เรื่องควรรู้
การฉีดยาคุมกำเนิด
ฉีดยาคุม (Contraceptive Injection) คือ วิธีคุมกำเนิดที่มี
ประสิทธิภาพสูง ช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ในระยะเวลา 1 หรือ 3 เดือน
หลังจากฉีด ขึ้นอยู่กับชนิดของยา การฉีดยาคุมกำเนิดนั้นจะไม่ได้ช่วย
ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ดังนั้น ถ้าต้องการป้องกันโรคติดต่อทาง
เพศสัมพันธ์ด้วยควรใช้ถุงยางอนามัย
ชนิดยาฉีดคุมกำเนิด
1. ชนิดฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน แบ่งย่อยเป็น 2 ชนิด คือ
• DMPA หรือมีชื่อเต็มว่า ดีโปเมดรอกซี่โปรเจสเตอโรนอะซีเตท
(Depo medroxy progesterone acetate) เป็นโปรเจสเตอโรน
ในอนุพันธุ์ของไฮดรอกซี่โปรเจสเตอโรน (17 hydroxy
progesterone) ที่ผลิตออกมาในรูปของผลึกเล็กๆ บรรจุในขวด
ปริมาตร 3 ซีซี ขนาด 150 มิลลิกรัม
ยาฉีดคุมกำเนิดชนิดดีโปเมดรอกซี่โปรเจสเตอโรนอะซีเตท
(DMPA) มีการผลิตออกมาใช้ครั้งแรก เมื่อปี ค.ศ. 1954 และในช่วง
นั้นเป็นที่นิยมกันมาก และยังใช้มาจนถึงปัจจุบัน เนื่องจากมี
ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดสูง และมีผลข้างเคียงน้อย โดยใน
ประเทศไทยจะใช้ตัวยาโปรเจสโตเจน ชื่อ medoxyprogesterol
acetate ขนาด 150 มิลลิกรัม ฉีดเข้าบริเวณสะโพกหรือต้นแขน
มีอายุการคุมกำเนิดประมาณ 3 เดือน
•นอร์ซิลเตอโรนอีแนนเธต (Norethisterone Enanthate) มีชื่อ
ทางการค้าว่า เนท-เอน (NET-EN) เป็นโปรเจสเตอโรนในกลุ่มของ
นอร์เทสโตสเตอโรน (18-Norethisterone) ที่ผลิตออกมาในรูป
น้ำมันปริมาตร 1 ซีซี ขนาด 200 มิลลิกรัม ใช้ฉีดทุก 60 วัน หรือ
ฉีดทุก 60 วัน 4 ครั้ง แล้วฉีดอีกทุก 84 วัน
2. ชนิดฮอร์โมนรวม เป็นยาฉีดคุมกำเนิดชนิดที่มีฮอร์โมนของเอสโต
รเจนกับโปรเจสเตอโรน
กลไกการคุมกำเนิด
เมื่อตัวยาหรือฮอร์โมนฤูกฉีดเข้าสู่ร่างกาย ฮอร์โมนจะซึมเข้าสู่กระแสเลือดอย่างช้าๆ และจะออกฤทธิ์ยับยั้ง
การตกไข่ ออกฤทธิ์ทำให้ปากมดลูกเหนียว และทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกบางจนไม่เหมาะกับการฝังตัว และ
เจริญของไข่ที่ปฏิสนธิแล้ว
• การระงับการตกไข่
ยาฉีดคุมกำเนิดเป็นยาคุมกำเนิดที่มีฤทธิ์สูงกว่าโปรเจสเตอโรนตามธรรมชาติมาก ออกฤทธิ์ป้องกันการตก
ไข่ได้ดี โดยยาฉีดชนิด DMPA ออกฤทธิ์ป้องกันการตกไข่ได้สม่ำเสมอ และดีกว่าชนิด NET-EN โดย
เฉพาะในช่วงแรกของการใช้
• การเปลี่ยนแปลงมูกปากมดลูก
ยาฉีดคุมกำเนิดมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของเมือกบริเวณปากมดลูก โดยทำให้เมือกบริเวณนี้มี
ความเหนียวข้น ส่งผลทำให้การเคลื่อนที่ของเชื้ออสุจิที่ผ่านเข้าไปในโพรงมดลูกได้ยากขึ้น โดยยา
ฉีดชนิด DMPA จะออกฤทธิ์เปลี่ยนแปลงเมือกบริเวณปากมดลูกได้ดีน้อยกว่าชนิด NET-EN
โดยเฉพาะในช่วงแรกของการใช้
• การเปลี่ยนแปลงเยื่อบุโพรงมดลูก
หลังจากการฉีดยาคุมกำเนิดจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเยื่อบุโพรง
มดลูก โดยเยื่อบุโพรงมดลูกฝ่อ หรือ เยื่อบุมดลูกไม่มีการเปลี่ยนแปลง
ที่เหมาะสมกับการฝังตัวของไข่ที่ปฏิสนธิแล้ว ทั้งนี้ การเปลี่ยยนแปลง
ดังกล่าวจะมีความสัมพันธ์กับชนิดของตัวยา ปริมาณยา และระยะเวลาที่
ฉีด โดยยาฉีดชนิด DMPA จะออกฤทธิ์ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ดี
กว่าชนิด NET-EN
• การเปลี่ยนแปลงของหลอดมดลูก
หลังจากการฉีดยาจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของหลอดมดลูก ส่งผล
ต่อความสามารถในการเดินทางของเชื้ออสุจิ และการเคลื่อนที่ของไข่ไม่
เป็นปกติ ทำให้ไข่ และอสุจิไม่ได้รับการผสมกัน
วิธีการใช้
ยาฉีดเป็นฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน โดยขนาดที่ใช้ 1 ขวด 3 มล. มียาอยู่ 150 มก. ให้เริ่ม
ฉีดเข็มแรกภายใน 5 วันแรก ของรอบเดือน หรือ ภายใน 1 สัปดาห์หลังแท้ง หรือ ทันที
หรือภายใน 4 สัปดาห์ หลังคลอด
การฉีดจะฉีดเข้าบริเวณสะโพกหรือต้นแขน รอบในการฉีดทุกๆ 84 วัน (12 สัปดาห์) ไม่
ควรฉีดในทุก 90 วัน เพราะหากนับระยะฉีดที่ 90 วันอาจทำให้เพิ่มการตั้งครรภ์มากขึ้น
เนื่องด้วยในระยะใกล้ครบอายุการฉีด ฤทธิ์ยาอาจหมดไปก่อนหน้านั้นแล้ว
หลังจากการฉีดยาจะพบอาการผิดปกติเกิดขึ้น อาทิ ประจำเดือนมาไม่ปกติ ประจำเดือนมา
น้อย ประจำเดือนมากะปริบกระปรอยจากฤทธิ์ของฮอร์โมนที่ทำให้ไข่ไม่ตก หรือ เกิดภาวะ
ที่เรียกว่า การหมันชั่วคราว
ข้อดียาฉีดคุมกำเนิด
– ผู้ฉีดไม่ต้องปฏิบัติตนเหมือนการคุมกำเนิดแบบอื่น เพียงฉีดครั้งเดียว สามารถคุม
กำเนิดได้ 3 เดือน
– มีประสิทธิภาพการคุมกำเนิดสูงกว่าร้อยละ 98 และสูงกว่าวิธีการคุมกำเนิดบางวิธี เช่น
การับประทานยาเม็ดคุมกำเนิด
ข้อเสียยาฉีดคุมกำเนิด
– หลังการฉีด ประจำเดือนมักมาผิดปกติ ประจำเดือนขาด หรือ มากะปริบกระ
ปรอย
– มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของความดันเลือด น้ำหนักตัว อารมณ์ และความ
รู้สึกทางเพศ รวมถึงเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง
– มีค่าใช้จ่ายแพงกว่าวิธีการคุมกำเนิดแบอื่น เช่น การกินยาเม็ดคุมกำเนิด
– ต้องมารับการฉีดให้ตรงเวลานัดในครั้งต่อไป
ผลข้างเคียง
– มีการเปลี่ยนแปลงของประจำเดือน ประจำเดือนมาน้อย มามากะปริบกระปรอย
– น้ำหนักตัวอาจลดลงหรือเพิ่มขึ้น
– มีอาการเจ็บ และคัดตึงเต้านม
– อาจมีอาการปวดบริเวณตำแหน่งฉีดยา แต่ก็จะหายเองภายในวันสองวัน
– บางรายอาจมีอาการปวดหลัง
ข้อแนะนำ และข้อควรระวัง
– วิธีคุมกำเนิดแบบฉีดฮอร์โมนเหมาะสำหรับผู้ที่มีบุตรมาแล้ว และ
เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิด หรือ ผู้ที่เกิด
ผลข้างเคียงจากการคุมกำเนิดแบบอื่น
– ห้ามฉีดในปริมาณที่ใกล้เคียงกับปริมาณยาคุมกำเนิดชนิดรับ
ประทาน
– หากการหยุดฉีดเพื่อต้องการมีบุตร ต้องวางแผนล่วงหน้า 6-12
เดือน เพราะมีระยะเวลาของฤทธิ์ยาประมาณ 3 เดือน และหลังหยุด
ฉีด ร่างกายต้องใช้เวลาในการปรับสมดุลฮอร์โมน
– การฉีดจะต้องได้รับการปฏิบัติจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น โดย
เข้ารับบริการได้ตามสถานพยาบาลของรัฐ เอกชน หรือ คลีนิก
จัดทำโดย
นางสาวพนิดา ผิวพิมพ์ดี รหัส 62224780006
สาขาสาธารณสุขศาสตร์ คณะสาธารณสุขศาสตร์
เสนอ
อาจารย์เฟื่องฟ้า รัตนาคณหุตานนท์
รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา SPH306
การสื่อสารและการประชาสัมพันธ์ทางสาธารณสุข
ปีการศึกษา 3/2564
มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์
Thank You