The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

อินดิเคเตอร์จากพืช

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by , 2021-10-22 01:17:01

อินดิเคเตอร์จากพืช

อินดิเคเตอร์จากพืช

รายงาน
เร่ือง อินดิเคเตอรจ์ ากพืช

จัดทาโดย
นายศรญั สดุ ใหญ่
รหสั นักศึกษา 621507119
สาขาวทิ ยาศาสตรท์ ัว่ ไป (ชนั้ ปีท่ี 3)

เสนอ
อาจารย์ ดุษฎพี ร หิรัญ

รายงานเลม่ นเี้ ป็นสว่ นหนงึ่ ของรายวชิ า การปฏิบตั ิการวทิ ยาศาสตรใ์ นโรงเรยี น
ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา2564
มหาวทิ ยาลัยราชภัฏชยั ภมู ิ



คานา

รายงานเล่มนี้จดั ทาขึน้ เพ่ือเปน็ สว่ นหนง่ึ ของรายวชิ า การปฏบิ ัติการวิทยาศาสตรใ์ นโรงเรยี น
(5072902) โดยจุดประสงค์เพื่อการศึกษาความรเู้ พ่ิมเติมเรื่อง อนิ ดิเคเตอรจ์ ากพืช ซึ่งในรายงานเล่มนี้มีเนอ้ื หา
เก่ียวกับอนิ ดเิ คเตอร์ สมบตั ขิ องอินดิเคเตอร์ ประเภทของอนิ ดิเคเตอร์ อินดเิ คเตอร์ท่พี บในธรรมชาติ
การเปลย่ี นสขี องอนิ ดิเคเตอรแ์ ละประโยชนข์ องอนิ ดเิ คเตอร์ โดยได้ทาการศกึ ษาคน้ ควา้ และรวบรวมไวแ้ ล้ว

ผจู้ ัดทารายงานเลม่ นี้ก็หวงั อย่างยิง่ ว่ารายงานเลม่ นจ้ี ะมีประโยชนแ์ ละใหค้ วามร้ตู ่อผู้อน่ื ได้ หากผู้ใด
สนใจสามารถศึกษาเรียนรไู้ ด้เพือ่ ให้เป็นประโยชน์ตวั ของท่านเอง และสุดท้ายนห้ี ากรายรายเล่มนมี้ ีขอ้ ผิดพลาด
ประการใด ต้องขออภยั มา ณ ทีน่ ี้ดว้ ย

ผู้จดั ทา
นายศรญั สดุ ใหญ่
นกั ศึกษาช้นั ปีท่ี 3



สารบัญ

เรอื่ ง อนิ ดิเคเตอร์จากพชื หนา้

คานา............................................................................................................................................................ ก

สารบญั ……………………………………………………………………………………………………………………………………….. ข

อินดิเคเตอร์ คอื อะไร………………………………………………………………………………………………………... 1

สมบตั ของอินดิเคเตอร์………………………………………………………………………………………………………. 4

ประเภทของอนิ ดเิ คเตอร์…………………………………………………………………………………………………… 5

อนิ ดิเคเตอรท์ ี่พบในธรรมชาติ…………………………………………………………………………………………….. 5

การเปล่ยี นสขี องอินดเิ คเตอร์……………………………………………………………………………………………… 9

ประโยชน์ของอินดเิ คเตอร์…………………………………………………………………………………………………. 10

อา้ งอิง…………………………………………………………………………………………………………………………………………. 11

1

อินดเิ คเตอร์ (Indicator) คอื อะไร

อินดิเคเตอร์ (Indicator) คอื สารท่ีใช้บอกความเป็นกรด-เบส ของสารละลายได้อย่างหนึง่
สารประกอบทเ่ี ปลยี่ นสีไดท้ ี่ pH เฉพาะตวั จะถกู นามาใชเ้ ป็นอนิ ดิเคเตอรไ์ ด้ เชน่ ฟีนอลฟ์ ทาลีน จะไมม่ ีสเี มอ่ื
อยูใ่ นสารละลายกรด และจะเปล่ยี นเปน็ สชี มพู เมื่ออยใู่ นสารละลายเบสทีม่ ี pH 8.3 ซ่งึ สีของอินดเิ คเตอรแ์ ต่
ละชนดิ จะเปล่ียนในช่วง pH ทต่ี ่างกัน ซ่งึ แสดงไดด้ งั ภาพ

ภาพ คา่ pH ของอินดิเคเตอร์แต่ละชนิด

ภาพ ค่า ph ค่า pH บอกคา่ ความเป็นกรด-กลาง-ดา่ ง

2

การหา pH ของสารละลายโดยใชอ้ นิ ดเิ คเตอรห์ ลาย ๆ ชนดิ น้ี ไม่สะดวกในการใช้จึงมีการคิดท่จี ะนา
อินดเิ คเตอร์หลาย ๆ ชนดิ ซงึ่ เปล่ียนสใี นชว่ ง pH ต่าง ๆ กันมาผสมกันในสัดส่วนท่เี หมาะสม จะสามารถใช้
บอกค่า pH ของสารละลายได้ละเอียดขนึ้ อนิ ดเิ คเตอรผ์ สมน้เี รยี กว่า ยูนิเวอรซ์ ลั อนิ ดิเคเตอร์ ซงึ่ สามารถ
เปลีย่ นสไี ดใ้ นสารละลายท่ีมี pH ต่าง ๆ กันเกือบทกุ คา่

การใชย้ ูนิเวอรซ์ ัลอนิ ดเิ คเตอร์หยดยนู ิเวอรซ์ ลั อินดิเคเตอร์ลงในสารละลายที่ต้องการหาคา่ pH
ประมาณ 3 หยดต่อสารละลาย 3 cm3 สังเกตสขี องสารละลายแลว้ เปรยี บเทยี บกับสมี าตรฐานของยนู เิ วอรซ์ ลั
อินดเิ คเตอร์ท่ี pH ต่าง ๆ วา่ สขี องสารละลายตรงกับสมี าตรฐานท่ี pH ใด ก็จะมีคา่ เทา่ กบั pH นน้ั

เราไม่สามารถใช้ประสาทสมั ผัสของเราทดสอบความเป็นกรดเบสของสารละลายได้โดยตรง แต่เรา
สามารถใช้อินดิเคเตอร์ในการทดสอบสารละลายเหลา่ นนั้ เช่น การใชก้ ระดาษลิตมัส การใช้สารละลาย
ฟีนอล์ฟทาลนี การใชย้ นู ิเวอรซ์ ลั อนิ ดิเคเตอร์

3

อนิ ดเิ คเตอร์ (Indicator) คือ สารท่ใี ช้ทดสอบความเป็นกรดเบสของสารละลาย เช่น กระดาษลิตมัส
สารละลายฟนี อล์ฟทาลีน บรอมไทมอลบลู ยูนเิ วอรซ์ ลั อินดเิ คเตอร์ หรือสีทีส่ กัดจากดอกไม้ ใบไม้ของพชื บาง
ชนิด เปน็ ตน้

การใช้กระดาษลติ มัส
1. ใชก้ ระดาษลิตมสั ทีละแผน่ ท้ัง 2 สี ตัดใหม้ ีขนาดพอเหมาะกบั ที่จะใช้ มอื ที่หยิบกระดาษ

ลติ มสั จะตอ้ งสะอาดและแหง้
2. วางกระดาษลติ มสั บนถ้วยกระเบือ้ งหรือแผน่ กระจก หรอื กระดาษที่สะอาด ใชแ้ ทง่ แก้วที่

สะอาดแตะของเหลว แล้วนามาแตะกระดาษลิตมัสทง้ั สองสี
3. สงั เกตการเปล่ยี นสีของกระดาษลิตมัส
3.1 สารละลายในน้าทีท่ าใหก้ ระดาษลิตมัสสนี า้ เงนิ เปลีย่ นเป็นสีแดงมีฤทธ์เิ ปน็ กรด

เช่น นา้ มะนาว นา้ ส้มสายชู น้ามะขาม น้ายาล้างหอ้ งน้า น้าผกั ผลไม้ น้าฝน
3.2 สารละลายในนา้ ทีท่ าให้กระดาษลิตมัสสีแดงเปลี่ยนเปน็ สนี า้ เงนิ มีฤทธิเ์ ปน็ เบส

เช่น น้าผงซกั ฟอก น้ายาลา้ งจาน นา้ สบู่ นา้ ปนู ใส น้ายาปรบั ผา้ นุ่ม สารละลายโซดาไฟ
3.3 สารละลายในน้าที่ไมท่ าใหก้ ระดาษลิตมสั เปล่ียนสเี ลยมีฤทธิ์เปน็ กลาง เช่น น้า

กล่ัน น้าหวาน นา้ เกลือ แอลกอฮอล์ นา้ มนั เบนซิน

การใชส้ ารละลายฟีนอล์ฟทาลนี
1. หยดสารละลายฟีนอลฟ์ ทาลนี ลงไปในสารละลายทต่ี อ้ งการทดสอบ
2. ถา้ สารละลายเปล่ยี นเป็นสีชมพูแสดงว่าสารละลายนั้นเปน็ เบส แต่ถา้ สารละลายไม่เกดิ

การเปลย่ี นสีแสดงวา่ สารละลายนนั้ เปน็ กรดหรือเป็นกลาง

การใชย้ ูนเิ วอรซ์ ัลอินดิเคเตอร์
1. ใช้กระดาษยนู เิ วอร์ซลั อินดิเคเตอร์จุ่มในสารละลายที่ตอ้ งการ
2. นากระดาษยูนิเวอรซ์ ัลอนิ ดเิ คเตอรไ์ ปเทียบสกี ับสีข้างกล่อง จะทราบได้ว่าสารละลายนน้ั

เป็นกรดหรือเบสและมีค่า pH ประมาณเทา่ ไหร่

4

สมบตั ิของอนิ ดเิ คเตอร์

1. อินดเิ คเตอร์แต่ละชนดิ มีชว่ ง pH ของการเปลยี่ นสจี ากัด
2. อนิ ดิเคเตอรโ์ ดยท่ัวไปจะมีสารท่ีใหสแี ตกตา่ งกนั
3. สีของอินดเิ คเตอร์จะเปลี่ยนไปเมอ่ื คา่ pH เปล่ียนแปลง

อินดเิ คเตอร์ส่วนใหญเ่ ป็นสารละลายท่ีมนี า้ หรือแอลกอฮอล์เป็นตัวทาละลาย โดยปกตใิ ชค้ วามเข้มข้น
รอ้ ยละ 0.1 และใช้เพียง 2-3 หยด กจ็ ะเหน็ สีได้ชัดเจน สีของอินดิเคเตอรเ์ ปลี่ยนไปตามค่า pH ของสารละลาย

ตารางแสดงช่วงการเปล่ียนสีของอินเคเตอร์บางชนิด

5

ประเภทของอินดเิ คเตอร์

อินดิเคเตอร์แต่ละชนดิ จะมีการตรวจสอบความเป็นกรด-เบสของสารละลายแตกต่าง กัน อินดิเคเตอร์
ท่ีนยิ มใช้กันมากมี 2ประเภท คอื กระดาษลิตมัสและยนู เิ วอรซ์ ลั อินดิเคเตอร์

1. กระดาษลติ มัสเปน็ อินดเิ คเตอรท์ ี่เรารจู้ กั กนั ดี กระดาษลิตมสั มี 2 สี ได้แก่ กระดาษลติ มัส
สีแดงและกระดาษลิตมัสสีนา้ เงนิ

2. ยูนิเวอร์ซลั อนิ ดิเคเตอรเ์ ป็นอนิ ดิเคเตอร์ที่มกี าร เปล่ียนสีเกอื บทุกค่า pH จึงใช้ทดสอบหา
ค่า pH ได้ดี อนิ ดเิ คเตอรช์ นิดน้ีมที งั้ แบบทีเ่ ป็นกระดาษและแบบสารละลาย

อินดเิ คเตอร์ท่ีพบในธรรมชาติ

นอกจากอนิ ดเิ คเตอร์กรด-เบส ทเี่ ปน็ สารอินทรียท์ ี่กล่าวมาแลว้ ในธรรมชาติยังมีสารหลายชนิดทม่ี ี
สมบตั ิเหมาะสมทจี่ ะใช้เปน็ อนิ ดิเคเตอรไ์ ด้ กล่าวคือ มสี ีต่างกนั ท่ี pH ต่างกัน สารเหลา่ น้ีพบในดอกไม้ ผลไม้
ผกั หรอื รากไม้บางชนิด เช่น ในกะหลา่ ปลีสแี ดง (Red cabage) มีสารที่เปน็ อนิ ดเิ คเตอร์ จากการทดลองสกัด
สารจากกะหล่าปลีสแี ดง ซง่ึ เม่ือละลายเปน็ กรดจะไดส้ ีแดง (a) แตเ่ มอื่ เติมเบสลงไปจะมีสีหลายสี ได้แก่ เขียว
น้าเงนิ เหลอื ง (b) และเมอื่ สารละลายเบส สารละลายจะเปลีย่ นเป็นสีนา้ เงนิ แสดงว่าอนิ ดิเคเตอรท์ ่ีสกัดได้จาก
กะหล่าปลีสแี ดง จะเปลี่ยนสีแดงเปน็ นา้ เงนิ ในชว่ งกรดเปน็ เบส

ดอกกุหลาบสแี ดง เมอื่ นามาละลายในแอลกอฮอล์และอีเทอร์ 1 : 1 จะใหส้ ารละลายซึ่งเป็นอนิ ดิเค
เตอรต์ ามธรรมชาติ เชน่ กัน เม่ือนาสารละลายนีม้ าหยดในสารละลายทมี่ ี pH 1, 3, 7, 9 และ 11 ปรมิ าณ
เลก็ น้อย พบว่าให้สารละลายสี แดง สม้ นา้ ตาล และเขียว ตามลาดับ โดยท่ีอินดเิ คเตอรน์ ้ีจะเปล่ียนสีในชว่ ง
pH 2 ชว่ ง คอื 5-7 (แดง-น้าตาล) และ 8-10(น้าตาล-เขยี ว)

นา้ สนี า้ เงินของดอกอัญชนั สามารถเปน็ อินดิเคเตอร์ วดั ความเป็นกรด-ดา่ งได้ โดยสารที่เปน็ กรดจะทา
ให้นา้ เปลย่ี นเปน็ สีมว่ งแดงสารทีเ่ ป็นดา่ งจะทาให้นา้ เปลย่ี นเป็นสีเขียว

6

ตาราง อินดเิ คเตอร์ท่ีพบในธรรมชาติ

ชนิดพืช สารทใี่ ชส้ กดั ชว่ ง pH ที่เปล่ยี นสี สีทีเ่ ปล่ียน
อัญชนั
ดาวเรือง น้า 1-3 แดง - ม่วง
ดาวเรือง
หางนกยงู แอลกอฮอล์ 2-3 ไมม่ ีสี - เหลอื งอ่อน
หางนกยงู
แคแดง นา้ 11-12 เหลอื ง - เหลืองน้าตาล
ชงโค
เขม็ แดง นา้ 9-10 ไม่มสี ี - เหลือง
เข็มแดง
กระเจ๊ยี บ แอลกอฮอล์ 3-4 ส้ม - เหลอื ง
คริสตม์ าส
ครสิ ตม์ าส น้า 7-8 เหลือง - เขียว
บานไมร่ ู้โรย
บานไมร่ โู้ รย นา้ 10-11 เขียว - เหลือง
แวนด้า
แวนดา้ น้า 2-3 ชมพู - ส้ม
สม้ เกลย้ี ง(ผิว)
แอลกอฮอล์ 10-11 สม้ - เหลือง

นา้ +แอลกอฮอล+์ อเี ทอร์ 4-5 บานเยน็ - แดง

น้า 6-7 แดง - เขยี ว

แอลกอฮอล+์ อเี ทอร์ 6-7 ชมพู - เขยี ว

น้า 6-7 แดง - เหลือง

แอลกอฮอล์ 7-8 เหลอื ง - เขียว

แอลกอฮอล์ 5-6 ชมพู - เหลอื ง

นา้ 6-7 เหลือง - เขยี ว

นา้ 6-7 แดง - เขยี ว

7

ชนิดพชื สารท่สี กดั ช่วง pH ทเี่ ปล่ยี นสี สีทีเ่ ปลย่ี น
สารภี แอลกอฮอล์
สารภี 5-6 ชมพู - เขียวออ่ น
ทองกวาว น้า
นา้ 8-9 เขยี ว - เขยี วนา้ ตาล

6-7 แดง - ชมพู

8-9 แดง - มว่ ง

10-12 มว่ ง - น้าเงนิ

10-11 ไม่มสี ี - เหลือง

3-4 ชมพู - มว่ ง

9-10 มว่ ง - เขียว

12-13 เขียว - เหลอื ง

6-7 แดง - เขียว

10-11 ชมพู - เขยี ว

11-13 เขียว - เหลือง

11-13 เขยี วอ่อน - เหลอื ง

11-12 เหลอื งอ่อน - เหลอื งเขม้

11-12 เหลอื ง - นา้ ตาลเหลือง

12-13 น้าตาลเหลือง - นา้ ตาลแดง

11-12 เหลอื งเขียว - แดง

8

ยกตวั อยา่ งเชน่ อัญชัน เปน็ ไมเ้ ลอื้ ยเนอ้ื อ่อน อายสุ น้ั ใชย้ อดเล้อื ยพัน ลาต้นมขี นปกคลมุ ใบประกอบ
แบบขนนก เรียงตรงข้ามยาว 6-12 เซนติเมตร มีใบย่อยรูปไข่ 5-7ใบ กว้าง 2-3 เซนตเิ มตร ยาว 3-5
เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบมน ผวิ ใบดา้ นล่างมีขนหนาปกคลมุ ดอกสีขาว ฟา้ และมว่ ง ดอกออกเดีย่ ว ๆ
รปู ทรงคล้ายฝาหอยเชลล์ออกเป็นคตู่ ามซอกใบ กลบี ดอก 5 กลีบ ดอกบานเต็มที่ยาว 2.5-3.5 เซนติเมตรกลบี
คลุมรปู กลม ปลายเว้าเปน็ แอ่ง ตรงกลางมีสเี หลอื ง มีทง้ั ดอกซอ้ นและดอกลา ดอกชั้นเดยี วกลีบขน้ั นอกมีขนาด
ใหญ่กลางกลบี สีเหลอื ง ส่วนกลบี ชนั้ ในขนาดเลก็ แต่ดอกซ้อนกลีบดอกมขี นาดเท่ากนั ซ้อนเวียนเปน็ เกลียว[2]
ออกดอกเกอื บตลอดปี ผลแหง้ แตก เปน็ ฝักแบน กวา้ ง 1-1.5 เซนติเมตร ยาว 5-8 เซนตเิ มตร เมล็ดรูปไต สีดา
มี 5-10 เมล็ด

เนื่องจากอนิ ดิเคเตอร์แต่ละชนดิ เปล่ียนสีในชว่ ง pH จากัดทาให้การตรวจหาค่า pH ของสารละลายไม่
สะดวก จึงได้มีการนาอินดเิ คเตอร์หลายชนดิ ที่มีช่วง pH ตอ่ เนือ่ งมาผสมกนั ในอตั ราสว่ นพอเหมาะ โดย
สามารถเปลีย่ นสีในชว่ ง pH ของสารละลายได้กวา้ ง เรียกว่า ยนู ิเวอร์ซัลอนิ ดเิ คเตอร์ (Universal indicator)
นอกจากน้ี เรายงั สามารถใช้สารสกัดธรรมชาติ เช่น น้าคัน้ จากกะหล่าปลีสมี ่วง นา้ คัน้ จากดอกอัญชัน ดอก
กุหลาบ มาใช้เปน็ อินดิเคเตอร์ได้ เรยี กวา่ “อนิ ดิเคเตอร์ธรรมชาติ

กราฟค่า pH

9

ผลการเปลีย่ นสีน้าดอกอัญชนั

การเปลีย่ นสขี องอินดเิ คเตอร์

HIn เป็นสัญลกั ษณ์ของอนิ ดเิ คเตอร์ทอี่ ยใู่ นรปู กรด (Acid form)
In- เปน็ สญั ลักษณ์ของอินดิเคเตอรท์ อี่ ยใู่ นรูปเบส (Basic form)
รปู กรดและรูปเบสมีภาวะสมดุล เขยี นแสดงไดด้ ว้ ยสมการ ดังน้ี
HIn (aq) + H2O (l) H3O+(aq) + In-(aq)
ไมม่ สี ี * (รปู กรด) สีชมพ*ู (รปู เบส) ; (* = กรณีเป็นฟนี อล์ฟทาลนี )
Kind = HIn และ In-มีสตี ่างกนั และปรมิ าณตา่ งกนั จงึ ทาใหส้ ีของสารละลายเปล่ยี นแปลงได้ ถ้า
ปรมิ าณ HIn มากกจ็ ะมีสีของรูปกรด ถ้ามีปริมาณ In-มากก็จะมีสีของรูปเบส การท่ีจะมปี ริมาณ HIn หรือ In
มากกวา่ หรอื นอ้ ยกว่าน้นั ขึน้ อยกู่ บั ปรมิ าณ H3O+ในสารละลาย ถ้ามี H3O+มากก็จะรวมกับ In-ได้เปน็ HIn ได้
มาก แต่ถ้าอยู่ในสารละลายทม่ี ี OH-มาก OH-จะทาปฏิกิริยากบั H3O+ทาให้ H3O+ลดลง ซึง่ จะมีผลทาให้
เกดิ ปฏกิ ริ ยิ าไปข้างหน้าได้ In-มากขึน้ ซ่ึงสามารถเขียนอธบิ ายดว้ ยสมการ ดังน้ี

- เมื่อเติมกรด (H3O+) ทาให้ปรมิ าณ [H3O+] ทางขวาของสมการมมี ากขนึ้ ปฏกิ ริ ิยาจะเกดิ
ยอ้ นกลับ ทาใหม้ ี HIn มากข้ึนจงึ เหน็ เปส็ ีของกรด HIn

10

- เมือ่ เติมเบส (OH-) OH-จะทาปฏกิ ิรยิ ากับ H3O+ทาให้ H3O+น้อยลง ปฏกิ ิรยิ าจะไป
ข้างหนา้ มากขน้ึ (®) ทาใหม้ ี In-มากข้ึน จึงเหน็ เป็นสเี บสของ In-

* ถา้ [HIn] มากกวา่ [In-] 10 เทา่ ขน้ึ ไป จะเหน็ เป็นสขี องรูปกรด (HIn)
* ถ้า [In-] มากกว่า [HIn] 10 เท่าขึน้ ไป จะเหน็ เป็นสขี องรปู เบส (In-)

ประโยชนข์ องอินดเิ คเตอร์

1. ใช้เป็นตัวบอกจุดยุติในการตเิ ตรต
- ถ้าติเตรตกรดแก่ เบสแก่ ใชอ้ ินดเิ คเตอรท์ ่มี ีช่วง pH = 7 (เลอื กใช้ประมาณ 7 เพราะ จะได้เกลือ

กลาง)
- ถา้ ติเตรตกรดแก่ เบสอ่อน ใช้อนิ ดเิ คเตอร์ที่มชี ว่ ง pH < 7 (จะเกิดเกลือกรด)
- ถ้าติเตรตกรดอ่อน เบสแก่ ใช้อนิ ดเิ คเตอรท์ ีม่ ีชว่ ง pH > 7 (จะเกดิ เกลอื เบส)

ชว่ ง pH ของสารละลายที่อินดิเคเตอร์ค่อยๆเปล่ียนสีจากสหี นง่ึ ไปเปน็ อกี สีหนงึ่ เรียกวา่ ชว่ ง pH ของอนิ ดิเค
เตอร์

2. กระดาษลติ มัส ซึง่ มี 2 สี คือ กระดาษลิตมัสสนี า้ เงนิ และสีแดง เมอ่ื ทดสอบกับดินจะเกดิ การ
เปลย่ี นแปลงดงั นี้

ดนิ เปน็ กรด จะเปลีย่ นกระดาษลิตมัสสีนา้ เงินเปน็ สีแดง แต่สีแดงไมเ่ ปล่ยี นแปลง
ดินเป็นเบส จะเปลี่ยนกระดาษลิตมัสสนี า้ เงนิ เปน็ สีแดง แต่สีแดงไมเ่ ปล่ยี นแปลง
ดินเปน็ กลาง จะไมเ่ ปล่ียนสีกระดาษลิตมัสทง้ั สีนา้ เงินและสแี ดง

11

อ้างองิ

แหลง่ ที่มา: https://il.mahidol.ac.th/e-media/acid-base/C8.HTM
แหล่งทม่ี า: https://www.freepik.com/premium-vector/ph-value-scale-meter-acid-
alkaline-solutions_6332240.htm#position=4
แหล่งท่มี า: https://www.scimath.org/lesson-chemistry/item/7193-2017-06-08-15-20-55
แหล่งที่มา:https://www.trueplookpanya.com/learning/detail/33086?fbclid=IwAR1CgjzR
m9KKbu3VqxYhJtco4GHHdwIFInTz16SNSdjFS5ByhBzpTPZpIxc
แหล่งที่มา: thainame.net




Click to View FlipBook Version