วัดร่องขุ่น
แรกเริ่มนั้นวัดร่องขุ่นสร้างขึ้นบนที่ดินเดิมของวัดที่มีเพียง 3 ไร่เท่านั้น ต่อมา
อ.เฉลิมชัย และผู้บริจาคได้ซื้อที่ดินเพิ่มให้กับวัดรวมเป็นทั้งหมด 12 ไร่ ความโดดเด่น
ของวัดร่องขุ่นคือพระอุโบสถสีขาวประดับด้วยกระจกแวววาว และลวดลายต่างๆ ที่
งดงามซึ่งเป็นงานศิลปะที่แตกต่างๆ วัดแห่งอื่นๆ ในประเทศไทย
บริเวณด้านหน้าพระอุโบสถมีสะพานที่สื่อถึงการเดินข้ามวัฏสงสารมุ่งสู่พุทธภูมิ โดย
ก่อนขึ้นสะพานจะมีครึ่งวงกลมเล็กซึ่งหมายถึงโลกมนุษย์ มีงานประติมากรรมเป็นรูป
มือโผล่มาจากพื้นดิน นอกจากนี้สิ่งก่อสร้างที่โดดเด่นรองจากพระอุโบสถสีขาว คือ
อาคารห้องน้ำสีทอง ตกแต่งด้วยสีทองตั้งแต่หลังคาจนถึงตัวอาคาร
การเดินทางไปวัดร่องขุ่น
วัดร่องขุ่นตั้งอยู่ที่ต.ป่าอ้อดอนชัย อ.เมือง จ.เชียงราย โดยอยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงราย
13 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์ประมาณ 25 นาที หากไม่ได้เดินทางโดยรถส่วนตัว
จากสถานีขนส่งนักท่องเที่ยวสามารถขึ้นรถโดยสารสาย เชียงราย-พาน / เชียงราย-
ป่าแดด,จุน / เชียงราย-พะเยา,ลำปาง / เชียงราย-แม่ขะจาน โดยนั่งไปลงที่ด้านหน้าวัดร่อง
ขุ่นได้
เวลาทำการเปิด – ปิด
เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 6.30 – 18.00 น.
51
วัดร่องเสือเต้น
วัดร่องเสือเต้น (Wat Rong Suer Ten) สถานที่ท่องเที่ยวทางพุทธศาสนาที่
สวยงามและมีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดเชียงราย ด้วยวิหารโทน
สีน้ำเงินฟ้าตัดกับสีทองที่มีความโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ เป็นสิ่งดึงดูดให้
นักท่องเที่ยวต้องการที่จะมาชมและถ่ายภาพของวัดที่สวยงามแห่งนี้
วัดร่องเสือเต้น ตั้งอยู่ริมแม่น้ำกกที่หมู่บ้านร่องเสือเต้น ต.ริมกก อ.เมือง จ.เชียงราย ใน
อดีตเคยเป็นที่ตั้งของวัดร้างเมื่อ 80-100 ปีก่อน เล่ากันว่าในสมัยก่อนยังไม่มีบ้านเรือนและ
ผู้คนอาศัยอยู่มากนักสัตว์ป่าจึงมีจำนวนมากโดยเฉพาะเสือ โดยชาวบ้านที่ผ่านแถวนั้นมัก
เห็นเสือกระโดดข้ามร่องน้ำไปมาอยู่บ่อยๆ จึงเรียกบริเวณนี้ต่อๆ กันมาว่า “ร่องเสือเต้น”
รวมทั้งได้กลายมาเป็นชื่อเรียกหมู่บ้านที่ตั้งอยู่บริเวณเดียวกันนี้ด้วย
ในอดีตชาวบ้านร่องเสือเต้นไม่มีที่ทำบุญในหมู่บ้าน เวลาทำบุญในวันสำคัญต้องไปทำบุญ
ที่วัดอื่น ทำให้คนในหมู่บ้านต่างกระจัดกระจายกันไป ชาวบ้านจึงได้ร่วมกันบูรณะวัดร้างแห่ง
นี้เพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้านร่องเสือเต้น และเป็นที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาใน
วันสำคัญร่วมใจใจกันสร้างวัดแห่งนี้ขึ้นและให้ชื่อว่า “วัดร่องเสือเต้น
52
ความโดดเด่นของวัดร่องเสือเต้นคือวิหารประจำวัด สร้างและออกแบบโดยนายพุทธา กาบ
แก้ว หรือสล่านก เป็นศิลปินพื้นบ้านชาวเชียงราย โดยสล่านกนั้นเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์
เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ผู้สร้างสร้างวัดร่องขุ่นที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก จึงได้ซึมซับศิลปะแนวพุทธ
ศิลป์มาจากอาจารย์เฉลิมชัยในการสร้างวิหารวัดร่องเสือเต้น วิหารวัดร่องเสือเต้นสร้างขึ้น
เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2548 มีขนาดกว้าง 13 เมตร ยาว 48 เมตร สร้างเสร็จเมื่อวันที่ 22
มกราคม พ.ศ. 2559 ใช้เวลาก่อสร้างรวม 11 ปีจึงแล้วเสร็จ
ลักษณะเด่นของวิหารวัดร่องเสือเต้นคือใช้โทนสีน้ำเงินฟ้าตัดกับสีทอง โดยสีน้ำเงินฟ้า
ของตัววิหารนั้นเปรียบดังท้องฟ้าที่สดใส แสดงถึงธรรมะขององค์สมเด็จพระพุทธเจ้าที่
ขจรขจายไปทั่วโลก ซึ่งเป็นหลักคำสอนที่เป็นความจริงตามหลักเหตุและผล เป็นศิลปะแนว
พุทธศิลป์ร่วมสมัยที่แฝงด้วยธรรมของพุทธองค์ ส่วนพญานาคที่อยู่หน้าวิหารได้รับ
อิทธิพลจากศิลปะของอาจารย์ถวัลย์ ดัชนี ที่เน้นลักษณะโครงสร้างที่เข้มแข็ง เขี้ยวเล็บ
แหลมคม ให้ความรู้สึกน่าเกรงขามทว่าคงความอ่อนช้อยในแบบล้านนา
ภายในวิหารเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรัชมงคลบดีตรีโลกนาถสีขาวมุก ขนาดหน้าตักกว้าง
5 เมตร สูง 6.5 เมตร โดยมีพระรอดลำพูน จำนวน 88,000 องค์ และแก้วแหวนเงินทองหลายสิ่ง
ถูกฝังอยู่ใต้พระพุทธรูปองค์นี้ บริเวณพระเศียรยังได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งได้รับ
พระราชทานจากสมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก รวมทั้ง
ยังได้รับพระราชทานนาม รัชมงคลบดีตรีโลกนาถ ทีหมายความว่า “พระพุทธเจ้าทรงเป็น
มงคลเจ้าในความเป็นราชาเป็นที่พึ่งในสามโลก 53
การเดินทางไปวัดร่องเสือเต้น
วัดร่องเสือเต้นตั้งอยู่ที่ ต.ริมกก อ.เมือง จ.เชียงราย โดยอยู่ห่างจากตัวเมือง 9 กิโลเมตร ใช้
เวลาเดินทางโดยรถยนต์ประมาณ 17 นาที ไม่มีรถสาธารณะไปถึง หากไม่ได้เดินทางโดยรถส่วน
ตัว นักท่องเที่ยวต้องจ้างหรือเหมารถให้ไปส่งจะสะดวกที่สุด
เวลาทำการเปิด – ปิด
เปิดให้เข้าชมและสักการะทุกวัน เวลา 7.00 – 20.00 น.
สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเที่ยววัดร่องเสือเต้น
ชมความงดงามของสถาปัตยกรรมวิหารวัดร่องเสือเต้นที่ซึมซับศิลปะแนวพุทธศิลป์มา
จากอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ผู้สร้างวัดร่องขุน สักการะพระพุทธรัชมงคลบดีตรีโลกนาถ
ที่ประดิษฐานภายในวิหาร และชมรูปปั้ นพญานาคที่อยู่ด้านหน้าวิหารซึ่งได้รับอิทธิพลมาจาก
ศิลปะของอาจารย์ถวัลย์ ดัชนี
54
วัดพระแก้ว เชียงราย
วัดพระแก้ว (Wat Phra Kaew) เป็นวัดสำคัญเก่าแก่และเป็นที่เคารพศรัทธาของจังหวัด
เชียงราย ด้วยสถาปัตยกรรมงดงามแบบล้านนาที่หลงเหลือให้เห็นไม่มากนักในปัจจุบัน และวัด
แห่งนี้เองที่ได้ค้นพบ พระแก้วมรกต หรือพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ที่ประดิษฐานอยู่ ณ
วัดศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) กรุงเทพฯ ในปัจจุบัน รวมถึงเป็นวัดที่ประดิษฐานพระเจ้า
ล้านทองซึ่งเป็นพระพุทธรูปสำริดปางมารวิชัยสมัยเชียงแสนสกุลช่างปาละ ที่ได้ชื่อว่าใหญ่ที่สุด
และสวยที่สุดในประเทศไทย
วัดพระแก้ว จังหวัดเชียงราย เดิมชื่อวัดป่าญะหรือป่าเยียะ เป็นชื่อของป่าไผ่ชนิดหนึ่ง วัด
แห่งนี้เป็นวัดเก่าแก่ที่อยู่คู่กับเมืองเชียงรายมายาวนาน โดยในปี พ.ศ. 1977 ในสมัยพระเจ้า
สามฝั่ งแกนเป็นเจ้าเมือง ปกครองเชียงใหม่นั้น ได้เกิดเหตุการณ์ฟ้าผ่าลงที่องค์พระเจดีย์
จนพังทลาย จึงทำให้พบพระแก้วมรกตซ่อนอยู่ในพระเจดีย์ วัดแห่งนี้จึงได้ชื่อใหม่ว่า “วัดพระ
แก้ว” ในภายหลังได้มีการอัญเชิญพระแก้วมรกตไปประดิษฐาน ณ เมืองต่างๆ ได้แก่ ลำปาง
เชียงใหม่ หลวงพระบาง เวียงจันทน์ กรุงธนบุรี และกรุงเทพมหานคร ตามลำดับ โดย
ปัจจุบันพระแก้วมรกต หรือพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรประดิษฐานอยู่ ณ วัด
ศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) กรุงเทพมหานคร และต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2478 กรมศิลปากร
ได้ประกาศขึ้นทะเบียนองค์พระเจดีย์ที่วัดพระแก้วเป็นโบราณสถานสำคัญของชาติ และได้
รับการยกฐานะเป็นพระอารามหลวงเมื่อปี พ.ศ. 2521 55
อุโบสถวัดพระแก้ว พระอุโบสถวัดพระแก้วสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2433 ได้รับ
พระราชทาน วิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ.2495 พระอุโบสถมีลักษณะเป็น
พระวิหารทรงล้านนา มีลักษณะฐานเตี้ย เชิงหลังคาลาดต่ำซ้อนกันสองชั้น มีพระเจ้า
ล้านทองซึ่งเป็นพระพุทธรูปสำริดปางมารวิชัยสมัยเชียงแสนสกุลช่างปาละ ที่ได้ชื่อ
ว่าใหญ่ที่สุดและสวยที่สุดในประเทศไทย ประดิษฐานเป็นพระประธานอยู่ในพระ
อุโบสถ หน้าตักกว้าง 2 เมตร สูง 2.8 เมตร พระรัศมีเป็นลักษณะดอกบัวตูม สำหรับ
พระเจ้าล้านทององค์นี้ เดิมประดิษฐานอยู่วัดล้านทอง (ปัจจุบันคือสถานที่ตั้ง
โรงเรียนอนุบาลเชียงราย) เมื่อวัดมีสถานภาพเป็นวัดร้างจึงได้อัญเชิญมา
ประดิษฐาน ณ พระอุโบสถวัดพระแก้ว เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ.2504
56
หอพระหยก อาคารทรงล้านนาโบราณ เป็นที่ประดิษฐาน “พระพุทธรตนากร นวุติวัสสา
นุสรณ์มงคล” หรือ “พระหยกเชียงราย” เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิราบทำด้วยหยกจาก
ประเทศแคนาดา ซึ่งมิสเตอร์ฮูเวิร์ด โล นำมาถวาย พระหยกมีขนาดหน้าตักกว้าง 47.9
เซนติเมตร สูง 65.9 เซนติเมตร ออกแบบโดย อาจารย์ กนก วิศวกุลสร้างเมื่อ พ.ศ.2534
เนื่องในวโรกาสที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงเจริญพระชนมายุ 90 พรรษา
และเพื่อเป็นอนุสรณ์ว่า วัดพระแก้วแห่งนี้เป็นสถานที่ค้นพบพระแก้วมรกต บนผนัง
อาคารภายในหอพระหยกมีภาพจิตรกรรมฝาผนังแสดงเรื่องราวจากตำนานพระแก้ว
มรกต และภาพวาดการสร้างและพิธีอัญเชิญพระหยกเชียงรายสู่พระอารามในวันที่ 19
ตุลาคม พ.ศ.2534 โดยมี พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงประกอบ
พิธีพุทธาภิเษก ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2534
แล้วนำมาประดิษฐานไว้ที่หอพระหยกแห่งนี้ ให้นักท่องเที่ยวได้กราบไหว้สักการะมาจนถึง
ปัจจุบัน
57
โฮงหลวงแสงแก้ว เป็นอาคารทรงล้านนาประยุกต์สูง 2 ชั้น โครงสร้างเป็น
คอนกรีตเสริมเหล็ก ตกแต่งด้วยไม้สักทั้งภายนอกและภายใน ปัจจุบันทำหน้าที่เป็น
พิพิธภัณฑ์ของวัด ตั้งอยู่ซีกกำแพงวัดด้านทิศใต้ เริ่มสร้างเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน
พ.ศ. 2538 ภายในเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงพระพุทธรูปสำคัญ รวมทั้งศิลปวัฒนธรรม
เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาในรูปแบบที่ทันสมัย นอกจากนี้ภายในโฮงหลวงแสงแก้ว
ยังมีองค์พระพุทธศรีเชียงราย สร้างด้วยศิลปะแบบเชียงแสนสิงห์หนึ่งที่งดงาม
รวมถึงมีพระเจ้าทันใจซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยศิลปะเชียงแสนประดิษฐาน
อยู่ด้วย โดยพระเจ้าทันใจเป็นพระพุทธรูปที่เกิดจากการช่วยกันสร้างจนแล้วเสร็จ
ภายในวันเดียว ชาวล้านนาเชื่อว่าหากได้อธิษฐานขอสิ่งใดจากพระพุทธรูปองค์นี้จะ
สัมฤทธิ์ผลรวดเร็วทันใจ
นอกจากที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ภายในวัดยังมีสถานที่สำคัญอีกหลายจุดที่น่า
58 สนใจให้นักท่องเที่ยวได้ชมเมื่อมาเที่ยวที่วัดพระแก้ว จังหวัดเชียงรายแห่งนี้
การเดินทางไปวัดพระแก้ว
วัดพระแก้วตั้งอยู่ที่ถนนไตรรัตน์ ใจกลางเมืองเชียงราย หากไม่ได้เดินทางโดยรถส่วนตัวก็มี
รถสองแถวที่ให้บริการผ่านหลายสาย ค่าโดยสาร 15 – 25 บาท หรือสามารถนั่งรถรางของ
เทศบาลโดยขึ้นได้ที่อนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งราย
เวลาทำการเปิด – ปิด
เปิดให้เข้าชมและสักการะทุกวัน เวลา 8.00 - 18.00 น.
อัตราค่าเข้าชม
ไม่เสียค่าเข้าชม
สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเที่ยววัดพระแก้ว
ชมความงดงามของสถาปัตยกรรมพระอุโบสถแบบล้านนา สักการะพระเจ้าล้านทองซึ่งเป็น
พระพุทธรูปสำริดปางมารวิชัยสมัยเชียงแสนสกุลช่างปาละที่ได้ชื่อว่าใหญ่ที่สุดและสวยที่สุดใน
ประเทศไทยที่ประดิษฐานในอุโบสถวัดพระแก้ว สักการะพระหยกเชียงรายในหอพระหยก สักกา
ระองค์พระพุทธศรีเชียงราย และกราบขอพรพระเจ้าทันใจในโฮงหลวงแสงแก้ว
59
วัดห้วยปลากั้ง
วัดห้วยปลากั้ง (Wat Huay Pla Kang) เป็นอีกวัดหนึ่งที่มีความสวยงามไม่แพ้วัดอื่นๆ ในจังหวัด
เชียงราย ด้วยทัศนียภาพที่งดงามของเทือกเขาที่รายล้อม และจุดเด่นคือ "พบโชคธรรมเจดีย์"
เจดีย์สูง 9 ชั้น ทรงแหลมศิลปะแบบจีนผสมล้านนา และองค์พระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิมขนาด
ใหญ่ ความสูง 69 เมตรที่ประดิษฐานอย่างโดดเด่นเป็นสง่า จนชวนให้นึกว่าวัดแห่งนี้คือเมือง
จำลองของสวรรค์ วัดห้วยปลากั้ง ตั้งอยู่ในตำบลริมกก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย เริ่มก่อ
ตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2544 โดยคณะศรัทธาวัดห้วยปลากั้งเพื่อให้เป็นสำนักสงฆ์ จนกระทั่งวันที่ 19
พฤศจิกายน พ.ศ.2548 พระอาจารย์พบโชค ติสฺสวํโส ได้เดินทางมาปฏิบัติธรรมและเริ่มมีการก่อ
ตั้งศาสนวัตถุ เริ่มตั้งแต่กุฏิสงฆ์ ศาลาการเปรียญ หอฉัน และเจดีย์ โดยพบโชคธรรมเจดีย์นั้น
ใช้เวลาในการก่อสร้าง 999 วัน โดยเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 ทางสำนักงานพุทธศาสนา
แห่งชาติ ได้มีประกาศแต่งตั้งให้เป็นวัดโดยชื่อว่า “วัดห้วยปลากั้ง”
ปัจจุบันวัดห้วยปลากั้งถือเป็นวัดที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดเชียงรายเป็นวัดที่มีนักท่อง
เที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางมานมัสการและปฏิบัติธรรมเป็นจำนวนมาก และยังมี
ความเชื่อกันว่าหากใครมาเยือนวัดแห่งนี้จะรู้สึกเหมือนได้ขึ้นสวรรค์ ความโดดเด่นของวัดห้วย
ปลากั้งคือ พบโชคธรรมเจดีย์สูง 9 ชั้น ทรงแหลม เป็นศิลปะจีนผสมล้านนา ภายในพระมหาพบ
โชคธรรมเจดีย์ทั้ง 9 ชั้น มีพระพุทธรูปประดิษฐานประจำอยู่แต่ละชั้น ประกอบด้วย
ชั้น 1 ประดิษฐานเจ้าแม่กวนอิมปางประทานพรขนาดใหญ่ แกะสลักด้วยไม้จันทร์หอมที่นำ
มาจากประเทศจีน อินเดีย และพม่า
ชั้น 2 ประดิษฐานเจ้าแม่กวนอิมปางประทับยืน
ชั้น 3 ประดิษฐานเจ้าแม่กวนอิมปางประทับนั่ง
ชั้น 4 ประดิษฐานหลวงพ่อพระพุทธโสธรจำลอง
ชั้น 5 ประดิษฐานเจ้าแม่กวนอิมปางพันมือ
ชั้น 6 ประดิษฐานหลวงปู่โต พรหมรังสี และหลวงปู่ทวด
ชั้น 7 ประดิษฐานพระพุทธรูปปางนาคปรก (ชั้นนี้ถือว่าเป็นชั้นสวรรค์ดาวดึงส์)
ชั้น 8 ประดิษฐานพระสังกัจจายน์หรือพระศรีอริยเมตไตรย
ชั้น 9 ประดิษฐานพระอิศวร
60
61
นอกจากนี้ บริเวณรอบๆ เจดีย์ยังมีพระธาตุประจำปีเกิดจำลองให้สักการบูชา ส่วนองค์พระ
โพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิมขนาดใหญ่ความสูง 69 เมตรนั้นภายในมีลิฟต์ 23 ชั้นให้นักท่องเที่ยวสามามา
รถขึ้นไปได้ (มีค่าขึ้นลิฟต์คนละ 20 บาท) โดยจากชั้น 22-23 จะเป็นชั้นที่สามารถมองเห็นภูมิทัศน์ที่
สวยงามของเชียงรายได้อย่างชัดเจน
การเดินทางไปวัดห้วยปลากั้ง
วัดห้วยปลากั้ง ตั้งอยู่ที่ ต.ริมกก อ.เมือง โดยอยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงราย 8 กิโลเมตร ใช้เวลา
เดินทางโดยรถยนต์ประมาณ 17 - 20 นาที ไม่มีรถสาธารณะไปถึง หากไม่ได้เดินทางโดยรถส่วนตัว
นักท่องเที่ยวต้องจ้างหรือเหมารถให้ไปส่งจะสะดวกที่สุด
เวลาทำการเปิด – ปิด
เปิดให้เข้าชมและสักการะทุกวัน เวลา 7.00 - 18.00 น.
สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเที่ยววัดห้วยปลากั้ง
ชมเจดีย์ให้ครบทั้ง 9 ชั้น สักการะพระพุทธรูปปางต่างๆ ที่ประจำอยู่แต่ละชั้น สักการะองค์พระ
โพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่ และชมทัศนียภาพที่สวยงามของเมืองเชียงรายที่ชั้น 22 – 23
62
ไม่ใช่ทุกคนที่ท่อง
เที่ยวไปเรื่อย ๆ
จะหลงทาง
เ จ . อ า ร์ . อ า ร์ . โ ท ล คี น
อ ภิ นิ ห า ร แ ห ว น ค ร อ ง พิ ภ พ