ก
บทคัดย่อ
โครงงานน้ีมจี ุดประสงค์เพ่ือสารวจสมุนไพรท่มี ีอยู่ในท้องถิน่ ตาบลนนทรยี ์ รวบรวมและจัดทาทาเนียบ
สือ่ E-BOOK สมุนไพรไทยในท้องถิ่น ผลการสารวจสมุนไพรในพื้นที่ หมู่ ๑ บ้านนนทรีย์ ตาบลนนทรีย์ อาเภอ
บ่อไร่ จังหวัดตราด จานวนบ้าน ๑๑ หลัง พบว่ามีพืชสมุนไพรท่ีปลูกจานวน ๑๕ ชนิด ได้แก่ ข่า ตะไคร้
กะเพรา มะกรูด ขม้ิน กระชาย ไพร ย่ีหรา่ พริกปา่ พระยานาคราชไคร้หางนาค ม้ากระทืบโรง เปล้าน้อย ว่าน
แสงอาทิตย์ และกระเสริม ซ่ึงพืชสมุนไพรแต่ละชนิดล้วนมีคุณค่า มีประโยชน์แก่ร่างกาย และควรอนุรักษ์สืบ
ทอดแกค่ นร่นุ หลังต่อไป เพอื่ ไม่ใหส้ ญู หาย
ข
กติ ติกรรมประกาศ
โครงงานวิทยาศาสตร์ เร่ืองสมุนไพรบ้านฉัน ไม่ไกล ไม่ไกล ก็รู้ สาเร็จลุล่วงไปด้วยดีก็เพราะได้รับการ
สนับสนุนและช่วยเหลือต่างๆจาก คุณครูลูกน้า มูลโชติ และนางอิศราภรณ์ ทักษิณ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ ๑ บ้าน
นนทรีย์ ท่ีให้ความช่วยเหลือ คาปรึกษาและคาแนะนาตลอดระยะเวลาของการดาเนินงานตามจุดประสงค์
ของโครงงานทไ่ี ด้กาหนดไว้
ดงั นน้ั คณะผจู้ ัดทาขอขอบพระคุณท่านท่ีใหค้ วามชว่ ยเหลอื ดูแลเอาใจใส่ และให้คาปรึกษาเปน็ อย่างดยี ิ่ง
คณะผู้จัดทา
สารบัญ
บทคดั ยอ่ ก
กติ ติกรรมประกาศ ข
บทที่ ๑ บทนา ๑
บทที่ ๒ เอกสาร/ทฤษฎี/หลักการท่เี กย่ี วขอ้ ง ๒
บทท่ี ๓ วิธดี าเนินงาน ๕
บทท่ี ๔ ผลการศกึ ษาค้นควา้ ๖
บทที่ ๕ สรุปผลและอภปิ รายผล ๗
บรรณานกุ รม
๑
บทท่ี ๑
บทนา
๑.๑ ท่ีมาและความสาคัญของโครงงาน
ในปัจจุบัน คนเร่ิมหันมาให้ความสนใจกับสมุนไพรไทยกันมากขึ้น ด้วยสรรพคุณที่โดดเด่น ประกอบ
ราคาไม่แพง และย่ิงช่วงทม่ี ีการระบาดของเช้ือโรคโควิด 19 ทาใหห้ ลายคนหันมาหาวิธีป้องกันตัวเองด้วยการ
เลือกใช้สมุนไพรไทย โดยเฉพาะพืชสมุนไพรที่ใช้ในการรักษาหรือบรรเทาอาการโรคไข้หวัดต่างๆ หรือพืช
สมุนไพรทช่ี ่วยเสรมิ สร้างภูมิคุ้มกันสาหรับเช้ือไวรสั โควิด – 19 ซึ่งการรกั ษาในรูปแบบของแพทยแ์ ผนไทย โดย
ทาการรักษาด้วยการปรับสมดุลของร่างกาย มีการใช้พืชสมุนไพรและอาหารเป็นหลัก เช่น การเลือก
รบั ประทาน “อาหารเปน็ ยา” ซงึ่ นบั เป็นหลกั การในการปอ้ งกนั ตนเองในขั้นต้น
จากเหตุผลข้างต้นทาให้กลุ่มผู้จัดทาโครงงานคิดที่จะทาการสารวจและรวบรวมรายชื่อสมุนไพร
พ้ืนบ้านที่มีอยู่ในชุมชนตาบลนนทรีย์ เพ่ือจัดทาทาเนียบส่ือ E-BOOK สมุนไพรไทยในท้องถ่ินตาบลนนทรีย์
เพือ่ ให้ผทู้ ส่ี นใจไดศ้ ึกษาคน้ ควา้ และเพอื่ เปน็ การอนรุ ักษ์สมนุ ไพรนใ้ี ห้อยู่ต่อไปในชมุ ชนของเรา
๑.๒ วัตถุประสงค์
๑) เพื่อสารวจสมุนไพรที่มีอยู่ในท้องถิ่นตาบลนนทรีย์
๒) เพื่อรวบรวมสมุนไพรไทยที่มอี ยู่ในท้องถ่นิ ตาบลนนทรยี ์
๓) เพอ่ื จัดทาทาเนยี บสื่อ E-BOOK สมนุ ไพรไทยในท้องถิ่นตาบลนนทรยี ์
๑.๓ ขอบเขตของโครงงาน
หมู่ ๑ บา้ นนนทรีย์ ตาบลนนทรยี ์ อาเภอบ่อไร่ จงั หวัดตราด
๑.๔ ผลที่คาดว่าจะได้รับ
ได้ทาเนียบสมุนไพรในชมุ ชน หมู่ ๑ บา้ นนนทรีย์ ตาบลนนทรยี ์ อาเภอบ่อไร่ จงั หวัดตราด สาหรับผู้ท่ี
สนใจศึกษาคน้ คว้า
๒
บทท่ี ๒
เอกสาร/ทฤษฎี/หลกั การที่เก่ียวขอ้ ง
คานยิ ามศัพท์
๑. สมนุ ไพร
ความหมาย
คาว่า สมุนไพร ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 หมายถึง พืชที่ใช้ทาเป็นเครื่อง
ยา สมุนไพรกาเนิดมาจากธรรมชาติและมีความหมายต่อชีวิตมนุษย์โดยเฉพาะ ในทางสุขภาพ อันหมายถึงทั้ง
การส่งเสรมิ สุขภาพและการรกั ษาโรค ความหมายของยาสมุนไพรในพระราชบัญญตั ิยา พ.ศ. 2510 ได้ระบุว่า
ยาสมุนไพร หมายความว่า ยาทไ่ี ดจ้ ากพฤกษาชาตสิ ตั วห์ รือแรธ่ าตุ ซ่งึ มิไดผ้ สมปรุงหรือแปรสภาพ เช่น พืชก็ยัง
เปน็ ส่วนของราก ลาต้น ใบ ดอก ผล ฯลฯ ซง่ึ มไิ ดผ้ ่านข้ันตอนการแปรรูปใด ๆ แต่ในทางการคา้ สมุนไพรมกั จะ
ถูกดัดแปลงในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ถูกหั่นให้เป็นชิ้นเล็กลง บดเป็นผงละเอียด หรืออัดเป็นแท่งแต่ในความรู้สึก
ของคนทว่ั ไปเม่อื กลา่ วถึงสมุนไพร มกั นกึ ถึงเฉพาะตน้ ไม้ท่ีนามาใชเ้ ปน็ ยาเท่านนั้
ลักษณะ
พืชสมุนไพร นั้นต้ังแต่โบราณก็ทราบกันดีว่ามีคุณค่าทางยามากมายซึ่ง เช่ือกันอีกด้วยวา่ ต้นพืชต่าง ๆ
ก็เปน็ พชื ทม่ี สี ารท่ีเป็นตวั ยาดว้ ยกันทัง้ สิ้นเพยี งแต่ว่าพืชชนดิ ไหนจะมีคุณค่าทางยามากน้อยกว่ากันเทา่ น้ัน
พืชสมุนไพร หรอื วัตถุธาตนุ ี้ หรือตวั ยาสมุนไพรน้ี แบ่งออกเปน็ 5 ประการ ดังน้ี
รปู ไดแ้ ก่ ใบไม้ ดอกไม้ เปลอื กไม้ แก่นไมก้ ระพี้ไม้ รากไม้ เมลด็
สี มองแล้วเหน็ ว่าเปน็ สเี ขียวใบไม้ สีเหลอื ง สแี ดง สีส้ม สมี ว่ ง สนี า้ ตาล สดี า
กล่ิน ให้รูว้ ่ามีกลนิ่ หอม เหม็น หรือกลิ่นอยา่ งไร
รส ใหร้ ้วู ่ามีรสอย่างไร รสจืด รสฝาด รสขม รสเค็ม รสหวาน รสเปรี้ยว รสเย็น
ชื่อ ต้องรู้ว่ามีชื่ออะไรในพืชสมุนไพรน้ัน ๆ ให้รู้ว่า ขิงเป็นอย่างไร ข่า เป็นอย่างไร ใบขี้เหล็กเป็น
อย่างไร
พืชสมุนไพร แบง่ ตามลักษณะประเภทไมไ้ ด้ดังน้ี
ประเภทไมล้ ม้ ลุก เช่น ฟ้าทะลายโจร ขิง ขมนิ้ วา่ นหางจระเข้ หญา้ ปกั ก่ิง แมงลกั ว่านนา้
ประเภทไม้พุ่ม เช่น พญายอ กระเจีย๊ บแดง เสลดพังพอนตัวผู้ มะแว้งต้น หญ้าหนวดแมว ทองพันชั่ง
ประเภทไมต้ น้ เช่น สะเดา ขเ้ี หล็ก อบเชย กานพลู มะขามแขก การบูร ฝรงั่
ประเภทไมเ้ ถา เชน่ มะแวง้ เครือ บอระเพ็ด บัวบก พลู อญั ชัน หางไหลแดง
๓
๒. สอ่ื E-BOOK
ความหมายของหนังสืออเิ ล็กทรอนิกส์ หรือ e-Book มผี ู้ให้ความหมายไว้หลากหลาย ดังน้ี
“อบี ุ๊ค” (e-book, e-Book, eBook, EBook,) เปน็ คาภาษาต่างประเทศ ยอ่ มาจากคาว่า electronic
book หมายถึง หนังสือที่สร้างข้ึนด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์มีลักษณะเป็นเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ โดยปกติ
มักจะเป็นแฟ้มข้อมูลท่สี ามารถอ่านเอกสารผ่านทางหน้าจอคอมพวิ เตอร์ท้ังในระบบออฟไลน์และออนไลน์
คุณลักษณะของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์สามารถเชื่อมโยงจุดไปยังส่วนต่างๆ ของหนังสือ เว็บไซต์ต่างๆ
ตลอดจนมีปฏิสัมพันธ์และโต้ตอบกับผู้เรียนได้ นอกจากนั้นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์สามารถแทรกภาพ เสียง
ภาพเคล่ือนไหว แบบทดสอบ และสามารถส่ังพิมพ์เอกสารท่ีต้องการออกทางเคร่ืองพิมพ์ได้อีกประการหนึ่งที่
สาคญั ก็คือ หนังสอื อิเล็กทรอนกิ ส์สามารถปรบั ปรงุ ข้อมูลให้ทนั สมัยได้ตลอดเวลา ซ่ึงคณุ สมบัติเหล่าน้ีจะไม่มใี น
หนงั สือธรรมดาทวั่ ไป
สานักเทคโนโลยีเพ่ือการเรียนการสอน สานักงานคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพื้นฐาน (website
http://203.146.15.11) ให้ความหมายว่า “e-Book หมายถึง หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ท่ีผู้อ่านสามารถอ่าน
ผ่านทางอินเตอรเ์ น็ตหรอื อุปกรณ์อเิ ล็กทรอนิกส์พกพาอื่น ๆ ได้ ซึ่งมีความหมายรวมถึงเนือ้ หาทีถ่ ูกดัดแปลงอยู่
ในรูปที่สามารถแสดงผลออกมาได้โดยเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ แต่ก็ให้มีลักษณะการนาเสนอที่สอดคล้องและ
คลา้ ยคลึงกับการอา่ นหนงั สือทัว่ ๆ ไปในชีวติ ประจาวัน แต่มีลกั ษณะพเิ ศษคือ สะดวกและรวดเร็วในการค้นหา
และผู้อ่านสามารถ อ่านพร้อม ๆ กัน ได้โดยไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายหน่ึงส่งคืนห้องสมุดเช่นเดียวกับหนังสือใน
ห้องสมุด ท่ัว ๆ ไป”
Tech Encyclopedia (1999 : 1) ได้ให้ความหมายของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ในฐานะที่เป็น
ฮาร์ดแวร์ ว่าเป็นอุปกรณ์ฉบับกระเป๋าท่ีสามารถแสดงข้อมูลที่อยู่ในรูปอิเล็กทรอนิกส์ได้ สามารถจัดทาสาเนา
ได้ทาบุ๊คมาร์คและทาหมายเหตุประกอบได้ ซึ่งสอดคล้องกับ Electronic Book- Webopedia Definition
(1999 : 1) ว่า เป็นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ฉบับกระเปา๋ พกพาสะดวกด้วยน้าหนักเพียงเล็กน้อย เก็บข้อมูลได้
ถงึ 4,000 หนา้ กระดาษ การเปิดพลิกหน้า
พ๊อกเก๊ตบุ๊คให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับการเปิดหนังสือจริง สามารถทาแถบสว่าง (Highlight) ทาหมาย
เหตุประกอบ ค้นหาคา และสร้างบุ๊คมาร์คได้ e-Book (http://th.wikipedia.org)คือหนังสือที่เก็บอยู่ใน
รูปแบบของอิเล็กทรอนิกส์ หรือเก็บไว้อยู่ในแบบของไฟล์ โปรแกรม ส่วนมากท่ีเข้าใจกันคือ หนังสือที่เก็บใน
อุปกรณ์อิเลก็ ทรอนิกส์โดยไม่ต้องใช้กระดาษ และมกี ารสร้างจากคอมพิวเตอร์ และสามารถอ่านได้จากอุปกรณ์
อิเล็กทรอนิกส์อย่างคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค PDA(Personal Digital Assistant) Palm และ PocketPC หรือ
แม้กระทัง่ อ่านไดจ้ ากโทรศัพท์มอื ถือ
อาจกล่าวได้ว่า e-Book หมายถึง หนังสือหรือเอกสารที่จัดทาข้ึนด้วยระบบคอมพิวเตอร์สามารถอ่าน
ไดด้ ว้ ยอปุ กรณ์อิเลก็ ทรอนิกส์ เช่น คอมพิวเตอร์ โทรศัพทม์ อื ถือ และอปุ กรณ์อเิ ลก็ ทรอนิกส์อ่นื ๆ สามารถอ่าน
ได้ทั้งในระบบออนไลน์และออฟไลน์
๔
ความแตกต่างของหนังสอื อิเลก็ ทรอนกิ ส์ (e-Book) กับหนังสอื ทั่วไป
ความแตกตา่ งของหนังสือทง้ั สองประเภทจะอยูท่ ีร่ ปู แบบของการสร้าง การผลติ และการใช้งาน เช่น
1) หนังสอื ทวั่ ไปใชก้ ระดาษ หนงั สืออเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ไม่ใชก้ ระดาษ
2) หนังสือทั่วไปมีข้อความและภาพประกอบธรรมดา หนังสืออิเล็กทรอนิกส์สามารถสร้างให้มี
ภาพเคลือ่ นไหวได้
3) หนงั สอื ทัว่ ไปไมม่ ีเสียงประกอบ หนังสอื อิเลก็ ทรอนิกสส์ ามารถใสเ่ สยี งประกอบได้
4) หนังสื่อท่ัวไปแก้ไขปรับปรุงได้ยาก หนังส่ืออิเล็กทรอนิกส์สามารถแก้ไขและปรับปรุงข้อมูล
(update)ไดง้ ่าย
5) หนังสือทั่วไปสมบูรณ์ในตัวเอง หนังสืออิเล็กทรอนิกส์สามารถสร้างจุดเชื่อมโยง (links) ออกไป
เช่อื มต่อกับข้อมูลภายนอกได้
6) หนังสือทัว่ ไปต้นทนุ การผลิตสูง หนังสืออเิ ล็กทรอนกิ สต์ ้นทนุ ในการผลิตหนังสือตา่ ประหยัด
7) หนังสือท่ัวไปมขี ีดจากัดในการจัดพิมพ์ หนังสอื อิเล็กทรอนิกส์ไม่มีขีดจากัดในการจัดพิมพ์ สามารถ
ทาสาเนาไดง้ า่ ยไมจ่ ากดั
8) หนังสือท่ัวไปเปิดอ่านจากเล่ม หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ต้องอ่านด้วยโปรแกรม ผ่านทางหน้า
จอคอมพิวเตอร์
9) หนังสือท่ัวไปอ่านได้อย่างเดียว หนังสืออิเล็กทรอนิกส์นอกจากอ่านได้แล้วยังสามารถส่ังพิมพ์
(print) ได้
10) หนังสือท่ัวไปอ่านได้ 1 คนต่อหนึ่งเล่ม หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ 1 เล่ม สามารถอ่านพร้อมกันได้
จานวนมาก (ออนไลน์ผ่านอนิ เทอร์เนต็ )
11) หนังสือท่ัวไปพกพาลาบาก (ต้องใช้พื้นที่) หนังสืออิเล็กทรอนิกส์พกพาสะดวกได้คร้ังละจานวน
มากในรูปแบบของไฟล์คอมพวิ เตอร์ ใน Handy Drive หรอื CD
12) หนงั สอื อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์เป็นนวัตกรรมทีเ่ ป็นมิตรกบั ส่ิงแวดลอ้ ม
๕
บทท่ี ๓
วิธีการดาเนนิ งาน
วิธีดาเนนิ การ
๑. ประชมุ งานวางแผนเกยี่ วกับการจัดทาโครงงาน
๒. ศึกษาขอ้ มลู เกยี่ วกับการจัดทาโครงงานประเภทสารวจ
๓. วางแผนและออกแบบแบบสารวจทีจ่ ะเกบ็ ข้อมูลสมุนไพรในชมุ ชน
๔. ติดตอ่ ประสานงานผูใ้ หญบ่ ้านเพือ่ รวบรวมข้อมลู สมุนไพรในชุมชน
๕. นาขอ้ มูลท่ไี ด้มารวบรวมเป็นทาเนยี บสมนุ ไพรในชุมชน
๖. ศึกษาข้อมลู การจดั ทาสื่อ E-BOOK
๗. จัดทาสื่อ E-BOOK
๘. สรปุ ผลการจดั ทาโครงงาน
แหล่งที่มาของข้อมูล
๑. เว็บไซต์ สบื ค้นข้อมลู ตา่ งๆเกี่ยวกบั การจดั ทาโครงงาน
๒. ส่อื บคุ คล ที่ทาการสารวจข้อมูลการปลูกสมนุ ไพร หมู่ ๑ บ้านนนทรยี ์ ตาบลนนทรีย์ อาเภอบ่อไร่
จังหวดั ตราด
วธิ ีการศึกษาเกบ็ รวบรวมข้อมูล
ท่ี ขัน้ ตอนการปฏิบตั ิ ระยะเวลา ผู้รับผิดชอบ
๑ ประชุมงานวางแผนเกีย่ วกับการจดั ทาโครงงาน ๑ ก.ค. ๒๕๖๔ นางสาวศริ พิ ร ศิรเิ ทศ
๒ ศึกษาขอ้ มูลเกย่ี วกบั การจดั ทาโครงงานประเภท ๑ ก.ค. ๒๕๖๔ นางสาวกรกช ไลไธสงค์
สารวจ นางสาวมลฤดี มูลโชติ
๓ วางแผนและออกแบบแบบสารวจทจี่ ะเกบ็ ข้อมลู ๑ ก.ค. ๒๕๖๔ นางสาวศริ พิ ร ศริ เิ ทศ
สมุนไพรในชมุ ชน
๔ ติดต่อประสานงานผใู้ หญบ่ า้ นเพ่อื รวบรวมข้อมลู ๒ ก.ค. ๒๕๖๔ นางสาวศริ พิ ร ศิรเิ ทศ
สมนุ ไพรในชุมชน นางสาวกรกช ไลไธสงค์
นางสาวมลฤดี มลู โชติ
๕ นาข้อมูลทไ่ี ด้มารวบรวมเป็นทาเนียบสมนุ ไพรใน ๕-๙ ก.ค. ๒๕๖๔ นางสาวกรกช ไลไธสงค์
ชมุ ชน
๖ ศกึ ษาข้อมูลการจดั ทาสอื่ E-BOOK ๑๒ ก.ค. ๒๕๖๔ นางสาวมลฤดี มลู โชติ
๗ จดั ทาสื่อ E-BOOK ๑๔ ก.ค. ๒๕๖๔ นางสาวมลฤดี มูลโชติ
๘ สรปุ ผลการจัดทาโครงงาน ๑๔ ก.ค. ๒๕๖๔ นางสาวศิริพร ศริ ิเทศ
นางสาวกรกช ไลไธสงค์
นางสาวมลฤดี มูลโชติ
๖
บทท่ี ๔
ผลการศึกษาค้นคว้า
จากการสารวจข้อมูลสมนุ ไพรในชุมชน หมู่ ๑ บ้านนนทรีย์ ตาบลนนทรยี ์ อาเภอบ่อไร่ จงั หวัดตราด
ไดข้ ้อมลู ดังน้ี
ท่ี ชอื่ -สกุล ทีอ่ ยู่ สมุนไพรท่ีปลกู
๑ นายอนนั ต์ ปกคลุม ๑๑ ม.๑ ต.นนทรยี ์ ข่า ตะไคร้ มะนาว มะกรดู
๒ นางนมิ ติ อนิ ออ่ น ๒๙ ม.๑ ต.นนทรีย์ ขา่ ตะไคร้ ขมิน้ กะเพรา กระชาย
๓ นายมณฑล แสงภา ๑๒/๒ ม.๑ ต.นนทรีย์ ขมิ้น ตะไคร้ ขม้ิน กะเพรา มะกรดู
๔ นางบังอร ตุงคะเทพี ๑๒/๓ ม.๑ ต.นนทรีย์ ขา่ ตะไคร้ ไพร ขม้นิ หวั เปราะ
๕ นายสมหมาย คามะนาง ๑๔๐ ม.๑ ต.นนทรยี ์ ข่า ตะไคร้ พญานาคราช
ไครห้ างนาค พริกปา่
๖ นายระพีพัฒน์ ปกคลุม ๓๔/๑ ม.๑ ต.นนทรีย์ ขา่ ตะไคร้
๗ นางผ้งึ ผิวขาว ๔๘/๔ ม.๑ ต.นนทรีย์ ข่า ตะไคร้ วา่ นแสงอาทติ ย์
๘ นางอมั พร กงิ่ ข่อยกลาง ๓๔/๓ ม.๑ ต.นนทรยี ์ ข่า ตะไคร้ มะกรูด
๙ นายสุรยิ า พนั ธพ์ านชิ ๓๔/๒ ม.๑ ต.นนทรยี ์ ขา่ ตะไคร้ มะกรูด
๑๐ นางจนั ทรแ์ รม ปกคลุม ๑๓๙ ม.๑ ต.นนทรยี ์ ข่า ตะไคร้
๑๑ นายทองแดง พนั ธ์ชุ ยั ๓ ม.๑ ต.นนทรีย์ ขา่ ตะไคร้ มะกรดู ยห่ี ร่า ขมิ้น
กระเสริม
และได้จดั ทาทาเนยี บสมุนไพรในชุมชนตาบลนนทรีย์ เปน็ สอ่ื E-BOOK รายละเอียดดงั นี้
คิวอาร์โคด้ ทาเนยี บสมนุ ไพรในชมุ ชน
๗
บทท่ี ๕
สรปุ ผลและอภิปรายผล
โครงงานนมี้ ีจุดประสงค์เพื่อสารวจสมนุ ไพรที่มีอยู่ในท้องถ่ินตาบลนนทรีย์ รวบรวมและจัดทาทาเนียบ
สอ่ื E-BOOK สมุนไพรไทยในท้องถิน่ ผลการสารวจสมุนไพรในพ้ืนท่ี หมู่ ๑ บ้านนนทรีย์ ตาบลนนทรีย์ อาเภอ
บ่อไร่ จังหวัดตราด จานวนบ้าน ๑๑ หลัง พบว่ามีพืชสมุนไพรที่ปลูกจานวน ๑๕ ชนิด ได้แก่ ข่า ตะไคร้
กะเพรา มะกรูด ขม้ิน กระชาย ไพร ย่ีหร่า พริกป่า พระยานาคราชไคร้หางนาค ม้ากระทืบโรง เปล้าน้อย ว่าน
แสงอาทติ ย์ และกระเสรมิ
ประโยชน์
ได้ทาเนียบสมุนไพรในชุมชน หมู่ ๑ บา้ นนนทรีย์ ตาบลนนทรีย์ อาเภอบ่อไร่ จังหวัดตราด สาหรบั ผู้ท่ี
สนใจศึกษาคน้ ควา้
ข้อเสนอแนะ
ควรสารวจใหค้ ลอบคลมุ ทุกหมบู่ า้ น
บรรณานกุ รม
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%84
%E0%B8%9E%E0%B8%A3
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%84%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%AA
%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%99%E0%B8%B2
https://sites.google.com/site/ebookrps02/re/1-khwam-hmay-khxng-e-book
ภาคผนวก
ประชุมงานวางแผนเก่ียวกับการจัดทาโครงงาน ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการจัดทาโครงงานประเภท
สารวจ วางแผนและออกแบบแบบสารวจท่ีจะเก็บข้อมูลสมุนไพรในชุมชน ติดต่อประสานงานผู้ใหญ่บ้านเพื่อ
รวบรวมขอ้ มลู สมนุ ไพรในชมุ ชน
ข้อมูลท่ีได้จากการสารวจพืชสมุนไพรที่ปลูกในครัวเรือน จากผู้ใหญ่บ้าน หมู่ ๑ บ้านนนทรีย์ โดยการ
ประสานงานออนไลน์ เนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา ทาให้ไม่สามารถลงไป
สารวจในพ้นื ท่ไี ด้
ข้อมูลท่ีได้จากการสารวจพืชสมุนไพรที่ปลูกในครัวเรือน จากผู้ใหญ่บ้าน หมู่ ๑ บ้านนนทรีย์ โดยการ
ประสานงานออนไลน์ เนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา ทาให้ไม่สามารถลงไป
สารวจในพ้นื ท่ไี ด้
การประสานงานออนไลน์ เก่ียวกับการจดั ทาโครงงาน เนื่องจากสถานการณ์แพรร่ ะบาดของโรคตดิ
เช้อื ไวรสั โคโรนา ทาใหไ้ มส่ ามารถมารวมกลุ่มกนั ได้