ความหมายของสมรรถภาพทางกาย
สมรรถภาพทางกาย (Physical fitness) เป็นความสามารถของร่างกายในการประกอบ
กิจวัตรประจาวันได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว มีประสิทธิภาพ สามารถฟื้นตัวกลับสู่สภาพปกติได้อย่างรวดเร็ว
สามารถดารงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างปกติสุข ปราศจากโรคภัยท่ีเกิดจากการไม่ออกกาลังกาย
(ถนอมวงศ์ กฤษณ์เพ็ชร์ และ กุลธิดาเชิงฉลาด. 2544) หรือเป็นสภาวะของร่างกายท่ีดี ช่วยให้บุคคลสามารถ
ทางานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงของปัญหาสุขภาพ ท่ีมีสาเหตุจากการขาดการออกกาลังกาย
บุคคลที่มีสมรรถภาพทางกายดี จะสามารถปฏิบัติภารกิจต่างๆ ในชีวิตประจาวัน การออกกาลังกาย
การเลน่ กฬี าไดเ้ ปน็ อยา่ งดี ซ่ึงมีความสาคัญและจาเป็นท่ีจะต้องทดสอบสมรรถภาพทางกายก่อนออกกาลังกาย
ดังน้ี (สพุ ิตร สมาหิโต. 2541)
1. เพอื่ ให้ทราบขอ้ มลู สมรรถภาพทางกายของแต่ละบคุ คล
2. เพือ่ นาข้อมลู ไปจัดโปรแกรมการออกกาลงั กายท่ีถูกต้องและเหมาะสม
3. เพื่อใหข้ ้อเสนอแนะความร้ทู ่เี ปน็ ประโยชนแ์ กผ่ ูท้ ดสอบนาไปปฏบิ ตั ิ
4. เพอ่ื หาวิธกี ารปรับปรุงข้อบกพร่องของสมรรถภาพทางกาย
5. เพื่อสง่ เสรมิ การออกกาลงั กายใหเ้ กดิ การพัฒนาสมรรถภาพทางกายได้อยา่ งสูงสุด
6. เพื่อเป็นแรงกระตุ้นและจงู ใจให้กบั ผู้ทดสอบไปพัฒนาสมรรถภาพทางกายให้ดียิ่งขึ้น
ดังน้ัน หากต้องการทราบว่าสมรรถภาพทางกายอยู่ในระดับใด จึงต้องทาการทดสอบสมรรถภาพ
ทางกาย เพอ่ื จะไดท้ ราบถงึ ความสามารถของรา่ งกายในแต่ละด้าน สามารถเลือกกจิ กรรมการออกกาลงั กายให้
เหมาะสมกับสภาพรา่ งกาย ทาให้การพฒั นาสมรรถภาพทางกายมีประสทิ ธิภาพสูงสุด สามารถนาไปใชใ้ นการ
ตรวจสอบความสามารถทางร่างกายของตนเองว่า ความสมบูรณ์แข็งแรงของร่างกาย ความสามารถทางกลไก
การเคล่ือนไหว และการทางานของระบบต่างๆ ของร่างกายอยู่ในระดับใด ซึ่งจะเป็นแนวทางที่จะนาไปใช้ใน
การปรับปรุงแก้ไข และสร้างเสริมความสมบูรณ์แข็งแรงให้กับร่างกาย ส่งผลให้บุคคลสามารถดารงชีวิตและ
ประกอบภารกิจในชีวิตประจาวันได้เป็นอย่างดีและมีประสิทธิภาพต่อไป (สานักงานพัฒนาการกีฬาและ
นนั ทนาการ.2550)
สมรรถภาพทางกาย สามารถแบ่งลักษณะของสมรรถภาพทางกายได้เปน็ 2 ลักษณะ ดงั นี้
1. สมรรถภาพทางกายท่สี มั พนั ธ์กับสขุ ภาพ (health-related physical fitness)
สมรรถภาพทางกายท่ีสัมพันธ์กับสุขภาพ หมายถึง สมรรถภาพทางกายท่ีเก่ียวข้องกับการพัฒนา
สุขภาพและเพ่ิมความสามารถในการทางานของร่างกายซ่ึงจะมีส่วนช่วยในการลดปัจจัยเส่ียงในการเกิดโรค
ต่างๆ เป็นการศึกษาหาข้อมูลของผู้ที่จะออกกาลังกายว่าปัจจุบันมีสมรรถภาพทางกายท่ีเกี่ยวข้องกับสุขภาพ
เป็นอย่างไร เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานสมรรถภาพทางกาย เป็นการพิจารณาข้อมูลเพื่อใช้ในการ
จั ด โ ป ร แ ก ร ม ก า ร อ อ ก ก า ลั ง ก า ย ใ ห้ ถู ก ต้ อ ง แ ล ะ ค ร อ บ ค ลุ ม อ ง ค์ ป ร ะ ก อ บ ข อ ง ส ม ร ร ถ ภ า พ ท า ง ก า ย
เป็นการเก็บข้อมูลพ้ืนฐานและติดตามความก้าวหน้าของการออกกาลังกาย และเป็นการสร้างแรงจูงใจ
ให้ผู้ออกกาลังกาย ให้ถึงเป้าหมายของการออกกาลังกาย ซึ่งสมรรถภาพทางกายท่ีสัมพันธ์กับสุขภาพ
(สุพติ ร, 2549) มอี งคป์ ระกอบ 5 ด้าน ดงั นี้
1. ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ (muscle strength) เป็นความสามารถของกล้ามเน้ือหรือกลุ่ม
กล้ามเนอ้ื ทอ่ี อกแรงด้วยความพยายามในครงั้ หนงึ่ ๆเพ่อื ตา้ นกับแรงต้านทาน ความแข็งแรงของกล้ามเน้ือจะทา
ให้เกิดความตึงตัว เพื่อใช้แรงในการดึงหรือยกของต่างๆ ความแข็งแรงของกล้ามเน้ือจะช่วยทาให้ร่างกายทรง
ตัวเป็นรูปร่างข้ึนมาได้หรือท่ีเรียกว่าความแข็งแรงเพื่อรักษาทรวดทรงซึ่งจะเป็นความสามารถของกล้ามเน้ือที่
ชว่ ยใหร้ า่ งกายทรงตวั ต้านกบั แรงโน้มถว่ งของโลกให้อย่ไู ดโ้ ดยไม่ลม้ เปน็ ความแข็งแรงของกล้ามเน้ือท่ีใช้ในการ
เคลื่อนไหวข้ันพื้นฐาน เช่น การว่ิง การกระโดด การเขย่ง การกระโจน การกระโดดขาเดียว การกระโดดสลับ
เท้า เป็นต้น ความแข็งแรงอีกชนิดหนึ่งของกล้ามเนื้อเรียกว่าความแข็งแรง เพ่ือเคล่ือนไหวในมุมต่างๆ ได้แก่
การเคล่ือนไหวแขนและขาในมุมต่างๆ เพ่ือเล่นเกมกีฬา การออกกาลังกาย หรือการเคลื่อนไหว
ในชีวิตประจาวัน เป็นต้น ความแข็งแรงของกล้ามเน้ือในการเกร็งเป็นความสามารถของร่างกาย หรือส่วนใด
ส่วนหน่งึ ของร่างกายในการตา้ นทานแรงท่มี ากระทาจากภายนอกไดโ้ ดยไมล่ ้มหรือสญู เสยี การทรงตวั ไป
2. ความอดทนของกล้ามเนื้อ (muscle endurance) เป็นความสามารถของกล้ามเน้ือที่จะรักษา
ระดับการใช้แรงปานกลางได้เป็นเวลานาน โดยการออกแรงที่ทาให้วัตถุเคลื่อนที่ได้ติดต่อกันเป็นเวลานานๆ
หรือหลายครั้งติดต่อกัน ความอดทนของกล้ามเน้ือสามารถเพิ่มมากขึ้นได้โดยการเพิ่มจานวนคร้ังในการปฏิบัติ
กิจกรรม ซง่ึ ขึน้ อย่กู ับปัจจัยเช่น อายุเพศระดบั สมรรถภาพทางกาย และชนิดของการออกกาลงั กาย
3. ความอ่อนตัว (flexibility) เป็นความสามารถของข้อต่อต่างๆของร่างกายที่เคล่ือนไหวได้เต็มช่วง
ของการเคลื่อนไหว การพัฒนาด้านความอ่อนตัวทาได้โดยการยืดเหยียดกล้ามเนื้อและเอ็นหรือการใช้แรง
ต้านทานในกล้ามเนื้อและเอ็นให้ต้องทางานมากข้ึนการยืดเหยียดของกล้ามเนื้อทาได้ทั้งแบบอยู่กับท่ีหรือแบบ
ทม่ี ีการเคลอ่ื นไหวเพื่อใหไ้ ดป้ ระโยชน์สูงสุดควรใชก้ ารยดื เหยยี ดของกล้ามเนอื้ ในลักษณะอยู่กับท่ี นั่นคืออวัยวะ
ส่วนแขนและขาหรือลาตัวจะต้องเหยียดจนกว่ากล้ามเน้ือจะรู้สึกตึงและอยู่ในท่าเหยียดกล้ามเน้ือในลักษณะน้ี
ประมาณ 10 - 15 วนิ าที
4. ความอดทนของระบบหวั ใจและไหลเวียนเลือด (cardiovascular endurance) เป็นความสามารถ
ของหัวใจและหลอดเลอื ดทีจ่ ะลาเลียงออกซิเจนและสารอาหารตา่ งๆไปยังกล้ามเน้ือที่ใช้ในการออกแรงในขณะ
ทางาน ทาให้ร่างกายทางานได้เป็นระยะเวลานาน และขณะเดียวกันก็นาสารท่ีไม่ต้องการ ซึ่งเกิดข้ึนภายหลัง
การทางานของกล้ามเนื้อออกจากกล้ามเน้ือที่ใช้งานในการพัฒนาหรือเสริมสร้างสมรรถภาพด้านน้ีจะต้องให้มี
การเคลือ่ นไหวร่างกายโดยใช้ระยะเวลาตดิ ต่อกันประมาณ 10 - 15 นาทีขน้ึ ไป
5. องค์ประกอบของร่างกาย (body composition) หมายถึงส่วนต่างๆ ท่ีประกอบขึ้นเป็นน้าหนักตัว
ของร่างกายโดยแบ่งออกเป็น 2ส่วน คือส่วนที่เป็นไขมัน (fat mass)และส่วนที่ปราศจากไขมัน (fat-free
mass) เช่น กระดูกกล้ามเน้ือและแร่ธาตุต่างๆในร่างกายโดยทั่วไปองค์ประกอบของร่างกายจะเป็นดัชนี
ประมาณคา่ ทท่ี าให้ทราบถึงรอ้ ยละของน้าหนักที่เป็นส่วนของไขมันท่ีมีอยู่ในร่างกายซึ่งอาจจะหาคาตอบที่เป็น
สัดส่วนกันได้ระหว่างไขมันในร่างกายกับน้าหนักของส่วนอื่นๆ ที่เป็นองค์ประกอบ เช่น ส่วนของกระดูก
กล้ามเน้ือและอวยั วะตา่ งๆ การรักษาองค์ประกอบของร่างกายให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมจะช่วยลดโอกาสเสี่ยง
ต่อการเกิดโรคอ้วนซึ่งโรคอ้วนจะเป็นจุดเร่ิมต้นของการเป็นโรคที่เสี่ยงต่ออันตรายต่อไปอีกมากเช่น โรคหลอด
เลอื ดหวั ใจตีบ หวั ใจวาย และโรคเบาหวาน เปน็ ต้น
2. สมรรถภาพทางกายทีส่ ัมพนั ธ์กับทักษะ (skill-related physical fitness)
สมรรถภาพทางกายที่สัมพันธ์กับทักษะ (skill-related physicalfitness) เป็นสมรรถภาพทางกาย
ท่ีเก่ียวข้องในการสนับสนุนให้เกิดระดับความสามารถและทักษะในการแสดงออกของการเคล่ือนไหวและการ
เล่นกีฬามีประสิทธิภาพมากขึ้น ซ่ึงนอกจากจะประกอบด้วยสมรรถภาพทางกายที่สัมพันธ์กับสุขภาพ ได้แก่
ความแข็งแรงของกล้ามเน้ือความอดทนของกล้ามเนื้อความอ่อนตัวความอดทนของระบบหัว ใจและไหลเวียน
เลอื ดและองคป์ ระกอบของร่างกายแลว้ ยงั ประกอบด้วยสมรรถภาพทางกายในดา้ นต่อไปนี้คอื (สุพิตร, 2549)
2.1 ความคล่องแคล่วว่องไว (Agility) เป็นความสามารถในการเปล่ียนตาแหน่งของร่างกายด้วย
ความเร็วและความแมน่ ยา เป็นความสามารถของรา่ งกายท่จี ะเคล่ือนท่ีเปลี่ยนทิศทางด้วยความรวดเร็วใช้เวลา
น้อยทีส่ ุด โดยการวัดความเร็วหรือวดั เวลาทเ่ี คลอ่ื นท่ใี นระยะทางทก่ี าหนด
2.2 การประสานสัมพันธ์ (Coordination) เป็นความสามารถในการใช้ประสานสัมพันธ์ต่าง ๆ
เช่น สายตา การได้ยินร่วมกันการเคลื่อนไหวของร่างกาย อย่างราบเรียบและแม่นยา เป็นความสามารถของ
ร่างกายในการทางานประสานสัมพันธ์ ทางานเชื่อมโยงกันอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการวัดความเร็วหรือวัด
เวลาที่ระบบประสาทและกลา้ มเนอื้ ทางานร่วมกันในเวลาท่ีกาหนด
2.3 การทรงตัว (Balance) เป็นการรักษาความสมดุล ในขณะอยู่กับที่หรือเคลื่อนท่ีเป็นความสามารถ
ของร่างกายในการทาให้รา่ งกายทรงตัวหรอื อยู่ในสภาพสมดลุ ไดอ้ ย่างมีประสทิ ธิภาพ โดยการวัดเวลาท่ีร่างกาย
สามารถทรงตวั อย่ไู ด้
2.4 พลัง (Power) ความสามารถหรืออัตราที่สามารถทางานได้อย่างเต็มที่ เป็นความสามารถของ
กล้ามเนอื้ ทจ่ี ะออกแรงต้านทานน้าหนักภายนอกหรือให้ร่างกายเคล่ือนท่ีได้ทั้งเร็วและแรงมากที่สุด โดยการวัด
การกระโดดในแนวดึง การวัดการกระโดดในแนวราบ
2.5 เวลาปฏิกิริยา (Reaction time) เป็นเวลาที่ผ่านไประหว่างการกระตุ้น และการเร่ิมต้นปฏิกิริยา
ต่อสิ่งนั้น เวลาปฏิกิริยา เป็นระยะเวลาท่ีเร็วท่ีสุดท่ีร่างกายเร่ิมมีการตอบสนองหลังจากที่ได้รับการกระตุ้นซึ่ง
เป็นความสามารถของระบบประสาท เมื่อรับรู้การถูกกระตุ้นแล้วสามารถส่ังการให้อวัยวะที่เคล่ือนไหวมีการ
ตอบสนองอย่างรวดเรว็
2.6 ความเร็ว (Speed) เป็นความสามารถแสดงการเคลื่อนไหวโดยใช้เวลาสั้นที่สุดเป็นความสามารถ
ของร่างกายทจ่ี ะเคลอ่ื นทีจ่ ากจุดหนงึ่ ไปยงั อีกจดุ หนง่ึ ได้อยา่ งรวดเร็ว ใช้เวลาน้อยท่สี ดุ โดยการวัดความเร็วหรือ
วดั เวลาท่ีเคลือ่ นที่ในระยะทางที่
ดัชนมี วลกาย
(Body Mass Index: BMI)
วตั ถปุ ระสงค์ : เพอื่ ประเมนิ ความเหมาะสมระหว่างนา้ หนกั ตวั กับส่วนสงู ของรา่ งกาย
อุปกรณ์ : เครอ่ื งชัง่ น้าหนักและทีว่ ดั สว่ นสูง
วิธที ดสอบ : 1. ใหผ้ ู้รับการทดสอบถอดรองเท้า
2. ท้าการชง่ั นา้ หนัก โดยนา้ หนักมีหนว่ ยเปน็ กิโลกรมั (กก.)
3. ท้าการวัดส่วนสงู มีหนว่ ยเปน็ เซนตเิ มตร (โปรแกรมจะแปลงหนว่ ยเป็นเมตรยกกาลังสอง
หรอื ตารางเมตร)
4. นาขอ้ มูลทีว่ ดั ได้ คานวณหาดัชนมี วลกายจากสตู ร
ดัชนีมวลกาย = น้าหนัก (กิโลกรมั ) / ความสูง (เมตร)2
ภาพประกอบ การช่ังน้าหนกั และ การวัดส่วนสงู
การทดสอบนง่ั งอตัว
(Sit and Reach Test)
วัตถุประสงค์ : เพ่อื วดั ความอ่อนตวั ของหลงั ส่วนล่างและตน้ ขาด้านหลงั
อปุ กรณ์ : ไม้บรรทัดหรือสายวัดยาวไมน่ ้อยกว่า 25 น้ิว วางทาบกับพื้น
วธิ ที ดสอบ : 1. วางไมบ้ รรทัดทาบกบั พ้ืน
2. ใหผ้ ู้รบั การทดสอบ ยืดเหยียดกล้ามเนื้อบริเวณหลัง ตน้ ขา สะโพก ไหล่
3. ใหผ้ ูร้ บั การทดสอบ นั่งพ้ืนเหยยี ดขาตรง ใหส้ ้นเทา้ ทั้งสองขา้ งอยตู่ รงจดุ 15 นิ้ว
(นับจากตวั ผรู้ บั การทดสอบออกไป)
4. แยกเท้าท้ังสองขา้ งออกหา่ งกันพอสมควร ห่างประมาณ 5 น้ิว เหยียดแขนตรง
ฝา่ มือชิดกนั โดยให้ปลายน้ิวทงั้ สองข้างแตะพ้ืน
5. ใหผ้ รู้ ับการทดสอบ ค่อย ๆ กม้ ตัวลง เหยียดมือออกไป ข้างหน้าตามแนวไมบ้ รรทัด
พยายามเหยยี ดให้ไกลที่สดุ โดยเขา่ ไม่ยอ เหยยี ดค้างไว้ประมาณ 2 วินาทีและบนั ทกึ
ค่าเปน็ นิ้ว (ถ้าปลายนิ้วเหยียดไม่ถึงสน้ เท้า ค่าจะนอ้ ยกว่า 15 น้ิว)
ภาพประกอบ การทดสอบน่ังงอตัว
การทดสอบนอนยกตัว 1 นาที
(1 Minute Abdominal Curls Test)
วัตถปุ ระสงค์ : เพื่อทดสอบความแข็งแรงและอดทนของกล้ามเน้ือท้อง
อุปกรณ์ : นาฬกิ าจบั เวลา เบาะรอง และ เทปกาวสาหรบั กาหนดระยะ
วธิ ที ดสอบ : 1. ใหผ้ รู้ ับการทดสอบนอนหงายกบั พื้น ชนั เขา่ ต้ังขนึ้ สน้ เท้าทั้งสองหา่ งจากกน้
ประมาณ 12 นิ้ว
2. ใหผ้ ูร้ บั การทดสอบเหยียดแขนราบพ้ืน ให้ปลายน้ิวทง้ั สองวางชดิ พ้ืน ช้ี ไปทางปลายเทา้
3. จากน้ันใหย้ กศีรษะและไหล่ข้ึนพร้อมกบั เลื่อนปลายนิ้วมือไประยะทาง 3 นิ้ว
ซง่ึ จะมีแถบแสดงระยะกากบั จากนนั้ ผ่อนแรงให้ศีรษะและไหล่ลงพื้น แลว้ ยกขึ้นใหม่
4. ปฏิบตั กิ ารทดสอบอยา่ งถูกตอ้ งและต่อเน่ืองใหไ้ ด้จานวนครั้งมากทส่ี ดุ ในเวลา 1 นาที
โดยให้บันทึกเป็นจานวนคร้ังต่อนาที
ภาพประกอบ การทดสอบนอนยกตัว
การทดสอบความเร็ว
(Speed)
วตั ถุประสงค์ : เพื่อวัดความเรว็ 50 เมตร
อปุ กรณ์ : นาฬกิ าจบั เวลาอา่ นละเอียด 1/100 วินาที ทางวงิ่ เรียบ 50 เมตร มเี สน้ เรม่ิ และเส้นชัย
วิธที ดสอบ : เม่ือผู้ปล่อยตัวให้สัญญาณ "เข้าที่" ให้ผู้รับการทดสอบยืนให้ปลายเท้าข้างใดข้างหนึ่ง
อยู่ชิดเส้นเริ่ม เม่ือพร้อมแล้วให้สัญญาณปล่อยตัวผู้รับการทดสอบออกวิ่งเต็มท่ี
จนผ่านเสน้ ชัย ใหป้ ระลอง 2 คร้งั ใชค้ ร้ังทเ่ี วลาดีที่สุด
ภาพประกอบ การทดสอบความเร็ว
ยนื กระโดดไกล
(Standing broad jump)
วัตถุประสงค์ : เพือ่ ทดสอบความแข็งแรงและกาลงั ของกล้ามเนอ้ื ขาและสะโพก
อปุ กรณ์ : แผน่ ยางกระโดดไกล ปูนขาว
วธิ ที ดสอบ : 1. ใหผ้ รู้ บั การทดสอบเหยียบผงปูนขาวด้วยส้นเท้า
2. ยืนปลายเทา้ ท้ังสองชดิ ดา้ นหลังของเส้นเรมิ่ บนแผ่นยางเหวี่ยงแขนไปข้างหน้า
อยา่ งแรงพร้อมกบั กระโดดดว้ ยเทา้ ท้ังสองขา้ งไปขา้ งหนา้ ให้ไกลทีส่ ดุ
3. อ่านระยะทางจากขดี บอกระยะกรณผี ู้รับการทดสอบเสียหลกั หงายหลงั ก้นหรอื
มอื แตะพ้ืนให้ประลองใหม่
ภาพประกอบ การยนื กระโดดไกล
วิ่งอ้อมหลกั
(Zigzag run)
วตั ถปุ ระสงค์ : เพอ่ื ประเมินความแคลว่ คลอ่ งวอ่ งไวและความสามารถในการทรงตวั แบบเคล่ือนท่ี
อปุ กรณ์ : หลกั สงู 100 เซนติเมตร จานวน 6 หลัก เทปวัดระยะทาง นาฬิกาจบั เวลา 1/100 วินาที
การเตรียมสถานทีใ่ นการทดสอบ :
ก่อนการทดสอบ ผู้ทดสอบจะตอ้ งเตรียมสถานที่ ดังนจี้ ากเส้นเรมิ่ วัดระยะทางในแนวตรง
หา่ งขึ้นไปเปน็ ระยะทาง 5 เมตร จะเปน็ จุดในการวางหลักท่ี 1 จากหลักท่ี 1 ในแนวเสน้ เดียวกัน วดั ระยะทาง
หา่ งจากหลกั ที่ 1 มา 4 เมตร จะเปน็ จุดในการวางหลักท่ี 3 และเชน่ เดียวกัน จากหลกั ที่ 3 วัดระยะทางห่างมา
อกี 4 เมตร จะเป็นจดุ วางหลักท่ี 5 จากหลักท่ี 1, 3 และ 5 ทามุม 45 องศา ไปด้านหน้า จะเป็นตาแหน่งใน
การวางหลกั ท่ี 2, 4 และ 6 ซึง่ ในแต่ละหลกั นั้นจะมรี ะยะทางห่างกันจุดละ 4 เมตรเชน่ เดียวกัน และหลักใน
แถวทีส่ องจะหา่ งจากแถวท่ีหนงึ่ เป็นระยะทางในแนวต้ังฉาก จดุ ละ 2 เมตร ดงั ภาพ
วิธีทดสอบ : ใหผ้ รู้ ับการทดสอบยนื อยูห่ ลังเส้นเรมิ่ เมอื่ ไดร้ ับสญั ญาณ “เรม่ิ ” ผรู้ ับการทดสอบจะวงิ่
ตรงไปอ้อมซา้ ยใน หลักที่ 1 แลว้ ไปอ้อมขวาในหลักที่ 2 ตอ่ ไปจะอ้อมซ้ายในหลักที่ 3
อ้อมขวาในหลกั ที่ 4 อ้อมซา้ ยในหลักท่ี 5 และอ้อมขวาในหลกั ที่ 6 ต่อจากนน้ั กจ็ ะวิง่
กลับมาอ้อมขวาในหลักท่ี 5 อ้อมซา้ ยในหลักท่ี 4 อ้อมขวาในหลกั ที่ 3 อ้อมซา้ ยในหลกั ท่ี 2
และอ้อมขวาในหลักที่ 1 แลว้ วงิ่ ผา่ นเสน้ เรม่ิ ไปอยา่ งรวดเร็ว
ภาพประกอบ การวิ่งอ้อมหลัก
เกณฑม์ าตรฐานสมรรถภาพทางกาย
รายการ ดีมาก ดี ปานกลาง ตา่ ต่ามาก
นง่ั งอตวั (ชม.) 28 ขึ้นไป เพศหญิง 14 - 9 8 ลงมา
นอนยกตวั 1 นาที 47 ขนึ้ ไป 28 - 20 19 ลงมา
วิ่ง 50 เมตร (วินาที) 8.87 ลงมา 27 - 22 21 - 15 10.83 – 11.46 11.47 ขึน้ ไป
ยืนกระโดดไกล (ซม.) 246 ขึน้ ไป 126 - 165 125 ลงมา
วิ่งออ้ มหลัก (วนิ าที) 17.45 ลงมา 46 – 38 37 - 29 19.72 - 20.84 20.85 ข้นึ ไป
นง่ั งอตวั (ซม.) 26 ขึน้ ไป 8.88 – 9.52 9.53 – 10.82 13 - 8 7 ลงมา
นอนยกตวั 1 นาที 50 ขน้ึ ไป 31 - 22 21 ลงมา
วง่ิ 50 เมตร (วนิ าที) 7.10 ลงมา 206 - 245 166 - 205 8.73 – 9.25 9.26 ขึ้นไป
ยืนกระโดดไกล (ซม.) 189 ขน้ึ ไป 105-132 104 ลงมา
ว่ิงอ้อมหลัก (วินาท)ี 19.75 ลงมา 17.46 - 18.58 18.59 - 19.71 22.96-24.55 24.56 ขึน้ ไป
เพศชาย
25 - 20 19 - 14
49 - 41 40 - 32
7.11 – 7.64 7.65 – 8.72
161-188 133-160
19.76-21.35 21.36-22.95
สานักวิทยาศาสตร์การกีฬา กรมพลศกึ ษา กระทรวงการทอ่ งเท่ียวและกฬี า