The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ครูญาฐิษตา วงศ์ก่อ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Suwit Duangdee, 2019-07-14 05:14:11

เรื่อง พลังงานไฟฟ้า

ครูญาฐิษตา วงศ์ก่อ

เร่ือง พลังงานไฟฟ้า

ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 3

ชดุ ที่ 1



พลังงานไฟฟา้ : ประจไุ ฟฟ้าและกระแสไฟฟา้

คำนำ

ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ วิชาวทิ ยาศาสตร์พนื้ ฐาน ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 3 เร่ือง พลังงานไฟฟา้
ชดุ ท่ี 1 เร่ือง ประจไุ ฟฟ้าและกระแสไฟฟ้า จัดทาขึน้ เพื่อใช้เป็นส่ือประกอบการจัดการเรยี นรู้และ
ใหน้ ักเรียนไดศ้ กึ ษาคน้ ควา้ ด้วยตนเอง เพอ่ื ให้เกิดความเขา้ ใจ สร้างองค์ความรูใ้ หม่ และได้เรยี นรู้
หลักการทางวทิ ยาศาสตร์ ภายในเล่มประกอบด้วย คาช้แี จงและขนั้ ตอนในการใชช้ ุดกิจกรรม
การเรยี นรู้ บัตรกจิ กรรมเพอื่ ให้นักเรยี นไดฝ้ กึ ปฏิบัติ บัตรเนอ้ื หาเพอ่ื ใหน้ กั เรยี นได้ศกึ ษาหาความรู้
แบบฝกึ หัด แบบทดสอบกอ่ นเรยี น และแบบทดสอบหลงั เรยี น เพือ่ ใหน้ กั เรียนได้รพู้ ัฒนาการและ
ความกา้ วหนา้ ทางการเรียน

ผจู้ ดั ทาขอขอบพระคณุ ผ้เู ชยี่ วชาญทุกท่านท่กี รุณาให้คาแนะนาและตรวจสอบความถูกตอ้ ง
ของเนื้อหาในการจัดทา ไว้ ณ โอกาสนี้ ขอขอบพระคุณทา่ นผู้อานวยการ ทา่ นรองผู้อานวยการ
คณะครโู รงเรียนท่าบอ่ ที่ให้คาปรกึ ษา ตลอดจนผมู้ สี ่วนเกยี่ วข้องทกุ ท่าน ท่ีให้ความช่วยเหลอื
ในการจัดทาชุดกจิ กรรมการเรียนรู้น้ี และขอขอบพระคณุ เจา้ ของเอกสารและตาราตา่ ง ๆ ท่ีใช้เป็น
เอกสารอ้างองิ หวงั เป็นอย่างยง่ิ ว่า ชุดกิจกรรมการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์เล่มน้ี จะมปี ระโยชนต์ ่อนกั เรียน
และการจดั การเรียนรวู้ ิทยาศาสตรต์ ่อไป

ญาฐษิ ตา วงศก์ อ่

พลังงานไฟฟ้า : ประจไุ ฟฟา้ และกระแสไฟฟา้ ข

สำรบญั หนา้

คานา ข
สารบัญ 1
คาชีแ้ จงการใชช้ ุดกิจกรรมการเรียนรู้ 2
ลาดบั ขั้นตอนการใช้ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้
รายละเอยี ดชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ วชิ าวิทยาศาสตร์พืน้ ฐาน เรื่อง พลงั งานไฟฟ้า 3
ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 3 ชุดที่ 1 เรื่อง ประจไุ ฟฟา้ และกระแสไฟฟ้า 6
7
บตั รคาสง่ั เรอ่ื ง ประจไุ ฟฟ้าและกระแสไฟฟา้ 9
แบบทดสอบก่อนเรียนชดุ ที่ 1 เร่อื ง ประจุไฟฟา้ และกระแสไฟฟ้า 10
กระดาษคาตอบแบบทดสอบก่อนเรียน 15
บัตรเนอื้ หา เรือ่ ง ประจุไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้า 17
บัตรกจิ กรรม เร่ือง การเกิดไฟฟา้ สถติ 19
เฉลยบตั รกจิ กรรม เรอ่ื ง การเกิดไฟฟ้าสถติ 20
แบบฝกึ หัด เร่อื ง ประจุไฟฟา้ และกระแสไฟฟ้า 22
แบบทดสอบหลงั เรียนชดุ ที่ 1 เรอื่ ง ประจไุ ฟฟ้าและกระแสไฟฟา้ 23
กระดาษคาตอบแบบทดสอบหลังเรยี น 24
แบบบันทึกคะแนนชดุ ท่ี 1 เรื่อง ประจไุ ฟฟ้าและกระแสไฟฟา้ 27
ภาคผนวก
เอกสารอา้ งองิ

1

พลังงานไฟฟา้ : ประจุไฟฟา้ และกระแสไฟฟ้า

คำช้แี จงกำรใช้ชุดกิจกรรมกำรเรยี นรู้

1. เอกสารฉบบั น้เี ป็นชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ วิชาวิทยาศาสตร์พน้ื ฐาน เรอื่ ง พลงั งานไฟฟ้า
ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 3 โดยชดุ กจิ กรรมการเรียนรชู้ ุดน้ีเปน็ ชดุ ท่ี 1 เรอ่ื ง ประจไุ ฟฟ้าและกระแสไฟฟา้

2. อ่านคาช้ีแจงและลาดบั ขั้นตอนการใช้ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ให้เข้าใจกอ่ นทจ่ี ะศึกษา
ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้

3. ศกึ ษารายละเอยี ดชดุ กจิ กรรมการเรียนรใู้ หเ้ ข้าใจ
4. ปฏิบัตติ ามบัตรคาสั่งในชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้
5. ทาแบบทดสอบกอ่ นเรยี น จานวน 10 ขอ้ เพอ่ื ทดสอบความร้พู ื้นฐาน โดยใช้เวลา 10 นาที
6. ปฏบิ ัตกิ ิจกรรมตามลาดบั ขัน้ ตอนการใช้ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้
7. ศกึ ษาบตั รเนื้อหาเพื่อประกอบการทาบัตรกจิ กรรมและแบบฝกึ หัดตามลาดับจนเสร็จ แล้วจงึ
ตรวจคาตอบของบตั รกจิ กรรมในหนา้ ถัดไปและตรวจคาตอบแบบฝกึ หัดในภาคผนวกโดยไม่เปดิ ดูเฉลยก่อน
8. หากนกั เรียนยงั ไมเ่ ข้าใจหรอื สงสยั ในคาตอบทตี่ นเองตอบลงในบัตรกจิ กรรมและแบบฝกึ หดั
ใหน้ ักเรียนกลบั ไปศึกษาในบตั รเนอ้ื หาอกี ครง้ั เพื่อใหเ้ กดิ ความเข้าใจมากยง่ิ ข้ึน
9. ทาแบบทดสอบหลงั เรยี น จานวน 10 ขอ้ โดยใชเ้ วลา 10 นาที
10. นกั เรียนต้องได้คะแนนในแต่ละแบบฝกึ หัดและแบบทดสอบหลงั เรยี น ร้อยละ 80 ขึ้นไป
จึงจะสามารถไปเรียนชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ชุดตอ่ ไปได้ หากนักเรยี นไดค้ ะแนนตา่ กว่า ร้อยละ 80
ให้นักเรยี นกลบั ไปศกึ ษาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ในเลม่ นใี้ หมอ่ กี ครง้ั
11. ในการทาแบบฝึกหดั และแบบทดสอบหลงั เรียน ขอใหน้ กั เรยี นทาด้วยความตัง้ ใจ
ให้ความรว่ มมือและมคี วามซอ่ื สตั ยต์ อ่ ตนเองมากทสี่ ดุ โดยไม่เปิดดเู ฉลยกอ่ น
12. หากนักเรียนเรยี นไมท่ ันหรอื ยงั ไมเ่ ขา้ ใจ ใหร้ ับชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ไปศกึ ษาเพม่ิ เตมิ
นอกเวลาเรยี นเพื่อใหเ้ ข้าใจมากย่งิ ขึน้

อา่ นคาชแ้ี จงใหเ้ ขา้ ใจกอ่ นศกึ ษา
ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรนู้ ะครบั

2

พลังงานไฟฟา้ : ประจุไฟฟา้ และกระแสไฟฟา้

ลำดบั ขนั้ ตอนกำรใช้ชุดกิจกรรมกำรเรยี นรู้

ให้นักเรยี นปฏบิ ตั ิตำมลำดบั ขั้นตอนต่อไปน้ี
อำ่ นคำชแ้ี จงกำรใชช้ ดุ กิจกรรมกำรเรยี นรู้ให้เข้ำใจ

ศึกษำรำยละเอยี ดชดุ กจิ กรรมกำรเรยี นรู้

ปฏบิ ตั ติ ำมบตั รคำส่งั ชุดกิจกรรมกำรเรยี นรู้

ทำแบบทดสอบกอ่ นเรียน

ศกึ ษำชุดกจิ กรรมกำรเรยี นรตู้ ำมลำดับ

ทำแบบทดสอบหลังเรยี น

คะแนนในแตล่ ะแบบฝกึ หดั คะแนนในแต่ละแบบฝึกหดั
และแบบทดสอบหลงั เรียน และแบบทดสอบหลงั เรียน
มีคะแนน ร้อยละ 80 ขนึ้ ไป มคี ะแนนตำ่ กว่ำ รอ้ ยละ 80

ศกึ ษำชุดกิจกรรมกำรเรยี นรชู้ ดุ ตอ่ ไป ไมผ่ ่ำนเกณฑ์

3

พลังงานไฟฟา้ : ประจุไฟฟา้ และกระแสไฟฟ้า

รำยละเอยี ดชดุ กจิ กรรมกำรเรยี นรู้ วชิ ำวิทยำศำสตรพ์ น้ื ฐำน
เร่อื ง พลงั งำนไฟฟ้ำ ชัน้ มธั ยมศึกษำปที ่ี 3
ชุดที่ 1 เรอื่ ง ประจไุ ฟฟ้ำและกระแสไฟฟ้ำ

ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ วชิ าวิทยาศาสตร์พ้นื ฐาน เรอื่ ง พลงั งานไฟฟ้า ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 3

ประกอบดว้ ยชุดกิจกรรมการเรียนรจู้ านวน 14 ชดุ ใชเ้ วลาทงั้ หมด 20 ชั่วโมง ดังน้ี

ชุดที่ 1 เร่ือง ประจุไฟฟา้ และกระแสไฟฟา้ เวลา 1 ชั่วโมง

ชุดที่ 2 เรือ่ ง แหลง่ กาเนดิ ไฟฟา้ เวลา 3 ชั่วโมง

ชุดท่ี 3 เรื่อง การวดั กระแสไฟฟา้ เวลา 1 ช่ัวโมง

ชุดท่ี 4 เรื่อง ความต่างศกั ยไ์ ฟฟ้า เวลา 1 ช่วั โมง

ชดุ ท่ี 5 เร่ือง ความต้านทานไฟฟา้ เวลา 1 ชว่ั โมง

ชดุ ท่ี 6 เรอ่ื ง กฎของโอห์ม เวลา 1 ชัว่ โมง

ชดุ ที่ 7 เรื่อง อุปกรณ์ไฟฟา้ เวลา 2 ชั่วโมง

ชดุ ท่ี 8 เรอ่ื ง การต่อวงจรไฟฟ้า เวลา 3 ชว่ั โมง

ชุดที่ 9 เร่ือง เครอื่ งใช้ไฟฟา้ ทีใ่ ห้แสงสวา่ ง เวลา 1 ชว่ั โมง

ชดุ ท่ี 10 เรือ่ ง เครอ่ื งใช้ไฟฟา้ ทีใ่ ห้ความร้อน เวลา 1 ชว่ั โมง

ชุดที่ 11 เรื่อง เครอ่ื งใชไ้ ฟฟา้ ท่ใี ห้พลังงานกล เวลา 1 ชั่วโมง

ชดุ ท่ี 12 เรื่อง เครอื่ งใชไ้ ฟฟา้ ท่ใี ห้พลังงานเสียง เวลา 1 ชว่ั โมง

ชุดท่ี 13 เรอ่ื ง การคานวณคา่ ไฟฟา้ เวลา 2 ช่ัวโมง

ชดุ ท่ี 14 เรื่อง การใชไ้ ฟฟ้าอยา่ งคมุ้ ค่า เวลา 1 ชั่วโมง

ส่วนประกอบ

ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ชดุ น้เี ปน็ ชดุ ที่ 1 เรอื่ ง ประจุไฟฟา้ และกระแสไฟฟา้ มสี ว่ นประกอบ ดงั น้ี

1. คาช้แี จงการใช้ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้

2. ลาดับขน้ั ตอนการใช้ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้

3. รายละเอยี ดชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้

4. บตั รคาส่งั

5. แบบทดสอบกอ่ นเรียน

6. บตั รเน้อื หา

7. บตั รกิจกรรม

8. เฉลยบตั รกจิ กรรม

9. แบบฝึกหดั

4

พลังงานไฟฟ้า : ประจไุ ฟฟ้าและกระแสไฟฟา้

10. แบบทดสอบหลงั เรียน
11. กระดาษคาตอบ
11. เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรียนและหลงั เรยี น
12. เฉลยแบบฝกึ หัด
สำระ/มำตรฐำน/ตวั ชี้วดั
สำระท่ี 5 พลังงำน
มาตรฐาน ว 5.1 : เข้าใจความสมั พนั ธร์ ะหว่างพลงั งานกบั การดารงชีวติ การเปล่ียนรปู
พลงั งานปฏสิ มั พนั ธร์ ะหวา่ งสารและพลงั งาน ผลของการใชพ้ ลังงาน ตอ่ ชวี ิตและส่ิงแวดลอ้ ม
มีกระบวนการสบื เสาะหาความรู้ ส่อื สารสงิ่ ทเ่ี รยี นรู้และนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
ตัวชี้วัด ว 5.1 ม.3/2 ทดลองและอธิบายความสมั พันธร์ ะหว่างความต่างศกั ย์ไฟฟา้ กระแสไฟฟา้
ความต้านทานและนาความร้ไู ปใช้ประโยชน์
สำระท่ี 8 ธรรมชำตขิ องวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 8.1 ใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และจติ วิทยาศาสตรใ์ นการสืบเสาะ หาความรู้
การแก้ปญั หา รวู้ ่าปรากฏการณท์ างธรรมชาตทิ เ่ี กดิ ขน้ึ ส่วนใหญม่ รี ูปแบบท่ีแน่นอน สามารถอธบิ ายและ
ตรวจสอบได้ภายใตข้ อ้ มลู และเครอ่ื งมอื ท่มี อี ยใู่ นช่วงเวลานนั้ ๆ เขา้ ใจวา่ วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี สงั คม
และสง่ิ แวดลอ้ ม มคี วามเก่ยี วข้องสมั พันธก์ นั
ตัวชว้ี ดั ว 8.1 ม.3/2 สรา้ งสมมตฐิ านทส่ี ามารถตรวจสอบได้ และวางแผนการสารวจตรวจสอบ
หลาย ๆ วธิ ี
ตัวช้ีวดั ว 8.1 ม.3/3 เลือกเทคนคิ วธิ ีการสารวจตรวจสอบทงั้ เชงิ ปรมิ าณและเชงิ คุณภาพทไี่ ด้ผล
เทยี่ งตรงและปลอดภยั โดยใชว้ ัสดแุ ละเครื่องมือทเี่ หมาะสม
ตัวช้ีวดั ว 8.1 ม.3/4 รวบรวมขอ้ มูล จัดกระทาขอ้ มลู เชิงปรมิ าณและคณุ ภาพ
ตวั ชี้วัด ว 8.1 ม.3/8 บันทึกและอธบิ ายผลการสังเกต การสารวจ ตรวจสอบ คน้ ควา้ เพิม่ เติม
จากแหล่งความรตู้ า่ ง ๆ ให้ได้ข้อมูลทีเ่ ช่ือถอื ได้ และยอมรบั การเปลีย่ นแปลงความรูท้ ีค่ ้นพบเมือ่ มีขอ้ มลู
และประจกั ษ์พยานใหมเ่ พม่ิ ข้ึนหรอื โต้แยง้ จากเดมิ
ตวั ช้วี ดั ว 8.1 ม.3/9 จัดแสดงผลงาน เขียนรายงาน และ/หรืออธบิ ายเกยี่ วกับแนวคิด
กระบวนการ และผลของโครงงานหรอื ชน้ิ งานใหผ้ อู้ นื่ เขา้ ใจ
สำระกำรเรยี นรู้
ประจุไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้า
สำระสำคัญ
ประจไุ ฟฟา้ หมายถึง อนภุ าคทีม่ ีอานาจทางไฟฟ้า ซง่ึ อนุภาคดังกลา่ วจะเปน็ ส่วนประกอบ
หน่งึ ของอะตอมของวตั ถุ ภายในอะตอมประกอบดว้ ยอนภุ าคมูลฐาน 3 ชนิด ได้แก่ โปรตอน
(proton) นิวตรอน (neutron) และอิเลก็ ตรอน (electron) โดยท่โี ปรตอนมปี ระจุไฟฟา้ เปน็ บวก

5

พลังงานไฟฟา้ : ประจไุ ฟฟ้าและกระแสไฟฟ้า

กบั นวิ ตรอนทเี่ ป็นกลางทางไฟฟา้ รวมกันอยแู่ กนกลาง เรยี กว่า นิวเคลยี ส (nucleus) สว่ นอิเล็กตรอน
มีประจุไฟฟ้าลบจะอยรู่ อบ ๆ นวิ เคลียส
จดุ ประสงคก์ ำรเรยี นรู้

1. สามารถอธบิ ายความหมายของประจุไฟฟา้ และกระแสไฟฟ้าได้ (K)
2. สามารถออกแบบการทดลองการเกดิ กระแสไฟฟ้าจากประจไุ ฟฟ้าได้ (P)
3. มวี ินยั ใฝเ่ รยี นรู้ มงุ่ มั่นในการทางาน (A)
สอื่ กำรเรียนรู้
1. แบบทดสอบกอ่ นเรยี นชดุ ที่ 1 เร่ือง ประจุไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้า
2. บัตรคาสั่ง เรือ่ ง ประจุไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้า
3. บัตรเน้อื หา เรอื่ ง ประจไุ ฟฟ้าและกระแสไฟฟ้า
4. บัตรกจิ กรรม เร่ือง การเกิดไฟฟา้ สถติ
5. แบบฝึกหัด เรอ่ื ง ประจุไฟฟา้ และกระแสไฟฟา้
6. แบบทดสอบหลงั เรียนชุดท่ี 1 เรือ่ ง ประจุไฟฟา้ และกระแสไฟฟา้
กำรประเมินผล
ประเมนิ ผลจากแบบฝกึ หดั และแบบทดสอบหลงั เรยี น ของชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ชุดที่ 1
เร่อื ง ประจไุ ฟฟ้าและกระแสไฟฟา้
เกณฑก์ ำรผ่ำน
นักเรยี นทาแบบฝึกหัดและแบบทดสอบหลงั เรียน ในชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ชดุ ที่ 1
เร่ือง ประจุไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้า ได้คะแนนในแตล่ ะแบบฝกึ หัดและแบบทดสอบหลงั เรยี น รอ้ ยละ 80
ข้ึนไป ถอื ว่าผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ

6

พลังงานไฟฟา้ : ประจุไฟฟ้าและกระแสไฟฟา้

บัตรคำสัง่ ชดุ ท่ี 1 เร่อื ง ประจุไฟฟ้ำและกระแสไฟฟำ้

1. นักเรียนทกุ คนทาแบบทดสอบกอ่ นเรยี นชุดท่ี 1 เร่อื ง ประจไุ ฟฟา้ และกระแสไฟฟ้า
จานวน 10 ขอ้ เพอ่ื ตรวจสอบความรู้พ้นื ฐาน

2. นกั เรยี นแบง่ กลมุ่ จานวน 8 กลมุ่ กลุ่มละ 5 - 6 คน มนี กั เรยี นคละตามความสามารถ
เกง่ ปานกลาง อ่อน เลอื กประธานกลมุ่ เลขานกุ ารกลุ่ม เพอื่ แบ่งหน้าท่คี วามรับผดิ ชอบ

3. ประธานกลมุ่ รบั ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรชู้ ดุ ที่ 1 เรือ่ ง ประจไุ ฟฟา้ และกระแสไฟฟ้า ตรวจเช็ค
อปุ กรณว์ า่ มีครบตามรายการหรือไม่ ถา้ มไี มค่ รบหรอื ชารดุ ให้แจ้งครูผสู้ อนทนั ที

4. ใหส้ มาชิกในกลมุ่ ชว่ ยกนั ปฏิบตั กิ จิ กรรมตามลาดบั ในชดุ กจิ กรรมการเรียนรชู้ ดุ ที่ 1
เรื่อง ประจไุ ฟฟ้าและกระแสไฟฟ้า โดยใหน้ กั เรยี นมคี วามสามคั ครี ่วมกัน แสดงความคดิ เห็น และยอมรบั
เสียงสว่ นใหญใ่ นการปฏบิ ัตกิ จิ กรรม

5. เม่ือปฏบิ ตั กิ ิจกรรมตามลาดบั ครบแล้วใหบ้ นั ทึกผล ตอบคาถามหลงั การปฏิบตั กิ จิ กรรมและ
สรปุ ผลการปฏบิ ตั ิกจิ กรรม

6. ตรวจสอบความถูกต้องเรยี บรอ้ ย เตรยี มอภิปรายนาเสนอผลงาน และออกมาอภิปราย
นาเสนอผลงานหนา้ ชัน้ เรียน

7. นกั เรยี นตรวจสอบคาถามหลงั การปฏบิ ัติกจิ กรรม และสรปุ ผลการทดลองจากบตั รเฉลย
8. ศึกษาบัตรเน้อื หาเพมิ่ เตมิ และทบทวนกจิ กรรมที่ปฏบิ ตั ิ เพือ่ นาไปใช้ในการตอบคาถาม
ในแบบฝกึ หดั และตรวจคาตอบจากบตั รเฉลย
9. นักเรยี นเก็บอปุ กรณแ์ ละทาความสะอาดบรเิ วณท่ีปฏิบตั กิ ิจกรรมให้เรยี บรอ้ ย
10. เมือ่ ปฏบิ ัติตามชุดกจิ กรรมเรยี นรจู้ นครบแล้ว นักเรยี นทาแบบทดสอบหลงั เรียน
จานวน 10 ขอ้ 10 คะแนน เพ่ือประเมนิ ผลพฒั นาการเรยี นรู้ และตรวจคาตอบจากบตั รเฉลย
11. นักเรยี นบนั ทกึ คะแนนทีไ่ ดจ้ ากแบบฝึกหดั และแบบทดสอบหลงั เรียนชุดที่ 1
เรื่อง ประจไุ ฟฟา้ และกระแสไฟฟ้า ในแบบบันทกึ คะแนน แลว้ สรปุ ผลการประเมินตามเกณฑ์
โดยนักเรยี นตอ้ งได้คะแนนในแตล่ ะแบบฝกึ หดั และแบบทดสอบหลังเรียน รอ้ ยละ 80 ขนึ้ ไป ถ้านักเรียน
ได้คะแนนต่ากวา่ รอ้ ยละ 80 ให้นักเรยี นกลับไปศกึ ษาชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ชุดท่ี 1 อีกครงั้ และถ้า
นักเรียนไดค้ ะแนน รอ้ ยละ 80 คะแนนขึ้นไป ใหน้ ักเรียนศกึ ษาในชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ชุดท่ี 2 ตอ่ ไป

ปฏบิ ตั ติ ามบตั รคาสงั่
ตามนนี้ ะนกั เรยี น

7

พลังงานไฟฟ้า : ประจไุ ฟฟ้าและกระแสไฟฟ้า

แบบทดสอบกอ่ นเรยี นชดุ ท่ี 1 เรื่อง ประจไุ ฟฟ้ำและกระแสไฟฟำ้

คำช้แี จง ให้นักเรยี นเลือกคาตอบที่ถูกตอ้ งที่สุดแลว้ ทาเครอ่ื งหมายกากบาท (X) ลงในช่องวา่ งทต่ี รงกบั
อกั ษรทเี่ ลอื กในกระดาษคาตอบ

1. กระแสไฟฟ้าเกิดจากการเคลอื่ นที่ของสงิ่ ใด

ก. อเิ ล็กตรอน, นิวตรอน ข. โปรตอน, นวิ ตรอน

ค. โปรตอน, อิเล็กตรอน ง. เฉพาะอะตอมทเ่ี คลอื่ นท่ี

2. วตั ถุทีส่ ูญเสียอเิ ล็กตรอนให้กบั วัตถุอืน่ วตั ถุนัน้ จะแสดงอานาจไฟฟ้าตามข้อใด

ก. อานาจไฟฟา้ ลบ ข. อานาจไฟฟา้ บวก

ค. สภาพเปน็ กลาง ง. แสดงอานาจท้งั บวกและลบสลบั กนั

3. ไฟฟ้ากระแสตรงและไฟฟ้ากระแสสลับนน้ั มคี วามแตกต่างกันในเรอ่ื งใด

ก. ทิศทางการไหล ข. ความเขม้ ของแสง

ค. แหลง่ กาเนดิ ไฟฟา้ ง. ปรมิ าณกระแสไฟฟ้า

4. ข้อใดกลา่ วไม่ถกู ต้อง

ก. ประจไุ ฟฟา้ ประกอบด้วยโปรตอนเปน็ ข้วั บวกและอิเล็กตรอนเปน็ ข้วั ลบ

ข. ประจไุ ฟฟา้ ชนดิ เดียวกนั จะดูดกันส่วนประจุไฟฟา้ ต่างชนิดกนั จะผลกั กนั

ค. อนุภาคทม่ี ปี ระจไุ ฟฟา้ จะดูดอนุภาคท่ีไมม่ ปี ระจุไฟฟ้า

ง. อะตอมของธาตทุ เี่ ปน็ กลางจะมจี านวนโปรตอนเท่ากับจานวนอิเลก็ ตรอน

5. การไหลของกระแสไฟฟ้าเปรียบไดก้ บั การเคล่ือนทใ่ี นข้อใดได้ดที ่สี ดุ

ก. ควันไฟ ข. ลมพัดฝ่นุ

ค. นา้ ในแมน่ า้ ง. คลื่นในทะเล

6. กาหนดขอ้ มูลดงั น้ี

A = ประจไุ ฟฟ้าบวก B = ประจไุ ฟฟ้า C = อเิ ล็กตรอน

D = อะตอม E = นิวตรอน

กระแสไฟฟา้ เกิดจากการเคลอื่ นท่ีของส่ิงใด

ก. A, B, C ข. A, C, D

ค. D, E, C ง. B, D, E

8

พลังงานไฟฟ้า : ประจไุ ฟฟ้าและกระแสไฟฟ้า

7. ทิศทางการไหลของกระแสไฟฟา้ เปน็ ไปตามข้อใด

ก. ไหลจากขั้วไฟฟ้าบวกไปข้ัวไฟฟ้าลบ

ข. ไหลไปทิศทางเดียวกับการเคลือ่ นท่ขี องประจุไฟฟ้าบวก

ค. ไหลสวนทางกบั ทศิ การเคล่ือนท่ีของประจไุ ฟฟา้ ลบ

ง. ถกู ทกุ ขอ้

8. ข้อใดกลา่ วถกู ตอ้ งเกีย่ วกบั การเกิดไฟฟ้าสถิต

ก. ไฟฟา้ สถติ เกิดจากการเคลอ่ื นยา้ ยถา่ ยโอนอิเล็กตรอนจากวสั ดหุ นง่ึ ไปวสั ดุหนง่ึ

ข. ไฟฟ้าสถิตเกดิ จากการเคล่ือนย้ายถา่ ยโอนโปรตอนจากวัสดุหน่งึ ไปวสั ดุหนงึ่

ค. ไฟฟา้ สถิตเกดิ จากการเคลือ่ นยา้ ยถา่ ยโอนนิวตรอนจากวัสดุหนึ่งไปวสั ดุหนง่ึ

ง. ไมม่ ขี อ้ ถกู

9. คากลา่ วในขอ้ ใดไมถ่ ูกตอ้ ง

ก. กระแสไฟฟา้ ไม่ไดเ้ กดิ ข้นึ จรงิ เป็นเพียงกระแสสมมติเทา่ นั้น

ข. อิเลก็ ตรอนจะไหลจากข้วั ทศ่ี กั ยไ์ ฟฟา้ ต่ากวา่ ผ่านตวั นาไปยังขั้วทม่ี ีศกั ย์ไฟฟา้ สงู กวา่

ค. ทิศทางการไหลของกระแสสมมตจิ ะไหลสวนทางกบั อิเล็กตรอน

ง. ไฟฟ้าท่สี ่งตามสายมาใช้ตามบา้ นเรอื นจดั เป็นไฟฟา้ กระแสตรง

10. จากขอ้ 1 – 4 ขอ้ ความต่อไปน้ี ข้อใดกลา่ วถกู ต้อง

1. ประจไุ ฟฟา้ ชนิดเดียวกนั จะดูดกนั

2. ประจุไฟฟ้าตา่ งชนดิ กันจะดดู กนั

3. ประจไุ ฟฟ้าชนดิ เดียวกันจะผลกั กนั

4. อนภุ าคที่มีประจไุ ฟฟา้ จะดูดอนภุ าคท่ีไมม่ ีประจไุ ฟฟา้

ก. ขอ้ 1, 2 และ 3 ข. ข้อ 2, 3 และ 4

ค. ข้อ 1, 3 และ 4 ง. ข้อ 1, 2, 3 และ 4

9

พลังงานไฟฟา้ : ประจไุ ฟฟ้าและกระแสไฟฟา้

กระดำษคำตอบแบบทดสอบก่อนเรยี นชดุ ที่ 1 เร่ือง ประจุไฟฟ้ำและกระแสไฟฟ้ำ

ชือ่ – นำมสกลุ ..................................................................... ชั้น .................. เลขท่ี ...................

ข้อ ก ข ค ง
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10

สู้ๆ นะครับ

10

พลังงานไฟฟา้ : ประจไุ ฟฟา้ และกระแสไฟฟ้า

บตั รเนอื้ หำ เรือ่ ง ประจไุ ฟฟ้ำและกระแสไฟฟ้ำ

ประจไุ ฟฟำ้ (charge)
ประจไุ ฟฟ้าเป็นปริมาณทางไฟฟ้าปริมาณหนง่ึ ที่กาหนดข้ึน ธรรมชาตขิ องสสารจะ
ประกอบดว้ ยหนว่ ยยอ่ ย ๆ ท่มี ีลักษณะและมสี มบตั เิ หมือนกนั ทีเ่ ราเรียกวา่ อะตอม (atom) ภายใน
อะตอม จะประกอบดว้ ยอนุภาคมลู ฐาน 3 ชนดิ ได้แก่ โปรตอน (proton) นวิ ตรอน (neutron) และ
อิเลก็ ตรอน (electron) โดยที่ โปรตอนมปี ระจไุ ฟฟา้ บวกกบั นวิ ตรอนท่เี ป็นกลางทางไฟฟา้ รวมกันอยู่
เปน็ แกนกลาง เรียกวา่ นวิ เคลียส (nucleus) ส่วนอิเล็กตรอนมีประจุไฟฟา้ ลบ จะอยู่รอบ ๆ นวิ เคลยี ส
ดังภาพ

อเิ ลก็ ตรอน
นวิ ตรอน
โปรตอน

ภาพท่ี 1 ประจุไฟฟา้
ท่ีมา : https://roongtiwa.wordpress.com/

ตามปกตวิ ตั ถุจะมสี ภาพเป็นกลางทางไฟฟา้ กลา่ วคอื จะมีประจุไฟฟ้าบวกและประจไุ ฟฟา้ ลบ
เท่ากนั เนอื่ งจากในแตล่ ะอะตอมจะมจี านวนอนุภาคโปรตอนและอนุภาคอิเล็กตรอนเทา่ กันเปน็ ไปตาม
กฎการอนรุ กั ษป์ ระจุ (Law of Conservation of Charge) เมื่อนาวตั ถุสองชนิดมาถูกนั จะเกิด
การถ่ายเทประจรุ ะหว่างวตั ถุทั้งสองชนดิ ทาใหว้ ัตถุหน่งึ มปี รมิ าณประจบุ วกมากกว่าประจลุ บ จงึ มี
ประจสุ ทุ ธเิ ปน็ บวก และวัตถอุ ีกอนั หนง่ึ มปี รมิ าณประจลุ บมากกวา่ ประจบุ วก จึงมปี ระจสุ ทุ ธิเป็นลบ
หนว่ ยของประจไุ ฟฟ้าในระบบ SI เรยี กว่า คูลอมบ์ (coulomb) เขยี นสัญลักษณะเปน็ C ประจุ 1 คูลอมบ์จะ
เป็นประจุรวมของอิเลก็ ตรอน 6.2521018 ตวั หรอื อิเล็กตรอนจะมปี ระจเุ ทา่ กบั 1.60210-19 คูลอมบ์

เราสามารถจาแนกชนดิ ของวัตถโุ ดยพจิ ารณาจากอานาจทางไฟฟา้ ดังนี้
1. วัตถทุ ีเ่ ป็นกลางทางไฟฟ้า คือ วตั ถทุ ีไ่ มแ่ สดงอานาจทางไฟฟ้า คือไมด่ ึงดูดวตั ถใุ ด ๆ
เน่ืองจากวตั ถุมจี านวนโปรตอน (+) เทา่ กบั จานวนอิเลก็ ตรอน (-) ตวั อยา่ งได้แก่วตั ถทุ ัว่ ๆ ไป
2. วัตถทุ ่ีแสดงอานาจทางไฟฟา้ คอื วัตถทุ ีส่ ามารถดงึ ดูดวัตถุใด ๆ ได้ เนอื่ งจากวตั ถุมจี านวน
โปรตอนไมเ่ ทา่ กบั จานวนอเิ ลก็ ตรอน ถา้ วัตถมุ จี านวนโปรตอน (+) มากกวา่ จานวนอเิ ลก็ ตรอน (-)

11

พลังงานไฟฟ้า : ประจไุ ฟฟ้าและกระแสไฟฟา้

วัตถุจะแสดงอานาจไฟฟา้ เปน็ บวก และถ้าวัตถุมีจานวนโปรตอนน้อยกวา่ อเิ ล็กตรอน วตั ถนุ น้ั จะแสดง
อานาจไฟฟา้ เปน็ ลบ

ไฟฟ้ำสถติ (Static Electricity)
ในการดาเนนิ ชวี ติ ประจาวันของเรา เราสามารถพบไฟฟา้ สถติ ได้เสมอ เช่น เมอ่ื เรานามือเขา้
ไปใกล้จอโทรทศั นท์ เ่ี พิ่งปิดใหม่ ๆ หรอื เมื่อเราหวีผม เส้นผมมักจะชตู ามหวขี นึ้ มาดว้ ย หรือการทเ่ี รานา
ไม้บรรทดั พลาสติกมาถูทีผ่ มของเรา จากน้ันไมบ้ รรทดั จะมีพลังสามารถทจี่ ะดูดเศษกระดาษชน้ิ เล็ก ๆ ได้
เราเรยี กพลงั งานเหล่านว้ี ่า ไฟฟำ้ สถิต ปรากฏการณไ์ ฟฟ้าสถิตนี้ มนษุ ยค์ น้ พบมานานแลว้ เทา่ ทม่ี ี
การบันทึกไว้เรมิ่ มาต้ังแต่ 600 ปีกอ่ นครสิ ตศักราชหรือราว ๆ สมยั พทุ ธกาลนนั่ เอง

นกั ปราชญช์ าวกรกี ชอ่ื ธาลสี แหง่ เมอื งมิเลตลุ
(Thales of Miletus) นกั ปราชญ์ธาลสี สงั เกตวา่ เมอ่ื เขา
หยบิ แทง่ อาพนั มาถูกบั เสื้อคลมุ ซงึ่ ทาด้วยขนสตั ว์ เมื่อเขาวาง
แทง่ อาพันไว้บนโตะ๊ ดงั เดมิ เศษวสั ดุตา่ ง ๆ เช่น เศษไม้เลก็ ๆ
ต่างก็วิ่งเข้ามาเกาะแทง่ อาพันนัน้ ได้เอง เขาทดลองถูอีก
หลายครงั้ จงึ แนใ่ จวา่ น่นั เป็นความจรงิ ไม่ใชภ่ าพลวงตา
ธาลีสเรียนร้วู า่ ถา้ เอาอาพนั ถูกับผ้าขนสัตวแ์ ลว้ แทง่ อาพนั
จะดดู วัตถเุ บา ๆ ได้

ภาพที่ 2 นกั ปราชญช์ าวกรกี ช่อื ธาลสี แห่งเมอื งมเิ ลตลุ
ทม่ี า : http://online.benchama.ac.th/science/learning/sci/pra_website2/pan5.htm

กำรเกดิ ไฟฟ้ำสถติ
เมอื่ มีวสั ดุท้งั สองชนดิ เปน็ ฉนวนทม่ี กี ารสัมผสั กัน จะมปี ระจบุ างส่วน (Electrons) ถกู ถา่ ยโอน
จากวสั ดฉุ นวนช้นิ หน่งึ ไปสวู่ สั ดฉุ นวนอีกชิ้นหนงึ่ และเม่ือฉนวนท้ังสองช้ินถกู แยกออกจากกนั ประจุ
ดงั กลา่ วกจ็ ะไมส่ ามารถย้อนกลบั ไปยงั วสั ดุฉนวนชน้ิ เดมิ ได้ จึงทาใหป้ ระจุดงั กลา่ ว กจ็ ะไม่สามารถ
เคลอื่ นทีใ่ นวสั ดุฉนวนได้ ซึง่ ถ้าวัสดทุ งั้ สองเป็นกลางแลว้ ก็จะเกดิ ประจบุ วกข้นึ ในวสั ดฉุ นวนชิ้นหน่ึง
และเกดิ ประจลุ บกบั วสั ดุอกี ช้ินหนึ่ง

12

พลังงานไฟฟ้า : ประจุไฟฟา้ และกระแสไฟฟ้า

ภาพท่ี 3 การเกดิ ไฟฟ้าสถติ
ทีม่ า : http://online.benchama.ac.th/science/learning/sci/pra_website2/pan5.htm

ปรากฏการณธ์ รรมชาตฟิ ้าแลบ ฟ้ารอ้ ง และฟ้าผ่า เกดิ จากประจไุ ฟฟา้ สถติ ในกอ้ นเมฆ
มีจานวนมากจนสามารถเคลื่อนทจ่ี ากเมฆกอ้ นหนง่ึ ไปยงั อีกกอ้ นหนงึ่ เมือ่ เกดิ พายุฝนฟา้ คะนองประจุ
ไฟฟา้ ในกอ้ นเมฆจะเกดิ การถ่ายเทไปยงั อีกก้อนหนงึ่ อย่างรวดเรว็ ทาให้เสยี ดสีกับอากาศจนอากาศ
ร้อนจดั และลกุ ไหมเ้ หน็ แสงสวา่ งวาบเป็นทางท่เี ราเรียกวา่ ฟา้ แลบ เมอื่ อากาศรอ้ นจัด จงึ ขยายตวั
และหดตัวอย่างรวดเร็ว ทาใหอ้ ากาศส่ันสะเทอื นกลายเปน็ เสียงฟา้ รอ้ ง

ภาพที่ 4 ปรากฏการณ์ธรรมชาติฟา้ แลบ ฟา้ รอ้ ง
ที่มา : http://www.dlf.ac.th/dltv/dltv-uploads/libs/html/161/electricity/test/test.htm

uploads/libs/html/161/electricity/test/test.htm

สว่ นการเกิดฟา้ ผ่า เกดิ จากการถ่ายเทประจไุ ฟฟ้าระหวา่ งกอ้ นเมฆกับพืน้ ดิน ถ้ามสี ิ่งกีดขวาง
ไมย่ อมใหป้ ระจุผ่านไปไดส้ ะดวก เชน่ ตน้ ไม้ บ้าน รถยนต์ คน สตั ว์ต่าง ๆ ก็จะเกิดความรอ้ นและลุกไหม้
เป็นอันตรายอยา่ งมาก หรอื ที่เราเรยี กกนั วา่ ฟา้ ผา่ ดงั นั้นจงึ สังเกตไดว้ ่าตามอาคารสงู ๆ จงึ มักตดิ
สายลอ่ ฟ้า ทาด้วยเหลก็ กล้ารปู สามง่ามไว้บนยอดสดุ ของอาคาร เชอื่ มตอ่ กับสายทองแดงลงมาทีพ่ ้ืนดิน
เพือ่ ถา่ ยเทประจุไฟฟ้านาลงสู่พืน้ ดิน

พลังงานไฟฟ้า : ประจุไฟฟ้าและกระแสไฟฟา้ 13

เบนจามิน แฟรงคลนิ นกั วทิ ยาศาสตร์
ชาวอเมริกนั ไดพ้ สิ จู น์วา่ ฟา้ แลบฟา้ ร้องเปน็ ไฟฟ้า
สถิตอย่างหนง่ึ ในปี พ.ศ. 2295 เขาไดท้ ดลอง
ปล่อยวา่ วขึน้ ทา่ มกลางพายใุ นฟ้าคะนอง เขาพบวา่
ไฟฟ้าไหลลงมาตามสายปา่ นที่เปยี กฝน กอ่ ใหเ้ กิด
ประกายไฟทีล่ กู กญุ แจโลหะท่แี ขวนไวใ้ กลป้ ลาย
สายป่าน การทดลองนีม้ อี นั ตรายมากอาจถงึ แก่
ชีวิตโชคดีท่แี ฟรงคลินรอดชวี ติ มาได้ ผู้ทดลองแบบ
เดยี วกันในปีตอ่ มาถูกฟา้ ผ่าเสียชวี ติ การทดลอง
ของแฟรงคลินกอ่ ใหเ้ กดิ การประดิษฐส์ ายลอ่ ฟ้าเพอ่ื
ปอ้ งกันฟา้ ผ่าในเวลาต่อมา

ภาพท่ี 5 นกั วิทยาศาสตรช์ าวอเมรกิ ัน เบนจามนิ แฟรงคลิน
ทมี่ า : http://online.benchama.ac.th/science/learning/sci/pra_website2/pan5.htm

กระแสไฟฟำ้
กระแสไฟฟา้ หมายถึง ปริมาณประจไุ ฟฟ้าทเี่ คลื่อนทผี่ ่านพน้ื ที่ตัดขวางของตวั นาจากจดุ หนง่ึ ไป
ยังอกี จุดหนึ่งใน 1 หนว่ ยเวลา
กระแสไฟฟา้ เกดิ จากการไหลของประจไุ ฟฟ้า เน่ืองจากประจุไฟฟา้ มี 2 ชนิด จงึ เกิด
กระแสไฟฟา้ 2 แบบคอื
1. กระแสอเิ ลก็ ตรอน เป็นกระแสไฟฟา้ ทีเ่ กิดจากการเคลื่อนทขี่ องอเิ ล็กตรอนหรือประจลุ บ
โดยไหลจากข้ัวลบไปยังขวั้ บวกของเซลลไ์ ฟฟา้
2. กระแสสมมติ เปน็ กระแสทไ่ี ม่ได้เกดิ ข้นึ จริง โดยกาหนดให้ไหลสวนทางกับการไหลของ
อเิ ลก็ ตรอน โดยไหลจากจุดทม่ี ศี กั ยไ์ ฟฟ้าสูงไปยงั จดุ ทม่ี ศี ักยไ์ ฟฟา้ ตา่ กว่า หรอื ไหลจากข้ัวบวกไปยงั ข้วั ลบ

14

พลังงานไฟฟ้า : ประจไุ ฟฟา้ และกระแสไฟฟา้

ชนดิ ของกระแสไฟฟำ้
กระแสไฟฟ้ามี 2 ชนดิ ได้แก่
1. ไฟฟา้ กระแสตรง (Direct Current = D.C) หมายถงึ กระแสไฟฟ้าท่ีไหลในทิศทางเดียว
ไม่มีการสลบั ขัว้ เชน่ กระแสไฟฟ้าที่ได้จากถา่ นไฟฉาย แบตเตอรีร่ ถยนต์

ภาพที่ 6 ไฟฟา้ กระแสตรง
ท่ีมา : https://www.pinterest.com/

2. ไฟฟา้ กระแสสลบั (Alternating Cureent = A.C) หมายถึง กระแสไฟฟ้าทีไ่ หลวนสลบั
ทิศทางไปมาอยูต่ ลอดเวลา เชน่ กระแสไฟฟ้าทส่ี ่งมาจากโรงไฟฟ้า

ภาพท่ี 7 ไฟฟา้ กระแสสลบั
ท่ีมา : https://www.pinterest.com/

15

พลังงานไฟฟ้า : ประจไุ ฟฟา้ และกระแสไฟฟ้า

บตั รกจิ กรรม เรอ่ื ง กำรเกดิ ไฟฟ้ำสถิต

กลุม่ ท.่ี .................................ช้ัน...........................

สมำชกิ กลุ่ม

1......................................................... ประธาน 5..........................................................

2.......................................................... เลขา 6..........................................................

3.......................................................... 7 ..........................................................

4........................................................... 8..........................................................

วัตถุประสงค์

1. อธบิ ายการเกดิ ไฟฟา้ สถิตได้

2. อธบิ ายการเคลือ่ นทขี่ องประจุไฟฟ้าได้

3. อธบิ ายสมบัติของประจุไฟฟา้ ได้

วสั ดุ - อปุ กรณ์

1. หวี 5. ลกู โปง่

2. ผ้าสกั หลาด 6. เส้ือไนลอน หรอื เสอ้ื ไหมพรม

3. เศษกระดาษ 7. เคร่ืองเป่าผม

4. ไมบ้ รรทัดพลาสตกิ 8. โทรทัศน์

หมำยเหตุ อุปกรณ์การทดลองสามารถดัดแปลงไดข้ นึ้ อยู่กบั ความพรอ้ มทางดา้ นอุปกรณ์การทดลอง

วิธีกำรปฏบิ ตั กิ ิจกรรม
- หวแี มเ่ หลก็ นาหวีถูกบั ผ้าสักหลาดแล้วยน่ื เขา้ ไป

ใกลก้ ับเศษกระดาษชนิ้ เลก็ ๆ

- ลูกโปง่ จอมหนึบ นาลกู โป่งไปถูกบั ผา้ สักหลาด
แลว้ นาลกู โปง่ ไปแตะกบั ฝาผนงั

- ไมบ้ รรทัดมหัศจรรย์ เปดิ นา้ ใหไ้ หลเปน็ สาย
แล้วนาไม้บรรทดั พลาสตกิ ท่ถี ดู ว้ ยผา้ เข้าไปใกลส้ ายนา้

16

พลังงานไฟฟ้า : ประจไุ ฟฟ้าและกระแสไฟฟา้

- เสอื้ แสนกล ใหส้ วมเส้อื ไนลอน (หรอื เสือ้ ไหมพรม)
แล้วใช้เคร่อื งเป่าผมเปา่ ลมรอ้ นไปบนเสือ้ แล้วรบี ถอดออกทนั

- โทรทัศน์ปะทุ ยนื่ น้วิ เขา้ ไปใกลจ้ อโทรทศั นท์ เ่ี พงิ่ ปิดใหม่ ๆ

ตำรำงบันทึกผลกำรปฏิบัติกจิ กรรม

กำรทดลอง ผลกำรทดลอง
หวแี ม่เหล็ก
ลกู โปง่ จอมหนีบ
ไม้บรรทัดมหศั จรรย์
เส้อื แสนกล
โทรทัศนป์ ะทุ

คำถำมหลงั กำรปฏบิ ัติกิจกรรม
1. จากกิจกรรม เกดิ แรงกระทาตอ่ วตั ถุหรอื ไม่ อย่างไร
………………………………………………………………………………………………………………………………...………………
………………………………………………………………………………………………………………………………...………………
2. แรงดงึ ดูดกนั และแรงผลกั กันจากกจิ กรรมการทดลอง เกดิ จากอะไร และมลี ักษณะอย่างไร
………………………………………………………………………………………………………………………………...………………
………………………………………………………………………………………………………………………………...………………
สรุปผลกำรปฏบิ ตั ิกิจกรรม
………………………………………………………………………………………………………………………………...………………
………………………………………………………………………………………………………………………………...………………
………………………………………………………………………………………………………………………………...………………
………………………………………………………………………………………………………………………………...………………
………………………………………………………………………………………………………………………………...………………
………………………………………………………………………………………………………………………………...………………
………………………………………………………………………………………………………………………………...………………

17

พลังงานไฟฟ้า : ประจุไฟฟา้ และกระแสไฟฟา้

เฉลย บตั รกจิ กรรม เร่อื ง กำรเกดิ ไฟฟำ้ สถติ

วตั ถุประสงค์

1. อธบิ ายการเกดิ ไฟฟา้ สถติ ได้

2. อธิบายการเคลอื่ นทข่ี องประจไุ ฟฟ้าได้

3. อธบิ ายสมบตั ขิ องประจไุ ฟฟ้าได้

วัสดุ - อุปกรณ์

1. หวี 5. ลกู โปง่

2. ผา้ สักหลาด 6. เส้อื ไนลอน หรือเสอื้ ไหมพรม

3. เศษกระดาษ 7. เคร่ืองเป่าผม

4. ไม้บรรทัดพลาสติก 8. โทรทัศน์

หมำยเหตุ อปุ กรณ์การทดลองสามารถดัดแปลงไดข้ นึ้ อยู่กับความพรอ้ มทางดา้ นอุปกรณก์ ารทดลอง

วิธีกำรปฏบิ ัตกิ ิจกรรม
- หวีแม่เหลก็ นาหวีถกู บั ผา้ สักหลาดแล้วยน่ื เข้าไป

ใกลก้ ับเศษกระดาษชน้ิ เลก็ ๆ

- ลกู โปง่ จอมหนึบ นาลูกโปง่ ไปถูกบั ผ้าสกั หลาด
แลว้ นาลกู โป่งไปแตะกบั ฝาผนงั

- ไมบ้ รรทดั มหัศจรรย์ เปดิ นา้ ใหไ้ หลเปน็ สาย
แลว้ นาไมบ้ รรทดั พลาสตกิ ทถ่ี ดู ว้ ยผา้ เขา้ ไปใกลส้ ายน้า

- เสือ้ แสนกล ให้สวมเสอื้ ไนลอน (หรอื เส้ือไหมพรม)
แลว้ ใชเ้ คร่ืองเป่าผมเปา่ ลมร้อนไปบนเสื้อแลว้ รบี ถอดออกทนั

- โทรทัศน์ปะทุ ยื่นนิ้วเข้าไปใกลจ้ อโทรทัศนท์ ่ีเพง่ิ ปิดใหม่ ๆ

18

พลังงานไฟฟ้า : ประจไุ ฟฟา้ และกระแสไฟฟา้
ตำรำงบนั ทกึ ผลกำรปฏิบตั กิ จิ กรรม

กำรทดลอง ผลกำรทดลอง
หวแี ม่เหล็ก เศษกระดาษจะติดกบั หวี
ลกู โปง่ จอมหนีบ ลูกโป่งจะตดิ กับฝาผนงั
ไมบ้ รรทัดมหัศจรรย์ สายนา้ จะไหลเปน็ เส้นโคง้ บริเวณที่ใกลก้ ับไมบ้ รรทดั
เสอ้ื แสนกล ขนในรา่ งกายจะตดิ เสอื้
โทรทัศนป์ ะทุ นิ้วจะมีแรงดูดบรเิ วณจอโทรทศั น์

คำถำมหลังกำรปฏบิ ัติกิจกรรม
1. จากกจิ กรรมเกิดแรงกระทาตอ่ วตั ถหุ รอื ไม่ อยา่ งไร

เกดิ แรงดงึ ดดู และแรงผลกั กันระหว่างวัตถุ 2 ชนิดท่เี สยี ดสกี นั
2. แรงดึงดดู กันและแรงผลักกนั จากกจิ กรรมการทดลอง เกดิ จากอะไร และมลี กั ษณะอย่างไร

เกดิ จากการเสียดสีกันของวัตถุ 2 ชนดิ มาถูกันทาใหเ้ กดิ ประจุไฟฟ้า ประจุไฟฟ้าเหมอื นกัน
จะมีแรงดึงดูดกัน ประจไุ ฟฟา้ ต่างกันจะมีแรงผลกั กัน

สรุปผลกำรปฏิบัติกิจกรรม
ไฟฟา้ สถิตเกิดจากการนาวตั ถุสองชนดิ มาถกู นั จะทาใหเ้ กดิ ประจุไฟฟ้าเคลอ่ื นท่ี วัตถุหน่ึง

จะแสดงประจุไฟฟา้ บวก สว่ นอีกวตั ถหุ นงึ่ จะแสดงประจุไฟฟ้าลบ เมอ่ื วัตถุ 2 ชนิดมีประจเุ หมอื นกัน
จะเกดิ แรงดงึ ดูดกันระหว่างวัตถุ 2 ชนดิ เช่น เศษกระดาษตดิ หวี ลูกโปง่ ติดฝาผนัง ขนในรา่ งกายตดิ เสอ้ื
และเมอื่ วัตถุ 2 ชนดิ มีประจตุ ่างกนั จะผลกั กัน เชน่ สายน้าจะไหลเป็นเสน้ โคง้ ห่างไมบ้ รรทัดบรเิ วณที่
ใกลก้ ับไม้บรรทัด

19

พลังงานไฟฟ้า : ประจไุ ฟฟา้ และกระแสไฟฟ้า

แบบฝกึ หดั เร่อื ง ประจไุ ฟฟ้ำและกระแสไฟฟำ้

คำชแี้ จง ใหน้ ักเรียนนาอกั ษรหน้าข้อความทส่ี ัมพนั ธ์กนั เติมหน้าขอ้ คาถามทก่ี าหนดให้

ก โปรตอน ข อิเล็กตรอน ค นิวตรอน

ง อานาจไฟฟ้าบวก จ ไฟฟา้ สถิต ฉ ไฟฟ้ากระแส

ช ไฟฟ้ากระแสตรง ซ ไฟฟา้ กระแสสลบั ฌ ธาลีส

ญ เบนจามนิ แฟรงคลนิ ฎ ฟ้าแลบ ฟ้าผ่า ฟ้ารอ้ ง

............... 1. ประจไุ ฟฟา้ ไมเ่ คลอื่ นที่

............... 2. กระแสไฟฟา้ ที่ไหลวนสลบั ทศิ ทางไปมาตลอดเวลา

............... 3. ประจบุ วก

............... 4. วัตถุมจี านวนโปรตอนมากกว่าจานวนอเิ ลก็ ตรอน

............... 5. อย่ทู ่แี กนกลางหรือนิวเคลียสของอะตอม

............... 6. ประจุไฟฟ้ามีการเคลอื่ นที่

............... 7. เคล่อื นทีว่ นรอบ ๆ นวิ เคลยี ส

............... 8. กระแสไฟฟ้าทไี่ ด้จากถ่านไฟฉาย

............... 9. นักวิทยาศาสตร์ท่คี น้ พบไฟฟา้ สถติ ในบรรยากาศ

............... 10. ปรากฏการณท์ ่ีแสดงวา่ มีไฟฟา้ สถติ ในบรรยากาศ

20

พลังงานไฟฟ้า : ประจุไฟฟา้ และกระแสไฟฟา้

แบบทดสอบหลงั เรียนชดุ ท่ี 1 เรื่อง ประจุไฟฟำ้ และกระแสไฟฟำ้

คำช้แี จง ให้นักเรยี นเลอื กคาตอบทถี่ ูกตอ้ งที่สดุ แลว้ ทาเครอ่ื งหมายกากบาท (X) ลงในช่องวา่ งทีต่ รงกบั

อกั ษรทเี่ ลือกในกระดาษคาตอบ

1. กระแสไฟฟา้ เกดิ จากการเคลอ่ื นทขี่ องสง่ิ ใด

ก. อิเล็กตรอน, นิวตรอน ข. โปรตอน, นวิ ตรอน

ค. โปรตอน, อเิ ลก็ ตรอน ง. เฉพาะอะตอมทเ่ี คล่อื นที่

2. วตั ถุท่ีสูญเสียอิเล็กตรอนใหก้ บั วตั ถอุ นื่ วตั ถนุ นั้ จะแสดงอานาจไฟฟา้ ตามข้อใด

ก. อานาจไฟฟา้ ลบ ข. อานาจไฟฟา้ บวก

ค. สภาพเป็นกลาง ง. แสดงอานาจท้งั บวกและลบสลับกนั

3. จากข้อ 1 – 4 ขอ้ ความตอ่ ไปนี้ ขอ้ ใดกล่าวถูกตอ้ ง

1. ประจุไฟฟ้าชนดิ เดียวกันจะดูดกัน

2. ประจุไฟฟา้ ต่างชนิดกันจะดดู กัน

3. ประจุไฟฟ้าชนดิ เดียวกันจะผลกั กนั

4. อนภุ าคทมี่ ีประจุไฟฟา้ จะดูดอนภุ าคทไ่ี มม่ ปี ระจุไฟฟ้า

ก. ขอ้ 1, 2 และ 3 ข. ขอ้ 2, 3 และ 4

ค. ขอ้ 1, 3 และ 4 ง. ข้อ 1, 2, 3 และ 4

4. ข้อใดกล่าวไม่ถกู ตอ้ ง

ก. ประจไุ ฟฟ้าประกอบด้วยโปรตอนเป็นขวั้ บวกและอิเล็กตรอนเป็นขว้ั ลบ

ข. ประจไุ ฟฟ้าชนดิ เดยี วกันจะดดู กันส่วนประจไุ ฟฟา้ ตา่ งชนิดกันจะผลกั กนั

ค. อนภุ าคท่ีมปี ระจไุ ฟฟา้ จะดูดอนุภาคทีไ่ มม่ ีประจไุ ฟฟา้

ง. อะตอมของธาตุทเี่ ปน็ กลางจะมจี านวนโปรตอนเทา่ กบั จานวนอเิ ลก็ ตรอน

5. การไหลของกระแสไฟฟา้ เปรยี บไดก้ บั การเคลอ่ื นที่ในข้อใดไดด้ ีทสี่ ุด

ก. ควันไฟ ข. ลมพัดฝนุ่

ค. น้าในแมน่ ้า ง. คลื่นในทะเล

6. กาหนดขอ้ มลู ดงั นี้

A = ประจไุ ฟฟา้ บวก B = ประจไุ ฟฟ้า C = อิเล็กตรอน

D = อะตอม E = นวิ ตรอน

กระแสไฟฟา้ เกิดจากการเคลอ่ื นทข่ี องสง่ิ ใด

ก. A, B, C ข. A, C, D

ค. D, E, C ง. B, D, E

21

พลังงานไฟฟ้า : ประจไุ ฟฟา้ และกระแสไฟฟา้

7. ทศิ ทางการไหลของกระแสไฟฟ้าเปน็ ไปตามขอ้ ใด

ก. ไหลจากขว้ั ไฟฟ้าบวกไปขั้วไฟฟา้ ลบ

ข. ไหลไปทศิ ทางเดียวกบั การเคลื่อนที่ของประจไุ ฟฟา้ บวก

ค. ไหลสวนทางกับทิศการเคลอ่ื นทีข่ องประจไุ ฟฟา้ ลบ

ง. ถูกทกุ ข้อ

8. ข้อใดกล่าวถกู ต้องเกีย่ วกบั การเกิดไฟฟา้ สถติ

ก. ไฟฟ้าสถิตเกดิ จากการเคลอ่ื นยา้ ยถา่ ยโอนอเิ ล็กตรอนจากวัสดหุ นง่ึ ไปวัสดุหนง่ึ

ข. ไฟฟา้ สถิตเกิดจากการเคลื่อนยา้ ยถ่ายโอนโปรตอนจากวสั ดุหนึ่งไปวสั ดุหนงึ่

ค. ไฟฟา้ สถติ เกิดจากการเคลอื่ นย้ายถ่ายโอนนิวตรอนจากวสั ดุหนึ่งไปวัสดุหนงึ่

ง. ไมม่ ีข้อถกู

9. คากลา่ วในขอ้ ใดไมถ่ ูกต้อง

ก. กระแสไฟฟ้าไมไ่ ด้เกิดขน้ึ จริง เป็นเพยี งกระแสสมมติเทา่ นนั้

ข. อิเล็กตรอนจะไหลจากข้วั ที่ศักยไ์ ฟฟา้ ต่ากว่าผ่านตวั นาไปยังข้วั ทม่ี ีศักย์ไฟฟา้ สูงกวา่

ค. ทิศทางการไหลของกระแสสมมตจิ ะไหลสวนทางกับอเิ ล็กตรอน

ง. ไฟฟ้าท่ีส่งตามสายมาใช้ตามบา้ นเรอื นจดั เป็นไฟฟา้ กระแสตรง

10. ไฟฟา้ กระแสตรงและไฟฟา้ กระแสสลบั นน้ั มีความแตกตา่ งกันในเรอื่ งใด

ก. ทิศทางการไหล ข. ความเขม้ ของแสง

ค. แหลง่ กาเนิดไฟฟา้ ง. ปรมิ าณกระแสไฟฟา้

22

พลังงานไฟฟ้า : ประจุไฟฟา้ และกระแสไฟฟ้า

กระดำษคำตอบแบบทดสอบหลงั เรยี นชดุ ท่ี 1 เรอื่ ง ประจไุ ฟฟ้ำและกระแสไฟฟ้ำ

ช่ือ – นำมสกุล ..................................................................... ชน้ั .................. เลขที่.....................

ข้อ ก ข ค ง
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10

สู้ๆ นะคะ

23

พลังงานไฟฟ้า : ประจุไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้า

แบบบนั ทกึ คะแนนชดุ ที่ 1 เร่ือง ประจไุ ฟฟ้ำและกระแสไฟฟำ้

ชุดท่ี 5 กฎแรงดงึ ดูดระหวำ่ งมวลของนวิ ตนั

เครื่องมอื คะแนน รอ้ ยละ ผลกำรประเมิน
ผ่ำน ไม่ผำ่ น
แบบฝึกหัด เตม็ ได้
แบบทดสอบหลงั เรียนชุดท่ี 1 10
10
รวม 20

เกณฑ์กำรผ่ำน ต้องได้คะแนนในแต่ละแบบฝกึ หดั และแบบทดสอบหลงั เรยี น รอ้ ยละ 80 ขน้ึ ไป

ผา่ นเกณฑ์
แลว้ เย้ๆ

24

พลงั งานไฟฟา้ : ประจุไฟฟ้าและกระแสไฟฟา้

ภาคผนวก

25

พลังงานไฟฟ้า : ประจุไฟฟา้ และกระแสไฟฟ้า

เฉลย แบบทดสอบกอ่ น-หลังเรียนชดุ ท่ี 1 เรอ่ื ง ประจไุ ฟฟำ้ และกระแสไฟฟำ้

เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรียน

1. ค 2. ข 3. ก 4. ข 5. ค
6. ก 7. ง 8. ก 9. ง 10. ข

เฉลยแบบทดสอบหลงั เรียน

1. ค 2. ข 3. ข 4. ข 5. ค
6. ก 7. ง 8. ก 9. ง 10. ก

26

พลังงานไฟฟา้ : ประจุไฟฟ้าและกระแสไฟฟา้

เฉลย แบบฝกึ หดั เรอ่ื ง ประจไุ ฟฟ้ำและกระแสไฟฟำ้

คำชีแ้ จง ให้นาอกั ษรหนา้ ข้อความทส่ี มั พนั ธก์ นั เตมิ หน้าข้อคาถามทก่ี าหนดให้

ก โปรตอน ข อิเลก็ ตรอน ค นวิ ตรอน

ง อานาจไฟฟ้าบวก จ ไฟฟ้าสถติ ฉ ไฟฟา้ กระแส

ช ไฟฟา้ กระแสตรง ซ ไฟฟา้ กระแสสลับ ฌ ธาลีส

ญ เบนจามนิ แฟรงคลนิ ฎ ฟา้ แลบ ฟ้าผ่า ฟา้ ร้อง

....... จ........1. ประจไุ ฟฟ้าไม่เคล่อื นที่

........ซ........2. กระแสไฟฟา้ ทไี่ หลวนสลบั ทิศทางไปมาตลอดเวลา

........ก........3. ประจุบวก

........ง.........4. วตั ถุมจี านวนโปรตอนมากกว่าจานวนอเิ ลก็ ตรอน

........ฌ........5. นกั วิทยาศาสตรท์ ่ีคน้ พบไฟฟ้าสถติ เปน็ คนแรก
........ฉ.........6. ประจุไฟฟ้ามีการเคล่อื นที่

........ข.........7. เคลือ่ นทว่ี นรอบ ๆ นวิ เคลียส

........ช.........8. กระแสไฟฟา้ ทไี่ ดจ้ ากถา่ นไฟฉาย

........ญ........9. นกั วทิ ยาศาสตรท์ ่คี น้ พบไฟฟา้ สถติ ในบรรยากาศ

........ฎ........10. ปรากฏการณ์ท่ีแสดงวา่ มีไฟฟา้ สถิตในบรรยากาศ

27

พลังงานไฟฟา้ : ประจไุ ฟฟา้ และกระแสไฟฟา้

เอกสำรอ้ำงอิง

กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. หลักสูตรกำรศกึ ษำขน้ั พ้นื ฐำน พุทธศักรำช 2551. กรงุ เทพฯ :
โรงพมิ พช์ มุ นุมสหกรณ์การเกษตรแหง่ ประเทศไทย, 2551.

กระทรวงศึกษาธิการ. กำรวัดและประเมนิ ผลอิงมำตรฐำนกำรเรียนรู้ ตำมหลักสตู ร
กำรศกึ ษำขั้นพ้ืนฐำน พทุ ธศกั รำช 2551 กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้วิทยำศำสตร์.
กรุงเทพฯ : องคก์ ารรบั สง่ สนิ คา้ และพสั ดภุ ัณฑ์, 2551.

บัญชา แสนทวแี ละคณะ. 2551. คมู่ อื ครู แผนจดั กำรเรียนร้วู ทิ ยำศำสตร์ ช้นั มธั ยมศกึ ษำปีที่ 3
เลม่ 2. พมิ พค์ ร้ังที่ 1. กรงุ เทพฯ : วฒั นาพานิช, 2551.

ประดบั นาคแก้วและคณะ. หนงั สอื เรยี นสำระกำรเรยี นรวู้ ทิ ยำศำสตร์ ชน้ั มัธยมศกึ ษำปที ่ี 3.
กรุงเทพฯ : สานักพิมพ์แม็ค จากดั , 2551.

พมิ พนั ธ์ เดชะคุปต์และคณะ. ชดุ กจิ กรรมพัฒนำกำรคดิ วิทยำศำสตร์ ชนั้ มัธยมศกึ ษำปีที่ 3
เลม่ 2. กรงุ เทพฯ : สานกั พิมพ์ บรษิ ทั พฒั นาคุณภาพวิชาการ (พว.) จากัด, 2556.

ภาพประจุไฟฟา้ . [ออนไลน]์ ทมี่ า : https://roongtiwa.wordpress.com/
[วันท่ี 28 เมษายน 2557]

ภาพนักปราชญช์ าวกรีกชื่อ ธาลสี แหง่ เมอื งมเิ ลตลุ . [ออนไลน์] ที่มา :
http://online.benchama.ac.th/science/learning/sci/pra_website2/pan5.htm

ภาพการเกดิ ไฟฟ้าสถิต. [ออนไลน]์ ทีม่ า :
http://online.benchama.ac.th/science/learning/sci/pra_website2/pan5.htm
[วนั ที่ 28 เมษายน 2557]

ภาพปรากฏการณ์ธรรมชาติฟ้าแลบ ฟ้าร้อง. [ออนไลน]์ ท่ีมา :
http://www.dlf.ac.th/dltv/dltv-uploads/libs/html/161/electricity/test/test.htm
[วนั ที่ 28 เมษายน 2557]

ภาพนกั วทิ ยาศาสตรช์ าวอเมริกนั เบนจามิน แฟรงคลนิ . [ออนไลน]์ ทม่ี า :
http://online.benchama.ac.th/science/learning/sci/pra_website2/pan5.htm
[วันที่ 28 เมษายน 2557]

ภาพไฟฟ้ากระแสตรงและกระแสสลับ. [ออนไลน]์ ท่มี า :
https://www.pinterest.com/pisitpromsorn/

ศรีลักษณ์ ผลวฒั นะและคณะ. ไฟฟำ้ . พมิ พค์ รัง้ ที่ 1. กรงุ เทพฯ : หจก.สามญั นิตบิ ุคคล นิยมวทิ ยา
(แผนกการพมิ พ)์ , 2548.

28

พลังงานไฟฟา้ : ประจุไฟฟา้ และกระแสไฟฟ้า

สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี. หนงั สือเรยี นรำยวิชำพ้นื ฐำน
วทิ ยำศำสตร์ ชน้ั มัธยมศกึ ษำปที ่ี 3 เลม่ 1. กรุงเทพฯ : สกสค. ลาดพรา้ ว, 2551.

สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. กำรวัดผล
ประเมินผลวิทยำศำสตร์. กรงุ เทพฯ : บริษทั ซีเอ็ดยเู คชัน จากดั , 2555.

สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี. คู่มือครูรำยวชิ ำพ้นื ฐำนวทิ ยำศำสตร์
ชั้นมธั ยมศกึ ษำปีที่ 3 เลม่ 1. กรงุ เทพฯ : สกสค. ลาดพร้าว, 2557.


Click to View FlipBook Version