The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by wanida, 2021-06-29 12:25:37

PPT SMEs

PPT SMEs

ใบความรู้ท่ี 2
วสิ าหกจิ ขนาดกลางและขนาดย่อม

SMALL AND MEDIUM SIZED
ENTERPRISES (SMES)



ธรุ กจิ (BUSINESS)

ธรุ กิจ (Business) หมายถึงความพยายามของ
ผปู้ ระกอบการทีจ่ ะผลิตหรือซอื้ ขายสินคา้ (Products)
หรอื บรกิ าร (Services) เพ่ือตอบสนองความตอ้ งการ
ของสังคม (ลูกคา้ ) โดยหวงั ทจี่ ะได้ผลกาไร และ
ยอมรบั ความเสย่ี งในการขาดทุนหรอื ไมไ่ ดผ้ ลกาไร
ตามต้องการ โดยมคี วามรบั ผิดชอบตอ่ สังคมและ
มีจรยิ ธรรมทางธุรกิจ

วิสาหกจิ ขนาดกลางและขนาดยอ่ ม
(Small and Medium sized Enterprises) SMEs
มี 3 ประเภท

1. ธรุ กจิ การผลติ หรืออตุ สาหกรรม
(Manufacturing Business )

2. ธุรกิจบริการ (Service)
3. ธรุ กิจการคา้

3.1 ค้าส่ง (Wholesale)
3.2 คา้ ปลีก (Retail)

1. ธุรกิจการผลิตหรืออุตสาหกรรม
(MANUFACTURING BUSINESS)

หมายถึง ธรุ กิจท่ีมีวตั ถปุ ระสงคใ์ นการ
แปรรูปวตั ถดุ ิบใหเ้ ป็นสนิ คา้
เช่น ธรุ กิจการผลติ อาหาร ฯ ลฯ

2. ธรุ กจิ บรกิ าร (SERVICE)
หมายถึง ธรุ กิจท่ีมีวตั ถปุ ระสงคใ์ นการ
ใหบ้ รกิ ารลกู คา้ เช่น ธรุ กิจการเงิน ธนาคาร
รา้ นคา้ ธรุ กิจการท่องเท่ียว เหลา่ นีเ้ ป็นตน้

3.1 ธรุ กิจคา้ สง่ (WHOLESALE)

มีฐานะเป็นพอ่ คา้ คนกลางทาหนา้ ท่ี
ซอื้ สินคา้ จากผผู้ ลติ มาจาหนา่ ยตอ่ ให้
พอ่ คา้ ปลกี หมายถงึ เป็นการขายสนิ คา้ และ
บรกิ ารใหก้ บั ผซู้ อื้ ท่ีมีวตั ถปุ ระสงคเ์ พ่อื
การขายตอ่ หรอื ซือ้ ไปใชใ้ นการประกอบ
ธรุ กิจ

3.2 ธรุ กิจคา้ ปลีก ( RETAIL )

หมายถงึ ธรุ กิจท่ีมีวตั ถปุ ระสงคใ์ นการ
ซอื้ สินคา้ จากผผู้ ลติ พอ่ คา้ สง่ หรอื คนกลาง
เพ่อื จาหน่ายใหก้ บั ผบู้ รโิ ภคโดยตรง เชน่
หา้ งสรรพสนิ คา้ ธรุ กิจการคา้ ปลกี เป็นตน้

หลกั เกณฑ์ลักษณะของ SMES

มูลค่าสินทรัพยถ์ าวร

กจิ การขนาดย่อม ไม่เกิน 50 ล้านบาท
กจิ การขนาดกลาง ไมเ่ กนิ 200 ล้านบาท

ในปจั จบุ ันกจิ การทีจ่ ัดเปน็ SMEs ในประเทศไทย
มีจานวนมากกว่า 90 % ของกจิ การทั้งหมด ดงั นนั้
SMEs จึงถือเป็นหัวใจหรือพืน้ ฐานสาคัญของระบบ
เศรษฐกิจของประเทศ

ประเภท จำนวน จำนวน สนิ ทรัพย์ สนิ ทรัพย์
(คน) (คน) ถำวร ถำวร
การผลติ (ล้ำนบำท) (ล้ำนบำท)
ขนำดย่อม ขนำดกลำง ขนำดกลำง
การบริการ ขนำดย่อม
50 51-200 51-200
50 51-200 50 51-200
50

การคา้ ส่ง 25 26-50 50 51-100

15การคา้ ปลีก 16-30 30 31-60

SMEs คือ ธุรกิจท่ีรัฐใหค้ วามสนใจในกิจการ
ขนาดเล็กและขนาดกลางมากขน้ึ อีกท้งั กระทรวง
อุตสาหกรรมก็มนี โยบายที่จะสง่ เสรมิ และ
สนบั สนนุ กจิ การขนาดกลางและเล็ก
อย่างชัดเจน เพราะเห็นว่าเป็นกาลงั สาคญั
ในการพฒั นาประเทศท้ังด้านเศรษฐกิจและสงั คม

โดยมกี รมส่งเสริมอุตสาหกรรมรับผิดชอบ

ความสาคญั ของ SMES

1. สร้างเสริมใหม้ ีการผลติ สนิ คา้ ชนิดใหม่
คดิ คน้ พฒั นา และปรบั ปรุงการประดษิ ฐห์ รือ
ผลิตสินคา้ และบรกิ ารใหม่ ๆ ออกสู่ตลาด
2. ทาใหเ้ กิดการจา้ งงาน
ธุรกิจกระจายอยตู่ ามทอ้ งถิน่ ทาใหค้ นในทอ้ งถ่นิ มงี านทา

ความสาคัญของ SMES

ข้นั ตอนการเรมิ่ ต้นดาเนนิ ธุรกจิ

ข้ันตอนที่ 1 ประเมนิ ความพรอ้ มของผปู้ ระกอบการ

1. มคี วามเสย่ี งต่อความสาเรจ็ หรือความลม้ เหลว
2. มีความเชื่อมน่ั ในตนเองและกลา้ ตดั สนิ ใจ
3. มมี นุษยสมั พนั ธแ์ ละสามารถโน้มน้าวจิตใจผอู้ ื่นไดด้ ี
4. มีภาวะความเปน็ ผนู้ าและสามารถในการบริหารจดั การ
5. รู้จักแสวงหาความรแู้ ละมคี วามคิดสรา้ งสรรค์
6. มีความรับผดิ ชอบตอ่ งานและผลกระทบตอ่ สงั คม

ขน้ั ตอนการเริ่มตน้ ดาเนินธรุ กจิ

ขน้ั ตอนที่ 2 แสวงหาช่องทางในการประกอบ
ธรุ กิจ เลอื กรปู แบบและประเภทของธุรกิจ
ขน้ั ตอนที่ 3 ศกึ ษาตลาดในการประกอบธุรกจิ
เพอ่ื ใหผ้ ลิตสนิ ค้าและบริการไดต้ รงกับ
ความตอ้ งการของลูกคา้ มากท่ีสดุ

ข้นั ตอนท่ี 4 จัดแบ่งหน้าท่ีการประกอบธรุ กจิ

1. วิเคราะห์งาน
2. วางแผนกาลังคน
3. สรรหากาลงั คน
4. คัดเลือกบคุ คล
5. ประเมินผลการปฏิบัตงิ าน
6. พฒั นาบคุ ลากร

ขน้ั ตอนที่5 เลอื กรูปแบบการจดทะเบียนและ
ฐานะทางกฎหมายในการประกอบธรุ กจิ

1. ลกั ษณะของธุรกิจท่ีจดทะเบียนเป็นบคุ คล
ธรรมดา
2. ลกั ษณะของธุรกิจท่ีจดทะเบียนเป็นนิติบคุ คล

มี 2 ประเภท
1. หา้ งหนุ้ สว่ นจากดั 2. บรษิ ัทจากดั

หา้ งหุ้นสว่ น (PARTNERSHIP)

1) ห้างหุ้นส่วนสามญั
(GENERAL PARTNERSHIP)

หมายถงึ หา้ งหนุ้ สว่ นที่ทกุ คนตอ้ งรบั ผดิ ชอบรว่ มกนั
โดยเฉพาะหนีท้ งั้ ปวงโดยไม่จำกดั
หา้ งหนุ้ สว่ นประเภทนีจ้ ะจดทะเบยี นหรอื
ไม่จดทะเบยี นก็ได้ ซง่ึ อาจจะเพียงแต่แสดงดว้ ยวาจา
หรอื ลายลกั ษณอ์ กั ษรวา่ เป็นหา้ งหนุ้ สว่ นกนั

2) ห้างหุ้นส่วนจากดั
(LIMITED PARTNERSHIP)

หมายถึง หำ้ งหนุ้ ส่วน ซง่ึ มีหนุ้ สว่ นสองจาพวกคือ
1. เป็นหนุ้ สว่ นคนเดียวหรอื หลายคนซง่ึ จากดั ควำมรับผดิ ชอบ
ไมเ่ กนิ จำนวนเงนิ ท่ีตนรบั หรอื ลงหนุ้ ในหา้ งหนุ้ สว่ นนนั้
2. เป็นหนุ้ สว่ นคนเดียวหรอื หลายคน ซง่ึ ตอ้ งรับผดิ ชอบร่วมกันใน

บรรดาหนีข้ องหา้ งหนุ้ สว่ นไม่จำกดั จำนวน

หำ้ งหุน้ ส่วนจำกัดตอ้ งจดทะเบยี นใหห้ นุ้ สว่ นรบั ผดิ ชอบเฉพาะวงเงินท่ีระบุ
ไว้ หากไมจ่ ดทะเบียนจะถือวา่ รบั ผิดชอบทงั้ หมดหรอื ไมจ่ ากดั จานวนดงั กลา่ ว

2. บรษิ ัทจากดั (CORPORATION)

บรษิ ัทจากดั หมายถงึ บรษิ ัทท่ีผถู้ ือหนุ้ รบั ผดิ ชอบหนีส้ นิ
เฉพาะจานวนจากดั ท่ีจดทะเบยี นไว้ อาจจะแบง่ บริษัท
จากดั ไดเ้ ป็น 2 ประเภท คือ

1) บริษัทเอกชน จากดั
(Company Limited, Co., Ltd)

2) บริษัทมหำชน (Public Company)

1) บริษทั เอกชน จากดั

(COMPANY LIMITED, CO., LTD)

หมายถงึ มาตรา 1097 บญั ญตั วิ า่ “บคุ คลใด ๆ

ตงั้ แต่ 7 คนขนึ้ ไปจะเรม่ิ กอ่ การและตง้ั เป็นบรษิ ัท

จากดั ก็ได้ ดว้ ยการเขา้ ช่ือกนั ทาหนงั สือบรคิ ณหส์ นธิ
และกระทาการอย่างอื่นตามบทบญั ญตั แิ หง่ ประมวล
กฎหมายนี้

มีผถู้ ือหนุ้ ไมเ่ กิน 100 คน ( 1 - 99 คน)

2) บริษัทมหาชน

(PUBLIC COMPANY)

หมายถงึ บรษิ ัทมหาชนท่ีจดั ตงั้ ขนึ้ ตามพระราชบญั ญตั ิ
บรษิ ัทมหาชนจากดั พ.ศ. 2535 ซง่ึ มาตรา 15 บญั ญตั วิ า่

“บคุ คลธรรมดาตงั้ แต1่ 5คน ขนึ้ ไป จะเรม่ิ จดั ตงั้ บรษิ ัท

มหาชนจากดั ไดโ้ ดยจดั ทาหนงั สอื บรคิ ณหส์ นธิ และ
ปฏิบตั กิ ารอย่างอ่ืนตามพระราชบญั ญตั ินี้

(ผถู้ ือหนุ้ ตงั้ แต่ 100 คนขนึ้ ไป)

บรษิ ัทมหาชน จากดั จดทะเบียนในตลาด
หลกั ทรพั ย์ เพ่อื จาหนา่ ยหนุ้ ใหก้ บั ประชาชนท่วั ไป
ประเภทของหนุ้ ของบรษิ ัทจากดั ซง่ึ แบง่ ไดเ้ ป็น
2 ประเภท คือ

1. หนุ้ สำมญั (Common Stock)
2. หนุ้ บรุ ิมสทิ ธิ (Preferred Stock)

1. หุ้นสามัญ (COMMON STOCK)

หมายถึง หลกั ทรพั ยท์ ่ีแสดงความเป็นเจา้ ของ
บรษิ ัทจากดั ซง่ึ มีสทิ ธิไดส้ ว่ นแบ่งจากผลกาไร
ในรูปของเงินปันผล และผถู้ ือหนุ้ สามญั ถือเป็น
เจา้ ของบรษิ ัท และมีสทิ ธิออกเสียงลงคะแนน
1 เสยี ง ตอ่ 1 หนุ้ และมสี ทิ ธิมอบฉนั ทะใหผ้ อู้ ่ืน
ไปออกเสียงแทนได้

2. หุ้นบุริมสิทธิ

(PREFERRED STOCK)

หมายถึงหนุ้ ท่ีมีลกั ษณะเป็นเจา้ ของและ
เป็นเจา้ หนี้ ไมม่ ีสิทธิออกเสยี งในท่ีประชมุ ผถู้ ือ
หนุ้ แตม่ ีสิทธิเหนือผถู้ ือหนุ้ สามญั ในการรบั เงิน
ปันผล และรบั คนื ทนุ เม่ือบรษิ ัทเลิกกิจการ
ก่อนผถู้ ือหนุ้ สามญั

ข้นั ตอนท่ี 6 ความรับผดิ ชอบตาม
กฎหมายในการประกอบธุรกิจ

1. การเสยี ภาษีอากร
2. กฎหมายแรงงาน

1. การเสยี ภาษีอากร

ภาษีอากร คอื รายจ่ายท่ีบคุ คลมีหนา้ ท่ี
ตอ้ งจา่ ยใหร้ ฐั เพ่อื นาไปใชพ้ ฒั นาประเทศ

1.1 ภาษีเงนิ ไดบ้ คุ คลธรรมดา
1.2 ภาษีเงนิ ไดน้ ิติบคุ คล

1.1 ภาษีเงินไดบ้ ุคคลธรรมดา

•คอื ภาษีท่ีจดั เก็บจากบคุ คลท่วั ไปหรอื จากหนว่ ยภาษี
ท่ีมลี กั ษณะพเิ ศษตามท่ีกฎหมายกาหนดและมีรายได้
เกิดขนึ้ ตามเกณฑท์ ่ีกาหนด ไดแ้ ก่ บคุ คลธรรมดา
หา้ งหนุ้ สว่ นสามญั หรอื คณะบคุ คลท่ีไมใ่ ชน่ ิตบิ คุ คล
ผถู้ ึงแกค่ วามตายระหว่างปีภาษี
กองมรดกท่ียงั ไม่ไดแ้ บง่

1.2 ภาษีเงินไดน้ ิติบุคคล

• คือภาษีอากรท่ีจดั เก็บเงนิ ไดข้ องบรษิ ัท หรอื หา้ งหนุ้ สว่ น
นิตบิ คุ คลท่ีจดทะเบยี นและนิตบิ คุ คลอ่ืนท่ีไมไ่ ดจ้ ดทะเบียน
ตามประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ ไดแ้ ก่ หา้ งหนุ้ สว่ น
สามญั จดทะเบยี น หา้ งหนุ้ สว่ นจากดั
บรษิ ัทจากดั บรษิ ัทมหาชนจากดั กิจการซง่ึ ดาเนินการคา้
หากาไรโดยรฐั บาลหรอื องคก์ รตา่ งประเทศ มลู นิธิหรอื
สมาคมท่ีมีรายไดแ้ ละไมไ่ ดป้ ระกาศใหเ้ ป็นสถานสาธารณ
กศุ ล

ภาษีมูลค่าเพ่มิ VAT

เป็นภาษีท่ีเกบ็ จากผขู้ ายสนิ คา้ และใหบ้ รกิ ารในประเทศและผนู้ าเขา้ สนิ คา้
สาหรบั สถานประกอบการท่ีจดทะเบียนบคุ คลธรรมดา
(ทะเบียนพาณิชย/์ ทะเบียนการคา้ )

มีรายไดต้ อ่ ปีไมถ่ งึ 1,800,000 บาท ไมจ่ าเป็นตอ้ งย่ืนจดภาษีมลู คา่ เพ่มิ
แตถ่ า้ มีรายไดเ้ กินหรอื จดทะเบียนเป็นนิติบคุ คล ตอ้ งจดทะเบียน
ภาษีมลู คา่ เพ่มิ
(แบบ ภ.พ. 01) เพ่ือจะสามารถคานวณภาษีท่ีตอ้ งเสียจากภาษีขาย หกั ดว้ ย
ภาษีซือ้ ในแตล่ ะเดือน

2. กฎหมายแรงงาน

2.1 พระราชบญั ญตั ิคมุ้ ครองแรงงาน พ.ศ. 2541

เป็นกฎหมายท่ีบญั ญตั ิถึงสทิ ธิและหนา้ ท่ีระหวา่ งนายจา้ งและ
ลกู จา้ งโดยกาหนดมาตรฐานขนั้ ต่าในการใชแ้ รงงาน การจา่ ย
คา่ ตอบแทนและการทางาน

2.2 กฎหมายประกนั สงั คม

ผปู้ ระกอบการตอ้ งขนึ้ ทะเบียนประกนั สงั คมเพ่ือจ่ายเงิน
สมทบทนุ ประกนั สงั คม นายจา้ ง 5% ลกู จา้ ง 5%
เงนิ เดือนไม่เกิน 15,000 บาท

ข้นั ตอนท่ี 7 ประเมินทุนในการประกอบธุรกิจ

1. ทนุ คงท่ีหรอื ทนุ ประจา
เป็นทนุ มาเรม่ิ ตน้ ประกอบธรุ กิจซอื้ สนิ ทรพั ยถ์ าวร

เช่น ตกึ อาคาร
2. ทนุ หมนุ เวยี น

เป็นทนุ นาไปใชจ้ า่ ยเพ่ือประกอบธุรกิจ เช่น ชาระหนีส้ นิ
คา่ แรง
2.1 เงนิ ทนุ หมนุ เวียน
2.2 แหลง่ เงินทนุ สารอง

ข้นั ตอนที่ 8 ประมาณรายได(้ กาไร)
จากการประกอบธุรกิจ

เป็นการประมาณยอดขายหรอื รายได้
ครา่ ว ๆซง่ึ ผปู้ ระกอบการควรประเมนิ ให้
ใกลเ้ คยี งกบั ความเป็นจรงิ มากท่ีสดุ
เพ่อื ใหท้ ราบเงนิ ทนุ ท่ีจะใชใ้ นการหมนุ เวยี น
ธรุ กิจ

ข้นั ตอนที่ 9 ประเมินความเป็นไปไดก้ ่อนลงมือ

ประกอบธุรกิจ

ผปู้ ระกอบธรุ กิจตอ้ งพจิ ารณาความเป็นไปไดใ้ นการ
ประกอบธรุ กิจอีกครงั้ วา่ มีความพรอ้ มและความเป็นไป
ไดม้ ากนอ้ ยเพียงไร โดยท่ีตอ้ งพิจารณาขอ้ มลู เชน่
เงินลงทนุ โอกาสการเจรญิ เตบิ โตของธรุ กิจ รายไดท้ ่ี
จะไดร้ บั ซง่ึ หากมีความพรอ้ มทกุ ดา้ นกส็ ามารถลงมือ
ประกอบธรุ กิจไดท้ นั ที

หมายถงึ แผนงานทางธุรกจิ ซงึ่ แสดงถงึ
รายละเอยี ดของกิจกรรมท่ตี อ้ งปฏิบตั ิ
ในการลงทนุ

แผนธุรกิจ

คือ เอกสารการวางแผนงานท่ีแสดง
รายละเอยี ดและกิจกรรมตา่ ง ๆ ในการ
ประกอบธรุ กิจ เพ่ือใหก้ ารประกอบ
ธุรกิจบรรลเุ ปา้ หมายท่ีตงั้ ไว้

วตั ถุประสงคใ์ นการจัดทาแผนธรุ กิจ

1. เพื่อเรมิ่ ตน้ ธรุ กจิ 2.เพื่อการบรหิ าร 3.เพื่อระดมเงินทนุ
จัดการทีม่ ีประสทิ ธภิ าพ จากแหล่งภายนอก
-ทาแผนเพื่อดู
รายละเอียดเกีย่ วกบั กาหนดทิศทาง หากมีเงินทนุ ไมเ่ พียงพอ
การลงทนุ วางแผนการจดั การ ตอ่ การเริ่มหรือขยาย
-ประมาณรายได้ แผนการตลาด ธุรกิจ ต้องเขยี นแผน
กาไร การเงนิ เปน็ ตน้ เพื่อย่ืนเสนอกบั สถาบนั
-ศึกษาความเปน็ ไปได้ การเงนิ

ความสาคญั ของแผนธุรกิจ

1. ทาใหผ้ ปู้ ระกอบการมีเปา้ หมายท่ีชดั เจน และกาหนด
แนวทางของความคิดในการประกอบธรุ กิจ

2. เป็นเครอ่ื งมือท่ีใชแ้ สวงหาเงินทนุ จากผรู้ ว่ มลงทนุ และ
สถาบนั การเงินตา่ ง ๆ

3. ทาใหท้ ราบรายละเอยี ดของกิจกรรมตา่ ง ๆ ท่ีจะนาการ
ประกอบธรุ กิจไปสเู่ ปา้ หมายท่ีตงั้ ไว้ และสามารถใช้
กาหนดแนวทางการปฏิบตั ิงานท่ีตอ่ เน่ืองไปในอนาคต

องคป์ ระกอบของแผนธุรกิจ

1. ปกหนา้ และสารบญั
ปกหนา้ จะแสดงใหเ้ ห็นเก่ียวกบั ช่ือธรุ กิจ ท่ีตงั้
เลขหมาย โทรศพั ทแ์ ละโทรสาร สญั ลกั ษณข์ องธุรกิจ
ชอ่ งทางการตดิ ตอ่ ส่อื สาร และสารบญั จะแสดงท่ีอยู่
ของรายละเอียดในแผนธรุ กิจ เพ่ือใหส้ ามารถคน้ หา
ขอ้ มลู ไดส้ ะดวกรวดเรว็

2. บทสรุปผบู้ ริหาร

2.1 แนวคิดและขอบเขตของธรุ กิจ
2.2 สถานการณป์ ัจจบุ นั ของธุรกิจ
2.3 โอกาสทางธรุ กิจ
2.4 กลมุ่ ลกู คา้ เปา้ หมาย
2.5 ลกั ษณะของสนิ คา้
2.6 ทีมผบู้ รหิ าร

3. ลกั ษณะของกิจการ

เป็นขอ้ มลู เก่ียวกบั ประวตั ขิ องกิจการตง้ั แตอ่ ดีตจนถงึ
ปัจจบุ นั รูปแบบของกิจการ แนวทาง
การดาเนนิ งาน และกิจกรรมตา่ ง ๆ ขอบเขตของ
การดาเนนิ ธรุ กิจและส่งิ ที่เป็นลกั ษณะเฉพาะของ
บรษิ ัท รวมทงั้ ขอ้ มลู เก่ียวกบั สภาพของธุรกิจโดยรวม
ซงึ่ พจิ ารณาจากประเภทของธรุ กิจที่เกี่ยวขอ้ ง

4. สินคา้ และบริการ

เป็นการแสดงขอ้ มลู จดุ เดน่ ของสินคา้ และบรกิ าร ประกอบดว้ ย
1. ขอ้ มลู รายละเอยี ดของสนิ คา้ และบรกิ าร เช่น จดุ เดน่
เอกลกั ษณห์ รอื คณุ สมบตั ิพิเศษของสินคา้ และบรกิ าร
2. โอกาสในการพฒั นาสินคา้ และบรกิ ารใหต้ รงกบั ความ
ตอ้ งการของผบู้ รโิ ภคมากท่ีสดุ
3. สินคา้ ท่เี ป็นนวตั กรรมหรอื เพ่งิ เกิดขนึ้ มาใหม่ จะตอ้ งแสดง
ลกั ษณะของสินคา้ ตน้ แบบดว้ ย
4. หากมีสิทธิบตั ร ตอ้ งแสดงสิทธิบตั รดว้ ย

5. การวจิ ยั ตลาด

เป็นการเก็บขอ้ มลู ทางการตลาด เพ่ือสรา้ งความนา่ เช่ือถือ
ใหก้ บั ธรุ กิจ โดยเฉพาะกบั แหลง่ เงินทนุ ประกอบดว้ ย
1. กลมุ่ ลกู คา้ เปา้ หมาย
2. ขนาดของตลาดปัจจบุ นั
3. การแข่งขนั กนั ในตลาดของธุรกิจหรอื สนิ คา้
ชนิดเดยี วกนั
4. การประมาณยอดขาย โดยพิจารณาสว่ นแบง่
ทางการตลาด

6. การวเิ คราะห์ดา้ นการตลาด

เป็นการวเิ คราะหก์ ารเจรญิ เตบิ โตของธรุ กิจ โดยพจิ ารณาส่งิ ตอ่ ไปนี้
1. ขนาดของตลาดวา่ มีขนาดเล็กหรอื ใหญ่เทา่ ใดและมีโอกาสขยายเพ่มิ ขึน้ ได้

หรอื ไม่

2. อปุ สงคแ์ ละอปุ ทาน มีผลตอ่ ราคาสนิ คา้
อปุ สงค์ > อปุ ทาน ทาใหส้ ินคา้ ราคาแพง ( D > S = E)
อปุ ทาน > อปุ สงค์ ทาใหส้ ินคา้ ราคาถกู ลง ( S > D = c)

3. กลมุ่ ลกู คา้ เปา้ หมาย เพ่ือนาไปคานวณการผลติ สินคา้ และบรกิ าร

ไดถ้ กู ตอ้ ง

4. การแขง่ ขนั ในตลาด เป็นการเปรียบเทียบในสินคา้ ประเภท
เดียวกนั โดยอาจวเิ คราะห์ดว้ ยหลกั SWOT ดงั น้ี

S มาจาก Strengths หมายถึง จดุ แขง็ เป็นผลมาจากปัจจยั ภายใน
องคก์ ร เช่นความพรอ้ มดา้ นการเงนิ ความสามารถของบคุ ลากร เป็นตน้

W มาจาก Weaknesses หมายถึง จดุ ออ่ น ซง่ึ เป็นมาจากปัจจยั
ภายในองคก์ ร

O มาจาก Opportunities หมายถึง โอกาส ซง่ึ เป็นผลมาจาก
สภาพแวดลอ้ มภายนอกท่ีจะทาใหธ้ ุรกิจประสบความสาเรจ็

T มาจาก Threats หมายถึง อปุ สรรค ซง่ึ เกิดจากปัจจยั และ
ส่งิ แวดลอ้ มภายนอกท่ีจะขดั ขวางไมใ่ หธ้ ุรกิจประสบความสาเรจ็

7. แผนการตลาด

เป็นแนวทางการดาเนินงานท่ีจะทาใหธ้ รุ กิจมีความ
เจรญิ กา้ วหนา้ การวางแผนการตลาดโดยใชก้ ลยทุ ธ์

4 P ประกอบดว้ ย

1. Product

2. Price

3. Place

4. Promotion

หลกั 4 P

1. Product คอื สนิ คา้ หรอื บรกิ ารท่ีเสนอใหก้ บั ลกู คา้
2. Price คือการกาหนดราคาสนิ คา้ และบรกิ าร
3. Place คอื การพิจารณาเลอื กช่องทางการจดั
จาหนา่ ยหรอื การกระจายสนิ คา้ ท่ีเขา้ ถงึ กลมุ่ ลกู คา้
มากท่ีสดุ
4. Promotion คอื การทากิจกรรมสง่ เสรมิ การขาย
ท่ีเหมาะสมกบั กลมุ่ ลกู คา้

8. แผนการผลิต

เป็นการวางแผนเพ่อื ควบคมุ วตั ถดุ ิบ แรงงาน
หรอื เงินทนุ ท่ีใชเ้ พ่อื ผลิตสินคา้ ใหเ้ พียงพอกบั
ความตอ้ งการของกลมุ่ ลกู คา้ การบรหิ ารสนิ คา้
คงคลงั รวมทงั้ การควบคมุ คณุ ภาพของสินคา้ และ
บรกิ ารเพ่อื สรา้ งความพงึ พอใจใหก้ บั ลกู คา้

9. ทีมผบู้ ริหาร

เป็นการแสดงรายละเอียดเกี่ยวกบั โครงสรา้ ง
องคก์ ร โดยมีการระบตุ าแหนง่ และหนา้ ที่
ความรบั ผดิ ชอบของผบู้ รหิ ารและทีมท่ปี รกึ ษาของ
ธุรกิจมีการแสดงประวตั แิ ละผลงานทีป่ ระสบ
ความสาเรจ็ ซง่ึ เป็นสว่ นสาคญั ในการสรา้ ง
ความนา่ เชื่อถือใหก้ บั ธรุ กิจ


Click to View FlipBook Version