เขตรักรั ษาพันพั ธุ์สั ธุ์ ต สั ว์ป่าห้วยขาแข้ เขต ง รักรั ษาพันพั ธุ์สั ธุ์ ต สั ว์ป่าห้วยขาแข้ง “ 7 ผู้ยิ่งใหญ่ แห่งผืน ผื ป่า ห้วยขาแข้ง ”
คำ นำ หนัง นั สือ สื อิเ อิ ล็ก ล็ ทรอนิก นิ ส์ฉบับ บั นี้เ นี้ ป็นส่วนหนึ่ง นึ่ ของวิช วิ า การใช้ เทคโนโลยีอ ยี ย่างสร้างสรรค์ รหัส หั วิช วิ า 233284 โดยมีจุ มี จุ ดประสงค์ จัด จั ทำ ขึ้น ขึ้ เพื่อเป็นแนวทางการศึก ศึ ษาความรู้เพิ่มเติม ติ เกี่ย กี่ วกับ กั สัต สั ว์อนุรัก รั ษ์ที่ห้วยขาแข้ง ซึ่ง ซึ่ หนัง นั สือ สื อิเ อิ ล็ก ล็ ทรอนิก นิ ส์นี้มี นี้ เ มี นื้อ นื้ หาเกี่ย กี่ วกับ กั เรื่อ รื่ งความรู้ ทั่วไปของประวัติ วั ข ติ องสัต สั ว์ การก่อตั้ง ตั้ ลัก ลั ษณะของสัต สั ว์แต่ละตัว ตั ให้เป็นประโยชน์กับ กั นัก นั ศึก ศึ ษาและผู้ที่สนใจเกี่ย กี่ วกับ กั 7ผู้ยิ่งใหญ่ แห่งห้วยขาแข้ง ได้ศึก ศึ ษาให้เป็นแนวทางในการเลือ ลื กค้นคว้า และศึก ศึ ษาเป็นความรู้ ทั้ง ทั้ นี้ เนื้อ นื้ หา และขั้น ขั้ ตอนในการทำ ได้มีก มี ารศึก ศึ ษาและ รวบรวมจากอิน อิ เทอร์เน็ต น็ ผู้จัด จั ทำ หวัง วั ว่าหนัง นั สือ สื อิเ อิ ล็ก ล็ ทรอนิก นิ ส์ เล่มนี้จ นี้ ะเป็นประโยชน์กับ กั ผู้อ่าน นัก นั เรีย รี น หรือ รื นัก นั ศึก ศึ ษาที่สนใจ ในเรื่อ รื่ งนี้ห นี้ ากหนัง นั สือ สื อิเ อิ ล็ก ล็ ทรอนิก นิ ส์นี้มี นี้ ข้ มี ข้ อผิด ผิ ผลาดประการใด ผู้ จัด จั ทำ ขอน้อมรับ รั ไว้และขออภัย ภั มา ณ ที่นี้ด้ นี้ ด้ วย
ความสำ คัญ คั ความเป็นมา ป่าไม้เเละพัน พั ธุ์ไม้/สัต สั ว์ป่า ควายป่า เสือ สื โคร่ง เสือ สื ดาว สมเสร็จ ร็ วัว วั เเดง กระทิง ช้างป่า สมาชิก 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 สารบับัญ บับั
และคงจะไม่ใช่คำ กล่าวเกิน กิ จริง ริ นัก นั ถ้าจะกล่าวว่ายัง ยั เป็นผืน ผื ป่าที่มีค มี วาม สำ คัญ คั ของโลก จากการรับ รั รองของยูเนสโกที่ประกาศให้ห้วยขาแข้งและ ทุ่งใหญ่นเรศวรเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติเ ติ มื่อปี 2534 ความพิเ พิ ศษของ ‘ห้วยขาแข้ง’ มีม มี ากมายหลายประการ เริ่ม ริ่ ตั้ง ตั้ แต่ ตำ แหน่งที่ตั้ง ตั้ ซึ่ง ซึ่ อยู่ในเขตที่เป็นรอยต่อของชีว ชี ภูมิศาสตร์สี่ภู สี่ ภู มิภาคของเอเชีย ชี ได้แก่ ภูมิภาคซุนเดอิก อิ ภูมิภาคอิโอิ ด-เบอร์มิส ภูมิภาคอิน อิ โด-ไชนิส นิ และ ภูมิภาคไซโน-หิม หิ าลายัน ยั จึง จึ เป็นศูนย์ร ย์ วมของพรรณพืช พื และชนิด นิ ป่าหลาย ชนิด นิ หลายแบบ ภายในพื้น พื้ ที่ราว 1.8 ล้านไร่ ประกอบด้วยชนิด นิ ป่าที่พบในพืช พื เขตร้อน ชื้นถึง ถึ เจ็ด จ็ ชนิด นิ ได้แก่ ป่าดิบ ดิ ชื้น ป่าดิบ ดิ แล้ง ป่าดิบ ดิ เขา ป่าสนเขา ป่า เบญจพรรณ ป่าเต็ง ต็ รัง รั และป่าเขาหิน หิ ปูน ทั้ง ทั้ ยัง ยั เป็นแหล่งต้นน้ำ ที่สำ คัญ คั ของ แม่น้ำ แม่กลองและแม่น้ำ สะแกกรัง รั เขตรัก รั ษาพัน พั ธุ์สัต สั ว์ป่าห้วยขาแข้งเป็นผืนป่าอนุรัก รั ษ์ที่มีคุณค่า และความสำ คัญ คั แห่งหนึ่ง นึ่ ของประเทศ
ความเป็นมา ตั้ง ตั้ ขึ้น ขึ้ เมื่อปี พ.ศ.2545 ตั้ง ตั้ อยู่ในเขตรัก รั ษาพัน พั ธุ์สัต สั ว์ ป่าห้วยขาแข้ง ที่ ต.คอกควาย อ.บ้านไร่ จ.อุทัย ทั ธานี สำ หรับ รั ผืน ผื ป่าห้วยขาแข้ง เป็นผืน ผื ป่าประกอบด้วยป่า ไม้เกือ กื บทุกประเภทของประเทศไทย ทั้ง ทั้ ป่าดิบ ดิ เขา ป่าดิบ ดิ แล้ง ป่าสนผลัด ลั ใบ จากสภาพป่าที่สมบูรณ์จึง จึ เป็นที่อยู่อาศัย ศั ของสัต สั ว์ป่าชนิด นิ ต่าง ๆ ที่หายากและ ใกล้สูญพัน พั ธุ์สภาพความอุดมสมบูรณ์ดัง ดั กล่าว ทำ ให้เขตรัก รั ษาพัน พั ธุ์สัต สั ว์ป่าห้วยขาแข้ง ได้รับ รั การ ประกาศจากองค์กรยูเนสโก(UNESCO) ให้เป็น มรดกโลกทางธรรมชาติ เ ติ มื่อวัน วั ที่ 13 ธัน ธั วาคม พ.ศ.2534 ศูนย์ศึ ย์ ก ศึ ษาธรรมชาติฯ ติ จึง จึ เป็นส่วนหนึ่ง นึ่ ที่ตั้ง ตั้ ขึ้น ขึ้ มา เพื่อเป็นแหล่งศึก ศึ ษาหาความรู้ในพื้น พื้ ที่สำ คัญ คั นี้ สำ หรับ รั ป่าห้วยขาแข้งลัก ลั ษณะพื้น พื้ ที่ทั่วไปเป็น หิน หิ อัค อั นีที่ นี ที่ เกิด กิ ขึ้น ขึ้ ราว 300 ล้านปีก่อน ประกอบด้วย หิน หิ แกรนิต นิ เป็นส่วนใหญ่บางส่วนเป็นหิน หิ ดิน ดิ ดานเนื้อ นื้ ทราย ลัก ลั ษณะดิน ดิ เป็นดิน ดิ ทราย ดิน ดิ ร่วนปนทรายไป จนถึง ถึ ดิน ดิ ทรายจัด จั ดิน ดิ ตื้น ตื้ ค่อนข้างเป็นกรดจัด จั ธาตุ อาหารค่อนข้างต่ำ สภาพดิน ดิ ทั่วไปในห้วยขาแข้งไม่ เหมาะสำ หรับ รั การทำ เกษตรกรรม สภาพภูมิอากาศเป็นแบบภูมิอากาศในเขตร้อนกับ กั ภูมิอากาศในแบบกึ่ง กึ่ ร้อน โดยแบ่งเป็น 3 ฤดู คือ คื ฤดูร้อน ตั้ง ตั้ แต่เดือ ดื นกุมภาพัน พั ธ์ถึง ถึ เดือ ดื นพฤษภาคม ฤดูฝน ตั้ง ตั้ แต่เดือ ดื นมิถุนายนถึง ถึ เดือ ดื นตุลาคม ฤดู หนาวตั้ง ตั้ แต่เดือ ดื นพฤศจิก จิ ายนถึง ถึ เดือ ดื นมกราคม
ป่าไม้และพัน พั ธุ์ไม้ /สัต สั ว์ป่า มีส มี ภาพป่าที่อุ ที่ อุ ดมสมบูรณ์ ได้แก่ ป่าดิบ ดิ เขา พบในระดับดัความสูงมากกว่า 1,000 เมตร ไม้เด่นที่สำ ที่ สำ คัญคัเช่น ก่อ ในสามสกุล ป่าดงดิบ ดิ แล้ง ในช่วงระดับดัความสูง ประมาณ 400- 1,000 เมตร พรรณไม้ที่ ม้ ที่ สำ ที่ สำ คัญคัเช่น ยางสะเดา ยางโอน กัดกัลิ้น ลิ้ ค้างคาวกระเบากลักลัเป็นต้น ป่าดิบ ดิ แล้ง ในช่วงระดับดัความสูง ประมาณ 400-1,000 เมตร พรรณไม้ที่ ม้ ที่ สำ ที่ สำ คัญคัเช่น ยาง สะเดา ยางโอน กัดกัลิ้น ลิ้ ค้างคาวกระเบากลักลัเป็นต้น ป่าเต็ง ต็ รังรัพบในพื้น พื้ ที่แ ที่ ห้งแล้งดิน ดิ ตื้น ตื้ เก็บ ก็ ความชื้นได้ไม่นานอยู่ในช่วงความสูง 200-600 เมตร พรรณไม้ที่ ม้ ที่ สำ ที่ สำ คัญคัเช่น เต็ง ต็ รังรัเหีย หี ง พลวง ป่าเบญจพรรณ พบในช่วงความสูงประมาณ 450-900 เมตร พรรณไม้ที่ ม้ ที่ สำ ที่ สำ คัญคัเช่น เสลา มะค่าโม อิน อิ ทนิน นิ บก คูน และไผ่ชนิด นิ ต่างๆ มีส มี ภาพป่าที่อุ ที่ อุ ดมสมบูรณ์ ได้แก่ ป่าดิบ ดิ เขา พบในระดับดัความสูงมากกว่า 1,000 เมตร ไม้เด่นที่สำ ที่ สำ คัญคัเช่น ก่อ ในสามสกุล ป่าดงดิบ ดิ แล้ง ในช่วงระดับดัความสูง ประมาณ 400- 1,000 เมตร พรรณไม้ที่ ม้ ที่ สำ ที่ สำ คัญคัเช่น ยางสะเดา ยางโอน กัดกัลิ้น ลิ้ ค้างคาวกระเบากลักลัเป็นต้น ป่าดิบ ดิ แล้ง ในช่วงระดับดัความสูง ประมาณ 400-1,000 เมตร พรรณไม้ที่ ม้ ที่ สำ ที่ สำ คัญคัเช่น ยาง สะเดา ยางโอน กัดกัลิ้น ลิ้ ค้างคาวกระเบากลักลัเป็นต้น ป่าเต็ง ต็ รังรัพบในพื้น พื้ ที่แ ที่ ห้งแล้งดิน ดิ ตื้น ตื้ เก็บ ก็ ความชื้นได้ไม่นานอยู่ในช่วงความสูง 200-600 เมตร พรรณไม้ที่ ม้ ที่ สำ ที่ สำ คัญคัเช่น เต็ง ต็ รังรัเหีย หี ง พลวง ป่าเบญจพรรณ พบในช่วงความสูงประมาณ 450-900 เมตร พรรณไม้ที่ ม้ ที่ สำ ที่ สำ คัญคัเช่น เสลา มะค่าโม อิน อิ ทนิน นิ บก คูน และไผ่ชนิด นิ ต่างๆ
ควายป่า ควายป่า หรือ รื มหิงสา (Bubalus arnee) แต่เดิม ดิ เคยมี ควายป่าให้เราเห็นอยู่ตามป่าทุ่งโปร่งเกือ กื บทุกภาคของ ประเทศไทย ยกเว้นภาคใต้ แต่ปัจจุบัน บั คงเหลือ ลื อยู่เพียง แหล่งเดีย ดี วเขตรัก รั ษาพัน พั ธุ์สัต สั ว์ป่าห้วยขาแข้ง บริเ ริ วณที่ราบ ริม ริ ลำ ห้วยขาแข้งทางตอนใต้ของพื้นที่ ประมาณไม่เกิน กิ 50 ตัว ตั เป็นความเปราะบางต่อการสูญพัน พั ธุ์อย่างยิ่ง ควายป่าจึง จึ ได้เป็นสัต สั ว์ป่าสงวนตามพระราชบัญ บั ญัติ ญั ติ สงวนและคุ้มครอง สัต สั ว์ป่าแห่งชาติ ลัก ลั ษณะของควายป่าในลำ ขาแข้งรูปร่างจะคล้ายคลึง ลึ กับ กั ควายบ้านแต่มีขนาดที่ใหญ่ล่ำ สัน สั และมีวงเขาตีโตี ค้งกว้าง กว่าดุร้ายกว่าควายบ้านมาก สีลำ สี ลำตัว ตั โดยทั่วไปเป็นสีเ สี ทา หรือ รื สีน้ำ สี น้ำ ตาลดำ ขาทั้ง ทั้ 4 สีข สี าวแก่หรือ รื สีเ สี ทาคล้ายใส่ถุงเท้าสี ขาว ด้านล่างของลำ ตัว ตั เป็นลายสีข สี าวรูปตัว ตั วี มีรูปแบบ สัง สั คมคล้ายพวกวัว วั ป่ามีการรวมฝูงกัน กั และตัว ตั ผู้มัก มั ชอบอยู่ โดดเดี่ย ดี่ วตามลำ พัง พั
เสือ สื โคร่ง เสือ สื โคร่ง (Panthera tigris) จัด จั อยู่ในจำ พวกสัต สั ว์เลี้ย ลี้ งลูกด้วย น้ำ นมและเป็นสัต สั ว์กิน กิ เนื้อ นื้ อยู่ในวงศ์ Felidae เป็นสัต สั ว์ที่มี ขนาดที่สุดในวงศ์นี้ และเป็นเสือ สื ชนิด นิ ที่ใหญ่ที่สุดด้วย สีข สี นบนลำ ตัว ตั จะมีสี มี ตั้ สี ง ตั้ แต่โทนแดงส้มไปยัง ยั เหลือ ลื งปนน้ำ ตาล ส่วนล่างใต้ท้องจะเป็นสีข สี าว ลำ ตัว ตั มีล มี ายพาดผ่านเป็นสีดำ สี ดำและ เทาเข้ม (ลายพาดกลอน) อาจดูเหมือ มื นหมือ มื นกัน กั ทั้ง ทั้ หมด แต่ ในความจริง ริ แล้ว ลวดลายของเสือ สื โคร่งแต่ละตัว ตั จะมีค มี วามแตก ต่างกัน กั แม้กระทั่งลายทั้ง ทั้ สองด้านของลำ ตัว ตั ก็ยั ก็ ง ยั แตกต่างกัน กั ในปัจ ปั จุบัน บั ประเทศไทยเรามีเ มี สือ สื โคร่งที่อาศัย ศั อยู่ในพื้น พื้ ที่ป่าราว 250 ตัว ตั จากผืน ผื ป่าที่มีอ มี ยู่ทั้ง ทั้ หมดของประเทศไทย
เสือ สื ดาว เสือ สื ดาว (Panthera pardus) เป็นเสือ สื มีข มี นาดใหญ่ รองลง มาจากเสือ สื โคร่ง เสือ สื ดาวมีข มี นสีน้ำ สี น้ำ ตาลอ่อนแกมเหลือ ลื ง มีจุ มี จุ ดดำ ทั้ง ทั้ ตัว ตั แต่บริเ ริ วณกลางตัว ตั มีจุ มี จุ ดดำ เป็นกลุ่มๆ ที่เรีย รี กกัน กั ว่า “รอยขยุ้ม ตีน ตี หมา” หลัง ลั หูดำ มีจุ มี จุ ดสีข สี าวนวลที่หลัง ลั หูเหมือ มื นเสือ สื โคร่ง ส่วนเสือ สื ดำ นั้น นั้ มีข มี นาดและรูปร่างเหมือ มื นเสือ สื ดาวทุกประการ แต่มี สีดำ สี ดำตลอดตัว ตั ถิ่น ถิ่ อาศัย ศั สามารถพบได้ในแอฟริก ริ าและเอเชีย ชี ตั้ง ตั้ แต่ แมนจูเรีย รี ลงมาถึง ถึ อิน อิ โดจีน จี ไทย มาเลเซีย ซี และชวา สำ หรับ รั ประเทศไทยพบตามป่าทั่วไปแต่พบมากทางภาคใต้ สามารถ อยู่ในป่าได้ทุกชนิด นิ ทั้ง ทั้ ป่าทึบ ทึ ป่าโปร่งและป่าที่มีโมี ขดหิน หิ ทนร้อน ได้ดีก ดี ว่าเสือ สื โคร่งไม่ชอบอาบน้ำ อย่างเสือ สื โคร่ง ขึ้น ขึ้ ต้นไม้เก่งกว่า เสือ สื โคร่ง เป็นสัต สั ว์ที่ว่องไวและดุ ปกติแ ติ ล้วอยู่ตามลำ พัง พั ตัว ตั เดีย ดี ว จะอยู่เป็นคู่ในระยะผสมพัน พั ธุ์เท่านั้น นั้ ชอบกระโดดจากต้นไม้เพื่อ จับ จั เหยื่อบนพื้น พื้ ดิน ดิ และลากเหยื่อขึ้น ขึ้ ต้นไม้เพื่อกัน กั ไม่ให้สัต สั ว์อื่น อื่ มาแย่ง
สมเสร็จ ร็ (Tapirus indicus) เป็นสัต สั ว์กีบ กี เดี่ย ดี่ ว มี ลัก ลั ษณะของสัต สั ว์หลายชนิด นิ อยู่รวมกัน กั ในตัว ตั กล่าวคือ คื รูป ร่างคล้ายหมู กีบ กี เท้าคล้ายแรด จมูกและริม ริ ฝีปากมน ยาวยื่นออกมาคล้ายงวงช้าง หางสั้น สั้ คล้ายหางหมี หูเล็ก ล็ สั้น สั้ กลม ตาเล็ก ล็ สมเสร็จ ร็ เป็นสัต สั ว์กีบ กี คี่เ คี่ ช่นเดีย ดี วกับ กั แรด และกระซู่แต่ไม่มีนอบริเ ริ วณจมูกตีน ตี หลัง ลั ของสมเสร็จ ร็ มี กีบ กี นิ้ว นิ้ 3 นิ้ว นิ้ คล้ายแรดส่วนตีน ตี หน้ามีกีบ กี นิ้ว นิ้ 4 นิ้ว นิ้ ลัก ลั ษณะ กีบ กี ค่อนข้างเรีย รี วแยกจากกัน กั โดยมีร่องระหว่างนิ้ว นิ้ ลึก ลึ ร่อง ขารวมถึง ถึ หางและก้นเป็นสีดำ สี ดำบริเ ริ วณกลางลำ ตัว ตั ตั้ง ตั้ แต่ หลัง ลั ขาหน้าถึง ถึ ก้นเป็นสีข สี าวหนัง นั ตามลำ ตัว ตั ของสมเสร็จ ร็ ไม่หนา และไม่มีรอยพับ พั เหมือนแรดและกระซู่ ยกเว้น บริเ ริ วณคอจะมีแผ่นหนัง นั หนามากไว้ช่วยป้องกัน กั อัน อั ตราย จากศัต ศั รู เช่น เสือ สื โคร่งที่ชอบตะปบเหยื่อบริเ ริ วณคอ สมเสร็จ ร็ เอเชียมีขนาดใหญ่กว่าสมเสร็จ ร็ พัน พั ธุ์อื่น อื่ ๆ และตัว ตั เมียจะมีขนาดใหญ่กว่าตัว ตั ผู้ สามารถพบได้ในเอเชีย ตั้ง ตั้ แต่แถบเทือกเขาตะนาวศรีข รี องไทย ลงไปจนถึง ถึ คาบสมุทรมลายา สุมาตรา โดยปกติชอบอยู่ลำ พัง พั ตัว ตั เดีย ดี วหรือ รื อยู่กับ กั ลูก จะอยู่เป็นคู่ในช่วงฤดูผสมพัน พั ธุ์ใน ช่วงเดือ ดื นเมษายนถึง ถึ มิถุนายน รัก รั สงบ อาศัย ศั ตามป่าดง ดิบ ดิ หรือ รื ป่าทึบ ใกล้แหล่งน้ำ ลำ ธาร ชอบนอนแช่น้ำ ปลัก ลั โคลน ดำ น้ำ เก่งมาก จมูกไว เนื่อ นื่ งจากมีตาเล็ก ล็ การมอง เห็นไม่ดีนั ดี ก นั การดำ รงชีวิต วิ จะใช้จมูกในการดมกลิ่น มากกว่า สมเสร็จ ร็
วัววัแดง (Bos javanicus) เป็นวัววั ป่าชนิด นิ หนึ่ง นึ่ รูปร่างคล้ายวัววับ้าน แต่มีลั มี กลัษณะ สำ คัญคัที่ต่างไปจากวัววับ้านและกระทิงคือ คื มีว มี งก้นขาวกว้างเกือ กื บครึ่ง รึ่ ตะโพกจั้ง จั้ แต่ โคนหางลงไปเป็นวงโค้งลงไปที่ตะโพกเกือ กื บถึง ถึ ข้อเท้าทั้งทั้ ในตัวตัผู้และตัวตัเมีย มี เป็น รูปใบโพธิ์ มีเ มี ส้นขาวรอบจมูก และรอบดวงตา ขาทั้งทั้4 ข้างมีสี มี ข สี าวตั้ง ตั้ แต่หัวหัเข่า จนถึง ถึ กีบ กี เท้าดูคล้ายสวมถุงเท้าขาว ระหว่างโคนขาของตัวตัผู้ไม่มีข มี น แต่เป็นหนังนั ตกกระแข็ง ข็ ๆ บรรทัดทัหลังลัมีข มี นสีน้ำ สี น้ำ ตาลดำ ตั้ง ตั้ แต่บริเ ริ วณสันสัหลังลัถึง ถึโคนหาง มีห มี นังนั หย่อนใต้คอซึ่ง ซึ่ เรีย รี กว่า “พืม พื ” หางยาว ปลายหางเป็นพู่สีน้ำ สี น้ำ ตาลดำ เขาของวัววัแดง ทั้งทั้สองเพศต่างกันกัดังดันี้ เพศผู้มีเ มี ขาขนาดใหญ่ ปลายเขาแหลมสีดำ สี ดำกางออกไป กว้าง ส่วนปลายสุดของเขามีสี มี เ สี หลือ ลื งทอง เมื่ออายุมากขึ้น ขึ้ วงแหวนบริเ ริ วณฐานซึ่ง ซึ่ เรีย รี กว่า “พาลี” ลี จะมีม มี ากขึ้น ขึ้ วงแหวนแรกบนฐานเขาจะเกิด กิ ขึ้น ขึ้ เมื่ออายุได้ 4 ปี และ จะเกิด กิ บนฐานเขาทุกปี ปีละหนึ่ง นึ่ วง ระหว่างโคนเขาของเพศผู้ไม่มีข มี นมีแ มี ต่หนังนัตก สะเก็ด ก็ เรีย รี กว่า “กระบังบัหน้า” เขาของเพศเมีย มี มีสี มี ดำ สี ดำที่โคนและสีเ สี หลือ ลื งทองที่บริเ ริ วณ ฐาน ขนาดของเขาเล็ก ล็ กว่าเพศผู้ เขาจะโค้งกลับลัด้านหลังลั ปลายเขาโค้งเข้าหากันกับิด บิ ไปข้างหลังลัเล็ก ล็ น้อยเมื่ออายุมากขึ้น ขึ้ บริเ ริ วณฐานเขามีลั มี กลัษณะคล้ายวงแหวนแต่ไม่ นูนเด่น ปลายเขาแหลมและงอมากกว่าในเพศผู้ สามารถพบได้ในพม่า ไทย อิน อิ โดจีน จี ชวา บอร์เนีย นี ว เกาะบาหลี ซาราวัควัเซลีเ ลี บส สำ หรับรั ประเทศไทยเคยพบได้ทุกภาค ชอบหากิน กิ อยู่เป็นฝูง ฝู ไม่ใหญ่นักนัราว 2-25 ตัวตัหรือ รื มากกว่า ปกติจ ติ ะเริ่ม ริ่ ออกหากิน กิ ตั้ง ตั้ แต่ตอนพลบค่ำ ไปจนถึง ถึ เช้าตรู่ กลางวันวั นอนหลบตามพุ่มไม้ทึ ม้ บ ทึ ชอบอยู่ตามป่าโปร่งหรือ รื ป่าทุ่ง ชอบกิน กิ ดิน ดิ โป่งไม่ชอบ นอนแช่ปลักลัรักรัสงบ ปกติไติ ม่ดุร้าย หากิน กิ โดยมีตั มี วตัเมีย มี เป็นจ่าฝูง ฝู มีพ มี ฤติก ติ รรมการ กิน กิ อาหารสัมสัพันพัธ์กับกัการเลือ ลื กถิ่น ถิ่ ที่อยู่อาศัยศัและสัมสัพันพัธ์กับกัสภาพป่าที่ เปลี่ย ลี่ นแปลงไปฤดูกาลต่าง ๆ วัววัแดงซึ่ง ซึ่ ไม่มีฟัมี นฟัหน้าและฟันฟัเขี้ย ขี้ วติด ติ ที่ขากรรไกร บน การเล็ม ล็ หญ้าจึง จึ อาศัยศัลิ้น ลิ้ เป็นส่วนใหญ่ โดยใช้ลิ้น ลิ้ ม้วนรัดรั ใบหญ้า ต้นหญ้า และ ดึง ดึ เข้าปาก วัว วั แดง
กระทิง หรือ รื เมย (Bos gaurus) เป็นสัต สั ว์เท้ากีบ กี อยู่ในวงศ์ตระกูลเดีย ดี วกับ กั ควายป่าและวัว วั แดง แต่กระทิงนั้น นั้ มีจุ มี จุ ดเด่นอยู่ที่รูปร่างใหญ่ ล่ำ มีข มี นสี น้ำ ตาลเข้มจนถึง ถึ ดำ ขาทั้ง ทั้ สี่มี สี่ สี มี ข สี าวคล้ายกับ กั สวมถุงเท้าอยู่ มีเ มี ขาทั้ง ทั้ ตัว ตั ผู้ และตัว ตั เมีย มี ตรงหน้าผากที่อยู่ระหว่างเขาจะมีข มี นสีน้ำ สี น้ำ ตาล พร้อมจุดแต้มสี เทาอมเหลือ ลื ง เรีย รี กว่า ‘หน้าโพ’ กระทิงนั้น นั้ มีพ มี ฤติก ติ รรมอาศัย ศั อยู่รวมกัน กั เป็นฝูง ฝู โดยฝูง ฝู หนึ่ง นึ่ จะมีส มี มาชิก ตั้ง ตั้ แต่ 2 – 60 ตัว ตั ซึ่ง ซึ่ ในฝูง ฝู จะประกอบด้วยตัว ตั เมีย มี และลูก โดยปกติแ ติ ล้ว กระทิงจะอาศัย ศั หากิน กิ อยู่ในพื้น พื้ ที่สูง หรือ รื หากิน กิ ร่วมกับ กั สัต สั ว์กิน กิ พืช พื ชนิด นิ อื่น อื่ ตัว ตั ผู้มัก มั อาศัย ศั อยู่ตามลำ พัง พั แต่จะเข้าไปอยู่รวมฝูง ฝู เมื่อถึง ถึ ฤดูผสมพัน พั ธุ์ ฝูง ฝู กระทิงจะเดิน ดิ หากิน กิ สลับ ลั ไปกับ กั การนอนหลับ ลั พัก พั ผ่อนตลอดทั้ง ทั้ วัน วั โดยบาง ตัว ตั จะนอนหลับ ลั ท่ายืน ยื หรือ รื นอนราบกับ กั พื้น พื้ กระทิงสามารถอาศัย ศั อยู่ได้ใน หลากหลายสภาพป่า ทั้ง ทั้ ป่าเบญจพรรณ, ป่าเต็ง ต็ รัง รั , ป่าดิบ ดิ แล้ง, ป่าดิบ ดิ เขา หรือ รื บางครั้ง รั้ ก็อ ก็ าจเข้าไปหากิน กิ อยู่ตามไร่ร้างหรือ รื ป่าที่อยู่ในสภาพฟื้นฟู จากการทำ ลายและมัก มั หากิน กิ อยู่ไม่ไกลจากแหล่งน้ำ เนื่อ นื่ งจากอดน้ำ ไม่เก่ง ในประเทศไทยเดิม ดิ ทีเ ที ราสามารถพบกระทิงได้ตามป่าทุกภาคของ ประเทศแต่หลัง ลั จากถูกคุกคามในพื้น พื้ ที่หากิน กิ หรือ รื แม้กระทั่งการถูกล่าจาก มนุษย์ก็ ย์ ทำ ก็ ทำให้จำ นวนกระทิงนั้น นั้ ลดลงเรื่อ รื่ ยๆ กระทิง
ช้างป่า หรือ รื ช้างเอเชีย ชี (Elephas maximus) เป็นสัตสัว์เลี้ย ลี้ งลูก ด้วยนมขนาดใหญ่ เมื่อโตเต็ม ต็ ที่มีค มี วามสูงที่ระดับดัหัวหั ไหล่ ประมาณ 2.5 เมตร และมีน้ำ มี น้ำ หนักนั ประมาณ 3 – 4 ตันตัช้างเป็น สัตสัว์สังสัคมอยู่รวมกันกัเป็นฝูงฝู (โขลง) ลูกช้างเพศผู้จะออกจาก โขลงไปหากิน กิ โดยลำ พังพัเมื่อมีอ มี ายุ 6 – 7 ปี และจะเริ่ม ริ่ พร้อม ผสมพันพัธุ์เมื่อมีอ มี ายุ 10 – 15 ปี ในช่วงนี้ ช้างเพศผู้จะมีค มี วาม ดุร้ายหรือ รื ที่เรีย รี กว่า ตกมันมัส่วนช้างเพศเมีย มี จะโตเต็ม ต็ วัยวัและ พร้อมผสมพันพัธุ์เมื่อมีอ มี ายุ 15 – 16 ปี ตั้ง ตั้ ท้องนาน 22 เดือ ดื น และ ตกลูกครั้ง รั้ ละ 1 ตัวตั โดยแต่ละครอกมีร มี ะยะเวลาห่างกันกั 4 ปี ลูก ช้างจำ นวนหนึ่ง นึ่ จะเสีย สี ชีวิ ชี ต วิ จากการคลอด การล่าตามธรรมชาติ โดยสัตสัว์ผู้ล่า และจากการทำ ร้ายโดยช้างเพศผู้ตัวตัอื่น อื่ ที่อยู่นอก ฝูงฝูซึ่ง ซึ่ เป็นกลไกที่ควบคุมสมดุลของประชากรช้างในป่า เมื่อ ช้างโตเต็ม ต็ วัยวัแล้วจะมีอั มี ตอัราการตายต่ำ มาก ช้างบางตัวตัอาจ มีอ มี ายุยืน ยื ถึง ถึ 60 หรือ รื 70 ปี สามารถพบได้ในประเทศเนปาล บังบัคลาเทศ อิน อิ เดีย ดี ศรีลั รี งลักา พม่า ไทย ลาว กัมกัพูชา มาเลเซีย ซี และสุมาตรา การประมาณ จำ นวนช้างป่าเอเชีย ชี ล่าสุดคาดว่า ทั่วเอเชีย ชี เหลือ ลื ช้างประมาณ 41,000 – 52,000 ตัวตัแม้ในปัจปัจุบันบัจะยังยัสามารถพบได้ตาม พื้น พื้ ที่อนุรักรัษ์ทั่วไป จำ นวนช้างป่าไทยคาดว่าเหลือ ลื อยู่เพีย พี ง 2,500 – 3,200 ตัวตัซึ่ง ซึ่ ส่วนใหญ่ถูกจำ กัดกัด้วยขนาดของพื้น พื้ ที่ที่ เล็ก ล็ ลงทุกขณะ ถูกคุกคามด้วยการล่า และกิจ กิ กรรมอื่น อื่ ๆ ของ มนุษย์ การขยายตัวตัของชุมชนรอบพื้น พื้ ที่ป่าอนุรักรัษ์มีผ มี ลลบ โดยตรงต่อช้าง ปัญปัหาความขัดขัแย้งระหว่างคนกับกัช้างกำ ลังลัเป็น โจทย์สำ ย์ สำคัญคัที่ทุกฝ่ายให้ความสำ คัญคัเนื่อ นื่ งจากมีแ มี นวโน้ม น้ รุนแรง มากขึ้น ขึ้ และอาจขยายไปในพื้น พื้ ที่อนุรักรัษ์กว่า 20 แห่งทั่ว ประเทศในอนาคตอันอั ใกล้ ช้างป่า
สมาชิชิชิชิ ก นายนภัส ภั รพี ว่องเชิงค้า ม.6/9 เลขที่ 4 นายภุมภัท ภั ร เกตุทอง ม.6/9 เลขที่ 9 นางสาวกัญ กั ญารัต รั น์ อาจสาริก ริ าร ม.6/9 เลขที่ 15 นางสาวญาณิศา มั่นฟัก ฟั ม.6/9 เลขที่ 16 นางสาวณัฐ ณั ธิด ธิ า บำ รุงศรี ม.6/9 เลขที่ 17 นางสาวภัท ภั รนัน นั ท์ คชวารี ม.6/9 เลขที่ 22 นายภาคิน คิ เดชมนตรี ม.6/9 เลขที่ 8 นางสาวบุษกร เเผดศรี ม.6/9 เลขที่ 19