The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

6.(ok)ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ประถม,ม.ต้น

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ebooktrat, 2020-07-09 12:23:48

6.(ok)ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ประถม,ม.ต้น

6.(ok)ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ประถม,ม.ต้น

บทที่ 6

ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ

ธรรมชำติ

1. การเกดิ ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ

1.1 เมฆ (Clouds) “เมฆ” เป็นไอน้ำที่ลอยตวั อยใู่ นอำกำศ เม่ือไดร้ ับควำมร้อนจำกดวงอำทิตยก์ จ็ ะลอยตวั
สูงข้ึนจนไปกระทบกบั มวลอำกำศเยน็ ท่ีอยดู่ ำ้ นบนทำใหก้ ลน่ั ตวั เป็ นละอองน้ำขนำดเล็กและเม่ือละอองน้ำ
เหล่ำน้นั รวมตวั กนั ก็จะเป็ นเมฆ ตวั อยำ่ งกำรเกิดเมฆท่ีเห็นไดช้ ดั ไดแ้ ก่ “คอนเทรล” ซ่ึงเป็ นเมฆที่สร้ำงข้ึน
โดยฝี มือมนุษย์ เมื่อเคร่ืองบินไอพ่นบินอยใู่ นระดบั สูงเหนือระดบั ควบแน่นไอน้ำซ่ึงอยใู่ นอำกำศ ร้อนท่ีพน่
ออกมำจำกเคร่ืองยนต์ ปะทะเขำ้ กบั อำกำศเยน็ ซ่ึงอยภู่ ำยนอก เกิดกำรควบแน่นเป็นหยดน้ำ โดยกำรจบั ตวั กบั
เขม่ำควนั จำกเคร่ืองยนตซ์ ่ึงทำหนำ้ ท่ีเป็นแกนควบแน่น เรำจึงมองเห็นควนั เมฆสีขำว ถูกพ่นออกมำทำงทำ้ ย
ของเคร่ืองยนต์เป็ นทำงยำว ในกำรสร้ำงฝนเทียมก็เช่นกนั เคร่ืองบินทำกำรโปรย สำรเคมี “ซิลเวอร์ไอโอ
ไดด”์ เพอื่ ทำหนำ้ ท่ีเป็นแกนควบแน่นใหไ้ อน้ำในอำกำศมำจบั ตวั และควบแน่น

1 เมฆท่ีเกิดข้ึนในธรรมชำติมี 2 ลกั ษณะ คือ เมฆกอ้ น และเมฆแผ่น เรำเรียกเมฆกอ้ นว่ำ “เมฆคิวมูลสั ”
และเรียกเมฆแผ่นว่ำ “เมฆสเตรตสั ” หำกเมฆกอ้ นลอยชิดติดกนั เรำนำชื่อท้งั สองมำรวมกนั และเรียกว่ำ
“เมฆสเตรโตคิวมูลสั ” ในกรณีที่เป็นเมฆฝน เรำจะเพ่ิมคำวำ่ “นิมโบ” หรือ “นิมบสั ” ซ่ึง แปลวำ่ “ฝน” เขำ้ ไป
เช่น เรำเรียกเมฆกอ้ นที่มีฝนตกวำ่ “เมฆคิวมโู ลนิมบสั ” และเรียกเมฆแผน่ ที่มีฝนตก วำ่ “เมฆนิมโบสเตรตสั ”
เรำแบ่งเมฆตำมระดบั ควำมสูงเป็น 3 ระดบั คือ เมฆช้นั ต่ำ เมฆช้นั กลำง และ เมฆช้นั สูง
ประเภทของเมฆ นกั อตุ ุนิยมวิทยำ แบ่งเมฆท้งั สิบชนิดออกเป็น 4 ประเภท ดงั น้ี
1. เมฆช้นั สูง เป็นเมฆท่ีก่อตวั ท่ีระดบั ควำมสูงมำกกวำ่ 6 กิโลเมตร
2. เมฆช้นั กลำงเป็นเมฆท่ีก่อตวั ข้ึนจำกหยดน้ำหรือผลึกน้ำแขง็ อยทู่ ่ีระดบั ควำมสูงจำกพ้ืนดิน
2 - 6 กิโลเมตร
3. เมฆช้นั ต่ำ เป็นเมฆท่ีเกิดข้ึนท่ีระดบั ควำมสูงจำกพ้ืนดินไม่เกิน 2 กิโลเมตร
4. เมฆก่อตวั ในแนวต้งั เป็นเมฆท่ีอยสู่ ูงจำกพ้นื ดินต้งั แต่ 500 - 20,000 เมตร
1.2 หมอก หมอกเกิดจำกกลนั่ ตวั ของไอน้ำในอำกำศ เม่ือไปกระทบกับควำมเย็นจะเปล่ียนสถำนะ
ควบแน่นเป็นละอองน้ำ คลำ้ ยควนั สีขำว ลอยติดพ้ืนดิน
1.3 น้าค้าง น้ำค้ำงเป็ นหยดน้ำขนำดเล็กเกำะติดพ้ืนดินหรือต้นไม้ เกิดจำกกำรควบแน่นของไอน้ำ
บนพ้ืน ผวิ ของวตั ถุ ซ่ึงมีกำรแผร่ ังสีออกจนกระทงั่ อณุ หภูมิลดต่ำลงกวำ่ จุดน้ำคำ้ งของอำกำศ
1.4 ฝน คือ ไอน้ำท่ีกลน่ั ตวั เป็นหยดน้ำ แลว้ ตกลงมำบนพ้นื ผวิ โลก ซึงเป็นรูปแบบหน่ึงของกำรตกลงมำ
จำกฟ้ำของน้ำนอกจำกฝนแลว้ ยงั มีกำรตกลงมำในรูป หิมะ เกลด็ น้ำแขง็ ลูกเห็บ น้ำคำ้ ง

1.5 ลูกเห็บ คือ หยดน้ำที่กลำยสภำพเป็ นน้ำแข็ง เกิดจำกมวลอำกำศร้อนท่ีลอยตวั สูงข้ึนพดั พำเม็ดฝน
ลอยข้ึนไปปะทะกบั มวลอำกำศเยน็ ท่ีอยดู่ ำ้ นบน ทำใหเ้ มด็ ฝนจบั ตวั กลำยเป็นน้ำแขง็

1.6 ลม (Wind) คือ มวลของอำกำศที่เคล่ือนที่ไปตำมแนวรำบ กระแสอำกำศที่เคลื่อนที่ ในแนวนอน
ส่วนกระแสอำกำศคือ อำกำศที่เคล่ือนที่ในแนวต้งั กำรเรียกช่ือลมน้นั เรียกตำมทิศทำงท่ีลม น้นั ๆ พดั มำ เช่น
ลมที่พดั มำจำกทิศเหนือเรียกวำ่ ลมเหนือ และลมท่ีพดั มำจำกทิศใตเ้ รียกวำ่ ลมใต้ เป็นตน้
การเกดิ ลม สำเหตุเกิดลม คือ

1. ควำมแตกต่ำงของอุณหภูมิ
2. ควำมแตกต่ำงของหยอ่ มควำมกดอำกำศ
ชนดิ ของลม ลมแบ่งออกเป็นชนิดต่ำง ๆ คือ

- ลมประจำปี หรือลมประจำภูมิภำค เช่น ลมสินคำ้
- ลมประจำฤดู เช่น ลมมรสุมฤดูร้อน และลมมรสุมฤดูหนำว
- ลมประจำเวลำ เช่น ลมบก ลมทะเล
- ลมท่ีเกิดจำกกำรแปรปรวนหรือลมพำยุ เช่น พำยฝุ นฟ้ำคะนอง พำยหุ มนุ เขตร้อน

ผลของปรากฏการณ์ทางลมฟ้าอากาศท่ีมีต่อมนุษย์และส่ิงแวดล้อม

2 ประโยชน์ของปรากฏการณ์ทางลมฟ้าอากาศ
1. กำรเกิดลมจะช่วยใหเ้ กิดกำรไหลเวยี นของบรรยำกำศ
2. กำรเกิดลมสินคำ้
3. กำรเกิดเมฆและฝน
4. กำรเกิดลมประจำเวลำ

ผลกระทบและภัยอนั ตราย
1. ผลกระทบจำกอิทธิพลของลมมรสุม เช่น น้ำทว่ ม น้ำท่วมฉบั พลนั
2. ผลกระทบจำกอิทธิพลของลมพำยุ เช่น ตน้ ไมล้ ม้ ทบั คล่ืนสูงในทะเล
ปรากฏการณ์ธรรมชาติ คือ กำรเปลี่ยนแปลงของธรรมชำติ ท้งั ในระยะยำวและระยะส้นั สภำพแวดลอ้ ม
ของโลกเปล่ียนแปลงไปตำมเวลำ ท้งั เป็นระบบและไม่เป็นระบบ เป็นสิ่งที่อยรู่ อบตวั เรำ มนั ส่งผลกระทบต่อ
สิ่งมีชีวิตในธรรมชำติ
การจาแนกมวลอากาศโดยใชอ้ ณุ หภูมิเป็นเกณฑ์

1.1. มวลอำกำศอนุ่ (Warm Air mass) เป็นมวลอำกำศที่มีอุณหภูมิสูงกวำ่ อณุ หภูมิของอำกำศ
ผวิ พ้ืนที่มวลอำกำศเคล่ือนที่ผำ่ นมกั มีแนวทำงกำรเคล่ือนที่จำกละติจูดต่ำไปยงั บริเวณละติจูดสูงข้ึนไป
ใชส้ ญั ลกั ษณ์แทนดว้ ยตวั อกั ษร " W " 1.2 มวลอำกำศเยน็ (Cold Air mass) เป็นมวลอำกำศที่มีอุณหภูมิต่ำ
กวำ่ อณุ หภูมิผวิ พ้ืนที่มวลอำกำศเคล่ือนที่ผำ่ น เป็นมวลอำกำศท่ีเคล่ือนที่จำกบริเวณละติจูดสูงมำยงั บริเวณ
ละติจูดต่ำ ใชส้ ัญลกั ษณ์ แทนดว้ ยอกั ษรตวั " K " มำจำกภำษำเยอรมนั คือ " Kalt " แปลวำ่ เยน็

1.7. พายุหมุน พำยุหมุนเกิดจำกศูนยก์ ลำงควำมกดอำกำศต่ำ ทำให้บริเวณโดยรอบศูนยก์ ลำงควำม
กดอำกำศต่ำซ่ึงก็คือ ควำมกดอำกำศสูงโดยรอบจะพดั เขำ้ หำศูนยก์ ลำงควำมกดอำกำศต่ำ ขณะเดียวกนั
ศูนยก์ ลำงควำม กดอำกำศต่ำจะลอยตวั สูงข้ึน และเยน็ ลงดว้ ยอตั รำอะเดียเบติก เรำสำมำรถแบ่งพำยุหมุน
ออกเป็น 3 กลุ่ม ดงั น้ี

- พำยหุ มุนนอกเขตร้อน พำยหุ มนุ นอกเขตร้อน หมำยถึง พำยหุ มุนที่เกิดข้ึนในเขตละติจูดกลำงและ
เขตละติจูดสูง

- พำยุ ทอร์นำโด (Tornado) พำยทุ อร์นำโด เป็นพำยขุ นำดเลก็ แตม่ ีควำมรุนแรงมำกที่สุด มกั เกิดใน
ประเทศสหรัฐอเมริกำ

- พำยหุ มุนเขตร้อน พำยหุ มุนเขตร้อน เป็นพำยหุ มุนท่ีเกิดข้ึนในเขตร้อนบริเวณเสน้ ศูนยส์ ูตรระหวำ่ ง
8 - 12 องศำ เหนือและใต้ โดยมำกมกั เกิดบริเวณพ้นื ทะเลและมหำสมทุ รที่มีอณุ หภูมิของน้ำสูงกวำ่ 27 องศำ
เซลเซียส

พายุฝนฟ้าคะนอง (Thunderstorm) พำยฝุ นฟ้ำคะนอง หมำยถึง อำกำศท่ีมีฝนตกหนกั มีฟ้ำแลบฟ้ำร้อง
เป็นฝนที่เกิดจำกกำรพำ ควำมร้อน มีลมพดั แรง เกิดอยำ่ งกระทนั หนั และยตุ ิลงทนั ทีทนั ใด พำยฝุ นฟ้ำคะนอง
เกิดจำกกำรที่อำกำศ ไดร้ ับควำมร้อนและลอยตวั สูงข้ึนและมีไอน้ำในปริมำณมำกพอ

3 ข้นั ตอนกำรเกิดพำยฝุ นฟ้ำคะนอง
- ระยะกำรเกิดเมฆคิวมูลสั (Cumulus Stage) หรือข้นั ก่อตวั
- ระยะกำรเกิดพำยุ (Mature Stage) ระยะน้ีพำยจุ ะเร่ิมพดั เกิดกระแสอำกำศจมตวั ลมเน่ืองจำกฝนตก
ลงมำจะดึงเอำมวลอำกำศใหจ้ มตวั ลงมำดว้ ย
- ระยะสลำยตวั (Dissipating Stage) เป็นระยะสุดทำ้ ยเม่ือศูนยก์ ลำงพำยจุ มตวั ลงใกลพ้ ้ืนดิน
ร่องมรสุม (Monsoon Trough) เกิดจำกแนวควำมกดอำกำศต่ำ ทำให้เกิดฝนตกซ่ึงเป็ นลกั ษณะอำกำศ
ของประเทศไทย แนวร่องควำมกดอำกำศต่ำจะอยใู่ นแนวทิศตะวนั ตก และทิศตะวนั ออก ร่องมรสุมจะมีกำร
เปลี่ยนแปลง ตำแหน่งตำมกำรเคล่ือนท่ีของดวงอำทิตย์

ฝนกรด กำรเผำผลำญน้ำมนั เช้ือเพลิงจะส่งผลให้ก๊ำซซัลเฟอร์ไดออกไซด์และไนโตรเจน ออกไซด์
เกิดข้ึน ก๊ำซเหล่ำน้ีจะลอยสูงข้ึนในช้นั บรรยำกำศจำกโรงงำนอุตสำหกรรม โรงผลิตไฟฟ้ำ ยำนพำหนะและ
แพร่กระจำยลงในน้ำ ซ่ึงจะระเหยเป็นเมฆและรวมตวั กนั เป็นกรดตกลงมำ เรียกวำ่ ฝนกรด

ภัยพิบัติ หมำยถึง เหตุกำรณ์ทีอำจเกิดจำกธรรมชำติ หรือเกิดจำกกำรกระทำของมนุษยท์ ่ีอำจเกิดข้ึน
ปัจจุบนั ทนั ด่วนหรือคอ่ ยๆ เกิดมีผลต่อชุมชนหรือประเทศชำติ ภยั พบิ ตั ิอำจเป็นไดท้ ้งั เหตุกำรณ์ ที่เกิดข้ึนตำม
ธรรมชำติ เช่น อุทกภยั หรือเป็นเหตุกำรณ์ท่ีมนุษยก์ ระทำข้ึน เช่น กำรแพร่กระจำยของสำรเคมี เป็นตน้

แบบทดสอบ

คาชี้แจง ใหผ้ เู้ รียนเลือกคำตอบที่ถูกตอ้ งที่สุด

1. เหตุกำรณ์ใดทำใหเ้ กิดปรำกฏกำรณ์ฟ้ำร้อง ฟ้ำแลบ และฟ้ำผำ่
ก. ฝนตก
ข. น้ำท่วม
ค. แผน่ ดินไหว
ง. ปรำกฏกำรณ์เรือนกระจก

2. ปรำกฏกำรณ์ใดที่จำเป็นต่อกำรดำรงชีวติ ของมนุษยม์ ำก
ก. ฝน
ข. ฟ้ำผำ่
ค. ฟ้ำร้อง
ง. ฟ้ำแลบ

3. ปรำกฏกำรณ์ท่ีแผน่ เปลือกโลกเกิดกำรสน่ั สะเทือนเน่ืองมำจำกกำรเล่ือนตวั ของแผน่ เปลือกโลก คือ

4 ปรำกฏกำรณ์ใด
ก. ดินถล่ม
ข. แผน่ ดินไหว
ค. ภเู ขำไฟระเบิด
ง. ปฏิกิริยำเรือนกระจก
4. สำเหตุสำคญั ท่ีทำใหเ้ กิดสภำพมลพิษทำงอำกำศในกรุงเทพมหำนครคืออะไร
ก. กำรจรำจรท่ีติดขดั มำก
ข. โรงงำนอตุ สำหกรรมต่ำง ๆ
ค. อำคำรบำ้ นเรือน และตึกสูง ๆ
ง. กำรใชโ้ ฟมและถุงพลำสติกใส่อำหำร
5. เรำจะช่วยรักษำสภำพแวดลอ้ มทำงธรรมชำติไดอ้ ยำ่ งไร
ก. ไม่ฆ่ำสตั วใ์ นวนั พระ
ข. ไม่ใชน้ ้ำในแม่น้ำลำคลอง
ค. ไม่เล้ียงสตั วใ์ นบริเวณบำ้ น
ง. ไม่ทิ้งขยะลงในแม่น้ำลำคลอง

เฉลย

ขอ้ 1.เหตุกำรณ์ใดทำใหเ้ กิดปรำกฏกำรณ์ฟ้ำร้อง ฟ้ำแลบ และฟ้ำผำ่
ขอ้ ก ถูก หำกผเู้ รียนตอบขอ้ น้ี แสดงวำ่ ผเู้ รียนมีควำมเขำ้ ใจในวธิ ีกำรที่ถูกตอ้ ง
ขอ้ ข ผดิ หำกผเู้ รียนตอบขอ้ น้ี แสดงวำ่ ผเู้ รียนยงั ไม่เขำ้ ใจในวธิ ีกำรที่ถูกตอ้ ง ควรกลบั ไปทบทวนเน้ือหำ
ขอ้ ค ผดิ หำกผเู้ รียนตอบขอ้ น้ี แสดงวำ่ ผเู้ รียนยงั ไม่เขำ้ ใจในวิธีกำรที่ถูกตอ้ ง ควรกลบั ไปทบทวนเน้ือหำ
ขอ้ ง ผดิ หำกผเู้ รียนตอบขอ้ น้ี แสดงวำ่ ผเู้ รียนยงั ไม่เขำ้ ใจในวธิ ีกำรที่ถูกตอ้ ง ควรกลบั ไปทบทวนเน้ือหำ

ขอ้ 2.ปรำกฏกำรณ์ใดที่จำเป็นต่อกำรดำรงชีวติ ของมนุษยม์ ำก
ขอ้ ก ถูก หำกผเู้ รียนตอบขอ้ น้ี แสดงวำ่ ผเู้ รียนมีควำมเขำ้ ใจในวธิ ีกำรท่ีถูกตอ้ ง
ขอ้ ข ผดิ หำกผเู้ รียนตอบขอ้ น้ี แสดงวำ่ ผเู้ รียนยงั ไม่เขำ้ ใจในวธิ ีกำรท่ีถูกตอ้ ง ควรกลบั ไปทบทวนเน้ือหำ
ขอ้ ค ผดิ หำกผเู้ รียนตอบขอ้ น้ี แสดงวำ่ ผเู้ รียนยงั ไม่เขำ้ ใจในวธิ ีกำรท่ีถูกตอ้ ง ควรกลบั ไปทบทวนเน้ือหำ
ขอ้ ง ผดิ หำกผเู้ รียนตอบขอ้ น้ี แสดงวำ่ ผเู้ รียนยงั ไม่เขำ้ ใจในวิธีกำรที่ถูกตอ้ ง ควรกลบั ไปทบทวนเน้ือหำ

ขอ้ 3.ปรำกฏกำรณ์ทีแผน่ เปลือกโลกเกิดกำรสน่ั สะเทือนเนื่องมำจำกกำรเลื่อนตวั ของแผน่ เปลือกโลก คือ

5 ปรำกฏกำรณ์ใด
ขอ้ ก ผดิ หำกผเู้ รียนตอบขอ้ น้ี แสดงวำ่ ผเู้ รียนยงั ไม่เขำ้ ใจในวธิ ีกำรท่ีถูกตอ้ ง ควรกลบั ไปทบทวนเน้ือหำ
ขอ้ ข ถูก หำกผเู้ รียนตอบขอ้ น้ี แสดงวำ่ ผเู้ รียนมีควำมเขำ้ ใจในวธิ ีกำรท่ีถูกตอ้ ง
ขอ้ ค ผดิ หำกผเู้ รียนตอบขอ้ น้ี แสดงวำ่ ผเู้ รียนยงั ไม่เขำ้ ใจในวิธีกำรที่ถูกตอ้ ง ควรกลบั ไปทบทวนเน้ือหำ
ขอ้ ง ผดิ หำกผเู้ รียนตอบขอ้ น้ี แสดงวำ่ ผเู้ รียนยงั ไม่เขำ้ ใจในวิธีกำรที่ถูกตอ้ ง ควรกลบั ไปทบทวนเน้ือหำ

ขอ้ 4.สำเหตุสำคญั ท่ีทำใหเ้ กิดสภำพมลพิษทำงอำกำศในกรุงเทพมหำนครคืออะไร
ขอ้ ก ถูก หำกผเู้ รียนตอบขอ้ น้ี แสดงวำ่ ผเู้ รียนมีควำมเขำ้ ใจในวธิ ีกำรที่ถูกตอ้ ง
ขอ้ ข ผดิ หำกผเู้ รียนตอบขอ้ น้ี แสดงวำ่ ผเู้ รียนยงั ไม่เขำ้ ใจในวิธีกำรที่ถูกตอ้ ง ควรกลบั ไปทบทวนเน้ือหำ
ขอ้ ค ผดิ หำกผเู้ รียนตอบขอ้ น้ี แสดงวำ่ ผเู้ รียนยงั ไม่เขำ้ ใจในวิธีกำรที่ถูกตอ้ ง ควรกลบั ไปทบทวนเน้ือหำ
ขอ้ ง ผดิ หำกผเู้ รียนตอบขอ้ น้ี แสดงวำ่ ผเู้ รียนยงั ไม่เขำ้ ใจในวิธีกำรท่ีถูกตอ้ ง ควรกลบั ไปทบทวนเน้ือหำ

ขอ้ 5.เรำจะช่วยรักษำสภำพแวดลอ้ มทำงธรรมชำติไดอ้ ยำ่ งไร
ขอ้ ก ผดิ หำกผเู้ รียนตอบขอ้ น้ี แสดงวำ่ ผเู้ รียนยงั ไม่เขำ้ ใจในวธิ ีกำรท่ีถูกตอ้ ง ควรกลบั ไปทบทวนเน้ือหำ
ขอ้ ข ผดิ หำกผเู้ รียนตอบขอ้ น้ี แสดงวำ่ ผเู้ รียนยงั ไม่เขำ้ ใจในวธิ ีกำรที่ถูกตอ้ ง ควรกลบั ไปทบทวนเน้ือหำ
ขอ้ ค ผดิ หำกผเู้ รียนตอบขอ้ น้ี แสดงวำ่ ผเู้ รียนยงั ไม่เขำ้ ใจในวิธีกำรที่ถูกตอ้ ง ควรกลบั ไปทบทวนเน้ือหำ
ขอ้ ง ถูก หำกผเู้ รียนตอบขอ้ น้ี แสดงวำ่ ผเู้ รียนมีควำมเขำ้ ใจในวธิ ีกำรที่ถูกตอ้ ง

มอบหมายกจิ กรรม

1. ใหผ้ เู้ รียนคน้ ควำ้ เน้ือหำเก่ียวกบั ลกั ษณะของ “ลมทะเล” (Sea Breeze) และ “ลมบก” (Land Breeze)
ผำ่ นทำงอินเตอร์เน็ท อยำ่ งนอ้ ย 2 เวบ็ ไซต์
2. ใหผ้ เู้ รียนบนั ทึกเน้ือหำเกี่ยวกบั เมฆระดบั สูงมีก่ีชนิดผำ่ นทำงอินเตอร์เน็ท พร้อมบนั ทึกแหล่งที่มำ
3. ใหผ้ เู้ รียนสรุปเน้ือหำท่ีไดจ้ ากการเรยี นรูใ้ นขอ้ 1 (ไม่เกิน 5 บรรทดั )
4. ใหผ้ เู้ รียนแสดงควำมคิดเห็นวำ่ จำกสำระที่สรุปได้ จะสำมำรถนำมำใชป้ ระโยชนไ์ ดอ้ ยำ่ งไร
5. จำกแนวทำงกำรนำมำใชป้ ระโยชน์ จะส่งเสริมต่อกำรพฒั นำคุณภำพชีวติ ของผเู้ รียนอยำ่ งไรบำ้ ง

ขอให้ผู้เรียนทากจิ กรรมแล้วเขยี นลงบนกระดาษ A4

ถ่ายรูปส่งให้ครูผ่านทาง กล่มุ LINE

6 ให้นักเรียนทุกคนทาแบบประเมิน เมื่อเสร็จสิ้นการเรียนรู้ ตามลงิ้ ค์

https://forms.gle/qLJjCeZWHQUoNr4J9

คณะผู้จัดทา

ทป่ี รึกษา ผอู้ ำนวยกำรสำนกั งำน กศน.จงั หวดั ตรำด
ศึกษำนิเทศก์ สำนกั งำน กศน.จงั หวดั ตรำด
นำยวรรณวจิ กั ษณ์ กศุ ล
นำยสุธี วรประดิษฐ

คณะดาเนนิ งาน ครูผชู้ ่วย กศน.อำเภอคลองใหญ่
ครูอำสำสมคั ร กศน.อำเภอบ่อไร่
นำงสำวสุธีรำ แกลว้ เกษตรกรณ์ ครูอำสำสมคั ร กศน.อำเภอเกำะกูด
นำงสำวกรกช พลสงครำม ครู กศน.ตำบล กศน.อำเภอเขำสมิง
นำงสำวกำญจนำ สงั ขผ์ ำด
นำงจุฑำรัตน์ ปลอ้ งเงิน

คณะบรรณาธิการ ศึกษำนิเทศก์ สำนกั งำน กศน.จงั หวดั ตรำด
หวั หนำ้ กลุ่มส่งเสริมกำรศึกษำตำมอธั ยำศยั
7 นำยสุธี วรประดิษฐ สำนกั งำน กศน.จงั หวดั ตรำด
นำงสำวสุประวีณ์ กลีบสมุทร นกั วิชำกำรศึกษำ สำนกั งำน กศน.จงั หวดั ตรำด
พนกั งำนขบั รถหอ้ งสมุดเคลื่อนที่
นำงสำววรรณภสั สร ศรีสวำ่ งวรกลุ สำนกั งำน กศน.จงั หวดั ตรำด
นำยอคั รพล เรียเตม็

ผู้ออกแบบปก พนกั งำนขบั รถหอ้ งสมุดเคลื่อนท่ี

นำยอคั รพล เรียเตม็

ผู้ควบคุมการดาเนินงาน

นำยสุธี วรประดิษฐ ศึกษำนิเทศก์ สำนกั งำน กศน.จงั หวดั ตรำด
นำงสำวสุประวณี ์ กลีบสมุทร
หวั หนำ้ กลุ่มส่งเสริมกำรศึกษำตำมอธั ยำศยั
สำนกั งำน กศน.จงั หวดั ตรำด

8


Click to View FlipBook Version