ศรัณย์พร พลดี
คำนำ
ห นั ง สื อ อิ เ ล็ ก ท ร อ นิ ก ส์ เ ค รื่ อ ง มื อ ท า ง ภู มิ ศ า ส ต ร์ เ ล่ ม นี้ เ ป็ น ก า ร
ร ว บ ร ว ม เ นื้ อ ห า จ า ก เ ว็ บ ไ ซ ต์ อ อ น ไ ล น์ มี วั ต ถุ ป ร ะ ส ง ค์ ใ ห้ เ ป็ น ห นั ง สื อ
อิ เ ล็ ก ท ร อ นิ ก ส์ ป ร ะ ก อ บ ก า ร ศึ ก ษ า ใ น ร า ย วิ ช า ภู มิ ศ า ส ต ร์ จึ ง ไ ด้ จั ด ทำ ขึ้ น
เ พื่ อ ใ ช้ เ ป็ น ห นั ง สื อ E - b o o k ป ร ะ ก อ บ ก า ร เ รี ย น ก า ร ส อ น เ พื่ อ ใ ห้ ผู้
ศึ ก ษ า ไ ด้ ม า ค้ น ค ว้ า เ พิ่ ม เ ติ ม
ผู้ จั ด ทำ ห วั ง เ ป็ น อ ย่ า ง ยิ่ ง ว่ า ห นั ง สื อ อิ เ ล็ ก ท ร อ นิ ก ส์ เ ค รื่ อ ง มื อ ท า ง
ภู มิ ศ า ส ต ร์ เ ล่ ม นี้ จ ะ ส า ม า ร ถ อำ น ว ย ป ร ะ โ ย ช น์ แ ก่ ผู้ ที่ ส น ใ จ ศึ ก ษ า ไ ม่ ม า ก
ก็ น้ อ ย
ดั ง นั้ น ห า ก ผู้ จั ด ทำ ผิ ด พ ล า ด ป ร ะ ก า ร ใ ด ก็ ข อ อ ภั ย ม า ณ ที นี้ ด้ ว ย
ศรัณย์พร พลดี
ผู้จัด
4 ตุลาคม 2564
สารบัญ หน้า
เรื่อง 1
ความหมายและความสำคัญ 2
ประเภทของเครื่องมือทางภูมิศาสตร์ 3-4
ลูกโลก 5-16
แผนที่ 17-26
เข็มทิศ 27-28
รูปถ่ายทางอากาศ 29-34
ภาพจากดาวเทียม 35-36
เครื่องมืออื่น ๆ 37
อ้างอิง 38
ประวัติผู้จัดทำ
เครื่องมือสำคัญทางภูมิศาสตร์ 1
เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ คือ ที่มา https://easternpioneer.com/
วัสดุ อุปกรณ์ ในรูปแบบต่างๆ product/
ที่นำมาใช้เป็นสื่อเพื่อการศึกษา
การสำรวจ การเก็บรวบรวม ที่มา http://www.reviva.co.th/product/
การบันทึก การวิเคราะห์ข้อมูล
ตลอดจนใช้เป็นสื่อในการเผย
แพร่ข้อมูลทางภูมิศาสตร์
ที่มา: http://www.flagfrog.com/ต้นกำเนิดมหาสมุทร/ ความสำคัญ
(ภาพโดย Neil Palmer)
เครื่องมือทางภูมิศาสตร์มีความ
สําคัญต่อการศึกษาโลกและ
ปรากฏการณ์บนโลกอย่างยิ่งเพราะ
ช่วยให้มองเห็นภาพของโลกได้อย่าง
ชัดเจน เนื่องจากโลกมีพื้นที่กว้าง
ขวาง ทําให้มีความหลากหลายทาง
สภาพภูมิศาสตร์ทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดล้อมในแต่ละบริเวณ การ
ทําความเข้าใจจึงต้องใช้เครื่องมือ
ช่วย
เครื่องมือทางภูมิศาสตร์จำแนกตามหน้ าที่หลัก 2
ของการใช้งานได้ 2 ประเภท ดังนี้
ประเภทที่ 1 เครื่องมือที่ทำหน้าที่เป็น ที่มา https://krumorn53.blogspot.com/2017/05/blog-post_50.html
สื่อความรู้ทางภูมิศาสตร์ สื่อความรู้ทาง
ภูมิศาสตร์ หมายถึงวัสดุ อุปกรณ์ หรือ ประเภทที่ 2 เครื่องมือที่ทำหน้าที่เป็นสื่อ
เทคโนโลยีต่างๆ ที่ทำหน้าที่เผยแพร่ให้ เก็บรวบรวมข้อมูลทางภูมิศาสตร์ สื่อเก็บ
ความรู้ สำหรับการศึกษาเรียนรู้ทาง รวบรวมข้อมูลทางภูมิศาสตร์ หมายถึง
ภูมิศาสตร์ อาจอยู่ในรูปของตัวหนังสือ วัสดุ อุปกรณ์ หรือเทคโนโลยีต่างๆ ที่ทำ
รูปภาพ แผนภูมิ แบบจำลอง สื่อดิจิทัล หน้าที่เพื่อสำรวจ ตรวจวัด บันทึก เก็บ
เสียง และภาพเคลื่อนไหวต่างๆ ตัวอย่าง รวบรวม และวิเคราะห์ข้อมูลทางภูมิศาสตร์
เครื่องมือเหล่านี้ เช่น ตำราเรียนภูมิศาสตร์
เว็บไซต์ที่เผยแพร่ความรู้ทางภูมิศาสตร์ ตัวอย่างเครื่องมือเหล่านี้ เช่น สมุดจด
แผนที่ประเภทต่างๆ ลูกโลกจำลอง บันทึก เข็มทิศ เทปวัดระยะทาง กล้องสาม
ภูมิประเทศจำลอง รูปถ่ายทางอากาศ
ภาพจากจานดาวเทียม เป็นต้น มิติ (Stereoscope) เทอร์โมมิเตอร์
(Thermometer) ระบบกำหนดตำแหน่ง
ที่มา https://travelfar-tickets.com/
ที่มา https://builk3storage. บนพื้นโลก หรือจีพีเอส (Global
Positioning System : GPS)
ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ หรือจีไอเอส
(Geographic Information System :
GIS) ข้อมูลจากการรับรู้ระยะไกล
(Remote Sensing : RS) เป็นต้น
3
ลูกโลก
ลูกโลกจำลอง เป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อจำลองลักษณะ ที่มา
ของโลกแสดงที่ตั้งอาณาเขตพรมแดนของประเทศต่างๆ https://cdn.pixabay.com/photo/
และลูกโลกจำลองยังสามารถใช้เป็นสื่อในการเรียนการสอน
เกี่ยวกับโลกได้เป็นอย่างดี ลูกโลกจำลองแสดงสิ่งต่อไปนี้
รูปทรงของโลก โลกมีรูปทรงกลมคล้ายผลส้ม คือ ตรงบริเวณขั้วโลกทั้งสองยุบ
ราบลงเล็กน้อยและป่องตรงบริเวณศูนย์สูตร โลกมีเส้นผ่านศูนย์กลางที่
เส้นศูนย์สูตร ยาว 12,756 กิโลเมตร และมีเส้นผ่านศูนย์กลางจากขั้วโลกเหนือถึง
ขั้วโลกใต้ยาว 12,714 กิโลเมตร จึงเห็นได้ว่ารูปร่างของโลกไม่เป็นทรงกลมอย่าง
แท้จริง บนผิวโลกจะมีองค์ประกอบหลัก 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นพื้นน้ำ ได้แก่
ทะเล มหาสมุทรต่างๆ มีเนื้อที่รวมกัน 375 ล้านตารางกิโลเมตร และส่วนที่เป็น
แผ่นดิน ได้แก่ ทวีปและเกาะต่างๆ มีเนื้อที่รวมกัน 150 ล้านตารางกิโลเมตร เมื่อ
รวมทั้งพื้นน้ำและแผ่นดินแล้ว โลกจะมีเนื้อที่รวมประมาณ 525 ล้านตาราง
กิโลเมตร โดยคิดสัดส่วนบริเวณผิวของเปลือกโลกจะเป็นพื้นน้ำ 2 ใน 3 ส่วน
และส่วนที่เป็นแผ่นดิน 1 ใน 3 ส่วน
ที่มา https://sites.google.com/site/suphamatprasoetnun/ ที่มา https://sites.google.com/site/suphamatprasoetnun/
4
ลูกโลก
ข้อมูลที่แสดงบนลูกโลกจำลอง ลูกโลกจำลองมีหลายแบบตาม
วัตถุประสงค์ของการแสดง ซึ่งอาจแบ่งได้เป็น 2 แบบ ดังนี้
ลูกโลกแสดงลักษณะผิวโลก และส่วนที่เป็นแผ่นดิน ซึ่งได้แก่ รายละเอียด
ของทวีป ประเทศ ที่ตั้งของเมืองหลวงและเมืองสำคัญ
ส่วนที่สมมติขึ้น ลูกโลกจำลองจะแสดงเส้นเมริเดียนที่ลากจากขั้วโลกเหนือสู่
ขั้วโลกใต้ และเส้นขนานที่ลากรอบโลกขนานกับเส้นศูนย์สูตร เส้นทั้งสองมีไว้
เพื่อบอกพิกัดภูมิศาสตร์เป็นค่าของละติจูด และลองจิจูดของตำแหน่งต่างๆ
ที่อยู่บนพื้นผิวโลก
ที่มา https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81_
แผนที่ 5
แผนที่ (map) คือ สิ่งที่แสดงลักษณะของพื้นผิวโลก ทั้งสิ่งที่เกิดขึ้นเองตาม
ธรรมชาติและสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น โดยแสดงข้อมูลลงบนวัสดุพื้นราบโดยย่อให้เล็กลง
ตามมาตราส่วนที่ต้องการ และใช้สัญลักษณ์แทนสิ่งที่มีอยู่จริงบนพื้นผิวโลกลงใน
แผนที่
1.1 ประเภทของแผนที่
1. แผนที่อ้างอิง (general reference map) ใช้เป็นหลักในการทำแผนที่
ชนิดอื่น ๆ ที่สำคัญ ได้แก่ แผนที่ภูมิประเทศ และแผนที่ชุด
1) ตัวอย่างแผนที่ภูมิประเทศ
แผนที่ 6
2) ตัวอย่างแผนที่ชุด
ที่มา http://www.trueplookpanya.com/data/product/uploads/other6/u_1-03.png
แผนที่ 7
2. แผนที่เฉพาะเรื่อง (thematic map) สร้างขึ้นเพื่อแสดงราย
ละเอียดเฉพาะเรื่อง มีหลายชนิด เช่น
1) แผนที่รัฐกิจ (political map)
แผนที่ 8
2) แผนที่ภูมิอากาศ (climatic map)
3) แผนที่การถือครองที่ดิน (cadastral map)
ที่มา http://www.realnewsthailand.net/archives/6428
แผนที่ 9
4) แผนที่ธรณีวิทยา (geologic map)
ที่มา https://th.wikipedia.org/wiki/แผนที่ธรณีวิทยาประเทศไทย
แผนที่ 10
5) แผนที่พืชพรรณธรรมชาติ (natural vegetation map)
แผนที่ 11
6) แผนที่ท่องเที่ยว (touris map)
แผนที่ 12
1.2 เส้นโครงแผนที่
เส้นโครงแผนที่ (map projection) คือ ระบบของเส้นที่สร้างเพื่อแสดงลักษณะของเส้น
ขนานและเส้นเมริเดียน ใช้ถ่ายทอดลักษณะทรงกลมของโลกลงบนพื้นราบ ประกอบด้วย
การย่อส่วน การฉายแสง และหลักการสร้างรูปเรขาคณิตและการวิเคราะห์ทาง
คณิตศาสตร์ เส้นโครงแผนที่ที่นิยมใช้มี 3 รูปแบบ คือ
1. เส้นโครงแผนที่แบบระนาบ (azimuthal projection)
แผนที่ 13
2. เส้นโครงแผนที่แบบทรงกรวย (conic projection)
3. เส้นโครงแผนที่แบบทรงกระบอก (cylindrical equal area projection)
แผนที่ 14
1.3 องค์ประกอบของแผนที่
1. ชื่อแผนที่ (map name) บอกชนิดของแผนที่และรายละเอียด
2. ทิศทาง (direction) จะกำหนดไว้ในแผนที่ทุกระวาง โดยทั่วไปกำหนดให้ส่วนบน
ของแผนที่เป็นทิศเหนือเสมอ
3. มาตราส่วน (map scale) บอกความสัมพันธ์ระหว่างระยะทางในแผนที่กับ
ระยะทางจริงบนพื้นผิวโลก ที่นิยมใช้มีอยู่ 3 ชนิด ได้แก่
1) มาตราส่วนแบบเศษส่วน (representative fraction)
2) มาตราส่วนคำพูด (verbal scale)
3) มาตราส่วนเส้น (graphic scale) หรือมาตราส่วนรูปแท่ง (bar scale)
ที่มา http://www.trueplookpanya.com/data/product/uploads/other6/aa.jpg
4. สัญลักษณ์ (symbol) และคำอธิบายสัญลักษณ์ (legend) กำหนดขึ้นในแผนที่
เพื่อใช้แทนสิ่งต่าง ๆ ที่ปรากฏในพื้นที่จริง แบ่งได้ 3 ประเภท คือ
1) สัญลักษณ์ที่เป็นจุด (point symbol) ใช้แทนสถานที่และใช้กำหนดที่ตั้ง
ของสถานที่ต่าง ๆ
2) สัญลักษณ์ที่เป็นเส้น (line symbol) ใช้แทนสิ่งต่าง ๆ ที่เป็นเส้นมีระยะทาง
3) สัญลักษณ์ที่เป็นพื้นที่ (area symbol) ใช้แทนบริเวณพื้นที่ของสิ่งต่าง ๆ
ที่ปรากฏในภูมิประเทศ
แผนที่ 15
สีที่เป็นมาตรฐานในแผนที่มี 5 สี คือ
สีดำ ใช้แทนสิ่งต่าง ๆ ที่มนุษย์สร้างขึ้น
สีแดง ใช้แทนถนนและรายละเอียดพิเศษอื่น ๆ
สีน้ำตาล ใช้แทนความสูงของพื้นที่
สีเขียว ใช้แทนพื้นที่ป่าไม้ พื้นที่การเกษตร
สีน้ำเงิน ใช้แทนบริเวณที่เป็นน้ำ
ตัวอย่างสัญลักษณ์และคำอธิบายสัญลักษณ์
ที่มา http://www.trueplookpanya.com/data/product/uploads/other6/u_1-13.png
แผนที่ 16
1.4 ประโยชน์ของแผนที่
1. ทำให้รู้จักและเข้าใจสถานที่ที่ไม่เคยไปได้ดียิ่งขึ้น
2. บอกความเปลี่ยนแปลงของภูมิประเทศ สภาพภูมิประเทศ เมือง และสิ่งก่อสร้างที่
ปรากฏอยู่ในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง
3. ช่วยอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวที่ไม่ทราบรายละเอียดของสถานที่ที่
จะเดินทางไป
4. ช่วยวางแผนและตัดสินใจในการดำเนินการในพื้นที่นั้น ๆ
5. ช่วยเลือกเส้นทางและพาหนะที่เหมาะสม ก่อนที่จะเดินทางไปยังสถานที่ที่ไม่เคยไป
ที่มา http://www.ph9wallpaper.com/
เข็มทิศ 17
1.3 เข็มทิศ
เข็มทิศ หมายถึงเครื่องมือชี้บอกแนวทิศ ที่มีลูกศรเป็นเข็มแม่เหล็กเป็นตัวชี้เรา
สามารถใช้เข็มทิศได้ โดยวางเข็มทิศบนพื้นราบหรือถือเข็มทิศให้อยู่ในแนวระนาบให้
ถูกต้องก่อนมองดูที่หน้าปัดเข็มทิศแล้วค่อย ๆ หมุนปรับให้หัวลูกศรตรงกับตัวอักษร
N ซึ่งแสดงทิศเหนือ เพราะหัวลูกศรทำจากแม่เหล็กจะชี้ไปทางทิศเหนือ (ทิศเหนือ
แม่เหล็ก) เสมอ เมื่อปรับเข็มตรงกับทิศเหนือแล้ว เราจะอ่านทิศต่างๆได้จากหน้าปัด
เข็มทิศ เข็มทิศจึงเป็นเครื่องมือชี้บอกทิศทางได้อย่างถูกต้อง ซึ่งลูกเสือสามารถนำ
เข็มทิศไปใช้ในกิจกรรมต่างๆได้ เช่น การเดินทางไกล การสำรวจป่า การผจญภัย
การสำรวจและการเยือนสถานที่ เป็นต้น
ที่มา https://missiontothemoon.co/wp-content/uploads/2019/02/life-compass_fb.jpg
เข็มทิศ 18
เข็มทิศมีหลายแบบ ดังนี้
1.เข็มทิศแบบตลับ
เข็มทิศตลับธรรมดา หาแนวทิศเหนือได้แต่หามุมอาซิมุทไม่ได้เป็นเข็มทิศแม่เหล็ก
เล็ก ๆ
ที่มา https://cf.shopee.co.th/file/28893a1af8de0a69d8e9d71347e6e899
2.เข็มทิศแบบ เล็นซาติก
เข็มทิศแบบ เลนซาติก ฝาตลับมีช่องเล็ง มีเส้นลวดขึงไว้ตรงกลางช่องฝาเพื่อให้
ประกอบการเล็ง ที่หมาย
ที่มา https://sites.google.com/a/phukhieo.ac.th/scout/_/rsrc/1415514959137/compass/lensatic.gif
เข็มทิศ 19
3.เข็มทิศแฟชั่น
เข็มทิศแบบแฟชั่นมีหลากหลายรูปแบบ ผลิตมาเพื่อการค้า ใช้บอกทิศได้
ที่มา https://sites.google.com/a/phukhieo.ac.th/scout/_/rsrc/1415515005276/compass/fashion1.gif
4.เข็มทิศแบบ ซิลวา
เข็มทิศซิลวา (Silva) ชนิด 360 องศา เป็นเข็มทิศสำหรับลูกเสือ ที่ทำในประเทศสวีเดน
ทั่วโลกนิยมใช้มาก แม้แต่สหรัฐอเมริกาก็สร้างเองไม่ได้ เพราะสงวนลิขสิทธิ์ เป็นเข็มทิศใช้
ทำแผนที่ และหาทิศทางเดินได้ด้วย
ที่มา https://sites.google.com/a/phukhieo.ac.th/scout/_/rsrc/1415515048340/compass/silva1.jpg
เข็มทิศ 20
วิธีการใช้เข็มทิศและการหาทิศ
ที่มา https://sites.google.com/a/phukhieo.ac.th/scout/_/rsrc/1415515048340/compass/silva1.jpg
1. เข็มทิศแบบซิลวา
เป็นของประเทศสวีเดน เป็นเข็มทิศที่ได้รับความนิยมใช้ในวงการลูกเสือ สามารถใช้
งานได้ง่าย พกพาสะดวกซึ่งมีส่วนประกอบ ดังนี้
แว่นขยาย เข็มทิศชี้ทาง แผ่นฐานของเข็มทิศ เข็มทิศและก้างปลา ตลับเข็มทิศหมุนบอก
องศา สเกลวัดความยาว
เข็มทิศ 21
2. มุมที่ใช้เข็มทิศ
มุมอะซิมุท คือ มุมในแนวราบหรือแนวระดับที่วัดจากแนวทางทิศเหนือไปตาม
ทางเดินของเข็มนาฬิกา มีค่าไม่เกิน 360 องศา
เช่น ทิศทาง ก ทำมุมอะซิมุท 45 องศา กับแนวทิศเหนือ
ทิศทาง ข ทำมุมอะซมุท 225 องศา กับแนวทางทิศเหนือ
ที่มา https://sites.google.com/a/phukhieo.ac.th/scout/_/rsrc/1415516369219/compass/AZIMUTH.gif
https://sites.google.com/a/phukhieo.ac.th/scout/compass/2000px-Compass_Card_B+W.svg.png
มุมแบริ่ง คือ มุมที่นแนวราบหรือแนวระดับที่วัดจากแนวทางทิศเหนือหรือทิศใต้ไปทางทิศ
ตะวันตก หรือทิศตะวันออกมีค่าไม่เกิน 90 องศา
ดังตัวอยา่ งต่อไปนี้
ทิศทาง ก มุมแบริ่งเท่ากับเหนือ 45 องศาตะวันออก
ทิศทาง ข มุมแบริ่ง เท่ากับ ใต้ 45 องศา ตะวันออก
ที่มา https://sites.google.com/a/phukhieo.ac.th/scout/_/rsrc/1415516409981/compass/quadrant-bearing.png
https://sites.google.com/a/phukhieo.ac.th/scout/_/rsrc/1415516461837/compass/compass.gif
เข็มทิศ 22
3.วิธีใช้เข็มทิศ
1.วางเข็มทิศบนฝ่ามือหรือบนปกสมุดในแนวระดับโดยให้เข็มแม่เหล็กแกว่งไปมาอย่าง
อิสระ
2. หมุนกรอบหน้าปัดของตลับเข็มทิศให้เลข 60 อยู่ตรงกับปลายลูกศรชี้ทิศทาง
3. หมุนฐานเข็มทิศจนกว่าเข็มแม่เหล็กสีแดงภายในตลับเข็มทิศชี้ตรงกับตัวอักษร N
ทิศเหนือ บนกรอบหน้าปัด
4. เมื่อลูกศรชี้ทิศทางไปทางทิศใด ก็เดินตามไปทางทิศนั้น ในการเดินทางไปตาม
ทิศทางที่ลูกศรแดงชี้นั้น ให้สังเกตและมองหาจุดเด่นใน
ภูมิประเทศ แล้วจึงเดินไปยังสิ่งนั้น
ที่มา https://sites.google.com/a/phukhieo.ac.th/scout/_/rsrc/1415517027675/compass/Silva123System.gif
เข็มทิศ 23
กรณีที่ต้องการหาจุดค่าของอะซิมุทจากตำบลที่เรายืนอยู่ไปยังตำบลที่เราจะเดินไปข้าง
หน้า ให้ปฎิบัติดังนี้
1. วางเข็มทิศฝ่ามือหรือบนสมุดปกแข็งในแนวระดับ
2. หันลูกศรให้ชี้ทิศทางไปยังจุดหรือตำแหน่งที่เราจะเดินทาง
3. หมุนกรอบหน้าปัดของเข็มทิศไปจนกว่าตัวอักษร N จะอยู่ตรงปลายเข็มแม่
เหล็กสีแดง
4. ตัวเลขบนกรอบหน้าปัดที่อยู่ตรงปลายลูกศรชี้ทิศทาง คือ ค่าของมุมที่เรา
ต้องการทราบ
ข้อควรระวังในการใช้เข็มทิศ
1.จับถือด้วยความระมัดระวัง เพราะหน้าปัดและเข็มบอบบางอ่อนไหวได้ง่าย
2. อย่าทำเข็มทิศตก เพราะแรงกระทบกระเทือนอาจทำให้เสียหายได้
3. อย่าอ่านเข็มทิศใกล้สิ่งที่เป็นแม่เหล็กหรือวงจรไฟฟ้า
4. อย่าใช้เข็มิศที่เปียกน้ำ เพราะจะทำให้ขึ้นสนิม
5. อย่าวางเข็มทิศไว้ใกล้ความร้อน เพราะจะทำให้เข็มทิศบิดงอได้
เข็มทิศ 24
การหาทิศโดยใช้เข็มทิศ
ทิศเหนือเป็นเพียงทิศหนึ่งของทิศทั้งหลาย ปกติเรามักจะสมมุติทิศเหนือเป็นจุด
เริ่มต้นก็เพื่อความสะดวกที่หน้าปัดเข็มทิศ นอกจากจะมีเครื่องหมายแสดงทิศแล้ว ยังมี
ตัวเลขเพิ่มจำนวนไปตามเข็มนาฬิกา เริ่ม 0 ที่ทิศเหนือแล้วหมุนตามเข็มนาฬิกากลับไปที่
ทิศเหนือมีเลข 370 เป็นตัวเลขบอกองศา ฉะนั้นทิศตะวันออกจึงเป็น 90 องศา ทิศใต้
180 องศา ตะวันตก 270 องศา เมื่อเราหาทิศได้ เราก็จะทราบทิศอื่น ๆ ได้ โดยหันหน้า
ไปทางทิศเหนือ ข้างหลังคือทิศใต้ ขวามือคือทิศตะวันออก ช้ายมือคือตะวันตก
การหาทิศโดยไม่ใช้เข็มทิศ
1. สังเกตดวงอาทิตย์ ในเวลากลางวันให้สังเกตดวงอาทิตย์ ขึ้น-ตก ตามฤดูกาล
2. สังเกตดวงจันทร์ ในเวลากลางคืนให้สังเกตดวงจันทร์ ด้านที่สว่างจะหันไป
ทางทิศตะวันตก ด้านเว้าแหว่งจะหันไปทางทิศตะวันตก
3. สังเกตลม ใช้หญ้าแห้งหรือฝุ่นโยนไปในอากาศ จะทราบว่าลมพัดมาจาก
ทิศทางใด
4. สังเกตเถาวัลย์ เถาวัลย์ที่พันต้นไม้จะชูยอดไปทางทิศตะวันออกเสมอ เราก็จะ
หาทิศอื่นได้
5. สังเกตต้นไม้ เมื่อดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว ให้เอาแก้มแนบต้นไม้ดูด้านที่
อุ่น ๆ จะเป็นทิศตะวันตก
6. สังเกตดาว ดาวเคราะห์เป็นดาวพเนจรขึ้นไม่ประจำที่จึงไม่นิยมสังเกตดาวใน
การหาทิศ
เข็มทิศ 25
***วิธีง่ายๆในการใช้เข็มทิศ***
เข็มทิศ มี เข็มทิศ อยู่หลายแบบ บางแบบใช้ทาบกับแผนที่ บางแบบกว็ างบนฝ่ามือ
ไม่ก็ติดที่หัวแม่โป้ง เข็มทิศ แบบติดกับนิ้วมักใช้กับคนที่เดินเร็ว
แต่ว่าในตอนนี้จะเป็นชนิดมาตรฐานแบบง่าย ๆ ลองดูที่รู
ที่มา https://sites.google.com/a/phukhieo.ac.th/scout/_/rsrc/1415515220353/compass/dirs.gif
https://sites.google.com/a/phukhieo.ac.th/scout/_/rsrc/1415515267449/compass/compass1.gif
มองเห็นลูกศรแดงกับดำไหมครับ เราเรียกมันว่าเข็มบอกทิศ ในบางแบบของ เข็มทิศ
จะเป็นสีแดงกับสีขาว แต่จุดสำคัญอยู่ที่ว่าลูกศรแดงนั้นจะชี้ไปที่ขั้วแม่เหล็กโลกทางเหนือ
นี่คือพื้นฐานอย่างแรกที่คุณต้องรู้
เข็มทิศ 26
ถ้าคุณไม่ต้องการที่จะเดินไปทางเหนือ แต่อยากจะไปทิศอื่น ก็ให้วางเฮ้าซิ่งของ เข็มทิศ
บน เข็มทิศ ซึ่งจะมีสเกลอยู่ อาจจะเป็น 0 ถึง 360 หรือ 0 ถึง 400 เป็นหน่วยองศา
อซิมุส(azimuth) หรือบางที่ก็เรียกว่าแบริ่ง (bearing) จะเห็นตัวอักษรแยกทิศ N,S,W,E
แทนทิศ เหนือ ใต้ ออก ตก ตามลำดับ ถ้าคุณต้องการที่จะไปทางทิศเหนือ อยากไปในทิศ
ระหว่างสองทิศใด ๆ เราก็เรียกรวมกัน เช่น ตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นต้น ดูในภาพที่จะ
ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ เมื่อเจอแล้วก็ให้หมุนจนทิศนั้นตรงกับลูกศรใหญ่ชี้ทางเดิน
เสร็จแล้วก็วางบนมือ หมุนไปมาจนเข็มสีแดงชี้ตรงทิศเหนือ
ที่มา https://sites.google.com/a/phukhieo.ac.th/scout/_/rsrc/1415515350639/compass/arrowalign1.gif
https://sites.google.com/a/phukhieo.ac.th/scout/_/rsrc/1415515381064/compass/rotated1.gif
ซึ่งในช่วงนี้สำคัญมาก ต้องระวังไม่ให้เข็มทิศเคลื่อน แต่เป็นตัวเราที่หมุนเท่านั้น
ปล่อยให้เข็มชี้ทิศเป็นอิสระ มันจะหมุนตามไปเอง มีมือใหม่พอสมควรที่เดินตรงข้าม
เพราะเข็มอยู่ในส่วนที่ชี้เหนือใต้ แต่ว่าเข็มสีแดงชี้ไปทางใต้ทำให้เข้าใจผิด
รูปถ่ายทางอากาศ 27
1.4 รูปถ่ายทางอากาศ
ภาพถ่ายทางอากาศ หมายถึง ภาพของภูมิประเทศที่ได้จากการถ่ายรูปทางอากาศ
ด้วยวิธีนำกล้องถ่ายรูปติดกับอากาศยานที่บินไปเหนือภูมิประเทศที่จะทำการถ่ายรูป
แล้วทำการถ่ายรูปตามตำแหน่งทิศทางและความสูงของการบินที่ได้วางแผนไว้ก่อนแล้ว
หลังจากนั้นนำฟิล์มไปล้างและอัดภาพก็จะได้รูปที่มีรายละเอียดภูมิประเทศในบริเวณที่
ต้องการถ่ายปรากฏอยู่ ภาพถ่ายทางอากาศแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ ภาพถ่ายแนวดิ่ง
และภาพถ่ายแนวเอียง
การศึกษาข้อมูลภาพถ่ายทางอากาศ สามารถทำได้ 2 วิธี คือ ศึกษา
ด้วยตาเปล่าและศึกษาด้วยกล้องสามมิติ
ภาพถ่ายทางอากาศมีความแตกต่างจากรูปภาพปกติ คือ ภาพถ่ายทาง
อากาศจะทำการถ่ายภาพในแนวดิ่งและแนวเฉียงติดตั้งอยู่ที่ใต้ท้องเครื่องบิน มี
รายละเอียดของภาพมากกว่าภาพถ่ายปกติเนื่องจากถ่ายบนที่สูง ส่วน
ภาพถ่ายปกติจะถ่ายในแนวระนาบหรือแนวนอนเก็บรายละเอียดภาพได้น้อย
แต่ภาพถ่ายทางอากาศเมื่อเปรียบเทียบกับแผนที่แล้วมีข้อจำกัด เช่น ราย
ละเอียดบางประการถูกปิดบังเพราะอยู่ใต้รายละเอียดที่อยู่ในที่สูง รายละเอียด
มีมากเกินไปบางแห่งปรากฏไม่ชัดเจนอาจทำให้การอ่านและตีความผิดพลาด
เป็นต้น
รูปถ่ายทางอากาศ 28
การนำภาพถ่ายทางอากาศไปใช้ประโยชน์
หน่วยงานที่จัดทำ คือ กรมแผนที่ทหาร กระทรวงกลาโหม ภาพถ่ายทางอากาศ
นำไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาความเจริญของบ้านเมือง ดังนี้
1. ทำให้ทราบการเปลี่ยนแปลงในลักษณะทางกายภาพของพื้นที่ต่างๆ โดยเปรียบ
เทียบกับภาพถ่ายที่ถ่ายในระยะเวลาที่แตกต่างกัน เช่น การขยายตัวของชุมชนเมือง
เข้าไปในพื้นที่การเกษตร เป็นต้น
2. การวางแผนพัฒนาการใช้ดิน โดยนำภาพถ่ายทางอากาศไปใช้เพื่อจัดทำแผนที่
และจำแนกประเภทการใช้ที่ดินของประเทศ กำหนดโซนพื้นที่เป็นเขตอุตสาหกรรม เขต
เกษตรกรรม และเขตที่อยู่อาศัย เป็นต้น
3. การอนุรักษ์พื้นที่ป่าไม้ ภาพถ่ายทางอากาศทำให้ทราบถึงความอุดมสมบูรณ์ของ
ป่าไม้ในพื้นที่ ต่างๆ เพื่อกำหนดแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาต่อไป
ที่มา https://sites.google.com/site/suphamatprasoetnun/_/rsrc/1479922997693/kheruxng-mux-thang-phumisastr/phaphthay-thang-
xakas/1440937752.jpg?height=264&width=400
ภาพจากดาวเทียม 29
1.5 ภาพจากดาวเทียม
ดาวเทียม คือ วัตถุที่มนุษย์สร้างขึ้นเลียนแบบดาวบริวารของดาวเคราะห์ เพื่อ
ให้โคจรรอบโลกมีอุปกรณ์สำหรับเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับอวกาศและถ่ายทอด
ข้อมูลนั้นมายังโลก ดาวเทียมที่โคจรรอบโลกใช้เป็นอุปกรณ์โทรคมนาคมด้วย เช่น
ถ่ายทอดคลื่นวิทยุและโทรทัศน์ข้ามทวีป หรือใช้ในการบันทึกทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นบนแผ่นดินและผืนน้ำ ข้อมูลจากดาวเทียม เป็นสัญญาณ
ตัวเลขที่ได้รับ ณ สถานีรับสัญญาณดาวเทียมภาคพื้นดินในประเทศไทยมีสถานีรับ
สัญญาณดาวเทียมสำรวจทรัพยากร ตั้งอยู่ที่อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี และที่เขต
ลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร และมีสถานีรับสัญญาณของกรมอุตุนิยมวิทยากระจาย
ตามภูมิภาคของประเทศ เมื่อสถานีรับสัญญาณภาคพื้นดินได้รับข้อมูลตัวเลขที่ส่งมา
แล้ว จึงแปลงตัวเลขออกเป็นภาพอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเรียกว่าภาพจากดาวเทียม ที่นำไป
แปลความหมายต่อไปได้ในระบบคอมพิวเตอร์สามารถนำข้อมูลตัวเลขมาวิเคราะห์
เชิงสถิติเพื่อจัดกลุ่มข้อมูลใหม่ ซึ่งเป็นการแปลความหมายอีกรูปแบบหนึ่งได้
ที่มา https://sites.google.com/site/suphamatprasoetnun/_/rsrc/1479922265665/kheruxng-mux-thang-phumisastr/phaphthay-cak-
dawtheiym/4.PNG?height=309&width=400
ภาพจากดาวเทียม 30
1) ชนิดของดาวเทียม แบ่งออกได้ดังนี้
1.1) ดาวเทียมอุตุนิยมวิทยา เป็นดาวเทียมที่บันทึกข้อมูลด้านอุตุนิยมวิทยา
ดาวเทียมบางดวงจะโคจรรอบโลกในอัตราเร็วเท่ากับการหมุนของโลกและอยู่ในแนว
ตะวันออกตะวันตกเสมอ เช่น ดาวเทียม GMS ดาวเทียม GOES เป็นต้น ซึ่งจะมี
การบันทึกข้อมูลภูมิอากาศเกือบตลอดเวลา จึงเป็นประโยชน์มากในการพยากรณ์
อากาศและการเตือนภัย
1.2) ดาวเทียมสมุทรศาสตร์ เป็นดาวเทียมที่บันทึกข้อมูลสมุทรศาสตร์ เช่น
ดาวเทียม SEASAT จะบันทึกข้อมูลด้านสมุทรศาสตร์ และดาวเทียม MOS
(Marine Observation Satellite) นอกจากจะใช้ในการสำรวจด้านสมุทรศาสตร์แล้ว
ยังนำมาใช้ในการสำรวจด้านสมุทรศาสตร์แล้ว ยังนำมาใช้ในการสำรวจบนแผ่นดินแต่
ไม่เป็นที่นิยมมากนัก เป็นต้น
1.3) ดาวเทียมสำรวจแผ่นดิน เป็นดาวเทียมที่บันทึกข้อมูลของผิวโลก จึงมี
การนำมาใช้ประโยชน์มากมาย เช่น ดาวเทียมธีออส THEOS ดาวเทียมสำรวจ
ทรัพยากรดวงแรกของไทย ส่วนดาวเทียม LANDSAT ของสหรัฐอเมริกา ดาวเทียม
SPOT ของประเทศฝรั่งเศส ดาวเทียม ERS ของกลุ่มประเทศยุโรป ดาวเทียม
RANDARSAT ของประเทศแคนาดา เป็นต้น
1.4) ดาวเทียมสื่อสาร เป็นดาวเทียมเพื่อการติดต่อสื่อสารและโทรคมนาคม
เช่น การรับส่งสัญญาณโทรศัพท์ โทรสาร ข่าวสาร ภาพโทรทัศน์ รายการวิทยุ ข้อมูล
ข่าวสาร คอมพิวเตอร์ เป็นต้น ดาวเทียมสื่อสารเป็นดาวเทียมค้างฟ้าที่อยู่คงที่บนฟ้าของ
ประเทศใดประเทศหนึ่งตลอดเวลา โดยหลายประเทศจะมีดาวเทียมสื่อสารภายใน
ประเทศของตนเอง เช่น ประเทศไทยมีดาวเทียมไทยคม ประเทศญี่ปุ่นมีดาวเทียมซากุระ
ประเทศฝรั่งเศสมีดาวเทียมยูริสหรัฐอเมริกามีดาวเทียมเวสดาร์ แคนาดามีดาวเทียมแอ
นิค เป็นต้น
ภาพจากดาวเทียม 31
1.5) ดาวเทียมเพื่อกำหนดตำแหน่งบนพื้นโลก เป็นดาวเทียมที่ใช้ในการ
สำรวจหาตำแหน่งของวัตถุบนพื้นโลก ซึ่งสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หลายด้าน
เช่น เป็นเครื่องมือนำร่องยานพาหนะต่าง ๆ จากที่หนึ่งไปสู่อีกที่หนึ่ง การกำหนด
ตำแหน่งเพื่อวางแผนก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค การหาตำแหน่งของสถานที่ที่
ต้องการเดินทางไปโดยใช้ระยะทางที่สั้นที่สุด เป็นต้น
1.6) ดาวเทียมเพื่อกิจการทหาร เป็นดาวเทียมที่ใช้ในภารกิจของทหาร การ
ถ่ายภาพจากกรรมความลับของข้าศึก การศึกษาแนวพรมแดน การกำหนดเป้าโจมตี
ทางทหาร ดาวเทียมทหารมักจะเป็นความลับของทุกประเทศ และดาวเทียมทั่วไปก็
อาจมีการติดตั้งอุปกรณ์พิเศษเสริมเพื่อใช้งานทางทหาร เช่น การใช้ดาวเทียมสื่อสาร
ในการติดต่อระหว่างกองทัพกับฐานทัพ การใช้ดาวเทียมอุตุนิยมวิทยาในการสำรวจ
อากาศที่เหมาะสมสำหรับการปฏิบัติการทางทหารต่าง ๆ เป็นต้น
2) การแปลความหมายภาพจากดาวเทียม สามารถทำได้ ดังนี้
2.1) ในกรณีที่พิมพ์ข้อมูลเป็นภาพพิมพ์ อาจจะเป็นภาพขาว – ดำ หรือ
ภาพสี จะแปลความหมายโดยใช้วิธีเดียวกับการแปลความหมายจากรูปถ่ายทาง
อากาศ
2.2) ในกรณีที่เป็นข้อมูลตัวเลข ข้อมูลตัวเลขที่ได้จากดาวเทียมจะถูกแปลง
เป็นภาพอีกครั้งหนึ่ง โดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีโปรแกรมเฉพาะในการแปลความ
หมาย อาจจะให้เครื่องคอมพิวเตอร์และโปรแกรมช่วยจัดกลุ่มข้อมูลตามหลักสถิติ
แล้วจึงกำหนดกลุ่มข้อมูลตามวัตถุประสงค์ต่อไป
ภาพจากดาวเทียม 32
3) ประโยชน์ของข้อมูลจากจานดาวเทียม ข้อมูลจากดาวเทียมมีประโยชน์ ดังนี้
3.1) ด้านการจัดการทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม หลังจากที่ได้มีการศึกษาและ
วางแผนอย่างมีระบบ และได้มีการดำเนินงานในพื้นที่แล้ว เช่น พื้นที่ที่ควรคืนสภาพ
ป่า พื้นที่ที่อนุญาตให้ตัดไม้ จำเป็นต้องมีวิธีการจัดการอย่างต่อเนื่อง เช่น การเข้าไป
สังเกตการณ์ การตรวจวัดหรือตรวจสอบ แต่ถ้าพื้นที่นั้นเป็นพื้นที่ที่มีขนาดใหญ่ การ
ติดตามตรวจสอบทำได้ยากและมีค่าใช้จ่ายสูง จึงมีการนำข้อมูลจากดาวเทียมมาใช้
ตัวอย่างเช่น จากการสำรวจพบว่าในปี พ.ศ. 2516 ไทยมีพื้นที่ป่าไม้ร้อยละ
43.21 ของพื้นที่ประเทศ แต่ในปี พ.ศ. 2536 ลดลงเหลือเพียงร้อยละ 26.02
ของพื้นที่ประเทศ จากข้อมูลนี้จึงทำให้มีการรณรงค์เพื่อรักษาพื้นที่ป่าไม้ให้มากขึ้น
เป็นต้น นอกจากนี้ข้อมูลจากดาวเทียมยังใช้ในการศึกษาติดตามการเปลี่ยนแปลง
พื้นที่ป่าไม้ โดยเฉพาะป่าต้นน้ำลำธาร สำรวจพื้นที่ป่าที่อุดมสมบูรณ์และป่า
เสื่อมโทรมทั่วประเทศ ศึกษาไฟป่า หาพื้นที่ที่เหมาะสำหรับการปลูกสร้างสวนป่า
แทนบริเวณที่ถูกบุกรุก
ที่มา https://sites.google.com/site/suphamatprasoetnun/_/rsrc/1479921969905/kheruxng-mux-thang-phumisastr/phaphthay-cak-
dawtheiym/1.PNG?height=326&width=400
ภาพจากดาวเทียม 33
3.2) ด้านการทำแผนที่ ข้อมูลจากดาวเทียมสามารถนำมาสร้างเป็นแผนที่
เฉพาะเรื่อง เช่น แผนที่ธรณีวิทยา แผนที่ดิน เป็นต้น ซึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงช้า
และข้อมูลบางชนิดที่มีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เช่น การเคลื่อนย้ายของสัตว์ป่า
การใช้ที่ดิน เป็นต้น สำหรับในประเทศไทยยังมีการใช้ประโยชน์ข้อมูลจากดาวเทียม
ค่อนข้างจำกัด สำหรับการจัดทำแผนที่เฉพาะเรื่อง บทบาทสำคัญของข้อมูล
ดาวเทียมจึงใช้ในการปรับปรุงแผนที่เดิมที่มีอยู่แล้ว เช่น การปรับปรุงแผนที่
ภูมิประเทศ การเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดิน เป็นต้น ข้อมูลส่วนใหญ่ได้จากดาวเทียม
สำรวจทรัพยากรที่สำคัญ เช่น ดาวเทียม LANDSAT ดาวเทียม SPOT และ
MOS-1 เป็นต้น
3.3) ด้านอุตุนิยมวิทยา ข้อมูลจากดาวเทียมสามารถนำมาใช้ในการติดตาม
ลักษณะอากาศในช่วงเวลาตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้การพยากรณ์อากาศมีความถูก
ต้องแม่นยำและทันเหตุการณ์
ที่มา https://sites.google.com/site/suphamatprasoetnun/_/rsrc/1479922009485/kheruxng-mux-thang-phumisastr/phaphthay-cak-
dawtheiym/2.PNG?height=322&width=400
ภาพจากดาวเทียม 34
ข้อมูลจากดาวเทียมมีประโยชน์อย่างยิ่งในการป้องกันและเตือนภัยพิบัติ ลด
ความสูญเสียที่เกิดจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง เช่น การเกิดฝนฟ้าคะนอง การ
เคลื่อนตัวของพายุ การเกิดน้ำท่วม เป็นต้น ทำให้สามารถวางแผนการช่วยเหลือ
และฟื้นฟูได้อย่างเหมาะสม
ในปัจจุบันดาวเทียมมีบทบาทมากขึ้นในหลายด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ ด้าน
ความบันเทิง ด้านการติดต่อสื่อสาร ด้านธรณีวิทยา ด้านกรมอุตุนิยมวิทยา หรือ
แม้แต่ด้านโทรคมนาคม และดาวเทียมก็ยังถูกพัฒนาต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง จนก้าวไป
สู่ระบบอุตสาหกรรมดาวเทียม
ที่มา https://paipibat.com/wp-content/uploads/ai010401.jpg
ที่มา https://images.bootcampdemy.com/contents/social-5.1.3_1.png
เครื่องมืออื่น ๆ 35
ที่มา https://ae01.alicdn.com/kf/HTB1Vui8BMaTBuNjSszfq6xgfpXaN/
108-Dial.jpg
บารอมิเตอร์ (Barometer)
ที่มา http://www.cstsurveying.com/
เครื่องวัดระยะทางในแผนที่ (Map measurer)
ที่มา http://www.cstsurveying.com/
เครื่องคำนวณพื้นที่ในแผนที่ (Planimeter)
ที่มา https://www.lazada.co.th/products/bosch-
gol-32-d-full-set-i8752968.html
กล้องวัดระดับ (Theodolite)
เครื่องมืออื่น ๆ 36
ที่มา https://www.sdm.co.th/ms27.html
กล้องอ่านภาพถ่ายอากาศ (Mirror Stereoscope)
ที่มา https://www.neonics.co.th/
ที่มา https://www.ponpe.com/images/stories/virtuemart/product/aw011_6004.jpg เครื่องมือวัดอุณหภูมิอากาศ เทอร์โมมิเตอร์
(Thermometer)
เครื่องวัดปริมาณน้ำฝน (Rain Gauge)
ที่มา https://www.nakhonsawanmet.tmd.go.th/images/pic/evapo.jpg เครื่องวัดความเร็วลมที่มา https://www.bloggang.com/data/l/latphrao/picture/1511308779.jpg
(Anemometer)
เครื่องวัดน้ำระเหยแบบถาด
(American Class
37
อ้างอิง
ชื่อของเว็ปไซต์ นายวรวุฒิ ยังสังข์ เครื่องมือทางภูมิศาสตร์และการแบ่งเขตเวลาของโลก
วิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
ที่มาของเว็ปไซต์ https://sites.google.com/site/wowot1224/home
วันที่สร้างเว็ปไซต์ 3 กันยายน พ.ศ. 2561
สืบค้นเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ.2564
ที่มาของรูปภาพปกหน้าและปกหลัง
https://i.pinimg.com/736x/39/03/f7/3903f7a6f1a854116640ee3cff4f52c4.jpg
https://png.pngtree.com/png-clipart/20190116/ourlarge/pngtree-medical-microscope-
hand- painted-medical-microscope-cartoon-medical-microscope-fine-medical-png-
image_400691.jpg
https://e1.pngegg.com/pngimages/640/13/png-clipart-dessin-anime-terre-globe-
monde-zone.png
https://img.lovepik.com/element/40168/6190.png_860.png
https://png.pngtree.com/png-clipart/20201208/original/pngtree-cartoon-blue-satellite-
space-png-image_5549883.jpg
https://i.pinimg.com/736x/6c/43/19/6c4319705f225989d751c6a99a10698c.jpg
https://encrypted-tbn0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcQ4qA8bz2i7MtUNt0Ka-
eQINxJlSRqVpeVShQ&usqp=CAU
38
ประวัติผู้จัดทำ
นางสาวศรัณย์พร พลดี
รหัสนักศึกษา 6
2100107132
สาขาวิชาพุทธศาสนศึกษา นักศึกษาชั้นปีที่ 3
คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี