The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by nutzakung333, 2021-03-24 10:41:14

E-Book-กฎหมายการศึกษา-ภานุมาศ-604150619

E-Book-กฎหมายการศึกษา

48

ประเภทการลา

1. การลาป่ วย
2. การลาคลอดบตุ ร
3. การลาไปช่วยเหลือภรรยาท่ีคลอดบตุ ร
4. การลากิจส่วนตวั
5. การลาพกั ผอ่ น
6. การลาอปุ สมบทหรือการลาไปประกอบพธิ ีฮจั ย์
7. การลาเขา้ บริการตรวจหรือเขา้ รับการเตรียมพล
8. การลาไปศึกษาฝึกอบรมปฏิบตั ิการวิจยั หรือดูงาน
9. การลาไปปฏิบตั ิงานในองคก์ ารระหวา่ งประเทศ
10.การลาติดตามคู่สมรส
11.การลาไปฟ้ื นฟสู มรรภถาพดา้ นอาชีพ

1. การลาป่ วย

- ปี ละไมเ่ กิน 60 วนั ทาการ
- กรณีจาเป็นผมู้ ีอานาจสามารถให้ลาไดอ้ ีกไมเ่ กิน 60 วนั ทาการ
- เสนอใบลา ก่อน/ในวนั ลา
- ลาต้งั แต่ 30 วนั ข้ึนไป ตอ้ งมีใบรับรองแพทย์
- แมไ้ มถ่ ึง 30 วนั แต่ผมู้ ีอานาจฯ จะสง่ั ใหม้ ี
ใบรับรองแพทย/์ ใบรับการตรวจจากแพทยก์ ไ็ ด้

51

49

2. การลาคลอดบุตร

- สามารถลาไดไ้ มเ่ กิน 90 วนั /คร้ัง
- ไม่ตอ้ งมีใบรับรองแพทย์
- ตอ้ งเสนอใบลา ก่อน/ในวนั ลา
- สามารถลาวนั ที่คลอด/ก่อนวนั ท่ีคลอดก็ได้
- ถา้ ลาแลว้ ไมไ่ ดค้ ลอดใหถ้ ือวา่ วนั ที่หยดุ ไปแลว้ เป็นวนั ลากิจส่วนตวั
- การลาคลอดที่คาบเก่ียวกบั ลาประเภทอื่นซ่ึงยงั ไม่ครบ ให้ถือว่า ลา
ประเภทอื่นสิ้นสุดและใหน้ บั เป็นวนั เร่ิมลาคลอดบุตร

3. การลาช่วยเหลือภรรยาทคี่ ลอดบุตร

- ลาไปช่วยเหลือภริยาโดยชอบดว้ ยกฎหมาย
- ลาไดค้ ร้ังหน่ึงติดต่อกนั ไดไ้ ม่เกิน 15 วนั ทาการ
- เสนอใบลา ก่อน/ในวนั ลาภายใน 90 วนั
- ไดร้ ับเงินเดือนระหวา่ ลา

4. การลาป่ วย

- ไมเ่ กิน 60 วนั ทาการ
- กรณีจาเป็ นผมู้ ีอานาจสามารถใหล้ าไดอ้ ีกไมเ่ กิน 60 วนั ทาการ
- เสนอใบลา ก่อน/ในวนั ลา
- ลาต้งั แต่ 30 วนั ข้ึนไป ตอ้ งมีใบรับรองแพทย์
- แมไ้ ม่ถึง 30 วนั แต่ผมู้ ีอานาจฯ จะสง่ั ให้มีใบรับรองแพทย/์ ใบรับการ
ตรวจจากแพทยก์ ไ็ ด้

52

50

5. การลาคลอดบุตร

- สามารถลาไดไ้ มเ่ กิน 90 วนั /คร้ัง
- ไม่ตอ้ งมีใบรับรองแพทย์
- สามารถลาวนั ท่ีคลอด/ก่อนวนั ท่ีคลอดก็ได้
- ถา้ ลาแลว้ ไม่ไดค้ ลอดให้ถือวา่ วนั ที่หยดุ ไปแลว้ เป็นวนั ลากิจส่วนตวั
- การลาคลอดท่ีคาบเกี่ยวกบั ลาประเภทอ่ืนซ่ึงยงั ไม่ครบ ให้ถือวา่ ลา
ประเภทอื่นสิ้นสุดและใหน้ บั เป็ นวนั เร่ิมลาคลอดบุตร

6. การลาอปุ สมบทหรือการลาไปประกอบพธิ ีฮัจย์

กรณีไมเ่ กิน 120 วนั
- ตอ้ งไมเ่ คยลาประเภทน้ีมาก่อน
- รับราชการไมน่ อ้ ยกวา่ 1 ปี

การเสนอใบลา
- ก่อนอุปสมบท หรือเดินทางไมน่ อ้ ยกวา่ 60 วนั
- อปุ สมบท หรือเดินทางภายใน 10 วนั
- เสร็จแลว้ รายงานตวั ภายใน 5 วนั
- หากลาแลว้ ขอถอนวนั ลา ถือวา่ วนั ที่หยดุ ไปเป็นวนั ลากิจส่วนตวั

53

51

7. การลาเข้าบริการตรวจหรือเข้ารับการเตรียมพล

เขา้ รับการตรวจเลือก : เพื่อรับราชการเป็นทหารกองประจาการ
- ใหร้ ายงานผบู้ งั คบั บญั ชาก่อนไม่นอ้ ยกวา่ 48 ชม.

เขา้ รับการเตรียมพล : เขา้ รับการระดมพล ตรวจสอบพล ฝึ กวิชาการทหาร
ทดสอบความพรั่งพร้อม

- รายงานผบู้ งั คบั บญั ชาภายใน 48 ชม. นบั แต่รับหมายเรียก ลาไดต้ าม
ระยะเวลาของภารกิจในหมายเรียก เสร็จภารกิจให้กลบั ภายใน 7 วนั (ต่อได้
รวมแลว้ ไม่เกิน 15 วนั )

8. การลาไปศึกษาฝึ กอบรมปฏบิ ัตกิ ารวจิ ยั หรือดูงาน

ไดร้ ับเงินเดือนไมเ่ กิน 4 ปี ตอ่ ได้ รวมไม่เกิน 6 ปี พน้ ทดลองงานเสนอ
ใบลาต่อผูบ้ งั คบั บญั ชาตามลาดบั จนถึงหัวหน้าส่วนราชการ (ในประเทศ)
หรือถึงปลดั กระทรวง (ต่างประเทศ)
กรณตี ่างประเทศ

- ไปศึกษา/ปฏิบตั ิการวิจยั ตอ้ งรับราชการมาไม่นอ้ ยกวา่ 1 ปี ลาศึกษา
ตอ่ ในประเทศ (กรณีให้ไดร้ ับเงินเดือน)

- หลักสูตรที่ไม่สูงกว่าปริ ญญาตรี สามารถลาได้มีกาหนดเท่ากับ
ระยะเวลาของหลกั สูตร

54

52

9. การลาไปปฏิบัตงิ านในองค์การระหว่างประเทศ

- องคก์ ารฯ ซ่ึงไทยเป็ นสมาชิก และถึงวาระตอ้ งส่ง
- รัฐบาลไทยมีขอ้ ผกู พนั ท่ีจะตอ้ งส่งฯ ตามความตกลงระหวา่ งประเทศ
- ส่งเพื่อพิทักษ์รักษาผลประโยชน์ของประเทศตามความต้องการ
รัฐบาลไทย
ขา้ ราชการท่ีลาไปปฏิบตั ิงานในองคก์ ารระหว่างประเทศที่มีระยะเวลา
ไม่เกิน ๑ ปี เมื่อปฏิบตั ิงานแลว้ เสร็จ ให้รายงานตวั เขา้ ปฏิบตั ิหนา้ ที่ราชการ
ภายใน ๑๕ วนั นบั แตว่ นั ครบ กาหนดเวลาและให้รายงานผลเกี่ยวกบั การลา
ไปปฏิบตั ิงานให้รัฐมนตรีเจา้ สังกดั ทราบภายใน ๓๐ วนั นบั แต่วนั ท่ีกลบั มา
ปฏิบตั ิหนา้ ท่ีราชการ

10. การลาตดิ ตามคู่สมรส

เป็ นคู่สมรสโดยชอบดว้ ยกฎหมาย ซ่ึงเป็ น ขา้ ราชการ หรือพนักงาน
รัฐวิสาหกิจลาไดไ้ มเ่ กิน 2 ปี

- ต่อไดอ้ ีก 2 ปี รวมไม่เกิน 4 ปี
- ถา้ เกินให้ลาออก
ไม่ไดร้ ับเงินเดือนระหว่างลาผูม้ ีอานาจจะอนุญาตให้ลาคร้ังเดียวหรือ
หลายคร้ังก็ได้ และคู่สมรสต้องอยู่ปฏิบตั ิหน้าที่ราชการติดต่อกันครบ
กาหนด 4 ปี ไมม่ ีสิทธิลา ยกเวน้ คู่สมรสกลบั มาแลว้ และไดร้ ับคาสงั่ ใหไ้ ปอีก

55

53

11. การลาไปฟื้ นฟูสมรรถภาพด้านอาชีพ

ขา้ ราชการผูไ้ ดร้ ับอนั ตรายหรือการป่ วยเจ็บเพราะเหตุปฏิบัติราชการ
ในหนา้ ที่ ถูกประทุษร้ายเพราะเหตุกระทาการตามหนา้ ท่ี จนทาให้ตกเป็ นผู้
ทพุ พลภาพหรือพิการ
-ลาไปฟ้ื นฟูดา้ นอาชีพไดต้ ามระยะเวลาท่ีกาหนดไวใ้ นหลกั สูตรท่ีประสงค์
จะลา แต่ไม่เกิน 12 เดือน

ขา้ ราชการท่ีไดร้ ับอนั ตรายหรือการป่ วยเจ็บจนทาให้ตกเป็ นผูท้ ุพพล
ภาพหรือพกิ ารเพราะเหตอุ ื่น

- ลาไปฟ้ื นฟูด้านอาชีพได้ตามระยะเวลาท่ีกาหนดไวใ้ นหลกั สูตรท่ี
ประสงคจ์ ะลา แต่ไม่เกิน 12 เดือนจดั ส่งใบลาต่อผูบ้ งั คบั บญั ชาตามลาดับ
จนถึงผมู้ ีอานาจพิจารณา หรืออนุญาตพร้อมแสดงหลกั ฐานเกี่ยวกบั หลกั สูตร
ที่ประสงคจ์ ะลา และเอกสารที่เกี่ยวขอ้ ง (ถา้ มี) เพือ่ พจิ ารณาอนุญาต

56

54

ระเบยี บกระทรวงศึกษาธกิ ารว่าด้วยการพา
นักเรียนและนักศึกษาไปนอกสถานศึกษา

57

55

ข้อ 4 ในระเบยี บนี้

นกั เรียนและนกั ศึกษา” หมายความวา่ บุคคลซ่ึงกาลงั รับการศึกษาใน
สถานศึกษา“ สถานศึกษา” หมายความว่าสถานศึกษาในสังกัด
กระทรวงศึกษาธิการและใหห้ มายความรวมถึงสถานศึกษาท่ีอยใู่ นกากบั ดูแล
หรืออยใู่ นความควบคุมของกระทรวงศึกษาธิการดว้ ย“ หัวหนา้ สถานศึกษา”
หมายความว่าผูอ้ านวยการหรือตาแหน่งท่ีเรียกช่ืออยา่ งอื่นท่ีมีอานาจหนา้ ท่ี
ในลกั ษณะเดียวกนั ท้งั ของรัฐและเอกชนท่ีมีอานาจหน้าที่หรือวตั ถุประสงค์
ในการจดั การศึกษา“ การพานักเรียนและนักศึกษาไปนอกสถานศึกษา”
หมายความว่าการท่ีหัวหน้าสถานศึกษาหรื อผู้ที่หัวหน้าสถานศึกษา
มอบหมายพานกั เรียนและนกั ศึกษาไปทากิจกรรมการเรียนการสอนนอก
สถานศึกษาซ่ึงอาจไปเวลาเปิ ดทาการสอนหรือไม่ก็ไดห้ รือไปทากิจกรรม
การเดินทางไกลและการเขา้ ค่ายพกั แรมของลูกเสือเนตรนารีและยุวกาชาด
แตไ่ ม่รวมถึงการไปนอกสถานท่ีตามคาสงั่ ในทางราชการ

58

56

ข้อ 5 การพานกั เรียนและนกั ศึกษาไปนอกสถานศึกษา

จาแนกเป็ น 3 ประเภท ดงั น้ี

- การพาไปนอกสถานศึกษา
- การพาไปนอกสถานศึกษาพกั แรม
- การพาไปนอกราชอาณาจกั ร

ข้อ 6 การพานักเรียนและนักศึกษา ไปนอกสถานศึกษาให้เป็ นไปตาม

ความสมคั รใจ ของนกั เรียนและนกั ศึกษาโดยความยินยอมของผูป้ กครอง
ตามแบบท่ีกาหนดทา้ ยระเบียบน้ี

ข้อ 7 การพานักเรียนและนักศึกษาไปนอกศึกษาทุกประเภทให้
ปฏบิ ตั ดิ งั นี้

- ตอ้ งคานึงถึงความปลอดภยั ในการเดินทางและการพกั แรมเป็นอนั ดบั

แรก
- ต้องได้รับอนุญาตก่อน โดยขออนุญาตตามแบบที่กาหนดท้าย

ระเบียบ
- ให้หัวหน้าสถานศึกษา จานวน 1 คน เป็ นผูค้ วบคุม และตอ้ งมีครู

จานวน1 คน ต่อนกั เรียนไม่เกิน 30 คน และให้มีครูควบคุมด้วยตามความ
เหมาะสม

- หวั หนา้ เลือกเสน้ ทางท่ีจะเดินทาง

59

57

- ในการเดินทางใหพ้ จิ ารณาขอความร่วมมือไปยงั หน่วยงานที่เกี่ยวขอ้ ง
เพื่อขอคาแนะนาหรือขอความร่วมมืออื่นเท่าท่ีจาเป็ นรวมถึงจดั ให้มีป้าย
ขอ้ ความท่ีระบุโครงการกิจกรรมและสถานศึกษาแสดงให้เห็นเด่นชดั ติดที่
ดา้ นขา้ งรถและมีหมายเลขกากบั ติดท่ีดา้ นหนา้ และดา้ นหลงั รถในตาแหน่งท่ี
เห็นชดั เจนกรณีการพานกั เรียนและนกั ศึกษาไปนอกสถานศึกษาโดยใช้รถ
โดยสารไม่ต่ากว่า 40 ท่ีนั่งจานวน 3 อันข้ึนไปควรจดั ให้มีรถน่าขบวน
สาหรับการใช้รถโดยสารต่ากว่า 40 ท่ีนั่งจานวน 3 นข้ึนไปให้หัวหน้า
สถานศึกษาพิจารณาตามความเหมาะสม

- จดั ให้มีอปุ กรณ์ปฐมพยาบาลเบ้ืองตน้ ประจกรถหรือยานพาหนะและ
ดูแลนกั เรียนและนกั ศึกษา
ท่ีมีโรคประจาตวั เป็นพิเศษ

- เพ่ือการคุม้ ครองความปลอดภยั ในชีวิตและโรคกายของนกั เรียนและ
นกั ศึกษาในการพนกั เรียนและนกั ศึกษาไปนอกสถานศึกษาให้สถานศึกษา
จดั ให้มีการประกนั ภยั การเดินทางนกั เรียนและนกั ศึกษาเวน้ แต่สถานศึกษา
ไดจ้ ดั ให้มีการประกนั ภยั ท่ีคุม้ ครอง

60

58

ข้อ 8 ให้บุคคลดงั ต่อไปนีเ้ ป็ นผู้มอี านาจพิจารณาอนุญาตตามข้อ
5

- หวั หนา้ สถานศึกษาสาหรับการพาไปนอกสถานศึกษาไม่พกั แรมตาม
ขอ้ 5

- ผูอ้ านวยการสานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษาผูอ้ นุญาตตามกฎหมายว่า
ดว้ ยโรงเรียนเอชนผมู้ ีอานาจเหนือสถานศึกษาข้ึนไปอีกช้นั หน่ึงหรือผไู้ ดร้ ับ
มอบหมายแลว้ แต่กรณีสาหรับการพาไปนอกสถานศึกษาพกั แรมตามขอ้ 5

- หัวหน้าส่วนราชการหรือผูไ้ ดร้ ับมอบหมายสาหรับการพาไปนอก
ราชอาณาจกั รตามขอ้ 5 (3) สาหรับสถานศึกษาเอกชนประเภทโรงเรียนใน
ระบบตามกฎหมายว่าตวั ยโรงเรียนเอกชนให้หัวหน้าสถานศึกษาเป็ นผูม้ ี
อานาจพิจารณาอนุญาตการพาไปนอกสถานศึกษาไม่พกั แรมตามขอ้ 5 (1)
ให้ผรู้ ับใบอนุญาตเป็ นผูม้ ีอานาจพิจารณาอนุญาตการพไปนอกสถานศึกษา
พกั แรมตามข้อ 5 (2) และให้ผู้รับใบอนุญาตโดยความเห็นชอบของ
คณะกรรมการบริหารโรงเรียนเป็นผมู้ ีอานาจพิจารณาอนุญาตการพาไปนอก
ราชอาณาจกั รตามขอ้ 5 (3)

61

59

ข้อ 9 ให้สถานศึกษาส่ งคาขออนุญาตพร้อมโครงการที่จะพา
นกั เรียนและนักศึกษาไปนอก

สถานศึกษาต่อผูม้ ีอานาจพิจารณาอนุญาตก่อนวนั เดินทางไม่นอ้ ยกว่า
15 วนั หากไม่สามารถย่ืนคาขอไดท้ นั ภายในกาหนดเวลาดงั กล่าวให้ช้ีแจง
เหตุผลความจาเป็ นด้วยเม่ือได้รับอนุญาตแล้วจึงออกเดินทางได้เอกสาร
ประกอบ การยน่ื คาขออนุญาตตามวรรคหน่ึงอยา่ งน้อยตอ้ งประกอบดว้ ยช่ือ
โครงการหลกั การและเหตุผลวตั ถุประสงคเ์ ป้าหมายข้นั ตอนการดาเนินงาน
ระยะเวลาและสถานที่ดาเนินการกิจกรรมรายชื่อหน่วยงานและผูร้ ับผิดชอบ
โครงการรายช่ือผูค้ วบคุมและผูช้ ่วยผคู้ วบคุมในการเดินทางรายช่ือนกั เรียน
และนกั ศึกษาท่ีจะเดินทางไปนอกสถานศึกษาแผนท่ีสังเขปแสดงเส้นทาง
การเดินทางแผนผงั แสดงท่ีต้งั ของสถานท่ีท่ีไปนอกสถานศึกษาหรือสถานท่ี
พกั แรม เพ่ือการตรวจสอบและติดตามผลการดาเนินงานทุกระยะและแผน
สารองกรณีเหตฉุ ุกเฉินเป็นตน้

62

60

ให้สถานศึกษาเอกชนประเภทโรงเรียนในระบบตามกฎหมายว่าดว้ ย
โรงเรียนเอกชนรายงานการพจิ ารณาอนุญาตตามขอ้ 8 วรรคทา้ ยต่อผอู้ นุญาต
ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยโรงเรียนเอกชนก่อนวนั เดินทางไม่นอ้ ยกวา่ 3 วนั ทาการ
ตามแบบท่ีกาหนดทา้ ยระเบียบน้ี

ในกรณีที่ผูอ้ นุญาตตามกฎหมายว่าตวั ยโรงเรียนเอกชนเห็นว่าการ
พิจารณาอนุญาตตามข้อ 8 วรรคทา้ ยอาจมีภยั อนั ตรายหรือเหตุการณ์อนั
กระทบต่อสวสั ดิภาพของนักเรียนหรือการจดั การศึกษาให้แก่นกั เรียนหรือ
สถานที่ที่จะเดินทางไปนอกสถานศึกษาหรือสถานที่พกั แรมมีสภาพขดั ต่อ
สุขลกั ษณะหรืออนามยั หรือมีเหตุอ่ืนอนั อาจเป็ นภยั อนั ตรายต่อนกั เรียนให้ผู้
อนุญาตตามกฎหมายวา่ ดว้ ยโรงเรียนเอกชนมีอานาจสง่ั ให้ระงบั ยบั ย้งั แกไ้ ข
เปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกการพิจารณาอนุญาตตามขอ้ 8 วรรคทา้ ยได้ตามท่ี
เห็นสมควร

ข้อ 10 ให้ผ้คู วบคมุ และผ้ชู ่วยผ้คู วบคมุ มหี น้าทตี่ ้องปฏบิ ตั ดิ งั นี้

- ตาเนินการใหน้ กั เรียนและนกั ศึกษาอยใู่ นระเบียบวินยั เพ่ือให้การเดิน
ทาเป็นไปดา้ นความเรียบร้อยและปลอดภยั

- ไม่เสพสุธาส่ีแสพติดของมึนเมาหรือวตั ถุที่ออกฤทธ์ิต่อจิตและ
ประสาทและเล่นการพนนั ทุกชนิด

63

61

- จดั ให้มีช่องทางหรือระบบการติดต่อสื่อสารและหมายเลขโทรศพั ท์
ของหน่วยงานที่เก่ียวขอ้ งเพอ่ื การประสานในทุกระยะ

- ดูแลนกั เรียนและนกั ศึกษาให้ไดร้ ับความปลอดภยั ตลอดเวลาท่ีอยใู่ น
ระหวา่ งการเดินทางและในกรณีท่ีเกิดอุบตั ิเหตจุ ะตอ้ งให้ความช่วยเหลือ

- เมื่อปรากฏวา่ มีกรณีเกิดอุบตั ิเหตุท่ีเป็ นอนั ตรายต่อความปลอดภยั ใน
ชีวิตและงกายของนกั เรียนและนกั ศึกษาให้ผูค้ วบคุมและผชู้ ่วยผตู้ บคุมดูแล
นักเรียนและนกั ศึกษาดาเนินการยานต่อหัวหน้าสถานศึกษาทราบโดยเร็ว
และเมื่อเหตกุ ารณ์น้นั ผา่ นพน้ ไป
ให้รายจนเป็นลายลกั ษณ์อกั ษร
อีกคร้ังหน่ึง

ข้อ 11 ผู้ควบคุมและผู้ช่วยผู้ควบคุมต้องกากับให้พนักงานขับรถ
หรือควบคุมยานพาหนะปฏบิ ตั ดิ งั นี้

- ควบคุมยานพาหนะให้เป็ นไปตามลาดบั หมายเลขตามเส้นทางท่ี
กาหนดในแผนการเดินทาง

- ตรวจสอบสภาพรถหรือยานพาหนะและอปุ กรณ์ต่างๆให้อยใู่ นสภาพ
ดีและพร้อมที่จะใชก้ ารไดต้ ลอดเวลา

64

62

- ขบั รถหรือควบคุมยานพาหนะด้วยความระมดั ระวงั ไม่ขบั รถหรือ
ควบคุมยานพาหนะในลกั ษณะประมาทหรือน่าหวาดเสียวอนั น่าจะเป็ น
อนั ตรายแก่บุคคลหรือทรัพยส์ ิน

- ไมใ่ ชโ้ ทรศพั ทเ์ คลื่อนท่ีในขณะขบั รถหรือควบคุมยานพาหนะเวน้ แต่
การใช้โทรศัพท์เคล่ื อนที่โดยใช้อุปก รณ์ เสริ มสาหรับการสนทน าโดย
พนกั งานขบั รถหรือควบคุมยานพาหนะไม่ตอ้ งถือหรือจบั โทรศพั ทเ์ คลื่อนท่ี
น้นั

- ไม่ขบั รถหรือควบคุมยานพาหนะในขณะท่ีมีอาการมีนเมาหรือเสพ
สุราหรือวตั ถุท่ีออกฤทธ์ิ
ต่อจิตและประสาทระหวา่ งการขบั รถ

ข้อ 12 การพานักเรียนและนักศึกษาโปนอกสถานศึกษาพกั แรมให้
ผ้คู วบคุมปฏบิ ัตดิ งั นี้

- เมื่อเดินทางถึงสถานที่จดั กิจกรรมตอ้ งจดั ให้มีการปฐมนิเทศเพื่อแจง้
กฏระเบียบขอ้ ปฏิบตั ิในการใชส้ ถานท่ีและการปฏิบตั ิตนขณะอยใู่ นบริเวณที่
จดั กิจกรรมและท่ีพกั แรม

- จดั สถานท่ีพกั แยกชาย-หญิงให้เป็ นส่วนสดั
- จดั ให้มีระบบดูแลรักษาความปลอดภยั ตลอดช่วงเวลาจดั กิจกรรม

65

63

- จดั เจา้ หน้าท่ีหรือบุคคลผมู้ ีความรู้ในการด้านการรักษาพยาบาลเพ่ือ
ดูแลนกั เรียนนกั ศึกษาระหวา่ งกระทากิจกรรมรวมท้งั จดั รถรับ-ส่งกรณีมีเหตุ
ฉุกเฉิน ให้รี บรายงานด้วยวาจาต่อผู้อนุญาตโดยด่วนเพ่ือให้ความ
ช่วยเหลือเป็นไปดว้ ยความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพและเมื่อเหตุการณ์น้นั
ผา่ นพน้ ไปให้รายงานเป็ นลายลกั ษณ์อกั ษรอีกคร้ังหน่ึงโดยเร็ว

ข้ อ 13 เม่ือกลับจากการพานักเรียนและนักศึกษาโปนอก
สถานศึกษาแล้วให้รายงานให้ผู้อนุญาตตามข้อ 8 ทราบตามแบบ
ทก่ี าหนดท้ายระเบยี บนี้

สาหรับสถานศึกษาเอกชนประเภทโรงเรี ยนในระบบตามกฎหมายว่า
ดว้ ยโรงเรียนเอกชนนอกจากการรายงานตามวรรคหนี่ยแลว้ ในกรณีที่พาไป
นอกสถานศึกษาพกั แรมตามขอ้ 5 (2) และการพาไปนอกราชอาณาจกั รตาม
ขอ้ 5 (3) ตอ้ งรายงานผลการพานกั เรียนไปนอกสถานศึกษาให้กบั ผูอ้ นุญาต
ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชนทราบภายใน 15 วนั หลงั จากการพา
นกั เรียนไปนอกสถานศึกษาเสร็จสิ้นแลว้

66

64

ข้อ 14 ให้ถือว่าครูอาจารย์ผู้ควบคุมหรือผู้ช่ วยผู้ควบคุมท่ีพา
นักเรียนและนักศึกษาไปนอกสถานศึกษาเป็ นการปฏิบัติหน้าท่ี
ราชการและให้ เบิกคาใช้ จ่ ายในการเดินทางได้ ตามระเบียบข อง
ทางราชกาย
15 ให้ปลดั กระทรวงศึกษาธิการชักษาการให้เป็ นไปตามระเบียบนี้
และให้มีอานาจตีความวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาที่เกิดจากการปฏิบัติ
ตามระเบียบนี้

67

65

การลงโทษนักเรียน

68

66

ระเบียบการลงโทษนักเรียนและนักศึกษา

ว่าด้วยเรื่ องระเบียบการลงโทษนักเรี ยนและนัก ศึกษาของ
กระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2548 ไดม้ ีกาหนดวิธีการลงโทษไวใ้ นประกาศ
โดยมีประเด็นสาคญั ดงั น้ี

ตามประกาศ ข้อ 4 กล่าวว่า “การลงโทษ” หมายความว่า การ

ลงโทษนกั เรียนหรือนกั ศึกษาท่ีกระทาความผิด โดยมีความมุ่งหมายเพ่ือการ
อบรม

ตามประกาศ ข้อ 5 กล่าวว่า โทษที่จะลงโทษแก่นักเรียนหรื อ

นกั ศึกษาที่กระทาความผิด มี 4 สถาน ดงั น้ี
1. วา่ กล่าวตกั เตือน
2. ทาทณั ฑบ์ น
3. ตดั คะแนนความประพฤติ
4. ทากิจกรรมเพื่อใหป้ รับเปล่ียนพฤติกรรม

ตามประกาศ ข้อ 6 กล่าววา่ ห้ามลงโทษนกั เรียนและนกั ศึกษาดว้ ย

วิธีรุนแรง หรือแบบกลน่ั แกลง้ หรือลงโทษดว้ ยความโกรธ หรือดว้ ยความ
พยาบาท โดยให้คานึงถึงอายขุ องนกั เรียนหรือนกั ศึกษาและความร้ายแรง
ของพฤติการณ์ประกอบการลงโทษดว้ ย

69

67

ตามประกาศ ข้อ 7 การว่ากล่าวตกั เตือน ในกรณีนักเรียนหรือ

นกั ศึกษากระทาความผดิ ไม่ร้ายแรง

ตามประกาศ ข้อ 8 กล่าววา่ การทาทณั ฑบ์ นใชใ้ นกรณีนกั เรียนหรือ

นกั ศึกษาท่ีประพฤติตนไม่เหมาะสมกบั สภาพ นักเรียนหรือนกั ศึกษา ตาม
กฎกระทรวงวา่ ดว้ ยความประพฤตินกั เรียนและนกั ศึกษา

ตามประกาศ ข้อ 9 กล่าวว่า การตดั คะแนนความประพฤติ ให้

เป็ นไปตามระเบียบปฏิบตั ิวา่ ดว้ ยการตดั คะแนนความประพฤตินกั เรียน

ตามประกาศ ข้อ 10 กล่าวว่า ทากิจกรรมเพื่อให้ปรับเปล่ียน

พฤติกรรม ใช้ในกรณีที่นกั เรียนและนกั ศึกษากระทาความผิดท่ีสมควรตอ้ ง
ปรับเปล่ียน พฤติกรรม

กฎหมายทมี่ คี วามเกยี่ วข้องกบั พระราชบญั ญตั คิ ุ้มครองเดก็
พ.ศ. 2546

หมวด 2 การปฏบิ ตั ติ ่อเดก็

มาตรา 26 ภายใตบ้ งั คบั บทบญั ญตั ิแห่งกฎหมายอ่ืน
ไม่ว่าเด็กจะยินยอมหรื อไม่ห้ามมิให้ผู้ใดกระทาการ
ดงั ตอ่ ไปน้ี

- กระทาหรือละเว้นการกระทาอันเป็ นการทารุณ
กรรมตอ่ ร่างกายหรือจิตใจของเดก็

70

68

หมวด 7 การส่งเสริมความประพฤตนิ ักเรียนและนักศึกษา
มาตรา 64 นักเรียนและนกั ศึกษาตอ้ งประพฤติตนตามระเบียบของ

โรงเรียนหรือสถานศึกษาและตามท่ีกาหนดในกฎกระทรวง

มาตรา 65 นักเรียนหรือนักศึกษาผูใ้ ดฝ่ าฝื นมาตรา 64 ให้พนักงาน

เจา้ หนา้ ที่ปฏิบตั ิตามระเบียบท่ีรัฐมนตรีกกาหนด

หมวด 9 บทกาหนดโทษ
มาตรา 78 ผใู้ ดฝ่าฝืนมาตรา 26 ตอ้ งระวางโทษจาคุกไม่เกินสามเดือน

หรือปรับไม่เกินสามหมื่นบาท หรือท้งั จาท้งั ปรับ

ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 295 ผูใ้ ดทาร้ายผอู้ ื่น จนเป็ นเหตุให้เกิดอนั ตรายแก่กายหรือ

จิตใจของผูอ้ ่ืนน้ัน ผูน้ ้นั กระทาความผิดฐานทาร้ายร่างกาย ตอ้ งระวางโทษ
จาคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไมเ่ กินสี่หม่ืนบาท หรือท้งั จาท้งั ปรับ

มาตรา 391 "ผูใ้ ดใช้กาลงั ทาร้ายผูอ้ ่ืน โดยไม่ถึงกบั เป็ นเหตุให้เกิด

อนั ตรายแก่กายหรือจิตใจ ตอ้ งระวางโทษจาคุกไม่เกินหน่ึงเดือน หรือปรับ
ไม่เกินหน่ึงหมื่นบาท หรือท้งั จาท้งั ปรับ"

71

69

วนิ ัยของข้าราชการ

72

70

วนิ ัยข้าราชการ

หมายถึง กฎระเบียบต่าง ๆ ท่ีวางหลกั ข้ึนมาเป็ นกรอบควบคุมให้
ขา้ ราชการปฏิบตั ิหนา้ ท่ี และกาหนดแบบแผนความประพฤติของขา้ ราชการ
เพ่ือให้ขา้ ราชการประพฤติปฏิบตั ิหน้าที่ราชการเป็ นไปดว้ ยความเรียบร้อย
โดยกาหนดให้ขา้ ราชการวางตวั ให้เหมาะสมเพื่อให้บรรลุจุดมุ่งหมายของ
องคก์ รขา้ ราชการ

ข้อกาหนดวนิ ัย

มาตรา 80 ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตอ้ งรักษาวินยั โดยกระทาการ

หรือไม่กระทาการตามที่บญั ญตั ิไวใ้ นหมวดน้ีโดยเคร่งครัดอยเู่ สมอ
ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ปฏิบัติราชการในต่างประเทศ นอกจาก

จะตอ้ งรักษาวินัยตามที่ได้บญั ญตั ิไวใ้ นหมวดน้ี แล้วต้องรักษาวินัย โดย
กระทาการหรือไม่กระทาการตามที่กาหนดในกฎ ก.พ.ดว้ ย”

มาตรา 81 ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตอ้ งสบบั สนุนการปกครอง

ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษตั ริ ยท์ รงเป็ นประมุขด้วยความ
บริ สุทธ์ ิใจ

73

71

มาตรา 82 “ข้าราชการพลเรือนสามัญต้องกระทาการอันเป็ นข้อ

ปฏบิ ตั ิ ดงั ต่อไปนี”้
- ตอ้ งปฏิบตั ิหนา้ ที่ราชการดว้ ยความซ่ือสตั ย์ สุจริตและเที่ยงธรรม
- ตอ้ งปฏิบตั ิหนา้ ท่ีราชการใหเ้ ป็นไปตามกฎหมาย กฎระเบียบของทาง

ราชการ มติของคณะรัฐมนตรี นโยบายของรัฐบาลและปฏิบตั ิตามระเบียบ
แบบแผนของทางราชการ

- ตอ้ งปฏิบตั ิหน้าท่ีราชการให้เกิดผลดีหรือความกา้ วหน้าแก่ราชการ
ดว้ ยความต้งั ใจ อุตสาหะ เอาใจใส่และรักษาประโยชนข์ องทางราชการ

- ตอ้ งปฏิบตั ิตามคาสั่งของผูบ้ งั คบั บญั ชา ซ่ึงสงั่ ในหน้าที่ราชการโดย
ชอบดว้ ยกฎหมายและระเบียบของทางราชการ โดยไม่ขดั ขืนหรือหลีกเล่ียง
แต่ถา้ เห็นว่าปฏิบตั ิคาสงั่ น้ันจะทาให้เสียหายแก่ราชการ หรือจะเป็ นการไม่
รักษาประโยชน์ของ ทางราชการ จะตอ้ งเสนอความเห็นเป็ นหนงั สือทนั ที
เพ่ือให้ผูบ้ งั คบั บญั ชาทบทวนคาส่ังน้ัน และเมื่อไดเ้ สนอความเห็นแลว้ ถ้า
ผบู้ งั คบั บญั ชายนื ยนั ใหป้ ฏิบตั ิตามคาสง่ั เดิม

-ต้องอุทิศเวลาของตนให้แก่ราชการ จะละทิ้งหรือทอดทิ้งหน้าที่
ราชการมิได้

74

72

- ตอ้ งรักษาความลบั ของทางราชการ
- ตอ้ งสุภาพเรียบร้อย รักษาความสามคั คี และตอ้ งช่วยเหลือกนั ในการ
ปฏิบตั ิราชการระหวา่ งขา้ ราชการดว้ ยกนั และผรู้ ่วมปฏิบตั ิราชการ
- ต้องต้อนรับให้ความสะดวก ให้ความเป็ นธรรม และให้การ
สงเคราะห์แก่ประชาชนผมู้ าติดตอ่ ราชการเก่ียวกบั หนา้ ท่ีของตน
- ตอ้ งวางตวั เป็นกลางทางการเมืองในการปฏิบตั ิหนา้ ที่ราชการ และใน
การปฏิบตั ิการอื่นท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั ประชาชนกบั จะตอ้ งปฏิบตั ิตามระเบียบของ
ทางราชการ วา่ ดว้ ยมารยาททางการเมืองของขา้ ราชการดว้ ย
-ตอ้ งรักษาชื่อเสียงของตน และรักษาเกียรติศกั ด์ิของตาแหน่งหน้าที่
ราชการของตนมิใหเ้ ส่ือมเสีย
- กระทาการอื่นใดตามท่ีกาหนดในกฎ ก.พ.

75

73

มาตรา 83 “ข้าราชการพลเรือนสามัญต้องไม่กระทาการอันเป็ นข้อ

ปฏบิ ัติ ดงั ต่อไปนี”้
- ตอ้ งไม่รายงานเทจ็ ต่อผบู้ งั คบั บญั ชา การรายงานโดยปกปิ ดขอ้ ความ

ซ่ึงควรตอ้ งแจง้ ถือวา่ เป็ นการรายงานเทจ็ ดว้ ย
- ตอ้ งไม่ปฏิบตั ิราชการอนั เป็ นการกระทาการขา้ มผบู้ งั คบั บญั ชาเหนือ

ตน เว้นแต่ผู้บังคบั บญั ชาเหนือตนข้ึนไปเป็ นผูส้ ่ังให้กระทาหรือได้รับ
อนุญาตเป็ นพิเศษ ชวั่ คร้ังคราว

- ตอ้ งไมอ่ าศยั หรือยอมให้ผูอ้ ่ืนอาศยั ตาแหน่งหนา้ ท่ีราชการของตนหา
ประโยชนใ์ ห้แก่ตนเอง

- ตอ้ งไมป่ ระมาทเลินเล่อในหนา้ ที่ราชการ
- ตอ้ งไม่กระทาการหรือยอมให้ผูอ้ ่ืนกระทาการหาประโยชน์อนั อาจ
ทาให้เสียความเท่ียงธรรม
- ตอ้ งไม่เป็ นกรรมการผจู้ ดั การ หรือผูจ้ ดั การ หรือดารงตาแหน่งอ่ืนใด
ที่มีลกั ษณะงานคลา้ ยคลึงกนั น้นั ในห้าง
- ตอ้ งไม่กระทาการอยา่ งใดที่เป็ นการกลน่ั แกลง้ กดข่ีหรือข่มเหงกนั
ในการปฏิบตั ิราชการ
- ตอ้ งไม่กระทาการอนั เป็ นการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศตามท่ี
กาหนดในกฎ ก.พ.
- ตอ้ งไม่ดูหม่ิน เหยียดหยาม กดข่ี หรือข่มเหงประชาชนผูต้ ิดต่อ
ราชการ
- ไม่กระทาการอื่นใดตามท่ีกาหนดในกฎ ก.พ.

76

74

มาตรา 85 การกระทาผดิ วนิ ยั ในลกั ษณะดงั ต่อไปนี้ เป็ นความผดิ วินัย

อย่างร้ายแรง
- ปฏิบตั ิหรือละเวน้ การปฏิบตั ิหน้าท่ีราชการโดยมิชอบ เพ่ือให้เกิด

ความเสียหายอยา่ งร้ายแรงแก่ผูห้ น่ึงผูใ้ ด หรือปฏิบตั ิ หรือละเวน้ การปฏิบตั ิ
หนา้ ที่ราชการโดยทุจริต

- ละทิ้งหรือทอดทิ้งหน้าท่ีราชการโดยไม่มีเหตุอนั สมควรเป็ นเหตุให้
เสียหายแก่ราชการอยา่ งร้ายแรง

- ละทิง้ หนา้ ที่ราชการติดต่อในคราวเดียวกนั เป็นเวลาเกินสิบห้าวนั โดย
ไม่มีเหตุอนั สมควร หรือโดยมีพฤติการณ์อนั แสดงถึงความจงใจไม่ปฏิบตั ิ
ตามระเบียบของทางราชการ

- กระทาการอนั ไดช้ ่ือวา่ เป็ นผปู้ ระพฤติชวั่ อยา่ งร้ายแรง
- ดูหม่ิน เหยยี ดหยาม กดข่ี ข่มเหง หรือทาร้ายร่างกายประชาชน ผมู้ า
ติดต่อราชการอยา่ งร้ายแรง

- ละเวน้ การกระทาหรือกระทาการใด ๆ อนั เป็ นการไม่ปฏิบตั ิ
ตามมาตรา 82 หรือฝ่ าฝื นขอ้ ห้ามตามมาตรา 83 อนั เป็ นเหตุให้เสียหายแก่
ราชการอยา่ งร้ายแรง

- ละเวน้ การกระทาหรือกระทาการใด ๆ อนั เป็ นการไม่ปฏิบตั ิตาม
มาตรา 80 วรรคสอง และมาตรา 82(11) หรือฝ่ าฝื นขอ้ ห้ามตามมาตรา 83
(10) ท่ีมี กฎ ก.พ. กาหนดให้เป็ นความผดิ วนิ ยั อยา่ งร้ายแรง

77

75

การโทษทางวนิ ัย

กรณีขา้ ราชการพลเรือนกระทาผิดวินยั จะตอ้ งไดร้ ับโทษทางวินยั เวน้

แ ต่ มี เ ห ตุ อัน ค ว ร ง ด โ ท ษ ต า ม ท่ี บัญ ญัติ ไ ว้ใ น พ ร ะ ร า ช บัญ ญัติ ร ะ เ บี ย บ

ขา้ ราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 หมวด 7 การดาเนินการทางวินยั ซ่ึงโทษทาง

วนิ ยั ไดก้ าหนดไวใ้ นมาตรา 88 โดยมี 5 สถาน ดงั ตอ่ ไปน้ี

- ตดั เงนิ เดือน - ปลดออก

- ลดเงนิ เดือน - ไล่ออก

ข้อควรรู้เกย่ี วกบั วนิ ัยข้าราชการ

- ความผิดทางวินัยไม่มีอายคุ วาม แมจ้ ะกระทาผิดวินัยไวน้ านเท่าใด
หากตรวจสอบพบก็สามารถดาเนินการทางวนิ ยั และลงโทษไดเ้ สมอ

- ความผิดทางวินยั ไม่มีอายุความ แมจ้ ะกระทาผิดวินัยไวน้ านเท่าใด
หากตรวจสอบพบก็สามารถดาเนินการทางวินยั และลงโทษไดเ้ สมอ

- ผสู้ งั่ ลงโทษตอ้ งเป็ นผบู้ งั คบั บญั ชาซ่ึงมีอานาจสงั่ บรรจุตามมาตรา 57
- สภาพการเป็ นขา้ ราชการ กรณีจะเป็ นความผิดวินยั จะตอ้ งกระทาผิด
ในขณะท่ีเป็ นขา้ ราชการ จะนาเหตุท่ีเคยกระทาผิดก่อนเป็ นขา้ ราชการมา
ลงโทษทางวนิ ยั ไมไ่ ด้

78

76

จรรยาบรรณวชิ าชีพ

79

77

จรรยาบรรณวชาชีพครูคือกฎแห่งความประพฤตสิ าหรับสมาชิกว
ชาชีพครูซ่ึงองค์กรวชิ าชีพครูเป็ นผ้กู าหนดและสมาชิกในวชิ าชีพ

ทกุ คนต้องถือปฏิบัตโิ ดยเคร่งครัดหากมกี ารละเมดิ จะมกี าร
ลงโทษ

ข้อบังคับคุรุ สภาว่าด้วยจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ. 2556
จรรยาบรรณวิชาชีพครูมี 5 หมวด 9 ขอ้

หมวด 1 จรรยาบรรณต่อตนเองผปู้ ระกอบวชิ าชีพทางการศึกษาตอ้ งมี

วินัยในตนเองพฒั นาตนเองดา้ นวิชาชีพบุคลิกภาพและวิสัยทศั น์ให้ทนั ต่อ
การพฒั นาทางวทิ ยาการเศรษฐกิจสงั คมและการเมืองอยเู่ สมอ

หมวด 2 จรรยาบรรณต่อวิชาชีพผูป้ ระกอบวิชาชีพทางการศึกษาตอ้ ง

รักศรัทธาซ่ือสตั ยส์ ุจริตรับผิดชอบต่อวิชาชีพและเป็ นสมาชิกที่ดีขององคก์ ร
วิชาชีพ

หมวด 3 จรรยาบรรณต่อผรู้ ับบริการ

- ผูป้ ระกอบวิชาชีพทางการศึกษาตอ้ งรักเมตตาเอาใจใส่ช่วยเหลือ
ส่งเสริมให้กาลงั ใจแก่ศิษยแ์ ละผรู้ ับบริการตามบทบาทหนา้ ท่ีโดยเสมอหนา้

80

78

- ผปู้ ระกอบวิชาชีพทางการศึกษาตอ้ งส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ทกั ษะ
และนิสัยที่ถูกตอ้ งดีงามแก่ศิษยแ์ ละผูร้ ับบริการตามบทบาทหน้าที่อยา่ งเต็ม
ความสามารถดว้ ยความบริสุทธ์ิใจ

- ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาต้องประพฤติปฏิบัติตนเป็ น
แบบอยา่ งที่ดีท้งั ทางกายวาจาและจิตใจ

หมวด 4 จรรยาบรรณต่อผูร้ ่วมประกอบวิชาชีพผูป้ ระกอบวิชาชีพ

ทางการศึกษาซ่ึงช่วยเหลือเก้ือกลู ซ่ึงกนั และกนั อยา่ งสร้างสรรคโ์ ดยยดึ มนั่ ใน
ระบบคุณธรรมสร้างความสามคั คีในหมู่คณะ

หมวด 5 จรรยาบรรณต่อสังคมผูป้ ระกอบวิชาชีพทางการศึกษาพึง

ประพฤติปฏิบตั ิตนเป็ นผูน้ าในการอนุรักษ์พฒั นาเศรษฐกิจสังคมศาสนา
ศิลปะวฒั นธรรมภมู ิปัญญาส่ิงแวดลอ้ มรักษาผลประโยชน์ของส่วนรวมและ
ยึดมนั่ ในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษตั ริยท์ รงเป็ น
ประมขุ

81

E-book
By

Panumach Roikaew

82


Click to View FlipBook Version