โดยนายบุญชวน สอนอัน แ
ละนางอินตา สอนอ้น บ้าน
สระแก้ว อำเภอบ้านฝาง ซึ่งได้รับการสืบทอดการแสดง
หนัง ประโมทัยจากนายสอน ชัยบุตร เพื่อรับแสดงหนัง
ประโมทัยตามงานบุญต่างๆ และยังแสดงหนัง ประโม
ทัยเพื่อขอแลกข้าว จวบจนถึงปัจจุบัน พัฒนาการของ
เรื่องที่ ใช้แสดงหนังประโมทัยเพื่อแสดงตามงานบุญ
ต่างๆ เช่น งานบุญมหาชาติ งานบุญกฐิน เป็นต้น
องค์ประกอบการแสดง ประกอบด้วย :พิธียกอ้อ
ยอครู นําตัวหนังที่เด่นๆ เช่น พระราม พระลักษณ์
นางสีดา ทศกัณฑ์ ฯลฯ มาวางไว้ด้านหน้า เครื่องคาย
สิ่งของ สําหรับพิธีกรรมไหว้ครู (เครื่องคาย) ประกอบ
ไปด้วย
๑) ขันธ์ห้า (ดอกไม้ ๕ คู่ เทียน ๕ คู่)
๒) เหล้าขาว ๑ ขวด
๓) ไข่ดิบ ๑ ลูก
๔) เงิน ๑๒ บาท
๕) ผ้าถุง ๑ ผืน
๖) แป้ง ๑ กระป๋อง
รวมเครื่องคายทั้งหมดใส่ถาดแล้วผู้นํายกอ้อ ยอ
ครู จุดเทียน ๑ คู่ กราบ ๓ ครั้ง เพื่อคารวะครูบา
อาจารย์ รวมทั้งตัวหนังตะลุงที่ถือว่าเป็นครูบา
อาจารย์ด้วย ยกเครื่องคายขึ้นสูงประมาณจมูกของผู้
กล่าวยกอ้อ ยอครู แล้วผู้กล่าวนําสวดบริกรรมคาถา
(สวดประมาณ ๕ นาที) วางเครื่องคายลงแล้วทาแป้ง
ที่ใบหน้าของผู้นํายกอ้อ ยอครู แล้วส่งแป้งต่อๆ ไปให้
ลูกวงทาที่ใบหน้าด้วย เป็นอัน เสร็จพิธี
เครื่องดนตรี ประกอบด้วย กลองทอมบ้า กลองชุด
เครื่องเสียง ตู้ลําโพง แคน ฉาบ
รายได้ของคณะ ตามระยะทาง ๕,๐๐๐-๔๐,๐๐๐
บาท/ครั้ง เฉลี่ยจํานวน ๒๐๐,๐๐๐ บาท/ปี
คณะเพชรหนองเรือ
นายสังวาล ผ่องแผ้ว ศิลปินมรดกอีสาน พ.ศ.2553
หุ่นกระบอกคณะเพชรหนองเรือ มีนายสวน ผ่องแผ้วเป็นหัวหน้าคณะ มีความชำนาญในการ
ออกลำและเล่นหนัง เคยอยู่กับหมอลำหมู่คณะต่างๆ สุดท้ายจึงหันกลับมาฟื้ นฟูหนังปราโมทัยอีก
ครั้ง โดยนำออกแสดงตามงานต่างๆ จนเป็นที่ชื่นชอบของชาวบ้าน จนกระทั่งปี พ.ศ.2520-
2530 หนังปราโมทัยเสื่อมความนิยมลง ประกอบกับนายสวนเคยเห็นการแสดงหุ่นหลายครั้ง จึง
คิดหันมาแสดงหุ่นกระบอกแทน โดยให้น้องชายและลูกชายช่วยกันแกะหุ่นตามตัวละครในเรื่องที่
จะแสดง เปิดแสดงหุ่นกระบอกจนได้รับความนิยมตั้งแต่ปีพ.ศ.2531 เป็นต้นมา หุ่นของนาย
สวนนั้นแตกต่างจากหุ่นคณะอื่นๆตรงที่สามารถเคลื่อนไหวได้มากกว่า หัวหุ่นหมุนไปมาได้และมือ
เคลื่ อนไหวได้
วัดทุ่งเศรษฐี ตั้งอยู่ใน ตำบลพระลับ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น มี “มหาเจดีย์
รัตนะ” หรือ “มหาเจดีย์ศรีไตรโลกธาตุ” ได้ถูกสร้างโดยความริเริ่มของหลวงตาอ๋อย
หรือที่รู้จักกันในนาม “หลวงตาย่ามแดง” ท่านได้ชักชวนลูกหลานศิษยานุศิษย์ร่วมกัน
สร้างมหารัตนเจดีย์ฯแห่งนี้บนที่ดินแปลงหนึ่งของท่าน ความโดดเด่นของมหาเจดีย์ ที่
รูปแบบการก่อสร้างที่สะท้อนถึงความเชื่อต่างๆ เป็นการผสมผสานกันอย่างลงตัว
ระหว่างองค์เจดีย์สำคัญทั้งสามโลก คือ เจดีย์จุฬามณีบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ นคร
เจดีย์ในนาคพิภพ และมหารัตนเจดีย์ศรีไตรโลกธาตุบนโลกมนุษย์
วัดพระธาตุหนองแวง ตั้งอยู่ที่ถนนกลางเมือง ริมบึงแก่นนคร อำเภอเมือง ภายในวัดหนองแวง
เมืองเก่าซึ่งเป็นพระอารามหลวงมีพระมหาธาตุแก่นนครหรือ พระธาตุเก้าชั้นฐานสี่เหลี่ยมกว้างด้านละ
50 เมตร เรือนยอดทรงเจดีย์จำลองแบบจากพระธาตุขามแก่น จัดสร้างขึ้น เนื่องในวโรกาสที่ พระบาท
สมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดลยเดชทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี และมหามังคลานุสรณ์
200 ปี เมืองขอนแก่น ความสูงขององค์พระธาตุฯ 80 เมตร มีพระจุลธาตุ 4 องค์ ตั้งอยู่ 4 มุมและมี
กำแพงแก้วพญานาค 7 เศียรล้อมรอบ เป็นศิลปะสมัยทวาราวดี ผสมผสานศิลปะอินโดจีน ซึ่งเป็น
ลักษณะแบบชาวอีสาน ตากแห
วัดพระธาตุหนองแวงเปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 – 18.00 น.
ศาลหลักเมืองขอนแก่น เป็นที่ตั้งของหลักเมืองขอนแก่น ที่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่
บ้านคู่เมืองของจังหวัดขอนแก่นมาอย่างยาวนาน โดย เสาหลักเมืองนี้ เป็นเสมา
หินทรายสมัยทวารวดี ที่มีร่องรอยการลงรักปิดทองเป็นลวดลายไทย มีการผูกผ้า
พันรอบเสา ส่วนโคนเสาหลักเมืองนั้น จะก่อเป็นฐานปูนมีลายรูปดอกบัว ล้อมไป
ด้วยเครื่องสักการะต่าง ตัวศาลหลักเมืองขอนแก่น จะตั้งอยู่บนถนนศรีจันทร์
ใจกลางเมืองขอนแก่น สามารถเข้าไปเยี่ยมชมได้ทุกวัน
พิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นพิธี
ก่อนจัดงานเทศกาลไหมนานาชาติ
ประเพณีผูกเสี่ยวและงานกาชาดประจำปี
พร้อมรำบวงสรวง 10 สิ่งศักดิ์สิทธิ์
ฉลองครบรอบเมืองขอนแก่นในแต่ละปี
โดยจะจัดในพื้นที่รอบศาลหลักเมือง
ขอนแก่นและถนนรอบศาลหลักเมือง มี
นางรำกว่า 60,000 คน ร่วมรำ
บวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์
การแต่งกาย นายรำชายจะแต่งกายด้วยเสื้อเหลืองดอกคูน กางเกงดำ
คาดเอวด้วยผ้าขาวม้าหรือผ้าลายแคนแก่นคูน นางรำหญิง แต่งกายด้วย
เสื้อเหลืองดอกคูน ผ้าซิ่นลายมัดหมี่สีเข้ม หรือผ้าซิ่นลายแคนแก่นคูน
พาดสไบด้วยผ้าขาวม้า หรือผ้าสไบลายแคนแก่นคูน และสวมหน้ากากผ้าสี
เหลือง
เพื่อสืบสาน อนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมอันดีงามของจังหวัดขอนแก่นและ
ภาคอีสาน ได้แก่ประเพณีผูกเสี่ยว การแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านให้คง
อยู่ และเผยแพร่ไปยังคนรุ่นใหม่
ประเพณีผูกเสี่ยว เป็นประเพณีดั้งเดิมของกลุ่มวัฒนธรรมไท–ลาว โดยคำว่า “เสี่ยว“นั้ น ใน
ภาษาอีสานมีความหมายว่า “เพื่อนรัก หรือ เพื่อนตาย” ซึ่งการผูกเสี่ยว คือ การสัญญาที่จะเป็น
เพื่อนรักร่วมเป็นร่วมตายกัน โดยใช้ฝ้ายมงคลผูกข้อมือของแต่ละคนเพื่อให้เป็นสิริมงคลแก่ทั้งคู่
เพื่อการสืบสานอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมอันดีงามของจังหวัดขอนแก่นและภาคอีสาน จังหวัด
ขอนแก่นจึงได้ร่วมมือกับหน่ วยงานภาครัฐและเอกชน นำเอาประเพณีผูกเสี่ยวและงานไหมมาจัด
ร่วมกันจนเกิดเป็น “งานเทศกาลไหมนานาชาติ ประเพณีผูกเสี่ยวและงานกาชาดจังหวัดขอนแก่น
ประจำปี 2565” ซึ่งงานนี้ ได้จัดมาเป็นเวลานานกว่า 44 ปีแล้ว
หมู่บ้านเต่า ตั้งอยู่ที่บ้านกอก อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น
ห่างจะอำเภอเมืองประมาณ 50 กิโลเมตร เป็นหมู่บ้านที่มีเต่า
เพ็ก(เต่าเหลือง) ทั่วหมู่บ้าน หมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านเก่าแก่ ตั้งราว
พ.ศ. 1767 ชาวบ้านเชื่อว่าที่ตั้งของหมู่บ้านเป็นที่สถิตของเจ้าปู่
ฟ้าระงึมหรือเจ้าปู่มเหศักดิ์ ซึ่งมีเต่าเป็นสัตว์เลี้ยง คนในหมู่บ้าน
กับเต่าจึงอยู่ร่วมกันเสมอมา
เต่าเพ็ก(เต่าเหลืองหรือเต่าเทียน) เป็นเต่าบก
ชนิดหนึ่ง ไม่สามารถอยู่ในน้ำได้ ลักษณะกระดองจะมีสี
เหลืองแก่ ปนน้ำตาลอยู่เป็นจำนวนมาก บ้างก็จะอยู่
บริเวณใต้ถุนบ้าน เพื่อรออาหารจากชาวบ้าน บ้างก็เดิน
อยู่ตามถนน ภายในหมู่บ้านซึ่งจะหาดูได้ไม่ยากในช่วง
เช้าและกลางคืน ควรหลีกเลี่ยงการใช้รถยนต์ในหมู่บ้าน
หรือควรหลีกเลี่ยงการใช้รถยนต์ในหมู่บ้านหรือควร
ขับขี่ด้วยความระมัดระวังเพราะเต่าเหล่านี้จะเดินอยู่ตาม
ถนนทั่วไปในหมู่บ้าน
จากการสำรวจของชาวบ้านพบว่า เต่าในหมู่บ้านมีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปี ปัจจุบันมีอยู่ประมาณมากกว่า
2,000 ตัว ทำให้อาหารในบริเวณดอนเต่ามีไม่เพียงพอ เต่าจึงออกหากินตามหมู่บ้านใกล้เคียง โดยไม่มีใครกล้า
ทำอันตรายเต่าเหล่านี้ เนื่องจากมีเรื่องเล่าว่าเคยมีราษฎรจากที่อื่นมาจับเต่าไปต้มกิน ทำให้อาเจียนเป็นโลหิตและ
ตายในทันที ชาวบ้านจึงยึดถือเป็นประเพณีไม่ทำร้ายเต่า Blog ท่องเที่ยวจังหวัดขอนแก่นเรียนรู้ภูมิปัญญาท้อง
ถิ่นแบบยั่งยืนผ่านเส้นทางผ้า ที่กลุ่มหัตถกรรมคุ้มสุขโขสัมผัสวิถีชีวิตพื้นบ้านผ่านศิลปะแห่งความศรัทธา "ฮูป
แต้ม สิมอีสาน"
บ้านบัวเป้นชุมชนเก่าแก่อยู่ก่อนการตั้งอำเภอมัญจาคีรี ประมาณปี พ.ศ. ๒๓๗๔ พ่อใหญ่ขุน
ศรีวอ, พ่อใหญ่โคตรวงศ์, พ่อใหญ่โคตะ, พ่อใหญ่กุน และพ่อใหญ่แป ได้อพยพมาจากโนนบ้านเค้า(วัดป่า
มัญจาคีรีในปัจจุบัน) หนีโรคระบาดและการขาดแคลนน้ำมาตั้งบ้านอยู่ริมหนองสระบัว ซึ่งมีดอกบัวขึ้น
เต็มหนองสวยงามมากจึง ได้ตั้งชื่อบ้านว่า บ้านบัว พร้อมกันนั้นก็ได้สร้างวัดขึ้นโดยตั้งชื่อว่า วัดสระทอง
มีท่านพระครูเสาร์ สมโน เจ้าคณะแขวงกิตติมศักดิ์เป็นเจ้าคณะอำเภอองค์แรกของ อ.กุดเค้า (คือ
อ.มัญจาคีรีในปัจจุบัน)
ต่อมาทางราชการเห็นความเป็นปึกแผ่นของผู้คนในหมู่บ้าน จึงกำหนดให้เป็นหมู่ ๑ ต.กุดเค้า
โดยมีขุนพิสัยเป็นกำนันของตำบล นับว่าเป็นสิมแห่งแรกของดินแดนแถบนี้ การอพยพครั้งนั้นได้
อัญเชิญพระพุทธรูปหินทรายแดงมาด้วย เป็นพระพุทธรูปที่มีน้ำหนักมาก มีรูปแบบอีสานบริสุทธิ์
วันที่ ๗ มีนาคม พ.ศ.๒๕๔๖ สิมนี้ได้รับมอบรางวัลอาคารทรงคุณค่า (Award of Merit) ด้านการอนุรักษ์มรดก
ทางวัฒนธรรมแห่งเอเชียและแปซิฟิกจากองค์กรยูเนสโก
ร้านหม่ำอีสานแม่บัวเงินถือเป็นร้านของฝากชื่อดังในอำเภอชนบท จำหน่าย
ของฝากประเภท หม่ำเนื้อ หม่ำหมู ไส้กรอกเนื้อ ไส้กรอกหมู แหนมหมู เนื้อแดด
เดียว ถือเป็นของฝากและอาหารยอดฮิตของภาคอีสาน อีกทั้งเมื่อเดือนสิงหาคม
2565ที่ผ่านมา CNN ยกไส้กรอกอีสานติด 1 ใน 50 รายชื่ออาหารข้างทางที่ที่สุด
ในเอเชีย
ร้านแม่บัวเงิน (เจ้พา)อำเภอชนบท จังหวัดขอนแก่น
โทร : 081-5922005
หม่ำอีสานแม่บัวเงิน(เจ๊พา) อ.ชนบท
กลุ่มทอผ้าไหมมัดหมี่บ้านหัวฝาย เกิดจากการรวมกลุ่มของคนใน
หมู่บ้าน ที่มีความเชี่ยวชาญ และมีจิตสำนึกที่จะสืบสานภูมิปัญญาของ
บรรพบุรุษ จึงได้รวมตัวกันเป็นกลุ่มทอผ้าไหม มีความสามัคคีกันใน
กลุ่ม อีกทั้งวัตถุดิบต่างๆ ก็เป็นวัตถุดิบในท้องถิ่น ตั้งแต่การปลูก
หม่อนเลี้ยงไหม อีกทั้งยังคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในชุมชน
และทำให้คนในชุมชน มีอาชีพ มีรายได้ มีกิจกรรมร่วมกันส่งเสริม
ความสามัคคีในชุมชน ทำให้หมู่บ้าน หัวฝาย เป็นชุมชนที่เข้มแข็ง และ
เป็นหมู่บ้านต้นแบบในการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมครบวงจร เป็นศูนย์
เรียนรู้เรื่องการทอผ้าไหมสำหรับผู้สนใจได้ศึกษา
จุดเด่นผลิตภัณฑ์ ผ้าไหมที่ผลิตจากกลุ่มทอผ้าไหมบ้านหัวฝาย เป็นผ้าไหม
ที่มีคุณภาพ มีสีสัน ลวดลาย สวยงาม ประณีต มีความหลากหลาย ได้รับ
มาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชนและท้องถิ่น ( มผช.) มีการควบคุมคุณภาพการ
ผลิต สีไม่ตก และมีการพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่ต้องการของ
ตลาด และปรับลวดลายและสีสันให้ทันสมัยอยู่เสมอ และสามารถเข้าถึงกลุ่ม
เป้าหมายได้ทุกเพศทุกวัย ผลิตภัณฑ์ของกลุ่มทุกชิ้น ถักทอด้วยฝีมืออัน
ละเอียด ประณีต สวยงาม
มาตรฐานและรางวัลที่ได้รับ
- ผลการคัดสรร OTOP 4 ดาว ปี 2552
- มาตรฐาน มผช.เลขที่ 17(1 )/ 2556
- ผลการคัดสรร OTOP 5 ดาว ปี 2553
วัดไชยศรี เป็นวัดเก่าแก่มีโบสถ์ (ชาวอีสานเรียกสิม) ที่เก่าแก่มาก อายุกว่าร้อยปีเศษ โดยสิมนี้เดิมหลังคามุงด้วยแผ่นไม้ (เรียก
แป้นเกล็ด ทำด้วยไม้เป็นคล้ายกระเบื้องในปัจจุบัน) และมีเอกลักษณ์ คือ หลังคามีปีกยื่นทั้งสองข้างแบบสถาปัตยกรรม อีสาน
ดั้งเดิม แต่พอถึงปี พ.ศ. 2525 หลังคาได้ทรุดโทรมมาก หน้าฝนน้ำฝนรั่วลงภายในโบสถ์ ชาวบ้านจึงทำการรื้อและทำหลังคาใหม่
ด้วยความเข้าใจและความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ในสถาปัตยกรรมท้องถิ่นตน จึงทำหลังคา เป็นแบบสถาปัตยกรรมรัตนโกสินทร์ ซึ่งเป็น
ที่นิยมในสมัยนั้นมาก ส่วนฝาผนัง ทั้งด้านนอกและด้านใน ยังคงมีสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ โดยเฉพาะภาพจิตรกรรมฝาผนัง
(อีสานเรียก ฮูปแต้ม) ยังเห็นอย่าง เด่นชัดมาก แม้จะผ่านมากกว่าร้อยปีแล้วก็ตามที
จุดเด่นของสิมหรือโบสถ์หลังนี้ คือ รูปทรงที่เห็นครั้งแรกจะรู้สึกประทับใจ
ในทันที เพราะมีลักษณะมวลทึบ หนักแน่นบึกบึนมีเอกภาพในทรวดทรง ดู
เรียบง่าย แต่ทว่า สมบูรณ์ในตัวเอง บ่งบอกถึงวิถีชีวิตและอุปนิสัยของ
ผู้คนในอดีตของท้องถิ่นได้ชัดเจนที่สุด คือมีชีวิตเรียบง่าย อดทนต่อสู้บาก
บั่น หนักแน่นมั่นคง มีสัจจะและสมถะในการครองชีวิต นอกจากนี้ยังมี
สุนทรีรสที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใต้รูปทรงของสถาปัตยกรรมอันได้กลั่นกรอง
แล้ว จนกลายเป็นปฏิมากรรมขึ้นมาชิ้นหนึ่ง ซึ่งสามารถทำให้ผู้เข้าถึงได้
ชื่นชม(ออนซอน) เฉกเช่นศิลปะบริสุทธิ์ทั้งหลาย
กลุ่มทอผ้าขาวม้า บ้านทุ่งบ่อปัจจุบันมีสมาชิกทั้งหมด
10
คนจุดเด่นของผ้าขาวม้าบ้านทุ่งบ่อ สามารถแบ่ง
เป็นจุดเด่นใหญ่ๆ คือ 1.การอนุรักษ์ลายผ้าขาวม้า
ดั้งเดิมไว้ การทอมือโดยใช้กี่โบราณ 2.การพัฒนาลายผ้า
ขาวม้าให้สวยงามโดดเด่น สมัยใหม่มากขึ้น โดยการจับ
คู่สีใหม่ที่สวยงาม สามารถเข้าถึงวัยรุ่นได้มากขึ้น
นอกจากนั้นยังมีคำสั่งซื้อจากส่วนราชการภายนอก เช่น
คำสั่งซื้อจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งทางกลุ่มผ้า
ขาวม้าก็ได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
กิจกรรมเรียนรู้นักท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวจะ
ได้เรียนรู้และกระบวนการทอผ้าขาวม้า การย้อมสี
การสร้างลวดลายของผ้าขาวม้า การจับคู่สีของ
ผ้าขาวม้า รวมถึงการเรียนรู้แนวทางการพํมนา
ต่อยอดสินค้าของกลุ่ม นอกจากนี้นักท่องเที่ยว
สามารถซื้อสินค้า shopping ผ้าขาวม้าติดไม้
ติดมือเป็นของฝากกลับบ้านได้
ไก่ย่างเขาสวนกวางมีถิ่นกำเนิดที่ถนนสายรถไฟเขาสวนกวาง
จ. ขอนแก่น โดยในอดีตบรรดาพ่อค้าแม่ค้ามักจะนำไก่ย่างโดย
เป็นไก่พันธุ์พื้นเมืองไปขายบริเวณสถานีรถไฟ จนเรียกกัน
ติดปากว่า ‘ไก่ย่างเขาสวนกวาง’ ตามท้องถิ่นนั้นๆ แต่เมื่อยุค
สมัยเปลี่ยนการสัญจรมาอยู่บนถนนมากขึ้น ไก่ย่างเขาสวน
กวางจึงมาขายอยู่ริมถนนเพื่อให้ลูกค้าซื้อหาได้สะดวก
โดยเอกลักษณ์ของไก่ย่างเขาสวนกวางที่ทำให้ผู้คนติดใจใน
รสชาติและเนื้อสัมผัสที่แตกต่างจากไก่ย่างทั่วไป นายชาญวุฒิ
เผยว่า จะต้องใช้ไก่ไข่ตัวผู้ อายุ 55 วันเท่านั้น เพราะเนื้อไม่
เยอะจนเกินไป ไม่มัมมาก จะได้เนื้อไก่นุ่ม รสชาติหวานโดย
ธรรมชาติ
ข้อสังเกตที่ถือเป็นอีกเอกลักษณ์หนึ่งที่บ่งบอกถึงความเป็นไก่ย่างเขาสวนกวางคือจุดสังเกต 3 อย่าง
ได้แก่ 1. จะย่างไก่ทั้งตัวไม่แบ่งชิ้นส่วน 2. ใช้ไม้ไผ่เหลาสะอาด พร้อมตอก 3 เส้นรัดบริเวณตัวไก่ และ 3.
ใช้เตาอั้งโล่ กะละมังเคลือบขาว และตะแกรงสเตนเลสสำหรับย่างไก่เท่านั้น ซึ่งเป็นกรรมวิธีที่สืบทอดกัน
มาจากบรรพบุรุษ ทำให้ทุกวันนี้ไก่ย่างเขาสวนกวางได้ขึ้นเป็นสินค้าโอทอปที่โดดเด่นของ จ.ขอนแก่น
บ้านโคกสง่า ตำบลทรายมูล ชาวบ้านโคกสง่าแต่เดิมมีอาชีพขายยาสมุนไพรควบคู่กับการทำนามาแต่รุ่นปู่ย่าตายาย การขายยา
สมุนไพรในสมัยก่อนต้องเดินเท้าไปเร่ขายยาตามหมู่บ้านต่างๆ ด้วยความยากลำบาก แต่เมื่อปี พ.ศ. 2494 พ่อใหญ่เคน ยงลา หมอยา
บ้านโคกสง่าจึงได้คิดหางูเห่ามาแสดงเพื่อเป็นการดึงดูดคนมาดู แทนที่จะต้องเดินไปขายยาในทุกๆ หมู่บ้านเช่นเคย ปรากฏว่าการแสดง
ประสบความสำเร็จสามารถเรียกคนมาดูได้มากพอสมควร แต่เนื่องจากงูเห่านั้นมีอันตรายมากสามารถพ่นพิษได้ไกลถึง 2 เมตรพ่อใหญ่
จึงเปลี่ยนมาใช้งูจงอางแสดงแทนและถ่ายทอดวิชาแสดงงูให้คนในหมู่บ้าน เมื่อว่างเว้นจากการเกษตร ชาวบ้านจะรวมกลุ่มเดินทางออก
เร่แสดงงูเพื่อขายยาสมุนไพร ส่วนการแสดงที่หมู่บ้านนั้นจะจัดขึ้นบริเวณลานวัดศรีธรรมา และรอบๆ บริเวณก็จะมีการจัดนิทรรศการ
เกี่ยวกับงูจงอาง รวมทั้งมีโรงเรือนเพาะเลี้ยงงูจงอางอยู่ด้วย
ปัจจุบันการแสดงงูจงอางบ้านโคกสง่าเป็นที่รู้จักกันแพร่หลายมาก ชาว
บ้านเกือบทุกหลังคาเรือนจะเลี้ยงงูจงอางไว้ใต้ถุนบ้าน มีการจัดแสดง
หลายรูปแบบเพื่อดึงดูดให้คนสนใจยิ่งขึ้น เช่นการแสดงละครงูตาม
จังหวะเพลง การชกมวยระหว่างคนกับงูจงอางจนชาวบ้านที่มีชื่อเสียง
ทางการแสดงงูมีฉายาประจำ เช่น กระหร่องน้อย เมืองอีสาน, ทองคำ
ลูกทองชัย ฯลฯ
การจัดแสดงงู มีการจัดแสดงงูของชมรมผู้เลี้ยงงูจงอางแห่งประเทศไทย และมีงูสายพันธุ์ต่าง ๆ เลี้ยงไว้ใน
กรงพร้อมป้ายนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับงู เปิดการแสดงทุกวันระหว่างเวลา 8.00 -17.00 น. นอกจากที่
วัดศรีธรรมาแล้ว ตามเส้นทางก่อนถึงวัดศรีธรรมายังมีการจัดแสดงงูของชาวบ้านในพื้นที่ให้ชมอีกด้วย ค่า
เข้าชมแล้วแต่บริจาคตามจิตศรัทธา
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ศูนย์ศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยขอนแก่น
พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา อพ.สธ. - มหาวิทยาลัยขอนแก่น