6คำ�แนะนำ�ที่ /2564
การควบคมุ ศัตรพู ชื
โดยชวี วธิ ี
กระทรกวรงมเสกง่ษเตสรรแมิ ลกะาสรเหกกษรตณร์
ค�ำ แนะนำ�ท่ี 6 / 2564
การควบคมุ ศตั รพู ืชโดยชวี วิธี
พิมพค์ ร้งั ท่ี 1 : พ.ศ. 2564 จำ�นวน 1,000 เล่ม
ออกแบบ/พมิ พท์ ่ี : กลุม่ โรงพมิ พ์ ส�ำ นกั พฒั นาการถ่ายทอดเทคโนโลย ี
จดั พมิ พ์ : กรมสง่ เสรมิ การเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
6คำ�แนะนำ�ที่ /2564
การควบคมุ ศัตรพู ชื
โดยชีววธิ ี
กระทรกวรงมเสกง่ษเตสรรมิแลกะาสรเหกกษรตณร์
คำ�นำ�
ในการผลิตพืชเศรษฐกิจแทบทุกชนิด
เกษตรกรมกั ประสบปญั หาเรอ่ื ง ศตั รพู ชื ท�ำใหผ้ ลผลติ
ไดร้ บั ความเสยี หาย ทงั้ ปรมิ าณและคณุ ภาพ การจดั การศตั รพู ชื อยา่ งไดผ้ ลดี จงึ ตอ้ ง
อาศยั วธิ คี วบคมุ ศตั รพู ชื โดยวธิ ผี สมผสาน ซง่ึ เปน็ การน�ำวธิ กี ารปอ้ งกนั ก�ำจดั ศตั รพู ชื
ตา่ ง ๆ วธิ มี าผสมผสานกนั อยา่ งเหมาะสม โดยตอ้ งไมท่ �ำลายกระบวนการหว่ งโซอ่ าหาร
ทเ่ี ปน็ พน้ื ฐานของการควบคมุ ศตั รพู ชื โดยธรรมชาติ ซง่ึ การควบคมุ ศตั รพู ชื โดยชวี วธิ ี
เป็นอีกแนวทางหน่ึงในการป้องกันก�ำจัดศัตรูพืช ท่ีมีประสิทธิภาพ และปลอดภัย
เอกสารค�ำแนะน�ำ เร่ือง การควบคุมศตั รูพชื โดยชวี วธิ ี ฉบบั นี้
กรมส่งเสริมการเกษตร ได้จัดท�ำขึ้นเพื่อให้เกษตรกร และผู้สนใจได้มีความรู้
ความเข้าใจเก่ียวกับศัตรูธรรมชาติ ได้แก่ ตัวห�้ำ ตัวเบียน และเชื้อจุลินทรีย์
เพื่อควบคุมไม่ให้ศัตรูพืชเกิดการระบาด สร้างความเสียหายแก่พืชใน ไร่-นา-สวน
โดยไม่ท�ำลายส่ิงแวดล้อม และเห็นถึงความส�ำคัญในการอนุรักษ์ศัตรูธรรมชาติ
เพ่ือสร้างสมดลุ ธรรมชาตใิ นระบบนิเวศ และสามารถน�ำความรู้ทไี่ ดไ้ ปใช้ประโยชน์
ในการท�ำการเกษตรได้อยา่ งมปี ระสิทธิภาพในการควบคุมศัตรพู ชื ได้ในระยะยาว
กรมสง่ เสริมการเกษตร
2564
สารบัญ
3 15
9 20 1
3
บทน�ำ 5
การควบคมุ ศัตรพู ืชโดยชวี วิธี 9
ศัตรูธรรมชาติ 15
ตวั ห�ำ้ (Predator) 20
ตัวเบียน (Parasite) 23
จลุ ินทรีย์ควบคมุ ศตั รูพืช 27
ชนดิ ของศัตรูธรรมชาติทีม่ ีการผลิตขยายเพือ่ ควบคมุ ศตั รพู ืช 28
เมื่อไหร่ ควรใชก้ ารควบคุมศัตรพู ชื โดยชีววธิ ี
เอกสารอ้างอิง
บทนำ�
ศัตรูพืช เป็นปัญหาสำ�คัญที่ควบคู่
กับการเกษตรตลอดมา สาเหตุหน่ึงคงเป็นเพราะ
มกี ารปลูกพืชเปน็ การคา้ และมกี ารเพม่ิ ปัจจยั การผลิตลงไป
เพื่อให้ได้ผลผลิตสูงผลที่ตามมาคือมีศัตรูพืชระบาด แม้มีความพยายามกำ�จัด
โดยใช้สารเคมีอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลานาน แต่ดูเหมือนไม่อาจแก้ปัญหาศัตรูพืช
ให้เบาบางลงไปได้กลับเพิ่มความรุนแรงและเกิดปัญหาที่ยุ่งยากซับซ้อนมากยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะปญั หาศตั รพู ชื ตา้ นทานตอ่ สารเคมี จนตอ้ งเพม่ิ ความถแ่ี ละความเขม้ ขน้ ในการ
ใช้สารเคมี เช่น หนอนใยผัก หนอนกระทู้หอม หอนกระทู้ผัก หนอนเจาะสมอฝ้าย
เพลี้ยกระโดดสีนำ้�ตาล เป็นตน้ หรอื เกิดศัตรพู ืชชนิดใหม่ที่ไม่เคยมีความสำ�คญั มากอ่ น
เช่น หนอนกระทู้ข้าวโพดลายจุด นอกจากนี้พิษของสารเคมีที่ตกค้างในผลผลิต
เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค และการส่งออกสินค้าที่มักจะมีการกำ�หนดค่ามาตรฐาน
ของสารพิษท่ีปนเป้ือนไว้ ทำ�ให้ประเทศไทยถูกกีดกันในการส่งออกสินค้าเกษตร
ต้นทุนการผลิตสูงเพราะสารเคมีทุกชนิดต้องนำ�เข้าจากต่างประเทศ และท่ีสำ�คัญ
เกษตรกรผใู้ ชส้ ารเคมเี องไดร้ บั อนั ตรายถงึ ชวี ติ หรอื เจบ็ ปว่ ยเรอ้ื รงั สง่ ผลตอ่ คณุ ภาพชวี ติ
จงึ มีความจ�ำ เป็นท่จี ะต้องพิจารณาการควบคมุ ศัตรูพืชอย่างรอบคอบ
เม่ือพิจารณาลักษณะของศัตรูพืชในธรรมชาติแล้ว พบว่ามีปัจจัยหลายอย่าง
ท่ีเอ้ือประโยชน์ต่อการมีชีวิตรอดของศัตรูพืชทั้งสิ้นทั้ง ลักษณะชีววิทยา วงจรชีวิต
และลักษณะการทำ�ลายพืช การกินอาหาร เช่น แมลงศัตรูพืชในแต่ละระยะต้องใช้วิธี
ควบคุมแตกต่างกัน โดยเฉพาะสารเคมีสามารถใช้ได้ดีกับแมลงเฉพาะระยะตัวอ่อน
เท่านั้น ส่วนระยะไข่และดักแด้ สารเคมีไม่สามารถกำ�จัดได้ เช่นเดียวกับระยะเต็มวัย
หลายชนิดท่ีมักไม่กินพืช และสารเคมีทำ�ลายไม่ได้เพราะมีเกล็ดและขนปกคลุมตัว
บินหนไี ด้ ซ่งึ ลว้ นต้องใชว้ ธิ อี ่ืนกำ�จดั ทัง้ สนิ้
1 กรมสง่ เสรมิ การเกษตร
หลกั การจดั การศตั รพู ชื (Pest Management)
หลกั การจดั การศตั รพู ชื (Pest Management) การจดั การศตั รพู ชื อยา่ งไดผ้ ลดี
จึงต้องอาศัยวิธีควบคุมศัตรูพืชโดยวิธีผสมผสาน (Integrated Pest Management)
หรือ IPM หลกั การส�ำ คัญของ IPM คือ การใชห้ ลกั การทางนิเวศวิทยา (Ecosystem)
เป็นพื้นฐาน เพ่ือให้เกิดสมดุลทางธรรมชาติ (Equilibrium) และ ณ จุดสมดุล
ส่ิงมีชีวิตต่าง ๆ จะอยู่ด้วยกันอย่างเหมาะสม ไม่มีตัวหนึ่งตัวใดมากจนระบาด
ซ่ึงธรรมชาติจะมีระบบควบคุมอยู่แล้วเรียก หลักการควบคุมโดยธรรมชาติ (Natural
Control) ได้แก่ พันธ์ุ สภาพอากาศ อายุพืชและระยะพืช อายุแมลง ระยะแมลง
การปฏิบัตขิ องเกษตรกร ศตั รธู รรมชาติ และอื่น ๆ หากธรรมชาติไมส่ ามารถควบคมุ ได้
มนษุ ยจ์ ะเปน็ ผชู้ ว่ ยใหเ้ กดิ สมดลุ โดยใชม้ นษุ ยจ์ ะเปน็ ผชู้ ว่ ยใหเ้ กดิ สมดลุ โดยใชว้ ธิ หี ลาย ๆ
วิธีร่วมกันอย่างเหมาะสมเพื่อควบคุมปริมาณศัตรูพืชให้อยู่ในระดับท่ีไม่ก่อให้เกิด
ความเสียหาย มีประสิทธิภาพสูงสุด ประหยัดและปลอดภัยที่สุด เช่น การควบคุม
โดยชีววิธี วิธีเขตกรรม วิธีกล วิธีกายภาพ วิธีฟิสิกส์ วิธีพันธุกรรม สารธรรมชาติ
จากพืช และการใช้สารเคมี แต่ไม่ว่าจะเลือกใช้วิธีใดในการควบคุมก็ตาม วิธีที่เลือก
ต้องไม่ขัดต่อกระบวนการทางธรรมชาติโดยเฉพาะต้องไม่ทำ�ลายกระบวนการ
ห่วงโซ่อาหาร ทเี่ ป็นพน้ื ฐานของการควบคุมศตั รูพืชโดยธรรมชาติ (Natural Control)
2การควบคุมศัตรูพืชโดยชีววธิ ี
การควบคมุ ศัตรพู ืชโดยชีววธิ ี
การควบคุมศตั รพู ชื โดยชีววธิ ี คอื การจดั การศัตรพู ชื ใหอ้ ยูใ่ นปรมิ าณท่ีไมก่ ่อ
ให้เกิดความเสียหาย โดยใช้สิ่งมีชีวิตท่ีเป็นศัตรูของศัตรูพืช ท่ีเรียกว่า ศัตรูธรรมชาติ
ได้แก่ ตัวห้ำ� ตัวเบียน และเช้ือจุลินทรีย์ ศัตรูธรรมชาติ เป็นองค์ประกอบสำ�คัญ
ในห่วงโซ่อาหาร มีการดำ�รงชีวิตด้วยการเป็น ผู้ล่า (Predator) หรือ ผู้เบียดเบียน
(Parasite) หรอื เปน็ เชอ้ื โรค (Micro-organism)
ศัตรูธรรมชาติ เป็นส่ิงมีชีวิตท่ีเกิดและดำ�รงชีวิตอยู่ด้วยการกิน หรืออาศัย
ศัตรูพืชอื่น ๆ ทำ�ให้ศัตรูพืชตายก่อนอายุขัย ศัตรูธรรมชาติมีบทบาทสำ�คัญในการ
ควบคุมศัตรูพืช เพราะจะเป็นผู้ล่าและผู้เบียดเบียนจะหาอาหารซึ่งคือศัตรูพืช
ไม่ว่าศัตรูพืชจะหลบซ่อนที่ใด กระบวนการล่าเหยื่อของศัตรูธรรมชาติถือเป็นกลไก
ท่ีสำ�คัญยิ่งในการทำ�ให้เกิดสมดุลทางธรรมชาติ โดยศัตรูธรรมชาติมีปริมาณมากกว่า
ศัตรพู ืช 5 - 6 เท่า
สถานการณศ์ ตั รธู รรมชาตใิ นปจั จบุ นั
ศตั รธู รรมชาตมิ ปี ริมาณไมเ่ พยี งพอเนอ่ื งจาก
การใช้สารเคมี มากเกนิ ความจ�ำ เป็นและใชอ้ ย่างไมถ่ ูกตอ้ ง
การตายโดยธรรมชาติ เน่ืองจากแหลง่ อาศัยตามธรรมชาตถิ กู ท�ำ ลายดว้ ย
การทำ�การเกษตรอย่างไม่ถูกต้อง จึงจำ�เป็นต้องมีการผลิตขยาย เพ่ือปล่อยเพิ่มเติม
ลงในธรรมชาติ โดยหน่วยงานราชการ ซึ่งทำ�ในรูปแปลงส่งเสริม แปลงสาธิตเผยแพร่
โดยเกษตรกรทำ�ใช้เองในกลมุ่ สมาชิก หรอื ทำ�เป็นการคา้ โดยบรษิ ทั เอกชน
3 กรมส่งเสรมิ การเกษตร
ประเภทของการควบคมุ ศตั รพู ชื โดยชวี วธิ ี
แมลงปอ 1. การควบคุมโดยชีววิธีแบบธรรมชาติ
แมลงช้างปีกใส เป็นการควบคุมที่เกิดข้ึนเองในธรรมชาติ
แตนเบียนเพลี้ยแป้งมันสำ�ปะหลังสีชมพู จากการกระทำ�ของศัตรูธรรมชาติที่อยู่
ในธรรมชาติ คอยควบคมุ ปรมิ าณศตั รพู ชื ให้
อยู่ในระดับสมดุล เช่น แมลงปอ ด้วงดิน
นก กบ เป็นต้น หากวิธีนี้มีไม่เพียงพอ
ก็ต้องใช้วิธที ่ี 2
2. การควบคุมโดยชวี วิธีท่ีมนษุ ยท์ ำ�ข้นึ
วิธีน้ีมีการนำ�ศัตรูธรรมชาติมาผลิตขยาย
และปลดปล่อย เพิ่มพูน หรือปล่อยแบบ
ท่วมท้น เช่น มวนพิฆาต แมลงช้างปีกใส
แมลงหางหนีบ เปน็ ตน้
3. การควบคุมศัตรูพืชแบบคลาสสิค
เป็นการนำ�เอาศัตรูธรรมชาติจากต่างถิ่น
น�ำ เขา้ มาผลิตขยาย และปล่อยเพอื่ ควบคุม
ศตั รพู ชื ในพน้ื ท่ี เชน่ แตนเบยี นหนอนใยผกั
แตนเบียนเพล้ียแป้งมันสำ�ปะหลังสีชมพู
แตนเบียนหนอนแมลงดำ�หนามมะพร้าว
เปน็ ต้น
4การควบคมุ ศัตรพู ืชโดยชีววิธี
ศัตรูธรรมชาติ
ประเภทของศตั รธู รรมชาติ
ศัตรูธรรมชาติ แบ่งเป็น 3 ประเภท
ไดแ้ ก่ ตวั ห้�ำ ตวั เบยี น และเช้อื จุลนิ ทรีย์
ตัวห้ำ� (Predator) เป็นส่ิงมีชีวิตที่
ท�ำ ใหศ้ ตั รพู ชื ตายดว้ ยการกดั กนิ ดดู กนิ ศตั รพู ชื แมงมุม
เป็นอาหาร มักมีขนาดใหญ่กว่าศัตรูพืชหรือ
มีอวัยวะพิเศษสำ�หรับจับเหยื่อ ตัวหำ้�หน่ึงตัว
กินศัตรูพชื ได้ และจ�ำ นวนมากตลอดชว่ งชวี ติ
เช่น แมลงปอ แมลงชา้ ง แมงมมุ เป็นต้น
ตัวเบียน (Parasite) เป็นส่งิ มีชีวิตท่ี
ท�ำ ใหศ้ ตั รพู ชื ตายดว้ ยการเบยี ดเบยี น กนิ อาหาร
อยอู่ าศยั และขยายพนั ธภุ์ ายในตวั ศตั รพู ชื หรอื แตนเบียนหนอนบราคอน
บนตัวศัตรพู ืช มักมขี นาดเลก็ กว่าศัตรพู ชื การทำ�ลายมักเฉพาะ
เจาะจงตอ่ ชนดิ ศตั รพู ชื จะท�ำ ลายศตั รพู ชื ทลี ะตวั และขยายพนั ธุ์
ได้มาก เชน่ แตนเบยี นชนดิ ตา่ ง ๆ และไสเ้ ดือยฝอย เปน็ ต้น
จุลินทรีย์ (Micro-organism) เป็นสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ
ท่ีทำ�ให้ศัตรูพืชเป็นโรคตาย จุลินทรีย์จะทำ�ลายศัตรูพืช
เมอ่ื สภาพเหมาะสม และสามารถท�ำ ลายศตั รพู ชื ไดค้ รง้ั ละมาก ๆ
เช่น เชอ้ื แบคทีเรยี เช้ือรา เชอ้ื ไวรสั เปน็ ตน้
เชื้อราบิวเวอเรีย
5 กรมส่งเสริมการเกษตร
ขอ้ ดขี องศตั รธู รรมชาติ
1. ศัตรูธรรมชาติควบคุมศัตรูพืชไม่ให้ระบาด ทำ�ให้ประหยัดค่าใช้จ่าย
เพราะศัตรูธรรมชาติมีอยู่มากมายในธรรมชาติ ไม่ต้องเสียเงินซ้ือ และสามารถควบคุม
ศัตรูพชื ได้ เกษตรกรไมต่ อ้ งเสยี เงินซอ้ื สารเคมี
2. หากปล่อยให้ศัตรูธรรมชาติทำ�งานอย่างต่อเนื่องจะให้ผลแบบย่ังยืน
เพราะศัตรูธรรมชาติมีชีวิตสามารถขยายพันธ์ุต่อไปเรื่อย ๆ ตราบเท่าที่มีอาหารอยู่
และไม่มีความเสี่ยงเม่ือมีศัตรูพืชระบาดแตกต่างจากสารเคมี ท่ีต้องใช้บ่อย ๆ
ในปรมิ าณมากขนึ้ และตอ้ งระวงั ตรวจสอบมากขน้ึ เพราะไมม่ ศี ตั รธู รรมชาตชิ ว่ ยควบคมุ
3. ศัตรูธรรมชาติไม่ทำ�ให้ศัตรูพืชต้านทาน และไม่ทำ�ให้เกิดศัตรูพืชชนิดใหม่
4. ศตั รธู รรมชาตไิ มม่ อี นั ตรายตอ่ สง่ิ มชี วี ติ อนื่ และไมเ่ กดิ พษิ ตอ่ สภาพแวดลอ้ ม
เพราะเป็นสง่ิ ทอี่ ยูใ่ นธรรมชาติอยแู่ ล้ว อีกทง้ั ไม่ตกคา้ งอยู่ในผลผลติ
5. ศัตรูธรรมชาติไม่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้ และปลอดภัยต่อผู้บริโภค ผลผลิต
ทางการเกษตร
6. เกษตรกรได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่าทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และ
สภาพแวดล้อม อันจะส่งผลทำ�นองเดยี วกนั ต่อภาพรวมของทั้งประเทศ
6การควบคมุ ศตั รพู ืชโดยชวี วิธี
ประโยชนท์ จี่ ะไดร้ บั จากการสง่ เสรมิ การควบคมุ ศตั รพู ชื โดยชวี วธิ ี
1. เกษตรกรจะได้รับความรู้เกี่ยวกับการควบคุมศัตรูพืชโดยชีววิธี และ
นำ�ไปปฏิบัติด้วยตนเองได้อย่างถูกต้อง ทำ�ให้สามารถใช้ศัตรูธรรมชาติซึ่งเป็น
ทรัพยากรธรรมชาติท่ีมีอยู่แล้วในไร่-นา-สวนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการควบคุม
ศตั รูพืชได้ในระยะยาว
2. ช่วยให้เกิดสมดุลธรรมชาติในระบบนิเวศ ซ่ึงมีผลต่อการลดปัญหา
การเกดิ ศัตรพู ชื ชนดิ ใหม่ ๆ และการระบาดของศัตรูพืช
3. ชว่ ยใหเ้ กิดความปลอดภยั ตอ่ ผูบ้ ริโภคผลผลิตทางการเกษตร และสง่ิ มีชวี ติ
นอกเป้าหมาย
4. ช่วยให้เกษตรกรได้รับผลตอบแทนท่ีคุ้มค่าท้ังทางด้านเศรษฐกิจ สังคม
และสภาพแวดลอ้ ม
7 กรมส่งเสรมิ การเกษตร
วธิ กี ารอนรุ กั ษศ์ ตั รธู รรมชาติ
การอนุรักษ์ศัตรูธรรมชาติ เป็นการรักษาให้ศัตรูธรรมชาติสามารถดำ�รงชีวิต
อยไู่ ดอ้ ย่างปลอดภัย ขยายพันธ์ุ และเพิม่ ปรมิ าณได้เองตามธรรมชาติ ได้แก่
1. เพมิ่ แหล่งอาศยั ใหแ้ มลงศัตรธู รรมชาติ
ในเวลากลางวันอากาศร้อนแมลงศัตรูธรรมชาติจะอาศัยตามต้นพืชเต้ีย ๆ
เพราะสภาพอากาศใกลพ้ ้นื ดนิ อากาศจะเหมาะสมมากกว่าในระดบั สูง ดังนัน้ ในสภาพ
ทมี่ ีวชั พืชหรอื พืชล้มลุกอยู่บา้ ง จะท�ำ ให้แมลงศตั รูธรรมชาติมีทีห่ ลบอาศัย
2. เพม่ิ แหล่งอาหารใหแ้ กต่ วั เต็มวยั แมลงศตั รูธรรมชาติ
โดยเฉพาะตวั เบยี น ตวั เตม็ วยั หากนิ อสิ ระ และสว่ นใหญก่ นิ น�ำ้ หวานจากดอกไม้
และละอองน�ำ้ การสรา้ งสภาพแวดลอ้ มใหเ้ หมาะสมกบั การด�ำ รงชวี ติ ของศตั รธู รรมชาติ
เช่น การปลูกพืชหมุนเวียนระหว่างรอปลูกพืชหลัก ฉีดพ่นนำ้�หรือให้นำ้�บริเวณ
แปลงปลูกพืช เพ่ือเพิ่มความช้ืนในแปลงปลูก ช่วยให้ศัตรูธรรมชาติสามารถดำ�รงชีวิต
และขยายพนั ธุ์ได้
3. ไม่เผาตอซังหลังการเกบ็ เกยี่ ว
เพราะการเผาตอซงั จะท�ำ ลายระบบนเิ วศและสมดลุ ธรรมชาต ิ ศตั รธู รรมชาติ
ถูกทำ�ลาย ท�ำ ให้เกดิ การระบาดของศัตรูพืชในช่วงตน้ ฤดปู ลูก
4. ลดอันตรายท่จี ะเกิดแก่แมลงศัตรธู รรมชาติ
สารเคมีกำ�จัดแมลง เป็นอันตรายต่อแมลงศัตรูธรรมชาติมากกว่าศัตรูพืช
เน่ืองจากแมลงศัตรูธรรมชาติ ส่วนใหญ่มีขนาดเล็กกว่าศัตรูพืชมาก ทำ�ให้ไม่สามารถ
ทนต่อสารเคมี ละอองสารเคมีทำ�ให้ศัตรูธรรมชาติตายได้ ในแหล่งท่ีมีศัตรูธรรมชาติ
ในปริมาณสูง หากจำ�เป็นต้องพ่นสารเคมีกำ�จัดศัตรูพืชให้เลือกใช้สารเคมีที่มีพิษต่ำ�สุด
ต่อศัตรูธรรมชาติ และใช้เฉพาะบางบริเวณ เว้นบางแปลงเพื่อให้แมลงศัตรูธรรมชาติ
ใช้หลบอาศัย
8การควบคมุ ศัตรูพืชโดยชีววิธี
ตัวห้ำ� (Predator)
ความหมาย
ตัวห้ำ� หมายถึง ศัตรูธรรมชาติท่ีล่าเหยื่อ และกัดกินส่ิงมีชีวิตที่เป็นสัตว์อื่น
ซ่ึงถูกฆ่ามากกว่าหนง่ึ ตัว ในชว่ งอายขุ องตวั ห�้ำ
ตวั หำ้�มีท้งั สตั วท์ ี่มกี ระดูกสันหลัง เชน่ นก ก้งิ ก่า กบ คางคก และสัตว์ทีไ่ มม่ ี
กระดูกสันหลัง เช่น แมลง ซึ่งสัตว์ในกลุ่มแมลง และแมงมุม เป็นกลุ่มท่ีมีศักยภาพ
ในการควบคุมแมลงศัตรูพืชมากที่สุด เนื่องจากมีการเจริญเติบโตและขยายพันธุ์
ไดร้ วดเร็ว เชน่ เดยี วกับแมลงศัตรพู ืช
แมลงห้ำ� หมายถึง แมลงที่กินแมลงชนิดอ่ืนๆ เป็นอาหาร และกินเหยื่อ
(prey) หลายตัว จนกว่าจะเจริญเติบโตครบวงจรชีวิต การกินจะกินเหย่ือไปเรื่อย ๆ
และมกั ไมจ่ �ำ กัดวยั ของเหยือ่ (ววิ ัฒน,์ 2545)
ประเภทแมลงหำ้�
แมลงห�ำ้ แบง่ ตามลักษณะนิสัยการกินแมลงศัตรูพชื เปน็ 2 ประเภท
1. แมลงหำ้�ที่มีปากกัด แมลงหำ้�ประเภทน้ีจะกัดกินและบดกินทุกส่วน
ของแมลงศัตรูพืช เช่น ด้วงเต่าตัวหำ้� ด้วงดิน ด้วงเสือ แมลงปอ แมลงหางหนีบ
ตั๊กแตนต�ำ ข้าว
2. แมลงห้ำ�ที่มีปากแทงดูด แมลงหำ้�ประเภทนี้จะดูดน้ำ�เลี้ยงจากลำ�ตัวของ
แมลงศัตรูพืช เช่น มวนเพชฌฆาต มวนพิฆาต มวนเขียวดูดไข่ แมลงวันขายาว
แมลงวันหวั บบุ แมลงชา้ งปกี ใส
9 กรมสง่ เสริมการเกษตร
แมลงหำ้� ทสี่ ำ�คญั
แมลงหำ้�ทม่ี ีบทบาทในการควบคมุ แมลงศัตรูพืช เปน็ แมลงในกลมุ่ ตา่ ง ๆ ดังนี้
1. กลุ่มด้วง แมลงห้ำ�ส่วนใหญ่เป็นแมลงในกลุ่มด้วง เช่น ด้วงเต่าลาย
ดว้ งดิน ดว้ งกน้ กระดก ดว้ งเสือ
ดว้ งเตา่ ตวั ห�ำ้ เปน็ แมลงห�ำ้ ทพ่ี บอยทู่ ว่ั ไป ทงั้ ระยะหนอนและตวั เตม็ วยั
กัดกินเพล้ียอ่อน เพลี้ยไฟ เพลี้ยหอย เพลี้ยแป้ง แมลงหว่ีขาว ไข่แมลงศัตรูพืช
เพลีย้ ไฟ และไรแดง
ดว้ งดนิ เกอื บทงั้ หมดเปน็ แมลงห�้ำ ทง้ั ระยะหนอนและตวั เตม็ วยั ท�ำ ลาย
หนอนผเี สือ้ ศตั รูพืช ไขแ่ มลง มกั หากนิ ตอนกลางคืน
ด้วงก้นกระดก เป็นแมลงห้ำ� ทำ�ลายเพลี้ยกระโดด เพลี้ยจักจั่น
แมลงขนาดเลก็ และไขแ่ มลง
ดว้ งเสือ เป็นแมลงห้�ำ ทำ�ลายแมลงบนผวิ ดนิ
ด้วงเต่าลายหยัก ด้วงเต่าสีส้ม ด้วงดิน
ด้วงก้นกระดก ด้วงเสือ
10การควบคมุ ศตั รพู ืชโดยชวี วธิ ี
2. กลุ่มแมลงหางหนีบ แมลงกลุ่มน้ี แมลงหางหนีบขาวงแหวน
มีลักษณะที่สำ�คัญ คือ แพนหาง (cerci) แมลงหางหนีบสีน้ำ�ตาล
ที่ปลายส่วนท้องมีลักษณะคล้ายคีมหรือปากคีบ
(forceps-like) ใช้สำ�หรับจับเหย่ือหรือต่อสู้ มวนเพชฌฆาต
เพ่ือป้องกันตัว แมลงหางหนีบเป็นแมลงหำ้� มวนพิฆาต
ทงั้ ระยะตวั ออ่ น และตวั เตม็ วยั ท�ำ หนา้ ทย่ี อ่ ยสลาย มวนเขียวดูดไข่
ซากพืชซากสัตว์ และเป็นตัวห�้ำ กนิ ไข่ หนอนชนดิ
ต่าง ๆ เช่น หนอนกออ้อย หนอนกระทู้ข้าวโพด
ลายจดุ และแมลงศัตรูพืชท่มี ีขนาดเลก็
3. กลุ่มมวน แมลงในกลุ่มน้ีส่วนใหญ่
เป็นแมลงศัตรูพืช แต่มีบางชนิดท่ีเป็นแมลงห้ำ�
ทำ�ลายแมลงศัตรูพืช เช่น มวนเพชฌฆาต
มวนพิฆาต มวนดอกไม้ มวนจิงโจ้น้ำ� มวนตาโต
มวนเขียวดูดไข่
มวนเพชฌฆาต เป็นแมลงห้ำ�
ทำ�ลายหนอนศัตรพู ชื
ม ว น พิ ฆ า ต เ ป็ น แ ม ล ง ห้ำ �
ท�ำ ลายหนอนศัตรูพืช
มวนตาโต เป็นแมลงหำ้� ทำ�ลาย
ไขแ่ มลงของหนอนผเี ส้ือ เพลี้ยออ่ น เพล้ยี จกั จนั่
มวนดอกไม ้ เปน็ แมลงห�้ำ ท�ำ ลาย
เพล้ียไฟ ไข่แมลงของหนอนผีเส้ือ และแมลง
ขนาดเลก็
มวนเขียวดูดไข่ เป็นแมลงหำ้�
ท�ำ ลายไขเ่ พลย้ี กระโดดสนี �ำ้ ตาล ไขเ่ พลย้ี ชนดิ ตา่ ง ๆ
11 กรมสง่ เสรมิ การเกษตร
4. กล่มุ แมลงชา้ ง เชน่ แมลงช้างปกี ใสสีเขยี ว แมลงช้างปีกใสสีน้ำ�ตาล ฯลฯ
แมลงช้างปีกใสสีเขียว เป็นแมลงหำ้�ทำ�ลายไข่แมลง เพล้ียอ่อน
เพล้ยี หอย เพล้ยี แปง้ เพล้ยี ไฟ ไรแดง แมลงหวข่ี าว
แมลงช้างปีกใสนำ้�ตาล เป็นแมลงห้ำ� ทำ�ลายเพล้ียอ่อน และแมลง
ท่มี ีลำ�ตวั อ่อนนุ่น
ตัวอ่อนแมลงช้างปีกใสสีเขียว ตัวเต็มวัยแมลงช้างปีกใสสีเขียว
5. กลุ่มแมลงปอ ทุกชนิดเป็นแมลงหำ้� ทั้งระยะตัวอ่อนและตัวเต็มวัย
โดยตัวอ่อนกินแมลงในน้ำ� ตัวเต็มวัยบินโฉบกินแมลงขนาดเล็ก เช่น แมลงปอเข็ม
แมลงปอน้�ำ ตก แมลงปอเสือ แมลงปอบ้าน
แมลงปอชนิดต่าง ๆ
12การควบคุมศตั รพู ืชโดยชวี วิธี
6. กลุม่ มด ตอ่ แตน
มด เปน็ แมลงห�ำ้ ท�ำ ลายไข่ หนอนและดกั แดข้ องผเี สอ้ื และแมลงขนาดเลก็
ต่อ แตน และหมารา่ เปน็ แมลงห้ำ�ของหนอนผีเสอ้ื และตั๊กแตน
มด แตน หมาร่า
7. กลุ่มแมลงวัน ท่ีเป็นแมลงห้ำ� เช่น แมลงวันหัวบุบ แมลงวันขายาว
แมลงวันดอกไม ้
แมลงวนั หัวบุบ เปน็ แมลงห้�ำ ทำ�ลายแมลงทัว่ ไป
แมลงวนั ขายาว เปน็ แมลงห�ำ้ ท�ำ ลายแมลงเลก็ ๆ เชน่ เพลย้ี ออ่ น เพลย้ี ไฟ
หนอนแมลงวันดอกไม้ ตัวอ่อนเป็นแมลงห้ำ� ทำ�ลายเพล้ียอ่อน
หนอนขนาดเล็ก เพลย้ี ไฟ
หนอนแมลงวันดอกไม้ แมลงวันขายาว แมลงวันหัวบุบ
13 กรมส่งเสรมิ การเกษตร
8. แมลงหำ้ �ในกลุ่มอ่ืน ๆ
ต๊กั แตนตำ�ข้าว จับแมลงกนิ เปน็ อาหาร เช่น แมลงวัน ผีเส้ือกลางคืน
เพลีย้ ไฟตัวห�ำ้ ทำ�ลายเพล้ยี ไฟศัตรูพชื
ตั๊กแตนตำ�ข้าว ภเาพพลี้ย: ไนฟาตยัวอหิท้ำ�ธิพ(Aลntบรtรhณripาsก)าร
นอกจากตัวหำ้�ในกลุ่มแมลงแล้ว แมงมุมเป็นตัวห้ำ�ท่ีมีบทบาทในการควบคุม
แมลงศตั รูพืช ในแหล่งทมี่ อี าหารสมบูรณ์ แมงมมุ จะวางไข่ครง้ั ละมาก ๆ บางครง้ั วางไข่
หลายร้อยฟอง และในแต่ละวันแมงมุมกินอาหารมาก แมงมุมทำ�ลายศัตรูพืชได้
หลายชนิด เชน่ เพลยี้ อ่อน ไรแดง แมลงหว่ีขาว แมลงวัน ผีเสอ้ื กลางคืน
ภาพ : นายแลมัทงธมพุมล ฤทธิ์ไธสง
ตัวหำ้�ท่ีมีประสิทธิภาพในการควบคุมศัตรูพืช และสามารถนำ�มาเพาะเล้ียง
ผลิตขยายในปัจจุบัน มีหลายชนิด เช่น ด้วงเต่าตัวหำ้� มวนเพชฌฆาต มวนพิฆาต
แมลงหางหนีบ แมลงชา้ งปีกใส ไรตัวหำ�้ เพล้ยี ไฟตัวห้ำ�
14การควบคุมศตั รพู ืชโดยชวี วิธี
ตวั เบยี น (Parasite)
ความหมาย
ตัวเบียน หมายถึง สิ่งมีชีวิตที่มีชีวิตอยู่บน หรือภายในส่ิงมีชีวิตอีกชนิดหนึ่ง
ท่ีมขี นาดใหญก่ วา่ และกัดกินส่ิงมชี ีวติ นน้ั
ตัวเบียนที่มีบทบาทในการควบคุมศัตรูพืชโดยชีววิธีส่วนใหญ่เป็นส่ิงมีชีวิต
จ�ำ พวกแมลง ได้มีผู้ให้ความหมายของค�ำ ว่าแมลงเบยี น ดังน้ี
1. แมลงเบียน หมายถึง แมลงที่เป็นตัวเบียนเฉพาะในระยะตัวอ่อน
มีการทำ�ลาย หรือฆ่าตัวอาศัยของมัน ในขบวนการเจริญเติบโต และมีส่ิงมีชีวิต
ท่เี ปน็ อิสระ เมอื่ เปน็ ตวั เต็มวยั
2. แมลงเบียน หมายถึง แมลงที่เบียดเบียนแมลงอาศัย (host)
หรือเกาะกินอยู่กับแมลงอาศัย จนกระท่ังแมลงอาศัยตาย และการเป็นตัวเบียน
จะเป็นเฉพาะในช่วงท่ีเป็นตัวอ่อนเท่าน้ัน เมื่อเป็นตัวเต็มวัยจะหากินอิสระ
เพื่อเจริญเติบโตจนครบวงจรชีวิต และในช่วงอายุหนึ่ง ๆ ต้องการเหยื่อเพียงตัวเดียว
(ววิ ัฒน์, 2545)
แมลงเบียนส่วนใหญ่เป็นแมลงในกลุ่มมด ต่อ แตน และแตนเบียน
โดยเฉพาะในวงศ์ Ichneumonoidea Chalcidoidea และ Platygastroidea
ซึ่งมีแมลงเบียนหลายร้อยชนิด นอกจากนี้ยังเป็นแมลงในกลุ่มแมลงวัน แมลงเบียน
ในกล่มุ แมลงวันทส่ี ำ�คญั เช่น แมลงกน้ ขน แมลงวนั ตาโต แมลงวนั หลงั ลาย
15 กรมสง่ เสรมิ การเกษตร
ประเภทแมลงเบยี น
แบง่ ตามความสัมพนั ธก์ บั แมลงอาศัย
1. แมลงเบียนไข่ (Egg-parasitoids) หมายถึง แตนเบียนทำ�ลาย
แมลงศัตรูพืชในระยะไข่ เช่น แตนเบียนไข่ทริคโคแกรมม่า แตนเบียนไข่มวนลำ�ไย
แตนเบียนไขห่ นอนกระทูข้ ้าวโพดลายจดุ
แตนเบียนไข่ทริคโคแกรมม่า
2. แมลงเบียนหนอน (Larval parasitoids) หมายถึง แตนเบียนทำ�ลาย
แมลงศัตรูพืชในระยะหนอน เช่น แตนเบียนหนอนใยผัก แตนเบียนหนอนกระทู้ผัก
แตนเบียนหนอนแมลงดำ�หนามมะพร้าว แตนเบียนหนอนแมลงวันผลไม้ แตนเบียน
หนอนบราคอน แตนเบยี นหนอนกอออ้ ย
แตนเบียนหนอนแมลงดำ�หนามมะพร้าว
16การควบคุมศตั รพู ชื โดยชีววิธี
3. แมลงเบียนดักแด้ (Pupal parasitoids) หมายถึง แตนเบียนทำ�ลาย
แมลงศัตรูพืชในระยะดักแด้ เช่น แตนเบียนดักแด้แมลงดำ�หนามมะพร้าว แตนเบียน
ดักแดแ้ มลงวนั ผลไม้ แตนเบียนดกั แด้หนอนห่อใบข้าว
แตนเบียนดักแด้แมลงดำ�หนามมะพร้าว
4 แมลงเบยี นตวั เตม็ วยั (Adult parasitoids) หมายถงึ แตนเบยี นท�ำ ลาย
แมลงศัตรพู ชื ในระยะตวั เต็มวยั เช่น ต่อกาเหว่า
นอกจากน้ีอาจพบแมลงเบียนชนิดพิเศษ larval-pupal parasite หมายถึง
แตนเบยี นทีเ่ ข้าทำ�ลายแมลงอาศัยตั้งแต่ทแี่ มลงอาศยั เป็นหนอน จนกระทั่งแมลงอาศัย
เปน็ ดกั แด้
17 กรมสง่ เสริมการเกษตร
แบง่ ตามลกั ษณะการท�ำ ลาย
1. แมลงเบียนภายนอก เป็นแมลงเบียนที่เพศเมียวางไข่บนตัวหนอนแมลง
ศัตรูพืช หรือใกล้กับตัวหนอน เมื่อหนอนของแมลงเบียนฟักจากไข่ ก็ดูดกินนำ้�เลี้ยง
จากตัวหนอนแมลงศัตรูพืช ทำ�ให้แมลงศัตรูพืชตาย หนอนของแมลงเบียนจะ
เจริญเติบโตเข้าดักแด้ และเจริญเป็นตัวเต็มวัย เช่น แตนเบียนโกนิโอซัส (แตนเบียน
หนอนหวั ดำ�มะพร้าว) แตนเบียนหนอนบราคอน
แตนเบียนโกนิโอซัส
แตนเบียนหนอนบราคอน 18
การควบคมุ ศัตรพู ชื โดยชวี วิธี
2. แมลงเบียนภายใน เป็นแมลงเบียนเพศเมียวางไข่ไปในตัวของแมลงอาศัย
ในระยะใดระยะหน่ึง เช่น ระยะไข่ ตัวอ่อน ดักแด้ หรือตัวเต็มวัย เจริญเติบโต
และอาศัยอยู่ภายในตัวแมลงอาศัยจนโตเต็มที่ ทำ�ให้แมลงอาศัยตาย แมลงเบียน
จึงออกมาเป็นตัวเต็มวัย เช่น แตนเบียนหนอนใยผัก แตนเบียนหนอนกระทู้ผัก
แตนเบียนไข่ทริคโคแกรมม่า แตนเบียนหนอนแมลงดำ�หนามมะพร้าว แตนเบียน
ดักแด้แมลงดำ�หนามมะพร้าว แตนเบียนหนอนแมลงวันผลไม้ แตนเบียนดักแด้
แมลงวนั ผลไม้ แตนเบียนเพลี้ยแป้งมนั ส�ำ ปะหลงั สชี มพู
แตนเบียนเพลี้ยแป้งมันสำ�ปะหลังสีชมพู
ตัวเบียนที่เป็นแมลงเบียน (Parasitoid) จะวางไข่ในแมลงอาศัย
คร้ังละ 1 ฟอง หรือหลายฟองขึ้นอยู่กับชนิดของแมลงเบียน เม่ือไข่ฟักเป็นตัวอ่อน
จะกินอาหารจากแมลงอาศัย โดยแมลงอาศัยยังมีชีวิตแต่เจริญเติบโตได้ไม่ดี
เท่ากับท่ีไม่ถูกเบียน จากน้ันแมลงเบียนจะเข้าดักแด้ภายในหรือภายนอกแมลงอาศัย
และแมลงอาศยั คอ่ ย ๆ ตายในทส่ี ดุ ซ่ึงขึ้นอยกู่ บั ชนดิ ของแมลงเบยี นเช่นกนั
ตัวเบียนท่ีมีประสิทธิภาพในการควบคุมศัตรูพืช และสามารถนำ�มาเพาะเล้ียง
ผลิตขยายในปัจจุบัน มีหลายชนิด ได้แก่ แตนเบียนไข่ทริคโคแกรมม่า แตนเบียน
หนอนบราคอน แตนเบียนหนอนใยผัก แตนเบียนหนอนแมลงดำ�หนามมะพร้าว
แตนเบียนเพลยี้ แป้งมันส�ำ ปะหลังสชี มพู
19 กรมส่งเสรมิ การเกษตร
จุลินทรยี ค์ วบคุมศัตรูพชื
เป็นส่ิงมีชีวิตขนาดเล็กมากมองด้วยตาเปล่าไม่เห็นมีอยู่ท่ัวไปในส่ิงแวดล้อม
เช่น ดิน นำ้� อากาศ บนสิ่งมีชีวิต ทำ�ลายศัตรูพืชได้หลายวิธี เช่น เจริญเติบโต
เพมิ่ ปรมิ าณอยบู่ นศตั รพู ชื โดยอาศยั อาหารจากตวั ศตั รพู ชื ปลอ่ ยสารพษิ ท�ำ ลายศตั รพู ชื
ทำ�ให้ศัตรูพืชลดกิจกรรมหรือลดการทำ�ลายพืชลง และทำ�ให้ศัตรูพืชลดปริมาณลง
โดยการทำ�ลายศัตรพู ชื หรอื ทำ�ให้ศตั รูพืชตาย
เชื้อจุลินทรีย์ท่ีนิยมนำ�ไปใช้ในการควบคุมศัตรูพืช ได้แก่ เชื้อจุลินทรีย์
เป็นศัตรูธรรมชาติของแมลงศัตรูพืช เช่น เชื้อราบิวเวอเรีย บาสเซียนา เชื้อราเมตา
ไรเซียม แอนนิโซพลิอี เชื้อแบคทีเรียบาซิลลัส ทูริงไจเอ็นซิส เชื้อไวรัสเอ็นพีวี
ไส้เดือนฝอยศัตรูแมลง และท่ีเป็นศัตรูธรรมชาติของเชื้อสาเหตุโรคพืช เช่น เชื้อรา
ไตรโคเดอรม์ า แอสเพอเรลลัม เชอื้ แบคทีเรยี บาซลิ ลัส สับทีลิส เปน็ ตน้
เชื้อจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพในการควบคุมศัตรูพืช ในปัจจุบันมีหลายชนิด
มบี ทบาทและความนยิ มมากขนึ้ บางชนดิ สามารถน�ำ มาเพาะเลย้ี งผลติ ขยายอยา่ งงา่ ยได้
แต่บางชนิดต้องใช้เทคนิคขั้นสูงในการผลิตขยาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผลิตและ
ใชเ้ ชอ้ื จลุ นิ ทรยี ท์ ม่ี หี ลายรปู แบบจากหลายพนื้ ท ี่ หลายหนว่ ยงาน กรมสง่ เสรมิ การเกษตร
เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบในการส่งเสริมให้มีการผลิตและการใช้เช้ือจุลินทรีย์
ควบคมุ ศัตรูพืชได้ตระหนกั ถงึ ปญั หาตา่ ง ๆ ท่เี กิดขนึ้ จึงได้รวบรวมคณุ ลักษณะตา่ ง ๆ
เพื่อมากำ�หนดเป็นมาตรฐานเบื้องต้นของเช้ือจุลินทรีย์ท่ีเหมาะสมในการนำ�มา
เป็นสารกำ�จัดศัตรูพืช เพื่อเป็นแนวทางในการส่งเสริมการใช้เช้ือจุลินทรีย์อย่าง
มปี ระสทิ ธิภาพ และเกดิ ประโยชน์ต่อเกษตรกรอย่างยั่งยืน
20การควบคมุ ศัตรูพืชโดยชวี วธิ ี
เช้ือแบคทีเรีย เช้ือแบคทีเรียที่นำ�มาใช้ควบคุมศัตรูพืชส่วนใหญ่อยู่ในสกุล
Bacillus ซง่ึ สามารถพบได้ท่วั ไปในธรรมชาติ เชน่ ในดนิ ในน้ำ� ท้งั น�ำ้ จดื และนำ้�เค็ม
เช้ือแบคทีเรียท่ีนำ�มาใช้ควบคุมศัตรูพืช
ได้แก่ Bacillus thuringiensis และ
Bacillus subtilis
Bacillus thuringiensis หรือ
เช้ือ Bt มีหลาย subspecies แบ่งตาม
การออกฤทธต์ิ อ่ แมลงเปน็ 3 กลมุ่ ใหญ ่ ไดแ้ ก่
ออกฤทธิ์ต่อหนอนผีเสื้อ Bt
subsp. Kurstaki, Bt subsp. Kurstaki หนอนตายจากเชื้อบีที
แมลงวนั Bt subsp. israelensis
ดว้ งปกี แข็ง Bt subsp. tenebrionis
เชื้อรา เช้ือราที่นำ�มาใช้ควบคุมศัตรูพืชมีทั้งเชื้อราที่ทำ�ให้เกิดโรคกับแมลง
และเช้ือราที่นำ�มาใช้ควบคุมโรคพืช เช้ือราท่ีทำ�ให้เกิดโรคกับแมลง นิยมนำ�มาใช้
ในสกุล Metarhizium และ Beauveria ส่วนเชื้อราท่ีนิยมนำ�มาใช้ควบคุมโรคพืช
ได้แก่ เชอ้ื ราไตรโคเดอร์มา
เชื้อราบิวเวอเรีย เชื้อราไตรโคเดอร์มา
21 กรมส่งเสรมิ การเกษตร
เช้ือไวรัส เชื้อไวรัสที่ทำ�ให้เกิดโรค
กบั แมลง ทป่ี ระเทศไทยผลติ เปน็ ชนดิ นวิ เคลยี ร์
โพลีฮีโดรซีสไวรัส (NPV) เป็นไวรัสที่มี
ประสิทธิภาพในการกำ�จัดแมลงมากท่ีสุด
จากจ�ำ นวนไวรสั โรคของแมลง ใ นประเทศไทย เชื้อไวรัส NPV ทำ�ลายหนอนกระทู้หอม
ไวรัสที่ทำ�ให้เกิดโรคกับแมลงจะมีความเฉพาะเจาะจง ในประเทศไทยมีการผลิตมีอยู่
3 ชนิด ได้แก่ เชื้อไวรัสควบคุมหนอนเจาะสมอฝ้าย เชื้อไวรัสควบคุมหนอนกระทู้ผัก
และเช้ือไวรัสควบคุมหนอนกระทู้หอม
ไสเ้ ดอื นฝอยศตั รแู มลง ในปจั จบุ นั ไส้เดือนฝอย
ได้มีการศึกษาและพัฒนาไส้เดือนฝอย
หลายชนิดออกมาในเชิงพาณิชย์ เพื่อใช้
กำ�จัดแมลงศัตรูพืช ซึ่งไส้เดือนฝอย
มี 2 วงศ์ ไดแ้ ก่ Steinernematidae และ
Heterorhabditidae
ข อ้ คว รปฏบิ ตั ใิ นการใชเ้ ชอ้ื จลุ นิ ทรยี ค์ วบคมุ ศตั รพู ชื
1. ควรใช้เชื้อจุลินทรีย์ที่มีคุณภาพ มีประสิทธิภาพในการควบคุมศัตรูพืช
ได้มาจากแหล่งเกษตรที่เชื่อถือได้ หรือหากซ้ือ ควรซ้ือชีวภัณฑ์ที่ข้ึนทะเบียน
จากกรมวิชาการเกษตร และตรวจสอบ วันหมดอายุ กอ่ นซอื้ ทกุ ครั้ง
2. อา่ นฉลากบนภาชนะบรรจใุ ห้เข้าใจ
3. หากต้องผสมนำ้� ควรผสมน้ำ�ปริมาณน้อยให้เข้ากันก่อน จึงเพิ่มนำ้�
ตามอัตราท่ีระบุตามค�ำ แนะนำ�
4. ผสมสารจับใบทุกคร้ังที่ฉีดพ่น ไม่รดน้ำ�หลังฉีดพ่นอย่างน้อย 1 วัน
เพอื่ ใหเ้ ชื้อติดบนพืชได้ดี
5. ปรบั ขนาดหวั ฉดี ใหไ้ ดล้ ะอองขนาดเลก็ ทสี่ ดุ และฉดี พน่ คลมุ ทกุ สว่ นของพชื
22การควบคุมศัตรพู ชื โดยชีววิธี
ชนิดของศัตรูธรรมชาติทมี่ ีการผลิตขยายเพ่อื ควบคุมศตั รพู ืช
(โดยกลุ่มส่งเสริมการควบคุมศัตรูพืชโดยชีววิธี กองส่งเสริมการอารักขาพืชและจัดการดินปุ๋ย
และศนู ยส์ ง่ เสริมเทคโนโลยกี ารเกษตรดา้ นอารกั ขาพชื กรมส่งเสรมิ การเกษตร)
ชนดิ ศัตรูธรรมชาติ ลักษณะการ ศตั รพู ืช อัตราการใช้
ตัวห้�ำ 5 ชนิด ท�ำ ลาย เป้าหมาย
มวนพิฆาต ดูดกิน ใชค้ วบคุม ปล่อยกอ่ นการระบาด
หนอนศัตรพู ชื 100 - 200 ตวั /ไร่
(Stink bug) เมอ่ื พบการระบาด
(Eocanthecona furcellata) 2,000 - 4,000 ตัว/ไร่
ดูดกนิ ใช้ควบคุม ปล่อยกอ่ นการระบาด
หนอนศัตรพู ืช 100 - 200 ตวั /ไร่
มวนเพชฌฆาต เมอ่ื พบการระบาด
(Assassin bug) 2,000 - 4,000 ตวั /ไร่
(Sycanus collalis)
แมลงช้างปกี ใส ดูดกนิ : ใช้ควบคุมเพลยี้ แปง้ ปลอ่ ยกอ่ นการระบาด
สเี ขียว ระยะหนอน ชนิดตา่ ง ๆ 1,000 - 2,000 ตวั /ไร่
กัดกิน เมอ่ื พบการระบาด
(Green lacewing) 2,000 - 3,000 ตวั /ไร่
(Plesiochrysa ramburi) ดดู กนิ
ใช้ควบคมุ หนอน และ ปล่อยก่อนการระบาด
แมลงหางหนบี แมลงที่มี ขนาดเล็ก 500 ตัว/ไร่
(Earwig)
Euborellia sp. ลำ�ตวั อ่อนนุ่ม เมื่อพบการระบาด
1,000 - 2,000 ตวั /ไร่
ไรตวั ห้ำ�
(Predatory mite) ใชค้ วบคุมไร ปลอ่ ย 5,300 - 13,300 ตวั /1 งาน
Amblyseius longispinosus (Evans) ศัตรพู ชื เพ่อื ควบคุมไรสองจดุ
ปลอ่ ย 2,000 ตวั /ไร่ ทกุ ๆ 2 - 3
สปั ดาห์
เพ่ือควบคุมไรศัตรกู ุหลาบ
23 กรมส่งเสรมิ การเกษตร
ชนิดศตั รูธรรมชาติ ลกั ษณะการ ศตั รพู ชื อตั ราการใช้
ตวั เบียน 5 ชนดิ ท�ำ ลาย เปา้ หมาย ปล่อยกอ่ นการระบาด
เบยี นระยะ ใชค้ วบคุมไข่
แตนเบยี นไข่ ไข่ ผเี ส้ือศตั รพู ืช 20,000 ตวั /ไร่
ทรคิ โคแกรมมา่ เมอ่ื พบการระบาด
30,000 - 40,000 ตัว/ไร่
(Trichogramma spp.)
เบียนระยะ ใช้ควบคมุ หนอนศัตรูพืช ปลอ่ ยก่อนการระบาด
แตนเบยี นหนอน หนอน หนอนหวั ดำ�มะพร้าว 200 ตวั /ไร่ ทุก 7 วนั
บราคอน ต่อเนอื่ ง 4 - 5 ครั้ง
(Bracon hebetor)
เบียนระยะ ใช้ควบคุมหนอน ปล่อยกอ่ นการระบาด
แตนเบียนหนอน หนอน แมลงด�ำ หนามมะพร้าว 5 - 10 มมั ม/ี่ ไร่ ทกุ 7 วัน
แมลงดำ�หนาม ตอ่ เนอื่ ง 1 เดือน ถา้ พบ
การระบาดสามารถปลอ่ ยได้
มะพรา้ ว ในปริมาณมาก เพอื่ ควบคุม
(Asecodes hispinarum) การระบาดได้อยา่ งรวดเรว็
แตนเบียนดักแด้ เบยี นระยะ ใชค้ วบคุมดักแด้ ปลอ่ ยกอ่ นการระบาด
แมลงดำ�หนาม หนอน- แมลงดำ�หนามมะพรา้ ว 5 - 10 มมั ม่/ี ไร่ ทุก 7 วัน
ดกั แด้ ตอ่ เนอื่ ง 1 เดือน ถา้ พบ
มะพรา้ ว การระบาดสามารถปล่อยได้
(Tetrastichus brontispae) ในปริมาณมาก เพ่อื ควบคุม
การระบาด ได้อยา่ งรวดเรว็
แตนเบยี นเพลี้ย
แป้งมนั สำ�ปะหลงั เบยี นระยะ ใช้ควบคมุ เพลีย้ แป้งมนั ปล่อยก่อนการระบาด
ตวั ออ่ น สำ�ปะหลงั สชี มพู 50 - 100 ค/ู่ ไร่
สีชมพู เมื่อพบการระบาด
(Anagyrus lopezi) 200 ค/ู่ ไร่
24การควบคมุ ศัตรูพืชโดยชวี วิธี
จลุ นิ ทรยี ์ 4 ชนิด ลกั ษณะการ ศัตรูพืช อัตราการใช้
เชอ้ื ราไตรโคเดอรม์ า ทำ�ลาย ใช้ควบคมุ - ใช้คลกุ เมลด็ พันธ์ุ 10 กรัม/
(Trichoderma asperellum) เส้นใยแทง เชอื้ ราเชื้อ น�ำ้ 10 มลิ ลิลิตร/เมล็ดพันธุ์
รัดเส้นใย สาเหตโุ รคพชื 1 กิโลกรมั
เชือ้ โรคพชื - ใชแ้ ช่เมล็ดพันธ์ุ 1 กิโลกรัม/
น�ำ้ 100 ลติ ร/เมลด็ พันธุ์
ลกั ษณะของเชอ้ื ราไตรโคเดอรม์ า : 100 กิโลกรมั
มสี ีเขียวเข้ม ไมม่ ีสอี ่นื ปน - ใชฉ้ ีดพน่ 1 กิโลกรมั /
ลักษณะสปอร์ : เหน็ เป็นผงฟงุ้ สเี ขยี ว น้ํา 200 ลิตร
- ใชห้ วา่ น 1 กโิ ลกรมั /ร�ำ 4 กรมั /
ปยุ๋ หมัก 100 กโิ ลกรมั
หว่านรอบทรงพุ่ม
80 - 100 กิโลกรัม/ไร่
- ใช้รองก้นหลมุ 1 กโิ ลกรัม/
รำ� 4 กรัม/ปุย๋ หมกั 100
กโิ ลกรัม หวา่ นรอบทรงพุม่
10 - 100 กรมั /หลุม
- ใชร้ ว่ มกบั วสั ดปุ ลกู 1 กโิ ลกรมั /
ร�ำ 4 กรัม/ปุ๋ยหมกั 100
กิโลกรมั ผสมใหเ้ ข้ากนั
น�ำ มา 1 สว่ น ผสมกบั วสั ดปุ ลกู
4 ส่วน
25 กรมส่งเสรมิ การเกษตร
จุลนิ ทรีย์ 4 ชนิด ลกั ษณะการ ศตั รพู ืช อัตราการใช้
เช้ือราบวิ เวอเรยี ทำ�ลาย
(Beauveria bassiana)
ถูกตัวตาย ใช้ควบคุมเพล้ยี ใช้ฉีดพน่ เช้ือท่ไี ดม้ าตรฐาน
กระโดดสนี ้ำ�ตาล ชวี ภัณฑ์ อตั รา 250 กรมั /
เพลย้ี จกั จน่ั เพลย้ี ออ่ น น�ำ้ 20 ลิตร/ไร่ ฉดี พ่นซำ้�
เพลย้ี จักจัน่ เพลย้ี ไฟ ทุก 3 และ 7 วัน หากศัตรูพชื
แมลงหวีข่ าว ไรแดง ยังไมล่ ดปรมิ าณ
ลกั ษณะของเชอ้ื ราบวิ เวอเรยี : ถูกตัวตาย ใชค้ วบคุม ใช้ก�ำ จัดแมลงในดนิ โดยท�ำ
ลมักีสขีษาณวะไสมปม่ อสี รีอ์ นื่ : ปเหนน็ เปน็ ผงสฟี ุง้ กินตาย หนอนดว้ งแรดมะพรา้ ว กองปยุ๋ หมกั ขนาด 2x2x0.5
คล้ายแป้งสขี าว หนอนดว้ งหนวดยาวปลวก เมตร อตั ราเชอ้ื รา 1 กโิ ลกรมั /
เพล้ียกระโดด ปยุ๋ หมัก 1 กอง/แปลงปลกู
เชือ้ ราเมตาไรเซยี ม เพลยี้ จักจั่น กลมุ่ ตวั 2 ไร่ ใชฉ้ ดี พน่ เชื้อท่ีได ้
(Metarhizium anisopliae) ออ่ นและดกั แด้แมลง มาตรฐานชีวภณั ฑ์ อัตรา
ท่อี ยู่ในดนิ 250 กรมั /น้ำ� 20 ลติ ร/ไร่
มลกัีสีเษขณียวะหขมอ่นงเช(เขือ้ ยีราวเขมมี้ ตา้ า)ไไรมเซ่มียีสมีอื่น:ปน ฉีดพน่ ซ้�ำ ทุก 3 และ 7 วนั
ลกั ษณะสปอร์ : เหน็ เป็นผงสฟี งุ้ หากศตั รพู ืชยังไม่ลดปรมิ าณ
คลา้ ยแป้งสีเขียวหมน่ (เขยี วขี้มา้ )
เชอ้ื ไวรสั NPV (Nucleopolyhedro virus) ใช้ควบคุม เมื่อพบศตั รพู ืชใช้ อตั รา
หนอนกระทูห้ อม 10 มิลลิลติ ร/นำ้� 20 ลิตร
หนอนกระทู้หอม ฉดี พน่ ทกุ 7 - 10 วนั
พบศตั รูพชื ระบาดใช้ อตั รา
15 - 20 มลิ ลลิ ติ ร/น�ำ้ 20 ลติ ร
ฉดี พน่ 5 - 7 วนั หรอื วนั เวน้ วนั
จนกวา่ หนอนจะลดลง
26การควบคมุ ศัตรูพชื โดยชวี วิธี
เม่อื ไหร่ ควรใช้การควบคมุ ศตั รูพชื โดยชีววิธี
01 เมอื่ มีการปลูกพชื และเริ่มพบศัตรพู ชื อยา่ รอให้ถงึ ขน้ั ระบาด
02 ต้องมีการสำ�รวจแปลงอยา่ งสม่ำ�เสมอเพื่อ
เปรียบเทียบปริมาณ ศัตรูพืชและศัตรูธรรมชาติ รวมท้ัง
ความแข็งแรงของพืชที่ปลกู
ดูพฤติกรรมต่าง ๆ ของแมลงศัตรูพืชและศัตรูธรรมชาติ
เพอื่ วเิ คราะห์สถานการณใ์ นแปลงปลูกอยา่ งถกู ตอ้ ง
การสำ�รวจจะสามารถตดั สนิ ใจด้วยตนเองอยา่ งม่นั ใจ
03 ถ้าศัตรูธรรมชาติในธรรมชาติมีเพียงพอ ก็ไม่จำ�เป็นต้องปล่อย
เพมิ่ เตมิ ลงไป
04 ตอ้ งอนรุ กั ษศ์ ตั รธู รรมชาติ โดยใชห้ ลกั การควบคมุ ศตั รพู ชื โดยวธิ ี
ผสมผสาน หรอื IPM ศัตรธู รรมชาตใิ ชร้ ว่ มกบั ทกุ วิธีใน IPM ได้
ยกเว้นวธิ เี ดียว คือ สารเคมี
05 การใช้ประโยชน์จากศัตรูธรรมชาติ ควรใช้อย่างต่อเนื่อง
จะเหน็ ผลเรว็ เพราะเมอื่ ใชศ้ ตั รธู รรมชาติ หรอื วา่ ใชว้ ธิ อี น่ื ทไี่ มใ่ ช่
สารเคมี ศัตรูธรรมชาติท่ีมีอยู่ในธรรมชาติ และท่ีปล่อยลงไป
จะท�ำ งานตลอดเวลา เพราะต้องออกหาอาหารเพ่อื ด�ำ รงชวี ติ
27 กรมส่งเสรมิ การเกษตร
เอกสารอา้ งองิ
กรมวิชาการเกษตร. 2546. จลุ สาร ล�ำดบั ที่ 1 การเรียนร้ศู ัตรูธรรมชาติ. กรงุ เทพฯ :
โครงการ IPM DANIDA.
______________. 2548. แมลง การจ�ำแนก และการเก็บตัวอย่าง. กรุงเทพฯ :
โรงพิมพ์ชุมนมุ สหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จ�ำกดั .
______________. 2557. ค่มู อื การป้องกันก�ำจัดแมลงศัตรพู ืช ส�ำหรบั การผลิตผกั
เพอ่ื การสง่ ออกกลมุ่ สภาพยโุ รป (ฉบบั ปรบั ปรงุ ). กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พช์ มุ นมุ
สหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย จ�ำกัด.
_____________. 2556. เอกสารประกอบการอบรมเรื่องการจัดการแมลงศัตรู
มะพรา้ วที่เกาะสมยุ .
______________. 2563. เอกสารวชิ าการชวี ภณั ฑป์ อ้ งกนั ก�ำจดั ศตั รพู ชื . กรงุ เทพฯ :
บริษทั นิวธรรมดาการพิมพ์ (ประเทศไทย) จ�ำกัด.
กรมสง่ เสรมิ การเกษตร. 2559ก. คมู่ อื Handbook โรงเรยี นเกษตรกรเพอ่ื การจดั การ
ศตั รพู ชื ดว้ ยวธิ ผี สมผสาน ฉบบั ปรบั ปรงุ . กรงุ เทพฯ : บรษิ ทั นวิ ธรรมดาการพมิ พ์
(ประเทศไทย) จ�ำกดั .
_________________. 2559ข. คมู่ อื โครงการลดความเสย่ี งเกษตรกรจากการระบาด
ศัตรพู ืชประจ�ำปงี บประมาณ 2559. (อดั ส�ำเนา).
_________________. 2563. การใชเ้ ชอื้ จลุ นิ ทรยี ์ (ชวี ภณั ฑ)์ ในการควบคมุ ศตั รพู ชื .
กรงุ เทพฯ : กลุ่มโรงพมิ พ์ ส�ำนกั พัฒนาการถา่ ยทอดเทคโนโลย.ี
กลุ่มงานวิจัยไรและแมงมุม กองกีฏและสัตววิทยา กรมวิชาการเกษตร. 2543.
ไรศัตรูพืชและการป้องกันก�ำจัด. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์
การเกษตรแหง่ ประเทศไทย จ�ำกดั .
โกศล เจริญสม และวิวัฒน์ เสือสะอาด. 2537. ศัตรูธรรมชาติของแมลงศัตรูพืช
ในประเทศไทย.ศูนย์วิจัยและควบคุมศัตรูพืชโดยชีวินทรีย์แห่งชาติ
มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร.์ กรงุ เทพฯ 114 หน้า
จริ ะเดช แจม่ สว่าง.2545. “ การใชเ้ ช้อื ราไตรโคเดอรม์ าควบคุมโรคพืช”. น.21 – 51
ควบคมุ โรคพชื และแมลงศัตรพู ืชโดยชีววธิ .ี
จิระเดช แจ่มสว่าง และ วรรณวิไล อินทนู.2544. การผลิตและวิธีใช้เช้ือรา
ไตรโคเดอร์มาชนิดสด ควบคุมโรคพชื . กรงุ เทพฯ : หจก. เอ พลสั ทรี มีเดยี .
ทพิ ยว์ ดี อรรถธรรม. 2545. “การใชเ้ ชอื้ จลุ นิ ทรยี ค์ วบคมุ แมลงศตั รพู ชื ”. น. 113 – 124
ควบคุมโรคพืชและแมลงศัตรูพชื โดยชีววิธี.
28การควบคมุ ศตั รูพืชโดยชีววธิ ี
เอกสารอ้างองิ (ตอ่ )
พิมลพร นันทะ. 2545. ศตั รธู รรมชาติหัวใจของ IPM. กรุงเทพฯ : โรงพิมพช์ ุมนุม
สหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย จ�ำกดั .
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. 2542. บทปฏิบัติการกีฏวิทยาเบื้องต้น. กรุงเทพฯ :
โรงพมิ พ์ ลนิ คอร์น โปรโมช่นั .
รุจ มรกต และ พิมลพร นนั ทะ. 2539. แมลงห�้ำ-แมลงเบียน เพอื่ นแทผ้ ูป้ ลกู สม้ .
วิวัฒน์ เสือสะอาด. 2545. “การควบคุมแมลงศัตรูพืชโดยชีววิธี ”. น. 89-114
ควบคมุ โรคพชื และแมลงศัตรพู ืชโดยชีววธิ .ี
วัชลี โสพิน และ อารีวรรณ ใจเพ็ชร. 2550. คู่มือการใช้ชีวินทรีย์ควบคุมศัตรูพืช.
สงขลา : บรษิ ัทมาสเตอร์พชี แอนด์ โครเชท์ จ�ำกัด.
ศานิต รัตนภุมมะ. 2554. กีฏวิทยาแม่บท ฉบับสีสรรพรรณราย. เชียงใหม่ :
ภาควชิ ากฏี วทิ ยาและโรคพชื คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลยั เชยี งใหม่
ศิริณี พูนไชยศรี. 2548. แมลง การจ�ำแนก และการเก็บตัวอย่าง. กรุงเทพฯ :
โรงพมิ พ์ชุมนมุ สหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย จ�ำกดั .
สุมิตรา กาเดลลา และ นาถวดี เขตต์เขื่อน. 2547. กะหล่�ำปลี คู่มือการจัดการ
ศตั รพู ืชและระบบนิเวศ IPM DANIDA.
ส�ำนกั วจิ ยั พฒั นาการอารักขาพชื กรมวชิ าการเกษตร. 2561. ชีวภณั ฑก์ �ำจัดศัตรูพชื
เพื่อเกษตรท่ยี งั่ ยนื .
อารีย์พันธ์ อุปนิสากร. 2559. เอกสารประกอบการบรรยายเรื่อง “การส�ำรวจ
ระบบนิเวศ เพื่อการตดั สินใจในการจดั การศตั รูพืชแบบผสมผสาน (IPM)”.
ในการฝึกอบรมข้าราชการที่อยู่ระหว่างทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการ
หลักสตู รการเปน็ ข้าราชการท่ีดี ปี 2560.
อัมพร วโิ นทัย และรจนา ไวยเจริญ. 2552. แมลงด�ำหนามมะพร้าว และแตนเบียน
Asecodes hispinarum เอกสารประกอบการบรรยายในการอบรมหลกั สตู ร
การเพาะเลย้ี งแตนเบยี นแมลงด�ำหนามมะพรา้ ว 12 – 13 กมุ ภาพนั ธ ์ 2552 .
ณ ส�ำนกั วจิ ยั พฒั นาการอารกั ขาพชื กรมวชิ าการเกษตร กรงุ เทพฯ. (อดั ส�ำเนา)
Napompeth, B. 1981. Thailand national profile on pest management
and related problem. Special publication 4. National Biological
Control research Center. Kasetsart University/National Research
Council. 50 p.
29 กรมส่งเสรมิ การเกษตร
ค�ำ แนะนำ�ท่ี 6 / 2564
การควบคมุ ศัตรูพชื โดยชีววิธี
ที่ปรกึ ษา
นายเขม้ แข็ง ยตุ ิธรรมด�ำ รง อธิบดกี รมส่งเสริมการเกษตร
นางกุลฤดี พัฒนะอ่มิ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร
นายขจร เราประเสรฐิ รองอธิบดีกรมสง่ เสรมิ การเกษตร
นายวฒุ ชิ ัย ชณิ วงศ ์ ผอู้ �ำ นวยการสำ�นักพัฒนาการถา่ ยทอดเทคโนโลยี
นายรพีทัศน ์ อุ่นจิตตพันธ ์ ผูอ้ ำ�นวยการกองส่งเสริมการอารกั ขาพชื และจัดการดินปุ๋ย
เรียบเรยี ง ผูอ้ ำ�นวยการกลมุ่ สง่ เสรมิ การควบคมุ ศตั รพู ชื โดยชีววธิ ี
นายยุทธการ กองวงค์
นางพรทพิ ย ์ สมวงศ ์ นกั วิชาการเกษตรชำ�นาญการพิเศษ
นางสาววรนาฏ โคกเยน็ นักวิชาการเกษตรชำ�นาญการ
นางสาวสณุ ิสา ผิวร�ำ ไพ นกั วิชาการเกษตรชำ�นาญการ
กลุ่มสง่ เสริมการควบคุมศตั รพู ชื โดยชีววธิ ี
กองส่งเสริมการอารักขาพืชและจดั การดินปุ๋ย
บรรณาธิการ
นางสาวพนดิ า ธรรมสรุ กั ษ์ ผูอ้ �ำ นวยการกลมุ่ พัฒนาส่อื สง่ เสริมการเกษตร
นางสาวอ�ำ ไพพงษ์ เกาะเทยี น นักวิชาการเผยแพรช่ ำ�นาญการ
กลุ่มพัฒนาสอื่ ส่งเสริมการเกษตร
ส�ำ นักพฒั นาการถ่ายทอดเทคโนโลยี กรมส่งเสรมิ การเกษตร
ออกแบบ นายช่างพิมพช์ ำ�นาญงาน
นายศราวฒุ ิ นนุ้ ย้อย
นางสาวปยิ ะดา นานะ ช่างพมิ พ์
กลมุ่ โรงพิมพ ์
สำ�นักพฒั นาการถ่ายทอดเทคโนโลย ี กรมส่งเสรมิ การเกษตร
จัดพิมพ์
กลมุ่ โรงพิมพ์ ส�ำ นกั พัฒนาการถา่ ยทอดเทคโนโลยี กรมสง่ เสริมการเกษตร
กกรรมะทสร่งวเสงรเกมิ ษกตารรเแกลษะตสรหกรณ์