีความสัมพันธ์กับ
2)ระดับความรุนแรงของอุทกภัยที่
เกี่ยวข้องกับขนาดของอุทกภัยที่ กิจกรรม การสูญเสียชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนที่
เกิด ขึ้นและโอกาสเกิดอุทกภัยซึ่ง
โอกาสเกิดอุทกภัยมีความสัมพันธ์ อาศัยในบริเวณที่อาจเกิดอุทกภัย เมื่อพิจารณาจากระดับ
กับคาบปรากฏซ้ำจึง กำหนดระดับ
ความรุน ความรุนแรงของ อุทกภัยแล้วสามารถกำหนดพื้นที่เสี่ยง
แรงออกเป็น 4 ระดับ คือ
1.อุทกภัยไม่รุนแรง กำหนดให้เป็น ต่อการเกิดอุทกภัยออกเป็น 4 ระดับ คือ
สภาพน้ำท่วม คล้ายกับสภาพปกติ
แต่มีปริมาณน้ำมากกว่านน้ำใน 1.พื้นที่ไม่เสี่ยงอุทกภัย กำหนดให้เป็ นพื้ นที่ที่เกิด
สภาพปกติเพียงเล็กน้ อย
2.อุทกภัยรุนแรงน้ อย กำหนดให้ อุทกภัยต่ำและไม่ทำให้สูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน
เป็ นสภาพน้ำท่วมมากกว่าสภาพ
ปกติ โดยมีปริมาณน้ำมากประมาณ 2.พื้นที่เสี่ยงอุทกภัยน้ อย กำหนดให้เป็นพื้นที่ที่มีโอกาส
1.25 ถึง 1.5 เท่าของสภาพปกติ
เกิดอุทกภัยไม่รุนแรง ทำให้เกิดความรำคาญไม่สะดวก

ในการสัญจร ไปมาและทำความเสียหายต่อทรัพย์สิน

3.พื้นที่ที่มีโอกาสเกิดอุทกภัยรุนแรงปานกลาง ทาความ

เสียหายต่อทรัพย์สินและสิ่งก่อสร้างมากขึ้น แต่ไม่มีการ

สูญเสียชีวิต และพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยรุนแรง

กำหนดให้เป็นพื้นที่ที่มีโอกาสเกิดอุทกภัย รุนแรงมาก

และทำความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน

น้ำแข็งขั้วโลกละลายเร็วและมากปกติ ก็อาจส่งผลกระทบต่อ
โลกด้านอุทกภัยได้ หรือเกิดปัญหาน้ำท่วมโลก

หน้า6 วันศุกร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ.2564 ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 10 ORDINARY NEWS

อุทกภัยในประเทศไทย

อุทกภัยในประเทศไทย พ.ศ. 2554 สาเหตุที่เกิดอุทกภัยในประเทศไทย
หรือที่นิยมเรียกกันว่า มหาอุทกภัย
เป็ นอุทกภัยรุนแรงที่ส่งผลกระทบต่อ อุทกภัยครั้งนี้เริ่มขึ้นในระหว่างฤดูมรสุม เมื่อ พายุหมุน
บริเวณ ลุ่ม แม่น้ำเจ้าพระยา และลุ่ม นกเตน ขึ้นฝั่งทางตอนเหนือของ เวียดนาม ส่งผลให้เกิด
แม่น้ำโขง เริ่มตั้งแต่ปลาย เดือน ฝนตกหนักทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของ
กรกฎาคม และสิ้นสุดเมื่อวันที่ 16 ประเทศไทย และทำให้เกิดอุทกภัยในหลายจังหวัดเริ่ม
มกราคม พ.ศ. 2555 มีราษฎรได้รับ ตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม ภายในสัปดาห์แรกของอุทกภัย
ผลกระทบกว่า 12.8 ล้านคน ก็มีรายงานผู้เสียชีวิตถึง 13 คน อุทกภัยดำเนินต่อไปใน 16
ธนาคารโลกประเมินมูลค่าความเสีย จังหวัดขณะที่ฝนยังคงตกลงมาอย่างหนัก และภายในเวลา
หายสูงถึง 1.44 ล้านล้านบาท ไม่นานอุทกภัยก็ลุกลามไปทางใต้เมื่อ แม่น้ำเจ้าพระยา ได้
รับน้ำปริมาณมากจากแม่น้ำสาขา และส่งผลกระทบต่อ
หลายจังหวัดในภาคกลาง จนถึงวันที่ 4 ตุลาคม 2554
จังหวัดยังได้รับผลกระทบ และเสี่ยงต่ออุทกภัยเพิ่มเติม
เนื่ องด้วยเขื่ อนส่วนใหญ่มีระดับน้ำใกล้หรือเกินความจุ

อุทกภัยดังกล่าวทำให้พื้นดินกว่า 150 ล้านไร่ ปริมาณฝนใน เดือนมีนาคม เหนือพื้นที่ภาคเหนือของ
(6 ล้านเฮกตาร์) ซึ่งในจำนวนนี้เป็นทั้งพื้นที่ ประเทศไทย อยู่ที่ 344% มากกว่าค่าเฉลี่ย ซึ่งไม่ปกติ
เกษตรกรรมและอุตสาหกรรมใน 65 จังหวัด โดยเฉพาะเขื่อนภูมิพลได้รับปริมาณน้ำฝน 242.8 มิลลิเมตร
684 อำเภอ ราษฎรได้รับความเดือดร้อน มากกว่าปกติ 25.2 มิลลิเมตร ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม
4,086,138 ครัวเรือน 13,595,192 คน บ้าน เป็นต้นมา เขื่อนได้สะสมน้ำแล้ว 245.9 มิลลิเมตร หรือ
เรือนเสียหายทั้งหลัง 2,329 หลัง บ้านเรือนเสีย 186% มากกว่าค่าปกติ
หายบางส่วน 96,833 หลัง พื้นที่การเกษตรคาด
ว่าจะได้รับความเสียหาย 11.20 ล้านไร่ ถนน โดยก่อนหน้ านี้ได้เกิดอุทกภัยและดินถล่มทางภาคใต้
13,961 สาย ท่อระบายน้ำ 777 แห่ง ฝาย 982 ของ ประเทศไทย ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม แล้ว
แห่ง ทำนบ 142 แห่ง สะพาน /คอสะพาน 724 เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้ อย 53 คน
แห่ง บ่อปลา / บ่อกุ้ง / หอย 231,919 ไร่ และสร้างความเสียหายมากกว่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ปศุสัตว์ 13.41 ล้านตัว มีผู้เสียชีวิต 813 ราย
(44 จังหวัด) สูญหาย 3 คน

อุทกภัยครั้งนี้ถูกกล่าวขานว่าเป็น "อุทกภัย
ครั้งร้ายแรงที่สุดทั้งในแง่ของปริมาณน้ำและ
จำนวนผู้ได้รับผลกระทบ"

ธนาคารแห่งประเทศไทยรายงานเมื่อวันที่ 17
พฤษภาคม พ.ศ. 2555 ว่าจำนวนพื้นที่ประสบ
ภัยพิบัติ 77 จังหวัด 87 อำเภอ 6,670 ตำบล

จัดทำโดย

นางสาว ปณิฏฐา ธรรมลังกา 17 ม.5/2

นายอิทธิพล ศรีฟ้ าวัฒนา 24 ม.5/2

นางสาวจุฑามาส ฉ่ำตาก้อง 31 ม.5/2

ภาพถ่ายจากดาวเทียม RADARSAT-2 เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2554 นางสาวญาดา ผิวขำทองดี 32 ม.5/2
แสดงพื้นที่ประสบภัยพิบัติบริเวณภาคกลางของ ประเทศไทย